พลังเอกภพยูเรอัส

ยอดเยี่ยมเลยครับ อ่านแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก ชื่อของ อ.ชุม เขาอ้อฟังคุ้นๆหูแอะ เขาอ้อ กับวัดเขาอ้อใช่อันเดียวกันหรือเปล่าครับ
ขอบพระคุณครับ คุณ ดาว

 

เขาอ้อ หรือ สำนักเขาอ้อ ปัจจุบัน เป็น วัดเขาอ้อ ครับ
อยู่ที่ จังหวัด พัทลุง
เป็นสถานที่ แหล่ง รวบรวมความรู้ ทั้งด้านธรรม การแพทย์ , สมุนไพรว่านยา , จนถึงคาถาอาคม มาตั้งแต่ ยุคโบราณ
ในยุคแรกๆ น่าจะเป็น ฤษี ก่อน แล้ว ลืบต่อ องค์ความรู้ ต่อ ๆ กันมา จนพระพุทธศานา เข้ามาแพร่หลาย เข้าในดินแดนแห่งนี้ ค่อย กลาย เปลี่ยนเป็น วันใน พระพุทธศาสนาไป ในที่สุด

ปัจจุบันนี้ วัดเขาอ้อ ก็ยังมีอยู่ ยังมี การสืบสาน วิชาการ มาจนถึง เจ้าอาวาสองค์ ปัจจบัน

 

ขอบพระคุณครับ คุณดาวมีความรู้ขว้างขวางและหลายแขนงจัง สุดยอดเลยครับ

 

ภาพวัดเขาอ้อ .........





สถูป บรรจุ อัฐิ ของ บูรพา อาจารย์ ตั้งแต่ยุค อดีต ของสำนักเขาอ้อ

ด้านหลัง เป็น รูปปั้นปูน เป็นรูปเหมือน พระอาจย์ อดีต เจ้าอาวาส วัดเขาอ้อ หลายรูป
ตั้งแต่ พระอาจารย์ ทองเฒ่า จนมาถึง พระอาจารย์ปาน
ชื่อเรียก พระอาจารย์ทองเฒ่า นี้ หากสืบค้น ย้อนไปในอดีต เจ้าอาวาส วัดเขาอ้อหลายท่าน มี นามว่า ทอง เช่นพระอาจารย์ ทองหูยาน ,
คำว่า พระอาจารย์ทองเฒ่า จึง อาจเหมายถึงรวมถึง พระอาจารย์ทอง ( ผู้เฒ่า เก่าแก่ ) ของวัดเขาอ้อ ก็ เป็นได้





ถัดจาก องค์สถูป ของพระอาจารย์ ไปสักหน่อย
จะมี ปากถ้ำ ชื่อว่า ถ้ำฉัตรทัน
ถ้ำฉัตรทัน นี้ เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ของวัด เวลาสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง
มักจะ นำมาปลุกเสก ในถ้ำนี้..... จนเป็นประเพณีปฏิบัติ มาจนถึงปัจจุบัน

กับอีกแห่ง คือ เหนือถ้ำทันฉัตรทัน ขึ้นไป บนยอดเขา

ดังเช่น เมื่อ ปี 2497 ท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี กับพระอาจารย์ สำนักเขาอ้อ
อาจารย์ปาน เจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ (สมัยนั้น) หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน อาจารย์นำ วัดดอนศาลา ( สมัยนั้น ยังเป็นฆารวาสอยู่ ) ฯ
ช่วยกันสร้างพระ ผงบารมี เพื่อ หาทุนบูรณะพระธาตุ นครศรีธรรมราช

ท่านสร้างพระ จนเสร็จ แล้ว นำพระทั้งหมด รวม 84,000 องค์ ปลุกเสก ณ. วัดเขาอ้อ ในถ้าฉัตรทัน นี้ เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน

เสร็จแล้ว จึงนำไป ที่ วัดพระธาตุ นครศรีธรรมราช ปลุกเสก ซ้ำอีก เป็นเวลา 3 เดือน
ตลอดไตรมาส ( เข้าพรรรษา ปี 2497 นั้นเอง )



ปากทางเข้าถ้ำ จะมี พระศิวลี องค์ใหญ่ อยู่หน้าถ้ำ กับรูปพระฤษี
เป็นที่น่าสังเกตว่า
หากไป วัดไหน ก็ตาม ที่ เป็นศิษย์ ในสายของสำนักเขาอ้อ นี้ ก็ มักจะพบ รูปพระศิวลี อยู่ ทุกวัด


ส่วนรูป ฤษี ก็ เป็นเพราะ ในยุคอดี สำนัก เขาอ้อ เป็นสำนัก ของ พระฤษี
จนกระทั้ง พระพุทธศาสนา เข้ามา เจริญรุ่งเรือง ในดินแดน แห่งนี้



พอเดินเข้า ในถ้ำฉัตรทัน อากาศ ออกจะชื้น และเย็น ปากทาง จะพบ รปปั้นพระอาจารย์ ตั้งอยู่
เรียงราย ต่อไปด้วย พระพุทธรูป ไปตลอดแนวถ้ำ

ลึกเข้าไป จนสุด จะเป็นทาง ลาดลง ลดระดับลงไป ต้องใช้บันได พาด ลงไป
บริเวณ สุดถ้ำนี้ ยังมี มณฑลพิธี สร้าง ทิ้งไว้ สำหรับ การปลุกเสกพระเครี่อง ในปัจจุบันนี้

 

อย่างนี้วัดเขาอ้อก็คงจะอายุหลายๆร้อยปีหรืออาจจะเป็นพันปีก็ได้? ดูภาพแล้วรู้สึกว่าวัดเขาอ้อ เป็นวัดเล็กๆในชนบทหรือครับ
ขอบพระคุณครับ

 

(kiss) สืบเนื่องจากมีพี่สาวคนหนึ่งเค้าถามมาค่ะว่า สวดมนต์ 7 คาบเป็นยังงัย HappyJeab ก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละค่ะ ด้วยความอยากรู้เหมือนกันเลยลองไปหาใน Net ดู ได้ความดังนี้ ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะคะ


แบบนับเป็นคาบ

การนับเป็นคาบ เป็นการฝึกสมาธิแบบคนไทยสมัยก่อน ที่สนใจเกี่ยวกับความขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเอาสมาธิ จากการนับเป็นคาบนี้ ไปปลุกเศกวัตถุต่าง ๆ เป็นที่เชื่อถือกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]วิธีการแบบนี้ ท่านใช้หัวใจของธรรมะต่าง ๆ มาเป็นอุปกรณ์ โดยจับเอาแต่เฉพาะตัวหน้าตัวเดียว มารวมเป็นชุดแล้วนับเป็นคาบ เช่น อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ก็ตัดเอาเฉพาะตัวหน้ามา คือ ทุ สะ นิ มะ หรือพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ก็ย่อมาได้ 5 คือ คือ กะ โก กัส โค เม และยังมีคำอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ใครจะชอบธรรมะบทไหน ก็ย่อเอาบทนั้นมาใช้
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]แม้ว่าจะไม่ใช้บทธรรมะ จะใช้คำอื่นๆ ที่เราตั้งหรือผูกขึ้นมาเองก็ใช้ได้ เพราะจุดประสงค์ใหญ่ ก็เพื่อยึดเอามาเป็นอารมณ์ ใช้จิตสงบเท่านั้น มีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ทุ สะ นิ มะ[/FONT]

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เขียนหรือท่องคาถานี้ ให้จำได้แม่นยำก่อน แล้วให้หลับตาว่าเป็นคาบ จัดเป็นเที่ยวได้ 4 เที่ยว คือ [/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เที่ยวที่ 1. ว่า ทุ สะ นิ มะ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เที่ยวที่ 2. ว่า สะ นิ มะ ทุ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เที่ยวที่ 3. ว่า นิ มะ ทุ สะ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]เที่ยวที่ 4. ว่า มะ ทุ สะ นิ [/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ใช้วิธีนับแบบอ่านหนังสือ คือ อ่านจากซ้ายไปขวา หนึ่งเที่ยวก็เลื่อนไปหนึ่งตัว 4 เที่ยวก็ครบรอบจัดว่าเป็น “หนึ่งคาบ” หนึ่งคาบจึงหมายถึงการนับหัวใจของอริยสัจ 4 ได้ 4 เที่ยว[/FONT]

:VO[/FONT]

 

..............................อิ ... อิ

คิดไป ไกล เลย คุณน้อง .........55

สวดมนต์ 7 คาบ
ก็ คือ สวด 7 จบ ...... เท่านั้น แหละ ครับ


ที่ ยกมา ยาว ..................อ่านดู ดี ดี ไม่ เกี่ยวกับ คาบ (หรือ กี่จบ )

แต่ เต้า อธิบาย ต่อ ไป เรื่อง คาถา
ว่าที่ มา เป็นอย่างไร
การย่อ เอา คำต้น มาใช้เป็น หัวใจคาถา ต่างหาก
ส่วนที่ เที่ยวที่ 1 .......2 3 4 นั้น เป็น การ สร้างคาถา แบบ ผูกวน
ไม่ได้ เกี่ยว กับ ความหมาย ว่า คาบ แปลว่าอะไร



คนที่ ถาม ว่า สวดมนต์ 7 คาบ

ก็ แปลตรงๆ ว่า สวดมนต์ 7 จบ ครับผม

 

อุ๊แม่เจ้า ! เข้าใจผิดหรือนี่ ตอบขอบคุณพี่ดาวเป็นอย่างสูงค่ะ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง (f) รู้งี้ถามตั้งนานและหล่ะ

 

เรื่องนี้ ทำให้ เห็นได้ว่า
การค้นหา ความรู้ จาก อินเตอร์เน็ท บางครั้ง ก็ อาจพลาดได้

ที่ผิดพลาดไป ก็ มาจากสาเหตุ
1. ข้อมูลที่ได้มา อาจไม่ถูกตรง หรือตรงความเป็นจริง
( ก็ เค้าเขียน ตามความคิด ของเค้า เราเองต่างหาก ที่ ไป รับของเค้ามา )
2. ข้อมูล อาจจะถูก แต่ คนที่ ค้นหา ไปได้ มา โดยไม่รู้ ว่า ต้นตอ มีความเป็นมายาวแค่ไหน ตัดเอา แต่ ตรงที่ ตนเองสนใจ มา
จึง ได้ ความมาไม่ครบถ้วน จน เป็นเหตให้ เข้าใจ ผิดพลาด

 

วันก่อน มีเพือน เก่าที่ เล่น สะสมพระเครื่อง กันมา ตั้งแต่ เด็กๆ
แวะ มา
วาน ให้ ช่วยถ่ายรูป พระเครื่อง ของเขา ให้ หน่อย

พอเค้าหยิบ ออกมา โอ้ โห ของ ที่ ชอบ ที่ชอบ ทั้งน้าน.......

พระเนื้อชิน นี่ เป็น ของ รัก ของชอบ ของพวกผม
พบเจอะ เจอ ที่ไหน ถ้าราคา ไม่ แพง จนเกินไป ละก้อ
... เป็นอันว่า ..ได้ นิมนต์ กลับมา.....บ้าน เป็นแน่.........55



องค์ นี้เป็นพระเนื้อชินเงิน พระชินนราช กรุบึงพระราม อยุธยา
พระองค์นี้ ยังอยุ่ในสภาพ ที่สวย และสมบูรณ์มาก
ผิวเดิม ขององค์พระ ยังอยุ่ ดี มองเห็นเป็น ปรอทขาว แวววาว
มี จุดที่ เนื้อโลหะ ผุกร่อนบ้าง ระเบิดบ้าง นิดหน่อย
พอให้ ดู พิจารณา ความเก่า ได้ ง่าย และชัดเจน






อีกองค์ หนึ่ง เห็น แล้ว ขนลุก
ของชอบ มากๆ และหา ยาก ยิ่ง แม้นราคา จะไม่แพง นัก

องค์นี้ สภาพสวย สมบูรณ์ ระดับ แชมป์ งานประกวด ได้ทีเดียว




เป็นพระทรงเทริดขนนก กรุวัดมหาธาตุ ลพบุรี
ที่เรียกว่า ทรงเทริดขนนก
เพราะองค์ พระ ท่าน สวมมงกุฏ (ทรงเทริด ) ดูแล้ว คล้ายขนนก

วัดมหาธาตุ ลพบุรี

เป็นที่น่าสังเกตุ ว่า แทบทุกจังหวัดใหญ่ๆ ในประเทศไทย จะมี วัดมหาธาตุ
หรือ วัดพระบรมธาตุ ก็ ความหมายเดียวกัน
คือ วัดที่ มี เจดีย์ บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ นั่นเอง

 

องค์นี้คล้ายพระร่วงนั่งลพบุรีจัง ใช่หรือเปล่าครับ

 

พระร่วงนั่ง ....... จะเรียก ก็ พอได้ ครับ
พระกรุ เมืองลพบุรี ถ้าเป็นพระปาง นั่ง ส่วนมาก เค้า ก็ เรียกพระร่วงนั่ง กัน
แหละ
หากไม่ มี ชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น ก็ ตีเหมา เรียก พระร่วงนั่ง ไว้ก่อน
เป็น วิธี ตั้งชื่อ พิมพ์พระ ของคน ยุดเก่า .... ครับ

แต่ องค์ นี้ สวมหมวกชีโบ เห็นเป็นแฉกๆ ( ได้ศิลป เขมร มา ) ดูคล้าย ขนนก
จึงเรียกว่า พระทรงเทิด ขนนก ครับ เป็น พิมพ์ ที่ หายาก มากๆๆๆๆๆๆๆ
มี ขึ้น ที่ กรุ วัดมหาธาตุ ลพบุรี ที่ เดียว

คนรุ่น หลังๆ คง ไม่ค่อย รู้ ความเป็นมา กัน

ถ้ารู้ ก็ จะ ทราบว่า มีน้อย และ หายากยิ่ง นัก...
ผม เอง ตั้งแต่ เริ่มศึกษาพระเครื่อง มา เจอพระสมเด็จ แท้ๆ บ่อยกว่า พระเทิดขนนก เสียอีก....55

 

ผมเคยเรียนคอร์ท 1-2 ผ่านมาปีกว่าๆ ปฎิบัติเองที่บ้านแล้วอยากจะเรียนต่อคอร์ท 3-4
ขอลงชื่อใว้เลย รบกวนติดต่อกลับผมด้วยครับ

 

รอ ฟังข่าว ว่า อาจารย์ เปิด สอน ระดับ 2 เมื่อไหร่
ลงชื่อ เข้าเรียนได้ เลย ครับ.....

อ้อ
ระดับ 2 สมัยนี้ เป็นเรื่อง กายวิภาค นะครับ
และ ทษฏี ต่างๆ อีกมาก ที่ ระดับ สอง ในสมัยก่อน ไม่ ได้ เรียนรู้ ครับ

 

แฮ่ๆ....ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่องเลย
มาเปิดหูเปิดตาที่นี่ๆิอิอิๆ
:z1

 

โคราชอ่วม ประกาศเขตภัยพิบัติ
ช่วยกันบริจาคเพื่อผู้ที่ติดน้ำนะครับ
(ฝากญาติธรรมทุกท่านกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ช่วยผู้เดือดร้อนให้ญาติธรรม
ที่ท่านรู้จักผ่านทาง
e-mail
facebook;twitter
Hi5
BB
webboardต่างๆที่ท่านติดต่อด้วยนะครับเรื่องเร่งด่วนจริงๆ)
น้ำท่วมดินถล่มเข้าขั้นวิกฤติบริจาค เพื่อช่วยค่าถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยพิบัติทั่วไทยครับ

​

ขณะนี้หลายภาคส่วนของประเทศที่เป็นที่ราบลุ่มประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วมอย่างมาก เช่นอ่างทอง อยุธยา
ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคใต้

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน”เป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานอย่างนึงที่ช่วยผู้เดือดร้อนได้อย่างทันท่วงทีและจำเป็นมาก

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน” ประกอบด้วย
ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุก เฉินอย่างทันท่วงที

ถ้าท่านใดสนใจช่วยค่า ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
เพื่อรวมเป็น “ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน” ท่านสามารถช่วยได้โดย

โอนเงินเข้าบัญชีสภากาชาดไทย
ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทย เพื่อการรับ
บริจาคเงินต่าง ๆ
เลข ที่ : 045-2-88000-6
ประเภท : ออมทรัพย์
ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
สาขา : สภากาชาดไทย

โดยจุดสำคัญที่สุดเราต้องเน้นว่าต้องการบริจาคเพื่อช่วยค่าถุงยังชีพโดยเฉพาะเราสามารถทำได้โดย


1.หลังจากโอนเงินไปแล้ว

ต้องเขียนระบุใน ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip) ว่าโอนเงินจำนวนนี้เพื่อช่วยโครงการชุดธารน้ำใจ
และแฟ็กซ์ใบนำฝากพร้อมเขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเรา
ไปที่สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย
หมายเลข 0-2250-0120

หรือแฟ็กซ์ใบนำฝากพร้อมเขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเราถึงหัวหน้าฝ่ายการเงิน
สำนักงานการคลัง โทร. 02 256-4068


============================================================================================

สรุปวิธีการช่วยบริจาคซื้อถุงยังชีพ(ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน)นะครับ
1.โอนเงินตามที่ท่านต้องการ เข้าบัญชีสภากาชาดไทย เลขที่ : 045-2-88000-6 ออมทรัพย์ ไทยพาณิชย์
2.ต้องเขียนระบุใน ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip) ว่าโอนเงินจำนวนนี้เพื่อช่วยโครงการชุดธารน้ำใจ เพราะเราต้องการช่วยค่า ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อรวมเป็นชุดถุงยังชีพโดยเฉพาะ
3.ต้อง เขียนชื่อและที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แน่นอนของเราเอาไว้ในใบนำฝากเงิน(Pay In Slip)ด้วยนะครับเพราะเขาจะติดต่อกลับมาถ้ามีเหตุขัดข้อง
4.แฟ็กซ์ใบนำฝากเงิน(Pay In Slip)
ไปที่สำนักงานการคลังสภากาชาดไทย
หมายเลข 0-2250-0120

หรือถึงหัวหน้าฝ่ายการเงิน
สำนักงานการคลัง โทร. 02 256-4068
5.จากนั้นทางสภากาชาดจะนำเงินไปซื้อของใช้จำเป็นและมอบให้ผู้ประสบภัยพิบัติต่อไปครับ






หมายเหตุ ถ้ามีอะไรติดขัดสามารถติดต่อได้ที่
กองบรรเทาทุกข์ .สภากาชาดไทย

ฝ่ายการเดินบัญชี
02-2517853-6
เบอร์ต่อ 1310-3


=============================

ชุดธารน้ำใจฯ พระราชทาน ช่วยน้ำท่วมที่อ่างทองและอยุธยา

ด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยในความทุกข์ ของราษฏรที่ต้องประสบกับภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะอุทกภัยที่มักเกิดในช่วงฤดูมรสุม ทรงมอบหมายให้สภากาชาดไทย นำสิ่งของพระราชทานมามอบให้กับราษฏรที่เดือดร้อน เพื่อปลอบขวัญให้กับท่านทั้งหลาย สิ่งของพระราชทานในถุงธารน้ำใจในครั้งนี้ แม้จะมีค่าไม่มากมาย แต่เต็มไปด้วยน้ำพระราชหฤทัย และพระเมตาคุณของพระองค์ท่านตลอดมา
สำหรับ “ ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน ” ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค - บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุกเฉินอย่างทันท่วงที ซึ่งขณะนี้สภากาชาดไทย ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง



วัน ที่ 27 กันยายน 2553 นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการ สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย เดินทางไปมอบถุงยังชีพพระราชทาน ชุดธารน้ำใจช่วยผู้ประสบภัย ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จำนวน 350 ชุด โดยมี นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นางศรีพรรณ ศะศิสมิต นายก เหล่ากาชาดจังหวัดอ่างทอง และ นายอำเภอป่าโมก พร้อมคณะให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังวัดสีกุก ต .น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2,000 ชุด พร้อมน้ำดื่มจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย จำนวน 2,000 แพ็ค โดย มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางวาสินี ผิวผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายอำเภอบางบาล พร้อมด้วย คณะให้การต้อนรับ

“ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราช ทาน” ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค -บริโภค เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในกรณีฉุก เฉินอย่างทันท่วงที

 

ตอนนี้ มีน้ำท่วม ในหลาย หมู่บ้าน
ทั้งทาง นครสวรรค์ และ ปักธงชัย โคราช
ทำให้ คนที่ อยู่ ในพื้นที่ ได้รับ ความทุกข์ยาก เหมือน คนติดเกาะ

ถนนขาด สะพานพัง ไฟฟ้า ดับ ( ต้องตัดไฟฟ้า เสีย กันไฟฟ้าซ๊อต )
ถ้า หากนานหลายวัน การสื่อสาร ก็ จะ ถูกตัด ไปด้วย

หากพวกเรา ที่ พอที่ จะช่วย อะไร เขาเหล่านั้น ได้
ก็ ควร ส่ง ความช่วยเหลือ ไป ตามกำลัง
อาจ ส่งผ่าน หน่วยงาน ที่ รับผิดชอบ ที่กำลัง ส่งกำลัง ไป ช่วยเหลือ ก็ ได้

หาก ไม่รู้ ว่าจะส่งอะไร ไป ก็ เป็น เงิน ข้าวของกิน อาหารแห้ง ยารักษาโรค

เป็นสิ่งของจำ เป็น ในเวลานี้

ยา รักษาโรค

วิชาพลังเอกภพยูเรอัส ส่วนหนึ่ง ของวิชา คือ ยารักษาโรค
ขอเชิญ ชวน พี่น้อง ยูเรอัส ร่วมกัน ส่งพลัง รักษาสุขภาพ
ไปให้ ผู้คน ที่ ประสบภัย น้ำท่วม อยุ่ในขณะ นี้

ร่วมแรง ร่วมใน ส่งกำลัง ทรัพย์ ไป ตามกำลัง
ร่วมแรง ร่วมใจ ส่ง กำลังใจ ไป เป็น พลัง รักษาสุขภาพ อย่างน้อย เขาเหล่านั้น
คงได้ บรรเทา ความทุกข์ ยาก ลง บ้าง........

ขอคุณครับ

 

ที่บ้านยายนำท่วมเหมือนกันคะ
คาดว่า นานถึงสัปดาห์ กว่าจะยุบ
ตอนนี้ระดับนำบางที่ เอว เข่า หน้าอก
หนักกว่า2-3 เท่า ของปี 2550

 

ฤดูฝน ใกล้ จะหมด แล้ว
ฤดู หนาว ก็ กำลังจะมา

เวลา น้ำหลาก ก็ เป็น อย่างนี้ ทุกปี

ดู เหมือน คน เรา จะไม่ค่อย จำ ........ ทำเป็นลืม ไป

ปี หน้า ก็ ว่ากันใหม่..... แล้ว ก็ ลืม อีก......55

 

เช้าวันนี้ ตื่นนอน ตอน ตีห้า..... ว่าจะ ออกไปเดินเล่น สักหน่อย
มองออกไป นอกบ้าน
ฝน ตก พรำ ๆๆ ......... เป็นอันว่า ไม่ ต้อง เดิน.......55

ได้ แค่ เดิน ยืด เส้น ยืดสาย อยู่ ในบ้าน......

เดินไป เดินมา ...

พาให้คิด ไป ถึงเรื่อง การสัมผัสพลัง

การสัมผัสพลัง...... ทุกคน ทำได้ อยุ่แล้ว
เหมือน ไป ยืนกลางแจ้ง ฝนตกลงมา ก็ ต้องเปียก กันทุกคน
จะเปียกมาก น้อย ก็ แล้วแต่ ว่า ใคร กางร่ม ใคร ใส่เสื้อกันฝน

คิดมาถึง ตรงนี้............555 หัวเราะ ซะที

ใส่ ..............เลย

มิน่า เล่า
พวกที่ มี จิตสัมผัส ไว ไว จึง ไม่ชอบที่ จะ สวมพระ ที่มี อำนาจ คุ้มครอง ดี ดี แรงๆ

เค้า ห้อย พระ แรงๆ ไม่ ได้ นี่ เอง

จึง ไป หาพระ แนวเมตตา โชคลาภ หรือ บารมี ที่ มีพลัง ระดับ อ่อนๆ ลงมา แทน

.........

แล้ว เรา ละ .........
ผม ห้อยพระ ติดตัว มา ตั้งแต่ ยัง เด็ก ๆ
แถม ยัง ชอบสะสม พระเครื่อง มาตั้งแต่ อายุ สิบกว่าขวบ ค้นหา ศึกษา สะสม มา
แล้ว ก็ ชอบ เสียด้วย

น่าจะ เป็น ด้วย ความเคย ชิน ละมั้ง

แต่ ก็ นั่น แหละ

ตอน ที่ เริ่มเรียน พลังยูเรอัส ใหม่ๆ ...... เรียน วันแรก ก็ เริ่มรับพลัง ได้
รับ มา ตลอด แค่ ไม่ กี่วัน รับพลัง มา จน ตัว ร้อน ขึ้น ๆ
( ตอนนั้น ควบคุม ไม่ เป็น ได้ แต่ รับ )
จน มี บางคน เค้า ว่า อ้าย ดาว มัน เอา เตา อั้งโล มาด้วย

ไป ที่ ไหน ร้อน ถึง นั่น ... พา ให้ ชาวบ้าน ที่ อยุ่ ใกล้ๆ ร้อน ตามไป ด้วย

รับพลัง ได้ แบบ ไม่ รู้ ตัว อย่างนั้น
คือ คนอื่น เค้าจะรับ ได้ ต้อง ตั้งใจ ขอรับพลัง
เรา รับแบบ เสียบปลั๊ก ค้างไว้ ( โดยไม่ รู้ ตัว )

จน สัก สามสี่ เดือน ต่อมา

พระเครื่อง ที่ เคย ห้อย อยุ่ เป็นประจำ... เกิดอาการ
ร้อน ห้อย ไม่ ได้ อึดอัด
ถอดออก ก็ หาย ห้อย ใหม่ ก็ เป็นอีก...... เอา แล้ว ซิ.... เป็นอา ราย

ยิ่ง วันไหน ต้อง เดินทางไกล ไป ต่าง จังหวัด ไป ไกลๆ...
ให้ คิดมาก
เค้า แกล้ง ให้ เรา ไม่ ห้อยพระ หรือ เปล่า

พวกมี ของดี ยาม ซวย มัก จะ ลืม ห้อยพระ ไปด้วย

เรา ไม่ ได้ ลืม แต่ ห้อย ไม่ ไหว โดน พลัง อัด แน่น จน ทนไม่ไหว

ก็ ลอง เปลื่ยนพระ ดู องค์ นี้ ห้อยไม่ ได้ ก็ เปลี่ยน องค์ ใหม่ เปลี่ยนไป เรื่อยๆ
พระ ในบ้าน มี เป้น พัน ( จริงๆ คง เกิน ละมั้ง )
หา ได้ แค่ องค์ เดียว
เป็น พระเนื้อดิน รุ่น แรกๆ ของหลวงปู่ โต๊ะ วัดประดู่ ฉิมพลี กทม.

ที่ ห้อย แล้ว เฉยๆ ไม่ มี อาการ

ยิ่งพระ สาย อ.ชุม ไชยคีรี ที่ ท่าน ปลุกเสก มาอย่างดี .....
ว่าคาถา มหาอุตม์ อัด เปรี๊ยง ห้อยคอ.... เท่า นั้น

หน้าจะมืด

ต้องรีบ ถอดออก แขวน ไว้ หน้ารถ .... ห้อยไม่ ไหว.........55

เป็น อยุ่ อย่างนี้ นาน หลายเดือน

พอ เริ่ม บรรเทา ลง ก็ ค่อยๆเปลี่ยน พระ องค์ เดิม ที่ เคยห้อย อยุ่ ทุกวัน กลับมาใส่

ก็ อัดแน่น ร้อน อีก ก็ ทน ๆ เอา
ทนไม่ ไหว ก็ ถอด ออก สลับกันไป อย่างนี้


อ้อ นึกขึ้นมาได้ ว่า พระที่ห้อยได้ นอกจาก พระนางพญาเนื้อดิน ของหลวงปู่โต๊ะ แล้ว
ก็ มี พระ ของหลวงปู่ คำเป็ง อันนี้ ห้อยได้ เกือบทุกองค์ เช่น แม่อุมายิม ฯลฯ หรือที่เป็นเทพ ฯ เว้น พระรูปเหมือน ของท่าน
เป็นเนื้อดิน ( รุ่นคอยาว พิมพ์ ชะลูดๆ หน่อย ) องค์ นี้ ก็ แรงแน่นๆ เหมือนกัน

อาการ ห้อยพระไม่ได้ เป้น อยุ่ นาน เกือบปี

แต่ ก็ ยังห้อยอยู่ หาพระ ที่ พอห้อยได้ แต่ ตอนไป ไหนมาไหน ที่ มีความเสี่ยง ก้
ขยับ ความแรง ขึ้นมา อีก ระดับ หนึ่ง ทนเอา

ต่อมา นาน จนลืม เหตการณ์ นี้ไป ( รวมๆ เป็น ปี ละมั้ง )

ก็ กลับ มาห้อยพระ องค์ เดิม ที่ เคย ห้อย ติดตัวมา นาน ได้ อีก.....55

สรุป
มาจนถึง วันนี้ ปัจุบัน
เวลา เจอ พระ ดี ดี แรง แรง ก็ รู้ สึก วาบ......... แหละ แต่
ก็ ไม่ อึด อัด อะไร นัก
แบบ ว่า ทน ได้ สบายๆ...... เรียกว่า ชิน แล้ว ก็ ได้ มั้ง