แผ่เมตตาให้ศัตรู โดย ท่าน ปิยโสภณ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย benyapa, 20 พฤศจิกายน 2006.

  1. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <CENTER>แผ่เมตตาให้ศัตรู : สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง

    ในที่สุด คนที่เคยเป็นศัตรูเราก็จะกลับกลายเป็นมิตร ไม่ช้าก็เร็ว การก่อเวรข้ามภพข้ามชาติกันก็จะหมดไป

    โดย ปิยโสภณ

    คำนำ</CENTER>
    การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวร ให้ผลข้ามพบข้ามชาติ ถ้าเราเปรียบภพชาติ เหมือนคืนวัน การนอนหลับเหมือนการตาย การตื่นจากหลับ เหมือนการเกิด ภพชาติก็ใกล้ตัวเราเข้ามา การผูกอาฆาตพยาบาท เหมือนการเข้านอนโดยไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกาย หลับก็ไม่เป็นสุข ตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น

    ในแต่ละวัน จิตใจของเราเก็บเกี่ยวเฉี่ยวโฉบอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา นินทา อาฆาตพยาบาท ขุ่นแค้น ขัดเคือง นานาชนิดเอาไว้ ถ้าไม่มีวิธีชำระใจ ก็จะเกิดสนิมใจขึ้นมา คนไม่อาจนอนได้อย่างมีความสุข หากไม่ชำระร่างกายฉันใด ใจที่ไม่ถูกชำระจะทำให้ฝันร้าย อารมณ์หงุดหงิด หลับไม่สนิท ฉันนั้น
    ข้าพเจ้าเขียนหนังสือเล่มน้อยนี้ขึ้นมาจากเรื่องจริง ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อหนังสือนี้พิมพ์เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากเข้ามาพูดคุยสนทนาด้วย บางคนบอกว่าอ่านแล้วทำให้ได้สติ

    มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาจากต่างประเทศมีสนิมใจเกิดขึ้นหมักหมมมานานกว่า ๒๐ ปี ไม่มีทางแก้ มันตามหลอกหลอนทุกอริยาบถ เข้านอน เข้าห้องน้ำ อารมณ์โกรธ เกลียดพยาบาทก็ยังตามหลอน ต้องถอนหายใจตลอดเวลา

    ข้าพเจ้าแนะนำว่า เราต้องหาวิธีปลดปล่อยอารมณ์นั้นให้ได้ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องผูกอาฆาตพยาบาทใคร หรือให้ใครตามมาจองเวรเราข้ามภพข้ามชาติ แปลว่ากลาข้างหน้า เราไม่ต้องมารองรับสู้รบกับใครอีกต่อไป แต่ทว่า การอโหสิกรรมให้แก่คนที่เรารักทำได้ง่ายแต่คนที่เราชังทำได้ยาก ถึงกระนั้น เราก็ต้องทำให้ได้

    การ “แผ่เมตตาให้ศัตรู” ที่เขียนไว้นี้ พอเป็นแนวทางให้ท่านทั้งหลายฝึกปฏิบัติ เพื่อวันหน้า ภพหน้า เราจะได้ไม่มีใครเป็นศัตรูต่อไป เป็นการชำระใจของเราให้สะอาดทุกวัน ๆ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้วันนี้เราจะต้องตายจากไป เราก็รู้สึกไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเรา ไม่มีหนี้กรรมเวรใด ๆ จะต้องไปชดใช้กับใครในภพอื่นชาติโน้น ใจเราก็เป็นสุขสบาย ใจเขาก็เอิบอิ่มเป็นบุญ เริ่มต้นที่เรา มิใช่รอให้เขาเริ่มต้น เริ่มต้นวันนี้ มิใช่รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีเรา

    ขออนุโมทนาบุญและแสดงความยินดีกับท่านที่ได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มน้อยของข้าพเจ้านี้ ขอให้ท่านจงคิดว่า เราเกิดมาลงทุน แม้ยังไม่ได้กำไร ก็อย่าให้ขาดทุนในชีวิต
    ขอจงเป็นผู้ปราศจากเวรภัยต่อกันทุกเมื่อ อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนกัน ขอจงอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดไปเถิด


    ปิยโสภณ

    แผ่เมตตาให้ศัตรู

    เจ้ากรรมนายเวร คือสัตว์น้อยใหญ่ที่เรากินเป็นอาหาร เราชอบกินหมู เจ้ากรรมนายเวรของเราคือหมู เราชอบกินไก่ เจ้ากรรมนายเวรของเราคือไก่ เราชอบกินเป็ด เจ้ากรรมนายเวรของเราคือเป็ด แม้กุ้ง หอย ปู ปลา ที่เรากินมาตั้งแต่เกิด กระทั่งถึงวันนี้นับไม่ถ้วนว่ากี่ร้อยกี่พันชีวิต ก็คือเจ้ากรรมนายเวรของเราทั้งสิ้น

    เนื้อหนังมังสาของเรา อวัยวะทุกส่วน ล้วนแล้วแต่มีหุ้นส่วนของชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ทั้งสิ้น บางครั้ง เราคิดว่าเป็นของเราคนเดียว ไม่เคยแผ่เมตตาให้สัตว์น้อยใหญ่ที่เรากินเข้าไปทุกวัน ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาสละชีวิตของเขา เพื่อต่อชีวิตเราให้ยืนยาวออกไป

    เขาก็รู้สึกน้อยใจที่ถูกเพิกเฉย ความน้อยใจของเขา บางครั้งทำให้เราเกิดโรคร้าย เช่น มะเร็ง เป็นต้นได้ บางทีก็ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอหาเหตุไม่พบ แต่พอแผ่เมตตากลับหาย เรื่องเช่นนี้ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย

    ทุกครั้งที่เราไหว้พระสวดมนต์ ขอให้เราแผ่เมตตาให้สัตว์น้อยใหญ่ที่เรากินเป็นอาหาร การแผ่เมตตาให้เขา แท้จริงก็คือแผ่ให้ตัวเรานั่นเอง การให้เขาคือการให้เรา เพราะเขาอยู่กับเรา เขาคือร่างกายของเรา เขาสละชีวิตเลือดเนื้อมาเป็นพลังงานชีวิตเรา แม้ขณะที่เราอ่านหนังสือหรือทำอะไรอยู่ ก็มีพลังงานของเขาคอยสนับสนุนทุกส่วน

    การแผ่เมตตาทำได้ง่าย เพียงแต่ให้นึกถึงเขาเสมอ ๆ คิดถึงความดีของเขาที่ส่งเสริมให้เรามีชีวิตอยู่ได้ถึงวันนี้ หลับตาน้อมจิตอธิฐาน ขออย่าให้เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ให้มีความปลอดภัยในชีวิต

    การแผ่เมตตา ถือเป็นการแสดงความขอบคุณต่อหลายชีวิตที่ถูกปรุงเป็นอาหารอร่อยวางบนโต๊ะอาหารรอคอยเรามาร่วมวงขบเคี้ยว

    ดูเหมือนเราไม่ค่อยคิดกันในเรื่องนี้ หากแต่มองเห็นทุกอย่างบนโต๊ะเป็นความอร่อย ทั้ง ๆ ที่ความจริง เรากำลังกินศพหมู ศพไก่ ศพเป็ด ศพวัว ศพกุ้ง ศพปู ศพปลา คิดดูเถิด คล้อยหลังจากเราอิ่มเพียงชั่วโมงเดียว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา หูฉลามที่เรากินเข้าไป ก็ถูกย่อยเป็นพลังงาน ส่วนกากอาหารก็เน่าเหม็นเป็นอันตราย กระทั่งเราต้องขับถ่ายออกมาทุกวัน ๆ
    เราอาจคิดไม่ถึงว่า เรากำลังกินสัตว์อื่น ชีวิตเราถูกเลี้ยงด้วยชีวิตของสัตว์อื่น การกินคือการต่ออายุ วันหนึ่งเราต่ออายุ ๓ เวลา แต่ละเวลา เราต้องรับประทานสัตว์อื่นหลายสิบชีวิต ขนาดใหญ่บ้าง ขนาดเล็กบ้าง บางทีไข่ในท้องปลาที่เรากิน หากเขาได้เกิดมาเป็นตัวก็คงเป็นปลาจำนวนมหาศาล แต่เราเคี้ยวกินเป็นกับข้าวเพียงคำเดียว

    การแผ่เมตตาให้สัตว์น้อยใหญ่ทที่เรากินเป็นอาหาร จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป้นการแสดงความขอบคุณ และให้อภัยต่อกันและกัน ให้เขามีความรู้สึกว่า เขามีส่วนร่วมในชีวิตของเรา เหมือนเรายินดีต้อนรับแขกที่เดินเข้ามาพักในบ้านเรา แขกก็จะรู้สึกอบอุ่นเพราะการตอนรับที่ดีของเจ้าบ้าน

    ต่อมาก็มาถึงการแผ่เมตตาถึงคนที่เรารักและคนที่เรารู้สึกว่าเขาเป็นศัตรูกับเรา คือเรารู้สึกเกลียดชังเหลือเกิน ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากร่วมงานด้วย ไม่อยากเกี่ยวข้อง ไม่อยากเห็นหน้า

    โดยธรรมชาติของมนุษย์ ยิ่งเกลียดยิ่งได้อยู่ใกล้ ยิ่งโกรธก็ยิ่งถูกแกล้ง เขาทำอะไรลงไป ดูเหมือนจะขัดใจขวางหูขวางตาไปหมด เพราะเราตั้งใจไว้ผิดเสียแล้ว เพียงแต่เห็นก็เป็นทุกข์ เขาทำปากขมุบขมิบอยู่ไกล ไม่ได้ยินเสียง เรายังคิดว่าเขากำลังด่าเราได้

    เราเป็นทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะจินตนาการ เป็นความผิดของเราเอง มิใช่ความผิดของเขา บางทีเขาก็แกล้งให้เราเป็นทุกข์ เพราะรู้ว่าให้ยาพิษแล้วเรายินดีรับมาดื่มเป็นความผิดของเราเอง เรากำลังจุดไฟภายในเผาเราเองต่างหาก

    เป็นเรื่องน่าคิดว่า มนุษย์เราชอบมองหาความผิด ชอบจับเอาความผิด เค้นหาความผิดของคนอื่น ส่วนความผิดของตนกลับกลบเกลื่อน ไม่ค่อยจับถูก เมื่อจับผิด เขาจึงพลาดความดีตลอดเวลา อะไรที่เป็นขยะจึงขนเข้ามากองในใจทั้งหมด สุดท้ายหัวใจของเขาก็กลายเป็นกองขยะที่เน่าเหม็น มิใช่หิ้งบูชาที่งดงามอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป

    ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้ได้ ปรับวิธีดำรงชีวิตเสียใหม่ ไม่ให้ใจเป็นถังขยะ แต่ให้ใจเป็นหิ้งบูชาพระที่งดงามทุกวัน ด้วยการมองหาดีของคนให้พบ มองบวก คิดบวก พูดบวก เพราะการทำอะไรเป็นบวก จะทำให้ได้กำไร และใจสบาย

    ส่วนการมองลบ คิดลบ พูดในทางลบ นอกจากตัวเองเกิดทุกข์แล้ว ยังทำให้ผู้อยู่รอบตัวเราเป็นทุกข์ตามไปด้วย เราควรหลีกเลี่ยงคนที่คิดในทางลบ เพราะทำให้ชีวิตเราติดลบไปด้วย

    การแผ่เมตตาคือการคิดบวก พูดบวก มองหาดี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงหาดฝึกให้เป็นนิสัย ก็เป็นเรื่องง่าย เพราะโดยธรรมชาติแล้ว เราชอบใคร เราก็อยากไปหาคนนั้น เรารักใครมาก ก็อยากยกให้เขาหมด มีอะรก็ให้หมดได้โดยไม่รู้สึกเสียดาย แม้บางครั้ง เขาไม่อยากได้ เรายังอุตส่าห์ยัดเยียดให้เลยถ้าพอใจ ภูมิใจ พอเขาไม่รับ ก็อาจเสียใจลึก หาว่าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ยินดีตอนรับ จากรักก็พาลจะกลายเป็นร้ายไปได้

    มาถึงคนที่เราเกลียดชัง เรื่องจะแบ่งใจให้ไม่มีอยู่แล้ว เรื่องง่ายก็มักเป็นเรื่องยากเสมอ จึงจำเป็นต้องหาวิธีแผ่เมตตาที่แยบคาย

    โดยธรรมชาติมนุษย์ เกลียดชังใคร แม้แต่เงา เราก็ไม่อยากเห็น มีอะไรก็ไม่อยากให้ เราไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคน ๆ นั้น ต้องการเดินคนละเส้นทาง ห่างได้ยิ่งดี แต่เขาลืมคิดไปว่า ทางอารมณ์เราหนีตัวเองไม่ได้ ยิ่งเดินหนีก็ยิ่งวิ่งตาม อารมณ์โกรธเกลียดก็มักจะวิ่งตามขนาบเราไป บางทีก็วิ่งข้ามภพข้ามชาติไปกับเรา ก่อเหตุร้ายไม่สิ้นสุด ยุติพยาบาทในชาตินี้ให้ได้ แผ่เมตตาให้ อโหสิกรรมกันให้ได้ในชาตินี้

    จะมีใครคิดบ้างว่า ศัตรูบางคน ตั้งความปรารถนาขอไปเกิดเป็นลูกของเรากก็มี เพื่อจะได้เผาผลาญจิตใจของเราให้ถึงที่สุด เช่น ลูกบางคนเกิดมา เพื่อผลาญทรัพย์สินสมบัติของพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่เกิดทุกข์ สอนไม่ได้ บอกไม่ฟัง ทำให้พ่อแม่นอนเป็นทุกข์ กินไม่ได้ ไม่เคยมีความภูมิใจในลูก มีแต่ความกลัดกลุ้มใจ

    บางคนพ่อแม่ถึงขนาดตัดขาดจากความเป็นพ่อแม่ลูกกันก็มี สิ่งเหล่านี้ เราต้องมองให้ออก และหาวิธีแก้ต้นเหตุที่ระบบความคิดของเราให้ได้

    แต่ช่างน่าแปลกเหลือเกินที่คนเรา ชังใครมาก ๆ มักจะต้องได้เกี่ยวข้องกับคนนั้น ไม่อยากเห็นหน้าใครก็มักจะได้เห็นเขาอยู่บ่อย ๆ ยิ่งเกลียดยิ่งได้อยู่ใกล้ ถึงขนาดบางคนต้องมาอยู่เป็นคู่ชีวิตก็มี กรรมเวรมีจริง ผลของการอาฆาตพยาบาท ให้ผลร้ายขนาดนี้

    อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พลังงานความคิดที่เราไม่ยอมปลดปล่อยอารมณ์ออกไปนั้นเองเป็นเหตุ สังเกตดูให้ดีจะเห็นว่า เราคิดเกลียดเมื่อใด ก็เท่ากับเราทาสีลงบนผ้าที่สีกำลังจะเลือนหายไป เราคิดโกรธเมื่อใด เท่ากับเราตอกย้ำให้เกิดความคมชัดทางความรู้สึกขึ้นมาอีกเท่านั้น เป็นการเติมมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ที่มีต่อคน ๆ นั้น ให้คงเหลืออยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ใกล้จะเลือนหายไปแล้ว

    คนเราชอบพูดถึงคนที่เราเกลียด เมื่อพูดบ่อย ๆ อารมณ์นั้นก็จะฝังแน่นในใจ แม้ไม่ปรารถนาจะเก็บความไม่ดีของคนนั้นไว้ เขาหารู้ไม่ว่า นั่นคือการนำขยะที่เน่าเหม็นมาเก็บไว้ในใจตัวเอง

    ในที่สุด ใจเราก็เต็มไปด้วยอารมณ์เกลียด อารมณ์เน่าเฟะอยู่ในใจเรา พึงจำไว้ว่า คนที่เราเกลียดชังหรือโกรธแค้น หยุดพูดก็หยุดคิด หยุดคิดก็เลือนหาย เพียงแต่เราอดใจไม่ได้ มักย้ำคิดย้ำทำย้ำพูด สติเราไม่พอกับความรุนแรงของอารมณ์ การยับยั้งชั่งใจไม่เข้มแข็ง จึงต้องเหยียบย่ำทำกรรมในใจตัวเอง

    ขอให้สังเกตดูให้ดี เรื่องนิดเดียวสามารถบานปลายได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว บางทีเราพูดนิดเดียว แต่คนฟังนำไปขยายต่ออีกสิบ พูด ๒ ครั้ง ก็นำไปขยายต่ออีกนับไม่ถ้วน ความเกลียดชังอาจเริ่มต้นจากจุดนิดเดียว แต่กลายเป็นเชื้อไวรัสมากมาย เพราะคำพูดของเรา เพราะปากของเราเอง เพราะเห็นแก่ความสนุกปาก

    การปรับทุกข์ในบางครั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเติมเชื้อเพลิงความทุกข์ให้ตัวเอง เติมเชื้อแห่งความอาฆาตพยาบาทลงไปในจิตใจเราเอง

    เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องหาวิธีแผ่เมตตาให้ถูกต้อง คือ แผ่ให้ถึงศัตรูให้ได้ เพื่อให้ความเป็นศัตรูในใจเขาและเราหมดไปจากกัน ยุติบทบาทกรรมข้ามภพข้ามชาติให้ได้

    ในทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราแผ่เมตตาด้วยการใช้คำว่า “สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง” คำนี้มีนัยที่สำคัญมาก นั่นคือทรงสอนให้เราแผ่เมตตาให้ถึงศัตรูได้โดยไม่รู้สึกติดขัด

    ให้คิดว่าคนทุกคนเป้นเพียงสิ่งมีชีวิตที่มาเยือนโลก ชาติชั้นวรรณะเขาสมมติเรียกให้ เผอิญเกิดบนแผ่นดินไทย ก็เรียกคนไทย หากเกิดที่จีน ก็เรียกคนจีน เกิดญี่ปุ่น ก็เรียกว่าคนญี่ปุ่น แต่ความเป็นคนเป็นสัตว์เท่ากัน มีความเสมอกันในการได้ชีวิต จริง ๆ แล้ว เราก็อยู่ในโลกนี้ได้ไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไปทั้งนั้น

    การมาเกิดจึงไม่ต่างจากการมาเที่ยว เมื่อวีซ่าหมดอายุ ก็ต้องรีบกลับ ถ้าเราคิดกว้าง ๆ ได้อย่างนี้ คือคิดว่าททุกคนเป็นเพียงสรรพสัตว์เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นศัตรู ใจของเราก็จะรู้สึกสบายขึ้น เบาโปร่ง หายใจโล่ง เราก็เริ่มจะแผ่เมตตาได้

    ธรรมดามนุษย์เรา เวลาแผ่เมตตาให้คนที่เรารัก พลังจิตจะถูกดึงออกไปอย่างแรง เหมือนเทน้ำลงไปในที่ลุ่ม น้ำจะใหลลงไปที่ลุ่มอย่างรวดเร็ว ส่วนการส่งกระแสจิตแผ่เมตตาไปให้คนที่เราเกลียดชัง เหมือนเทน้ำให้ไหลไปที่ดอน ย่อมเป็นไปไม่ได้

    อารมณ์ที่ส่งไปถึงคนที่เราเกลียด จึงมักจะติดขัด เพราะพลังจิตไม่ยอมเดินทาง เนื่องจากมีความคิดว่า จะแผ่เมตตาให้ศัตรูทำไม ในเมื่อเขาทำเราเจ็บ เมื่อคิดเพียงเท่านี้ คนที่เป็นศัตรูก็ยังคงเป็นศัตรูอยู่ต่อไป และอาจเพิ่มความเป็นศัตรูมากขึ้นทุกครั้งที่แผ่เมตตาให้คนที่รารักเราชอบ

    เหมือนมีเด็กสองคนยืนอยู่ต่อหน้าเรา คนหนึ่งเรารักมาก อีกคนเราไม่รักเลย เวลายื่นของให้เด็ก เรายื่นให้เฉพาะเด็กที่เรารัก ไม่ยื่นให้คนที่เราชัง เด็กก็รู้สึกต่างกัน ทุกครั้งที่เรายื่นของให้เด็กที่เรารัก ก็จะเพิ่มความเกลียดชังในใจของเด็กอีกคน การอิ่มครั้งที่สองของเด็กคนหนึ่ง ย่อมหมายถึงความหิวทวีคูรของเด็กอีกคน

    วิธีแผ่เมตตา ท่านจึงสอนไม่ให้คิดว่าเป็นคนที่เรารักหรือชัง หากแต่ให้คิดว่า เป็นสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ร่วมโลกเดียวกัน ทุกชีวิตเป็นเพียงธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ เท่านั้น การคิดเช่นนี้ เป็นการปรับอารมณ์ให้สมดุลกันก่อน ปรับให้ถึงธาตุเดิมของชิวิต ยกเชื้อชาติศาสนาวัฒนธรรมเผ่าพันธุ์ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความสุดโต่งทั้งรักและชัง เหมือนกับการปรับพื้นดินไม่ให้สูงหรือต่ำ แต่ปรับให้พื้นทุกตารางนิ้วได้ระดับเดียวกันหมดเสียก่อน แล้วจึงเทน้ำลงไป น้ำที่เทลงไปก็จะกระจายไปทุกพื้นที่ได้ง่าย ที่ดอนก็ไม่มี ที่ลุ่มก็ไม่เกิดขึ้น การแผ่เมตตาก็เช่นเดียวกัน

    การแผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดทำได้ยาก แต่จำเป็นยิ่งกว่าแผ่เมตตาให้คนที่เรารัก เพราะปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกเป็นศัตรู มิใช่ความรู้สึกรัก ยิ่งเกลียดมากยิ่งต้องใช้พลังจิตสูง แต่ถ้าทำได้แล้ว ก็สบายใจไปตลอดชีวิต อาจจะยากเพียงครั้งแรกครั้งเดียว ครั้งต่อไปก็ง่าย ยิ่งเราได้ปฏิบัติเป็นประจำจนเคยชิน ของยากก็เป็นของง่ายทุกอย่างก็ถือเป็นปกติ ไม่มีอุปสรรคขัดข้อง และความรู้สึกเป็นศัตรูหรือโกรธเกลียด อาฆาตพยาบาท ก็จะหมดไป ก็จะเลือนหายไปจากใจเรา กระทั่งหมดสิ้น

    ในที่สุด คนที่เคยเป็นศัตรูเราก็จะกลับกลายเป็นมิตร ไม่ช้าก็เร็ว การก่อเวรข้ามภพข้ามชาติกันก็จะหมดไป ทุกชีวิตก็จะปลอดจากภัยเวรในสงสารวัฏ เกิดภพใดชาติใด ก็จะพบแต่คนดี มีคนอุ้มชูช่วยเหลือ จะทำให้มีครอบครัวดี มีลูกดี มีรูปสมบัติ มีสติปัญญาดี เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ “ทำใจดี” ให้ได้ในวันนี้.
    คัดลอกมาจาก http://larndham.net/index.php?showtopic=23113&st=0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2006
  2. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +6,347
    ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้
     
  3. nuutuk

    nuutuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +284
    ขอบคุณมากที่กรุณาแนะนำ จะจำไว้และนำไปปฏิบัติ ทั้งๆที่รู้ว่ายาก ก็จะพยายามค่ะ
     
  4. Peacefulness

    Peacefulness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +246
    เยี่ยมไปเลยครับ :cool:
    ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนาบุญ กับ ทุกๆท่าน ด้วยครับ สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    เชิญทุกๆท่าน ร่วมอนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ประจำปี 2549 ได้ที่นี้ครับ คลิ๊กที่นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2006
  5. Peacefulness

    Peacefulness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +246
    The King Rama IX's Wallpaper

    Please wait for a second. Thanks for your patient.

    To download the wallpaper, please go to the bottle of this page.

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +2,090
    แผ่เมตตาให้ศัตรู เป็นบทความที่ดีครับ เท่ห์มากๆเขาเป็นศัตรูเรา ถ้าหากเราสามารถไปแผ่เมตตาให้เขาด้วยใจจริงได้ ผมว่าคงจะได้บุญมากแน่เลย
     
  7. Peacefulness

    Peacefulness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +246
    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ

    เป็นบทความที่น่าสนใจมากๆเลยครับ (verygood)

    [​IMG]

    ข้าพเจ้า ขออนุโมทนาบุญ กับ ทุกๆท่าน ด้วยครับ [​IMG]

    สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    การแผ่เมตตาแก่ศัตรูเป็นอานิสงฆ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ

    ผมมีศัตรูหรือคนที่เกลียดขี้หน้ากันในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เวลาเจอหน้ากันทีไรมันก็จะหาเรื่องผมทุกที จนมีวันหนึ่ง ก่อนปิดเทอมภาคฤดูร้อนมันบอกว่าเปิดเทอมนี้เจอกันมันพาพรรคพวกมาเพียบเตรียมยำผมเต็มที่ ผมไปปรึกษากับอาจารย์ของผมว่า เขาจะทำแบบนี้ เราควรตอบโต้อย่างไรดี ตอนนั้นในใจของผมมีแต่ว่า ถ้ามันจะมาทางอาวุธ ล่ะก็ผมจะเล่นมันโดยใช้ไสยะ ซึ่งอาจจะทำให้มันถึงตายเลยก็ได้ แต่อาจารย์ของผมก็บอกให้ไปสวดคาถา นะจังงัง และ ให้แผ่เมตตาให้มัน วันละ 108 จบ แล้วศัตรูจะเลิกรากับเราไปเอง ตอนนั้นผม ขวนขวายหาของอาถรรพ์มาได้มากมาย จนต้องละทิ้งของเหล่านั้น แล้วลองมาตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์ แผ่เมตตาให้มัน วันละ 108 จบ ... เปิดเทอมมาจนบัดนี้เจอหน้ากันทีไร มันไม่เคยพูดถึงเรื่องที่มันจะมาหาเรื่องผมเลยสักครั้งเดียวครับ กลับกลายเป็นคุยกันดีๆเสียอีก สาธุอานิสงฆ์ของการแผ่เมตตามีมากมายครับหมั่นภาวนาไว้นะทุกคน
     
  9. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ขอบคุณที่มาเล่าประสบการ์ณให้ฟัง...ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้ถึงอานิสงค์บุญของการแผ่บุญแผ่เมตตา

    เยี่ยมๆโมทนาครับ(verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2006
  10. 6953697

    6953697 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +191
    เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านรู้สึกดีมากๆข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่แนะนำในการแผ่เมตตาทุกๆท่านค่ะ และอยากมทราบว่าคนที่โดนคุณไสยจะรักษาอย่างไรช่วยแนะนำด้วยค่ะเพราะมีคนโดนคุณไสยแล้วไม่มีใครช่วยเขาได้เลยต้องเป็นทาสคอยหาเหยื่อมาให้คนเล่นของ น่าสงสารมาก
     
  11. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    อนุโมทนาสาธุค่ะ เคยอ่านเจอในหนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม 2 ของคุณดังตฤน ขอคัดลอกมาให้อ่านนะค่ะ

    ถาม – ทราบว่าถ้าทำร้ายคนดีกับคนชั่ว ผลจะไม่เท่ากัน แต่สงสัยว่าถ้าเป็นคนๆเดียวกัน จะขึ้นอยู่กับวันด้วยไหม เช่นดิฉันเองก็ขึ้นๆลงๆอยู่ ยังไม่ได้ดิบดีคงเส้นคงวาอะไร เลยสงสัยว่าตอนคนมาโกรธดิฉัน มาว่าดิฉัน หรือทำร้ายจิตใจดิฉันอยู่เรื่อยๆ ผลจะเหมือนกันหรือเปล่าคะ เพราะบางวันดิฉันก็อารมณ์ดี มีใจเป็นบุญเป็นกุศล แต่อีกวันอาจใจร้าย มีใจเป็นบาปเป็นอกุศลพอๆกับเขา?

    ตอบ -- เป็นอย่างที่คุณเข้าใจครับ วันไหนใจคุณเป็นกุศล มีความคิดเสียสละด้วยใจบริสุทธิ์ หรือมีความตั้งใจรักษาศีลให้สะอาด วันนั้นใครทำร้ายคุณ เขาจะได้รับผลสะท้อนแรงกว่าทำร้ายคุณในวันที่คุณมีความคิดตระหนี่ถี่เหนียว หรือมีความตั้งใจเอาเข้าตัวโดยไม่สนว่าจะต้องฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดกาเม โกหก หรือเมายาปานใด
    บุญกุศลนั้นเปรียบเสมือนปราการป้องกันตัว วันไหนจิตดีมีบุญมาก ก็เท่ากับได้ปราการแข็งแรง ใครวิ่งมาชนเขาก็เจ็บหนักเอง แต่วันไหนจิตไม่ดีมีบาปเปื้อน ก็เท่ากับกั้นด้วยรั้วผุ วิ่งชนแล้วเจ็บแค่นิดหน่อยเท่านั้น
    สรุปว่าจิตของ ผู้ถูกกระทำ นั้นมีความเป็น ‘ตัวขยายผล ได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการซอยแบ่งแยกย่อยอีกมาก เช่นถ้าหากคุณทำทานเป็นปกติจนมีทานจิตแก่กล้า หรือทรงศีลสม่ำเสมอแรมปีจนแก่รอบ ก็จะเปรียบเหมือนดวงไฟขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างคงที่ ถึงแม้หรี่ลงบ้างเป็นบางวันด้วยวิสัยของคนยังถูกกิเลสรุมเร้า อย่างนั้นถ้าใครมาร้าย ก็จะได้ความร้อนแรงตอบกลับไปเกือบๆเต็มพิกัดเช่นกัน
    พลังและความแรงของจิตที่สั่งสมบุญมามากๆนั้น บันดาลผลหลายๆอย่างได้วิจิตรพิสดารเกินกว่าจะคาดคิด โดยเฉพาะถ้าสั่งสมกองบุญประเภทให้ทานไม่เลือกหน้า และรักษาศีลยิ่งชีวิต รวมทั้งความมีกตัญญูรู้คุณ หากประชุมพร้อมกันในตัวผู้ใด บุญญาธิการในผู้นั้นจะมีพลังอัด หรือแรงดีดสะท้อนกลับที่รวดเร็วและรุนแรง ถึงแม้วันใดท่านจิตตก คิดผิดทำพลาดอะไรไปบ้าง พลังอัดและแรงดีสะท้อนกลับก็อาจไม่ลดน้อยถอยลงเท่าใดนัก
    ผู้มีอายุที่สร้างทำแต่คุณงามความดีมาตลอดชีวิตจึงเป็นผู้ที่สมควรให้ความเกรงใจ เพราะกำแพงกุศลของพวกท่านจะแข็งแรงแน่นหนามาก แค่คิดปีนป่ายลูบคลำเล่นด้วยความไม่เคารพ ก็มีผลให้จิตคุณหม่นหมองได้มากแล้ว เมื่อพบผู้ควรเคารพก็ลองสังเกตเถิดครับ หากคุณมีจิตสัมผัสที่ละเอียดอ่อน และไม่มีบาปหนาบดบังใจ ก็อาจรับรู้ได้ว่าเพียงคิดอกุศลต่อผู้ทรงคุณ จะเหมือนมีนามธรรมบางชนิดดีดกลับมาให้รู้สึกผวาได้จริงๆ
    คนปกตินั้นโดยมากครึ่งดีครึ่งร้าย เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใคร่จะมี กำแพงศักดิ์สิทธิ์ ให้สัมผัสกันง่ายนัก แม้เมื่ออายุมากขึ้นก็ไม่ทำให้คนนอกบ้านเห็นแล้วเลื่อมใสเคารพยำเกรงสักเท่าใด ผู้ปรารถนาจะได้เกราะกันภัยไว้คุ้มครองตนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า จึงควรหมั่นสะสมบุญตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งอายุมากขึ้น คุณก็จะยิ่งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในภายใน ต่อให้กายกำลังจะถูกพิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญ ก็จะไม่ตระหนกอกสั่น เพราะคุณจะรู้สึกว่าเขาทำร้ายได้แค่ภายนอก แต่ภายในอันเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขแห่งสรวงสวรรค์นั้น ไม่อาจถูกกระทบให้แตกหักลงโดยง่าย
    นอกจากปัจจัยที่ตัวคุณซึ่งเป็นผู้ถูกทำร้ายแล้ว ปัจจัยสำคัญกว่านั้นน่าจะได้แก่วิธีที่เขาคิดทำร้ายคุณ พูดง่ายๆว่าตัวเขาเองนั่นแหละ คือส่วนสำคัญในการตัดสินว่าทำร้ายคุณแล้วได้บาปติดตัวไปมากน้อยเพียงใด
    หากเขาทำร้ายคุณแบบขาดเหตุผล ผลจะมาก วิบากจะมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คล้ายฝันร้ายที่จู่ๆก็เกิดขึ้นปุบปับแบบไม่ให้ตั้งตัว คาดไม่ถึง
    หากเขาทำร้ายคุณโดยมีน้ำหนักเจตนามุ่งร้ายรุนแรง ปราศจากเมตตายั้งคิด ผลจะมาก วิบากจะมาถึงตัวแบบไม่ปรานีปราศรัย ชนิดที่ทำให้รู้สึกราวกับโดนคนจิตใจเหี้ยมโหดย่ำยีอย่างไร้ความปรานี
    หากเขาทำร้ายคุณด้วยจิตคิดอาฆาต ทำทีเดียวไม่หนำใจอยากทำอีก ผลจะมาก วิบากจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกยืดเยื้อยาวนาน แม้เหน็ดหน่าย รู้สึกหดหู่เพียงใด ก็ยังไม่เห็นแววว่าจะจบสิ้นลงใกล้ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณแผ่เมตตาก็แล้ว ให้อภัยก็แล้ว เขายังไม่สะใจพอ คิดกระทำย่ำยีต่อ โดยถือความพอใจที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือคุณ สำคัญไปว่าคุณหงอ คุณไม่สู้ คุณอ่อนแอ อย่างนี้ยิ่งไปกันใหญ่ครับ เวลาที่วิบากกรรมเผล็ดผล เขาจะอยู่ในสภาพคล้ายคนถูกอุดปากอุดจมูก หายใจไม่ออก ทรมานทรกรรมเกินบรรยาย
    ยังมีวิธีคิดทำร้ายหลากหลายพิสดารต่างๆกันเหลือคณานับ เอาเป็นสรุปว่า จิตตั้งไว้ด้วยอาการประทุษร้ายอย่างไร ก็ย่อมสะท้อนกลับมาให้ผลในทำนองนั้นๆ
    พูดถึงฝั่งเขา คราวนี้มาพูดถึงฝั่งเราบ้าง ขอให้ลองคิดด้วยว่าคุณถูกทำร้ายทุกวี่ทุกวัน นั่นหมายถึงตัวคุณเองกำลังเสวยวิบากกรรมบางอย่างอยู่ด้วย หาไม่แล้วจะไม่โดนผัสสะขาประจำมากระทบกระทั่งให้เจ็บตัวหรือระคายใจเสมอๆได้เลย
    โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ เพราะฉะนั้นก็ขอให้มองว่าสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น เป็นหลักฐานว่าผลกรรมมีจริง คุณเสวยทุกข์อย่างไร ก็ขอให้ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้คนอื่นเกิดทุกข์ชนิดเดียวกันนั้นอย่างเด็ดขาด รวมทั้งยอมรับโทษโดยดุษณี ไม่มีความคิดผูกเวร ไม่มีใจพยาบาทมาดร้ายต่อไป แล้วทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น อาจไม่ทันตาเห็น แต่ข้ามเดือนข้ามปีคุณจะเห็นโทษทัณฑ์เบาบางลงเอง
    อยากฝากไว้ว่าอย่าทำร้ายใครเลยเป็นดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายด้วยกาย วาจา หรือแม้ด้วยใจคิด เพราะใจคิดนั่นแหละ ปฐมเหตุแห่งการทำดีทำร้ายทั้งปวงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2006
  12. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    อ่านเจอจากหนังสือเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวเล่ม 1 ของคุณดังตฤนค่ะ ลองอ่านดูนะค่ะ

    ถาม
     
  13. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +3,159
    ขออนุโมทนา กับเจ้าของกระทู้ และเจ้าของประสบการณ์ที่นำมาเสริมภูมิปัญญา และเป็นทางดับทุกข์ที่ในปัจจุบัน ต้องใช้กันมากๆๆ ค่ะ
     
  14. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    เป็นกระทู้ทีดีมากๆ ค่ะ การแผ่เมตตา ไม่ผูกพยาบาท กับใคร ใดๆ ทั้งนั้น อย่างแรกที่เห็นชัดเจนไม่ต้องรอ คือเกิดความสบายใจสุดๆ กับตัวเราเอง นี่ไม่นับถึงอานิสงค์ที่เราไม่รู้ว่า จะมีอีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่นะคะเนี่ย...... ทำให้ได้ทุกวันทุกเวลา ..ให้กับคนทุกคน แม้แต่ตัวเองก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้ตัวเอง ให้อภัยตัวเอง อย่าเก็บเรื่องเศร้าหมองไว้ใจจิต..ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจค่ะ

    ขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ และทุกๆ คนที่เข้ามาตอบกระทู้และอ่านกระทู้ค่ะ
     
  15. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    กระทู้นี้ดีมากเลย อนุโมทนากับผู้ที่ให้ข้อมูลทุกท่าน ก่อให้เกิดปัญญาแก่ผู้ที่เข้ามาอ่าน
     
  16. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    การให้อภัยทาน คือการให้ทานที่ยิ่งใหญ่ อนิสงฆ์มากครับ
     
  17. deawpayu

    deawpayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +980
    การแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรดีมากเลยครับ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกายได้เห็นผลเร็วด้วยครับแต่ต้องอาศัยอานุภาพของ พระรัตนตรัยด้วยครับ.....ความเห็นส่วนตัวนะ
     
  18. jenny

    jenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ขอโมทนาสาธุในธรรมทานครั้งนี้ค่ะสาธุ...สาธุ...สาธุ...[b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
  19. 6953697

    6953697 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +191
    โมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ที่แนะนำความรู้ให้ผู้อื่นได้อ่านค่ะ
     
  20. wayamo

    wayamo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +396
    ขอบคุณมากครับต่อไปตักบาตรแล้วจะแผ่ส่วนบุญให้แก่สัตว์ที่เรากินเป็นอาหาร
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...