ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<OBJECT id=sIFR_replacement_0 class=sIFR-flash classid=clsid27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000 width=930 height=34>
























</OBJECT>กรมควบคุมโรค เตือน ปชช.ระวัง โรคที่มากับน้ำท่วม



นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระมัดระวังโรคที่มากับน้ำท่วม แนะประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ป้องกันการติดเชื้อโรค …

เนื่องด้วยในขณะนี้ประเทศไทยในแต่ละภูมิภาคมีฝนตกอย่างต่อเนื่องกัน ส่งผลให้หลายจังหวัดในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากสภาวะฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมหนักในบางพื้นที่ จึงอาจทำให้เกิดโรคต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำตามมา เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับ"ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์" ว่า ตนมีความความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน จึงอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพในช่วงเวลานี้เพราะอาจส่งผลให้ร่างกายเผชิญกับโรค ที่มากับน้ำ อาทิ โรคติดต่อทางเดินอาหาร อุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากเวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนอยู่ ควรป้องกันด้วยการรับประทานอาหารที่สุก ไม่มีแมลงวันตอม ส่วนน้ำดื่มต้องสะอาดหรือต้มสุก

นพ.มานิต กล่าวต่อว่า โรคที่ตามมาอีกหนึ่งประเภทคือโรคผิวหนัง น้ำกัดเท้า เท้าเปื่อย ซึ่งเกิดจากอาการผิวหนังอักเสบจากความเปียกชื้นและความสกปรกของน้ำ ดังนั้นควรล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคืออันตรายจากสัตว์มีพิษ อาทิ งู ตะขาบ ที่หนีน้ำขึ้นมา หากครัวเรือนใดที่ถูกน้ำท่วมควรป้องกันด้วยการอย่าเดินไปในที่มืดหรือแออัด รวมทั้งควรเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการเข้ามาอาศัยของสัตว์มี พิษด้วย นอกจากนี้โรคที่มากับน้ำ ยังมี โรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ โรคตาแดง เป็นต้น

"ช่วง เวลานี้อยากแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม ดูแลสุขภาพตนเอง หากมีอาการป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเฝ้าระวังป้องกัน ซึ่งจะมีแพทย์เคลื่อนที่คอยให้บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนด้วย"อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าว

 

พายุ'เอิร์ล'ทวีความรุนแรง ถล่ม'แคนาดา'ดับ 1 ราย​

​

พายุ "เอิร์ล" ทวีความรุนแรง พัดขึ้นชายฝั่งแคนาดา ที่รัฐโนวา สโกเซีย ทางตะวันออกของประเทศ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ว่า พายุ "เอิร์ล" เพิ่มกำลังแรงลม พัดขึ้นชายฝั่งประเทศแคนาดา ทางตะวันออกของประเทศ ที่รัฐโนวา สโกเซีย ก่อให้เกิดลมกรรโชกแรง ฝนตกหนัก ต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนกว่า 200,000 หลัง ไม่มีพลังงานใช้ และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ที่อ่าว "ไบลนด์ เบย์" ห่างจาก เมืองฮาลิแฟกซ์ ราว 25 กิโลเมตร เป็นชายวัย 54 ปี ชื่อ จอห์นนี มิตเชล

ศูนย์ เฮอร์ริเคนแคนาดา รายงานว่า เอิร์ล เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยกำลังแรงลม 102 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ฝนตกหนักบริเวณพรมแดนเชลเบิร์น และควีนส์ เมื่อเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ราว 20.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2553

อาคารแข็งแรง! ช่วยคนรอด กีวีเร่งฟื้นฟูเมือง​

​

นิวซีแลนด์เร่งฟื้นสภาพเมือง หลังเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริกเตอร์ ขณะที่ นายกฯจอห์น คีย์ ระบุเหมือนปาฎิหาริย์ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ท่ามกลางสภาพปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน อาคารที่พังเสียหาย......

ทางการนิวซีแลนด์เร่งฟื้นสภาพเมืองไครส์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่บนเกาะใต้ หลังเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริกเตอร์ เมื่อช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ 4 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อความเสียหายบริเวณกว้าง อาคารบ้านเรือนราษฎรพังเสียหายมากกว่า 500 หลัง รวมทั้งอาคารย่านการค้ากลางเมือง 90 หลัง แต่อาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ไม่กระทบโครงสร้างหลัก

ถนนหลายสายพื้นผิวแตกแยกเป็นทางยาว 3.5 เมตร กระแสไฟฟ้า ระบบแก็สและน้ำประปา ถูกตัดขาด แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จากเหตุถูกปล่องควันหรือกำแพงอิฐพังถล่มทับ เมื่อวันอาทิตย์ ทางการสามารถฟื้นกลับการส่งกระแสไฟฟ้าและระบบน้ำประปาให้ชาวบ้านใช้แล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ กองทัพระดมกำลังทหารช่วยชาวบ้านเต็มที่ แต่อาคารใหญ่หลายแห่งยังถูกประกาศห้ามใช้ เพื่อรอประเมินสภาพความปลอดภัยอีก 1-2 วัน

นายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ กล่าวระหว่างเยือนพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ระบุเหมือนปาฎิหารย์ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ท่ามกลางสภาพปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน อาคารที่พังเสียหายส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่า สร้างด้วยอิฐถือปูน ประเมินความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปีครั้งนี้ มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์รวมงานวิจัยพิบัติภัยแห่งมหาวิทยาลัยแมสเซย์กรุง เวลลิงตัน ระบุเหตุที่ไม่มีผู้เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บจากแผ่นดินไหวครั้งนี้เพียง 2 ราย เพราะโครงสร้างอาคารของนิวซีแลนด์ถูกกฏหมายควบคุมอย่างเข้มงวด อาคารส่วนใหญ่จึงแข็งแรง โครงสร้างหลักไม่เสียหายมากนัก เมื่อเทียบกับแผ่นดินไหวความรุนแรงขนาดเดียวกันที่เฮติเมื่อเดือน ม.ค.คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 220,000 ราย

ขณะที่นิวซีแลนด์ ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลก 2 แห่ง เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 ริกเตอร์เมื่อปี 2474 คร่าชีวิตชาวบ้าน 256 ราย ทำให้ทางการบังคับใช้กฏหมายควบคุมก่อสร้างอาคารอย่างเข็มงวด บ้านเรือนสมัยใหม่ส่วนใหญ่โครงสร้างหลักคือไม้น้ำหนักเบาและยืดหยุ่นสูง

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2553

หยื่อบึ้มปากีฯพุ่ง 'ตาลีบัน'ขู่ถล่มสหรัฐฯ-ยุโรปต่อ​

​

ยอดผู้เสียชีวิต จากเหตุระเบิดพลีชีพถล่มขบวนแห่มุสลิมชีอะต์ ในปากีสถาน พุ่งถึง 65 ศพ เจ็บอีกกว่า 150 คน ตาลีบันรับทำเอง ขู่สหรัฐฯ-ยุโรป เจอดีเร็วๆนี้แน่นอน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพ ถล่มขบวนแห่ของชาวมุสลิมชีอะต์ ชนกลุ่มน้อยที่เมืองเกตตา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ปากีสถาน เมื่อ 3 ก.ย. พุ่งถึง 65 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 150 คน หลายคนอาการสาหัส ขณะที่ชนกลุ่มน้อยสไตรค์นัดหยุดงานทั่วเมืองเกตตา เพื่อประท้วงเหตุรุนแรง และโรงเรียนในเมืองถูกสั่งปิด

ด้านกลุ่มตาลีบันในปากีสถานซึ่งโยงใยกับกลุ่มอัล เคดา อ้างความรับผิดชอบ และขู่จะโจมตีสหรัฐฯ และยุโรปเร็วๆ นี้

เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้น 2 วันหลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีกลุ่มตาลีบันในปากีสถานเป็นกลุ่มการร้ายต่างประเทศ ทั้งยังฟ้องผู้นำกลุ่มฯ ในข้อหาวางระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ซีไอเอ 7 ศพในอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อ 1 ก.ย. ก็มีเหตุระเบิดพลีชีพถล่มพิธีของชาวชีอะต์ในเมืองละฮอร์ มีผู้เสียชีวิต 35 ศพ

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทั่วไทยยังมีฝนอ่าวไทยคลื่นแรง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยอ่อนกำลังลงแต่ยังมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย ยังมีคลื่นลมแรง ส่วน กทม.ยังมีฝน 60%ของพื้นที่...


กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 6 ก.ย.2553 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มจะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองยัง คงมีคลื่นลมแรง ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ นี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เนื่องจากมีพายุโซนร้อน “หม่าโหล” (MALOU) กำลังเคลื่อน เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด น่าน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด หนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด ระนอง พังงา ภูก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่ง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>

วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจระดับน้ำในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านได้มีระดับน้ำสูงขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ของวัดและพระลูกวัดต่างช่วยกันนำไม้มาต่อกันเพื่อสร้างเป็นสะพานให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปภายในวัดได้

พร้อมทั้งยังได้สร้างสะพานไม้ให้ชาวบ้านที่โดยสารเรือรับจ้างข้ามฝั่งไปยังท่าเรือป้อมเพชร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาได้ใช้หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับที่สูงขึ้น คาดว่าระดับน้ำอาจมีปริมาณสูงขึ้นอีก หากน้ำเหนือไหลลงมาสมทบในอีกไปอีกวันข้างหน้า.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เด็กไทยผงาดคว้าแชมป์โลก เวทีออกแบบและสร้างหุ่นยนต์

วันอาทิตย์ ที่ 05 กันยายน 2553 เวลา 0:00 น

<SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa"></SCRIPT> ​

<TABLE id=ext-gen5 class=x-tabs-strip border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD style="WIDTH: 72px" id=ext-gen10 class=" on">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

ประเทศไทยผงาดบนเวทีระดับนานาชาติอีกแล้วเมื่อเด็กไทยคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์นานาชาติอินเตอร์เนชั่นแนลดีไซน์คอนเทสต์2010(ไอดีซีโรโบคอน2010)ครั้งที่21ณนครเซี่ยงไฮ้สาธารณรัฐประชาชนจีน

ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด65คนจาก8ประเทศได้แก่จีนไทยเกาหลีสหรัฐอเมริกาญี่ปุ่นฝรั่งเศสบราซิลและสิงคโปร์ในจำนวนนี้มีเด็กไทย11คนซึ่งชนะจากการแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย2010เข้าร่วมการแข่งขันโดยจะแบ่งนักศึกษาออกเป็น13ทีมแบบคละประเทศทีมละ5คนจากนั้นจะคัดเลือกให้เหลือ8และ4ทีมสุดท้ายเพื่อเข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

จบการแข่งขันปรากฏว่าเด็กไทยสามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง4รางวัลคือรางวัลชนะเลิศได้แก่นายปรัชญาชัยศิริลาภสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังจากทีมเยลโล่(Yellow),รางวัลรองชนะเลิศอันดับ1ได้แก่นายชยุตม์จัตุนวรัตน์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากทีมเคลย์(Clay),รางวัลรองชนะเลิศอันดับ2ได้แก่นางสาวปนัดดาพงษ์เกษมวิวัฒน์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือจากทีมเพอร์เพิลบลู(PurpleBlue)และรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมได้แก่นายทวีศักดิ์นาคเสนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีจากทีมนาวี(Navy)

“นายปรัชญาชัยศิริลาภ”ปีที่2สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกล่าวถึงเรื่องเทคนิคการสร้างหุ่นยนต์ที่ทำให้คว้าแชมป์โลกของทีมเยลโล่ว่าทีมเยลโล่สามารถสร้างหุ่นได้เสร็จก่อนเวลาจึงทำให้มีเวลาในการฝึกซ้อมมากกว่าทีมอื่นสามารถแก้ไขจุดบกพร่องและเพิ่มเติมเทคนิคที่ดีในการช่วยเก็บคะแนนได้รู้สึกดีใจมากที่ทีมคว้าแชมป์โลกมาได้ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมากนักเพราะ4ทีมสุดท้ายที่เข้ารอบชิงล้วนมีเด็กไทยอยู่ในทุกทีมคิดว่าถ้าเราตกรอบยังไงก็ยังมีเพื่อนคนไทยคนอื่นที่จะสามารถคว้าแชมป์ให้กับประเทศไทยได้เช่นกัน

“การได้เข้าร่วมแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์ระดับนานาชาติในครั้งนี้นับเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกหลายๆอย่างทั้งในเรื่องการทำงานกับเพื่อนต่างชาติต่างวัฒนธรรมได้เรียนรู้สไตล์การทำงานของต่างชาติว่าเป็นยังไงทำให้ช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ของผมได้มากขึ้นทีเดียว”

ด้าน“นายทวีศักดิ์นาคเสน”ปีที่3คณะวิศวกรรมยานยนต์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเจ้าของรางวัล“การออกแบบยอดเยี่ยม”กล่าวว่าดีใจที่สามารถคว้ารางวัลมาได้ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นที่ทำให้ทีมนาวีคว้ารางวัลเพราะมีการทำงานแบบมีหลักการคือมีการระดมความคิดเรื่องการออกแบบหุ่นยนต์กันถึง3วันก่อนจะลงมือสร้างทำให้ได้หุ่นยนต์ที่สวยงามและแข็งแรง

“ผมได้รับประสบการณ์ที่มีค่ามากจากการแข่งขันในครั้งนี้โดยเฉพาะภาษาเพราะเราต้องใช้สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมและได้เรียนรู้สไตล์การทำงานของต่างชาติอย่างอเมริกาจะทำงานเป็นระบบมีหลักการส่วนฝรั่งเศสจะทำงานละเอียดมาก”

รศ.ดร.วีระศักดิ์อุดมกิจเดชาผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค)สวทช.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในฐานะผู้ส่งเสริมการส่งเด็กไทยไปเข้าร่วมการแข่งขันกล่าวว่านับเป็นความสำเร็จอย่างมากที่เด็กไทยคว้ามาได้ถึง4รางวัลถือเป็นการช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเด็กไทยได้มีโอกาสพัฒนาสู่เวทีในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้นและในปีหน้ามีแนวทางหาพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มสู่การพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมได้ต่อไปและขยายการแข่งขันสู่ระดับภูมิภาค

นับเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะช่วยจุดประกายเด็กไทยให้หันมาสนใจเรื่องการออกแบบการประดิษฐ์หุ่นยนต์และด้านเทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้าของประเทศในอนาคต.
สาวสายเดี่ยว

 

ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก รักษาสุขภาพให้ดีด้วยครับ กินวิตามินซีทุกวัน ออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนเยอะๆ อย่าให้โดนฝนครับ

เมื่อวานผมไข้ 39.7 องศา ทรมานมากครับ ได้ยาทามิฟลู ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 มากินตอนนี้ ดีขึ้นมากครับ

 

ผลกระทบโลกร้อนกับเมืองไทย​

​

​

​

​

​

​

สารคดีพิเศษ : โลกร้อน ความจริงที่ทุกคนต้องรับรู้ – น้ำท่วม โรคระบาด และบทเรียนเมื่อโลกร้อนมาเยือนไทย

ที่จริงติดตามเรื่องโลกร้อนมานานพอสมควรแล้วครับ แต่พอทราบข้อมูลจากสารคดีแล้ว รู้สึกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเริ่มใกล้ตัวชัดเจนขึ้นมาก และคิดว่าเราคงจะอยู่ในยุคนี้ไปอีกอย่างน้อยสิบปี ถึงแม้มนุษย์จะกลับตัวกลับใจบ้าง(แต่ก็ไม่ทันแล้ว)

จุดน่าสนใจอีกเรื่อง คือภาวะกัดเซาะชายฝั่งทะเลของเมืองไทยเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ใครต่อใครไม่ค่อยรู้ตัวครับ ภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล แต่ที่แน่ๆ รัฐเสียงบประมาณในการรับมือปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไม่น้อย แต่ยังไม่อาจหยุดยั้งได้

ประเทศไทยมีแนวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้น ๒,๖๖๗ กิโลเมตร ่บริเวณที่ประสบปัญหารุนแรงในปัจจุบัน คือชายฝั่งทะเลจังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งมีการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า ๒๕ เมตรต่อปี โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ มีการกัดเซาะจมน้ำไปแล้ว ๑๑,๑๐๔ ไร่

แนวเขื่อนป้องกันแรงกระแทกของคลื่นตลอดหน้าวัดขุนสมุทราวาส แสดงให้เห็นความพยายามของชาวบ้าน เพื่อจะรักษาชายฝั่งที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาเรื่อยๆ จนบัดนี้ผ่านมา ๑๐ กว่าปีแล้ว ความช่วยเหลือจากทางการก็ยังเดินทางมาไม่ถึง ริมสุดด้านซ้ายคือเสาไฟฟ้าโผล่ให้เห็นโด่เด่อยู่กลางทะเล เป็นหลักฐานยืนยันว่าทะเลตรงนั้นเคยเป็นถนนมาก่อน

หลักเขตกรุงเทพมหานคร หลักเขตที่ ๒๘ เดิมเป็นหลักเขตกั้นระหว่างเขตบางขุนเทียน กับอ่าวไทย บริเวณนี้เคยเป็นแผ่นดินมาก่อน ปัจจุบันถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเหลือแต่หลักเขต ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่ง ๘๐๐ เมตร โบสถ์วัดขุนสมุทราวาส จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเคยอยู่ห่างจากฝั่งทะเล ๑ กิโลเมตร ปัจจุบันพื้นที่โบสถ์บางส่วนกำลังจมน้ำทะเล

ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้น ๑.๑-๖.๔ องศาเซลเซียส ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ ๐.๓-๑.๑ เมตร และทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลต้องจมน้ำไปตลอด โดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยตอนบน รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะถูกน้ำท่วมลึกเข้ามาไม่น้อยกว่า ๖-๘ กิโลเมตร ที่จริงแล้วผลกระทบที่เข้าาจะเข้ามาอย่างช้าๆ แต่เอาแค่ง่ายๆ ท่วมกรุงเทพเข้ามาอีก 6-7 กิโลนี่ถึงไหนครับ นับจากหลักเขตกรุงเทพมหานคร หลักเขตที่ ๒๘ ที่ท่วมอยู่ตอนนี้…

ผลจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลาย และสภาวะโลกที่โดนมนุษย์รบกวนยังไม่หมดแค่นี้นะครับ ที่สำคัญ คือยังมีคนอีกมากไม่สนใจ เราน่าจะกำลังเดินไปสู่ผลลัพธ์ของการกระทำมนุษย์ร่วมกันทั่วโลก ภาษาพุทธเรียกว่า รับกรรม เป็นกรรมที่มนุษย์ก่อขึ้น มนุษย์ก่อกรรมใดไว้ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นร่วมกันโดยไม่มีข้อแม้ นึกถึงคนที่ลงเรือลำเดียวกัน ฝ่าลมหนาวในทะเลไปยังอนาคต คนกลุ่มนึงเห็นแก่ตัวเลาะไม้จากเรือไปเผาให้อุ่น โดยที่คนอื่นไม่ห้าม บางคนยังเห็นว่าคนที่บอกนั้นตีโพยตีพาย ไม้จากเรือแค่นี้ไม่ทำให้เรือจมหรอก เรือมันก็ค่อยๆหมดสภาพลงทีละน้อย และเมื่อเรือถึงเวลาจม คนที่ไม่ห้ามก็ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ใดใดกับความตายที่จะมาเยือน จริงไหมครับ..

โดยคุณ : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

27 Jun 2007 by G®anun

ที่มา http://www.geranun.com/archives/71

 

ที่ขุนสมุทรจีน สมุทรปราการเป็นหนังตัวอย่าง ภาพแบบนี้เกิดได้อีก กับหลายพื้นที่ใน กทม. และชานเมือง ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล ถ้ายังไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น

แต่ที่ขุนสมุทรจีน มีนักวิชาการจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรร์มหาวิทยาลัย ไปทำโครงการวิจัยในนาม สกว. ร่วมกับนักวิจัยชาวบ้าน ทำเขื่อนสลายกำลังคลื่น ที่ให้ผล 3 อย่างคือ

ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่ม พาตะกอนดินกลับมา แล้วก็คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ป่าชายเลน น่าเสียดายว่า เฟดแรก กับเฟดสอง ได้ผลดีตรงเป้าเข้าประเด็นทุกอย่าง

แต่พอจะวางแนวเขื่อนเพิ่มในเฟดสาม อาจารย์หัวหน้าโครงการ ยังขาดทุนจัดแท่งปูนมาปักเป็นเขื่อน งานนี้ยังรอความช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย

 

ยังดีที่ยุคนี้มีพระโพธิสัตว์อธิษฐานบำเพ็ญบารมีลงมาเกิดช่วยดับทุกข์เข็ญจำนวนพอสมควร

ข้อสังเกตพระโพธิสัตว์แต่ละท่านคือ จะแน่วแน่ทำดีเพื่อสรรพชีวิตทั้งคนและสัตว์ หรือสิ่งแวดล้อมเพื่อส่วนรวม แบบปิดทองหลังพระ ไม่หวังประโยชน์อะไรเข้าตัว ไม่หวังเด่นดัง เจอแต่เรื่องลำบากลำบน

ถนนสำหรับพระโพธิสัตว์ไม่ได้โรยด้วยกลับดอกไม้ บางทีก็เจอก้อนอิฐขว้างปา

 

นี่ก็หนังตัวอย่าง


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ดินถล่ม” ในกัวเตมาลา ดับหลายสิบศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>6 กันยายน 2553 09:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

เอเอฟพี - ประธานาธิบดี อัลวาโร โคลอม แห่งกัวเตมาลา ประกาศ “เหตุโศกนาฏกรรมแห่งชาติ” เมื่อวันอาทิตย์ (5) หลังเกิดดินถล่มคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 37 คน สูญหายอีกหลายสิบคน

ประธานาธิบดี โคลอม ประกาศภาวะฉุกเฉินท่ามกลางความหวั่นวิตกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากดินถล่มหลายแห่งภายในประเทศ ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ อาจเพิ่มสูงขึ้นอีก

เจ้าหน้าที่เผยว่า มีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยราว 40,000 คน ส่วนอีก 11,686 คนถูกอพยพออกจากพื้นที่

เมื่อวันอาทิตย์ (5) เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างผู้เสียชีวิต 9 ร่างขึ้นจากหลุมลึก 300 เมตรใกล้กับทางหลวงแพน-อเมริกัน ทางตะวันตกของกรุงกัวเตมาลาซิตี้

โฆษกหน่วยดับเพลิง เซซิลิโอ ชากาช ระบุว่า ประชาชนราว 40 คนถูกฝังอยู่ใต้โคลน ขณะพยายามช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในยานพาหนะ 5 คันและรถบัส 1 คันที่ถูกดินถล่มโถมทับก่อนหน้านี้

บนถนนสายเดียวกัน รถบัสอีกคันหนึ่งถูกโคลนถล่มทับใกล้เมืองชิมาลเตนังโก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และหน่วยกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ 20 คน

เดวิด เดอ เลออง โษฆกศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติเผยว่า ฝนที่ตกหนักในวันอาทิตย์ (5) ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องระงับชั่วคราวจนถึงวันจันทร์ (6) โดนขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 37 ราย สูญหาย 23 ราย

ศูนย์ความร่วมมือเพื่อลดภัยพิบัติแห่งชาติของกัวเตมาลารายงานเหตุดินถล่ม กำแพงถล่ม และโคลนถล่ม เกือบ 200 แห่งทั่วประเทศ

ทางการกัวเตมาลาสั่งปิดบางส่วนของถนนหลวงสายแพน-อเมริกัน เนื่องจากคาดว่าจะมีฝนตกมากขึ้น

ประธานาธิบดีโคลอมสั่งให้หน่วยกู้ภัยระงับการปฏิบัติงานชั่วคราวหากมีฝนตกหนักในพื้นที่ พร้อมเตือนว่า รัฐบาลมีงบประมาณเหลือไม่มาก สำหรับจัดการกับภัยธรรมชาติครั้งนี้ เนื่องจากประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดจากพายุอากาธาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา


</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** ประเทศสยาม ****

เราจะไปหวังอะไร ...
ในเมื่อ ตัวเราก็ไม่ได้ทำความเที่ยงอะไรให้ตัวเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สยาม ****

เราจะไปคาดหวังอะไร....
ในเมื่อ เราก็ไม่ได้ทำความเที่ยงอะไรให้กับตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

======================================


5 ก.ย. 53


โอ้น่าเศร้า--------ที่คนเรา---------ยังไม่ตื่น
ยังดูดดื่ม---------กับอบาย--------ไร้เหตุผล
อีกทั้งยัง---------หลงมัวเมา-------สำคัญตน
คงมืดมน---------หลงเข้าสู่--------อเวจี

ฟ้าเลื่อนลั่น-------แผ่นดินแยก-------แตกระแหง
ยังคิดแกล้ง-------สำคัญผิด-------- -คิดเป็นอื่น
คงไม่เกิด---------กับคนเรา-------- -ทั่วทุกพื้น
เกิดที่อื่น----------ยังห่างไกล--------ใจเย็นๆ

ถ้าตราบใด---------ประเทศเรา-------อยู่บนโลก
คงต้องโศรก-------เมื่อภัยมา---------เหมือนเพื่อนบ้าน
ควรจะรีบ----------เตรียมการ---------รอรับมาร
เดี๋ยวจะอาน--------ถ้าไม่เชื่อ---------ต้องคอยดู

ช่างน่าขัน--------คิดจะหนี-----------ยังเลือกที่
ทำเป็นที่---------พักผ่อน------------หย่อนอุรา
ชีวิตตน----------และครอบครัว-------รอดไหมนา?
ผมไม่กล้า--------รับรองผล-----------ตนรู้ดี

ถ้าคิดหนี--------ก็ต้องหนี-----------ให้พ้นภัย
ไม่ว่าไกล--------หรือใกล้-----------ใช่ปัญหา
อยู่ที่คุณ---------ความดี-------------ที่ก่อมา
จะช่วยพา--------ให้ท่านรอด---------และปลอดภัย

ส่วนผู้ที่------------มีความดี-----------ควรเตรียมการ
เหล่าหมู่มาร--------คอยจ้องคิด--------ปิดทางหนี
รีบเตรียมการ-------อย่าชักช้า-----------และรอรี
ทุกชีวี--------------มีคุณค่า------------รักษาไว้

ถ้าจะหนี-----------ขอให้เข้า---------เป็นกลุ่มๆ
ที่หมายมุ่ง---------นำคนดี-----------ให้พ้นภัย
อย่าได้ไป----------เฉพาะตน---------คนรอบกาย
เกิดเหตุร้าย--------ช่วยไม่ทัน---------เพราะกรรมมี

เมื่อเข้ากลุ่ม---------เข้าไปช่วย---------อย่างเต็มที่
ทั้งมันนี่-------------และแรงกาย--------ถวายหัว
อย่าคิดช่วย----------แต่ตัวเอง----------และครอบครัว
เพื่อความชัวร์--------ความอยู่รอด-------ทั้งปลอดภัย



องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

เด็ดดอกไม้จะสะเทือนถึงดวงดาว ได้หรือเปล่านะ


<TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=#00ac00 cellPadding=5 width=620 bgColor=white><TBODY><TR><TD bgColor=#008600 align=middle>เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว อะไรจะเกิดขึ้น !? </TD></TR><TR><TD>
<TABLE border=0 width=610 align=center><TBODY><TR><TD>มติชน
ยุคน้ำแข็งยุคสุดท้ายบนโลกผืนแผ่นดินถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง (Glaciers) จำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันนี้ธารน้ำแข็งเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หากธารน้ำแข็งทั้งหมดบนโลกและน้ำแข็งอื่นๆ บนพื้นผิวละลายไปจนหมด ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 270 ฟุต หรือ 70 เมตร

ธารน้ำแข็งอาจมีอายุยาวนานหลายล้านปี การเปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มขึ้นหรือการหดตัวของธารน้ำแข็งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปกติธารน้ำแข็งจะไหลหรือเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และใช้เวลาเป็นศตวรรษหรือนับพันปี ทว่าขณะนี้มันเปลี่ยนแปลงภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น


ปี ค.ศ.2003 ดาวเทียมตรวจสภาพแวดล้อม "เทอรา" ขององค์การนาซ่าตรวจพบว่าน้ำแข็งบริเวณอาร์กติกเซอร์เคิลขั้วโลกเหนือละลายไปเป็นจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์โครงการเทอรากล่าวว่า นี่คือหลักฐานแสดงว่าโลกร้อนขึ้น ซึ่งเกิดจากน้ำมือของมนุษย์และเป็นสัญญาณในระดับอันตราย


ต่อมาในปี ค.ศ.2004 นักวิทยาศาสตร์สองทีมเผยผลการศึกษาสภาวะโลกร้อนขึ้น ซึ่งได้ผลตรงกันว่าอุณหภูมิของโลกสูงขึ้นราว 1 องศาฟาเรนไฮต์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1900 และในบริเวณอาร์กติกอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 4-7 องศาฟาเรนไฮต์ ในรอบ 50 ปีเลยทีเดียว มันทำให้ปริมาณหิมะลดลงและธารน้ำแข็งละลายลงสู่ทะเล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังคุกคามต่อชีวิตหมีขั้วโลก 25 ปีที่ผ่านมา พวกมันลดจำนวนลง 15 เปอร์เซ็นต์ และน้ำหนักตัวลดลดลงด้วย

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งบริเวณแอนตาร์กติกาขั้วโลกใต้ และอาร์กติกขั้วโลกเหนือละลายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งก็ละลายจนแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาหลายก้อน


การศึกษาล่าสุดโดยทีมวิจัย British Antarctic Survey(BAS) นำโดย อลิสัน คุก ซึ่งตีพิมพ์ผลงานในนิตยสาร journal Science ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2005 เผยว่า ธารน้ำแข็งจำนวน 84 เปอร์เซ็นต์ ในบริเวณบางส่วนของแอนตาร์กติกาหดตัวจากการละลายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุอุณหภูมิที่สูงขึ้น

ทีมวิจัยบาสศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศจำนวน 2,000 ภาพ ซึ่งบางภาพถ่ายไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1940 รวมทั้งภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วย


คุกกล่าวว่า ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดบริเวณแอนตาร์กติกาซึ่งไหลลงจากภูเขาสู่ทะเลยาวขึ้นอย่างช้าๆ ตลอดมา ทว่า เดี๋ยวนี้มันกลับตรงกันข้าม "5 ปีหลังธารน้ำแข็งส่วนใหญ่หดตัวอย่างรวดเร็ว"

เดวิด วอนจ์ นักธารน้ำแข็งวิทยา หนึ่งในทีมสำรวจบอกว่า"การหดตัวของธารน้ำแข็งจำนวนมากบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกาในช่วงเวลา 50 ปี มีสาเหตุใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ"


<TABLE style="WIDTH: 108px; HEIGHT: 40px" border=0 cellSpacing=10 align=left><TBODY><TR><TD>
(ภาพบน) ภาพถ่ายปริมาณน้ำแข็งบริเวณอาร์กติกเซอร์เคิล โดยดาวเทียมเทอราเมื่อปี ค.ศ. 1979

(ภาพล่าง) ภาพถ่ายปริมาณน้ำแข็งบริเวณอาร์กติกเซอร์เคิล โดยดาวเทียมเทอราเมื่อปี ค.ศ. 2003 </TD></TR></TBODY></TABLE>ทีมวิจัยบาสเคยทำนายไว้ในปี ค.ศ. 1998 ว่า แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งหลายก้อนรอบๆ คาบสมุทรแอนตาร์กติกาจะละลายเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น

คำทำนายนี้กลายเป็นความจริงและรุนแรงกว่าที่คาดหมายไว้มาก มันเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 7 มีนาคม 2002 แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งชื่อ ลาร์เซน บี (Larsen B ice shelf) ขนาด 3,250 ตารางกิโลเมตร และหนา 200 เมตร ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรแอนตาร์กติกาแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ และเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกนับพันชิ้น ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดยาว 100 ไมล์ ชื่อ B15A และกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 1 มกราคม 2005 แผ่นน้ำแข็งลาร์เซน บี แตกอีกครั้งหนึ่ง ส่วนที่แตกออกกลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง ขนาด 16 คูณ 35 ตารางไมล์ ชื่อ A-53


ทีมวิจัยบาสเชื่อว่า อากาศบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกาคงที่เป็นเวลาอย่างน้อยที่สุด 1800 ปี แต่ปัจจุบันนี้มันกำลังเปลี่ยนแปลงไป 50 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิบริเวณนี้สูงขึ้น 4.5 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 2.5 องศาเซลเซียส มากกว่าพื้นที่อื่นๆ ในบริเวณขั้วโลกใต้

ทางด้านอาร์กติกขั้วโลกเหนือ ธารน้ำแข็งก็หดสั้นลงและละลายอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับขั้วโลกใต้


ปลายเดือน ธันวาคม 2004 ทีมสำรวจธารน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์รายงานว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ชื่อ "Jakobshavn Isbrae" มีอัตราการละลายเป็นสองเท่าจากเดิมและไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว ธารน้ำแข็งนี้เคยไหลลงทะเลในอัตราความเร็ว 3.45 ไมล์ต่อปี ในระหว่างปี 1992-1997 แต่ในปี 2003 มันไหลด้วยอัตราความเร็ว 7.83 ไมล์ต่อปี และความหนาของมันลดลงราว 49 ฟุตในทุกๆ ปีนับตั้งแต่ปี 1997เป็นต้นมา

ผลจากการละลายอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น .002 นิ้วต่อปี(.06 มิลิเมตร) หรือราว 4 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเพิ่มของระดับน้ำทะเลในศตวรรษที่ 20 และธารน้ำแข็งอื่นๆ ในกรีนแลนด์ก็บางลงประมาณ 1 เมตรต่อปี ซึ่งเกิดจากการละลายด้วยสาเหตุโลกร้อนขึ้น


โลกร้อนขึ้นเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก(greenhouse effect) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ชั้นบรรยากาศของโลกถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งกั้นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ตกลงบนผิวโลกไม่ให้สะท้อนกลับขึ้นสู่อวกาศ เหมือนเรือนกระจกที่ใช้เพาะปลูกต้นไม้ในประเทศเขตหนาว ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านเข้าไปภายในเรือนกระจกได้แต่ความร้อนยังคงอยู่ภายใน



<TABLE style="WIDTH: 120px; HEIGHT: 40px" border=0 cellSpacing=10 align=left><TBODY><TR><TD>
แผ่นน้ำแข็ง ลาร์เซน บี ถ่ายจากเรือสำรวจ เจมส์ คลาร์ก รอส ของทีม วิจัยบาส เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2002 </TD></TR></TBODY></TABLE>ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญมี 6 ชนิด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO 2) ก๊าซมีเทน(CH 4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์(N 2 O) ก๊าซไฮโดรฟลูโรคาร์บอน(HFCS) ก๊าซเปอร์ฟลูโรคาร์บอน(CFCS) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซ่าฟลูโอโรด์(SF6) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมและยานยนต์เพิ่มปริมาณจาก 278 ส่วนในล้านส่วนก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็น 380 ส่วนในล้านส่วนในปี 2003

ผลการศึกษาภาวะโลกร้อนชิ้นล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์นาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์เบิร์กเลย์ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารไซน์ ฉบับล่าสุดสรุปว่า โลกดูดกลืนพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าที่สะท้อนหรือแผ่กลับไปสู่อวกาศทำให้พลังงานอยู่ในสภาวะ "ไม่สมดุล" ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น


ความไม่สมดุลของพลังงานมีค่าเท่ากับ 0.85 วัตต์ต่อตารางเมตร ซึ่งจะทำให้โลกร้อนขึ้น 0.6 องศาเซลเซียส หรือ 1 องศาฟาเรนไฮต์


เมื่อสิ้นสุดศตวรรษนี้

จิม แฮนเซน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ จาก NASA"s Goddard Institute for Space Studies อธิบายว่า ความไม่สมดุลของพลังงานเป็นผลมาจากพอลลูชั่นในชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน โอโซน และอนุภาคคาร์บอนดำ พอลลูชั่นเหล่านี้กั้นความร้อนที่แผ่จากโลกที่ไปยังอวกาศ และยังเพิ่มการดูดกลืนแสงอาทิตย์อีกด้วย


เมื่อ 30 ปีก่อน นักอุตุนิยมวิทยาทำนายไว้ว่าภาวะโลกร้อนจะปรากฏเด่นชัดในบริเวณขั้วโลก ขณะนี้มันกลายเป็นความจริงแล้ว

การเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งที่ขั้วโลกไม่เพียงแต่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเท่านั้น แต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะทางเคมีในมหาสมุทร การไหลเวียนของบรรยากาศและมหาสมุทรและระบบอากาศของโลกด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมหนักในออสเตรเลีย เตือน ปชช.อพยพจากที่อยู่อาศัย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>6 กันยายน 2553 14:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000124700&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ชาวออสเตรเลียหลายร้อยคนใน 11 เมืองหลวง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับคำเตือนให้อพยพออกจากที่อยู่อาศัย เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงสุดสัปดาห์

ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนอย่างน้อย 300 หลังคาเรือน พายุรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้เกิดดินถล่ม กระแสไฟฟ้าดับ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อขึ้นระดับสูงสุด

หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินของรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือนได้แล้วกว่า 100 หลัง ทางการเตือนว่า คงอีกหลายวันกว่าแม่น้ำหลายสายต่างๆ จะลดระดับลง


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<CENTER>[SIZE=+0] ปรากฎการณ์ธรรมชาติผลกระทบวิกฤต ''โลกร้อน!'' [/SIZE]</CENTER>


<CENTER></CENTER>


ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น

แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯ

สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน

คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย

สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้น

สัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว

"พืช" ขั้วโลกคืนชีพ
ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี

แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง

กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ

ทะเลสาบหายสาบสูญ
เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่ง ได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ผอ.เขื่อนภูมิพลเผยหยุดระบายชั่วคราวแก้นํ้าท่วมภาคกลาง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดเริ่มคลี่คลายลง นํ้าป่าจากเทือกเขาใหญ่ที่ไหลบ่าเข้าท่วมถนนมิตรภาพ ในเขตอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ลดระดับสู่ภาวะปกติแล้ว

ขณะที่ชาวบ้านกว่า 500 หลังคาเรือน ใน ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา ยังคงระทมทุกข์ หลังมีน้ำท่วมขังถนนทางเข้าหมู่บ้านสูง เกือบ 1 เมตร ต้องใช้เรือสัญจรแทนรถ ด้านชาวพิจิตร ป่วยเป็นโรคตาแดงและเท้าเปื่อย สั่งเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำยมที่กำลังเอ่อล้นตลิ่ง ผอ.กฟผ.เขื่อนภูมิพล เผย เขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก และจะหยุดระบายน้ำชั่วคราวเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมอุตุฯระบุพายุโซนร้อน "หม่าโหล" (MALOU) จ่อถล่มเกาหลีและญี่ปุ่น เตือนให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง

สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเริ่มคลี่คลายลงแล้ว ขณะที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลาง ดึกวันที่ 4 ก.ย. ต่อเนื่องวันที่ 5 ก.ย. ได้เกิดฝนตกลงมา อย่างหนักในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.สระบุรี จากนั้น มีน้ำป่าจากเขาใหญ่ ไหลบ่าเข้าท่วม อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เขตติดต่อ จ.นครราชสีมา และทะลักลงมาท่วมพื้นที่ตลาด พีทีไอ พลาซ่า หมู่ 7 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก ระดับน้ำสูง ถึง 30 ซม. ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของหนีกันอย่างทุลักทุเล จากนั้นน้ำป่าไหลบ่าท่วมหมู่บ้านซับบอน หมู่ 5 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ท่วมบ้านเรือนประชาชน 10 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูงราว 1 เมตร กระแสน้ำยังเอ่อ เข้าท่วมถนนมิตรภาพ ช่วงหลัก กม.ที่ 28-29 หน้าโรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง การจราจรติดขัดยาวเหยียด กระทั่ง ค่อนรุ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฝนตกหนัก และมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 500 หลังคาเรือนในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 2 บ้านหนองตะลุมปุ๊กเก่า 60 หลังคาเรือน หมู่ 8 บ้านหนองตาคง 60 หลังคาเรือน และหมู่ 10 บ้านหนองตะลุมปุ๊กใหม่ 400 หลังคาเรือน เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถแบ็กโฮทุบเกาะ

กลางถนนสายราชสีมา-โชคชัย ช่วงหลัก กม.ที่ 6-7 หน้า ทางเข้าโครงการหมู่บ้านจัดสรรของเอกชน

เพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังหมู่บ้านและพื้นถนน ส่งผลให้ระดับน้ำลดลง จนเปิดช่องจราจรให้รถสัญจรได้ตามปกติ แต่ถนนทางเข้าหมู่บ้านยังคงมีน้ำท่วมขังสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้าน ต้องใช้รถบรรทุกและเรือท้องแบนเป็นพาหนะในการสัญจร หากฝนไม่ตกลงมาอีก ระดับน้ำน่าจะลดเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3 วันนี้

จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหมู่ 1-11 ต.รังนก อ.สามง่าม ชาวบ้าน ต.ไผ่ท่าโพ และชาวบ้าน ต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร

ที่ถูกน้ำจากแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนและไร่นาเสียหายนับหมื่นไร่ ได้พากันพายเรือออกมารับแจกถุงยังชีพและน้ำดื่ม จำนวน 2,200 ชุด ตลอดจนมาตรวจสุขภาพจาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านเริ่มจะเป็นโรคตาแดงและเท้าเปื่อย สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พิจิตร ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะน้ำล้นตลิ่งด้านแม่น้ำยม เริ่ม ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

จ.ตาก สถานการณ์การเก็บกักน้ำในเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังคงมีปริมาณน้ำเหนือไหลเข้าอ่างอย่างต่อเนื่อง

โดยวันนี้มีน้ำไหลเข้า 54.71 ล้าน ลบ.ม. ทำให้มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นเป็น 5,282 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลยังรับได้อีก 8,179 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 61.03 เปอร์เซ็นต์ นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผอ.กฟผ.เขื่อนภูมิพล เปิดเผยว่า เขื่อนภูมิพลยังระบายน้ำตามแผนที่กรมชลประทานกำหนดไว้เฉลี่ยวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. เพื่อให้พื้นที่ลุ่มน้ำตั้งแต่ อ.สามเงาเป็นต้นไป มี ปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา และหล่อเลี้ยงระบบ นิเวศ ในระยะนี้จะยังไม่มีการปรับแผนการระบายน้ำเพิ่ม เนื่องจากมีปริมาณน้ำเหนือในแม่น้ำวังจากพื้นที่ จ.ลำปาง ไหลบ่ามาสมทบลงแม่น้ำปิง ที่หมู่บ้านปากวัง อ.บ้านตาก จ.ตาก ค่อนข้างมาก เฉลี่ยราว 160 ลบ.ม.ต่อวินาที ทั้งนี้ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาไม่ให้ เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่ง เขื่อนภูมิพลจึงหยุดการระบายน้ำชั่วคราวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมสูงท้ายเขื่อน

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศ ว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

ประกอบกับมี หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ราบบริเวณลุ่มน้ำต่างๆ ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่งที่เกิดขึ้นได้ในระยะนี้ อนึ่ง ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เนื่องจากมีพายุโซนร้อน "หม่าโหล" (MALOU) กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น.ร.ป่วย"หวัด09"ร.ร.สั่งปิดแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 อ.จุน จ.พะเยา

พบมีนักเรียนป่วยติดเชื้อไข้หวัดฯ 2009 จำนวน 1 ราย ทำให้ทางผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีประกาศปิดโรงเรียนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.เป็นต้นไป โดยแจ้งให้ผู้ปกครองไปรับบุตรหลานที่อยู่ประจำในโรงเรียนกลับไปเฝ้าระวังอาการที่บ้านต่อไป ทั้งนี้ โรงเรียนราชประชาฯ เป็นโรงเรียนประจำ ดังนั้น จึงต้องให้นักเรียนกลับไปเฝ้าระวังตัวเองที่บ้านโดยให้ผู้ปกครองร่วมสังเกตด้วย

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบว่าโรงเรียนอนุบาลบ้านถ้ำ ต.บ้านถ้ำ อ.ดอกคำ ใต้ จ.พะเยา พบว่ามีการระบาดของเชื้อโรคปากเท้าและมือ ในนักเรียน จนทางฝ่ายบริหารประกาศปิดโรงเรียนเพื่อล้างทำความสะอาดโรงเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน คาดว่าจะปิดต่อจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจะคลี่คลาย

แพทย์หญิงอารีย์ ตันบรรรจง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พะเยา กล่าวว่า เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อโรค

ประชาชนจะต้องระมัดระวังสังเกตและทำการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ตลอดจนการรักษาให้หายเป็นปกติ ขณะนี้พบว่าสถานศึกษาหลายแห่งกำลังประสบเหตุการณ์ดังกล่าวหลายพื้นที่ ดังนั้น ผู้ปกครองจะต้องเฝ้าระมัดระวังบุตรหลานของตนเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคระบาดเหล่านี้ พร้อมกันนี้สถานศึกษาที่มีมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและแก้ปัญหา ทันทีที่พบการระบาดจะต้องดำเนินการปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาทำถูกต้องแล้ว จากนั้นก็ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ในสถานศึกษาเพื่อกำจัดและทำลายเชื้อโรคจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจะดีขึ้นและหายไป

"ได้ตรวจสอบข้อมูลและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของสสจ.ลงไปทำการสอบสวนโรคในที่เกิดเหตุต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาได้ทันการณ์" พ.ญ.อารีย์กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกษตรกรร้องรบ.ชดเชยน้ำท่วมนาเสียหายหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน ว่า วันที่ 6 กันยายนนี้

จะมีการประชุมผู้แทนกลุ่มเกษตรกรระดับประเทศ ที่ จ.เชียงราย จัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสาขาอาชีพต่างๆ จากทั่วประเทศเข้าประชุม ซึ่งในส่วนของสมาคมชาวนาไทยจะนำปัญหาเร่งด่วนเรื่องน้ำท่วมพื้นที่นาทั่วประเทศเสนอในที่ประชุม โดยขอเสนอให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งยกเครื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบทั่วประเทศ ปรับปรุงระบบชลประทานใหม่ทั้งหมด เพราะหากเป็นแบบนี้ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวของประเทศ รวมทั้งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชาวนาไทยที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ

"ส่วนกรณีน้ำท่วมพื้นที่นาไปแล้ว รัฐบาลควรต้องมีการเร่งเยี่ยมชดเชยความเสียหาย โดยนา 1 ไร่ หากปลูกข้าวไปแล้วและมาถูกน้ำท่วม จะขาดทุนประมาณ 4,000-5,000 บาท/ไร่ จึงอยากให้มีการจ่ายเงินชดเชยให้บ้าง ส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าใดก็อยู่ที่ดุลพินิจของรัฐบาล" นายวิเชียรกล่าว


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แม้โลกกำลังจะแตก หากอยากมีผมดำ หรือโกรกผมสีสวยๆ ให้ระวัง แชมพูจาก BSY

ผมโดนเต็มๆ เลย 3700 บาท สั่งซื้อแชมพูสีดำ แล้วก็สีเปลือกมังคุดไปอย่างละกล่อง
นี่ก็ร่วมเดือนแล้ว ของก็ไม่มา โทรไปก็ไม่รับสายด้วย นี่มันเข้าข่ายฉ้อโกง หรือผมใง่กันแน่
ผมเลยลองสั่งซื้ออีกทีนี้กับคุณกร ชลบุรี เล่าเรื่องให้แกฟัง แกส่งมาให้ผมสองกล่องเลย คิดเงินกล่องเดียว
ผมต้องขอบคุณคุณกรไว้ ณ โอกาศนี้ด้วยครับ ที่ดูแลและเอาใจใส่ ซึ่งผมจะเอาไปขายต่อที่อเมริกาอีกทีหนึ่งครับ
อีกอย่าง ลูกพี่ของนางเปรมยุดา ก็ซื่อสัตว์เอามากๆ บอกได้คำโตๆ ไม่รู้ทำใงได้ รู้รับชอบแต่ไม่ขอรับผิด
ไม่มีมาตราการได หรือที่จะสอนลูกลายของตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องแจ้งให้บริษัท ทราบจะได้ไม่ไปปอกลอกใครเข้าอีก
ที่ผมเอาความเขลาของตัวเองมาเล่าให้ฟัง ก็เพราะอยากบอกกันไว้ เตือนกันไว้ก่อนถูกลวงเหมือนผม
เสียเงินไม่ว่า แต่มันเจ็บใจ บริษัท BSY ออกใหญ่โต ใหงให้คนเลวๆ เข้ามาอาศัยทำมาหาเงินแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
เราจะหาทางไม่ให้คนพวกนี้อยู่ได้ในสังคมของเราได้อย่างไร
ใครมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ วานบอกด้วย ขอบคุณเด๋อ...9จั่น (9de@live.com)
ช่วยกันเข้ามาดูและ comment หน่อยนะครับ เผื่อมันจะสื่อข้อมูลนี้ไปให้ BSY ได้ทราบบ้าง เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------
DANGER ระวัง == นี่เป็นข้อมูลของ เปรมยุดา == ระวัง DANGER
----------------------------------------------------------------------------------
นางสาวเปรมยุดา ศรีโยธิน
โทรมือถือ 086 892 3393
อีเมล์ bsy.thailand@live.com
อีเมล์ premyuda.yuda@gmail.com
อีเมล์ bsythailand69@yahoo.com
ถ้าให้โอนเงินเขข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขารังสิต เลขที่บัญชีสะสมทรัพย์ 165-5-71954-8
อย่าโอนนะ จะบอกให้ เดี๋ยวเสียค่าโง่ไม่รู้ด้วย
เว็บไซ้ เกี่ยวกับ B-Swan | BSYthai.com บีสวอนไทยทีม
เว็บไซ้

 

*** น้ำหิมาลัย ****

ไหลลง ...
แม่โขง สะโตง สาละวิน รองรับน้ำ​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "​

​

 

วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7221 ข่าวสดรายวัน


สเปนพบ"มนุษย์ถ้ำ"เปิบเนื้อคน-กินสมองเด็ก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>นักโบราณคดีศูนย์วิจัยวิวัฒนาการมนุษย์แห่งชาติในเมืองเบอร์กอส ประเทศสเปน ค้นพบสิ่งข้อมูลชวนตะลึงว่า มนุษย์ถ้ำในยุโรปเมื่อราว 800,000 ปีก่อน เปิบเนื้อคนเป็นอาหารและกินสมองเด็กเพื่อบำรุงร่างกาย

การศึกษาฟอสซิลกระดูกในสเปนมีทั้งกระดูกของกระทิงไบซัน กวาง แกะและสัตว์อื่นๆ และกระดูกมนุษย์ที่มีร่องรอยถูกเครื่องมือหินในยุคต้นตัดเลื่อยด้วย ซึ่งเป็นในลักษณะของการแซะเอามากิน นอกจากนั้นยังพบหลักฐานการผ่ากะโหลก ซึ่งเชื่อว่าผ่าเพื่อเอาสมองไปกิน

เบอร์มิวเดซ เดอ คาสโตร ผู้นำงานวิจัย กล่าวว่า เนื้อคนเป็นอาหารปกติของมนุษย์ในยุคโบราณ ส่วนสมองก็ถือเป็นอาหาร ชั้นเลิศ

กระดูกคนที่ถูกกินมีหลายยุคตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา ซึ่งชี้ว่ามนุษย์ไม่ได้กินกันเองเพื่อความอยู่รอดในช่วงขาดแคลนอาหารและไม่ได้กินเพื่อสังเวยความเชื่อทางศาสนาใดๆ เห็นได้จากกระดูกถูกสัตว์อื่นๆ มากัดแทะกินต่อ

เผยน้ำแข็งขั้วโลกแตก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>เผยเกาะน้ำแข็งขนาด 260 ตารางกิโลเมตร ที่มีขนาดใหญ่กว่าเกาะแมนฮัตตันในนครนิวยอร์กของสหรัฐ 4 เท่า แตกตัวออกมาจากภูเขาน้ำแข็ง "ปีเตอร์มันน์ กลาเซียร์" ซึ่งมีขนาดยักษ์ 1 ใน 2 หมู่เกาะของกรีนแลนด์ ถ้าเอาไปละลายเป็นน้ำจืดสามารถเลี้ยงประชากรสหรัฐได้นานถึง 4 เดือน

ศ.อังเดรส์ แมนโชว์ คณะสมุทรศาสตร์และวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ สหรัฐ กล่าวว่า เกาะนำแข็งที่แตกออกมาลอยเข้าไปในช่องแคบนาเรส ฝั่งตะวันตกของขั้วโลกเหนือระหว่างกรีนแลนด์และแคนาดา ปริมาณน้ำจืดในเกาะน้ำแข็งไหลผ่านแม่น้ำเดลาแวร์หรือฮัดสันได้นานกว่า 2 ปี

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ฟันธงว่าเกิดจากโลกร้อนหรือไม่ แต่ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อากาศทั่วโลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

สหรัฐสร้างปลา"แซลมอนจีเอ็มโอ" หวั่นกินแล้วก่ออันตราย!



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>ในขณะที่ความนิยมรับประทานปลาแซลมอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลทำให้ต้องล่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปลาแซลมอนในมหาสมุทรแอตแลนติกลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ล่าสุด บริษัทอะควา เบาน์ตี้ เทคโนโลยี จากสหรัฐเปิดตัว "ปลาแซลมอนตัดแต่งพันธุกรรม" หรือ "แซลมอนจีเอ็มโอ" ที่หวังว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณปลาในตลาดและลดการจับปลาจากแหล่งธรรมชาติลงได้ ขณะนี้องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) กำลังพิจารณาว่าปลอดภัยพอที่จะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคหรือไม่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้

นายโรนัลด์ สโตติช ผู้บริหารอะควา เบาน์ตี้ เทคโนโลยี เจ้าของแซลมอนตัดต่อพันธุกรรมที่มีชื่อว่า "อะคูแอดแวนเทจ" ซึ่งพัฒนาโดยเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยทีมนักวิจัยชาวแคนาดา กล่าวว่า ปลาแซลมอนจีเอ็มโอมีลักษณะเหมือนแซลมอนธรรมชาติ ไม่มีความแตกต่างใดๆ ปลาจะโตเท่าตัวเต็มไวในช่วงเวลาไม่ถึง 250 วัน ขณะที่ปลาจากแอตแลนติกใช้เวลาร่วม 400 วัน

อย่างไรก็ตาม มีกระแสต่อต้านจากกลุ่มนักโภชนาการและผู้บริโภคบางส่วนว่า ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าการตัดต่อพันธุกรรมปลาจะได้เนื้อปลาที่ปลอดภัย นายเจย์ดี แฮนสัน จากศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร กล่าวว่า โดยพื้นฐานนักวิจัยจะทำให้ปลามีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตแบบถาวรทำให้มันโตเร็ว จะได้ขายปลาได้เร็วๆ

ทั้งนี้ สหรัฐถือเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่เปิดกว้างกับอาหารที่ผ่านเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวโคลนนิ่ง หรือพืชตัดต่อพันธุกรรม

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
ใกล้สูญพันธุ์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>สหภาพนานา ชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ หรือ ไอยูซีเอ็น เผยแพร่ภาพพืชและสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์นานาชนิด รวมแล้วร้อยละ 21 ของสายพันธุ์แมลง ปอ กุ้ง หอย ปู ปลา และพืชน้ำ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>

พืชที่เห็นนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cadiscus Aquaticus อยู่ในวงศ์เดียวกับดอกเดซี่ มีถิ่นกำเนิดอยู่ตามหนองน้ำในแคว้นเวสเทิร์น เคป ของแอฟริกาใต้ ถูกคุกคามอย่างหนักจากการปศุสัตว์ และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตร

ส่วนปลาหมอสีท้องถิ่น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oreochromis karongae อาศัยอยู่ในทะเลสาบมาลาวี ชาวบ้านเรียกว่า "ปลาชัมโบ" เป็นแหล่งอาหารหลักของชาวบ้านมาช้านาน แต่การจับปลาเกินขนาด ทำให้เสี่ยงสูญพันธุ์ไปด้วย (ภาพ-เอเอฟพี)

ภาพประวัติศาสตร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>ภาพถ่ายเหตุ การณ์วาระครบรอบปีที่ 65 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ย. 2488 คณะของนายนาโมรุ ชิเงะ มัตสึ รัฐมนตรีต่างประเทศแห่งจักร วรรดิญี่ปุ่น เตรียมลงนามในสนธิสัญญายอมจำนนต่อกองกำลังสัมพันธ มิตร บนเรือรบยูเอสเอส มิสซูรี สังกัดกองทัพเรือสหรัฐ ขณะเทียบท่าอยู่ในอ่าวโตเกียว ปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ (ภาพ-เอพี)











เบอร์เกอร์ยักษ์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>






</TD></TR></TBODY></TABLE>สื่อมวลชนและผู้คนชมหัวหน้าพ่อครัวสองคนบรรจงปิ้งเนื้อที่จะใช้เป็นไส้ในแฮมเบอร์เกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 เมตร หนักราว 51 กิโลกรัม ในหมู่บ้านเลสโกแว็ก ซึ่งมีประเพณีการปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศที่มีชื่อเสียง ห่างจากกรุงเบลเกรด เมืองหลวงเซอร์เบีย ไปทางใต้ราว 250 กิโลเมตร (ภาพ-เอพี)

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]



ระนองเป็นไข้เลือดออกแล้ว133ราย



ระนอง - น.พ.ธงชัย กีรติหัตถยากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จังหวัดระนองมีผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปีถึงสิงหาคมรวม 133 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 10-14 ปี พบมากที่สุดที่ อ.เมือง รองลงมา คือ อ.กระบุรี สุขสำราญ กะเปอร์ และละอุ่น ตามลำดับ ขณะนี้เกิดการระบาดของไข้เลือดออกหลายพื้นที่ของประเทศไทยและมีอัตราเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า รวมถึงมีการระบาดในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด ทำให้เกรงว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้จังหวัดระนองเกิดการระบาดเพิ่มขึ้นได้ เพราะการเดินทางไปมาของประชาชน ประกอบกับสภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ยุงลายขยายพันธุ์และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

น.พ.ธงชัย กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังโดยการสำรวจลูกน้ำยุงลายตามบ้านเรือนและโรงเรียนยังคงพบมีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว เศษขยะที่ทิ้งเกลื่อนกลาด เป็นแหล่งน้ำขังสำหรับการวางไข่ของยุงลาย จึงขอแจ้งเตือนประชาชนให้ควรหมั่นตรวจสอบแหล่งน้ำขังภายในบ้านและบริเวณรอบบ้าน หากพบลูกน้ำยุงให้รีบกำจัดโดยใช้ทรายอะเบท ส่วนน้ำดื่มควรปิดฝาภาชนะให้มิดชิด สำหรับน้ำขังควรทำทางระบายน้ำให้ไหลได้สะดวก

ลำน้ำชี"ทะลัก-"จังหาร"จมบาดาล ขอนแก่นป่วน14อำเภอ-พิจิตรนาล่มแสนไร่



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ป้องกัน- กองพลพัฒนาที่ 3 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ได้ส่งทหาร 1 กองร้อยนำกระสอบทรายมาช่วยชาวบ้านบ้านคลองเป็ด ม.4 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังระดับน้ำในแม่น้ำวังทองเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว







</TD></TR></TBODY></TABLE>ร้อยเอ็ด - นายสำเริง บุญค้ำ เกษตรอำเภอจังหาร เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ก.ย.53) สถานการณ์ ลำน้ำชีล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาใน อ.จังหาร ได้ขยายวงกว้างออกไปแล้ว 4 ตำบล 30 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 545 ราย นาข้าวจมน้ำสูงกว่า 2 เมตร เสียหาย 4,941 ไร่ ได้แก่ ต.ผักแว่น, ต.ม่วงลาด, ต.แสนชาติ และต.ดินดำ

รายงานข่าวแจ้งว่า อำเภอที่อยู่ริมฝั่งลำน้ำชี ประกอบด้วย เชียงขวัญ, โพธิ์ชัย, เสลภูมิ, อาจสามารถ, พนมไพร และทุ่งเขาหลวง น้ำชีเริ่มล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมไร่นา คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ได้รับความเดือดร้อนแน่ ทางจังหวัดได้สั่งการใเตรียมรับมือน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว

จ.ขอนแก่น - นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผวจ.ขอนแก่น ประชุมหารือและช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ำ เนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำชีและระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์เริ่มมีปริมาณน้ำมากขึ้น ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้วโดยเฉพาะในเขตอ.แวงน้อย แวงใหญ่ มัญจาคีรี บ้านแฮด และอ.เมือง ในส่วนของการเกิดอุทกภัยจากน้ำท่วมในขอนแก่นมีทั้งหมด 19 อำเภอ 133 ตำบล 1,300 หมู่บ้าน มีถนนเสียหาย 574 สาย ฝายเสียหาย 1 แห่ง พื้นที่การเกษตร 13,689 ไร่ บ่อปลา 340 บ่อ มูลค่าความเสียหายกว่า 59 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ว 14 อำเภอ

ที่พิจิตร - สถานการณ์การณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง น้ำป่าและแม่น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วม อ.โพทะเล 5 ตำบล 47 หมู่บ้าน ถนนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย 20 แห่ง ไร่นาถูกน้ำท่วมอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,233 ครัวเรือน 10,376 คน ในส่วนบึงนารางถูกน้ำท่วม 5 ตำบล 31 หมู่บ้าน คือ ต.บางลาย ต.บึงนาราง ต.ห้วยแก้ว ต.แหลมรัง และต.โพไทรงาม ไร่นาถูกน้ำท่วมอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 378 ครอบครัว 968 คน สรุปสถานการณ์น้ำท่วมพิจิตรขณะนี้ น้ำท่วม 12 อำเภอ 61 หมู่บ้าน 516 ตำบล นาข้าวถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย 117,782 ไร่ ไม้ผลได้รับความเสียหาย 3,620 ต้น ถนนชำรุด 67 แห่ง ฝายทำนบเสียหาย 17 แห่งบ่อปลา 6 บ่อ สวนสาธารณะ ถูกน้ำท่วมเสียหาย 1 แห่งโรงเรียนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย 2 แห่ง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม 2,074 ครัวเรือน 65,981 คน

จวกตี๋สอนหมาจนติดบุหรี่



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>





</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 3 ก.ย. หนังสือพิมพ์จางเจียงเดลี่ ของจีน รายงานว่า ชาวบ้านในเมืองอู่จาง มณฑลหูเป่ย ภาคกลางของจีน ต่างรุมประณามนายเจิ้ง จื่อกวง พ่อครัววัย 23 ปีที่สอนให้ลูกสุนัขของตนเองสูบบุหรี่ตั้งแต่ 6 เดือนก่อน จนตอนนี้สุนัขตัวนี้ติดบุหรี่ไปแล้ว

นายเจิ้งให้สัมภาษณ์อย่างไม่รู้สึกรู้สาว่า ตอนแรกลูกสุนัขของตนชื่อ แบล็กกี้ ไม่ชอบบุหรี่เลย แต่ตนฝึกพ่นบุหรี่ใส่หน้ามันบ่อยๆ จนมันเริ่มชินกลิ่น จากนั้นตนก็จุดไฟบุหรี่ยัดใส่ปากมัน ถ้ามันยอมพ่น ตนก็จะให้อาหารเป็นรางวัล ตอนนี้เจ้าแบล็กกี้เลยติดบุหรี่ ต้องซื้อให้สูบวันละซอง

ด้านเพื่อนบ้านคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า นายเจิ้งเป็นเจ้านายที่เลวร้ายมากและน่าจะถูกลงโทษ


ชอบข่าวนี้ดูสนุกดี แต่สงสารหมามันติดยานะ
พ่นหนักขึ้น



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>




</TD></TR></TBODY></TABLE>ขี้เถ้าเขม่าควันพวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟซินาบังในหมู่บ้านซูกา นาลู ในจังหวัดสุมาตราเหนือของอินโดนีเซีย ส่งสัญญาณว่าจะระเบิดเป็นครั้งแรกในรอบ 400 ปี ทำให้ชาวบ้านรอบๆ ตื่นตระหนกอกสั่นขวัญหาย ทางการช่วยอพยพคนหนีอย่างเร่งด่วน และล่าสุดควันไฟเริ่มเป็นอุปสรรคต่อการบิน






หมีชอบกล้อง

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>




</TD></TR></TBODY></TABLE>ปกติ "หมี" เป็นสัตว์ขึ้นชื่อว่า ดุมาก

แต่ในสวนสัตว์ที่ชานตง ทางเหนือของจีน หมีควายตัวเมียชื่อ เถียนเถียน เป็นที่รักของเหล่านักท่องเที่ยว เพราะมันไม่ดุเวลาเข้าไปถ่ายรูปด้วย

เดิมทีเถียนเถียนต้องถูกบังคับให้ไปเล่นละครสัตว์ แต่โชคดีที่มันอ้วนตุ๊ เลยฝึกขี่จักรยานไม่ได้

เจ้าหน้าที่เลยเอามาให้ถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว แอ๊กท่าต่างๆ เช่น พิงรั้ว จ้องกล้อง และชอบมองอาหารที่คนถือมาด้วย

พี่เลี้ยงกล่าวว่า ที่มันชอบมากเป็นพิเศษคือ "เบียร์"

...สงสัยดื่มแล้วช่วยให้อารมณ์ดีน่ะ!

คำแนะนำรับมือ โรคไข้หวัดใหญ่ระบาด



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>



</TD></TR></TBODY></TABLE>สภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกกระหน่ำ อากาศหนาวๆ ร้อนๆ ช่วงย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ความเสี่ยงล้มป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากขึ้นตามไปด้วย

กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศคำแนะนำเรื่องการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ด้วยการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รวมทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

การแพร่กระจายเชื้อโดยได้รับเชื้อที่มากับละอองฝอยจากการไอจามของผู้ป่วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายป่วยได้เองภายใน 1 สัปดาห์ มีเพียงผู้ป่วยจำนวนน้อยที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง คนอ้วนมาก และสตรีมีครรภ์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 4-5 เท่าที่จะมีอาการรุนแรง

อย่างไรก็ตาม พบด้วยว่าคนที่มีสุขภาพปกติบางรายมีอาการป่วยรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ขณะนี้พบว่าเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในผู้ป่วยบางราย แต่ยังไม่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และยังไม่พบปัญหาการดื้อยาต้านไวรัสที่มีอยู่ ทั้งยาโอเซลทามิเวียร์ และยาซานามิเวียร์ ในระดับที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุข <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>



</TD></TR></TBODY></TABLE>

ปัจจุบัน ประเทศไทยย่างเข้าสู่ช่วงฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ฤดูฝนและฤดูหนาว ทำให้คาดการณ์ว่าอาจเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นในวงกว้าง ซึ่งการมีกิจกรรมการรวมตัวกันของคนหมู่มากในงานเทศกาลต่างๆ รวมทั้งสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้การแพร่กระจายเชื้อเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดในวงกว้าง ให้สามารถลดการป่วย การเสียชีวิต และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมให้ได้ดีที่สุด กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมในมาตรการป้องกันควบคุมโรคและการดูแลผู้ป่วย รวมทั้งการสำรองยาต้านไวรัส และจัดหาและให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งมีส่วนประกอบของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมอยู่ด้วย

สำหรับวิธีปฏิบัติตัวในหมู่ประชาชนทั่วไปเพื่อไม่ให้ล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ มีคำแนะนำ ดังนี้

1.ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้มีโรคอ้วน ควรไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

2.ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ด้วยกระดาษทิชชู หรือแขนเสื้อของตนเอง สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นไข้หวัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

3.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวและสิ่งของที่มีคนสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป

4.หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ป่วย (ในระยะ 1 เมตร) และในพื้นที่ที่มีการระบาด ไม่ควรเข้าไปในสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่น สถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน หากจำเป็นเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวต้องป้องกันตนเองอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรสวมหน้ากากอนามัย

และ 5.งดกิจกรรมการเดินทาง หยุดเรียน หยุดงาน เมื่อป่วยเป็น ไข้หวัด จนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน และในช่วงเวลา ดังกล่าวหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

หากมีข้อสงสัย ติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร.1422 ตลอด 24 ชั่วโมง และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทร.0-2590-3333

วิจัยชาวบ้าน วิถีลุ่มน้ำโขง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>ในห้วง 2-3 ปีมานี้ สภาพของ "แม่น้ำโขง" แหล่งอารยธรรม อู่ข้าวอู่น้ำ แหล่งทรัพยากรมหาศาลแห่งภูมิภาคอุษาคเนย์ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยความต้องการทรัพยากรธรรมชาติ และแหล่งพลังงานที่มากขึ้น จึงมีโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ในตอนใต้ของประเทศจีน และจะยังมีอีกหลายเขื่อนในลาว ไทย และกัมพูชา ตอนปลายของแม่น้ำ

สิ่งเหล่านี้เป็นที่หวั่นวิตกของชาวบ้าน 2 ฝั่งโขง ที่มีชีวิตพึ่ง พามหานทีสายนี้

ในเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนลุ่มน้ำ "ถอดบทเรียนงานวิจัยไทบ้าน สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำ สู่ข้อเสนอจากภาคประชาชน" จัดขึ้นที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เป็นเวทีของคนลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบและความไม่เป็นธรรมจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่

กรณีของลุ่มน้ำโขงเป็นหนึ่งในปัญหาที่นำมาพูดคุยกัน ผ่าน "บทวิจัยจาวบ้านเชียงของ-เวียงแก่น" ของคณะนักวิจัยชาวบ้าน 13 หมู่ บ้านริมน้ำโขงพรมแดนไทย-ลาวตอนบน ครอบคลุมพื้นที่บริเวณแก่งคอนผีหลง ต.ริมโขง อ.เชียงของ ไปจนถึงผาได อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

โดยศึกษาข้อมูลด้านพันธุ์ปลา เครื่องมือหาปลาท้องถิ่น เกษตรริมโขง พันธุ์พืชธรรมชาติ รวมไปถึงสังคมและวัฒน ธรรมของคนหาปลาริมโขง

งานวิจัยชี้ว่า ลุ่มน้ำโขงในช่วงนี้มีระบบนิเวศ 11 ระบบ ขึ้นอยู่กับการขึ้น-ลงของแม่ น้ำ จากระบบนิเวศที่หลากหลาย ส่งผลให้มีพืชพันธุ์ริมน้ำมากกว่า 65 ชนิด เป็นแหล่งอาศัย แหล่งอาหาร และที่วางไข่ของปลากว่า 100 ชนิด <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>

แยกเป็นปลาท้องถิ่น 88 ชนิด ปลาอพยพ 14 ชนิดที่เป็นปลาหายาก โดย 20 ชนิดที่ว่าอพยพมาวางไข่ตามลำน้ำโขงบริเวณแก่ง ผา วัง และถ้ำใต้น้ำ รวมถึงปลาบึก ปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มาวางไข่ด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีปลาที่อพยพไปวางไข่ภายในลำน้ำสาขาถึง 54 ชนิด เนื่องจากลำน้ำสาขาที่มีความอุ่น เหมาะแก่การวางไข่ของปลา

กลุ่มคนที่พึ่งพาน้ำโขงเป็นหลัก มีความรู้ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เกี่ยวกับการหาปลา อีกทั้งยังมีความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร อาหาร เครื่องใช้ภายในบ้าน ที่ได้จากพันธุ์พืชในแม่น้ำ มีการบริหารจัดการพื้นที่หาปลาร่วมกันระหว่างคนไทยและลาว และความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในลำน้ำ

การศึกษายังพบอีกว่า การสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงที่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ส่งผลให้ระดับการขึ้นลงของน้ำไม่ปกติ ปลาไม่อพยพตามฤดูกาล มีการพังทลายของชาย ฝั่ง ร่องน้ำเปลี่ยนทิศ ส่งผลต่อระบบนิเวศ รวมถึงพื้นที่เกษตรริมโขง ที่เสี่ยงจากน้ำท่วม

ขณะเดียวกัน ยังพบข้อมูลว่า เมื่อเปรียบเทียบกับแม่น้ำสาละวิน กับแม่น้ำโขง ที่มีต้นกำเนิดจากแหล่งเดียวกัน แต่แม่น้ำสาละวินกลับไม่แห้ง ขณะที่แม่น้ำโขงแห้ง แม่น้ำสาขาทั้งแม่น้ำอิง และแม่น้ำกก ในประเทศไทยก็แห้งตามไปด้วย และหน้าฝนน้ำก็ท่วมอย่างหนัก เพราะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนทะลักพื้นที่ใต้เขื่อน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>

นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานโครงการประวัติศาสตร์นิเวศวัฒนธรรม เพื่อการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นลุ่มน้ำภาคเหนือ และเครือข่ายลุ่มน้ำโขง-ล้านนา กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดว่า หลังจากที่มีฝนตกลงมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นมาบ้าง ไม่แห้งมากเหมือน 3-4 เดือนที่แล้ว

แต่การขึ้นครั้งนี้เป็นการขึ้นลงที่ไม่เป็นธรรมชาติ รวมถึงสถานการณ์ในลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงในประเทศไทยตอนบน อย่างแม่น้ำกก และแม่น้ำอิง ก็พบว่าระดับน้ำไม่ได้ขึ้นตามระดับน้ำโขงอย่างที่เคยเป็นเหมือนในอดีต

ปัญหาน้ำแล้งของแม่น้ำโขงช่วง 3-4 เดือนที่แล้ว แล้งที่สุดในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา โดยปัญหาน้ำแล้งเกิดขึ้นจากเขื่อนทั้ง 4 แห่งในประเทศจีน รวมถึงอีก 2 เขื่อนที่กำลังจะสร้าง เพราะระดับน้ำในเขต อ.เชียงของ ไม่เคยแห้งต่ำสุดถึง 1 เมตร ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องมาจากกักน้ำไว้ของทั้ง 4 เขื่อน นี่คือผลกระทบสิ่งแรกหลังจากการสร้างเขื่อน

นายสมเกียรติชี้ว่า ในอนาคตหากมีการสร้างเขื่อนที่แขวงไชยบุรี ประเทศลาว แม่น้ำโขงในอ.เชียงของ ก็จะกลายเป็นพื้นที่กลางระหว่าง 2 เขื่อน จะได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ไม่ว่าด้านไหนปิดเขื่อน แม่น้ำก็จะผิดธรรมชาติไป ระดับน้ำทั้งตอนบนและตอนล่าง

"ปัญหาใหญ่ที่สุด คือการอพยพเคลื่อนย้ายของปลา โดยเฉพาะปลาบึก ที่จะขึ้นมาวางไข่ในช่วงเดือนเม.ย.ของทุกปี ก็จะหมดโอกาส รวมถึงการอพยพวางไข่ของปลาตามลำน้ำสาขาก็จะหายไปเช่นกัน ลามต่อเนื่องไปถึงวิถีชีวิตคนหาปลา เพราะปลาจะลดจำนวนลง รายได้ที่เคยมีก็หดหายลงไป"

"เป็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขงในภาคเหนือของไทย ทั้งแหล่งชุ่มน้ำเชียงแสน ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ แต่หากมีการสร้างเขื่อน แล้วปริมาณน้ำลดลง ไม่มีน้ำไปเติมในพื้นที่ชุ่มน้ำ ก็จะเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศ รวมถึงการขยายพันธุ์ของปลา"

นายสมเกียรติระบุว่า ในขณะนี้สิ่งที่ชาวบ้านสามารถจะทำได้ คือรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยตัวเอง ต้องจัดการดูแลป่าชุมนุมในลำน้ำ และทำเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง สุดท้ายดูแลพื้นที่ชุ่มน้ำ ไม่ให้ถูกบุกรุก เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และผ่อนคลายผลกระทบในระยะยาว

ส่วนในระยะยาวที่แท้จริงคือ ข้อเสนอของชาวบ้านลุ่มน้ำโขงต่อคณะกรรรมการปฏิรูป และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป เรียกร้องยุติการสร้าง หรือสนับสนุนเขื่อนแม่น้ำโขงทั้งหมด

ดีเดย์13ก.ย.-ฝึกซ้อมอพยพหลบภัย"สึนามิ"



ระนอง - นายชาสันต์ คงเรือง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดให้มีการฝึกซ้อมระบบเตือนภัยเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาภัยจากสึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2553 ในวันที่ 13 กันยายน โดยในส่วนของจังหวัดระนองมีหอเตือนภัยที่เข้าร่วมซ้อมในครั้งนี้จำนวน 13 แห่ง อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอกะเปอร์ อำเภอสุขสำราญ และอำเภอเมืองระนอง

นายชาสันต์กล่าวว่า ในการฝึกซ้อมระบบเตือนภัยสึนามิในครั้งนี้ได้สมมติเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวเวลา 08.30 น. ขนาด 8.5 ริกเตอร์ บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ระยะห่างจากชายฝั่งทะเลอันดามัน 449 กิโลเมตร จากนั้นเวลา 08.50 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ปล่อยสัญญาณเตือนภัยไปยังหอเตือนภัยทั้ง 6 จังหวัด จำนวน 127 หอ จำนวน 3 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนและชาวประมงอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยในช่วงเวลาดังกล่าวอย่าได้ตื่นตระหนก เป็นเพียงการฝึกซ้อมตามแผนเท่านั้น และขอให้เข้าร่วมฝึกซ้อมอพยพโดยพร้อมเพรียงกันด้วย

เหตุที่จะทำให้สมานฉันท์

คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด



สังคมไทยของเราในปัจจุบันนี้ กำลังประสบปัญหานานาประการ ปัญหาเดิมๆ ก็ยังแก้ไม่หาย ปัญหาใหม่มากมายก็เกิดขึ้นเป็นระยะๆ นำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อย และความรุ่มร้อนของผู้คนในสังคม

สาเหตุสำคัญ ก็คือความขัดแย้งภายในใจ หรือความไม่พอใจในแนวคิดภาวะเช่นนี้เรียกว่า ไม่มีสมานฉันท์ เพราะฉะนั้น เราจะต้องพยายามที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคม

ในทางพระพุทธศาสนา หลักธรรมที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์มี ๖ ประการ คือ

ประการที่ ๑ เมตตากายกรรม หมายถึง การแสดงออกต่อกันทางกายด้วยเมตตา หรือการกระทำที่เป็นไปด้วยความหวังดีต่อกัน ไม่เบียดเบียนชีวิต ไม่เบียดเบียนทรัพย์สินกรรมสิทธิ์ และไม่ประพฤติผิดในคู่ครองของผู้อื่น ในทางตรงกันข้าม ก็พยายามแสดงออกในทางที่ดีต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามวิกฤต และนับถือให้เกียรติต่อกันและกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ประการที่ ๒ เมตตาวจีกรรม หมายถึง การแสดงออกต่อกันทางวาจาด้วยความเมตตาหรือมีวาจาที่ประกอบไปด้วยความหวังดี ไม่พูดโกหกหลอกลวง ไม่พูดคำส่อเสียดเหยียดหยาม ไม่พูดคำหยาบและไม่พูดวาจาไร้สาระ พูดแต่ความจริง คำอ่อนหวาน คำสมานสามัคคี และคำที่มีสารประโยชน์

ประการที่ ๓ เมตตามโนกรรม หมายถึง การมีความรู้สึกนึกคิดที่ประกอบด้วย ความเมตตา หรือมีใจประกอบด้วยความเมตตานั่นเอง ใจที่ประกอบด้วยความเมตตาก็คือ ใจที่ไม่คิดอิจฉาริษยา ปรารถนาอยากได้ของเขา ไม่คิดพยาบาทปองร้ายเขา และไม่หลงผิด เห็นชั่วเป็นดี เห็นดีเป็นชั่ว

ประการที่ ๔ สาธารณโภคี หมายถึง การแบ่งบันกันบริโภคอุปโภคปัจจัยใช้สอยต่าง ๆ อย่างทั่วถึง กล่าวคือ เมื่อได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาโดยชอบธรรม ก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว รู้จักจ่ายแจกแบ่งปันแก่กันและกัน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกันและกัน ตระหนักอยู่เสมอๆ ว่า "น้ำบ่อน้ำคลอง ยังไม่เป็นรองน้ำใจ กระจกเงาที่ว่าใส ยังเป็นรองน้ำใจที่ว่างาม"

ประการที่ ๕ สีลสามัญญตา หมายถึง ความเป็นผู้เสมอกันด้วยศีล หรือ กฎกติกา กฎหมายที่ดีงามในหมู่คณะ กล่าวคือ สมาชิกในสังคมต้องตั้งมั่นอยู่ในกฎกติกาที่ดีงามทั้งในทางศาสนาคือศีล และทางสังคมคือกฎหมาย มีความเท่าเทียมกันในการแสดงออกในทางที่สร้างสรรค์ตามกรอบตามกติกาของสังคม รวมไปถึงการสร้างกฎกติกาที่เท่าเทียมกันให้เกิดมีและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง

ประการที่ ๖ ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง ความเป็นผู้เสมอกันด้วยความคิดเห็น มีความเห็นที่ดีงามเสมอกัน ข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญของหลักความสมานฉันท์ เพราะหากมีความเห็นไม่ตรงกัน ขัดแย้งกันทางความคิดเห็นไม่ยอมลงรอยกันเสียที ก็ยากที่จะมีพฤติกรรมที่เป็นไปเพื่อความสมานฉันท์ได้ ปรับความเห็นให้สอดคล้องกันในทางที่ดี เรียกว่า สมานจุดร่วมสงวนจุดต่าง ร่วมแนวทางที่สร้างสรรค์

เพราะฉะนั้น บ้านเมืองของเราที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน แต่หากไม่ตั้งอยู่ในสาราณียธรรม คือ ขาดการแสดงออกที่ดีด้วยทางกาย ทางวาจา ทางใจ และมีความเห็นที่เสมอกัน เป็นไปในทางเดียวกันแล้ว ก็ย่อมยากที่จะสร้างความสมานฉันท์หรือนำมาซึ่งความสามัคคีในหมู่คณะได้ ทุกฝ่ายควรมาคิดกันว่า เราจะสร้างจิตสำนึกแห่งหลักธรรมนี้ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างไร หากสามารถช่วยกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าสังคมแห่งความสมานฉันย่อมมีขึ้นและมั่นคงยั่งยืนอย่างแน่นอน

พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙)

เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรฯ / watdevaraj@hotmail.com 0-2281-2430



ขอบคุณเรื่องสายตาจะลองไปฝึกดูครับ

 

คำทำนายสหรัฐอเมริกา​

​

“ภายในปีนี้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะประกาศกฎอัยการศึก และภายใน ค.ศ. 2011 สหรัฐอเมริกาจะล่มสลาย รัฐต่างๆจะแยกตัวออกมารวมกันเป็นรัฐเอกราชใหญ่ๆ 6 รัฐ และรัสเซียกับจีนจะผงาดขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจ”

ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะข้อความดังกล่าวเป็นคำทำนายของนายอิกอร์ พานาริน ที่เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก

นายอิกอร์ พานาริน มิใช่หมอดูชั้นต่ำที่ชอบสร้างข่าวให้ตัวเองโด่งดังด้วยการดูดวงชะตาของดารา แต่เขาเป็นอธิการบดีวิทยาลัยของกระทรวงการต่างประเทศสำหรับนักการทูตในอนาคตของรัสเซีย เป็นอดีตโฆษกของหน่วยงานอวกาศรัสเซียและเป็นนักวิเคราะห์ของเคจีบี ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้ทำนายชะตากรรมของสหรัฐอเมริกาจากดวงดาว แต่คำทำนายของเขาได้มาจากการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆทางสังคมในสหรัฐมาเป็นเวลานับสิบปีแล้ว

คำทำนายของเขามีขึ้นในระหว่างการบรรยายให้แก่นักศึกษา คณาจารย์และนักการทูตเมื่อวันอังคารที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ที่วิทยาลัยการทูต โดยทางกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียได้เชิญผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศเข้าร่วมรับฟังด้วย

หากมองจากหน้าที่การงานของเขาแล้ว เราไม่สามารถดูแคลนคำทำนายของเขาได้เลย เพราะใครที่ยืนอยู่ในตำแหน่งสูงๆย่อมสามารถมองเห็นอะไรได้ไกลๆ ยิ่งใครศึกษาประวัติศาสตร์โลกด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้คิดได้ว่าคำทำนายของเขาไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันมีเหตุผลสนับสนุนอยู่เช่นกัน

เหตุผลแรกก็คือกฎความจริงแห่งความอนิจจังที่ว่า “มีขึ้นก็ย่อมมีลง” เหตุผลประการต่อมาก็คือ ประวัติศาสตร์ได้ยืนยันความจริงดังกล่าวให้เราได้เห็นแล้วจากการที่ชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรและล้ำหน้าทางวิทยาการในอดีตอย่างเช่น อียิปต์ บาบิโลน เปอร์เซีย โรมัน และออตโตมานเติร์ก ยังเคยล่มสลายมาแล้ว ทำไมสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายไม่ได้ และเหตุผลเดียวกันที่ทำให้อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวล่มสลายก็คือความเสื่อมทรามทางศีลธรรม

นายอิกอร์ พานาริน ก็ให้เหตุผลสนับสนุนคำทำนายของเขาเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้คนอเมริกันกำลังอยู่ในสภาพเสื่อมทรามทางศีลธรรม เกิดความสับสนและความตึงเครียดทางด้านจิตใจซึ่งจะเห็นได้จากกรณีที่นักเรียนและนักศึกษาในสถาบันการศึกษาหลายแห่งใช้อาวุธปืนกราดยิงหรือใช้อาวุธมีดทำร้ายเพื่อนนักเรียนนักศึกษาด้วยกันบ่อยครั้ง นักโทษในคุกและพวกเกย์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

เมื่อหันมาพิจารณาทางด้านเศรษฐกิจ เขาก็ยกเหตุผลสนับสนุนคำทำนายของเขาว่า ดัชนีหุ้นที่ร่วงกราวรูด ผลผลิตมวลรวมของสหรัฐที่ตกต่ำ การที่รัฐบาลสหรัฐเอาเงินจำนวนมากมายมหาศาลไปกอบกู้วิกฤตสภาพคล่องของบริษัทซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่และบริษัทการเงินอีกหลายแห่งนั้น เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าความเป็นใหญ่ในตลาดโลกของสหรัฐอเมริกากำลังมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว

การที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศกฎอัยการศึกซึ่งเป็นการหวนกลับมาใช้ระบอบเผด็จการเหมือนฮิตเลอร์ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนี้คนอเมริกันตกงานมากขึ้นจากการปิดกิจการของธุรกิจต่างๆ ทำให้รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีจากธุรกิจและประชาชนได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีภาระใช้จ่ายเลี้ยงดูคนตกงานที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น

ยิ่งหากประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสถาบันการเงินแห่กันไปถอนเงินที่ธนาคารต่างๆ แต่กลับถอนเงินฝากของตัวเองไม่ได้ การจลาจลปล้นชิงทรัพย์สินเพื่อระบายความแค้นก็คงจะลามไปทั่วประเทศ เมื่อถึงเวลานั้น หากกำลังตำรวจไม่สามารถปราบปรามจลาจลได้ มันก็เป็นความจำเป็นที่รัฐบาลสหรัฐจะต้องประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารเข้าควบคุมประเทศ หลังจากนั้นดินแดนแห่งเสรีภาพก็จะกลายเป็นดินแดนแห่งเผด็จการไปในชั่วข้ามคืน อะไรๆในโลกนี้เป็นไปได้เสมอ คนไทยเรามีประสบการณ์เรื่องนี้ดี

นายอิกอร์ พานาริน ยืนยันว่าคำทำนายของเขามิได้เกิดขึ้นจากความอคติต่อสหรัฐอเมริกาในฐานะที่เขาเป็นชาวรัสเซียที่เป็นคู่อริกับสหรัฐ และเขาก็มิได้มีเจตนาแช่งให้สหรัฐล่มสลาย เพราะปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสหรัฐนั้นไม่จำเป็นต้องมีใครไปแช่ง มันก็ต้องพังไปตามกฎแห่งความจริงอยู่แล้ว

นอกจากนี้ นายอิกอร์ พานาริน ยังได้ทำนายว่าในอีกไม่นานรัสเซียกับจีนจะผงาดพ้นขึ้นมาจากความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและเข้มแข็งขึ้นจนกลายเป็นสองชาติมหาอำนาจผู้นำโลก และเขาอยากจะให้ทั้งสองชาตินี้ร่วมมือกันจนถึงขั้นที่สร้างสกุลเงินใหม่ขึ้นมาใช้แทนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

คำทำนายดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ พยายามรักษาหายใจให้ยาวไว้อีก 2 ปี เราก็คงจะได้เห็นกัน

บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน

ที่มา http://www.oknation.net/blog/knowislam/2009/03/18/entry-1

 

ขอให้หายเร็วๆครับคุณก้อง ดื่มน้ำอุ่นและพักผ่อนมากๆครับ