พลังเอกภพยูเรอัส

เพิ่งจะ 9.30 น. ยังเช้าอยู่
ยังไม่มี ใคร เข้าไป ชม พิพิธภัณฑ์ กัน จึงมี แต่ พวกเรา คณะเดียว

พอย่างก้าว เข้าไป ได้ ยินเสียง ใส ใส สวัสดี ค่ะ

อ่อ เสียง จาก โต๊ะประชาสัมพันธ์ มี นักศึกษาฝึกงาน อยู่ สี่ห้าคน
เชื้อ เชิญ และ แนะนำ การ เข้าชม ให้ พวกเรา ได้ รับทราบ

เราเริ่ม เดินชมไป ทางห้อง จัดแสดง ด้านซ้ายก่อน
เค้าจัดแสดง วัตถุ โบราณ ข้าวของ เครื่องใช้ ตั้งแต่ ยุคหิน ไล่มา ยุดโลหะ และสำริด

พระพุทธรูป พระบูชา และ พระเครื่อง ...... งาม ๆ จริงๆ นะ
เห็น พระพุทธรูป ยืน ปาง ลีลา ศิลป สุโขทัย สกุลช่างกำแพงเพชร

เห็นแล้ว ปลื้ม กับ ความงดงาม อาลัง การ เสียจริง

เจ้าหน้าที่ ก็ แสนดี น่ารัก เสียเหลือเกิน เดินตาม พวกเรา มาบรรยาย ประวัติ รายละเอียด
ตอบ ข้อซักถาม ให้ กับพวกเรา
เราเดินกันจน ทั่วห้อง ปีกด้านซ้าย

เข้าห้อง ด้านขวา ต่อ เลย
ห้องนี้ หนักๆ ทั้งน้าน เลย
ต้อนรับ กัน ด้วย ปืนใหญ่ น้อย สำริด สามกระบอก ( ซ้าย ขวา กลาง )

จา รอด ไหม นี่......55

เดินดู กันไป อย่าง ใจเย็น เพราะ ไม่มี ใคร นอกจาก พวกเรา คณะ เดียว..

ในห้องนี้ ท้ายห้อง ตรงกลาง
เค้าจัดวาง พระพูทธรูปองค์ใหญ่ หน้าตักสัก เมตรเศษๆ เป็นพระประธาน
ที่ งดงาม ด้วยศิบปสกุลช่างเมืองกำแพงเพชร
ด้านซ้ายและขวา
เป็น ใบเสมา สลักจากหิน ใบใหญ่ ที่เดียว
พลัง ที่ แผ่ ออกมา จน เพื่อนที่มาด้วย ออกปากร้อง......

แรง ๆ ทีเดียว ผม ไหวทัน เดินไปยืน ตรงกลาง
รับพลัง จากพระประธาน ค่อย ดี หน่อย
เพราะด้านซ้าย และ ขวา เป็นใบเสมา ซึ่ง โบราณ ท่านคง ใส่พลัง ด้าน คุ้มครอง ไว้
เป็นพลัง คุ้มครอง แบบทั้ง แรง และ แผ่กว้าง ออกไป
สำหรับ ติดตั้งไว้ รอบโบสถ ทั้ง แปดทิศ

พวกเราเดินชมกันจนทั่ว ชั้นล่างแล้ว ขึ้นไป ชั้นบน กันบ้าง

พอขึ้นไปถึง ขั้น2 .................
ต้อง ตะลึง ...
เพราะ สิ่ง ที่เห็น อยุ่ เบื้องหน้า เรานั้น...

 

เบื้องหน้า ของเรา คือ
เทวรูป พระศิวะ สำริด ขนาดความสูง ถึง 2 เมตรเศษ
เป็นเทวรูป เก่าแก่อายุ ราว 500 ปี ( พ.ศ. ที่ 20-21 ) อลังการ ด้วย ศิลป และงานช่าง
อันแสนจะ งดงาม นับเป็นเทวรูป ที่สวยงามที่สุด องค์ หนึ่ง ที่ ค้นพบในประเทศไทย

กระแสบารมี ของท่าน แผ่กระจาย มาโดย รอบ
จนเรา ปลื้ม แบบ บอกไม่ถูก ....... แบบว่า อี้ง..... ไป เลย....
ยืนชม ท่าน ... โดยระเอียด ยิ่ง พิจราณา ... ยิ่ง งดงาม

ที่นิ้วพระหัตถ์ และ นิ้วพระบาท ทั้งสิบนิ้ว
จะสวมพระธำมรงค์ (แหวน) ประดับเพชรพลอย แต่ปัจจะบัน หลุดหายไป หมดแล้ว
เจ้าหน้าที่ บรรยาย ให้ฟังว่า
เทวรูป พระศิวะ ( พระอิศวร ) นี้
เดิม อยุ่ที่ ศาลพระอิศวร ในเมืองกำแพงเพชร นี้เอง
จนมาในสมัย ร.5
ถูก ฝรั่ง ต่างชาติ จ้างขโมย ไป แต่ด้วย องค์พระใหญ่ และมีน้ำหนักมาก
จึงถูกตัด เฉพาะ แขน และ พระเศรียน ออกไป

ยังโชคดี ที่ ถูกตรวจจับได้ ขณะกำลัง จะนำส่งออก ทางเรื่อ ที่ กรุงเทพฯ

ทางการ จึง ได้นำกลับมาที่กำแพงเพชร และ ซ่อมแซม ให้ ดีดังเดิม
นำมาเก็บรักษา ในพิพิธภัณฑ์ กำแพงเพชร ตั้งแต่ นั้นมา

แล้วสร้างองค์ จำลอง เหมือนองค์ จริง ไปตั้งแทนที่ไว้ ณ ศาลพระอิศวร เดิม


ถัด เข้าไป ด้านหลัง เทวรูปพระอิศวร
มีเทวรูป พระแม่อุมา ตั้งอยุ่ อีก 2 องค์
ถึงแม้นว่า จะ ชำรุด เศียร และพระกร จะ หัก ผุกร่อนไป
พระวรกาย ยัง สมบูรณ์ ดี อยู่ ให้ เห็น รูปทรง และ รายละเอียด ของ ศิลป ในยุคโบราณ
ได้อย่าง ชัดเจน ....... งาม แท้ น้อ..

ด้านหลัง ฉาก ที่ กั้นไว้
เห็น มี เจ้าหน้าที่ กรมศิลปากร กำลัง ทำความสะอาด วัตถุโบราณ อยู่ 2 คน

เรา เดิน เรียบ ๆ เคียง ๆ ด้วย ความอยากรู้ อยากเห็น
เห็นเขา กำลัง ขูดสนิม ชัด ทำความสะอาด
จึง ถาม ไปว่า ทำอะไร กันอยู่ ครับ
ทำไม ต้อง ขัดสนิม ออก

เจ้าหน้าที่ ก็ ใจดี อธิบาย ขั้นตอนและกรรมวิธี
ที่ ต้อง ทำความสะอาด และ กำจัดสนิม ออก เพื่อมิให้ ลุกลาม ผุกร่อน จน วัตถุโบราณ ชิ้นนั้น ผุ พัง สลายไป

เพิ่ง สังเกต เหมือนกัน อย่าง อาวุธํ โบราณ ที่ เจ้าหน้าที่ กำลัง ทำความสะอาด
เป็น หอกเหล็ก ขึ้นสนิม จนผุ
เขา ค่อยๆ ขูด เอาสนิม เหล็ก แดงๆ ออก อย่าง ระมัดระวัง แต่ ก็ มิได้ ขัด จน ขาว ถึงเนื้อเหล็ก
เอาแค่ สนิมเหล็ก แดงๆ ( O2 ) ออกเท่านั้น ชั้นใน ที่ เป็น สนิมสีดำๆ ( O3 )ปล่อยไว้ได้ ไม่ทำอันตราย เนื้อเหล็ก

ส่วน พระพุทธรูป สำริด ก็ เช่นกัน สนิม เขียวๆ อ่อนๆ นี่ เอาออก เพราะ ยังลุกลามทำลาย เนื้อโลหะ ต่อไป ได้
ส่วน สนิมเขียวหยก เข้มๆ ติดแน่นๆ ก็ ปล่อยไว้.......

................. I see.....................................

เห็นแล้ว ก็ เข้าใจ ได้
อย่างสนิม เหล็ก แดง เป็นสนิม ที่ มี ออกซิเจน อยุ่ 2 ตัว
ส่วน สนิม ดำๆ มี ออกซิเจน อยุ่ 3 ตัว
สนิม ดำ ๆ นี่ ก็ คือ ที่ เขา เอามาทำรมดำปืน ไง เล่า.......55

มีสีดำ ติดแน่น หาก ขึ้น สะสม จนหนา มากพอ ก็ ป้องกัน เนื้อเหล็ก ไม่ให้ โดนออกซิเจนได้ง่าย
เป็น การป้องกันสนิม แดง ไม่ให้เกิด ได้โดยง่าย.........


เรา เดิน ชม กัน จนทั่ว พิพิธภัณฑ์ ได้เวลา อันสมควร อำลาเจ้าหน้าที่
มาตั้งแต่ 9.30 เดินดู กันจนถึง เกือบเที่ยง ....

กำลัง จะเดินออก หน้าประตู
คุณปรีดา มากระซิบ ....... ไป ทำบุญ ติดต้นกฐิน กันก่อน
เค้า เล่าต่อว่า
ตะกี้ ก่อนที่ผมจะเดินลงมา เค้า หยิบเงิน ขึ้นมาติดต้นกฐิน ....
พร้อม อธิฐาน....ว่า.......
ขอบุญนี้ ... จงมี ถึง ท่านผู้ สร้าง พระเครื่อง และพระบูชา ทั้งหมด นี้........

เท่านั้น เอง รู้สึก ได้ ว่า มี แสง สว่าง มากมาย พลัน สว่าง วูบ ให้ เห็น ต่อหน้าต่อตา....
หลวงพ่อ หลวงปู่ และฤาษี ผู้สร้างพระ ท่านคงทราบ และรับรู้ ถึงการ ทำบุญ นี้....สาธุ

..............สาธุ.....


พวกเรา เดินออกมา รวม พล ที่หน้า อาคาร จัดแสดง
มี สมาชิก มาเพิ่ม อีก 1 คน
ตอนนี้ กลุ่ม เรา มี 5 คน แล้ว นะ

จะไป ไหน ต่อ ดี..................

...........อุทยานประวัติศาสตร์ เมือง กำแพงเพชร........
สรุปว่า เราไป กัน ต่อ เถิด.......................

 

ถ้ามีรูปถ่ายประชาสัมพันธ์มาด้วยก็แจ๋วเลยนะครับ ไปเที่ยวแบบสัมผัสพลังได้นี่ดูแล้วทำให้สนุกขึ้นอีกเยอะเลย

 

ในพิพิธภันฑ์ สถาน ทุกแห่ง เขาห้ามถ่ายภาพ ครับ

ถ่ายมาได้ ก็ คงดี จะได้ เห็น ภาพ พจน์ ได้ ความซาบซึ้ง ในวัตถุโบราณ
แต่ ก็ คง มีปัญหา ด้านความปลอดภัย ตามมา
เหมือนอย่างที่ นาดูน
โดน ยก เค้า..........


ไปรอบนี้ ยังดี ที่ มี คุณปรีดา ไปเป็นเพือน เค้า เป็นนักสะสมพระเครื่อง ที่ คบหากับผม มาตั้งแต่เด็กๆ
มีความรู้ เครือง พระเครื่อง และ วัตถุโบราณ พอสมควร ( ดู เก่ง ระดับเซียน เมืองไทยคนหนึ่ง)
แถม เค้า ยัง เคยมา เรียนพลังเอกภพยูเรอัส ระดับ 1 เมื่อ สองปี ก่อน
ถึงจะได้ เรียน แค่ ระดับ 1 ก็ตาม
ด้วยความที่ ช่างสังเกต ... นานวันเข้า ก็ ทำให้ เขา สัมผัสพลัง ได้ ดี ที่ เดียว

ไปรอบนี้ ก็ ได้ คุณปรีดา นี่แหละ .... พอคุย กัน รู้ เรื่อง...
ไม่ งั้น ไปเล่า ให้ ชาวบ้านฟัง ... เอ๊ อ๊ะ.. เขา จะว่า เรา บ้า เอา ..... น้า......55

เล่า ค้างไว้ ถึง ตอน จะ เข้าไป ชม อุทยานประวัติศาสตร์ ...
มี โบราณสถาน มากมาย นับไม่ ถ้วน....
เที่ยงๆ ..... จะมา เล่า ต่อ ครับ

 

กลับมาเล่าเร็วๆนะคะ
หลายคน รออ่าน อยู่

แบบว่า แฟนคลับเรื่องเล่าจากพี่ดาว ง่ะ
อิ อิอิ

ปล ..ลืมเรื่อง จัดทัวร์ ไปแล้ว หรือไรหนอ

 

กลับมาที่รถ เพื่อเตรียตัว .. ไป อุทยานประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร กัน ..ละ

ก็ ต้องพึ่ง GPS เหมือนเดิม............55

ขับตรงไป อีก 30 เมตร เลี้ยวจขวา.....
ตรงไป มากกว่า 1 กิโลเมตร.....
อีก 300 เมตร เลี้ยวซ้าย

ถึง ทางเข้า แล้ว .... อยู่ ใกล้ กัน แค่นี้เอง

กำลังจะ เข้า ประตู อุทยานประวัติศาสตร์ เหลือบ ตาไป เห็นร้านอาหาร ข้างทาง
แวะ กิน ข้าว กัน เสียหน่อย ดีกว่า

ร้านนี้ กว้างขวาง เป็น อาคารชั้นเดียว เปิด โล่ง กับ มี ซุ้ม มุงจาก อีก 6-7 ซุ้ม
แสดงว่า ร้านนี้ หากเป็นตอนเย็นๆ ค่ำๆ คงมี ลูกค้า ไม่น้อย ที่เดียว
แต่ เรา เข้ามา ตอนเที่ยง พอดี จึงมีแต่ พวกเรา กลุ่มเดียว

พอ เดิน เข้าไป ในร้าน
รู้สึก ถึง กระแส พลัง ที่ แผ่ ออกมา แบบ ร้อนแรง........
แสดงว่า ในร้านนี้ ต้องมีพระ อยู่ มากมาย ที่เดียว

พอ กวาดสายตา ไป รอบๆ ร้าน ... เห็น มีรูป พระเครื่องยอดนิยม ติด ฝาพนัง อยู่ หลายภาพ
ยิ่งมั่นใจ ได้ ว่า เจ้าของร้าน คง เป็น นักนิยมพระเครื่อง อย่างแน่นอน

หาโต๊ะ เหมาะ นั่ง กัน
พอได้ ที่นั่ง เท่านั้น ..... สงสัย มุม เหมาะ เจาะ..... กระแส พลัง พุ่ง เข้ามาที่ตัวผม
อย่าง จะ จะ.... เต็ม ๆ ....

ในใจ อาไร หว่า...............
ค่อยๆ มองหา..............ทิศทาง 2 นาฬิกา ระยะห่าง สัก 6 เมตร มีตู้ กระจกใบย่อมๆ
ทำเป็นตู้โชว์......
ภายใน เห็นว่า มี พระ บูชา องค์ไม่ใหญ่ นัก สามสี่องค์ กับ พระเครื่อง อีก จำนวน หนึ่ง

..... เรา ยัง รักษา อาการไว้.... ไม่ ให้ โจ่ง แจ้ง.......55
แค่ ชำเลืองมอง ....

ที่เห็นชัดๆ แต่ไกล เป็นพระบูชา นาคปรก ศิลปลพบุรี หน้าตัก 5 นิ้ว องค์งามๆ
กับพระบูชา ศิลปกำแพง หน้าตัก 5 นิ้ว อีกองค์ วางคู่กัน
กับพระ เครื่องอีก จำนวนมาก
ที่ สะดุดตา เป็น พระ อะไรไม่รู้ องค์ เล็กๆ จิ๋ว ขนาดเม็ดข้าเม่า สี ขาวๆใส่พานไว้ สามสิบกว่าองค์

เรา หมายตา เอาไว้ ก่อน

สักพัก เจ้าของร้านเดินออกมาต้อนรับ
จัดโต๊ะ ให้ เรา นั่งใหม่ ...... เอาตรงนี้ ดี กว่า เย็นสบาย ดี.....

พวกเรา ก็ ย้ายโต๊ะไป นั่ง สั่งอาหาร กิน กัน

หลังจาก ได้พูดคุย กับ เจ้าของร้าน จึง ทราบว่า เจ้าของร้าน ( ผู้ชาย ) เค้าเป็นพี่ชาย ครูยศ เซียนพระ ชื่อดัง ของเมืองกำแพงเพชร............55

หลังจาก อิ่มหนำสำราญ กันแล้ว

กลับเข้าไป ดู โบราณวัตถุ ในเมืองเก่า กัน ดี กว่า.......

 

ผ่านประตูทางเข้า อุทยาน..
ต้องเสียง ค่าบัตรผ่านประตู คนละ 20 รถยนต์ อีก 30
จ่ายเงิน เสร็จ ออกรถ เข้าเกียร์ 1 พอลงเกียร์ 2

ถึง แล้ว วัดพระนอน และ วัดสี่อริยาบท ก็ อยู่ ถัดออกไป



การเดินชมโบราณ สถาน โบราณวัตถุ
หากจะเที่ยวชม ให้ ได้อรรถรส หากได้ ทราบ ประวัติความเป็นมาสักหน่อย
กรมศิลป์ เค้า ทำป้าย บอกความเป็นมา ไว้ ให้ เรา ได้ศึกษา
ยืนอ่าน กัน สัก นิด

จากประตู ทางเข้า ริมถนน มีรั้ว กำแพง ทำจาก ศิลาแลง สีแดงๆ ทางเดิน ก็ ทำจากอิฐศิลาแลง มาเรียง เป็น ทางเดิน ทอดผ่านไป ยัง โบสถ วัดพระนอน





พระอุโบสถ หลังนี้ สร้างจากหินศิลาแลง เรียงซ้อนๆ ก้น แม้นกระทั้งเสา ยังทำจากศิลาแลงเช่นกัน มี ทั้ง ที่ นำมาเรียงซ้อนกัน เป็นรูปเสา ขนาดใหญ่ บางต้น ก็ ทำจากศิลาแลง ชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ ขนาดสัก เมตรหนึ่ง สูง สามสี่เมตร



ตรงกลาง พระอุโบสถ มีแท่นพระประธาน สร้างจาก ศิลาแลง เช่นกัน ส่วนประกอบที่ เป็นไม้ ผุพัง ไปหมดแล้ว



ทางเดินข้างพระอุโบสถ กับ กำแพงแก้ว /ไม่กว้างนัก สัก 2.50 เมตร
มีคนเดิน นำหน้าไป แล้ว
ตามไป ดู กัน ต่อ ดีกว่า





ภาพนี้ เป็นมุม ด้านหลังพระอุโบสถ
เสาที่เห็น ขนาดใหญ่ โคนเสา สัก เมตร นิดๆ สูง มากกว่า 4 เมตร
เป็นศิลาแลง ชิ้นเดียว ตันๆ

ถัดจากพระอุโบสถ มี กำแพงแก้ว ล้อม ไว้ อีก ชั้นหนึ่ง




อีกมุน หนึ่ง ในพระอุโบสถ

 

เดินทะลุ กำแพง ด้านหลังพระอุโบสถ ออกไป ยังมี พระเจดีย์ องค์ประธาน
ของวัดพระนอน

 

จัดทัวร์ แบบพี่ พี่ น้อง น้อง ไม่ยากหรอก
อยากไป ไหน
บอกมา.... จัดให้ได้ ทั้งน้าน แหละ ถ้า ผม รู้จักทาง นะ....55


สำคัญว่า จะไป ไหน
วันไหน
ไป กัน กี่คน ต่างหาก
จะได้ วางแผน งาน ได้ .....ครับผม


แบบว่า เดินเที่ยวเมืองโบราณ นี่ ก็ ดี มีอะไร ให้ ชม เยอะ

แต่ จะไป สัมผัสพลัง ก็ ต้อง มีเวลา มากหน่อย
ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ชม หา มุม เหมาะๆ

ก็ น่าจะ ได้ ความประทับใจ

เล่าย้อนหลัง หน่อย ก่อนที่ จะ นำเที่ยววัดต่อไป

กันว่า จะ ลืม เสียก่อน..............................55


วันแรก ที่ออกเดินทาง
ขับรถ ขึ้นทางด่วนพระราม2 ข้ามสะพานแขวนใช้ ด่วนส่วน B
ตรงไป จนสุดทาง ผ่าน เชียงราก ไป ลง อยุธยา

ตอนที่ ติดไฟแดง สี่แยก ทุ่งมะขามหย่อง
รอไฟแดง
แบบใจเย็น เพราะ เราไม่ได้รีบร้อนอะไร

สักพักหนึ่ง ....................เอ้า....
ตาที่มอง ออกไป .............เอ้ย................

สปอตร์ไลท์ ประจำตัว ทำงาน ได้ ไง ...... วุ้ย

พุ่ง ออกไป .... จนเห็น อากาศ กลวงไส เป็นลำยาว...........

กลางวัน แสดๆ นี่นะ

จนได้รับไฟ เขียว ก็ ยังอยุ่ อีก
เป็นอากาศ ใสๆ เป็นลำพุ่ง ออกไป จากตัวเรา ทะลุกระจกหน้ารถ

แบบว่า ไม่ได้ ตังใจ ทำ

เป็นเอง เป็นอยุ่นาน สักครู่ ใหญ่ๆ จนออกรถ ขับไป ได้ อีก หลายกิโลเมตร

เอ หรือจะว่า ไป บริเวณ ทุ่งมะขามหย่อม มี อะไร น้า


พอขับรถ ต่อไป อีกระยะหนึ่ง
เกิดอาการ รับพลัง จน ผมรู้สึก ได้ ว่า ไฟฟ้าในตัว เพิ่ม ขึ้น เพิ่มขึ้น

ให้เห็นชัดๆ ไป เลย
จึง บอก คุณปรีดา ที่นั่ง อยุ่ ด้านข้างคนขับ ....
... แบบ มือ หน่อย
แล้ว ใช้ มือ ซ้าย ถ่ายพลังลงไป .........

อาการ ยิบๆ ยับๆ..... ลงไป ที่มื มือเพื่อน
เดี๋ยว เดียว ปรีดา ร้อง ....... โอ้ย..ๆ มือชา จน ปวด แล้ว.....55


ตอนที่ พัก ในเมืองกำแพงเพชร ก็ อีก
พอ นั่ง ว่างๆ .......
มา อีก แล้ว หรือ.......... มอง ไป ทางไหน ก็ มี อากาศใสๆ เป็นลำ ออกจากตัวเรา พุ่งไป ด้านหน้า .....

แม้น ตอน นอนเล่น ในห้อง ..... ก็ ยังมาอีก .... อ้าว เอา เข้าไป....

นั่ง มอง เล่น ไป ซะ เลย.... จนเห็นบรรยากาศ ในห้อง เปลี่ยนแปลงไป
เป็น วุ้น บ้าง แสง สี ฯลฯ บ้าง

เห็นที น่าจะไป กำแพงเพชร อีก สัก ที
จะได้ ไป นั่ง เล่น นอนเล่น สัก วัน สองวัน น่า จะ ดี

 

ว้าย ดีใจ คุณดาวพาดพิง ถึงพี่ (วิมลรัตน์) ตอนนี้นั่งมองนิ้ว
ก็เห็นแสงออกมาเป็นลำ เหมือนเดิม แสดงว่า พอใช้ได้นะ
ดีใจด้วยนะ ที่คอยช่วยเหลือ น้องๆที่สนใจเกี่ยวกับ พลัง
มีรุ่นพี่ใจดี อย่างนี้น้องๆก็ อุ่นใจ ก็พี่เรา เก่งจริงๆ ไม่ได้โม้นะ

 

แอบไปเที่ยวมาเหรอ เค้าอิจฉานะ เอาเป็นว่า ขอบคุณที่มาเล่าสู่กัน
ได้ฟามรู้เยอะเลย

 

ปริศนาไขกระจ่างแล้วที่พี่ดาวทะเลทรายหายไปช่วงนึง

 

วัดต่อไป วัดช้างรอบ ....
อย่าไป สับสน กับ วัดช้างล้อม ที่ สุโขทัย ... นะ ชื่อ คล้ายกัน
มี ช้าง เหมือนกัน....................55



พระเจดีย์ วัดช้างรอบ.......... ส่วนบน ชำรุด และ หักลง กรมศิลป์ นำอิฐเก่า มาซ่อมแซม ให้พอเห็น โครงเค้า ในส่วนฐาน และ ส่วนกลาง เท่านั้น




อีกมุม หนึ่ง

จะเห็นได้ว่า ที่ส่วนฐาน ของพระเจดีย์ มี เศียรช้าง ประดับ อยู่ โดยรอบ 68 เชื่อก
นี่ แหละที่ มาของ ชื่อวัดช้างรอบ


และทั้งสี่ด้าน จะ มี บันไดทางขึ้น
สำหรับ คนที่ จะขึ้นไป ขอแนะนำ ว่า บันไดทางขึ้น ชันมาก ๆ
และ ให้ ขึ้นทางด้านหน้า ซึ่ง บันได มี ความลาดชัน น้อยหน่อย แต่ก็ ยัง ชันมาก อยุ่ นั่นเอง
ไม่ เหมาะ กับ คนชรา และ ผู้ที่ สุขภาพ ไม่ ดี

แม้นแต่ กระผม เอง ขึ้น ลง สอง รอบ
กลับมา ยัง ตึงๆ ที่ หัวเข่า เหมือนกัน...........55






เข้าไป ดู ใกล้ๆ ให้ ชัดๆ ว่าช้างแต่ละเชือก ประดับ ประดา ไว้ อย่างสวยงาม
นี้ ขนาด เวลา ผ่านมา ตั้ง ห้าร้อยปี แล้ว เซรามิค ที่ ติดประดับ ตัวช้าง และ ลวดลาย ผนัง หลุด ร่อน ออกมา จนหมด
คง พอให้เห็น เพียง รอย ปูนปั้น เป็นลวดลาย คงเหลือ อยู่บ้าง





ซูม เข้าไป ใกล้ๆ อีกหน่อย






วัดช้างรอบ นี้ เข้าใจ ว่า เป็นวัด เก่าแก่ มาหลายยุค หลายสมัย
พระเจดีย์ องค์ เดิม คง ชำรุด และ มี การสร้างองค์ใหม่ หุ้มทับไว้ อีก ที่
ดัง หลักฐาน ที่ ยัง เหลือให้เห็นได้ จาก แกนกลางเจดีย์
ส่วน นอก เหมือนผนังหุ้ม เจดีย์ องค์ ภายใน





อีก ภาพ ถ่าย จาก บนพระเจดีย์ ลงมา







ที่ วัดช้างรอบ นี้
เคย พบพระเครือง และ พระบุชา ออกมา เป็นจำนวนมาก

จริงๆ ก็ เคย เจอ ทุกวัด แหละ ครับ

แม้น ในปัจจุบัน ตามถนนหนทาง ท้องไร่ ท้องนา
บางครั้ง พอขุดลงไป
ก็ ยัง มีโอกาส เจอ พระ เครื่อง ที่ หลง เหลือ อยุ่ตามดิน

จะเรืยก ว่าเป็นเมืองพระ ก็ ได้ ละมั้ง

พระซุ้มกอ ทุ่งเศรษฐี ที่มีชื่อเสียง โด่งดัง
ก็ ค้นพบ บริเวณ ทุ่งเศรษฐี

ชื่อ ก็ บอกแล้ว ว่า ทุ่งเศษฐี แปลว่า สมัยที่ พบพระ
เป็นทุ่ง ไป แล้ว ยังดี ที่ ยังพอมี พระเจดีย์ และ หลักฐาน ทำให้รู้ ประวัติ และ ความเป็นมา
เป็นใบลาน ทองคำ บันทึก ประวัติ และ เรื่องราว ในการสร้างพระ ไว้ อย่างชัดเจน

จึง ทำให้พระกรุทุ่งเศรษฐี เป็นที่นิยม ทั้ง รูปลักษณ์ ชื่อนาม เป้นมงคล
และ ที่ สำคัญ
ใน ใบลานทองคำ ระบุ คำพูดประโยค หนึ่ง ที่ น่าประทับใจ

" มี กู ไม่ มี จน "

คนจนๆ ไม่ ต้อง หา คนธรรมดา ยัง ไม่มีปัญญา เลย...55

ทำให้ พระเม็ดขนุน เป็นตำนานไปนานแล้ว
พระซุ้มกอ ก็ ราคา ระดับ บ้านหลังรถคัน ( ดู ยี่ห้อ ดีดี ด้วยนะ)

ชาวบ้านๆ อย่างเรา

หา แค่ นางกำแพง พิมพ์กลีบบัว ก็ ยังดี
สมัยผม เด็กๆ ราคา สัก ร้อยบาท
มาถึง วันนี้ นางกำแพง พอสวย ก็ หลายพัน ถึง หมื่นซะแล้ว.....55
ที่ ยังไม่แพงมาก
ก็ เพราะ นางกำแพงพิมพ์ กลีบบัว พบในทุกกรุ มีจำนวนมาก อยุ่ทีเดียว

แต่ด้วย ความนิยม พระมี จำนวนจำกัด แต่ ประชากร มากขึ้น ทุกวัน


มาคราวนี้ ยังเสีย ดาย ที่ มี เวลา น้อยไป หน่อย
สมาชิก ที่มา ด้วย เค้า สนใจ ดู หา พระเครื่อง กัน มากกว่า
ก็ ต้อง ทำตามมติ เสียงส่วนใหญ่

ไว้ หาโอกาส แวะ มา เยี่ยม ชม อีก สัก ที



มาคราวนี้ ทำให้ ได้ ควารู้ ใหม่ อีกเรื่อง
อันที่ จริง ก็ เคยรู้ อยุ่แล้ว
แต่ มาพบเห็น จากซาก โบราณสถาน เป็นเครื่องยืนยัน

ที่ หน้าวัด
มักจะมี บ่อน้ำ และ ห้องสำหรับ อาบน้ำ เปลี่ย เครื่องแต่งตัว

แสดงว่า ตนโบราณ เขา เคารพ ต่อ พระรัตนไตย อย่างยิ่ง
จะเข้าใน เขตวัด
ต้อง ทำตัว ให้ สะอาด ทั้ง กายใจ
อาบน้ำ ให้สะอาด
เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ใหม่
สำรวมใจ
ก่อน เข้า เขต พุทธาวาส

...................................สาธุ...........................

 

เคยดูในทีวีเค้าว่าถ้านับช้างได้ครบตามจำนวนจะโชคดีด้วย

 

น่าจะบอก ก่อน เน้อ...................

จะได้ เดินนับ สัก สามรอบ...
กลับมา ...
วันนี้ ก็ วัน ที่ 1 อีก แล้ว .... จะได้ มี เศษฐี เพิ่ม ขึ้น อีก คน.....55

 

555 ครับ ขอเล่าเรื่องเมื่อคืนวานหน่อยนะครับ ผมก็นอนทำสมาธิตามปกติ เพียงแต่คืนนั้นรู้สึกสมาธิดีเป็นพิเศษ (บางทีก็นั่ง ถ้าวันไหนเหนื่อยก็นอน) หลับไปกลางดึกก็ตื่นขึ้นมาครับ เกิดอาการหูอื้อ ครับ ปกติก็มีวิ้งๆ อยู่บ้าง แต่คืนนั้นวิ้งมากจนอื้อไปเลย แน่นหน้าอก ไม่แน่ใจเหมือนจะรู้สึกหน่วงๆตรงจุดที่หน้าอกที่ อ. ให้แตะตอนรับพลัง ขนลุก หัวใจก็เต้นเร็ว อย่างกับไปวิ่งรอบสนามบอลมา นอนไม่ได้เลย อึดอัด ก็สงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่รู้จะทำไงก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ สักพักก็ดีขึ้นแล้วก็นอนต่อครับ

 

ฝึกแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอย่างไร
คิดไม่ออกบอกพระอาจารย์ ช่วยปรับสมดุลให้ด้วย
แล้วจะดีขึ้นเองครับ

 

..................................
อาการนี้ ...
สันนิฐานว่า....... เป็นช่วงที่ พลัง ในตัว เค้า วิ่ง ขึ้นวิ่งลง เอง

ไม่ ต้อง ตกใจ ครับ

ต้อง ถือว่า เร็ว มากๆ สำหรับ คนที่ เพิ่ง เรียนในระดับ 1

หาก วันหลัง เป็นอีก นะ ครับ..
ไม่ ต้อง ตกใจ.... เหตการ ปกติ แหละ.. แต่ คนไม่ เคยเจอ ก็ อาจตกใจได้

ที่ ว่า หัวใจ เต้น แรง ยังกะ ว่า วิ่ง รอบ สนามฟุตบอลมา

สังเกต ดี ดี ว่า หัวใจ มัน เต้น เร็ว .... หรือ อะไร มันเต้น

ที่ มัน เต้น ตุบ ตุบ ตุบ นั่น เค้า เต้น ตรงไหน.....55

ให้ สังเกต ตาม ไป อย่างใจเย็นๆ
ก็ จะเข้าใจ ไม่ ได้ เกี่ยว กับ หัวใจ เต้น เลย เค้ามี จังหวะ การเต้น ของเค้าเอง

น่าจะเป็น อาการ ที่ พลัง ในตัว เค้า เดิน ขึ้นลง

ให้ ตามไป ดู .... ตามไปดู .. อย่างใจ เย็นๆ

ตามไป บ่อยๆ ก็ จะ เข้าใจ
พอ ชำนาญ ก็ พา เค้า เดิน ไป ซ้าย ไป ขวา ได้ ตามใจ เรา ครับ

หาก มี ปํยหา หรือ อาการ อี่นๆ ก็ สอบถาม มา ได้ ครับ
รายละเอียด มันมี เยอะ
แต่ ละ คน ก็ มี ประสบ การ เหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง ครับ..

อย่า อุบไว้ ความสงสัย เป็นอุปสรรค และ เครื่องปั่นทอน ความสำเหร็จ

 

ขอบคุณ คุณไมค์ และพี่ดาวทะเลทรายมากครับ ครับ ผมตกใจจริงๆ แล้ว side effect ของคืนนั้นก็เล่นทำเอาอีกวันผมง่วงมากเลย (เพราะนอนน้อย)อืม.. พลังเต้นแบบนี้ก็ได้ด้วยไม่ได้นึกเลย คราวหน้าเจอต้องตามไปดูแบบหมอส้งสะแล้ว มีเรื่องนึงเล่าต่อเลยล่ะกันครับ บางช่วงผมจะฝึกหายใจยาวด้วยครับ(แต่ช่วงนี้ฝึกไม่ค่อยต่อเนื่อง) แรกๆก็เหนื่อยครับ ทำไปทำมาขยันก็ทำทั้งวันครับ แต่ก็ไม่ได้หายใจได้ยาวมากเท่า อ. กิติชัย นะครับทำน้อยลงส่วนนึงมาจากผมร้อนๆตามลำคอ และที่ท้องอีกนิดหน่อย แรกๆก็ไม่เป็นนะ เดี๋ยวนี้ถ้าทำนานๆ เป็นครับ ผมไม่แน่ใจจะมีส่วนทำให้คอแห้งหรือเปล่า ก็ดื่มน้ำช่วยบางครั้งครับ

 

เรื่อง พลัง วิ่งในตัว ...
ให้ ลองนึก ตามอย่างนี้

สมมุติ ว่า ตัวเรา เป็น ท่อกลวงๆ ท่อหนึ่ง
มี พลัง วิ่ง ขึ้น วิ่ง ลง ใน ท่อนี้

ถ้า เค้า วิ่ง เป็นระเบียบ แถวตอน เรียง หนึ่ง ทำ...... ( แบบทหาร ก็ คง ดี )

ก็ คง ไม่ มี ปัญหา ใด
แต่ ตอนที่ เค้า วิ่ง เป็นแถว ตอน เรียง ปึก ต่าง ตน ต่างวิ่ง กันไป
เหมือน ฝูงม้า ป่า วิ่ง ตะเลิด เบิด เปิง กันไป
ในท่อนี้ เลี้ยว ซ้าย ที่ เลียวขวา ที
ก็ กระแทก กับ ผนังท่อ ( ก็ คือ ตัวเรา )
แรง กระ ทบ กระเทีอน ก็ เกิด ขึ้น อย่างนี้ แหละ.... มิ ต้อง ตกใจ

.......................55

คุณConductor ทำได้ เร็วมากๆ
ผม เอง กว่า จะ เริ่ม ทำได้ ก็ ตอนที่เรียนระดับ 3 แล้ว กลับมา วันรุ่ง ขึ้น ก็ เจอเลย

จนทุกวันนี้ ผม ก็ ยัง มี อาการ แบบนี้อยุ่
ส่วนมาก จะเป็น ตอน ที่ กำลัง จะ เอน หลัง .... ล้ม ตัวลงนอน

แล้ว เค้า ก็วิ่ง สวนสนาม กัน สักพักหนึ่ง.... ถ้า เรา ไป ช่วย เค้าลุ้น เค้าก็ จะ ขยันวิ่ง

ถ้า เรา ทำเฉยๆ สักพัก ใหญ่ ๆ เค้า ก็ ขี้เกียจ วิ่งไป เอง

บางที เค้าวิ่ง ลงไป ตามขา ถึง เท้า

ทำให้ เตียงนอน ผม สะเทือนไป ด้วย เลย.......55