การระลึกชาติและชดใช้กรรมในกรรมฐานสามประเภท

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 5 สิงหาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    [​IMG]






    คนเราเกิดตายเวียนว่ายหลายชาติภพ การตัดกรรมในกรรมฐาน ขณะที่ระลึกชาติได้นั้น จะตัดกรรมได้เป็นชาติๆ ไป จำต้องอาศัยความเพียรกว่าจะชดใช้กรรมจนหมดทุกชาติภพ เพราะแต่ละชาติภพไม่ได้ก่อกรรมแค่เล็กน้อย แม้กรรมหนึ่งอย่าง อาจรับเป็นร้อยชาติพันชาติ ดังนั้น จึงต้องตัดชาติตัดภพกันเป็นร้อยๆ พันๆ ชาติ อุปมาวิธีนี้เสมือนการฝนทั่งให้เป็นเข็ม ช้าแต่ก็ได้ผลตรง กรณีที่ต้องการถอนรากถอนโคนอย่างรวดเร็ว ต้องขุดรากหยั่งลึกออกมา ขุดสันดอนกิเลสออกมา

    จนละคลายการยึดมั่นถือมั่น ความโลภ โกรธ หลง อย่างแท้จริง ก็จะไม่ต้องนั่งสมาธิดับภพชาติทีละชาติ คือ กำลังจิตสูงตัดกิเลสขาดสะบั้นในคราวเดียวได้ อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะมีกำลังจิตสูงขนาดนั้น สามารถใช้กรรมฐานบางชนิด เพื่อทดลองชำระกรรมเป็นชาติๆ ไปเพื่อความศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ด้วยการเจริญกรรมฐานประเภท

    “รูปฌาน” ซึ่งเป็นฌานไม่ลึก เป็นฌานระดับตื้น ทำได้เร็ว ไม่ต้องนั่งสมาธินาน แต่ต้องหัดเพ่งกสิณจนสำเร็จตาทิพย์ ก็สามารถพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ว่าจริงแท้แน่นอน ทั้งนี้ หากสำเร็จตาทิพย์แล้ว ตาทิพย์ก็ทำงานเหมือนอวัยวะหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิมาก แต่ต้องใช้กำลังจิตพอควร กล่าวคือ ถ้าพลังจิตน้อย

    การเพ่งมองของทิพย์ทำได้ไม่ลึกจะเห็นแค่เปลือก เช่น มองเห็นร่างท้าวจตุคามรามเทพ จะเห็นเหมือนในนิมิตที่ท่านอื่นเห็น แต่หากตาทิพย์มีกำลังจิต ทะลวงลึกลงไปอีก จะเห็นร่างกายทิพย์แท้อีกร่างปรากฏ เป็น อสูรที่ชื่อ “ราหู” เป็นต้น การใช้ตาทิพย์ใช้สมาธิไม่ลึก เหมือนการใช้ชีวิตปกติ แต่จำต้องเพ่งด้วยพลังจิตพอควรดังกล่าวมาแล้ว ในขณะที่การนั่งสมาธิเดินฌาน เป็นอัปปนาสมาธิ คือ สมาธิขั้นสูง ไม่สามารถเทียบกันได้ตรงๆ เฉกเช่นการถอดกายทิพย์ ที่ทำได้ง่ายไม่ต้องใช้สมาธิมาก แต่ถอดกายทิพย์ไปแล้ว จะมีปัญญา เข้าใจในสิ่งที่เห็นจริงหรือไม่ เช่น เห็นกายทิพย์พระเยซู

    อาจคิดว่านี่คือพระเยซูที่เราอ่านในหนังสือบนโลก แต่หากเราถามท่านดีๆ ท่านอาจตอบเราว่าท่านคือพระเยซูองค์ที่สาม องค์ปฐมอาจไปจุติแล้ว ท่านมารับตำแหน่งต่อได้เป็นลำดับที่สาม เป็นต้น ดังนั้น ผู้ถอดกายทิพย์แม้ง่ายไม่ใช้สมาธิมาก แต่อาจเข้าใจผิดในสิ่งที่เห็นได้ กล่าวคือ เห็นจริง แต่ที่เห็นนั้น เราเข้าใจเพียงใด หากเข้าใจผิดก็คิดว่าพระเยซูยังไม่จุติเป็นต้น ซึ่งหากองค์ที่เราเห็นไม่ใช่องค์ปฐม เราก็จะเข้าใจผิดไปทันที

    อนึ่ง เมื่อสำเร็จตาทิพย์เห็นสิ่งต่างๆ เช่น นรกสวรรค์ ว่ามีอยู่จริงแล้ว ท่านสาธุชนหลายท่าน อาจเกิดศรัทธาตรงต่อนิพพานแน่วแน่และแน่นอน ถัดจากนั้นจึงให้ดำเนินการฝึกฌานลึกประเภท อรูปฌาน ซึ่งยังผลให้สามารถตัดกิเลสได้ขาดสะบั้นแบบขุดรากถอนโคนในคราวเดียว ได้ผลชะงักมากกว่าการนั่งสมาธิตัดชาติภพทีละชาติ ซึ่งเป็นสมาธิขั้นลึกกว่า จำเป็นต้องใช้ความสงบมากกว่า แต่ละคลายกิเลสได้ผลชะงักมากกว่า กล่าวคือ การเดินฌานให้ชำนาญ ทั้งอนุโลมและปฏิโลม (ไปหน้า ถอยหลัง) เพื่อดำดิ่งลึกสู่จิตใต้สำนึก แก้ไขสันดาน สันดอนกิเลสทั้งมวลให้หมดสิ้นลงในคราวเดียว ทั้งนี้เพราะฌานนั้นให้ผลเป็นความสงบสุข ความสงบสุขก็เป็นเหตุใกล้แห่งนิพพานอยู่แล้ว การบรรลุแบบสุขวิปัสโก จึงเกิดขึ้นด้วยการเจริญฌาน บุคคลใดก็ตามเมื่อมีความสงบสุขจากฌานแล้ว จิตย่อมถอยออกจากสุขทางโลก เพราะสุขทางโลกนั้นหยาบกว่าความสุขที่ได้จากฌาน ทำให้จิตมุ่งเข้าหาความสงบเงียบระงับ และค่อยๆ คลายความวุ่นวายสับสน จากความโลภ, ความโกรธ, ความหลงได้ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า รูปฌานใช้ง่าย ใช้สมาธิน้อย แต่ให้ผลเบาบาง

    ในขณะที่อรูปฌานและฌานลึกต่างๆ ให้ผลหนักแน่นมั่นคง ตัดกิเลสแบบขุดรากถอนโคนได้มากกว่า แต่ต้องใช้สมาธิลึก นั่งสมาธิมากและนาน ทั้งนี้ หากบุคคลมีศรัทธาในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตาตนเอง ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกรูปฌานและตาทิพย์ สามารถฝึกอรูปฌาน หรือฌานหนึ่งถึงฌานสี่ได้เลย ก็จะย่อย่นระยะเวลาบรรลุธรรมเร็วขึ้น อนึ่ง ในบทความฉบับนี้ ขอกล่าวถึง กรรมฐานประเภทรูปฌาน ที่ต้องมีรูปให้เห็น (แต่การตัดกิเลสทำได้ไม่ลึก เท่าแบบอรูปฌาน และฌานหนึ่งถึงสี่) เพื่อการพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตนเอง ดังต่อไปนี้

    ๑) การระลึกชาติและชดใช้กรรมใน “ธรรมกาย”

    คือ การฝึกวิชชาธรรมกายเพื่อระลึกชาติ แล้วชดใช้กรรมในกรรมฐานขณะเข้าวิชชาธรรมกาย เพื่อชดใช้กรรม ตัดภพตัดชาติให้สั้นลง จนกว่าจะสิ้นภพชาติ (นิพพาน)

    วิธีการ

    เพ่งหาลูกแก้วธรรมกาย ว่าอยู่ส่วนใดของร่างกาย ถ้าอยู่ที่ๆ เพ่งลำบากให้ย้ายมาอยู่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด แต่ถ้าเพ่งไม่ลำบากก็ไม่เป็นไรไม่ต้องย้ายก็ได้ จากนั้น จะพบว่าลูกแก้วธรรมกาย มีกายคนอยู่ กายนี้เป็นกายทิพย์แสดงตัวเราเอง ให้เพ่งเข้าไปกายในกาย จะพบลูกแก้วอีกชั้นหนึ่ง ในลูกแก้วนี้ มีตัวเราอยู่ อีกกายหนึ่ง แต่เป็นกายนิมิต ไม่ใช้กายทิพย์จริง เช่น เห็นเป็นช้างสามเศียร ให้เพ่งเข้าไปในกายนี้อีก ก็จะพบอดีตชาติของกายทิพย์นี้ สมมุติว่า ตอนแรกเห็นลูกแก้วธรรมกายแล้ว มีกายทิพย์เซียนอยู่ แสดงว่าเรามาจากภพสวรรค์ชั้นดุสิต เคยเกิดเป็นเซียน จากนั้นเพ่งเข้าไปเห็นลูกแก้วอีกลูกบรรจุหัวช้างสามเศียร หมายความว่านี่เป็นนิมิตปริศนาธรรม ช้าง คือ โพธิสัตว์ สามเศียรคือ บารมีมาก อาจหมายถึงชาตินี้เราได้บำเพ็ญบารมีมากจนเกิดในชั้นดุสิตนั่นเอง เพ่งเข้าไปในหัวช้างสามเศียร จะพบเรื่องราวที่เราทำไว้ในอดีตได้ ว่าทำไมเราจึงได้จุติที่ชั้นดุสิต ดูจบจนเรื่อง เราจะรู้สึกราวกับเกิดขึ้นจริง ถ้ารบแล้วถูกทำร้ายก็เจ็บปวดจริง สิ่งเหล่านี้คือ การชดใช้กรรมในกรรมฐาน ให้อดทนรับกรรมนั้น จนกระทั่งชาตินั้นจบหมดสิ้น ก็สามารถตัดชาติภพได้หนึ่งชาติ ไม่ต้องเกิดไปรับกรรมเพราะผลกรรมจากชาตินั้นอีกไม่ว่าชาติภพหน้าหรือชาตินี้ก็ตาม เพราะได้ชดใช้แล้ว

    ๒) การระลึกชาติและชดใช้กรรมใน “ธรรมจักร”

    คือ การฝึกวิชชาธรรมจักรเพื่อระลึกชาติ แล้วชดใช้กรรมในกรรมฐานขณะเข้าวิชชาธรรมจักร เพื่อชดใช้กรรม ตัดภพตัดชาติให้สั้นลง จนกว่าจะสิ้นภพชาติ (นิพพาน)

    วิธีการ

    นั่งสมาธิแบบธรรมจักร (สมาธิหมุน) จนกว่าจะเกิดอาการหมุนอย่างไม่อาจควบคุมได้ แรงหมุนจะทำให้ร่างกายเราหมุนไป พัดเพไป เช่น ล้มลงแล้วกลิ้งไปมาก็ดี ทำท่าทางต่างๆ ก็ดี อย่าได้ตกใจ ทำไป ปล่อยไป ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ชำระกรรมเสียในกรรมฐานนี้ จะเห็นว่าตัวเราทำท่าต่างๆ เหมือนในอดีตชาติที่ระลึกได้นั้น และต้องชดใช้กรรมนั้นๆ ในขณะปฏิบัติ กล่าวคือ หากเคยฆ่าคนก็ต้องเจ็บปวดเหมือนถูกคนฆ่า บางรายเห็นภาพตนเองในอดีตชาติด้วย บางรายระลึกได้เพราะอาศัยพิจารณาจากการทำท่าต่างๆ ของตนก็มี ทำซ้ำๆ ก็จะชดใช้กรรมได้เป็นชาติๆ ไปแบบธรรมกาย

    แต่จะรู้สึกคลื่นไส้เวียนหัว เหมือนเมา เพราะหมุนไปมาได้ ขอให้อดทน จะทำให้เราไม่ต้องรับกรรมในชีวิตจริงหรือชาติต่อๆ ไปได้เพราะได้ชดใช้กรรมจากอดีตชาติในกรรมฐานแล้ว แบบนี้ก็ยังต้องรับทุกขเวทนาเพราะกรรมเก่าบ้างเช่นกัน (ไม่ต่างจากอรูปฌานแบบสุขวิปัสสโก ที่ต้องนั่งสมาธินานจนเกิดเวทนาทางกายเหมือนกัน) นี่คือ การชดใช้กรรมแบบธรรมจักร

    ๓) การระลึกชาติและชดใช้กรรมใน “ธรรมจักรวาล”

    คือ การฝึกวิชชาธรรมจักรวาลเพื่อระลึกชาติ แล้วชดใช้กรรมในกรรมฐานขณะเข้าวิชชาธรรมจักรวาล เพื่อชดใช้กรรม ตัดภพตัดชาติให้สั้นลง จนกว่าจะสิ้นภพชาติ (นิพพาน)

    วิธีการ

    ฝึกสมาธิเปิดจักระ โดยเฉพาะจักระที่เจ็ด หรือกระหม่อม เมื่อเปิดแล้ว ร่างกายเราจะเปิดโล่งรับพลังจักรวาลได้ หากฝึกพลังจักรวาล จะดึงพลังจักรวาลโดยไม่มีการควบคุม ไม่อาจเลือกได้ว่าพลังใดจะมา บางครั้งเทพบางองค์ประทับก็ฝืนไม่ได้ เป็นไปตามกรรม ในวิชชาธรรมจักรวาล เมื่อเปิดจักระแล้ว จะรับพลังจักรวาลโดยมีธรรมะของพระพุทธเจ้าคอยควบคุม ทำให้หลงทางได้ยาก เมื่อเรามีกรรมเก่า เราต้องชดใช้กรรมด้วยการบำเพ็ญบารมีให้หมดหนี้กรรม พอเราสร้างบุญบารมีหนีกรรมได้แล้ว เราก็แทบไม่ต้องรับกรรม เหลือเพียงเศษกรรมให้เราเห็นเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ จะมีเทพเทวดาที่มีกรรมคล้ายเราลงมาประทับทรงหรืออาศัยร่างเรา ร่วมบำเพ็ญบารมี เขาได้อาศัยร่างเรา เราได้อาศัยบารมีเขา ช่วยเหลือกันในการบำเพ็ญบารมีปลดภาระหนี้กรรมของทั้งคู่


    ทำไมจึงต้องมาทำกรรมฐานแก้กรรม

    ๑) เพื่อความสุขแท้ทั้งร่างกายและจิตใจ

    ท่านคงทราบดีว่า พระโมคคัลลานะ ได้อรหันต์แล้ว แต่เพราะผลกรรมที่เคยทุบตีพ่อแม่จนตายในอดีตชาตินั้น ตามมาทำให้ต้องชำระชดใช้ ในวาระถึงสิ้นอายุขัย ท่านก็ถูกทุบตายจนกระดูกแหลกเหลว หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ไม่อาจหนีกรรมพ้น ระหว่างเผยแพร่ธรรมะ ท่านยังต้องถูกพระเทวทัตกลั่นแกล้งอยู่ตลอด แต่ด้วยเพราะความบริสุทธิ์ของจิตมีมาก จึงไม่ได้เห็นกรรมเหล่านี้เป็นสาระ จิตภายในสงบสุขด้วยปัญญาญาณที่สว่างไสวอยู่ตลอด จึงมิได้คิดแก้กรรมแต่อย่างใด มนุษย์ปัจจุบันมีกรรมพอกพูนมากมายเหลือคณานับ มากกว่าท่านทั้งหลายในครั้งสมัยพระพุทธเจ้า ยังทรงมีพระชนม์อยู่ บางท่านอาจต้องทรมานกายจนไม่อาจปฏิบัติธรรม บางท่านต้องทรมานกายจนไม่อาจบรรลุธรรมก็มี ดังนั้น เพื่อความเหมาะสมตามยุคสมัยในปัจจุบัน ธรรมะ จึงได้ขยายวงกว้างออกไปนอกเหนือจากเรื่องนิพพาน เป็นประโยชน์ในปัจจุบันด้วย กล่าวคือ หากสามารถลดกรรมปัจจุบัน เพิ่มบุญบารมีได้ในปัจจุบัน จะยังความเลื่อมใสศรัทธามากมายต่อพระพุทธศาสนา ว่าปฏิบัติได้มรรคผลจริงแท้ ดังนั้น การแก้กรรมนี้ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยให้เกิดความสุขทั้งกายและใจแท้จริง

    ๒) เพื่อความรวดเร็วในการปฏิบัติธรรม

    บางท่านปฏิบัติธรรมได้ช้า อีกทั้งยุคสมัยปัจจุบัน มนุษย์มีอายุขัยลดลง เหลืออายุขัยประมาณ ๗๕ ปีก็สิ้นอายุขัย ปกติ พระพุทธศาสนาจะเจริญได้ต้องอาศัยยุคที่มนุษย์มีอายุ ๑๐๐ ปี ถึง ๑ แสนปี เพราะหากอายุมนุษย์สั้นเกินไป จะก่อกรรมมาก สอนยาก ดื้อด้าน ไม่เปิดจิตรับคุณธรรมความดี พระพุทธศาสนาก็สร้างได้ยาก ดังนั้น การแก้กรรมด้วยกรรมฐานนี้ จึงเป็นเครื่องช่วยพุทธศาสนาให้เจริญได้อีกครั้งในยุคที่มนุษย์มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะรับพระพุทธศาสนา การแก้กรรมจะช่วยให้การปฏิบัติธรรมได้ผลเร็วขึ้น สามารถปฏิบัติให้ได้มรรคผลก่อนตาย ก่อนละสังขารได้มากขึ้น ดังนี้ จึงเหมาะสมกับยุคสมัยในปัจจุบันมากขึ้น ธรรมะในส่วนนี้จึงช่วยยืดอายุศาสนาได้


    ๓) เพื่อขจัดอุปสรรคที่ขวางการฝึกจิต

    มนุษย์ยุคปัจจุบันก่อกรรมมาก จึงมาเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุขัยน้อย ทุกกรรมที่ก่อล้วนแต่มีเจ้ากรรมนายเวรรอแก้แค้น รอชำระอยู่ทุกกรรม ไม่ว่ามนุษย์จะมองเห็นด้วยตาหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น หากมนุษย์จะพึงปฏิบัติธรรมให้ได้มรรคผลจึงยากเย็นยิ่งนัก เพราะเจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมปล่อยไป จะกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นอยู่ตลอดเวลา เช่น การฝึกสมาธิ ก็จะมียุงแมลง ฯลฯ รบกวนตลอดเวลา จนไม่มีสมาธิเลยก็ได้ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมในยุคที่มนุษย์มีเจ้ากรรมนายเวรมากนี้ จึงควรใช้กรรมฐานแก้กรรม ช่วยเพื่อขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการปฏิบัติธรรม ก็จะได้ผลรวดเร็วมากขึ้น



    อนึ่ง กรรมฐานแก้กรรมทั้งสามวิธีนี้ ไม่ได้ใช้เพื่อการบรรลุธรรมโดยตรง ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า อุปมาเหมือนฝนทั่งให้เป็นเข็ม ต้องแก้ไล่ไปทีละชาติๆ ซึ่งจะต้องใช้ความเพียรพยายามมาก ไม่ได้ให้ผลรวดเร็วถึงนิพพานง่ายอย่างที่คิด ดังนั้น การใช้กรรมฐานแก้กรรม จึงเป็นวิธีที่ช่วยเสริมวิธีขจัดกิเลสตามปกติเท่านั้น บางท่าน ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับจิตใจตนเอง ไม่พร้อมต่อสู้กับกิเลสในทันที ก็สามารถฝึกกรรมฐานเหล่านี้ เพื่อพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ก่อนก็ดี เพื่อชำระกรรมให้เบาบาง เปิดทางให้ฝึกจิตละกิเลสได้เร็วก่อนก็ดี ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ใหญ่ที่สำคัญที่สุดเพียงประการเดียว คือ การละกิเลส ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เกิดปัญญารู้แจ้งแทงตลอดไม่หลงโลก หลงมายาต่างๆ อีกต่อไป นั่นเอง อนึ่ง การใช้กรรมฐานแก้กรรม ร่วมกับการปฏิบัติจิตเพื่อละกิเลสนี้ ให้ผลดีเหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน หากไม่สามารถฝึกได้สำเร็จ ก็สามารถใช้วิธีปกติได้ คือ การฝึกสมาธิ ฝึกฌาน พิจารณาธรรม ด้วยวิปัสสนากรรมฐาน ตัดลัดตรงสู่การละกิเลสนั่นเอง


     
  2. huayhik

    huayhik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    181
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ เป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจและอยากทำความดี หวังใจไว้ว่าความดีที่ทำจะส่งผลให้ครอบครัวและคนรอบข้างอยู่ร่มเย็นเป็นสุข มีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งนำทาง
     
  3. ธัมปฏิบัติ

    ธัมปฏิบัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +1,019
    ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้
    นอกจากตัวเราเอง
    ขออนุโมทนากับบทความดีๆคับ สาธุคับ

    ________________________________________________________________________
     
  4. luknum

    luknum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +246
    ถ้ากลัวเห็นหน้าคู่กรรมคู่เวรของตัวเองจะต้องแก้ยังไงคะ
    ถ้าเค้ามาพร้อมกันทีละมาก ๆ ทำให้อยากฝึกแต่ก็ไม่สามารถทำได้คะ
    เพราะมีความกลัวอยู่ลึกๆ ทำให้การปฏิบัติไม่ถึงไหน
    พยายามเจรจากับเค้าในฝันแต่เค้าไม่ยกโทษให้
    จะต้องทำอย่างไรคะ
    อยากสิ้นภพสิ้นชาติในชาตินี้คะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...