ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

​

​

เป็นคำในภาษาญี่ปุ่น ประกอบด้วคำ 2 คำ "tsu" แปลว่า ท่าเรือ "nami" แปลว่าคลื่นรวมตัวกันแปลว่า คลื่นท่าเรือ หรือ habour wave

คลื่นยักษ์เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด ที่พื้นมหาสมุทร หรืออุกกาบาตตกในมหาสมุทร คลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ มักเกิดจากการเคลื่อนตัวในแนวดิ่ง ของรอยเลื่อนใต้ผืนมหาสมุทรในระหว่างการเกิดแผ่นดินไหว

มาตราการป้องกันภัยจากคลื่นสึนามิ​

1. เมื่อรู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเลหรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงหรือที่ดอนทันที โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางราชการ เนื่องจากคลื่นสึนามีเคลื่นที่ด้วยความเร็วสูง
2. เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางราชการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้เตรียมรับสถานะการณ์ที่อาจจะเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ โดยด่วน
3. สังเกตปรากฏการณ์ของชายฝั่ง หากทะเลมีการลดของระดับน้ำลงมาก หลังการเกิดแผ่นดินไหวให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้อพยพ คนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง ให้อยู่ห่างจากชายฝั่งมากๆและอยู่ในที่ดอนหรือน้ำท่วมไม่ถึง
4. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าวให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เมื่อทราบว่าจะเกิดคลื่นสึนามิพัดเข้าหา เพราะคลื่นสึนามิที่อยู่ไกลชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก
5. คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการแกว่งไปมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสักระยะหนึ่งจึงสามารถลงไปชาดหาดได้
6. ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
7. หากที่พักอาศัยอยู่ใกล้ชายหาด ควรจัดทำเขื่อน กำแพง ปลูกต้นไม้ วางวัสดุ ลดแรงปะทะของน้ำทะเล และก่อสร้างที่พักอาศัยให้มั่นคงแข็งแรง ในบริเวณย่านที่มีความเสี่ยงภัยในเรื่องคลื่นสึนามิ
8. หลีกเลี่ยงการก่อสร้างใกล้ชายฝั่งในย่านที่มีความเสี่ยงสูง
9. วางแผนในการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นสึนามิ เช่น กำหนดสถานที่ในการอพยพแหล่งสะสมน้ำสะอาด เป็นต้น
10. จัดผังเมืองให้เหมาะสม บริเวณแหล่งที่อาศัยควรมีระยะห่างจากชายฝั่ง
11. ประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้ประชาชน ในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ และแผ่นดินไหว
12. วางแผนล่วงหน้า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดขั้นตอนในด้านการช่วยเหลือบรรเทาภัยด้านสาธารณสุข การรื้อถอน และฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น
13. อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็ใกล้เกินกว่าจะหลบหนีทัน
14. คลื่นสึนามิ ในบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการเกิดคลื่นสึนามิ ขนาดเล็กในสถานที่หนึ่ง จงอย่าประมาทให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ​

คำถาม-ตอบ : เกี่ยวกับคลื่นยักษ์สึนามิ​

​

ถาม : คลิ่นยักษ์(Tsunami) มีลักษณ์เด่นอย่างไร ​

คลื่นยักษ์มีลักษณะคล้ายกับคลื่นทั่วๆไป ในมหาสมุทรเคลื่อนที่ไปในมหาสมุทรด้วยความเร็ว ระหว่าง 500-800 กม./ชม. อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ไปในทะเลลึก โดยที่ผู้ที่อยู่ผิวน้ำ ไม่รู้ตัวเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะความสูงของคลื่นที่ปรากฏที่ผิวน้ำมักมีขนาดเล็กว่า 1 เมตร ในขณะที่ระยะห่างระหว่างยอดคลื่นอยู่ที่ ระหว่าง 100-700 กม. เมื่อคลื่นยักษ์เดินทางเข้าสู่บริเวณชายฝั่ง คลื่นยักษ์ก็จะดึงน้ำขึ้นไป ซึ่งอาจสูงถึง 30 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เมื่อเข้าถึงชายฝั่ง จึงเห็นเป็นกำแพงน้ำทะเลที่มีการไหลรุนแรง เป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งพัดพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปกับคลื่นที่ไหลบ่าอย่างบ้าคลั่ง​

ถาม : แผ่นดินไหวทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้อย่างไร​

คลื่นย์ยักษ์(Tsunami) ที่มีพลังในการทำลายล้างสูง ส่วนใหญ่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีศูนย์กลางอยู่ในระดับตื้น และอยู่ในมหาสมุทร มักเกิดตามบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลกที่มีการมุดตัวของแผ่นพื้นมหาสมุทรใต้แผ่นพื้นทวีป เมื่อเกิดแผ่นดินไหว อันเป็นผลจากการเคลื่อนตัวอย่างกะทันหันในแนวดิ่ง ของแผ่นเปลือกโลก ดังกล่าว เป็นบริเวณกว้าง จึงทำให้น้ำในมหาสมุทร เกิดการกระเพื่อมอย่างรุนแรง เกิดเป็นคลื่นยักษ์ขึ้น​

ถาม : ภูเขาไฟระเบิดทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้อย่างไร​

การระเบิดของภูเขาไฟอย่างรุนแรงที่พื้นมหาสมุทร มีการแทนที่น้ำเป็นปริมาตรมหาศาลอย่างทันทีทันใด ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้น มีความรุนแรงมาก​

ถาม : คลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เกิดขึ้นได้อย่างไร​

​

เช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลา 07.58.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริคเตอร์ ในทะเลนอกฝั่งตะวันตกทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่ระดับความลึกประมาณ 10 กม. ทำให้มี after shocks เกิดขึ้นหลายสิบครั้ง เป็นระยะทางกว่า 1,200-1,300 กม. ขนานไปตามแนว Sunda Trench ​

​

ซึ่งเป็นแนวการมุดตัวของแผ่นมหาสมุทรอินเดียลงใต้ แผ่นยูเรเซีย ในทิศเหนือถึงตะวันออกเฉียงเหนือ ทำมุมกับพื้นระนาบประมาณ 10 องศา ในบริเวณ Sunda Trench และทำมุมมากขึ้นในที่ลึกลงไป ปริมาณพลังงานที่ปลดปล่อยจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ เทียบได้กับพลังงานทั้งหมด ที่ถูกใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลากว่า 1 เดือน ณ ที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหว คาดว่ามีการเลื่อนย้อนของแผ่นเปลือกโลกไปตามแนวรอยเลื่อนเป็นระยะทางประมาณ 20 กม. ส่งผลให้พื้นมหาสมุทร ที่ปิดทับอยู่บนรอยเลื่อน ต้นกำเนิดแผ่นดินไหว ที่มีการเคลื่อนที่ไปประมาณ 10 กม.ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ เกิดการยกตัวสูงขึ้นในแนวดิ่งของพื้นมหาสมุทร ในบริเวณดังกล่าว ประมาณ 2-3 กม. เป็นต้นกำเนิกของคลื่นยักษ์ที่เดินทางไปใน มหาสมุทรอย่างรวดเร็ว เข้าปะทะกับชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน ทางตะวันตกของประเทศไทย ได้แก่จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ​

​

ถาม : เคยมีคลื่นยักษ์เกิดขึ้นในบริเวณนี้บ้างไหม​

เท่าที่มีการบันทึกมา คลื่นยักษ์ที่เกิดในบริเวณเกาะสุมาตรา พอจะสรุปได้ทั้งหมด 5 ครั้ง คือ
1. ในปี พ.ศ. 2340 เกิดที่เมือง Padang มีคนตายกว่า 300 คน
2. ในปี พ.ศ. 2376 เกิดแผ่นดินไหวที่ชายฝั่งด้านใต้ของเกาะสุมาตรา มีคลื่นขนาดใหญ่เข้าท่วมตอนใต้ ของเกาะสุมาตรา มีผู้เสียชีวิตหลายคน
3. ในปี พ.ศ. 2386 เกิดแผ่นดินไหว บริเวณตะวันตกทางตอนกลางของเกาะสุมาตรา มีคลื่นยักษ์เข้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เข้าท่วมบริเวณชายฝั่งของเกาะ Nas Island ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากมาย
4. ในปี พ.ศ. 2404 ที่ฝั่งตะวันตกของเกาะสุมามตราทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตนับพันคน และสุดท้าย
5. ในปี พ.ศ. 2426 ภูเขาไฟกรากะตัว ระเบิด ส่งผลให้มีคลื่นยักษ์ มีการเสียชีวิตไปกว่า 3,600 คน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเวลาร้อยกว่าปี ก่อนถึงการเกิดคลื่นยักษ์ครั้งล่าสุดนับเป็นธรณีพิบัติภัยครั้งร้ายแรงยิ่ง​

ถาม : สัญญานเตือนการเกิดคลื่นยักษ์สังเกตอย่างไร​

​

ดังนั้นเมื่อท่านไปเที่ยวชายทะเล หากเกิดแผ่นดินไหว แล้วมีการลดลงระดับน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว ให้หนีไปที่สูงลึกเข้าไปในแผ่นดินให้เร็วที่สุดอย่าลืมที่จะร้องเตือนผู้ที่พักผ่อนอยู่ตามชายหาดให้ออกวิ่งด้วย ทุกชีวิตมีค่า ​

เอกสารอ้างอิง : ข้อมูลโดยกองธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​

โทรศัพท์และโทรสาร 022023838 http://www.dmr.go.th​

 

มองอนาคต โดยคุณArokaya

มีนักบวชรูปหนึ่ง ท่านได้พูดถึงคำพังเพยทำนายอนาคตไว้ว่า

แผ่นดินจะเสื่อมทราม
แม่น้ำจะจมหาย
ใบไม้จะร่วงหล่น
ผู้คนจะสิ้นหวัง
สตังค์มีอำนาจ
ผักตลาดมียาพิษ
คนเป็นโรคจิต โรคประสาท
คนจนจะเป็นทาส
จะตายอย่างอุบาทว์
คนจะเกิดข้างถนน
ชาวปวงชนจะเป็นหนี้
ผีอบายมุขจะลุกลาม
คนรวยจนผิดศีลธรรม
โจรกรรมปล้นกลางตลาด
ความอุบาทว์แพร่เชื้อเอดส์
รักร่วมเพศ ข่มขืนฆ่า
ชาวนาเป็นหนี้สิน
คนต่างถิ่นจะครองแผ่นดิน
จะหาที่ทำกินลำบาก
จะมีลูกมากและยากจน
ผู้คนจะไม่มีความสุข
ความทุกข์จะท่วมหัว
ภูเขาไม่มีต้นไม้
ทุ่งนาร้างเป็นหาดทราย
สุดท้ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
ทะเลเป็นร้อย
ดอยเป็นแสนกำลังจะสูญหาย
ไม่มีป่าไม้ ไม่มีนกไพร
ไม่มีลำธาร ไม่มีฝูงปลา
ธรรมชาติรอเวลาล่มสลาย
ในน้ำไม่มีปลา ในนาไม่มีข้าว
แต่ในน้ำมีผักตบชวา
ในท้องนามีคอนโดมีเนียม
นกไม่เคยเช่าฟ้า
ปลาไม่เคยเช่าน้ำ
แต่มนุษย์ต้องเช่าแผ่นดินที่อยู่อาศัย
แย่งซื้ออากาศเพื่อหายใจ
ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป
จิตใจคนก็เปลี่ยนแปลงตาม
มีสิ่งหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง
คือความยากจนของประชาชน ที่เป็นคนของแผ่นดิน
​

ผู้เขียนเป็นผู้อยู่ป่าอยู่ดอย อยู่ ณ ดอยแพงค่า ภาคเหนือของประเทศไทย ได้ฟังคำพังเพยนี้ ก็รู้สึกว่าใช่เลย ! อนาคตที่นักบวชผู้เคร่งครัดท่านนั้นพูดถึง ผู้เขียนว่าอนาคตนั้น เริ่มมาถึงปัจจุบันนี้แล้วใช่หรือไม่

แผ่นดินทุกวันนี้เสื่อมทรามหรือไม่ ? เกษตรกรเพาะปลูกโดยไม่ต้องใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ในเมืองไทย จะมีสักกี่ราย ที่เห็นที่รู้ก็ดูเหมือนว่า จะมีหมู่กลุ่มของชาวอโศก เป็นกลุ่มหนึ่ง ที่ตั้งใจเอาจริงเอาจังกับ สามอาชีพกู้ชาติ อันได้แก่ ขยะเอ๋ย ปุ๋ยสะอาด กสิกรรมธรรมชาติไร้สารพิษ

ชีวิต ดิน - น้ำ - ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ณ ลมหายใจเฮือกนี้ใกล้หมดลมเสียแล้ว ช่างน่าสงสารจริงหนอ !

แม่น้ำจะจมหาย ทุกวันนี้เป็นอย่างไร แม่น้ำอันใสบริสุทธิ์ ดุจโบราณสมัย ก็กำลังจะตาย แม้เจ้าพระยาก็เถอะ หากยังขาดจิตสำนึก อีกไม่นานเกินรอ ก็ต้องเน่าเหม็น ดังคลองเล็กคลองน้อยในกรุงเทพมหานคร คลองแสนแสบเป็นอย่างไร ไอ้ขวัญ อีเรียมตื่นฟื้นเกิดคืนมาก็คงตกใจ ชาติก่อนเกิดมาน้ำในคลองยังใสสะอาด มาทุกวันนี้ คลองแสนแสบเป็นอย่างไร ชาวกทม.คงรู้ซึ้งแก่ตา แก่ใจ ไม่ต้องไปโทษว่าใคร หากทุกคนไม่สร้างจิตสำนึกดีขึ้นมาใหม่ อีกไม่นานเจ้าพระยาก็ต้องเข้าคิวรอเน่าแน่ๆนะ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยทั้งหลายเอ๋ย

ใบไม้จะร่วงหล่น ข้อนี้อย่าว่าแต่ใบไม้เลย แม้ภูเขาก็โล้นเตียน เหมือนศีรษะพระในวันโกน

ผู้คนจะสิ้นหวัง อย่าว่าแต่ผู้คนธรรมดาจะสิ้นหวังเลย ขนาดบัณฑิตเรียนมามีปริญญา ยังพากันตกงาน แม้ได้ยินมาว่ารัฐบาลมีโครงการช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งดีๆ ในหลายๆโครงการในเมืองไทย จะเกิดได้มั้ยหนอ แต่โครงการร้ายๆเลวๆ อย่างเรื่องบ่อนคาสิโน การกีฬาบ้าผลาญชาติ การฆ่ากันอย่างอุกอาจ เช่น ทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมาย ทำไมโครงการร้ายๆเลวๆ กลับจะได้รับการยอมรับง่ายๆ หรือวิบากกรรมของคนไทยกำลังใกล้จะมาถึง

สตังค์มีอำนาจ ไม่ต้องดูอื่นไกล ห้างใหญ่ต่างชาติตั้งได้เกลื่อนกลาด ดาดดื่นทั่วไทย น่าเห็นใจร้านค้าเล็กร้านค้าน้อย ห้องสองห้องต้องนั่งหลับ ขับไล่แมลงวันไปวันๆ รอวันตาย ใครหนอจะช่วยเขาได้ น่าอนาถใจ

ผักตลาดมียาพิษ คนปลูกเอามาขาย ตัวเองยังไม่กินผักที่ตัวเองปลูกเลย เพราะรู้ว่าใส่ยาสารเคมีไปเท่าไร ไม่ต้องสงสัยว่ามะเร็งทำไมมากมายนัก

คนเป็นโรคจิตโรคประสาท มีอยู่ทั่ว ไม่ต้องกลัวว่ายาบ้าจะหาซื้อยาก ขนาดคืนเดียวตำรวจตรวจเจอคนเสพยาบ้า ๒๐๐ กว่าราย อนาคตคนไทยจะไปทางทิศไหนละเนี่ย

คนจนจะเป็นทาส จะตายอย่างอุบาทว์ให้เห็น เร็วๆนี้ก็ ๑๓ ศพ จบชีวิตอย่างอเนจอนาถ ขาดอากาศหายใจ มุ่งไปข้างหน้าแสวงหาดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยแก่ชีวิต สุดท้ายยิ่งดิ้น ชีวิตยิ่งไม่รอด ใครนะจะรู้ปรัชญาชีวิตว่า แท้จริงชีวิตนี้หากมีศาสนานำพาชีวิต ชีวิตก็จะเรียบง่ายสุขเย็น ชีวิตคนต้องหมั่นฝึกตนไปในทิศทางลดลกล้าจน ทนเสียดสี หนีสะสม นิยมสร้างสรร สวรรค์นิพพาน ชีวิตจะอยู่ได้อย่างเรียบง่าย และมักน้อย ไม่ด้อยในการมีความสุขสงบ จบที่ใจเบิกบานแจ่มใส

คนจะเกิดข้างถนน แต่ก่อนก็เคยเห็นแต่สัตว์เดรัจฉานสมสู่กันข้างถนน เช่น หมา หรือสัตว์อื่นจะสมสู่ก็มีฤดูกาล แต่ไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้ยินมาในเมืองไทย ในวันแห่งความรัก วัยรุ่นมั่วเซ็กซ์หมู่อยู่ตามถนน คนหรือสัตว์ก็ไม่รู้ ผู้มีภูมิธรรม มีวัฒนธรรมคงไม่ทำ วัยรุ่นที่ทำเช่นนี้ หากมีมากๆ เมืองไทยจะไปทิศทางไหน กลียุคคงไม่ไกลเกินเห็นได้ หากไม่ช่วยกันพลิกฟื้นคืนสู่วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม

ชาวปวงชนจะเป็นหนี้ ทุกวันนี้ก็รู้ๆอยู่ว่าเราเป็นหนี้ต่างชาติเขาเท่าไร

ผีอบายมุขจะลุกลาม คนไทยคนไหนไม่ซื้อหวย ไม่ติดการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพย์ติด ก็จะดูว่าผิดวิถีชีวิตคนไทยไปเสียแล้ว ถูกผีอบายมุขครอบงำ แล้วยังรู้สึกภาคภูมิใจว่า ไทยทำเองอีก ไม่รู้ว่าจะตลกดีมั้ยนี่

คนรวยจนผิดศีลธรรม ยุคนี้รู้สึกจะเกินหน้านักบวช ขนาดมีสมมุติเป็นพระ ก็ยังละเรื่องผิดศีลธรรมมิได้เลย เพราะคนที่รวยกว่าคนรวยก็คือผู้สมมติว่าพระ ไม่รู้ว่าบาปจะหนาขนาดไหน

โจรกรรมปล้นกลางตลาด หากท่านมีตาก็จะเห็นได้ไม่ยาก ปั่นหุ้น โกงเลือกตั้ง สั่งเขาว่าผิด นี่แหละจิตของโจร ทั้งในเครื่องแบบนอกเครื่องแบบแสบสุดๆ ปล้นกันหน้าใสๆ นี่แหละภัยมาถึงแล้ว

ความอุบาทว์แพร่เชื้อเอดส์ เอดส์ที่เป็นโรคร้ายไม่นานก็ตาย แต่เอดส์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิสิ ตายแล้วเกิดก็ยังมาเป็นต่ออีกเลย น่ากลัวนัก รักอย่างติดเอดส์ข้ามชาติ

รักร่วมเพศ ข่มขืนฆ่า ชาวนาเป็นหนี้สิน คงได้ยินกันอยู่ประจำ

คนต่างถิ่นจะครองแผ่นดิน เดี๋ยวนี้ที่ดินของคนไทย ไปตกอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติไม่น้อยเลย

จะหาที่ทำกินลำบาก สมัยก่อนไม่ต้องมีห้าง มีตลาดเราก็อยู่กันได้ ตื่นเช้าเข้าป่า ไปทุ่งไปนา กลับมาก็มีของกินติดมือมาบ้านเสมอ สมัยนี้คนหลงเงิน จึงเพลิดเพลินกับการซื้อหา อยากได้ง่ายๆ ก็เข้าตลาด เป็นทาสของความสบาย ชีวิตเรียบง่าย-อยู่ง่าย-เลี้ยงง่าย ผู้คนไม่เข้าใจ

มีลูกมาก และยากจน ผู้คนจะไม่มีความสุข คนไปหลงผิดติดกาม ไม่เชื่ออย่างที่พระพุทธเจ้าสอนว่า ผู้ตั้งใจ ประพฤติตนเป็นคนโสด เขาย่อมรู้ว่าเป็นบัณฑิต ส่วนผู้ฝักใฝ่เมถุน(คนคู่) ย่อมเศร้าหมอง คนเรามักถูกโลก ถูกธรรมชาติหลอก จึงเวียนวนทนทุกข์อยู่ร่ำไป ผู้หญิงบางคนก็ยังไม่รู้ทุกข์ของผู้หญิง ทุกข์ของผู้หญิงก็คือ
๑. เมื่อเป็นสาว แล้วแต่งงานไปสู่สกุลแห่งสามี ย่อมพลัดพรากจากญาติของตนทั้งหลาย
๒. ผู้หญิงต้องมีระดู (ประจำเดือน)
๓. ผู้หญิงย่อมตั้งครรภ์
๔. ผู้หญิงย่อมคลอดบุตร
๕. ผู้หญิงย่อมทำหน้าที่บำเรอผู้ชาย

หากผู้หญิงนั้นตั้งใจเป็นคนโสด ทุกข์จาก ๕ ข้อ ก็จะเหลือเพียงข้อเดียว การตั้งตนเป็นคนโสด มิใช่ช่วยตน อย่างเดียว เป็นการช่วยครอบครัว สังคม ประเทศชาติด้วย โลกจะได้ไม่ต้องแบกรับพลโลกเพิ่มขึ้นอีก สังคม สิ่งแวดล้อมก็จะดีขึ้น เราก็จะเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ทำให้โลกแตกไว ความสุขเย็นก็จะได้เกิดมีขึ้นในโลก หากหลง เสพกาม มากเมีย หลายผัว ความทุกข์จะท่วมหัวแน่

ภูเขาจะไม่มีต้นไม้ เพราะมีแต่คนมากมายไร้ศีลธรรม ภูเขาที่ไหนหัวโล้น ที่นั่นมีคนไร้ศีลธรรมเข้าไปย่ำยี

ทุ่งนาร้างเป็นหาดทราย เพราะคนไม่ขวนขวายทำกิน สุดท้ายอยากรวยไว ขายที่ให้คนต่างชาติ ไปตั้งโรงงาน อุตสาหกรรม ลูกหลานเจ้าของที่ดินก็มีกรรม เข้าไปเป็นขี้ข้านายทุนต่างชาติ ที่ดินก็หมดไป ความเป็นไท ก็ไม่เหลือเลย น่าอนาถหนอ

ทะเลเป็นร้อยดอยเป็นแสนกำลังจะสูญหาย ไม่มีป่าไม้ ไม่มีนกไพร ไม่มีลำธาร ไม่มีฝูงปลา ธรรมชาติรอ เวลา ล่มสลาย ทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้เริ่มมีให้เห็นอยู่ ในน้ำไม่มีปลา มีแต่น้ำเน่า ในนาไม่มีข้าว มีแต่หญ้า

แต่ในน้ำมีผักตบชวา ในท้องนามีคอนโดมิเนียม นกไม่เคยเช่าฟ้า ปลาไม่เคยเช่าน้ำ แต่มนุษย์ต้องเช่า แผ่นดิน ที่อยู่อาศัย แย่งซื้ออากาศเพื่อหายใจ ทุกวันนี้ในกรุงเทพฯก็มีแล้ว ซื้ออากาศหายใจชั่วโมงละ ๙๐ บาท แต่ยังไม่ถึงขนาดแย่งกัน

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง จิตใจคนก็เปลี่ยนแปลงไปตาม สิ่งเสื่อมทรามมีให้เห็น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคย เปลี่ยนแปลงเลย คือ ความยากจนของประชาชนที่เป็นคนของแผ่นดิน

มองไปในอนาคตที่แท้มันก็มาถึงปัจจุบันนี้แล้ว แล้วเราจะทำอย่างไร

จะช่วยกันคิดแก้ไขหรือไม่ หรือปล่อยไปตามยถากรรม

- โพธิ...ผู้ตาม
ที่มา http://larndham.net/index.php?showtopic=20001&st=10​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดวงเมือง

 

สัมภาษณ์ "โสรัจจะ นวลอยู่"
โดยศรัญยา​

(จากนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ 2457 ปีที่ 48 ประจำวัน อังคาร ที่ 20 พฤศจิกายน 2544 )

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข่าวโจษจันกันเรื่องคำทำนายของ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โหดผิดมนุษย์!สาวโรคร้ายเชือดคอหลานวัย 3 ขวบหมกอ่างน้ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 พฤศจิกายน 2549 12:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>น.ส.น้ำเย็น แทวกระโทก ผู้ลงมือก่อเหตุ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สภาพศพด.ช.ว่าน ที่ถูกเชือดคอ ในอ่างน้ำ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โหดผิดมนุษย์ น้าสาวใช้มีดเชือดคอหลานชายวัย 3 ขวบ เสียชีวิต ก่อนจับศพไปแช่น้ำในอ่างหลังบ้าน แจ้งตำรวจมอบตัว สารภาพ อารมณ์ชั่ววูบ เป็นโรคร้าย

วันนี้(3 พ.ย.)เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ต.บรรจง ชาญศรี ร้อยเวร ส.ภอ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดฆ่าเด็กตายภายในบ้านพักในการเคหะสมุทรปราการ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย หน่วยกู้ชีพบัวหลวง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 1614/309 ม.6 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ. สมุทรปราการ อยู่ภายในการเคหะสมุทรปราการ พบ น.ส.น้ำเย็น แทวกระโทก อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุ อยู่บ้านเลขที่ 569 ม.2 ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณหน้าบ้าน และรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุด้วยการใช้ มีดปลายแหลมเชือดคอเด็กจากนั้นได้นำเด็กไป จับแช่ในอ่างน้ำหลังบ้าน

จากการสอบถามนายชวน ศรีกุญวง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1614/308 เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังดังกล่าว มีนายประสาน กิจจานนท์ อายุ 70 ปี เป็นเจ้าของบ้าน และได้เปิดให้เช่าบ้าน จากนั้น มีคนมาเช่าเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผู้พักอาศัยทั้งหมด 4 คน มี ด.ญ 1 คนชื่อวิว และ ด.ช.1 คนชื่อว่าน และ มีผู้หญิง 1 คือ น.ส.น้ำเย็น และนายเพริน ขันเสนาะ สามี โดยช่วงที่เกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่บ้านมีเพียง น.ส.น้ำเย็น แทวกระโทก เลี้ยงด.ช.ธนโชติ พนศรี หรือน้องว่าน อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของนายสมโชค พนศรี อายุ 31 ปี และนางศมิชา ขันเสนาะ อายุ 26 ปี ส่วนเด็กอีกคนชื่อ ด.ญ.วิว อายุ 1 ขวบ 7 เดือน ซึ่งเป็นลูกของ น.ส.น้ำเย็น เอง โดยในช่วงเช้า น.ส.น้ำเย็น ได้ออกมาบอกตนว่า ให้โทรแจ้งตำรวจด้วย โดยแจ้งว่าตนได้ฆ่าเด็กตายอยู่ในบ้าน เพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงได้เข้าไปดูพบว่ามีเด็กถูกฆ่าตายจริง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

น.ส.น้ำเย็น แทวกระโทก ผู้ก่อเหตุนั้น ให้การว่า สาเหตุที่ได้ฆ่าเด็กชายว่าน ตายนั้นนายสมโชคและนางศมิชาได้ฝากเลี้ยงไว้ แต่ ด.ช.ว่าน ซุกซนและร้องเสียงดัง ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ประกอบกับตนมีโรคร้ายทำให้เกิดอาการเครียด ช่วงนั้น ด.ช.ว่าน ซนมากจึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบใช้มีดปลายแหลมเชือดคอเด็กจนตาย จากนั้นจึงได้นำเด็กจับใส่บ่อน้ำหลังบ้าน ซึ่งณะนั้นคิดว่าจะฆ่าตัวเองตายตาม แต่ ด.ญ.วิว ลูกของตนนั้นร้องเสียงดังจึงเปลี่ยนใจ ไปบอกคนข้างบ้านและยืนมอบ ตัวอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ นำตัว น.ส.น้ำเย็น ผู้ก่อเหตุไปสอบสวนและตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพ ด.ช.ว่าน เจ้าหน้าที่มูลนิธิบัวหลวงได้นำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อชันสูตรศพ ต่อไป

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<CENTER>ดอกเตอร์ดังพบภาพนิมิต แฟลตดินแดงถล่ม </CENTER>
<!--detail--><!--images--><!--images--><!--images-->
<CENTER>

ภาพจากอินเตอร์เนตไม่เกี่ยวข้องกับข่าว</CENTER>
<!--images-->
ดอกเตอร์ดังพบภาพนิมิต แฟลตดินแดงถล่ม เตือน 3-6 เดือนพิบัติภัยทั่วไทย อ้างนั่งสมาธิพบแรงสั่นสะเทือน ชี้ปทุมธานี นครนายก พัทลุง นครศรีฯ อุทัยธานี พิษณุโลก ระวังน้ำท่วม-แผ่นดินแยก ย้ำเตือนเพื่อให้ราชการพร้อมรับมือ

ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ผู้มีชื่อเสียงจากการใช้พลังจิตและคลื่นพิเศษสร้างกระแสทำนายพิบัติภัย กล่าวเตือนว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะได้พบภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรง จะเกิดน้ำท่วม แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุดในหลายพื้นที่ทั่วโทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จะมีตึกสูงถล่มด้วย ส่วนภาคใต้จะเกิดคลื่นพายุหนัก จึงอยากเตือนให้หน่วยงานราชการเตรียมรับกับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น

"จากการนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนาปฏิบัติธรรม ได้พบภาพนิมิตล่าสุดว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินแยกและทรุดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เห็นภาพแฟลตดินแดงถล่มทรุดลงมากองกับพื้นดินเลย ทุกวันนี้ตอนนั่งสมาธิรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนระดับลึก จนเชื่อว่ากรุงเทพฯ จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแน่นอน และมีอาฟเตอร์ช็อกด้วย คนที่อยู่ในตึกสูงเกิน 30 ชั้นให้ระวังตัวไว้เลย นอกจากนั่งสมาธิเพื่อเห็นภาพด้วยญาณวิถีแล้ว ยังศึกษาแผนที่โลกและความรู้ด้านภูมิศาสตร์-วิทยาศาสตร์เพิ่มเติมด้วย อยากเตือนว่าน้ำอาจท่วมปทุมธานีและนครนายกด้วย ภาคใต้จังหวัดที่ต้องระวังพายุหนักคือ ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช ผู้อยู่ภาคเหนือตอนล่างคือ อุทัยธานี พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ก็ต้องเตรียมพร้อมรับภัยธรรมชาติ" ดร.กัญจีรา กล่าว

ดร.กัญจีรา อธิบายเพิ่มเติมว่า จากภาพนิมิตที่ตนเห็นนั้น ได้นำมาประกอบกับข้อเท็จจริงด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ทำให้ทราบว่าแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณน้ำสะสมเกินปกติ ระบบนิเวศวิทยาถูกทำลาย จนไม่มีธรรมชาติช่วยป้องกัน ยิ่งไปกว่านั้นการสร้างถนนก็ทำขวางเส้นทางน้ำ ไม่คำนึงถึงกลไกธรรมชาติ มีถนน 341 สายทั่วไทยที่ต้องแก้ไขโดยด่วน นอกจากนี้ยังศึกษาด้านอุตุนิยมวิทยาทำให้ทราบว่าแนวร่องความกดอากาศจากมหาสมุทรได้ไหลเปลี่ยนทิศ จากภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ประเทศไทยเคยมีป่าไม้ร้อยละ 70 เพื่อช่วยป้องกันภัยน้ำท่วม แต่ตอนนี้ลดลงจนเหลือแค่ร้อยละ 20 ความไม่สมดุลจะทำให้พิบัติภัยธรรมชาติเกิดแน่นอน

"อาจารย์ออกมาพูดวันนี้ ก็กลัวว่าคนจะหาว่าเชื่องมงาย แต่ถ้าไม่พูดคนก็จะไม่ได้ระวังตัว โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบเรื่องบรรเทาสาธารณภัย อาจารย์เคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงคมนาคมมาก่อน จึงรู้ว่าการป้องกันสามารถทำได้ และเตือนไปที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ให้รู้ข้อมูลนี้แล้ว อยากให้มีการเตรียมกระสอบทราย ระบายร่องน้ำและเรือช่วยเหลือไว้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2547 และในวันที่ 26 ธันวาคม ก็เกิดคลื่นสึนามิจริงๆ" ประธานชมรมวิถีธรรมฯ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ดร.กัญจีรา ผู้จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่หันมาสนใจเรื่องสมาธิและการค้นคว้าทางจิต ได้ไปบรรยายเรื่อง "สถานการณ์ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคม 2548" ที่สมาคมสถาปนิกสยาม จากนั้นสื่อมวลชนได้นำคำทำนายไปเผยแพร่ว่า ภายในวันที่ 13-23 ตุลาคม 2548 จะเกิดน้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุโคลนถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศไทย คำทำนายดังกล่าวยังถูกเผยแพร่ทั่วอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่ง ดร.กัญจีรา ยืนยันซ้ำว่า ตั้งแต่ปลายปี 2548 จนถึงปัจจุบันภัยธรรมชาติยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเกิดขึ้นจนถึงปี 2550

ด้านศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า ในวันที่ 23 ตุลาคม มียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 125 คน ทรัพย์สินเสียหายกว่า 334,245,830 บาท โดยมีจังหวัดที่ประสบอุทกภัยถึง 47 จังหวัด

ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ระบุในรายงานเหตุน้ำท่วมว่า จากกรณีร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมถึงพายุดีเปรสชันช้างสาร พัดถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทยรวม 47 จังหวัด มีประชาชนเดือดร้อน 3,169,571 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 125 ราย ได้แก่ เชียงใหม่ 8 ราย แม่ฮ่องสอน 3 ราย ลำปาง 3 ราย สุโขทัย 9 ราย พิษณุโลก 12 ราย นครสวรรค์ 8 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย ชัยนาท 2 ราย สิงห์บุรี 2 ราย อ่างทอง 8 ราย พิจิตร 9 ราย ปราจีนบุรี 11 ราย จันทบุรี 3 ราย ปทุมธานี 2 ราย พระนครศรีอยุธยา 18 ราย ชัยภูมิ 7 ราย ยโสธร 9 ราย ร้อยเอ็ด 2 ราย ลพบุรี 2 ราย อุทัยธานี 3 ราย พังงา 1 ราย และ กทม. 2 ราย

นอกจากนี้มีบ้านเรือนของประชาชนเสียหายเกือบ 1 หมื่นหลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 2,419,353 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำจาก 334,245,830 บาท ซึ่งล่าสุดในบางจังหวัดน้ำได้ลดกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วแต่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ 16 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี และ กทม.


ที่มาจากหนังสือพิมพ์
<!--detail--><!-- -->โดย : NaiNat
วันที่ : 2006-10-24 08:50:22
http://webboard.mthai.com/52/2006-10-24/276495.html

 

จริงครับ ผมอยู่ ม3 ยังรู้เลย ไรควรเชื่อไรไม่ควร

 

_/\_ ขออนุญาตโพสหน่อยนะครับ

เธอ . . เธอคิดได้ยังไง~~**

คิดมาได้นะครับ โลกจะแตก พระศรีอาร จะมา

ผมอยู่ ม.3 ยังรู้เลยว่า มันเป็นไปไม่ได้ อ่ะครับ

**ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลก

**คนทำนายใช้ส่วนไหนนิมิตครับ

**อ่านไปยิ่งกว่าหนัง นิยายวิทยาศาสตร์

**วิทยาสาสตร์ถึงทางตัน แต่มันก็ยังเป็นที่ยอมรับ ทั่วโลกนะครับ

**ผมว่าคนที่เชื่อคงมีแต่ คนแก่งมงายเท่านั้นแหละ

**และถึงมันจะเป็นจริง [0.000000000000000000000000000000000000000000001~0%]

>>ใครช่วยต่อทีครับ ขี้เกียจสาธยายภาษาเด็ก ๆอ่ะครับ

 

หลักความจริง Mixz กับ เรื่อง ไร้.สา. ระ. มันก็คือ กระทู้นี้หละ ครับ

อ่านบรรทัด แรก กลัว จริงๆ พอมาล่างๆ กลับกลายเป็น ขำ +มานั่งโพสด่านี่

แหละครับ

 

เหอๆ... ถึงเราไม่เชื่อ แต่ถ้าความจริงเป็นยังไง มันก็ต้องเป็นอย่างงั้นแหละครับ...

ถ้าคุณไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น ก็คอยดูต่อไปละกันครับ.. แต่ผมเชื่อ เพราะมันก็กำลังเกิดอยู่ และข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็บอกว่า มันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ... ไม่เห็นมันจะงมงายตรงไหน??

 

^^^
^^^
^^^
ไม่ควรทำเช่นนี้ครับ<!-- / message -->

 

จะตายก็ตาย ครับ ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจหรอกครับ มุม ของพวก วัยรุ่นอ่ะ มันมองกันยังไง และมุมของผู้ใหญ่ด้วยครับ มองไม่ออกกจริงๆ คิดกันได้ไง โลก มันเกิดมาตั้งนานแล้ว มันก็หมุนไปของมัน แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยนะครับ ว่าพวกในโนเสาร์ มันจะกลัว แตก ตื่นกันแบบนี้มะ มันอพยพหนี สุดท้ายก้ ตายหมด ไม่ต้องมีทีพึ่งละ เรื่องชวนน่าแตกตื่นกันขนาดนี้ ถึง ท่าที่สุดแล้ว คนจะเป็นเหมือน พวกไดโนเสาร์ มันก็ต้องตายอยู่ดี มามัวกลัว อยู่ทำไม

ปล. มุม ของเด็ก นะครับ

ส่วนคนโพสก็โพสกันจริง ภัยพิบัต เนี่ย พวก คนอ่าน บางคน ขี้ ขึ้นสมองกันหมดแล้วรู้มั้ย

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD align=left>

[SIZE=+2]วันโลกาวินาศ[/SIZE]

โดยคุณมิกกี้​

​

</TD></TR><TR><TD align=left background=/images/dotted_line.gif></TD></TR><TR><TD align=left><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>ในปัจจุบันนี้ โลกมนุษย์ดูยุ่งเหยิงกันมาก ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาพลังงานน้ำมันจะหมดโลก ภาวะเรือนกระจกที่ทำโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย โรคระบาดต่างๆ และสงคราม ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนกระวนกระวายถึงความอยู่รอดของ มนุษยชาติ และสัตว์อื่นๆ ภายในโลก และเตือนใจมนุษย์สู่วันโลกาวินาศ เชื่อมั๊ยว่าคนดีจะรอดจากวันที่น่าสะพรึงกลัวนี้ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left background=/images/dotted_line.gif bgColor=#ffffff height=10></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#ffffff>มิกกี้ [IP: 203.151.140.117,203.113.55.203,] วันที่ 16 ม.ค. 2549 - 17:49:08


</TD></TR></TBODY></TABLE>


ในพระคัมภีร์เขียนไว้อย่างชัดเจนครับ

โดย: ครู...ชิต [IP: hidden]
วันที่ 17 ม.ค. 2549 - 12:22:08


ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ใครชวยแจงให้เข้าใจหน่อยได้รึเปล่าครับ มีเป็นกลอน แถมยังเป็นกลอนงง ๆ อีก ต้องการอะไรหรือครับ

โดย: คนรักจักรวาล [IP: 203.188.35.109,,]
วันที่ 18 ม.ค. 2549 - 16:17:38

น่าจะแตกเร็วๆ น่ะ ล้างโลกใหม่

โดย: yoo [IP: 203.170.228.172,,]
วันที่ 18 ม.ค. 2549 - 18:20:59


News From GOD.
(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)


ทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2006

 

ครับ

 

ครับ น่าสนใจ

 

ครับ น่าสนใจ ดีนะครับ

 

วัฒนา' สั่งย้าย แฟลตดินแดง​

​

หลังจากคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 31 ส.ค.49 และมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งย้ายประชาชนออกจากแฟลตดินแดง เนื่องจากพบว่าสภาพอาคารแฟลตเก่าและแตกร้าวอาจเกิดตึกถล่มนั้น เมื่อบ่ายวันที่ 1 ก.ย.49



นายวัฒนา เมืองสุข รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนายสุรพล จันทร์น้อย และนายฐิตานนท์ พิบูลย์นครินทร์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมแถลงผลจากการประชุม ว่า การเคหะฯได้รายงานว่าอาคารของแฟลตดินแดงมีทั้งหมด 87 หลัง จำนวน 6,000 หน่วย เฉลี่ยห้องละ 5-6 คน สร้างเมื่อปี 2506 ในพื้นที่ 127 ไร่ เมื่อมีการตัดถนนหลายสายและก่อสร้างอุโมงค์ ทำให้อาคารชำรุดและประชาชนยังมีการต่อเติมอาคารยิ่งเร่งทำให้เสียหายมากขึ้น ซึ่งการเคหะฯได้จ้างสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ตรวจสภาพอาคารเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2547 และล่าสุดเข้าตรวจซ้ำเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 โดยแจ้งไปที่ กปอ. ว่าพบทั้งพื้นที่เสียหายเป็นโซนอันตรายต้องมี การย้ายออก พื้นที่เสียหายปานกลาง และพื้นที่เสียหายน้อย

รมว.การพัฒนาฯกล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่สีแดงที่เป็นโซนอันตรายจริงๆ ประมาณ 20 อาคาร ได้แก่ แฟลต 1-8 อยู่ริมถนนดินแดง จำนวน 672 หน่วย แฟลต 21-32 ริมถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 640 หน่วย รวม 1,312 หน่วย หากจะให้ย้ายประชาชนออกจากอาคารก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะมีบ้านเอื้ออาทรรองรับ ได้แก่ บ้านเอื้ออาทรบางกะดี่ (ติวานนท์) จำนวน 100 หน่วย รังสิต คลอง 1 จำนวน 400 หน่วย เพชรเกษม 81 จำนวน 200 หน่วย มีนบุรี 200 หน่วย บึงกุ่ม 500 หน่วย แพรกษา 300 หน่วย รวม 1,700 หน่วย การย้ายหรือไม่ย้ายออกขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน หากย้ายออกทั้งหมดทีเดียวจำนวนคนประมาณ 45,000 คน เราก็พร้อมรองรับ ใช้เวลาก่อสร้างอาคารใหม่ 2 ปีเสร็จ หรือถ้าจะย้ายเฉพาะโซนอันตรายก่อนทยอยก่อสร้างอาคารใหม่ 4 ปีก็เสร็จ

นายวัฒนากล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะให้การเคหะฯ ตั้งคณะทำงานเพื่อสำรวจความต้องการประชาชนใหม่ ดูแลการย้ายประชาชนออกจากอาคาร เบื้องต้นเคยสำรวจประชาชนก็พร้อมจะย้ายออกพร้อมรับเงินชดเชย แต่ผลศึกษาออกมาชัดเจน เชื่อว่าประชาชนจะยอมย้ายออก อย่างไรก็ตาม หากซ่อมอาคารเดิมทำไม่ได้ ทางเดียวคือต้องสร้างอาคารใหม่ทั้งหมด อาจจะสร้างเป็นอาคารสูงไม่เกิน 20 ชั้น ขนาด 50 ตร.ม. ตร.ม.ละ 20,000 บาท ราคาประมาณ 1 ล้านบาท รองรับผู้อาศัยเดิมและคนเข้ามาอยู่ใหม่ อาทิ ข้าราชการ กทม. และข้าราชการในกระทรวงแรงงานได้จำนวนมาก ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือใน ครม.พิจารณาในการรื้อย้ายและสร้างอาคารใหม่ในวันที่ 5 ก.ย. นี้

ด้านนายสุรพล จันทร์น้อย รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า สภาพอาคารที่อยู่ในพื้นที่สีแดงขณะนี้ มีรอยแตกร้าวเหล็กเสริมคานเป็นสนิมและผุ บริเวณคานห้องน้ำ ห้องครัว ระเบียงด้านหลัง เหล็กในตัวเสาขึ้นสนิม รับน้ำหนักไม่ได้ โครงสร้างอาคารอ่อนแอ นอกจากนั้นอาคารมีการทรุดตัว เสาหักตัว ทำให้ท่อน้ำแตก อาคารเสียหาย ไม่แน่ใจว่าประชาชนจะอาศัยอาคารแฟลตดินแดงได้อีกนานเพียงใด เพราะไม่รู้ว่าอาคารจะเสียหายเมื่อใด หากอยู่นานไปก็อาจเสี่ยงได้รับอันตราย จากการสำรวจเมื่อเดือน พ.ค. 49 มีผู้ประสงค์ย้ายออกจากแฟลตเลย 1,200 ราย ขอย้ายไปชั่วคราวเมื่ออาคารเสร็จจะกลับมาใหม่ 2,000 กว่าราย และผู้ไม่ประสงค์เข้าอยู่อาคารใหม่ แต่ขออยู่อาคารเก่าที่แข็งแรงประมาณ 1,000 ราย โดยผู้ที่จะย้ายออกเลยจะได้รับค่าชดเชย 250,000 บาท และค่าขนย้าย 10,000 บาท ส่วนผู้ที่จะกลับเข้าอยู่อีกจะไม่ได้รับค่าชดเชย

ขณะที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับนายวรภาส รุจิโภชน์ ผอ.เขตดินแดงและผู้เกี่ยวข้องว่า ที่ประชุมมีมติชัดเจนให้สำนักการโยธาร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เข้าพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณแฟลตดินแดง ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงและสีส้ม ซึ่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียระบุว่ามีอันตราย โดยเน้นให้ดูเรื่องโครงสร้างอาคารว่ามีความปลอดภัยระดับใด หากไม่มั่นคงจะแก้ไขเฉพาะหน้าอย่างไรและจะมีวิธีการแก้ไขระยะยาวอย่างไร แต่เท่าที่ดูข้อมูลเบื้องต้นเห็นว่าไม่น่าจะกระทบมาก ถึงขั้นกับจะต้องมีการรื้อย้ายคนออกมา ตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ลงพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้เก็บข้อมูลนำมาตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างใด

ที่มา http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=27341

 

ญี่ปุ่นสร้างเมืองใหม่กลางทะเลรับน้ำท่วมโลก!!!


ภูเขาไฟฟูจิ​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ff99 2px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ff99 2px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ff99 2px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ff99 2px solid">ข่าวล่าจากเพื่อนสหธรรมมิก ผู้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นมาหลายสิบครั้งแล้ว แจ้งว่าญี่ปุ่นรู้ชะตาชาติบ้านเมืองแล้วว่า อีกไม่นานกี่สิบปีนัก จะไม่มีประเทศญี่ปุ่น และประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเล จะจมไปกับน้ำท่วมโลก ภัยพิบัติสารพัดจากดิน-น้ำ-ไฟ-ลมกระหน่ำ ได้เตรียมการแก้ไขปัญหานี้แล้ว โดยปักเสาเข็มกลางทะเล มีวัตถุกลมๆ รองรับเพื่อเป็นตัวปรับการยืดหยุ่นอัตโนมัติ ป้องกันได้ทั้งน้ำ-ลม โดยสร้างเมืองใหม่เป็นหย่อมๆเล็กๆ เป็นคล้ายๆ หมู่บ้าน กระจายกันไป ตามชานเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองไม่ทราบว่าประเทศอื่นๆ จะทำอย่างญี่ปุ่นหรือเปล่านะนี่.......ก็ต้องขอชมเลือดนักสู้(ธรรมชาติ)ของคนญี่ปุ่นเขานะ คิดได้ไงนะ คงเป็นเพราะความจำเป็นในความอยู่รอดกระมัง......คนสู้เท่านั้นที่จะรอดได้.......

ผู้ตั้งกระทู้หนุ่มเจโตฯ ( ) ::วันที่ลงประกาศ 20-06-2005 17:39:41 ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<!-- End Show Question --><!-- Start Answer Loop -->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ff99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ff99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ff99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ff99 1px solid">ความเห็นที่ 1 (136763)

ผมเองเรียนกับคณะอาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่มาช่วยเหลือประเทศไทยทางด้านโทรคมนาคมตามแผนโคลัมโบมา 3 ปีเต็มๆ รู้จักคนญี่ปุ่นดีพอสมควร คนญี่ปุ่นเขาซื่อสัตย์ เข้มแข็ง อดทน ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขยันมากๆ อาจารย์ทุกคนจะมาทำงานแต่เช้า 07.00 น.กว่าๆก็มาถึงสถาบันฯแล้ว ก็มาตีปิงปอง เล่นตะกร้อกับลูกศิษย์เป็นประจำ ถ้าท่านแพ้ ก็จะเล่นตื๊ออยู่อย่างนั้น จนกว่าจะชนะ ท่านไม่ถือตัวว่าเป็นครูบาอาจารย์ อาจารย์ที่สอนวิชา โทรเลขโทรศัพท์ เรื่องการซ่อมเครื่องโทรพิมพ์(Teleprinter) มีนักศึกษากี่คนๆ ท่านจะซื้อไฟฉายเตรียมมาเต็มที่ ใช้ในการสอนส่องไปที่ตัวเครื่องเคราซอกแซกเต็มที่ สอนกันตัวต่อตัวทีเดียว ทุกวิชาใช้หลักสูตรมหาวิทยาลัยแห่งโตเกียว ทันสมัยมาก วิชาที่เรียนๆกันมา ยังสามารถนำมาใช้งาน ปรับใช้ประยุกต์ได้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ แต่ละคนก็เก่งจริงๆ คัดเลือกมาอย่างดีทั้งนั้น พวกเราไม่ลืมบุญคุณของชาวญี่ปุ่นพวกนี้หรอก เพื่อนๆหลายคนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นจนจบปริญญาโท ปริญญาเอก กลับมาเป็นครูบาอาจารย์ เป็นใหญ่เป็นโตถึงอธิการบดี ศาสตราจารย์ก็มี ผมไม่แปลกใจเลยที่ทราบว่า ญี่ปุ่นสร้างเมือง สร้างประเทศใหม่เตรียมไว้กลางทะเลเนิ่นๆแต่บัดนี้ เขาฉลาดและไม่ประมาทเลย น่าชื่นชมพวกเขาจริงๆในเรื่องหัวจิตหัวใจนักสู้ หากคนไทยได้สักครึ่งของคนญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขยันขันแข็ง ความซื่อสัตย์ หรือความอดทน เลือดนักสู้ ไม่มีคำว่าถอย เอาจริงเอาจังในการงาน ผมว่าเมืองไทยคงไปไกลกว่านี้มากนัก.......

ผู้แสดงความคิดเห็นเนิน นราธร ( nern.naratorn@gmail.com ) วันที่ลงประกาศ 22-06-2005 16:26:27

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff00 colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ff99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ff99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ff99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ff99 1px solid">ความเห็นที่ 2 (140033)

ญี่ปุ่นเจริญมากด้านวิจัยสิ่งต่างๆ เพราะมีเงินทุนสูง ธรรมชาติกำลังจะปรับสมดุลของโลก เพื่อลดพลโลกลง ให้สมดุลกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอดของโลกและธรรมชาติ โลกกำลังเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน น้ำจะท่วมฟ้า(สึนามิ) ปลาจะกินดาว ธรณีจะกรรแสง ฟ้าจะแดงเป็นสีเลือด คนจะรอด จะต้องอยู่ป่า มิใช่เมือง พระเสื้อเมือทรงเมืองจะเข้าไพร ผีป่าจะเข้าเมือง คนกำลังจะกินคน ภัยจะทั่วทิศ มนุษย์จะอยู่รอด ต้องอยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น.......​

ผู้แสดงความคิดเห็นธรรมญาณ ( dhammayan@hotmail.com ) วันที่ลงประกาศ 26-06-2005 10:13:03
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://72.14.235.104/search?q=cache...=58798+น้ำจะท่วมฟ้า&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=39

 

ถูกต้องเลยครับ เป็นเด็กก็ควรเจียมตัวผู้ใหญ่เค้าผ่านอาไรมามาก สั้นๆแค่เนียหละ ทำตัวได้สมชื่อ รูปแทนตัวเอง เลยอะ "เกรียน" จริงๆ

ปล.ถ้าผมทำบุญครั้งต่อไปจะ แผ่บุณกุศลไปให้นะจะได้สงบๆ