ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/GjAxBs-SwJQ&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/GjAxBs-SwJQ&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/IFSam14CM2U&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/IFSam14CM2U&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/IAglz9YT_jk&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/IAglz9YT_jk&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/OxIj4xjU2bs&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/OxIj4xjU2bs&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/xVR_uWDIzS4&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/xVR_uWDIzS4&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/QQTl_V2SxM4&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/QQTl_V2SxM4&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/aeq3jPNcNMY&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/aeq3jPNcNMY&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/sJbwPGP11-c&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/sJbwPGP11-c&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/kGesZlzQdPY&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/kGesZlzQdPY&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/U08l9n6Bbmw&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/U08l9n6Bbmw&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
​

 

บึ้มทหารพราน ดับ 1 สาหัส 3 คาดฝีมือ RKK​

​

โจรใต้ ลอบวางระบิด อาสาสมัครทหารพราน ชุดลาดตระเวน ใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย คาดฝีมือแนวร่วม RKK...

วันที่ 4 ก.ค. 2553 พ.ต.ท.วิชัย แจ้งสกุล รอง ผกก.สส.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานบาดเจ็บสาหัส 4 นาย ที่บ้านตาเนาะปูเต๊ะ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ จึงพร้อม พ.ต.อ.สุวัตต วงค์ไพบูลย์ นายปรเมศวร์ จันทร์แสง ปลัดป้องกันอำเภอบันนังสตา สนธิกำลังเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ระหว่างหลัก กม.26-27 พบเลือดเปรอะอยู่บนพื้นข้างทาง

ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ อส.ทพ.สงคราม ดำรงรักษา อส.ทพ.สุรินัย เกศขาว อส.ทพ.สบาย มากเหลือและ อส.ทพ.สมปอง เกิดสมบัติ ทั้งหมดสังกัด ร้อยทพ 4709 กรมทหารพรานที่ 47 เขื่อนแม่น้ำปัตตานี ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อาการสาหัสทั้งหมด ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา แล้ว ปรากฏว่า อส.ทพ.สงคราม ดำรงรักษา เสียชีวิตระหว่างทาง ตรวจสอบในที่เกิดเหตุต่อมาพบว่าอยู่ห่างไหล่ทางเข้าไปใต้ร่มไม้ใหญ่ราว 10 เมตร พบหลุมลึก สะเก็ดระเบิดเศษชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ กระจัดกระจายเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดดังกล่าว มี ส.ท.นุซูรัน เจ๊ะสะแม เป็นหัวหน้าชุดนำกำลัง 8 นาย ออกจากฐานในหมู่บ้านเดินเท้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทางสายดังกล่าว ขณะมาถึงที่เกิดเหตุได้แวะพักเหนื่อย ปรากฏว่า จู่ ๆ ได้เกิดระเบิดดังขึ้นอย่างกึกก้อง แรงระเบิดทำให้ อาสาสมัครทหารพรานทั้ง 4 นายที่อยู่ใกล้ที่สุดกระเด็นไปคนละทาง อส.สุริยัน ขาขวาขาด ส่วน อส.ทพ.สงคราม ลำตัวพรุน

ต่อมาได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บถูกลำเลียงส่ง รพ.ศูนย์ยะลา จน อส.ทพ.สงคราม เสียชีวิตในที่สุด ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นแนวร่วม อาร์เคเค ในพื้นที่แอบสังเกตพฤติการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดนี้ออกลาดตระเวนและมักจะมาพักเหนื่อยอยู่ในบริเวณนั้นเป็นประจำ จึงได้นำระเบิดแสวงเครื่องอัดถังแก๊สปิคนิคหนักไม่ต่ำกว่า 15 กก.มาฝังไว้จุดชนวนให้ระเบิดขณะกำลังทหารพรานเข้ามาพักเหนื่อยจนทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ตะก่อน ฟังเรื่อง เอลนิโญ่ - ลานีญ่า มาตั้งนานแล้ว บอกปีก่อนจะเกิดๆ แต่ มันก็เกิด แต่ยังรู้สึกว่า ยังไม่ร้อน ฝนไม่มาก ไม่ค่อยหนาว นัก

แต่มีปีนี้ เริ่มรู้สึกว่า โลกและฤดู มันเลื่อนออกไปเยอะ

และปีนี้ ร้อนมาก และ ผมคิดว่า ฝนจะมาก กว่าตะก่อน ดูอย่าง ฝนตกคราวก่อน ตั้งแต่ตีสองยันเช้าเลย

ผมคิดว่า ปลายปีนี้ จนถึง ต้นปีหน้า น่าจะ หนาวมาก ตามทางเหนือ อาจจะอุณหภูมิ ติดลบ ก็เป็นไปได้นะครับ

แต่เตรียม ถังน้ำสำรองไว้ด้วยครับ ทั้งฤดูหนาว และ ร้อน ปีต่อไป น่าจะแห้งแล้งมากขึ้นครับ

 

555 งั้นต้องบอกว่า ถ้าไม่มีเหลืองก็ไม่มีแดง จะได้ไม่มีการเผาเมืองดีกว่าไม๊ และต้องคืนความเป็นธรรมให้ตำรวจที่โดนรถยนต์ถอยมาทับ กับตำรวจที่โดนแทงที่ทำเนียบด้วยดีไม๊ จะต่อคำอีกไม๊ว่าถ้าไม่มี...ก็ไม่มีเหลือง อย่างนี้ก็ไม่จบหรอก คนตายก็ตายไปแล้ว ที่สำคัญคือ ต้องไม่มีคนตายอีก คนที่เห็นดีเห็นงามกับความตายของคนอื่น คือคนที่สูญเสียจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ต้องขออภัยด้วย ความจริงไม่อยากแตะกระทู้ที่มีเอี่ยวการเมืองแบบนี้ แค่ไม่อยากให้เอาคนตายมาพูดกันทั้งๆที่คนพูดก็ไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าเค้ามาเพื่ออะไรด้วยซ้ำ กรุณาอย่าคิดหรือตัดสินคนที่ไม่รู้จักง่ายๆ มันเสียมารยาทกับวิญญาณเค้า:love:

 

แม่บอกว่า ปีนี้ไม่มีผลไม้เลย มันแล้งจัด

เออใช่ ยังไม่ได้ทานลำใยเลย จะหมดหน้าลำใยแล้ว ส่วนลำใยที่ออกมาก็มีน้อย ลูกเล็ก เพราะแล้งจัด ลิ้นจี่ก็ไม่ได้กิน ทุเรียนก็หมดซะแล้ว

แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร หากไม่ได้หมายถึงแค่ผลไม้ เพราะข้าวยังพอมีในสต๊อก เลยยังมีข้าวทานกัน แต่ผลไม้ออกเป็นฤดู เห็นได้ชัดว่าจากที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เริ่มไม่มีอะไรทาน (พอหน้าฝน ฝนมาก็ท่วม ข้าวเสียหายอีก)

 

ธรณีพิโรธนอกชายฝั่งญี่ปุ่น 6.5 ริคเตอร์ไม่เตือนสึนามิ​

​

ธรณีพิโรธนอกชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง ขนาด 6.5 และ 4.6 ริคเตอร์ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย และประกาศเตือนสึนามิแต่อย่างใด...

สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว รายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดระดับความรุนแรงได้ 6.5 ริคเตอร์ เมื่อเวลาประมาณ 04.55น. (ตามเวลาประเทศไทย) ใกล้กับชายฝั่งฮอนชู ทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ละติจูดที่ 39.66 ลองติจูดที่ 142.54 จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปในทะเลราว 37 กิโลเมตร

จากนั้นราว 3 ชั่วโมงต่อมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.6 ริคเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งหมู่เกาะคูริล ทางตะวันออกของญี่ปุ่นเช่นกัน บริเวณละติจูดที่ 43.93 ลองติจูดที่ 147.34 จุดศูนย์กลางลึกลงไปในทะเล 70 กิโลเมตร แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย และประกาศเตือนสึนามิ ทั้ง 2 แห่ง

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2553

คองโกเตรียมฝังหมู่ 230 ศพ เหยื่อรถน้ำมันระเบิด​

​

เจ้าหน้าที่สภากาชาดคองโก นำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดราว 230 ศพ จากเหตุโศกนาฏกรรมรถน้ำมันระเบิด มาห่อด้วยพลาสติกและเตรียมพีธีฝังรวมในหมู่บ้านซานเก ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่า หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรม รถบรรทุกน้ำมันจากแทนซาเนีย ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำและระเบิด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ในหมู่บ้านซานเก ทางตะวันออกของสาธารณรัฐคองโก (ดีอาร์ คองโก) จนทำให้ผู้อยู่บริเวณใกล้เคียง รวมถึงผู้ที่พยายามเข้ามารองน้ำมันไปใช้ เสียชีวิตอย่างน้อย 230 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกกว่าร้อยชีวิต ซึ่งขณะนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันนี้สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สภากาชาด นำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด มาห่อด้วยพลาสติก และเตรียมพีธีฝังรวมในหมู่บ้านซานเกที่เกิดเหตุ

ด้าน ฌอง โกลด์ กิบาลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดซูตท์กิวู กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ถือว่าเป็นเรื่อง "เลวร้ายที่สุด" สำหรับหมู่บ้านซานเก มีผู้เสียชีวิตเกลื่อนท้องถนน ชาวบ้านในเมืองยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครร้องไห้ หรือยอมพูดอะไรเลย เพราะต่างตกอยู่ในภาวะตกตะลึง

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ญวนตื่น! จอมปลวกพระพุทธรูป แห่บูชาเนืองแน่น​

​

พบจอมปลวกรูปร่างคล้ายพระพุทธรูป ในสวนยางพาราทางภาคใต้ของเวียดนาม ชาวบ้านทั้งใกล้และไกลหลั่งไหลไปเคารพสักการะ...

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อ 2 ก.ค. โดยอ้างการเปิดเผยของนายโว วัน ควง เข้าหน้าท่ีบริษัทยางพารา “เบน แคต” ของเวียดนาม ว่า ชาวเวียดนามจำนวนมากหลั่งไหลไปเคารพสักการะจอมปลวกรูปร่างคล้ายพระพุทธรูป ในสวนยางพาราแห่งหนึ่งที่จังหวัดบินห์ เดือง ทางภาคใต้ของเวียดนาม

โดยชาวบ้านทั้งใน จ.บินห์ เดือง และจังหวัดใกล้เคียงหลายพันคน หลั่งไหลไปสวดมนต์ จุดธูป วางช่อดอกไม้ และเครื่องสักการะอื่นๆ รอบๆ จอมปลวก ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับพระพุทธรูปปางสมาธิ สูงราว 40 ซม. ขณะท่ีมีข่าวลือแพร่หลายว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ

นายฮวง ธิ มินห์ ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใสว่า ตนคิดว่าจอมปลวกดังกล่าวเป็นลางดี ซึ่งเบื้องบนประทานให้มนุษย์ ผู้คนจำนวนมากจึงเดินทางไกลมาเพื่อสักการะบูชา ถึงแม้เจ้าหน้าท่ีจะขอร้องให้กลับไป อนึ่ง ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนพุทธ

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2553

กรมอุตุฯเตือน ส.ค.-ก.ย.ทั่วประเทศ ฝนตกชุก



​

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนประชาชนระวังฝนตกชุกช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ภาคเหนือ อีสาน กลาง ส่วนภาคใต้ ฝนจะเริ่มชุกเดือน พ.ย.-ธ.ค.53 พร้อมประสานศูนย์เตือนภัยช่วยดูแล…

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายอังสุมาล ศุนาลัย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.- เดือนต.ค. 2553 ประเทศไทยจะมฝนตกชุก ยิ่งช่วงเดือนส.ค.- ก.ย.2553 จะมีฝนมากทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน และภาคกลาง ส่วนภาคใต้ จะเริ่มจะเริ่มมีฝนตกชุกในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2553 หรือประมาณปลายปี โดยได้ประสานงานกับศูนย์เตือนภัยภิบัติแห่งชาติ ให้ความรู้และดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวต่อว่า ปี 2553 ฤดูฝนไม่ตรงเวลา ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากช่วงนอกฤดูฝนนั้น ฝนตกน้อย ทำให้เกิดความแห้งแล้ง และส่งผลกระทบต่อน้ำในเขื่อน ทำให้ผลทางการเกษตรเสียหาย สำหรับการเกิดพายุฝนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อทำการตรวจสอบและตรวจสอบดูว่าสาเหตุมาจากอะไร โดยการนำข้อมูลของฝน และน้ำในเขื่อนของชลประทานมาตรวจสอบ และนำข้อมูลทางภูมิศาสตร์เข้ามาใช้เพื่อประเมินผลต่อไป


ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

<object classid="clsid<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" teeth-smile.gif="" alt="" title="Open-mouthed" smilieid="28" class="inlineimg" border="0">


<embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://video.mthai.com/Flash_player/player.swf?idMovie=6M1278298906M0" allowfullscreen="true" width="407.6" height="342"></object>
สุดสลด!ลูกทำร้ายแม่ หลังติดเกมหนัก (02-07-10)
ผู้เป็นแม่ร้องห่มร้องไห้ ยกมือไหว้ ร้องขอความเมตตา
ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อเข้าไปถึงบ้านดังกล่าว บริเวณลานหน้าบ้าน พบนางอำพร แตงสี อายุ 62 ปี ซึ่งมีอาการพิการที่บริเวณขา นั่งกับพื้นดินด้วยอาการร้องห่มร้องไห้ พร้อมกับยกมือไหว้ ร้องขอความเมตตา จากน.ส.นงนุช อยู่ขวัญ ผู้เป็นบุตรสาว อายุ 22 ปี ที่กำลังยืนด่า และกำลังใช้มือตบหน้านางอำพร ผู้เป็นแม่ เจ้าหน้าที่สายตรวจทนเห็นสภาพไม่ไหวจึงเข้าไปห้ามปราม และผู้เป็นแม่คลานหนีเข้าไปในบ้าน
หลังจากนั้นนางสาวนงนุช ได้เดินตามนางอำพรเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะขอเงินและจะ ทำร้ายร่างกายอีกโดยไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงต้องเข้าไปควบคุมตัวและนำตัวนางอำพรออกจากบ้านจากนั้นจึงนำตัวส่ง โรงพยาบาลเพื่อเช็คร่างกาย เนื่องจากได้รับบาดเจ็บฟกช้ำหลายแห่ง
ด้าน นางอำพร เล่าว่า ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ตนต้องขายบ้านเพื่อนำเงินมาให้บุตรสาวไปเล่นเกมออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งขณะนั้นลูกสาวเป็นเด็กเรียนเก่ง สอบเอ็นทรานซ์เข้าคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังในจ.เชียงใหม่ได้ แต่เรียนได้2 ปี ก็ต้องลาออก เพราะลูกสาวติดเกมออนไลน์และแชท จนกระทั่งตนทราบว่าไปติดชายหนุ่มวัย 24 ปี ที่เรียนอยู่ในกรุงเทพฯ และชายคนนี้พยายามโทรมาขอเงินลูกสาวตลอด
ที่ ผ่านมาลูกสาวจะขอเงินทุกวันๆ ละ 200 บาท แม่ต้องพยายามหาเงินมาให้ แต่ก็ไม่พอใช้เพราะเป็นเพียงแม่ค้าขายผลไม้ มีอยู่ครั้งหนึ่งไม่มีเงินให้ก็ถูกลูกสาวทำร้ายร่างกาย ขึ้นนั่งคร่อมตัว แล้วใช้มีดจ่อคอจี้บังคับขอเงิน จึงต้องเจียดค่ากับข้าวให้ไป
สอบถาม นางวิเชียร สินาคม อายุ 66 ปี และ นางชอบ คงทับ อายุ 67 ปี เพื่อนบ้าน ทราบว่า ทราบเรื่องดังกล่าวดี เนื่องจากนางสาวนงนุชจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว และมักจะทำร้ายร่างกายแม่ทุกวัน เนื่องจากจะบังคับขอเงินกับแม่เพื่อจะนำไปเล่นเกมส์ออนไลน์ บางวันหมดเงินนับพันบาท หากแม่ไม่ให้ก็จะตบตี แต่เพื่อนบ้านก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามปรามเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบ ครัวและเกรงจะถูกนางสาวนงนุชทำร้าย แต่สุดท้ายเพื่อนบ้านทนเห็นลูกทรพีที่ทำร้ายร่างกายแม่ผู้บังเกิดเกล้าไม่ ไหว จึงแจ้งเรื่องให้ผู้สื่อข่าวทราบ และเข้ามาเห็นสภาพดังกล่าวจริง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
<li class="news_src_item">

 

วันที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7158 ข่าวสดรายวัน


"ภาพแรก"ดาวเทียมเบียร์ อีก6เดือนสร้างภาพโลก3มิติ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>ดาวเทียมสำรวจโลกดวงใหม่จากเมืองเบียร์ เยอรมนี TanDEM-X ที่ถูกส่งขึ้นจากฐานปล่อยในคาซัคสถาน เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจสร้างแผนที่ผิวโลกในแบบ 3 มิติ กับดาวเทียม TerraSAR-X ที่ปล่อยขึ้นไปก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 ส่งภาพแรกกลับมายังโลกแล้ว

ภารกิจสำรวจทุกซอกหลืบของพื้นผิวโลกซึ่งกินเนื้อที่ 150 ล้านตารางกิโลเมตร ใช้เวลานาน 3 ปี สามารถส่งภาพแรกกลับมายังโลก เป็นภูมิประเทศในยูเครน ทางเหนือของเกาะมาดากัสการ์และมอสโก ความพิเศษของภาพได้จากการใช้เรดาร์ตรวจสอบพื้นผิวโลกอย่างละเอียด <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เรดาร์ของดาวเทียมทั้ง 2 ดวงจะส่งสัญญาณคลื่นไมโครเวฟไปยังพื้นดินและผิวน้ำ ระยะเวลาที่สัญญาณใช้ในการสะท้อนกลับมายังจุดกำเนิด คือสิ่งที่เครื่องมือจะประมวลผลว่าพื้นผิวมีความสูงที่แตกต่างกันอย่างไร

ข้อมูลจากมาดากัสการ์ คลื่นทะเลลูกใหญ่และทรงพลังในทะเลเปิดของมหาสมุทรอินเดียจะแตกต่างอย่างชัดเจนกับสัญญาณเรดาร์ที่ราบเรียบที่สะท้อนจากไบเดอ ดิเอโก ทะเลสาบปิดที่เงียบสงบ หรือในภาพของสนามบินมอสโก เชเรเม เทียฟ พื้นผิวของแผ่นคอนกรีตบนรันเวย์ปรากฏให้เห็นเป็นเส้นสีดำเพราะคลื่นเรดาร์ทำหน้าที่สะท้อนจากดาวเทียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัลเบอร์โต โมเรรา ผู้อำนวยการภารกิจ TanDEM-X กล่าวว่า ดาวเทียมจะใช้เวลาประเมินผลภาพต่างๆ และสร้างออกมาเป็นภาพโลก 3 มิติ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า นับเป็นครั้งแรกที่เราจะได้มีแบบจำลองโลกในระบบ 3 มิติ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางการค้า การวิจัยและเพื่อความมั่นคง

แผนที่โลก 3 มิติ ดังกล่าวอยู่ในรูปแผนที่ลักษณะความสูงของภูมิประเทศแบบดิจิตอล (DEM) รองรับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หลากหลาย ทั้งระบบคอมพิวเตอร์นำร่องในเครื่องบินทหาร หรือใช้ประโยชน์เรื่องการบรรเทาสาธารณภัยจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว ข้อมูลจากแผนที่โลกจะช่วยให้หน่วยกู้ภัยรู้ตำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหวและเมืองที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด

เห็นใจกระทิง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>กลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์เปลือยกายทาตัวด้วยสีดำและแดงนอนเรียงตัวเป็นรูปวัวกระทิง เพื่อประท้วงเทศกาลวิ่งวัวกระทิงและชนวัวกระทิงอันเลื่องชื่อของเมืองแปมโปลน่า ทางเหนือของสเปน ก่อนหน้าเทศกาลจะเริ่มขึ้นวันที่ 7 ก.ค. จนถึง 14 ก.ค.





วัว 2 หัว



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>ชาวนาอียิปต์ในหมู่บ้านใกล้เมืองอเล็กซานเดรีย ป้อนนมลูกวัว 2 หัว ที่ลุกขึ้นยืนไม่ได้เพราะว่าหนักหัว ซึ่ง นายโซบี้ เอล กันซูรี เจ้าของวัวบอกว่า จะเก็บลูกวัวประหลาดนี้ไว้ โดยสัตวแพทย์บอกว่าลูกวัว อายุ 3 วันตัวนี้อาการทรงตัวและน่าจะรอดชีวิต (เอพี)






"มาร์ค"ชี้ขยับหมุดแดนแค่ปรับจีพีเอส



เวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเอ็นจีโอกรณีปราสาทเขาพระวิหารว่า ต้องเข้าใจความพยายามผลักดันประเด็นนี้ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญทางการเมือง อยู่ในใจประชาชนของเขา ไม่ต่างจากประชาชนของเรา เพียงแต่การเคลื่อนไหวต้องอยู่ในกรอบ ถกเถียงกันหลายเวที รวมทั้งเรื่องมรดกโลก ทีมงานของเราเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปทำความเข้าใจกับยูเนสโกอยู่แล้ว 1-2 วันนี้มีข่าวกังวลว่าเราจะไปสูญเสียดินแดนหรือเปล่า ส่วนเรื่องการขยับหมุดขอย้ำว่าเรื่องเขตแดนต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบบนพื้นฐานการเจรจา รัฐบาลจะเอากรอบและผลการประชุมการเจรจาทุกครั้งเข้าสู่การประชุมรัฐสภา ปัจจุ บันรัฐสภายังไม่ให้ความเห็นชอบบันทึกการเจรจาต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นการทำงานภายใน ไปตรวจสอบจุดจีพีเอส ไม่ได้มีผลอะไรเลยกับเรื่องเขตแดน

ต่อข้อถามว่าตรวจสอบหรือไม่ว่ามีการขยับหมุดจริง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการทำหมุดในเรื่องจีพีเอส แต่ไม่ใช่แนวเขตแดน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีทหารบางคนไปร่วมมือกับกัมพูชาจนทำให้ไทยเสียดินแดน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าอะไรผิดปกติต้องตรวจสอบ รัฐบาลไม่ยอมยกแผ่นดินให้กับคนอื่น เป็นไปไม่ได้ ต่อข้อถามว่าไม่มีเหตุผลที่จะไปขยับหมุดเดิม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราต้องดูว่าจุดที่เป็นข้ออ้างในข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนอยู่ตรงไหนอย่างไร ไม่ได้แปลว่าตรงนั้นเป็นตำแหน่งเขตแดนที่เราจะต้องยอมรับ

เทือกปัดไม่ทราบแผนตากสิน2

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า แผนติดตามล่าสังหารผู้นำและบุคคลสำคัญ เป็นการดำเนินการตามแผนตากสิน2 ว่า ตนไม่ทราบว่าที่เขาบอกว่ารู้แผนการต่างๆหมายถึงอะไร ต้องไปถามคนที่พูด เมื่อถามว่าแต่มีการเปิดประเด็นออกมาเป็นระยะๆ นายสุเทพ กล่าวว่า คงมีที่มาของข้อมูลไม่เหมือนกัน เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่ามีแผนการต่างๆแต่ทำไมศอฉ.ถึงดำเนินการอะไรไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ เพราะตนไม่เคยได้พูดเรื่องนี้ ส่วนการพิจารณาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นศอฉ.จะสรุปรายละเอียดภายในวันนี้ เพื่อนำเสนอครม.ทั้งนี้การคงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ที่มีสถานการณ์ไว้นั้นเป้าหมายสำคัญคือเรื่องการดูแลรักษาความสงบของบ้านเมือง โดยทีเห็นว่ากฎหมายปกติอาจจะมีปัญหาไม่สามารถใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบบ้านเมืองในระยะนี้ไว้ได้ และอาจจะมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนหรือความพยายามที่จะก่อเหตุ เป็นต้น

เมื่อถามว่าเบื้องตนจะพิจารณาให้คงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กี่จังหวัด นายสุเทพ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้เพราะต้องรอการสรุปของศอฉ.ก่อน โดยจะฟังการประเมินสถานการณ์จากกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กอ.รมน.และจากฝ่ายข่าว เราต้องการความรอบคอบ จึงต้องประมวลความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ เมื่อถามว่าองค์กรระหว่างประเทศแสดงความเป็นห่วงว่าในขณะที่รัฐบาลเดินหน้าแผนปรองดอง แต่ยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าองค์กรต่างประเทศที่นำมาพูดกันนี้เป็นใคร องค์กรอะไร แต่เรามีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ไม่ใช่ทำงานเพื่อเอาภาพหรือเอาหน้าแต่บ้านเมืองเสียหาย แต่เรามีภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลบ้านเมืองของเรา องค์กรต่างประเทศอาจจะไม่ต้องมรับผิดชอบประเทศเราก็ได้

แม่น้ำโขง รอวันหายนะ

นุเทพ สารภิรมย์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

"แม่น้ำโขง" เป็นสายน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทางด้านพันธุ์ปลามากกว่า 1,200 ชนิด โดยเฉพาะช่วงที่สายน้ำที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยและลาว พบพันธุ์ปลามากกว่า 300 ชนิด และช่วงกัมพูชากับเวียดนาม อีกหลายร้อยกว่าชนิด

น้ำโขงจึงเป็นมรดกโลก สายนทีแห่งชีวิต อุษาคเนย์ ทั้งยังประโยชน์ต่อผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 100 ล้านคน ที่ล้วนแต่ต้องอาศัยพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติจากแหล่งน้ำโขงทั้งสิ้น

แต่ขณะนี้แม่น้ำโขงกำลังถูกคุกคามอย่างหนัก โดยเฉพาะจากเขื่อน และยังจะมีอีกหลายเขื่อนในอนาคต

ในเวทีสัมมนาทางวิชาการแบ่งปันความรู้ จัดขึ้นโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดเลย เขต 2 และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่ จ.เลย ได้เชิญ ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญปลาน้ำจืด มาบรรยายให้ข้อมูลถึงความสำคัญของสายนทีนี้

ดร.ชวลิตบรรยายว่าแม่น้ำโขงมีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศอย่างมาก โดยบางช่วงของแม่น้ำโขง มีความลึกประมาณ 100-200 เมตร ทำให้ระดับน้ำมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทั้งปี จึงมีความหลายหลายของพันธุ์ปลามากมาย มีทั้งปลาที่อาศัยอยู่ในช่วงน้ำลึก น้ำตื้นชายฝั่ง และอาศัยตามเกาะแก่งอีกหลายร้อยชนิด ในแต่ละปีจะค้นพบปลาพันธุ์ใหม่ประมาณ 3-10 ชนิด โดยในปีพ.ศ.2552 พบพันธุ์ปลาเพิ่ม 4 ชนิด คือ ปลาค้างคาวดอยตุง ปลากดขาว ปลาหลดงวงช้าง และปลาอีดแคระ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

การขยายพันธุ์ปลาที่สำคัญอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงหน้าน้ำหลาก ปลาในแม่น้ำโขงจำนวนมากจะเริ่มอพยพว่ายทวนน้ำขึ้นไปผสมพันธุ์ วางไข่ และขยายพันธุ์ยังบริเวณต้นแม่น้ำสายรองต่างๆ เช่น แม่น้ำมูน หลังจากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง ตุลาคม ปลาทั้งหมดจะเริ่มอพยพกลับสู่ลำน้ำโขง ทั้งหมดถือเป็นวัฏจักรของวงจรชีวิตปลาอพยพในลำน้ำโขง

โดยเฉพาะปลาที่สำคัญอันดับ 1 ของแม่น้ำโขงคือ "ปลาบึก" ปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในประเทศไทยสามารถเพาะขยายพันธุ์ปลาบึกได้เป็นผลสำเร็จ แต่ยังคงมีข้อจำกัด เพราะในทางปฏิบัติแล้ว เมื่อนำไปปล่อยลงแม่น้ำสายต่างๆ ในประเทศไทย แต่ปลาบึกไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติในแม่น้ำสายอื่น นอกเหนือจากแม่น้ำโขงเท่านั้น ซึ่งยังคงเป็นปริศนาที่ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไป

อาจารย์ชวลิต อธิบายว่าลักษณะปลาบึก มีขนาดลำตัวยาว ด้านข้างแบน สีเทาปนดำบริเวณหลัง ด้านท้องใต้แนวเส้นข้างลำตัวลงเป็นสีเหลือง ส่วนล่างสุดจะเป็นสีขาวเงิน หัวใหญ่ จะงอยปากสั้นทู่ ตาเล็กอยู่ระดับเดียวกับมุมปาก ปลาวัยอ่อนมีฟันอยู่บนขากรรไกร กินไรน้ำ ตัวอ่อนแมลง และลูกปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เมื่อเจริญวัยฟันจะหลุดหาย และหันกลับมากินพืชเป็นอาหาร พืชที่ปลาบึกชอบ คือ "ไก" สาหร่ายแม่น้ำโขง ปลาบึกอาศัยอยู่ในน้ำลึกกว่าสิบเมตร ตัวใหญ่สุดน้ำหนักถึง 300 กว่ากิโลกรัม ยาว 2-3 เมตร สถานภาพขณะนี้ใกล้สูญพันธุ์

จากการศึกษาวงจรชีวิตของปลาบึกพบว่า โตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ได้ต้องมีอายุเฉลี่ย 17 ปี เริ่มว่ายทวนน้ำขึ้นมาอาศัย และผสมพันธุ์ อยู่ที่บริเวณทางตอนเหนือของน้ำโขง ช่วง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อผสมพันธุ์เสร็จจะวางไข่จำนวน 100,000-300,000 ฟอง

ไข่ปลาบึกมีระยะเวลาฟักตัวประมาณ 2 วัน ก่อนลอยตามลำน้ำ และไปหลบอาศัยที่โตนเลสาบที่กัมพูชา และปากอ่าวแม่น้ำโขง ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อโตเต็มที่จะว่ายทวนน้ำโขงขึ้นไปดำรงชีวิตและสืบพันธุ์ จากข้อมูลสถิติ จะมีปลาบึกเหลือรอดชีวิตว่ายทวนน้ำโขงขึ้นมาเจริญพันธุ์ได้ประมาณ 20 ตัวเท่านั้น

อาจารย์ชวลิตบอกว่า ดังนั้น หากมีการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำโขง ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างแรก ที่สำคัญพันธุ์ปลาจำนวนมากจะสูญพันธุ์ ล่าสุดสร้างเขื่อนกั้นน้ำโขงที่ประเทศจีน พบว่า ปลาตะเพียนกะพงน้ำจืดจีน สูญพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว

ยิ่งหากมีการสร้างเขื่อนในตอนกลางของแม่น้ำโขง ดังโครงการเขื่อนบ้านกุ่ม-ทาล้ง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี หรือบริเวณเหนือโตนเลสาบ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับหายนะของแม่น้ำโขงแล้ว

"ปลาชนิดแรกที่จะสูญพันธุ์คือ ปลายี่สก เทพา หว้า สะนากปากปิด ซวยเสาะ อีกทั้งในระยะ 20 ปีจากนั้น ปลาบึกจะสาบสูญไปจากน้ำโขง ส่วนโลมาหัวบาตร หรือโลมาอิรวดี ประมาณ 30 ตัว ที่เหลือยู่จะทยอยสูญพันธุ์แน่นอน" ดร.ชวลิต ระบุ

หลังจากนั้นปลาในแหล่งน้ำไหลในแม่น้ำโขงจะค่อยๆ สูญพันธุ์ จะเหลือแต่เพียงปลาที่อยู่ได้ในน้ำนิ่ง และสิ่งที่จะตามมาคือปลาจะเริ่มมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนสัตว์น้ำขนาดเล็ก อย่างแมงกะพรุน กุ้ง หอย ปู กบ อึ่ง สัตว์เลื้อยคลาน แมลงน้ำ ฟองน้ำ พืชน้ำ จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ

"ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเขื่อนกั้นสายน้ำโขง จะมากทวีกว่าเขื่อนปากมูลหลายพันเท่า ดังนั้น เราควรต้องเร่งศึกษาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนอย่างจริงจัง เพื่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศยังคงอยู่กับสายน้ำโขง และเป็นมรดกทางธรรมชาติอยู่คู่มนุษย์ต่อไป" อาจารย์ชวลิต ทิ้งท้าย

 

สวัสดีค่ะ ได้รับเมลล์จากน้องที่อยู่ภูเก็ตส่งมาเกี่ยวกับปลาวาฬเพชรฆาตรที่ขึ้นมาเกยตื้นที่เกาะราชาที่ภูเก็ต จะขอลอกเมลล์นั้นมาแต่ไม่สามารถลงรูปได้(ทำไม่เป็น) หากท่านใดสนใจจะลงรูปให้กรุณาส่งเมลล์มาที่ yuwadee23@hotmail.com จะได้ช่วยลงรูปให้สมาชิกทุกท่านดูกันค่ะ นี่คือใจความเมลล์ค่ะ

เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ หรือเปล่านี่.... ถ้าไม่ใช่แล้วมันเป็นลางบอกเหตุการณ์อะไรล่วงหน้าหรือเปล่าอ่ะ

ระดมพลทั้งเกาะ...ช่วยชีวิต...

เคยแต่อ่านหนังสือเรื่อง ปลาเกยตื้นครั้งละหลายๆตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับตัวเองจังๆแบบนี้
วันนี้ ที่เกาะราชาใหญ่ ภูเก็ต ขณะที่ผมอยู่อีกฝั่งกับที่เกิดเหตุ..
พี่ชายโทรมาว่า..ให้รีบไปที่ อ่าวปะตก มีวาฬเพชฌฆาต มาเกยตื้น...
พี่ชายผมอยู่ภูเก็ต รู้ก่อนผมอีก...
แล้วรีบวิ่งหน้าตั้งคว้ากล้องไปอ่าวปะตก
แค่ห้านาที...ภาพที่เห็น...อึ้งครับ..ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน..
คนประมาณสองร้อยกว่าคน...
ทั้งไทย ฝรั่ง พม่า แขก มอญ...ต่างวิ่งวุ่นหน้าตั้ง ยื้อยุดฉุดหางปลาวาฬสีดำขนาดใหญ่...
พยายามลากลงทะเล...
กะด้วยสายตาที่เห็น...ประมาณ เกือบยี่สิบตัว..นอนดิ้นหางปัดไปมา
และอีกนับไม่ถูกที่เห็นกระโดงบ่ายหน้าขึ้นบก
บางตัวกลิ้งมาในแนวขวาง..เพราะต้านแรงคลื่นไม่ไหว

และเสียงร้อง เหมือนเด็กทารกมาก...แปลกผมเพิ่งได้ยินวาฬร้องครั้งแรก..
ผมถ่ายรูปไปด้วย..สลับวิ่งลงไปลาก..มันอึ้งๆยังไงไม่รู้...
รู้แต่ว่า..มันโกลาหลวุ่นวาย..
เกาะราชาใหญ่ตอนนั้ น..เกาะด้านอื่นคงร้างหมด...มารวมกันอยู่หน้าอ่าวปะตก..

6 ชั่วโมงเต็มๆที่พยายามกันทุกวิถีทาง ทั้งแรงคน แรงเครื่องจักร...
ถึงมันจะตายไปสองสามตัว...แต่ส่วนใหญ่ก็รอด..

ขอปรบมือให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์...บนเกาะราชาใหญ่
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร...นับถือน้ำใจครับ..

กล้องหมดแบ็ต....
ให้ผมกระโดดลงไปโอบกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับวาฬเพชฆาต(เที่ยม)
ไม่ใช่จะมีโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ..มันเป็นความสุขแบบเต็มอิ่ม..
ผมโชคดีที่ได้เห็นสิ่งแปลกที่สุดในชีวิตอย่างไม่คิดว่าจะได้เห็น
ถึงสองสิ่งในเหตุการณ์เดียวกัน...
คือ..ปลาใหญ่เกยตื้นมากมายขนาดนี้
และที่สอง..ทีสำคัญ...
คนที่มาจากทิศทางที่ต่างกัน..ไกลบ้างไกล้บ้าง..ต่างร่วมมือพร้อมใจกัน
เพื่อช่วยชีวิต....

คนเหล่านี้ในรูป และอีกหลายๆที่กล้องครอบไม่ถึง..
ปรบมือให้เขาเถอะครับ...เขาแน่จริง

 

ภัยพิบัติทั้งปวงเกิดขึ้นจากความเสื่อมแห่งจิตใจของมวลมนุษย์ ระดับของศีลธรรมที่เสื่อมโทรมลงตามลำดับ

อนันตริยะกรรม กรรมหนัก 5 ประการที่ ทำให้เกิดธรณีสูบ ธรณีพิบัติ แผ่นดินไม่อาจรองรับกรรมอันหนักเอาไว้ได้

เมื่อสะสมตัวมากเข้า แม้เป็นเพียงกรรมในสายอนันตริยะกรรมก็ตาม

-ฆ่าพ่อ
-ฆ่าแม่
-ฆ่าพระอรหันต์

กรรมในสายนี้ คือ การทุบตี ทำร้าย ด่าว่า ทำร้ายน้ำใจก่อกรรมกับท่าน

ทำมากเข้า บ่อยเข้า กรรมรวมตัวจนเป็นอาจิณกรรม ที่สุดก็กลายเป็นอนันตริยะกรรมไปในที่สุด

-การทำคณะสงฆ์หมู่สงฆ์ให้แยกแยก

กรรมในสายก็แม้เพียงทำให้ชาวธรรมแตกแยก ชนในชาติบ้านเมืองแตกความสามัคคคีกัน ยุแยง ยุยง ว่าร้ายเพ่งโทษจับผิดมุ่งทำลายความดีกัน

ในที่สุดก็กลายเป็นทำชาติให้แตกแยก คณะสงฆ์แตกแยก ทำลายสถาบัน จนกลายเป็นอนันตริยะกรรมไปในที่สุด

-ทำพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต

แม้ปรามาสพระพุทธเจ้า ทำลายศรัทธาที่พึงเกิดในไตรสรณะคมม์ ทำลายพระพุทธรูป ก็เนื่องในกรรมสายนี้เช่นกัน


เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย จิตหยาบกระด้างลงจนขาดความเคารพนอบน้อมในผู้มีพระคุณ ทำลายความดีของท่าน กระทำบาปหยาบช้ามากเข้า

ปฐพีก็ไม่อาจรองรับเอาไว้ได้ ปรากฏหลุมยุบ แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่ม ด้วยแรงแห่งอกุศล วิบากกรรมที่รวมตัวกัน

หมั่นกราบขอขมาพระรัตนไตร กราบขมากรรมคุณพ่อ คุณแม่ ครูอาจารย์ผู้มีพระคุณกันให้มากๆ

หมั่นสร้างความสามัคคีในชาติ ในหมู่ชาวธรรมให้เกิดขึ้น รวมใจกันเอาไว้ในความดี ด้วยกุศล เป็นกำลังใจให้กันในความดี

จงรักภักดีในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยดวงใจและชีวิต

สิ่งใดที่เป็นกุศล ร่วมใจกันทำ ร่วมใจกันสร้าง

เมื่อกุศลเกิด บุญหนุนส่ง เมตตาปรากฏในดวงใจคนหมู่มาก

ความสุขสงบศานติอัน รุ่งเรืองก็จะปรากฏบนผืนแผ่นดินนี้อีกครั้ง

 

เป็นห่วงภาคใต้ ให้ระวังคลื่นยักษ์
ขึ้นไปอยู่ที่สูง นั่งบนยอดเขาปลอดภัย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หลุมดินยุบจ.ระนอง

5 กค. 2553 20:45 น.




<DD>นายพงศ์พัฒน์ เรืองระพีพรรณ นายอำเภอละอุ่น จ.ระนอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจากกรณีที่ชาวบ้านพบหลุมดินยุบบริเวณบ้านคอกช้าง ม. 2 ต.ในวงเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง จำนวน 2 หลุม รวมถึงมีรายงานข่าวการพบหลุมดินยุบในเขตพื้นที่ใกล้เคียงอีก 3-4 หลุม จนชาวบ้านในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างแตกตื่นกับข่าวดังกล่าว พากันสอบถามอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เพื่อไขข้อข้องใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงสาเหตุที่แน่ชัดต่อกรณีดินที่เกิดยุบตัว ทางตนได้นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน และสื่อมวลชนเข้าไปทำการตรวจสอบในวันที่ 6 ก.ค. 2553 นี้ในเวลา 10.00 น.

<DD>ก่อนหน้านี้ทางผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอำนวย ฉลาด กำนันตำบลในวงเหนือ ว่า ตน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าดินยุบตัวเกิดหลุมขนาดใหญ่ในสวนกาแฟของนายประสาท ทิพย์จักษุ บ้านคอกช้าง หมู่ที่ 2ตำบลในวงเหนือ ปรากฏว่า ข่าวนี้สร้างความแตกตื่นแก่ชาวบ้านเป็นอันมาก จึงรีบไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมชาวบ้านหลายคน ที่เกิดเหตุพบหลุมยุบขนาดกว้าง 3 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร ลักษณะหลุมลาดชัน

<DD>ชาวบ้านเล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในช่วงฝนตกหนักและถ้าเกิดฝนตกหนักอีกหลุมอาจจะขยายตัวกว้างและลึกมากขึ้นกว่าเดิม ในเบื้องต้นนายอำเภอละอุ่นได้ประกาศเขตอันตรายห้ามเข้าแล้วโดยทางอำเภอได้กั้นเขตแนวและปักป้ายประกาศเป็นเขตอันตรายโดยเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับชาวบ้านและสัตว์เลี้ยง จากนั้นนายอำเภอจะรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบมาตรวจสอบหาสาเหตุ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อไป

<DD>กำนันตำบลในวงเหนือ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุฝนตกหนัก ติดต่อกันหลายวัน ทำให้ดินเกิดการทรุดตัวเป็นวงกว้างและลึกจนชาวบ้านหวาดกลัว

<DD>เบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดจากนั้นจึงเร่งประสานเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีวิทยาเข้าตรวจสอบ ซึ่งในระหว่างนี้ได้เตรียมนำดินมาเพื่อเตรียมการถมกลบ ป้องกันอันตรายจากการที่คนหรือสัตว์เลี้ยงอาจตกลงไปในหลุมดังกล่าว <DD>ขอบคุณเนชั่นทันข่าว

</DD>

 

6 กรกฎาคม, 2010

ศูนย์เตือนภัยเฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุ แรงกดอากาศต่ำ ทีทำให้เกิดกระแสลมแรงในอ่าวเม็กซิโก น่าจะทวีกำลังรุนแรงขึ้นกลายเป็นพายุไซโคลน ก่อนพัดถล่มชายฝั่งมลรัฐลุยเซียนา

เอ็นเอชซีระบุในคำเตือนเมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาสากล หรือ 4.10 น.ตามเวลาของไทย ว่า พายุที่อยู่ห่างจากเมืองมอร์แกน ซิตีของลุยเซียนาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 80 กิโลเมตร อาจทวีความรุนแรงขึ้นจนเกือบเป็นพายุโซนร้อนแล้ว

ศูนย์เตือนภัยพายุดังกล่าวยังชี้ว่า มีความเป็นไปได้ถึง 60% ที่พายุลูกนี้จะกลายเป็นเฮอริเคนลูกที่ 2 ของฤดูมรสุมในมหาสมุทรแอตแลนติก ก่อนเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งที่บริเวณเทอร์รีบอน แพริช ใกล้อ่าวคาอิลลู ช่วงเย็นของวันจันทร์ (5)

ด้านนักพยากรณ์อากาศของเอ็นเอชซียังคงเฝ้าจับตาดูพื้นที่การก่อตัว ของพายุในอ่าวเม็กซิโก ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจทวีกำลังรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นดีเปรสชันได้อีกในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำความสะอาดคราบน้ำมันรั่วไหลอย่างยิ่ง

ประกาศเตือนภัยพายุครั้งนี้มีขึ้นหลังจากพายุอเล็กซ์ เฮอริเคนลูกแรกของฤดูมรสุม ทำให้การทำความสะอาดคราบน้ำมันของบริษัทบีพีต้องหยุดชะงักไป และความรุนแรงของพายุยังทำให้มีเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนในเม็กซิโก และอีก 11 รายในคาบสมุทรยูกาตัง นิการากัว กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ภาพกราฟฟิคอธิบายถึงการรั่วของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=n7sPViVLxmo&feature=related]YouTube - Oil Spill Disaster in the Gulf of Mexico[/ame]

 

เตือน!! น้ำมังคุดสุดอันตราย ถึงตายหากบริโภค


06 ก.ค. 53 รายงานข่าวแจ้งว่า ทางอย. ได้ออกมาเตือนหลังจากสำนักงานสาธารณสุข จ.หนองคายพบผู้ป่วยหญิง อายุ 81 ปี เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด หลังได้ดื่มน้ำมังคุดยี่ห้อหนึ่ง ตามคำโฆษณา ที่มีสรรพคุณรักษาโรคปวดขาได้
ซึ่งผู้ป่วยให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ดื่มน้ำมังคุดยี่ห้อดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลา 1เดือน ทำให้อาการปวดขาหายไป แต่หลังหยุดดื่ม 2-3 วัน กลับมีอาการปวดทั่วตัว อีกทั้งยังขยับตัวไม่ได้ แถมเป็นไข้และอ่อนเพลีย มีอาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระปนเลือด หลังตรวจร่างกายพบรอยจ้ำเลือดทั่วตัว
จากการวินิจฉัยของแพทย์พบว่า ผู้ป่วยมีเป็นภาวะไตบกพร่อง และคาดว่าน้ำมังคุดยี่ห้อดังกล่าวอาจมีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่ อย่างไรก็ตามจะสุ่มเก็บตัวอย่างส่งวิเคราะห์หาสเตียรอยด์ และสิ่งปนเปื้อนอื่นต่อไป
เบื้องต้นทางอย.ได้สั่งห้ามบริโภคน้ำมังคุดดังกล่าวทันที แม้ว่าในมังคุดจะมีสารแซนโทน (xanthones) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ต้านมะเร็ง แต่ก็ยังขาดข้อมูลสนับสนุนว่าสามารถใช้รักษาโรคได้ หลังจากทางการแพทย์เคยทำวิจัยเรื่องดังกล่าวมาก่อนแล้ว

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนร้อนสุดรอบ 60 ปี กรมอุตุฯ เตือนอาจถึง 55 องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กรกฎาคม 2553 17:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

แพนด้ายักษ์ร้อน-แพนด้ายักษ์ตัวหนึ่งกำลังยืนให้ผู้ดูแลฉีดน้ำให้เพื่อคลายร้อนและอันตรายจากการช็อค ที่สวนสัตว์ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. (AFP)

เอเยนซี- คลื่นร้อนแผ่ปกคลุม 16 มณฑลในจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาของกรุงปักกิ่งประกาศเตือนภัยคลื่นร้อนในระดับสีส้มเป็นครั้งแรกของปีนี้เมื่อวันที่ 6 ก.ค.

ผู้เชี่ยวชาญยังได้ออกมาเตือนว่า อุณหภูมิอาจพุ่งเกิน 55 องศาเซลเซียสได้ ขณะที่เมืองเทียนจินมีอุณหภูมิสูงถึง 40.7 องศาเซลเซียส สูงที่สุดของเดือนกรกฎาคมในรอบ 60 ปี สำหรับประชาชนที่เสียชีวิตไปนั้น เป็นชายวัย 27 ปีเสียชีวิตที่สถานีรถไฟ ในกรุงปักกิ่ง และอีกรายเป็นผู้สูงอายุวัย 70 ปีเศษ ที่เสียชีวิตบนถนนในเมืองเซินเจิ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน

ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000092979

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนโลกร้อน “ยุงลาย” บินอึดขึ้น พบภาคใต้ตอนบนระบาดสูงสุด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กรกฎาคม 2553 15:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

นครศรีธรรมราช - ศูนย์ควบคุมโรคเขต 11 เตือนโลกร้อนทำยุงลายบินไกลขึ้น แพร่เชื้อไข้เลือดออกได้นานขึ้นส่งผลระบาดภาคใต้ตอนบนอื้อ

นายแพทย์ ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 26 มิ.ย.53 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน พบว่า จากภาวะฝนตกทำให้มีน้ำขัง การระบาดของโรคมีเพิ่มมากขึ้น

ล่าสุด พบว่า มีผู้ป่วย 7,835 ราย อัตราป่วย 88.89 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีรายงานผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยพื้นที่ภาคใต้ตอนบน มีรายงานผู้ป่วยทั้งสิ้น 2,734 ราย ผู้เสียชีวิต 5 ราย อยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 ราย และที่กระบี่ 3 ราย ซึ่งถ้าดูพื้นที่เสี่ยงแล้วมีมากถึง 30 อำเภอของภาคใต้ตอนบน

อย่างไรก็ตาม ได้มีการประชุมชี้แจงการดำเนินงาน จัดระบบการติดตามกำกับ วิเคราะห์ข้อมูลกับทีมในระดับพื้นที่ เฉพาะพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ป่วย 1,054 ราย อัตราป่วย 69.50 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบผู้ป่วยสูงสุดในอำเภอฉวาง รองลงมาเป็น อ.นาบอน อ.ปากพนัง และอำเภอพิปูน ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ที่อำเภอเมือง และ อำเภอลานสกา

ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราชยังกล่าวต่อว่า โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ มี 4 ชนิด เมื่อเป็นชนิดใดแล้ว จะมีภูมิคุ้มกันชนิดนั้นตลอดชีวิต การติดต่อของโรคเกิดจากมียุงลายเป็นพาหนะนำโรค อาการของผู้ป่วย จะเกิดหลังรับเชื้อ 5-8 วัน เริ่มมีอาการไข้สูงกะทันหัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย หน้าแดง บางคนปวดท้องร่วมด้วน ต่างจากไข้หวัดธรรมดาที่ไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ

หลังมีไข้ 2-3 วัน จะมีจุดแดงๆ ใต้ผิวหนัง ในระยะไข้ลดบางคนช็อก ตัวเย็น กระสับกระส่าย ซึมลง หมดสติ และอาจถึงตายได้ การรักษา เป็นการรักษาตามอาการเพื่อบรรเทาอาการไข้ ดังนั้นผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออกจะต้องรีบไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที

“โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะโลกร้อน พบว่า ยุงลายมีอายุยืนยาวขึ้น แพร่เชื้อได้นานขึ้น รวมทั้งบินได้ไกลขึ้นด้วย ดังนั้น ทุกคนต้องร่วมกันดูแลป้องกันตนเอง ด้วยมาตรการ 4 ปอ คือ ปิดฝาภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด เปลี่ยนน้ำในภาชนะใส่น้ำทุกๆ 7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน และ กำจัดช่วงชีวิตยุงลายที่อยู่บนบกด้วยสารเคมี คือการพ่นหมอกควันและพ่นฝอยละออง” ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 กล่าว

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000092859

 

วันที่ 2553-07-06 เวลา 22:23:32
ที่ ประเทศพม่า
Lat. 20.420 Long. 99.830
ขนาด 4.5 ริกเตอร์ (สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุฯ)

 

ใกล้ๆ ไหวถี่ขึ้นแล้ว

 

เช้านี้ 7.30 เมฆแผ่นดินไหวเต็มท้องฟ้าเยาวราชเลยจะ