ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=450><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#abcdef colSpan=2 height=25>แผ่นดินไหวที่ ANDAMAN ISLANDS, INDIA REGION </TD></TR><TR><TD>ขนาด</TD><TD>: 6.0 ริกเตอร์ </TD></TR><TR><TD>จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว</TD><TD>: ANDAMAN ISLANDS, INDIA REGION </TD></TR><TR><TD>วันที่</TD><TD>: 19 มิถุนายน 2553 06:09 น. </TD></TR><TR><TD>ละติจูด</TD><TD>: 13° 24' 36'' เหนือ </TD></TR><TR><TD>ลองจิจูด</TD><TD>: 93° 00' 36'' ตะวันออก </TD></TR><TR><TD>ความลึกจากระดับผิวดิน</TD><TD>: 40 กิโลเมตร </TD></TR><TR><TD>เพิ่มเติม</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RH><TD>วันที่</TD><TD>เวลา</TD><TD>จุดศูนย์กลาง</TD><TD>ละติจูด</TD><TD>ลองจิจูด</TD><TD>ขนาด</TD><TD>ลึกจากพื้นดิน</TD><TD>หมายเหตุ</TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>19 มิ.ย. 53</TD><TD>06:09</TD><TD align=left>ANDAMAN ISLANDS, INDIA REGION </TD><TD>13° 24' 36'' N</TD><TD>93° 00' 36'' E</TD><TD>6.0 </TD><TD>40 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>18 มิ.ย. 53</TD><TD>08:08</TD><TD align=left>TAIWAN</TD><TD>24° 09' 36'' N</TD><TD>121° 42' 00'' E</TD><TD>5.0 </TD><TD>7 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>17 มิ.ย. 53</TD><TD>23:35</TD><TD align=left>SULAWESI, INDONESIA </TD><TD>1° 15' 00'' S</TD><TD>123° 40' 12'' E</TD><TD>5.2 </TD><TD>60 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>16 มิ.ย. 53</TD><TD>19:24</TD><TD align=left>HALMAHERA, INDONESIA</TD><TD>2° 37' 12'' N</TD><TD>128° 36' 00'' E</TD><TD>5.3 </TD><TD>30 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    < ๙ ตาล ๙ ><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3436014", true); </SCRIPT>
    ทีมพลังจิตวีดีโอ
    รอยเลื่อนเปลือกโลก คลิปภาพ ปลาตายเป็นเบือเต็มทะเล จังหวัดระนอง
    <!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k.kwan<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3436850", true); </SCRIPT>

    12 มิ.ย. 2010
    ปลาตาย-ทะเลร้อน หรือจะเป็นอีกเรื่องของ "วัวหายล้อมคอก"

    “มีปลาลอยตายจำนวนมากที่บ้านท่าโพธิ์” , “มีเสียงดังซ่าในทะเลและปลาก็ชักดิ้นพุ่งพรวดขึ้นมาตายเป็นจำนวนมาก” เสียงรายงานเหตุการณ์ปลาตายที่เกิดขึ้นจาก 2 หมู่บ้านโดยสมาชิกเครือข่ายภาคประชาชน โครงการตาสับปะรดจังหวัดระนอง ในช่วงสายของวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 สร้างความคลางแคลงใจให้กับผู้ที่ได้ยิน และสมาชิกในเครือข่ายตาสับปะรดที่ได้รับฟังข่าวสารทางวิทยุสื่อสารภาคประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ผ่านไป 3 วันแล้วก็ยังมีการรายงานปลาตายมาจากสมาชิกในโซนอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

    บังกาหริม หรือ นายกาหริม วิชัย ประมงพื้นบ้าน ชาวบ้านบ้านหินช้าง ได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ตนพร้อมลูกชายได้ออกไปวางอวนดักปลา ซึ่งมีเรือของตนเพียงลำเดียวจอดลอยลำอยู่บริเวณหัวแหลมเสร็จตะกวด และได้ยินดังมาจากทะเลเสียงดัง “ซ่า” เหมือนกับเอาน้ำราดบนเหล็กร้อน ๆ เสียงดังประมาณ 5 นาที และอีกสักพักก็เห็นปลาทั้งเล็กและใหญ่จำนวนมากดิ้นและพุ่งขึ้นมาตายเป็นทางยาวประมาณ 500 เมตร ตนจึงรีบเก็บอวนและออกเรือกลับเข้าฝั่งทันที”

    บังดำ หรือนายสัญญา ติ้นชัยภูมิ ชาวบ้านบ้านหินช้าง ที่ได้เก็บปลามาทำอาหารได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อได้แล่เนื้อปลาออกมาแล้วจะเห็นว่าเนื้อปลาเป็นสีแดง และเมื่อนำไปทอดแล้ว เนื้อปลาก็ยังแดงอยู่เหมือนเดิม หมือนกับทอดปลาไม่สุก และเมื่อลองจับดูที่เนื้อปลาก็จะมีลักษณะเละ ๆ เหมือนทรายด้วย”

    นายพรชัย เอี่ยมโสภณ ในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนโครงการตาสับปะรดจ.ระนอง โซนแร่นอง จึงได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรทางทะเล สถานีประมงจ.ระนอง สถานีเพาะเลี้ยงชายฝั่งจ.ระนอง เพื่อลงพื้นที่สำรวจทะเลเพื่อหาสาเหตุปลาตายที่เกิดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนเรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ จากหน่วยปราบปรามทางทะเลศุลกากรจังหวัดระนอง ออกเดินทางพร้อมกับนายกาหริม วิชัย หรือ บังกาหริม ประมงพื้นบ้าน ชาวบ้านบ้านหินช้างที่ได้ประสบเหตุ โดยได้ออกสำรวจรอบแรกเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 กับการตรวจวัดคุณภาพน้ำ ณ จุดเกิดเหตุ ซึ่งได้ผลออกมาว่า “คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ” แต่อุณหภูมิน้ำค่อนข้างสูง

    ผลการออกสำรวจเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมาทำให้นักวิจัยอิสระผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรทางทะเลคือ คุณสมโภชน์ นิ้มสันติเจริญ ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องอุณหภูมิที่สูงของน้ำทะเล รวมถึงแหล่งของพลังงานของความร้อนว่ามาจากที่ใด จึงได้นัดกันเพื่อออกสำรวจอย่างละเอียดกันอีกครั้ง โดยจะมีการดำน้ำลงสำรวจพื้นทะเลกันด้วยในวันที่ 29 พฤษภาคม

    เมื่อถึงวันนัดหมายก็ได้ทำการออกสำรวจกันอย่างละเอียด มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำและอุณหภูมิกันละเอียดทุก ๆ เมตรของน้ำทะเล ตั้งแต่ผิวน้ำจนถึงระดับ 10 เมตร ซึ่งเป็นความยาวสูงสุดของสายวัดของอุปกรณ์ ซึ่งเป็นระยะทางเพียงครึ่งเดียวของความลึกของน้ำทะเล ณ จุดนั้น ซึ่งลึกสุดที่ 21 เมตร

    ผลการตรวจสอบที่ได้ปรากฏว่า คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับทีมงานสำรวจก็คือ อุณหภูมิของน้ำทะเลที่มีลักษณะไม่ปกติ นั่นก็คือ ยิ่งลึกยิ่งร้อน ซึ่งปกติแล้วอุณหภูมิของน้ำทะเลนั้น ยิ่งลึกจะยิ่งเย็น และมีการตั้งข้อสังเกตของสภาวะน้ำทะเลอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ค่าอุณหภูมิ และค่าความเค็ม ที่เกือบจะเท่าในทุกระดับชั้นของความลึก ซึ่งนั่นหมายความว่า อาจจะมีพลังงานอะไรบางอย่างทำให้มวลน้ำทะเลในบริเวณนั้นกลายเป็นชั้นเดียวกัน ทีมดำน้ำเตรียมตัวสำหรับการสำรวจพื้นทะเล แต่ไม่สามารถปฏิบัติการได้ เนื่องมาจากสภาวะคลื่นลมแรงจึงยกเลิกภารกิจการดำน้ำ โดยจะกลับมาดำน้ำสำรวจพื้นทะเลอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

    การปฏิบัติการดำน้ำในวันต่อมาเริ่มที่จุดเกิดเหตุบริเวณหัวแหลมเสร็จตะกวด ปรากฏว่าช่างภาพและนักประดาน้ำไม่สามารถเก็บภาพใต้น้ำได้ เนื่องจากน้ำขุ่น รู้เพียงว่าใต้พื้นทะเลเป็นโคลนเลนหนาประมาณ 1 ฟุต และได้ข้อมูลที่น่าสนใจเหมือนกับยืนยันข้อมูลการสำรวจก่อนหน้านี้นั่นก็คือ อุณหภูมิที่วัดได้จากเครื่องมือประดาน้ำ ตั้งแต่ระดับน้ำ 2 เมตรจนถึงก้นทะเลที่ความลึก 21 เมตร มีอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกันคือ 30 องศาเซลเซียส

    จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร ช่วงระยะหลังก็ไม่พบปลาเล็ก ๆ ที่ลอยตาย แต่พบปลาขนาดใหญ่ที่ตายเช่น ปลากะพง ปลาดุกทะเล ซึ่งชาวบ้านที่เก็บได้ถ้าพบว่ายังสด ๆ ก็จะนำไปขาย แต่ถ้าสภาพไม่สดมาก ก็จะนำไปทาเกลือตากแห้งทำเป็นปลาเค็มเก็บไว้ทานเอง

    เหตุการณ์แปลก ๆ ที่มีการรายงานเข้ามาจากสมาชิกเครือข่ายตาสับปะรดจังหวัดระนอง นั่นก็คือ พบปลาน้ำลึก เช่นปลากะพงขนาดใหญ่ ปลากะเบน และปลาฉลาม เข้ามาว่ายน้ำอยู่ในบริเวณน้ำตื้น
    มีผลกระทบกับชาวประมงพื้นบ้าน ตั้งแต่วันที่พบปลาตายเป็นต้นมา นั่นก็คือการออกหาปลาที่ยากขึ้น ได้ปลามาไม่พอค่าน้ำมัน รวมถึงชาวบ้านที่มีอาชีพตักกุ้งเคยเพื่อทำกะปิขายพบว่า ได้กุ้งเคยลดลงอย่างมาก ซึ่งจากเดิมเคยได้ครั้งละ 10 – 15 เข่ง แต่ปัจจุบันได้เพียงครึ่งเข่งเท่านั้น

    กำลังเกิดอะไรขึ้นในทะเลอันดามัน สภาพภูมิประเทศที่ด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังเป็นภูเขา และในทะเลนั้นก็มีรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่เรียกว่า “รอยเลื่อนระนอง” อยู่ด้วย ชาวบ้านควรจะต้องรู้อะไรบ้างเพื่อการเฝ้าระวังเฝ้าสังเกตการณ์ และการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติอะไรที่พวกเขายังไม่รู้ นอกจากสึนามิ

    หน่วยงานใดที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องไม้เครื่องมือ เทคโนโลยี รวมถึงงบประมาณที่จะออกทำการสำรวจในแนวลึกและกว้างกว่านี้ได้ เพื่อค้นหาความจริงให้ปรากฏ จะได้เป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนได้ ไม่ควรให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นจนมีความสูญเสียอันประเมินค่าไม่ได้ แล้วมาหาทางป้องกันระวังกันภายหลัง ดั่งเช่นที่คนไทยได้รู้จักกับ “สึนามิ” ก็ต่อเมื่อได้สูญเสียทรัพย์สินและชีวิตของคนอันเป็นที่รักกันไปมากมาย

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6SNKp9JzHcU&feature=player_embedded"]YouTube - 14-06-53 ปรากฎการณ์ปลาตาย2.mpg[/ame]

    http://palungjit.org/threads/รอยเลื่อนเปลือกโลก-คลิปภาพ-ปลาตายเป็นเบือเต็มทะเล-จังหวัดระนอง.244527/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2010
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธทำนาย
    (ถอดความจากศิลาจารึกเขตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย)


    [​IMG]

    คณะธรรมทูตไทยผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และต้นศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดีย ได้คัดลอกพุทธทำนายมาจากศิลาจารึกในสวนมฤคทายวันเมื่อ พ.ศ. 2484 มีข้อความดังนี้

    สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญู รู้แจ้งโลก ทั้งในอดีตและอนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า

    "ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาขอตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบกับความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลกที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวยไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น"

    เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมณะ ชี พราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจากทั่วทิศจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัวมาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาปเป็นเวลานานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่อยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบ สอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศีลธรรมประพฤติดีประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง ก็ต่อเมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้ง 2 พระองค์สถิต ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5000 พระวัสสา

    ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีล 5 ประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ ร้จักพอ ไม่โป้ปดคดโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายใน " ยุคกึ่งพุทธกาล "

    (จากหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ เล่ม 16 โดย หลวงพ่อ จรัล ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี)

    ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=390&sid=d029debaa76e195767d865ddc59c7258

    *********************************************************

    ตีความจากพุทธทำนาย

    จากเอกสารแจกฟรีของ สุริยัน โรหิตเสถียร พ.ศ. 2538 และของ รศ.ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2540 สรุปได้ว่า

    คณะธรรมทูตไทยผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและต้นศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศ อินเดียได้คัดลอกพุทธทำนายมาจากศิลาในสวนมฤคทายวันเมื่อ พ.ศ. 2484 ซึ่งบ่งถึงพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จปรินิพพานทรงเป็นห่วงผู้คนในกึ่งพุทธกาล จึงตรัสกับพระอานนท์ ดูกรอานนท์ ยักษ์หิน (คนเลวคนชั่ว) ถูกสาปกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงได้ 2485 ปี หรือประมาณ พ.ศ. 2533 ในปัจจุบัน (พ.ศ.ไทยเร็วกว่าความเป็นจริงประมาณ 48 ปี) ไฟจะลุกลามไหม้วัดวาอาราม (ศาสนาอื่นเข้ามาเผยแพร่แทน พระสงฆ์ไม่อยู่ในวินัย)

    คนบ้านจะเข้าป่า (คนเมืองจะรุกป่า จับจองหาประโยชน์) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง (สัตว์ป่าบุกรุกหาของกินในถิ่นผู้คนอาศัย) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ มหาสมุทรจะชอกช้ำ (สภาวะสิ่งแวดล้อมเสียหายเพราะฝีมือมนุษย์) สงครามต่างๆเช่นการแบ่งแยก ยาเสพติดจะทั่วทิศ ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก (ผู้คนยากจนขึ้น) พลูหมากจะหมดเปลือง (ติดสินบนผู้มีอำนาจ) ปราชญ์เปรื่องจะสูญสิ้น (ผู้มีปัญญาความรู้จะถูกกด)

    ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม เชื่อถือถ้อยคำของคนโกง คนกล่าวเท็จ คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือ ผู้ดีมีศีลประพฤติชอบไม่มีเสียง (อธรรมจะถือโอกาสถืออำนาจ แต่ฝ่ายธรรมไม่มีโอกาสเผยแผ่สิ่งดีงาม) จะเกิดจลาจลวุ่นวาย เด็กไม่อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ ทำตามความคิดของตน ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง (เมืองหลวงจะมีแต่สิ่งเลวทราม ความเสื่อมต่างๆจะเกิดขึ้นมากมาย อบายมุขและกามรมณ์จะเกิดเพิ่มมากขึ้น ศีลธรรมจะลดน้อยถอยลง)

    พระผู้มีพระภาคตรัสต่อถึงทางสองแพร่ง สรุปเพื่อความเข้าใจคือ

    1. พระโพธิสัตว์สองพระองค์ คือพระมหาเถรโพธิสัตว์และพระธรรมมิกราชหรือพระ จักรพรรดิหรือพระศรีอารย์ จะเกิดขึ้นก่อนและโดยประมาณ พ.ศ. 2555 คนจะรู้จักเริ่มวิถีชีวิตใหม่ จากที่เคยแข่งขัน ทำลายกัน กลับมาสู่ยุคพระศรีอารย์ที่สอนผู้คนให้ประพฤติปฏิบัติในศีลธรรมอันดี ช่วยเหลือกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ข่มเหง ไม่อิจฉาพยาบาท ไม่เบียดเบียนแข่งขัน ไม่ประทุษร้ายกัน บุคคลจะมีเมตตา กรุณา ชีวิตจะมีความสุขที่แท้จริง ผู้คนจะบำรุงพระธรรม ธรรมจะชนะอธรรม พระสงฆ์จะอยู่คู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ (ซึ่งตรงกับที่ศาสนาอื่นๆได้ระบุไว้) หรือถ้าผู้คนไม่สนใจในพระโพธิสัตว์แล้วจะเกิดข้อ 2 แทน

    2. พ.ศ. 2556 มหันตภัยโลกจักเกิดขึ้น พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ ... แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล" แล้วมนุษยโลกจะเหลือเท่าไร อย่าพึ่งประมาทเพราะพระพุทธองค์ตรัสตรงกับมายันและนาซ่า ที่อเมริกากลาง 1500 ปีก่อนพุทธศักราชเป็นยุคศรีวิไลของชาวมายัน ซึ่งมายันได้ทำนายวันสิ้นโลกว่าจะเกิดใน พ.ศ. 2555 นักวิทยาศาสตร์ของ NASA ได้บ่งว่าธันวาคม ปีเดียวกันนี้ จะเกิดการระเบิดของดวงอาทิตย์ที่รุนแรงสูงสุดมีผลร้ายต่อมนุษย์ (ภาพยนตร์ "2012" ฉาย พ.ย. 2552 ควรให้ความรู้ได้ชัดเจน) พ.ศ. 2560 "เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน โลกดิ่งสู่หายนะ เวลานี้พวกอธรรมไร้ศีลธรรมจะถูกทำลายหมดสิ้น ผู้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมและยึดถือคำสอนของตถาคตจะพ้นภัย"


    พระมหาเถรโพธิสัตว์:

    ในส่วนนี้พระผู้มี พระภาคตรัสถึงพระมหาเถระโพธิสัตว์จะเกิดใน พ.ศ. 2502 (จากการวิเคราะห์ข้อมูลและเหตุผลความจริงของพระมหาเถรโพธิสัตว์ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พ่อหลวงที่รักและเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย) ซึ่งในเวลานั้นพ่อหลวงทรงแสดงความเป็นพระโพธิสัตว์ขึ้นแล้ว สำหรับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้ทำนายและบันทึกไว้ คือรัชการที่ 9 เป็นถิ่นกาขาวอันหมายความถึงความบริสุทธิ์มีศีลธรรม กาขาวตรงข้ามกับกาดำ ซึ่งกาดำเปรียบเสมือนความมืดมิด ความเลว กิเลสต่างๆ และในรัชการที่ 10 จะเป็นยุคศรีวิไล สำหรับความจริงจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอดูต่อไป พระมหาเถรโพธิสัตว์จะอุปถัมภ์พระธรรมมิกราช โดยพระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้นจะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคตเป็นเอกยิ่ง ในครั้งนี้เป็นศรีวิไล ซึ่งตรงกับคำทำนายของหลวงพ่อโต

    พระธรรมมิกราช:

    พ.ศ.2515 ถึง 2534 พระธรรมิกราช (ผู้ชนะมารด้วยธรรม) จะเกิดขึ้น ซึ่งท่านอินทรา คนไทยในพุทธศาสนา มีถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อธิฐานบุญใน พ.ศ. 2534 และรู้อมตธรรมในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 หลังค้นหามากว่า 40 ปี ได้ด้วยตนเอง จึงนับว่าพระธรรมมิกราช ได้เกิดขึ้นแล้ว และในปีนี้เองที่หลักฐาน บ่งถึงโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงผิดปกติมาถึงปัจจุบันดังที่คนทั่วโลกทราบดีว่าโลก ป่วย ซึ่งตรงตามที่พระพุทธเจ้าโคตมหรือโคดมตรัส ดูได้จากบทมหาปรินิพพาน

    ศาสนาพุทธเป็นเอก: พระโพธิสัตว์สองพระองค์จะอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชณิมประเทศ (หรือกล่าวว่าเป็นไปในภาคกลางของประเทศเขตชมพูทวีปทางตะวันออกที่มีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมืองดังกล่าวคือกรุงเทพมหานครของประเทศไทย) ประมาณ พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2562 (อีก 8-9 ปีจากปัจจุบัน) ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงพระพุทธศาสนาให้เที่ยงแท้เป็น เอกหรือเป็นที่ 1 ได้สำเร็จ (ปัจจุบันพุทธศาสนาอยู่ในอันดับที่ 5 คริสต์ศาสนาอยู่อันดับ 1)

    สมณชีพาหมณ์จะเสด็จมา 84,000 รูป (เป็นการอุปมาหรือเปรียบเทียบว่ามีมากมาย) ตถาคตสงสารสัตว์ เวลาพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของตถาคตนี้ ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา (พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวเพียงไร ทั้งมีความประมาทมีบาปเป็นของตน ขาดบุญกุศล จึงไม่บอกเล่าสิ่งดีงามกันต่อๆไป นับว่าเป็นกรรมของสัตว์เหล่านั้นเอง)

    เผชิญมหันตภัย: ภูมิอากาศโลกในปัจจุบันผิดปกติ เกิดภัยพิบัติและวิกฤติเลวร้ายต่างๆขึ้นในปัจจุบัน ขณะนี้สหประชาชาติบ่งถึงเศรษฐกิจโลกหดตัวอย่างต่อเนื่อง สร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์และสัตว์ไปทั่วนั้น ควรมีสองสาเหตุใหญ่ที่เราควรพิจารณา คือ

    1. นักวิทยาศาสตร์บ่งว่ามนุษย์บ่อนทำลายโลกมาช้านาน และถึงเวลาแล้วที่โลกตอบสนองมนุษย์ด้วยภัยพิบัติสารพัดทิศและโรคภัย หรือเนื่องจาก

    2. นักศาสนาศาสตร์บ่งตามตำนานและคำทำนายว่ามนุษย์ทำเลวมากกว่าทำดี บ่อนทำลายธรรมชาติมุ่งแต่หาผลประโยชน์ให้ตน จึงทำให้สวรรค์ลงโทษมนุษย์ด้วยภัยพิบัติ โรคภัยและวิกฤติเลวร้ายต่างๆ สาเหตุที่ 1 หรือที่ 2 ที่ทำให้โลกเกิดวิปริตนั้น จากการพิจารณาว่าถ้าเป็นเรื่องของธรรมชาติโดยตรงก็ไม่ควรมีตำนาน เช่น ของพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ที่มีคำทำนายนับพันๆปีชี้บ่งไว้ก่อนถึงการที่เทพผู้อยู่เบื้องบนได้ลงโทษ มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเกิดภัยพิบัติสารพัดทิศ เกิดโรคร้าย เกิดวิกฤติต่างๆขึ้นในปัจจุบัน

    จากหลักฐานรูปธรรมเหล่านี้คือคำสอนที่เขียนไว้สามารถเห็นได้จับต้องได้ และสามารถนำมาประกอบการพิจารณาในขณะนี้ด้วยเหตุผลว่า ตำนานและคำทำนายที่บ่งบอกไว้นั้นมีความถูกต้องเที่ยงตรง ดังนั้นการที่โลกวิปริตทำให้มนุษยโลกได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว ก็ควรเป็นเรื่องที่สวรรค์ลงโทษมนุษย์ ซึ่งพุทธพยากรณ์และคำทำนายจากตำนานที่แจกจ่าย เช่นในไทยและจากใบลานสี ประเทศลาวที่กล่าวสรุปว่า

    เหล่าเทพเทวดาผู้คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์ได้กราบทูลพระอินทร์ (ท้าวสักกะ) ว่า มนุษยโลกในกาละเวลานี้ได้ทำบุญเพียง 3 ส่วน แต่ทำความชั่วถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จึงลงโทษมนุษย์ไว้ 9 ข้อคือ

    1. จะให้เกิดพายุรุนแรงแผ่นดินก็ไหวรุนแรง

    2. จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (เช่นอากาศในน้ำในอาหารเป็นพิษ)

    3. จะเกิดไฟไหม้

    4. จะเกิดโรคร้ายต่างๆ

    5. จะเกิดน้ำท่วม

    6. จะเกิดอดข้าว ปลาอาหาร (วิกฤติเศรษฐกิจ)

    7. จะเกิดฟ้าผ่ารุนแรง (นาซ่า และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคาดว่าอาจมีโอกาสเกิดขึ้นรุนแรงในปี ค.ศ. 2012)

    8. จะเกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง (เช่นการแตกแยกของคนไทย)

    9. จะเกิดร้อนมากหนาวมาก (ภูมิอากาศผิดปกติ) เหตุการณ์ นี้จะเกิดขึ้นในกึ่งพุทธกาลหรือในปัจจุบันนี้ และจะหยุด เปลี่ยนจากร้ายเป็นดีได้ก็เมื่อพระศรีอารย์ปรากฏพระองค์ต่อผู้คนทั้งหลาย

    -----------------------------------------------------------------------

    โลกจะไม่สิ้นสุด มันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของชาวมายาเกี่ยวกับ เวลา ฤดูกาล และวงจร ได้พิสูจน์พวกเขาว่ายิ่งใหญ่และเข้าใจในเรื่องชีวิต วัฒนธรรมเป็นอย่างดี

    วัน ที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นวันเกิดใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ the World of the Fifth Sun เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ เป็นผลมาจาก- เป็นเครื่องหมายว่า- ดวงอาทิตย์เดินทางผ่านเส้น equator ของ Galaxy และโลกจะปรับทิศทางให้เข้ากับศูนย์กลางของ Galaxy

    ดวงอาทิตย์ขึ้นของวัน ที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นครั้งแรกในรอบ 26,000 ปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นเชื่อมกับการทับกันของทางช้างเผือกกับระนาบของ Ecliptic พรรณนาว่าบนท้องฟ้าจะปรากฏดาวเคราะห์ และดวงดาวต่างๆมากมาย ปรากฏการณ์ของจักรวาลครั้งนี้ถือว่าเป็น The Sacred Tree, The Tree of Lifeการที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Galaxy ในปี 2012 จะเปิดช่องทางหนึ่งสำหรับพลังงานจักรภพที่จะไหลผ่านโลก ล้างโลกให้สะอาด รวมทั้งล้างสิ่งที่อาศัยอยู่ ยกทั้งหมดสู่ภาวะที่สูงขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว

    ถ้าคนบนโลกอยู่ถึงปี 2012 โดยยังมีสภาพปกติ ปราศจากการถูกทำลาย เราจะเข้าสู่ภาวะใหม่ ที่สูงขึ้น แต่เพื่อไปถึง ณ จุดนั้นได้ เราต้องเปลี่ยนด้วยแรงที่มีพลังมหาศาลเพื่อที่จะป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึง ปรารถนานั้นมีความหวังถ้าผู้คนของฝ่ายสว่างรวมตัวกันเป็นหนึ่งปฏิบัติในแนวทางเดียวกันเราจะเข้าสู่ภาวะใหม่ ที่สูงขึ้นเรา กำลังอยู่ในยุคที่มีความสำคัญที่สุดของปฏิทินมายันและพยากรณ์ คำทำนายของโลกทั้งหมด ทุกความเชื่อ กำลังรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีเวลาสำหรับสงครามเย็น จิตวิญญาณในอุดมคติเกิดขึ้นแล้วด้านมืดสามารถเปลี่ยนเมื่อเผชิญกับหัวใจที่เปิด อย่างง่ายๆ นี่คือสิ่งที่นำไปสู่การรวมกัน นี่คือกุญแจสู่ the World of the Fifth Sun

    การ เกิดขึ้นของยุค the fifth Sun จะนำไปสู่ธาตุที่ถูกมองข้าม ที่ผ่านมาธาตุ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จัก ในยุคต่อไป ธาตุที่ห้าคือ อีเธอร์Ether คือสิ่งที่เป็นกลางๆซึ่งกระจายผ่านที่ว่างและส่งผ่านคลื่นที่มีหลากหลายความถี่Ethereal คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนา สัมผัสไม่ได้ เป็นสิ่งที่เหนือโลก คือสวรรค์เราจำเป็นต้องแสดง ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เลือกคนที่เป็นตัวแทนซึ่งเข้าใจและจะแสดงทางให้เห็นถึงความเคารพต่อแผ่นดิน

    การนั่งสมาธิคือสิ่งที่ดี แต่ต้องทำด้วยนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด สำหรับมนุษย์ เพื่อโลกแต่ละคนมีความสำคัญ ถ้าคุณเป็นมนุษย์ในยุคนี้ คุณต้องมีจิตที่จะทำงานเพื่อรักษาสมดุล The planetเป้าหมายของชาวมายันเป็นเดียวกับเป้าหมายของโลกปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ในสิ่งที่ง่ายๆความ รัก ความเคารพ ความอดกลั้น การแบ่งปัน ความกตัญญู การให้อภัย มันเป็นสิ่งที่ไม่ยุ่งยาก ความรู้จริงๆนั้นฟรี สิ่งที่ต้องการอยู่ภายในตัว เอาล่ะ ถ้าถึงเวลาเราก็ต้องดูกันต่อไปว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงยังไง...

    18 Jan 2010 18:38:19 by kencute

    ที่มา http://kuakiddeedee.blogspot.com/2010/02/blog-post_9030.html<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Attila 333 [​IMG]
    สภาพปัจจุบันของโลกเป็นอย่างไรเราทราบดี แต่การนำพระธรรมคำสอนไปตีความตามความเห็น ตามความเข้าใจเอาเองเป็นความบิดเบือนจะก่อให้เกิดโทษ ทางที่ถูกควรมีแหล่งอ้างอิงที่มาจากพระไตรปิฏกจึงเหมาะสม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรียนคุณ Attila 333

    การจะกล่าวโทษผู้ใด สมควรที่จะศึกษาพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนนะครับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล สามารถนำมาพิสูจน์ความจริงได้ทุกเมื่อ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังทรงตรัสสอนว่า สิ่งที่ท่านได้ตรัสสอนนี้อย่าพึงเชื่อในทันที แต่จงนำไปประพฤติปฏิบัติตามให้เห็นผลจริงก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจเชื่อ

    พุทธทำนายจากศิลาจารึกนี้ แม้ไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกก็จริงอยู่ แต่ถ้าท่านด่วนปฏิเสธในทันที ก็ถือว่าท่านขาดปัญญาในการพิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน เพราะสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนตลอดเวลา 45 พรรษานั้นก็ใช่ว่าจะถูกนำมาบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกเสียทั้งหมด ย่อมมีบางส่วนที่ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ แล้วท่านจะมาเหมารวมเอาว่า ถ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏกแล้ว จะไม่ใช่คำพูดของพระพุทธเจ้า ก็ดูจะขาดความเข้าใจที่ถูกต้องไปหน่อยนะครับ

    ความจริงแล้วพุทธทำนายนี้ นอกจากที่มีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฏกแล้ว ยังมีบันทึกอยู่ในตำนานพื้นบ้านต่างๆ เช่นตำนานจากทางภาคเหนือเรื่องพระเจ้าเลียบโลก ตำนานจากทางภาคอีสานที่บันทึกเอาไว้ในกระเบื้องจารโบราณอีกมากมาย ดังนั้นก่อนที่ท่านจะตำหนิใครว่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า โปรดเข้ามาศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถึ่ถ้วนก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า และพระอริยะสงฆ์อีกมากมายหลายท่าน ที่ได้นำพุทธทำนายจากศิลาจารึกนี้ มาประกาศให้สาธุชนทั่วไปได้รับรู้กันครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตำนานพระเจ้าเลียบโลก ตอนที่ ๖
    บรรยายโดย อาจารย์เจ้านางฯ ปี ๒๕๔๙

    [​IMG]
    ดินแดนที่ตำนานพระเจ้าเลียบโลกกล่าวถึงอันเป็นที่ตั้งของแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ

    เรามาเล่าถึงในผูกที่ ๑๐ ที่พระพุทธองค์ทรงที่พุทธพยากรณ์กับพระอินทร์ ที่พระอินทร์ถามว่าในศาสนาของพระองค์ ใน ๕,๐๐๐ ปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราก็ได้เล่ามาโดยลำดับ จนกระทั่งถึงที่พระพุทธองค์ได้สรุปว่าภัยทั้ง ๑๐ ประการจะเกิดขึ้นในท่ามกลางกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ภัยทั้ง ๑๐ ประการนั้นได้แก่

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

    ดูรา มหาราช (พระอินทร์) นักบวชทั้งหลายไม่ตั้งอยู่ในวินัยธรรมคำสั่งสอน ของตถาคตใจบาปหยาบช้า เป็นจำนวนมาก ๑๐๐ รูป ๑,๐๐๐ รูป จะมีที่ชอบธรรมอยู่สัก ๑-๒ รูป ลางที ไม่มีเลยแม้แต่รูปเดียว แม้ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ตลอดถึงประชาชนหญิงชายทั้งหลาย ก็ไม่ประกอบไปด้วยธรรมเป็นจำนวนมาก ๑,๐๐๐ คน จะมีชอบธรรมสัก ๑-๒ คน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าลางบ้านลางเมืองไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว เหตุว่ามีบาปธรรมอันหนาแน่นยิ่งนัก เทวดา อินทร์ พรหม ทั้งหลายก็จะบันดาลให้เป็นโรคระบาดพินาศ ทั้งสัตว์และคนก็จะถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่ง

    ยักษ์และเทวดาทั้งหลายจะบันดาลให้หัวใจนักบวชทั้งหลายให้ต่ำช้า ให้มีความโกรธความขึ้งคียด ดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกัน องค์ที่มีอายุน้อยก็จะเหยียบย่ำองค์ที่มีอายุมากกว่า องค์ที่มีอายุก็ไม่รักไม่เกรงองค์ที่มีอายุต่ำกว่า ลูกศิษย์ก็ไม่เคารพรักอุปัชฌายาจารย์ อุปัชฌายาจารย์ก็ไม่รักไม่เกรงลูกศิษย์ ใคร่จะสั่งสอนก็ไม่ได้ เท่าแต่จะสะสมบาปเป็นนิรันดร์ เขาทั้งหลายก็จะประสบภัยเหล่านั้น แม้ท้าวพระยามหากษัตริย์เสนาอำมาตย์และทั้งหลาย รวมถึงคนขาย อันเทวดาและยักษ์หากมาบันดาลหัวใจ เขาก็ไม่ยอมอ่อนน้อม ไม่รักไม่ยำเกรงกัน ต่างคนต่างก็จะว่า ตัวเองมีบุญสมภารมาก มีเดช มียศ มีบริวารกล้าหาญมาก มีความฉลาด มากและมีกำลังมาก พระยาเมืองน้อยก็จะดูถูกพระยาเมืองใหญ่ พระยาเมืองใหญ่ก็จะดูถูกพระยาเมืองน้อยลูกน้องไม่เคารพนับถือนาย ลูกชายหญิงไม่รักไม่ยำเกรงพ่อแม่

    อันนี้ก็จะขอสรุปสักเล็กน้อยว่าพุทธองค์ทรงมีพุทธทำนายว่าคนขาดศีลธรรม ดังนั้นจะบันดาลให้ยักษ์ คนธรร นาค ครุฑ ทั้งหลายมาราวีเบียดเบียนคนและสัตว์ เช่นทำให้เกิดโรคระบาดบ้าง นอกจากนี้แล้วเมื่ออีกภูมิหนึ่งมาเกี่ยวพันทำให้หัวใจนักบวชต่ำช้า และไม่เคารพกัน คนที่อยู่ด้วยกันไม่ยำเกรงกัน ผู้น้อยผู้หนุ่มไม่รักไม่ยำเกรงผู้แก่ผู้เฒ่า ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่จะเบียดเบียนไพร่ฟ้าข้าไทย โทษมีน้อยจะปรับไหมหลาย โทษบ่ควรตายก็จะฆ่า จะบีบบังคับเอาข้าวของ เงินทองให้ถึงความพินาศฉิบหาย จะได้เป็นทาสเป็นข้าของท่านผู้อื่น จะมีเป็นจำนวนมากประการหนึ่ง เทวดาจะมาบันดาลให้ผู้น้อยผิดใจกับผู้ใหญ่ คือแข่งกันใหญ่ มันเป็นความเสื่อมของกุศลจิต

    เรือนเหนือผิดใจกับเรือนใต้ พ่อแม่พี่น้องมิตรสหาย ก็จะทะเลาะวิวาทกัน หากว่าทะเลาะวิวาทผิดเถียงกันด้วยเรื่องการฆ่าสัตว์การลักทรัพย์ การเล่นชู้ การแย่งชิงเอาทรัพย์สินของไร่นาคามเขต หรือแม้สมบัติสิ่งใดก็ดี ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ก็จะพิจารณาคดีความไม่ชอบธรรม ย่อมจะตัดสินความด้วยฉันทาคติ โทสะคติ โมหะคติ หาอุบายกินของจ้างคือสินซุกสินบน ควรชนะก็ตัดสินให้แพ้ ควรแพ้ก็ตัดสินให้ชนะ บาปกรรมทั้งหลายร้ายแรงยิ่ง ก็จะบันดาลให้วิวาทฟ้องร้องกัน เลยเกิดเป็นโกลาหล จะเกิดศึกใหญ่รบราฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก

    เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดในระหว่างกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ประการหนึ่ง คนจะตายเพราะเสือกัด เงือกกัด จะตายเพราะตะขาบแมงป่อง คือตายด้วยพิษสัตว์ทั้งหลาย ลางคนเดินอยู่ดี ๆ ก็จะล้มตายจะนั่งตาย นอนตาย ยืนตาย ตายด้วยภัยทั้งหลายต่าง ๆ ในเวลานั้น (สมัยกึ่งพุทธกาล) แดดร้อน ฝนฟ้าจะตกก็ไม่ปกติ เดี๋ยวตกเดี๋ยวไม่ตก ฟ้าก็ร้องไม่ตามปกติ จะผ่าคนและสัตว์ให้ถึงแก่ความตาย แม้น้ำก็ร้ายจักบังเกิดแก่คนและสัตว์ทั้งหลายต่างๆ คนทั้งหลายจะถึงแก่พินาศฉิบหายเป็นอันมาก บ้านก็จะว่างเรือนก็จะเปล่า

    แม้นทำไร่ทำนาก็ไม่ได้ผล จะแห้งแล้งตายเพราะแดดกล้า พืชทั้งหลายเป็นต้นว่า ตัวหนอนก็จะลงมากินข้าวในนาหนูก็จะเบียดเบียน เมล็ดข้าวก็จะลีบ ควรจะได้ ๑๐๐ สัด จะได้สัก ๑๐ สัดหรือได้ครึ่งหนึ่งลงมา หากทำนาไม่มากก็จะไม่ได้อะไรเลย ทุกขเวทนาทั้งหลายจะบังเกิดแก่คนทั้งหลายในยามนั่นแล ดูรา มหาราช คนและสัตว์ทั้งหลายที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ และต้องพินาศตายไปเช่นนั้นมิใช่ว่าจะเป็นไปทั่วบ้านทั่วเมืองหาได้ไม่ ลางแห่งจะอยู่ดีมีสุข ลางแห่งจะเป็นทุกข์เป็นภัยมาก คือที่ดีก็มีมากที่ร้ายก็ร้ายมาก ภัยที่กล่าวมาแล้วจะปรากฎขึ้นในประเทศแดนใด ประเทศแดนนั้นจะฉิบหายพินาศ คน ๒ - ๓ เมืองจะรวมกันได้ ๑ เมือง บ้าน ๒ - ๓ บ้านจะรวมกันเป็น ๑ บ้าน เพื่อแบ่งกันกินแบ่งกันใช้

    ภัยเหล่านี้จะบังเกิดมีในกลางพรรษาพันที่ ๓ ของ ๕,๐๐๐ พรรษา (ได้แก่ พุทธศักราช ๒,๕๐๐ เป็นต้นไป)

    ดูรา มหาราช ในกาลตอนนั้นศาสนาตถาคตจะหม่นหมองไปเป็นอันมาก ดูรา มหาราช ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่เทวดาทั้งหลาย จงดูแลศาสนาของตถาคตอย่าได้ประมาท จงสั่งให้เทวบุตรองค์ที่ชอบธรรมลงมาเกิดใน ๑,๐๐๐ พรรษานี้เพื่อมาอุ้มชูยกย่องพระพุทธศาสนาใน ๕,๐๐๐ พรรษานี้ให้เจริญ รุ่งเรืองต่อไปเถิด

    หลังจากที่สมเด็จอินทราธิราชทรงสดับพุทธพยากรณ์ อภิวาทกราบไหว้พระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ แล้วก็เสด็จคืนสู่ชั้นฟ้า ต่อมาก็ได้เสด็จมายังสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์และได้พบฤษีองค์หนึ่งในดินแดนแห่งโยนกนครที่สถิตอยู่บนภูเขา แล้วก็เล่าความให้ฟัง แล้วขอให้พระฤษีอย่าได้ประมาณ ช่วยเล็งดูกาลเวลาว่าจะมีภัยที่จะเกิดขึ้นแก่โลกเมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว แล้วก็พืชพันธุ์ทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จ พืชพันธุ์ทั้งหลาย เครือเขา เถาวัลย์หญ้าต้นไม้ทั้งหลายที่มีในพื้นดินก็จะมาปิดบังสถานที่อันเป็นมงคล และจะเปิดมีดอกมีผล

    เพื่อให้บุคคลทั้งหลายได้ประจักษ์เมื่อพระอินทร์ได้ส่งเทพบุตร เทวดาทั้งหลายมาบูรณะซ่อมแซม และขอให้พระฤษีได้มีนิมิตช่วยกันปลูกดอกไม้ ปลูกเถาวัลย์ปลูกหญ้า เป็นการแสดงบอกเหตุเภทภัย พอเริ่มมีภัยให้ปิดดินแดนแห่งความเป็นมงคลนี้ที่จะบังเกิดมีต่อไปภายหน้า คือนัดแนะกับฤษีว่า เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อผู้น้อยผู้ใหญ่ไม่ปฏิบัติตามธรรม มีใจเป็นบาป ไม่มีความละอาย ยุยงส่งเสริมให้เกิดเป็นศึกเป็นโจรฆ่าฟันล้มตาย โกหก หลอกลวงไม่มีศีลไม่มีสัตย์ สร้างข่าวลือหรือหลอกลวงกันว่าตนนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นพญาธรรมิกราช หลอกลวงว่าเป็นคนที่จะมาช่วยบำรุงศาสนาอะไรต่าง ๆ ให้ปิด (สถานที่) ไว้อย่าให้เปิด เมื่อพระอินทร์ส่งคนลงมาเกิดแล้ว ก็ขอให้สถานที่นี้เปิด เพื่อให้บุคคลเหล่านี้มาซ่อมแซมพุทธศาสนาในกึ่งพุทธกาลนี้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อถึง ๕,๐๐๐ ปี

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-451<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ได้อ่านเรื่องที่ว่าอาหารทะเล และ เกลือจะเป็นพิษ ว่าจะซื้อเก็บไว้พวกเกลือ น้ำปลา ก็ไม่ได้ซื้อ ตอนนี้เจอไซยาไนศ์ในเกลือที่แหลมฉบังแล้วจะซื้อตุนไว้ทันไหมเนี่ย

    เมื่อเช้าฟังข่าวพบกระแสพระราชดำรัสที่ทรงตรัสถามผู้ทรงญาณหรืออะไรฟังไม่ถนัด ลองหามาได้แค่นี้ตอนต้นไม่มีเลยเอามาให้อ่านกัน คน กทม.จะได้ไม่กลุ้มใจ

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CAdmin%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0in; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:8.5in 11.0in; margin:1.0in 1.25in 1.0in 1.25in; mso-header-margin:.5in; mso-footer-margin:.5in; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt; mso-para-margin:0in; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]จาก พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ. พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2537 ว่า [/FONT]“ ... [FONT=&quot]มีความคิด มีโครงการที่จะสร้างเมืองใหม่ แต่ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดจะทำกัน อย่างที่เขาคิดจะทำกัน สร้างเมืองเพื่อที่จะเกิดปัญหา แต่ที่เราคิด เป็นการสร้างเมืองเพื่อที่จะเป็นตัวอย่าง และทำให้เมืองเดิมของเราคือ กรุงเทพมหานครนี้ เป็นเมืองที่โปร่ง เป็นเมืองที่น่าดู เป็นเมืองประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองที่สวยงาม ...[/FONT]<o>:p></o>:p>
    [FONT=&quot]... แซยิด 84 จะมีเมือง เรียกว่า เมืองสวรรค์ เมืองที่ดี มีไหม มีทางไหม เขาบอกว่ามีทาง ก็เลยขอให้ไว้ใจว่าเราคิด คิดอยู่ จะสร้างเมืองสวรรค์ จะทำให้กรุงเทพมหานครนี้เป็นกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ แล้วก็เมืองใหม่นั้นก็จะเป็นเมืองสวรรค์เหมือนกัน ไม่ได้เน้นการย้ายกรุงเทพฯ ไปที่อื่นไกล แต่ว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น ...[/FONT]”

    เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเตรียมไว้ล่วงหน้าหลายปี ในปี 37 ทรงพระราชดำรัสดีๆมากมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2010
  7. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    ในสมัยพุทธกาลไม่ได้มีการจารึกหรือบันทึกใดๆ สิ่งที่เห็นในปัจจุบันคือหลักฐานที่เกิดขึ้นจากที่พระองค์ท่านได้เสด็จปรินิพพานแล้ว เหตุเนื่องด้วยมีการทำการสังคยนาในเวลาต่อมาอีกถึง ๕ ครั้ง จึงได้มีการบันทึกเกิดขึ้น แต่เป็นการบันทึกภายหลัง สำเนาถูกต้องหรือไม่ใครจะรู้!

    เมื่อท่านบอกว่าไม่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก แล้วจะอ้างอิงพระไตรปิฎกไว้ทำไม มิทราบ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2010
  8. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    เอ นาฬิกา server มันช้าไปหรือเปล่านี่มัน 9.55 น.นะ
     
  9. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    ท่านไปตำยาต่อเถิด คนไข้หลายคนรอยาอยู่ คนพวกนี้ทรมานมาก
    สัจจะของท่านเก็บไว้ก่อน โลกุตรธรรมเก็บไว้ก่อน คนไข้รออยู่แยะ

    เร่งรีบเร็วไวเถิด ท่านหนุมารฯชาญสมร หนึ่งในวานรผู้แกล้วกล้า....
     
  10. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909

    ตะลึง! ทอร์นาโด36ลูก ถล่มรัฐมินนิโซต้าพังราบ


    กรมอุตุนิยมสหรัฐรายงานว่า มีผู้พบเห็นพายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นถึง 36 ลูก พัดถล่มรัฐมินนิโซต้าของสหรัฐ สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน
    บ้านเรือนและอาคารในรัฐมินนิโซต้าอยู่ในสภาพพังราบ หลังพายุทอร์นาโดหลายลูกพัดถล่ม โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดอยู่ทางตอนใต้ของรัฐและในเมืองวาเด น่า
    โดยความรุนแรงของพายุ ทำให้ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คนและได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ตำรวจต้องปิดกั้นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพื่อเก็บกวาดซากปรักหักพัง ขณะที่มีรายงานว่าเกิดการรั่วไหลของท่อแก็สในหลายสิบจุด เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังซ่อมแซมเพื่ออุดรอยอย่างเร่งด่วน
    สำนักงานอุตุนิยมแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า มีผู้พบเห็นพายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นถึง 36 ลูก ในรัฐมินนิโซต้า หากได้รับการยืนยันจะเป็นพายุทอร์นาโดที่ก่อตัวขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียว มากกว่าเมื่อปีพ.ศ.2535 ที่มีการบันทึกไว้มากสุด 27 ลูก
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ปรากฎการณ์ Sundog

    <table class="A14" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr><td align="middle" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top">
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="middle" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top">ชาวบ้านเมืองศรีสะเกษแตกตื่นหลังเห็นปราก ฎการณ์พระอาทิตย์ขึ้น 3 ดวง

    เมื่อ เวลา 07.30 น. วันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ

    ได้เกิดปรากฎการณ์ผิดธรรมชาติขึ้น โดยมีชาวบ้านจำนวนมาก พบเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเรียงซ้อนกันถึง 3 ดวง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นอย่างมาก บางคนถึงกับนำกล้องมาถ่ายเก็บไว้


    นอกจากนี้ข่าวดังกล่าวยัง แพร่กระจายไปยังจังหวัดใกล้เคียงจนมีบางคนถึงกับลงทุนขับรถไปดูให้เห็นกับตา เลยทีเดียว

    ทั้งยังสร้างกระแสวิพากวิจารณ์ในหมู่นักท่องอินเตอร์เน็ต ถึงปรากฎการณ์พระอาทิตย์ 3 ดวงว่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่อย่างไร
    ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่งทราบว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าว เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า "ซัน ด็อก" ที่เกิดจากดวงหางหรือมุมตกกระทบของแสงอาทิตย์หักเห จนสะท้อนให้ผู้ที่อยู่บนโลกในบางมุมสามารถเห็นได้ และเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งบนโลกในพื้นที่แตกต่างกัน.


    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหา ข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</center></td></tr></tbody> </table>
    โดย :หมูอ้วน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันเสาร์ ที่ 19 มิถุนายน 2553 เวลา 08:38 น.]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2010
  12. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    นาฬิกา server ดูยาก และไม่ตรงตามเวลาประเทศไทย

    หรือ server อยู่ต่างประเทศ

    แนะนำ ปรับให้ตรงเวลาประเทศไทย ควรใช้ 24 ช.ม. ดีกว่า 12 ชั่วโมง
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Server มันเซ็ท time synchronise ได้นะ :cool:
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขอเตือนท่านที่กล่าวคำปรามาสคำทำนายจากศิลาจารึก

    ขอเตือนด้วยความหวังดี ต่อท่านที่กำลังกล่าวปรามาส ต่อคำทำนายของพระพุทธเจ้า ว่าจะมีโทษอย่างมหันต์ รวมทั้งท่านที่ให้การอนุโมทนาสาธุกับผู้กล่าวคำปรามาสเหล่านี้ ย่อมจะมีโทษอย่างมหันต์เช่นเดียวกัน จึงขอให้ท่านจงสำรวมระวังใน กาย วาจา ใจ ของท่านให้จงดี

    พระโอวาทของพระพุทธเจ้านั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์สะอาดแล้วทั้งกาย วาจา ใจ ดังนั้นใครกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าจึงได้บุญมาก และในทางตรงกันข้าม ใครกล่าวปรามาสก็ย่อมจะได้บาปกรรมอย่างที่ท่านคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

    คำทำนายจากศิลาจารึก และคำทำนายจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก นี้จะเป็นจริงหรือไม่ ท่านกล้ายืนยันหรือว่าไม่ใช่คำทำนายของพระพุทธเจ้า ท่านมีหลักฐานอะไรมาเป็นเครื่องพิสูจน์ หรือใช้เพียงการคาดเดาของตัวท่านเองเป็นหลักเท่านั้น ถ้าเกิดคำทำนายเหล่านี้เป็นของพระพุทธเจ้าจริง แล้วท่านจะทำเช่นไร เพราะได้กล่าวคำปรามาสออกไปมากมายเช่นนี้ เมื่อตอนที่ท่านไปยืนรับฟังคำพิพากษาจากพระยายมราช ในตอนที่ท่านได้ตายไปแล้ว ท่านจะแก้ตัวกับพระยายมราชว่าอย่างไร เพราะโทษของการปรามาสพระพุทธเจ้านั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขอแก้ความเข้าใจผิด เรื่องกระทู้ประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติจริงหรือไม่

    ผมขออนุญาตเรียนชี้แจงต่อท่านผู้อ่าน ที่เป็นแฟนประจำของกระทู้นี้และท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านใหม่ดังนี้ จากการที่ผมได้ติดตามอ่านความคิดเห็นของสมาชิกหลายท่านที่ได้กล่าวว่า เรื่องของภัยพิบัตินั้นถ้าเรายิ่งไปคิดไปพูดถึงมากเท่าไหร่ ยิ่งจะเร่งให้เกิดภัยพิบัติเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

    ผมขอเรียนชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับท่านผู้อ่านดังนี้นะครับ

    เรื่องของภัยพิบัติทั้งที่เกิดจากภัยทางธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ด้วยกันเองนั้น แท้ที่จริงแล้วเกิดจากอกุศลกรรม คือ โลภะ โทสะ และโมหะ ในจิตใจของมนุษย์เรานี้เองเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นมา ในยุคใดสมัยใดที่มนุษย์โลกมีศีลมีธรรมในจิตใจสูง มีโลภะ โทสะ โมหะ ที่เบาบาง ธรรมชาติก็จะเกิดความสมดุล ฝนฟ้าก็จะตกต้องตามฤดูกาล พืชพรรณธัญญาหารจึงอุดมสมบูรณ์

    แต่ถ้าในยุคใดสมัยใดที่มนุษย์โลก มีจิตเต็มไปด้วยกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง มัวเมาในกามตัณหาอย่างรุนแรง เห็นแต่ตัวจัด มีโทสะชอบเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นอย่างไร้ความเมตตา ธรรมชาติก็จะเกิดวิปริตขาดความสมดุล ไปตามจิตใจของมนุษย์โลกในสมัยนั้นๆ เหมือนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ย่อมทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดความกันดารแห้งแล้ง อดอยากหิวโหย ต้องทำสงครามเพื่อแย่งชิงทรัพยากรของประเทศอื่นเอามาให้คนในประเทศของตนเองได้กินได้ใช้

    เพราะฉะนั้นคำกล่าวที่ว่า ยิ่งเราพูดถึงหรือคิดถึงเรื่องของภัยพิบัติมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดภัยพิบัติเร็วขึ้นเท่านั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะความจริงแล้วมันเกิดจากอกุศลกรรม หรือการกระทำความชั่วของคนทั้งโลกนี้ต่างหาก ที่เป็นตัวเร่งปฏิกริยาวงจรของฤดูกาล ให้วิปริตผิดเพี้ยนไปเช่นนี้ และในทางตรงกันข้ามยิ่งใครนึกถึงเรื่องของภัยพิบัติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะเกิดมรณานุสติกรรมฐาน ในจิตใจของคนผู้นั้นมากขึ้นเท่านั้น เพราะเห็นแจ้งในความเป็นจริงแล้วว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแท้แน่นอน อาจจะต้องตายด้วยภัยพิบัติในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ เช่นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไซโคลน ฯลฯ จึงต้องเร่งทำบุญสร้างกุศลใส่ตัวให้มากๆ เพื่อเตรียมตัวเอาไว้ใช้ในภพข้างหน้า

    ส่วนท่านที่กำลังคิดว่าถ้าสามารถปิดกระทู้นี้ หรือปิดห้องภัยพิบัติและการเตรียมการณ์นี้ลงได้ ก็จะสามารถหยุดยั้งภัยพิบัติได้ทำให้ไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครพูดถึงหรือคิดถึงเรื่องของภัยพิบัติอีกต่อไป ผมก็ขอแสดงความเสียใจกับท่านเจ้าของความคิดนี้ด้วย เพราะไม่ว่าจะมีใครออกมาเตือนเรื่องของภัยพิบัติ หรือไม่มีใครออกมาเตือน ภัยพิบัติทั้งหลายก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะมันเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยตามที่ผมได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้เป็นหลักครับ

    ขอให้ลองกลับไปศึกษาเรื่องของทวีปแอตแลนติส ที่ถล่มจมทะเลในอดีตกาลให้ดี เพราะผู้คนในสมัยนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้คนสมัยนี้เลย พวกเขาไม่เชื่อในคำนายเรื่องของภัยพิบัติ ที่มีคนออกมาเตือนเหมือนกับในสมัยนี้เช่นเดียวกัน คนส่วนใหญ่ไม่มีใครพูดถึงหรือคิดถึงเรื่องของภัยพิบัติแต่อย่างใด แต่แล้วอยู่ๆ ในวันหนึ่งที่ผู้คนกำลังใช้ชีวิตกันตามปรกติ ก็เกิดภัยพิบัติคือแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนทำให้ทวีปแอตแลนติส ต้องถล่มจมทะเลไปทั้งทวีป ทำให้ผู้คนต้องจมน้ำตายอย่างกระทันหันนับเป็นล้านๆชีวิต ทั้งๆที่ไม่มีใครคาดคิด แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้ในที่สุด
     
  16. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    19 มิ.ย. 53


    วู๊ดดี้ เกิดมาคุย

    เมื่อคืนได้เข้าไปอบรมธรรมะกับหลานจิ๊บ (อติกานต์ หนุนภักดี พิธีกรช่องยูบีซี)
    หลานได้บอกกับอาว่า จะไปออกรายการของวู๊ดดี้ เรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติและ
    เสียงแว่วจากคัมปานีหรือหน่วยเหนือที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ท่านใดสนใจก็เฝ้า
    ติดตามดู ช่อง9 ประมาณสี่ทุ่มเศษ ของคืนวันอาทิตย์ แต่อาทิตย์ไหน?
    ต้องติดตามกันเอง

    วันนี้ช่วงพักเที่ยง ผมได้ไปทานอาหารที่ร้าน สนั่น Home ซึ่งอยู่ในเขต
    ดอนเมือง ร้านนี้ฝีมือทำอาหารสำหรับผมถือว่าดีมาก วันเวลาขาย ทางร้านจะ
    ขายตามอารมณ์ คิดจะขายก็ขายคิดจะหยุดก็หยุด คนทานจะต้องตามดูเอาเอง

    วันนี้ร้านนี้เปิดขาย ขณะที่ผมทานเสร็จ เจ้าของร้านก็ได้เล่าให้ผมฟังว่า
    เมื่อวานนี้ได้ยินเสียงดังปั้ง จากนั้นกระเบื้องที่ปูอยู่หน้าร้านในที่ร่ม ก็ขยับ
    เป็นลูกระนาดเหมือนโดมิโน่ ความยาวประมาณร่วม 3เมตร ส่วนพื้นปูนไม่มี
    รอยแตกแยก ผมก็ให้ความเห็นไปว่าน่าจะเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก




    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น
     
  17. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    [FONT=&quot]วันนี้ผมไปทะเลาะกับมิจฉาชีพมาครับ[/FONT] [FONT=&quot]ทำไมถึงบอกมิจฉาชีพ ก็เพราะว่า[/FONT]…
    <o>

    </o> [FONT=&quot]วันนี้ [/FONT]19 [FONT=&quot]มิถุนายน [/FONT]2553 [FONT=&quot]เวลา [/FONT]14.00 [FONT=&quot]น. ณ ป้ายรถประจำทาง กระทรวงสาธารณสุข ผมยืนรอรถเมล์สาย [/FONT]97 [FONT=&quot]อยู่ มีชายคนหนึ่ง หน้าตากลม มีหนวดเครานิดหน่อย ตัดผมเกรียน ประมาณ สกินเฮด เบอร์ [/FONT]3 [FONT=&quot]รูปร่าง สูง ยาว ผอม คล้ายคนติดยา ใส่เสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ อายุประมาณ [/FONT]20 [FONT=&quot]ปี[/FONT]
    <o>


    </o> [FONT=&quot] ได้เข้ามาหาผม แล้วบอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พี่ๆ ผมขอยืมโทรศัพท์หาพ่อผมหน่อยครับ[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็นึกในใจว่า ถ้าให้มันยืม สงสัย ยืมแล้ววิ่งแน่ๆ เลย ผมจึงบอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ไม่ได้[/FONT]”[FONT=&quot] แล้วผมก็ชี้ไปที่ตู้โทรศัพท์ แล้วบอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]นู่น ไปใช้ตู้โทรศัพท์[/FONT]”[FONT=&quot] ชายคนนี้ก็บอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ไม่มีเงิน[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็เห็น เขาถือมะม่วงกินอยู่ [/FONT] [FONT=&quot]ก็บอกชายคนนี้ว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ไม่มีเงิน ทำไมมีเงินซื้อมะม่วงกิน[/FONT]”[FONT=&quot] ชายคนนี้ก็บอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ผมก็ไปขอเขามาอีกที[/FONT]”[FONT=&quot] หลังจากนั้น ชายผู้นี้ก็เดินหนีออกไป[/FONT]
    <o>

    </o> [FONT=&quot]เมื่อรถเมล์สาย [/FONT]97 [FONT=&quot]มาถึง ผมก็ขึ้นรถเมล์ไป และเอะใจเมื่อ เห็นชายผู้นี้ ขึ้นไปด้วย นึกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ไม่มีเงิน ทำไมขึ้นรถเมล์ได้[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็นั่งอยู่แถวหน้า ชายผู้นี้ นั่งแถวหลัง ผมก็นั่งไปเรื่อยๆ จนได้ยินชายคนนี้ ได้กระทำแบบเดียวกับผม กับคนอื่นแทน เป็นหญิงอายุประมาณ [/FONT]70 [FONT=&quot]ปี นุ่งขาวห่มขาว โดยพูดว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พี่ๆ ผมขอยืมโทรศัพท์หาพ่อผมหน่อยครับ[/FONT]”[FONT=&quot] ผมไม่แน่ใจว่า เขาพูดแบบนี้กับคนอื่น บนรถเมล์ กี่คน เพราะคนสุดท้ายที่ผมเห็น เป็นหญิงชรา [/FONT]
    <o>

    </o> [FONT=&quot]ผมบอกตรงๆ ว่า ผมทนไม่ไหว อารมณ์ร้อนมันขึ้นมา แล้วหันกลับไปที่ชายคนนี้ แล้วบอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]เอ้าน้อง ไหนบอกไม่มีเงิน ทำไมมีเงินขึ้นรถเมล์[/FONT]”[FONT=&quot] ชายคนนี้ ก็บอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พี่ยุ่งอะไรด้วย[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็ตอบว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ตะกี้ น้องก็มาขอพี่ แล้วน้องก็บอกไม่มีเงิน[/FONT]”[FONT=&quot] ชายคนนี้ก็บอกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พี่ไม่ให้ พี่ไม่ต้องยุ่งกับผม[/FONT]”[FONT=&quot] และสุดท้ายที่มันบอกคือ [/FONT]“[FONT=&quot]ยุ่งมาก เดี๋ยวยิงแม่งเลย[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็หันหน้ากลับไป ในเป้ผมมีมีดเล็กๆ อยู่บ้าง ผมก็พยายามหามีดในกระเป๋าเป้ เพื่อนำมาป้องกันตัว หากเกิดเหตุอะไร[/FONT]
    <o>


    </o> [FONT=&quot]สุดท้ายแล้ว ชายคนนี้ ก็บอกกลับมาว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พี่ เอาเป็นว่า ผมยกมือไหว้ ขอโทษพี่ แล้วกัน[/FONT]”[FONT=&quot] ผมก็หันกลับไป และไม่ได้พูดอะไร แล้วชายคนนี้ ก็ลงที่ ป้ายรถเมล์ บิ๊กซี ติวานนท์[/FONT]
    <o>


    </o> [FONT=&quot]หลังจากนั้น ในใจผมคิดว่า การที่ผมหามีดในกระเป๋าเป้ มาเพื่อป้องกันตัว มันอาจจะนึกว่า ผมจะชักปืนออกมาก็ได้ มันถึงพูดแบบนั้น[/FONT]

    <o></o>
    [FONT=&quot]ช่วงนี้ เป็นช่วงฟุตบอล โลก ต้องระวัง เรื่องมิจฉาชีพให้มากครับ [/FONT]…..
     
  18. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผมอยากนำเรื่องนี้ แจ้ง จส.100 หรือ สวพ.91 แต่ไ่ม่รู้จะทำไงดี ใครช่วยผมได้บ้าง
     
  19. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    ทำไมในปัจจุบันนี้ ศาสนาพุทธไม่เป็นที่นับถือของอินเดีย?

    ทำไมในปัจจุบันนี้ ศาสนาพุทธไม่เป็นที่นับถือของอินเดีย?<!-- google_ad_section_end -->​
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ศาสนาพุทธเกิดชมพูทวีป แต่ฉไนไม่เจริญในอินเดีย
    เป็นที่รู้กันว่าชมพูทวีปในป้จจุบ้นนี้ แบ่งแยกออกเป็นดังนี้

    ๑.สาธารณรัฐอินเดีย
    ๒.สาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ
    ๓.สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเนปาล
    ๔.สาธารณรัฐจักรภูฏาน
    ๕.สาธารณรัฐอัฟกานิสถาน

    จะสังเกตเห็นได้ว่า ประเทศเหล่านี้คือพื้นฐานในพระพุทธศาสนาในอดีต และปัจจุบันมีคำขึ้นต้นประเทศเป็น "สาธารณรัฐ" ในดินแดนต้นกำเนิดที่แท้จริงคืออินเดีย ศิลาจารึกรวมทั้งหลักฐานต่างๆที่ปรากฏอยู่ในศตวรรษนี้ก็เป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้ว่า พระพุทธศาสนามีบ่อเกิดจาก ณ. ที่แห่งนี้ เมื่อบ่อเกิดแห่งพระศาสนาอยู่ ณ. ที่แห่งนี้ และเคยปรากฏว่ามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากมายในอดีตกาล แต่เคยเอะใจฉุกคิดบ้างไหมว่า ทำไมคนอินเดียหันกลับไปนับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดู? แต่กลับมาเจริญในภูมิภาคแห่งเอเซียอาคเนย์ ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาแทน ... คิดสิคิดๆๆๆ ใช้สมองพิจาณาอย่างมีสติ ไม่ใช่คัดลอก ก๊อปปี้ ลากแปะตัดต่อข่าว ตัดต่อคำพูดคำทำนายไปว้นๆ (เด็กน้อยก็ทำได้ง่ายๆ) ใช้ปัญญา และมีสติพิเคราะห์ออกมา หาเหตุและปัจจัย ใช้กฎแห่งกรรม ....



    เหตุผลและที่มาที่ไป
    ๑.ศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้นเกิดเกิดพุทธศาสนาหลายพันปี การที่มีจิตวิญญาณฝังแน่นในเรื่องนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ การประกาศศานาพุทธของเจ้าชายสิททัตถะในครั้งนั้นเป็นที่กล่าวขวัญและมีผู้ที่เลื่อมใสอย่างมากมาย หากแต่มิใช่มีเพียงพุทธเท่านั้น ยังมีศาสนาอื่นๆ และมีศาสดาเป็นของตนเองอย่างกลาดเกลื่อน นับได้ว่าแยะมากๆ เมื่อครั้นพระองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปแล้ว ก็มีพวกเดียรถีร์เข้ามาบวชอย่างมากมาย แต่เป็นการบวชเพื่อแสวงหาสักการะ ... สุดท้ายก็ได้นำเอาพิธีกรรมของฮินดูเข้ามาปนเปกันไปหมด ทำพิธีปลุกเสก ต่อชะตา สะเดาะเคราะห์ เครื่องลางของขลัง ดูดวง ผูกยันต์ และสร้างสิ่งที่บิดเบือนไปจากพุทธพจน์อย่างมากมาย ... และนี่เป็นเหตุที่ทำให้ศาสนาพุทธได้เสื่อมสลายไปจากอินเดียในเวลาต่อมา

    ๒.ศาสนาพุทธไม่มีเทพเจ้าให้บูชาหรือขอลาภสักการะ หากแต่ในอินเดียนั้นเป็นลัทธิของเทวนิยม ซึ่งเป็นการง่าย เพราะอยากได้อะไรก็ขอเทพฯ บูชาเทพฯ สรุปง่ายๆคือแทนที่จะเข้าใจในเรื่องความจริงของชีวิต กลับกลายเป็นว่าอยากได้อะไรก็ขอเอาง่ายๆ ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ก็ไปชำระล้างบาปกันอย่างที่เห็นๆ ขอพรไปเรื่อย ... นี่คือเทวนิยม ซึ่งวิถีทางนั้นผิดไปจากพุทธโดยสิ้นเชิง เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าท่านได้พบว่า กรรมคือตัวกำหนด ไม่สามารถที่จะล้างกรรมได้ สิ้นภพสิ้นชาติขาดกันไป กรรมจะติดตัวและมีผลในกาลต่อไป

    ๓.ศาสนาพราหมณ์ฮินดู ได้จัดไว้ว่าพระพุทธเจ้าคืออวตารองค์ที่ ๙ ของเขา ... และจะมีอวตารองค์ต่อมาอีกในเวลาไม่ช้า


    อนึ่ง... ถึงแม้กระนั้นก็ตามชาวพุทธในปัจจุบันเองก็มีพิธีกรรมทางพราหมณ์อยู่ไม่น้อย จนอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นพุทธ-พราหมณ์ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังคิดว่าในศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้น เขาก็มีศีล มีสมาธิ มีฌาณ มีญาณและอภิญญาอย่างมากมาย เช่น เหล่าบรรดาโยคี ฤาษี นักบวช ที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์เป็นที่อัศจรรย์ และก่อให้เกิดศรัทธาต่อมวลชนต่อมาเสมอมิได้ขาด พร้อมทั้งการแสดงปาฏิหารย์ต่างๆเหล่านี้ ทำให้มหาชนต่างลุ่มหลง ... ในขณะเดียวกันในทางพุทธศาสนาเอง พระพุทธเจ้ามิได้ส่งเสริมให้มีการแสดงปาฏิหารย์แต่อย่างใด หากฝ่าฝืนถือว่าทำผิดวินัย และปรับอาบัติกันเลยทีเดียว


    อสอง... การที่มีหมอดูเกลื่อนเมือง และโลดแล่นตามกระแสข่าวและสถาณการณ์รายวัน ดูได้ทุกวัน ทำนายได้ทุกวัน เดาสุ่มกันทุกชั่วโมง สร้างความแตกตื่นให้กับปวงชนในเรื่องภัยร้ายต่างๆนาๆนั้นทำถูกแล้วหรือ? ก็ในเมื่อโลกนี้เกิดมานาน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาก็ย่อมจะมีบ้าง เพื่อรักษาสมดุลย์ ปรับสภาพตัวเอง .... เพราะโลกนี้มีชีวิต ขอย้ำว่าโลกนี้มีชีวิต .... โลกมีชีวิต และชีวิตคือโลก เรื่องภัยพิบัติเป็นเรื่องเล็กๆที่โลกต้องรักษ์ชีวิตไว้ เก็บชีวิตไว้ ... สลัดพวกแมลงที่เกาะกินทำลายออกไปบ้าง เพื่อดุลย์ภาพที่จะคงอยู่ต่อไป อีกนาน....... นาน ...... นานเท่านาน


    อสาม ... การมีหมอดูเกลื่อนเมืองก็ไม่ผิด เพราะพวกนี้ยังต้องเกิดมาเป็นเสนียดจัญไรให้กับโลก อีกตราบจนโลกนี้กลายสภาพเป็นพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง แต่เมื่อถึงวันนั้นพระอาทิตย์แห่งป้จจุบันอาจจะกลายเป็นดาวที่ไม่มีพลังอีกต่อไป หรือพระจันทร์อาจจะหายวับไป ไม่ส่งแสงดั่งเฉกเช่นเดิม .... อย่าคิดมาก ... อจิณไตย ... ไร้สาระครับท่าน และกรุณาอย่าเอานรกมาขู่ผมให้เสียเวลาเลยครับ เพราะผมไปมาแล้ว .... เหอๆๆๆ


    อสี่ ... อะห้า ...ฯลฯ
    :boo::boo::boo:
     
  20. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เจตนานั่นแหละคือกรรม ดังนั้น ข้าพเจ้าขอหลีกเลี่ยงที่จะตำหนิกรรมของผู้ใดก็ตาม

    ภัยธรรมชาติกับกิเลสในใจคน มันเหมือนกัน ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย คนที่ตายไปตอนเกิดภัยธรรมชาติ นั่นก็ไม่ได้ตายจริง จิตยึดกับอะไรก่อนตาย แรงยึดก็จะเหวี่ยงไปภพนั้น

    กิเลสในใจคนก็เหมือนกัน หากคนนั้นตายไปตอนที่จิตยึด
    <wbr>กับกิเลสตัวใดอยู่ แรงยึดก็เหวี่ยงไปภพนั้นเช่<wbr>นกัน ไม่ว่าจะสวรรค์หรือนรกก็ตาม


    ขออภัยที่ช่วงนี้โผล่มาบ่อย ข้าพเจ้าแค่อยากบอกว่า

    ---ปฏิบัติกรรมฐานที่ถูกจริต ชีวิตจะเจริญในธรรมเน้อ---
     

แชร์หน้านี้

Loading...