เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. เมืองสมุทร

    เมืองสมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    907
    ค่าพลัง:
    +5,767


    ผมว่าไปให้ถึงแค่ปากซอยให้ได้ก็เก่งแล้วครับ หมดแรงตั้งแต่กลางซอย กรั๊กๆๆ เก้านิ้ว หนักกี่กิโล (deejai)
     
  2. BaByUltraMan

    BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,647
    น้ำ แสวงหา 086-5886541 xabaha67@hotmail.com


    ได้ยินอะไรแจก ฟรีๆๆ ห้าๆๆ
     
  3. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233



    แหม๋ วันนี้ จัดหนัก กันเลยน่ะพี่ๆ




    ตะกรุดขอใช้ก่อนละกันครับ อิอิ เพราะมีแค่ 299 ดอก ไปแย่งเค้ามาได้ดอกเดียว แถมยังเสก 2 องค์ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน กับหลวงพ่อฉาบนี่แหละครับ

    รูปหล่อนี่ดีครับ ยังพอมีหลงเหลือตามศูนย์ ลองไปหาๆ กันครับ คนนอกเค้าไม่ค่อยรู้เลยไม่ค่อยวิ่ง หลวงพ่อฉาบ่านไม่ลงจากกุฏิเลย ไม่มีทีวี วิทยุ อยากได้ของที่กุฏิที่เดียวน่ะครับ ประวัติท่านใช่ย่อย ดังเงียบ

    ไปคราวหน้าบอกด้วยน่ะครับ อยากได้รูปภาพท่านมาบูชาน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2010
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    ไม่โชว์รูปตะกรุดด้วยเหรอครับ
     
  5. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ไว้กลับบ้านจะถ่ายมาให้ชมครับ ดอกนี้ค่อนข้างหวง เลยเก็บไว้บูชาบนหิ้งที่บ้าน รอกลับชลก่อนครับ

    อนุญาตเอามาให้อ่านครับ


    "ท่านบอกว่าเราพร้อมแล้ว จะทำอะไรก็รีบๆทำกัน
    ท่านอยากจะทำให้เสร็จไวๆ สิ่งก่อสร้างต่างๆในวัดท่านเคยพูดว่า
    ฉันจะไม่ทิ้งภาระไว้ให้ใครหรอกคือ ถ้าท่านตัดสินใจทำอะไรท่านก็ต้องพร้อม
    ทั้งเงิน แล้วถึงจะทำ อะไรมันไม่แน่นอนวันนี้อย่พรุ่งนี้อาจไม่อยู่ แต่จะไม่ทิ้งภาระไว้ให้ใคร"

    ที่มา ยุทธ์ sittloungpormhui.com

    หารูปตะกรุดได้แล้วครับ มี 2 แบบ เอาไปดูแก้ขัดก่อนครับ ยืมเค้ามา credit อยู่ด่านล่าง
    ถ้ากลับบ้านจะถ่ายซุมมาให้ดูชัดๆ ครับ
    [SIZE=-1]ออกปี 2550 เป็นตระกรุดเงินมีแบบถักเชือกและไม่ถักเชือกขนาดยาว 4 นิ้ว นำมาให้หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันอฐิถานจิตรเดี่ยว และนำมาให้ หลวงพ่อฉาบวัดศรีสาคร อธิฐานจิตรเพื่อความเข้มขลังอีกหนึ่งครั้ง จำนวนการสร้าง เพียงอย่างละ 299 ดอก [/SIZE]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่มา
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chanintorn&month=21-09-2009&group=19&gblog=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2010
  6. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    กราบหลวงพ่อทรง... ครับ
    เข้ามาตอกบัตรยามดึก... ช่วงนี้โดนคุณลูกคนเล็กยึดคอมซ่ะเกือบไม่ได้เล่นเลย... วัยเริ่มแก่เซ็ง.... กว่าจะขอพื้นที่คืนได้ต้องรอ คุณลูกเข้าห้องน้ำ...555.... ถ้าเห็นผมหายไปก็แสดงว่าถูกขอคืนอีกที.....555
     
  7. teaycub2009

    teaycub2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    3,747
    ค่าพลัง:
    +2,582
    [​IMG]

    มีเท่านี้จริงอ๊ะป่าวครับพี่โจ...........หึหึ:cool:

    สบายดีนะครับพี่


    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทรงครับ
     
  8. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,698
    วันนี้พี่ๆๆ...นำของล้ำค่าทางจิตใจมาให้ยลโฉม....ของแต่ละท่านงดงามมากครับ

    ละลานตา ....... กลับมาดูหลายรอบ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2010
  9. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เห็นเค้าโชว์ๆ กัน เอามาโชว์บ้าง เล็กๆ น้อยๆ เดี๋ยวตกยุค

    [​IMG] เอามือถือถ่ายเลยไม่ค่อยชัดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ดูรูปซ่ะอิ่ม
     
  11. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,093
     
  12. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ถ้าพี่ปื๊ดสนใจ ผมจะนำประวัติ ประสบการณ์ท่านมาให้อ่านครับ ผมรู้จักท่านนานแล้ว แต่ยังไม่เคยไปกราบเลย คนเมืองสิงห์ น่าจะรู้จักท่านกันดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2010
  13. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ขออนุญาติพี่พี นอกเรื่องสักหน่อยน่ะครับ เห็นสนใจกัน

    [​IMG]

    ชีวประวัติของหลวงพ่อฉาบ พระครูมงคลนวการ

    หลวงพ่อฉาบเป็นคนพื้นเพ จังหวัดสิงห์บุรี ท่านเกิดที่สิงห์บุรี เป็นบุตรชายนโตของนายเน่า แบะนางสมบุญ นามสกุบ ด้วงดารา
    หลวงพ่อฉาบเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2471 ณ บ้านเลขที่ 27 ต.หมื่นหาญ อ.พรมบุรี จ.สิงห์บุรี ปัจจุบันตำบลหมื่นหายเปลี่ยนเป็น ตำบลต้นโพธิ์ อ.เมือง จังหวัดสิงห์บุรี หลวงพ่อมี่พี่น้องร่วมอุทรทั้งหมด 6 คน คือ

    1. หลวงพ่อฉาบ
    2. นาย เอิบ
    3. นายสังวาล
    4. นายประสงค์
    5. นายถวิล
    6. นาย ปุ่น
    7. นางสมนึก

    ครอบครัวของหลวงพ่อค่อนข้างจะมีฐานะ มีที่นามากมายให้ชาวบ้านได้เช่าอาศัยทำกิน เมืองสิงห์ในสมัยนั้น โจรชุม มีทั้งก๊กเล็ก ก๊กใหญ่ ทำให้มีการปล้นฆ่ากันอยู่บ่อยๆ ทางการก็ยังมาไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงในสมัยนั้น เช่นเดียวกับเขตสุพรรณบุรี ชัยนาท
    พวกโจรหรือชุมเสือต่างๆในสมัยก่อน เวลาจะเข้าปล้นบ้านใคร จะบอกให้เจ้าของบ้านรู้ตัวก่อน ไม่ว่าจะเขียนป้ายปักไว้หรือทำเครื่องหมายด้วยสีไว้ที่ต้นไม้ หรือข้าฝาเรือน เป็นการบอกล่วงหน้าว่าอีกไม่เกิน 7 วันจะเข้าปล้นบ้านนั้น บ้านนี้เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ตระเตรียมข้าวของไว้ให้พอเพียง โจรบางชุมถึงกับบอกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องการข้าวของอะไรบ้าง โจรบางชุมก็มีคุณธรรมไม่คร่าชีวิตของเจ้าทรัพย์ แต่ชุมที่ไม่มีคุณธรรมก็จะข่มขืนและฆ่า โจรที่มีชื่อส่วนใหญ่ที่เคยได้ยินกันมามักมีคุณธรรม จะไม่ข่มเหงเจ้าทรัพย์ หวังแต่ทรัพย์สิน โจรเหล่านั้นมักมีของดีของหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่งที่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ อย่างเช่นเสือฝ้าย เสือมเหศวร ก็ยังนับถือและฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งก็เป็นหนึ่งในดินแดนโจรชุมที่หนึ่งเหมือนกัน โจรเหล่านั้นมักจะมีวิชา และของดีติดตัว และมักจะอยู่ยงคงกระพัน มีวิชากำบัง อำพรางตัวได้ ตำรวจมักจะจับไม่ได้
    ครอบครัวหลวงพ่อก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะดี มีอันจะกิน จึงไม่พ้น ที่จะเป็นบ้านเป้าหมายของบรรดาโจร และก็จริง มีอยู่วันหนึ่งครอบครัวหลวงพ่อก็ได้รับสัญญานโดยเป็นการปักบ้ายจะเข้าปล้น การได้รับสัญญานการเข้าปล้นครั้งนั้น ทำให้ครอบครัวของหลวงพ่อได้รับความทุกข์และหวาดกลัว ก็ได้ตระเตรียมข้าวของไว้ในจำนวนที่คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับโจร และเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ หลังจากตระเตรียมข้าวของไว้รอรับการปล้นของโจรชุมนี้แล้ว ครอบครัวของหลวงพ่อก็ได้แต่รอ ภายในเวลา 7 วัน ของการมาปล้นของโจร และในที่สุด 3-4 วันผ่านไป โจรก็ได้เข้าปล้นบ้านของหลวงพ่อจริงๆ ขณะนั้นหลวงพ่อยังแบเบาะอยู่เลย บิดาและมารดาของหลวงพ่อก็ได้แต่คอยดู โจรได้กวาดทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก แต่เคราะห์หามยามร้าย ด้วยเวรกรรมตามกันมาแต่ชาติปางก่อนเห็นจะใช่ นอกจากทรัพย์สินมีค่าที่โจรได้กวาดไปแล้ว มันเหลือบเห็นเด็กน้อยที่ร้องอุแว้ๆ อยู่ ทันใดนั้นหัวหน้าโจรได้หันกลับมาคว้าตัวแด็กน้อยซึ่งคือหลวงพ่อที่ยังวัยแบ เบาะแล้วก็เผ่นหนีกันไปอย่างรวดเร็ว บิดามารดาของท่านได้รับความทุกข์แสนสาหัสจากการปล้นครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะทรัพย์สิน แต่กลับเป็นลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่มากน้อย มาถูกโจรใจร้ายพรากลูกรักไปจากอก เป็นใครก็ใจสลาย แต่ด้วยบุญญาธิการและตบะเดชะของหลวงพ่อที่คงจะบำเพ็ญเพียรมาหลายชาติกลับ เกิดปาฏิหาริย์ที่ไม่น่าเชื่อ ห่างไปประมาณ 2-3 วัน โจรกลุ่มนั้นได้อุ้มเอาหลวงพ่อมาส่งคืนให้มารดาท่านโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ได้แต่อุ้มมาคืน แต่ที่มหัศจรรย์ไปมากกว่านั้นก็คือ โจรคนที่อุ้มเอาหลวงพ่อมาส่งคืนให้มารดาท่าน ได้วางพระไว้ที่หน้าอกหลวงพ่อไว้องค์หนึ่งซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาเล่าให้ ข้าพเจ้าฟังว่า ต่อมาท่านได้รู้ว่าพระองค์นั้นคือพระของหลวงปู่สุก วัดปากคลองมะขามเฒ่านั่นเอง เรื่องนี้หลวงพ่อได้เมตตาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังราวๆปี พ.ศ.2550 และนี่เป็นแค่ส่วนน้อยในบรรดาเรื่องราวของเจ้าประคุณหลวงพ่อฉาบ ผู้เป็นที่รักและเคารพอย่างมิสงสัยซึ่งจะกล่าวในลำดับต่อไป

    หลังจาก ที่โจรได้อุ้มหลวงพ่อมาคืนพร้อมกับให้พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ครอบครัวก็มีปกติสุขเรื่อยมา หลวงพ่อก็ได้แขวนพระองค์นั้นมาตลอดจนโต เมื่อเติบวัยเข้าเรียน หลวงพ่อได้รับเข้าเรียนรับการศึกษาที่วัดศรีสาครจนจบชั้นประถมศึกษา เมื่อจบประถมแล้ว หลวงพ่อท่านตัดสินใจออกมาช่วยบิดามารดาท่านทำมาหากิน เนื่องจากยังมีน้องๆอีก 6 คน หลวงพ่อท่านได้เสียสละออกมาเพื่อเป็นอีกเรียวแรงในการดูแลครอบครัว หลวงพ่อฉาบเป็นผู้ที่มีนิสัยจริง เป็นคนจริงจังเมื่อทำอะไร เป็นที่รู้กันว่ามีอุปนิสัยตรงไปตรงมา เป็นคนพูดจาโผงผางเสียงดัง ทำอะไรทำจริงตามคำพูด จนได้รับการยกย่องจากเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันว่า ท่านเป็นคนจริง

    เมื่อหลวงพ่ออายุย่างเข้า 14 ปี ได้มีเหตุแห่งกรรมที่จะนำพาท่านไปตามผู้ที่ลิขิตไว้ วัดศรีสาครในขณะนั้นได้มีการจัดพิธีต้อนรับพระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบ และเป็นพระเกจิที่ได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมากในย่านแถบภาคกลาง พระเกจิรูปนั้นก็คือหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ท่านได้รับกิจนิมนต์มาที่วัดศรีสาคร ด้วยเหตุใดมิทราบ แต่เข้าใจว่าหลวงพ่อแช่มท่านมีความสนิทสนมกับท่านเจ้าอาวาสวัดศรีสาครในขณะ นั้น ซึ่งน่าจะเป็นสมัยหลวงพ่อปั้นที่เป็นที่นับถือของชาวบ้านละแวกวัดศรีสาคร และละแวกแถวนั้นเป็นอย่างมาก อาจด้วยเหตุนั้น หลวงพ่อแช่มจึงได้แวะไปมาหาสู่ที่วัดศรีสาครในระยะนั้น

    จะขอกล่าวถึง หลวงพ่อแช่มอีกสักเล็กน้อยว่า หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้ององค์นี้เป็นพระธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ท่านศักด็สิทธิ์มาก พลังจิตสูงมาก เป็นพระที่ดุองค์หนึ่ง และมักทำอะไรแปลกๆ แต่ท่านเป็นพระเกจิที่มีอาคมขลังมากในสมัยนั้น ท่านสามารถย่นระยะท่างได้ เวลาไปไหนมาไหน วัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของชาวจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง เพราะประสบการณ์ทางอยู่ยงคงกระพัน มหาอุดนั้นไม่ต้องสงสัย

    ครั้ง หนึ่งหลวงพ่อแช่ม ได้พาทายก ทายิกาแถบลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีมาทอดกฐินที่วัดศรีสาคร หลวงพ่อฉาบซึ่งในขณะอายุ 14 ปี ได้มีอกาสได้เข้าไปปรนนิบัติหลวงพ่อแช่ม เนื่องจากเป็นศิษย์โรงเรียนวัดศรีสาคร ซี่งอยู่ในบริเวณวัด หลวงพ่อแช่มท่านเห็นเด็กชายฉาบซึ่งเข้ามาปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี ก็เกิดมีเมตตาต่อหลวงพ่อฉาบเป็นอย่างมาก ท่านได้ถามหลวงพ่อฉาบว่า อยากเรียนวิชาอาคมบ้างไหม ถ้าสนใจอยากเรียนจะสอนให้มีวิชาติดตัวไว้บ้าง หลวงพ่อฉาบครั้นได้ยินหลวงพ่อแช่มถามเช่นนั้น ท่านมิได้มีความลังเลใจแม้แต่น้อย ท่านตอบรับทันทีว่า สนใจขอรับ พร้อมกันนั้นหลวงพ่อฉาบได้ก้มลงกราบหลวงพ่อแช่มด้วยความปิติ ที่หลวงพ่อแช่มเมตาท่าน และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแช่มตั้งแต่อายุได้ 14 ปี หลวงพ่อแช่มท่านก็รับท่านเป็นศิษย์ และได้ถ่ายทอดวิชาอาคมพื้นฐานให้ตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่หลวงพ่อฉาบได้เข้าสู่สมเพศต่อมา หลวงพ่อฉาบก็ยังคงเดินทางไปศึกษากับหลวงพ่อแช่มที่นครชัยศรีอยู่เป็นประจำ
    การ อุปสมบท

    หลวงพ่อได้ใช้ชีวิตฆราวาส ประกอบสัมมาอาชีพช่วยเหลือบิดา มารดาของท่านเลี้ยงดูครอบครัว จนกระทั่งอายุเข้าวัยอุปสมบท ท่านซึ่งมีจิตใจฝักใฝ่ในพระศาสนา อยู่ใกล้ชิดกับพระศาสนามาตลอด และได้รับแรงบันดารใจครั้งเมื่อได้ปรนนิบัติหลวงพ่อแช่ม ด้วย ท่านจึงขออนุญาตต่อบิดา มารดาของท่าน เพื่อบวชเรียนเข้าสู่ร่มกาสวพัทธ์ และได้ทำการอุปสมบทที่วัดศรีสาคร เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2461 โดยมีหลวงพ่อทรัพย์ ญิตปญโญ เจ้าอาวาสวัดสังฆราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ (ซึ่งต่อมาหลวงพ่อทรัพย์ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็น พระสิงหวรมุนี ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี) มีพระอาจารย์ประทุม เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีหลวงพ่ออ่ำ เจ้าอาวาสวัดตึกราชาวาสเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “มงฺคโล” หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอุปสมบทแล้ว คำแรกที่หลวงพ่อได้เอ่ยกับโยมพ่อโยมแม่ของท่านหลังจากครองจีวรว่า “เมื่อฉันได้มีโอกาสได้บวชเรียนแล้ว จะขอรับไช้พระพุทธศาสนาไปตลอดชีวิต และหามีบุญวาสนาฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสาครของเราสืบต่อไป” โยมพ่อโยมแม่ของท่านเมื่อได้ฟังก็มิได้ขัดข้องประการใด และไม่ได้ตั้งเวลากำหนดเร่งรัดให้สึกออกมาเป็นกำลังช่วยเลี้ยงหาครอบครัวแต่ อย่างใด แต่ตรงกันข้าม ท่านทั้งสองกลับอนุโมทนาบุญด้วย

    ารศึกษาวิชาและครูบาอาจารย์


    หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง
    หลวงพ่อฉาบ ท่านมีพระอาจารย์องค์แรกคือหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ตามที่กล่าวมาตามประวัติของท่าน หลังจากที่หลวงพ่อเข้าอุปสมบท ท่านก็ยังไปมาหาสู่กับวัดตาก้องจนกระทั่งหลวงพ่อแช่มท่านมรณภาพลง หลังจากนั้นท่านก็ออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ไปถึงพม่า คาดว่าท่านคงพบอาจารย์ที่เมตตาสอนวิชาให้ท่านในขณะออกธุดงค์ด้วย แต่อย่างไรก็ดี ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าท่านได้ไปเรียนวิชาจากอาจารย์ท่านใดอีก เพราะหลวงพ่อท่านไม่เคยเล่าให้ใครฟังมากมายนักเกียวกับพระอาจารย์ของท่าน

    หลวง พ่อสด วัดปากน้ำ
    มีเรื่องเล่าจากยพยานบุคคลว่าท่านได้ธรรมกายจากหลวงพ่อ สดมาด้วย เข้าใจว่าหลวงพ่อท่านก็เป็นศิษย์สายธรรมกายด้วย โยมอุปฐากย์ท่านคนหนึ่งที่ดูแลรับใช้หลวงพ่อมาตลอดไนช่วงหลัง มาถูกุฏิและล้างห้องน้ำให้หลวงพ่อทุกๆวันตอนเช้ามืด ได้เล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อได้ไปศึกษาวิชาธรรมกายจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำด้วย ยังมีรูปถ่ายศิษย์สายธรรมกายซึ่งมีรูปหลวงพ่ออยู่ในนั้นด้วย เสียดายไม่มีรูปถ่ายนั้นมาเป็นหลักฐานยืนยัน แต่คิดว่าน่าจะใช่ เพราะหลวงพ่อเองก็เคยให้ตำราธรรมกายกับพี่ท่านนั้นซึ่งได้ศึกษาวิชาธรรมกาย มาตลอด15 ปี และในที่สุดก็ได้ธรรมกาย ติดขัดตรงไหนก็เรียนปรึกษาหลวงพ่อ และท่านก็แก็ไขให้ได้จนสำเร็จธรรมกาย ผมเคยเอาพระเครื่องต่างๆมาให้พี่ท่านนั้นจับพลัง พี่ท่านนั้นก็จับได้จริงๆ บอกได้เลยว่าหลวงพ่อองค์นี้องค์นั้นขึ้นมาเต็มองค์หรือไม่ และเด่นทางด้านไหน คงกระพัน หรือเมตตามหานิยม

    เรื่องสำเร็จวิชาธรรม กายนี้ พี่ที่คอยรับใช้หลวงพ่อท่านนั้นได้ยืนยัน และเล่าให้ผมฟังว่า มีพระเครื่องรุ่นมงคลนวการ79 เมื่อครั้งฉลองอายุท่านครบ 79 ปีนั้น มีศิษย์สายวัดพิกุล ที่หลังจากหลวงพ่อแพท่านได้มรณภาพลง ก็หันมากราบและเคารพนับถือหลวงพ่อฉาบ และขอจัดสร้างพระเครื่องชุดนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการหาเงินช่วยวัดศรี สาคร จัดสร้างกำแพงรอบวัดและ กุฏิพระใหม่ทั้งหมด 13 หลัง ครั้งเมื่อหลวงพ่อแพยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ติดต่อกันกับหลวงพ่อฉาบอยู่เสมอๆ ตามเรื่องที่ได้รับฟังมามากมาย ท่านสามารถติดต่อกันท่างสมาธิจิต ครั้งหนึ่ง มีพระเครื่องบางรุ่นที่ศิษย์สายหลวงพ่อแพนำมาให้หลวงพ่ออธิษฐานจิตเพิ่ม หลวงพ่อฉาบบางครั้งก็ทำให้ บางครั้งก็ไม่ทำให้ ที่ทำให้ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อแพท่านอนุญาตแล้ว กลับมาที่พระเครื่องรุ่นมงคลนวการ 79 คุณบู้บอกผมว่าพระชุดนี้พิเศษกว่าชุดอื่นเพราะหลวงพ่อบรรจะธรรมกายลงไป โดยทั่วไปคุณบู้ถ้าได้จับพลังก็จะรู้เลยว่าเป็นพระของหลวงพ่อหรือเปล่า คุณบู้เคยเล่าให้ผมฟังพระเครือ่งของหลวงพ่อจะมีเอกลักษณ์ของพลังไม่เหมือน ใคร พระของหลวงพ่อจะขึ้นเต็มองค์ตลอด ไม่ใช่ขึ้นมาครึ่งองค์หรือมาแต่หน้าท่าน พระเกจิที่สามารถเสกพระได้เต็มองค์นั้นต้องมีพลังจิตที่สูงมากเท่านั้นถึงทำ ได้ นั่นคือพระอภิญญษ หรือโสดาบันขึ้นไป
    เรื่องพลังจิตอันสูงของหลวงพ่อ นั้นจะกล่าวต่อไปในภาคปาฏิหาริย์

    พระอาจารย์ทางกาญจนบุรี

    ผม ไปกราบหลวงพ่อฉาบเกือบทุกอาทิตย์ และวันที่ผมว่างมีเวลา เมื่อไปกราบท่าน ท่านก็จะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ผมเคยได้ยินจากปากท่านว่า ท่านเคยไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ท่านที่กาญจนบุร๊ ไปๆมาๆอยู่หลายปี แต่หลวงพ่อไม่เคยบอกว่าเป็นพระอาจารย์ท่านใด ผมเห็นรูปพระเกจิองค์หนึ่งซึ่งหลวงพ่อแขวนไว้บนหัวนอนท่าน และท่านจะบูชาอาจารย์ด้วยพวงมาลัย เพราะเห็นพวงมาลัยอยู่เสมอๆ คาดว่าอาจารย์องค์นี้ อาจแป็นอาจารย์องค์สุดท้ายของท่าน

    นอกจาก อาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานและครูบาอาจารย์ทางคาถาอาคมต่างๆ หลวงพ่อท่านก็เป็นเรื่องยาสมุนไพรด้วย เพราะที่วัดมีน้ำมันเสกรักษาโรคด่างๆที่หลวงพ่อทำขึ้นเอง นอกจากนี้หลวงพ่อยังเคยเมตตาบอกสูตรยารักษาโรคมะเร็งให้กับศิษย์คนหนึ่งด้วย
    และ นั่นเป็นการยืนยันว่า หลวงพ่อท่านได้เรียนวิชาสมุนไพรโบราณมาจากอาจารย์ที่ไม่ทราบนามท่าน

    วัตรปฏิบัติ ของหลวงพ่อ

    หลังจากที่หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปที่ต่างๆมากมาย แต่ตอนนั้นท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสาครแล้ว บางปีหลวงพ่อจะออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ บางทีออกธุดงค์นานถึง 2-3 พรรษา ก็จะกลับมาที่วัด ท่านได้ฝากให้พระลูกวัดดูแลวัดแทนท่าน จนมาระยะเมื่อ 30 ปีก่อน ตอนนั้นท่านอายุเข้า 50 ปลายๆท่านก็อยู่ประจำวัด ท่านก็ได้บำรุงศาสนสถานของวัดท่านเท่าที่จะสามารถทำได้ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดมากในศีลจรรยาวัตรปฏิบัติ พระลูกวัดก็ต้องอยู่ในกฎ และตั้งใจปฏิบัติตามท่านอย่างเคร่งครัด หลวงพ่อท่านดุมากครับตามที่ได้ยินมา สมัยก่อนนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่ง ชาวบ้านเรียกท่านว่าหลวงพ่อเสือ พระลูกวัดที่ทำไม่ดีทำตัวเหลวไหล เป็นอันต้องเจอดีแน่ หลวงพ่อท่านเป็นพระดุและจริงจัง เสียงดังฟังชัด ดังนั้นพระลูกวัด และชาวบ้านละแวกนั้นจะให้ความเคารพยำเกรงท่านมาก ไม่กล้าทำอะไรไม่ดี เพราะท่านเป็นพระจริง ไม่มีใครกล้าโกหกท่านตอนที่อยู่ต่อหน้าท่าน ที่จริงแล้วต้องพูดว่าไม่มีใครโกหกท่านได้ ท่านรู้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาหาท่าน ท่านก็รู้แล้วว่าบุคคลนั้นประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม หรือเป้นคนเลว หรือไปช่อโกงเอารัดเอาเปรียบใคร หรือแม้กระทั่งใครมาการาบท่านแต่โดนของมา เรื่องต่างๆเหล่านี้หากเป็นศิษย์ใกล้ชิดมากราบท่านบ่อยๆ ท่านจะเล่าให้ฟังเสมอว่า เมื่อสักครู่มีคนโดนของมานั่งกราบท่าน ใครเป็นอะไรมา คนๆนั้นเป็นคนอย่างไร

    เรื่องที่หลวงพ่อเป็นพระที่ดุ มากนั้นถ้าทำอะไรที่ไม่ดีมา เป็นเรื่องจริงครับ ลูกศิษย์ท่านและชาวบ้านละแวกอำเภอปากบาง และจังหวัดสิงห์บุรีจะเคารพนอบน้อมท่านมาก ท่านเป็นพระที่ตบะเดชะสูงจริงๆครับ เอาเป็นว่าไม่มีใครกล้าลองดีกับหลวงพ่อสักคน เท่าที่ผมสัมผัสมา ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเคยเล่าให้ผมฟังว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเป้นเศรษฐีนี เข้ามากราบหลวงพ่อที่กุฏิ หลวงพ่อโดยญานรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดี ชอบเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านมาก และเข้ามาก็พูดจาไม่ดี แต่วันนั้นนำเงินสดไม่ได้ใส่ซอง เข้ามาถวายหลวงพ่อ แกพูดอะไรไม่เข้าหูหลวงพ่อ เท่านั้นแหละหลวงพ่อท่านไล่ให้กลับไป แล้วโยนเงินกลับคืนไปให้ แล้วพูดว่าเอาเงินคืนไป ฉันไม่อยากได้หรอก เงินสกปรก ผู้หญิงคนนั้นต้องรีบเผ่นออกจากกุฏิท่านแทบไม่ทัน

    หลังจาก ที่หลวงงดออกธุดงค์แล้ว หลวงพ่อก็ประจำอยู่ที่วัด ทำนุบำรุงวัดศรีสาครเรื่อยมา หลวงพ่อเกิดอาพาธเป็นโรคทางไสยศาสตร์ ซึ่งทำให้หลวงพ่อเจ็บปวดทุกอณูของร่างกายแต่ท่านก็ยังปฏิบัติของท่านไม่เคย หยุด ผมไม่แน่ใจว่าพอหลวงพ่อท่านอยู่ประจำที่วัดแล้ว ท่านได้ปวรณาตัวไม่ลงจากกุฏิของท่านตลอดชีวิตหรือเปล่า แต่หลวงพ่อท่านไม่ลงจากกุฏิของท่านเลย นอกจากจะไปรักษาตัว ซึ่งในปีพ.ศ. 2549 ตั้งแต่ผมได้มากราบและรู้จักท่าน ท่านไม่ไปรักษาที่ไหนอีกแล้ว ท่านฉัน จำวัด และต้อนรับญาติโยมบนกุฏิของท่าน เท้าไม่แตะพื้นมานานนันสิบๆปี จนกระทั่งมีอยู่แค่วันเดียว ที่เป็นวันบวงสรวงเพื่อก่อสร้างกำแพงรอบวัด และกุฏิ 13 หลัง ท่านลงมาจากกุฏิเพื่อเข้าร่วมพิธี ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากที่เห็นหลวงพ่อลงจากกุฏิ หลังจากเท้าท่านไม่แตะพื้นดินมาเป็นระยะเวลาไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ปีเห็นจะได้ จากปากคำบอกเล่าของกรรมการวัด

    เป็นเรื่องแปลกมากที่หลวงพ่อท่านไม่ ลงมาเหยียบพื้นดินเลยเป็นเวลาสิบๆปี ท่านไม่ดูทีวี ไม่ดูหนังสือพิมพ์ แต่ท่านรู้ทุกอย่าง พูดได้อย่างไม่ติดขัดเกี่ยวกับความเป็นไปของบ้านเมือง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจังหวัดสิงห์บุรีและละแวกใกล้เคียง ท่านสามารถวิเคราะห็ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรถูกอะไรไม่ถูก น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม ท่านทราบทั้งเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต เพียงแต่ท่านจะพูดหรือเมตตาเล่าให้ฟังหรือไม่ สำหรับผม ไปกราบหลวงพ่ออยู่บ่อยๆ ก็สามารถลอกได้เลยว่าหลวงพ่อท่านหยั่งรู้ในทุกๆเรื่อง เพราะท่านเมตตาพูดและเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง บางอาทิตย์ผมแทบจะไม่ได้พูดเลย หลวงพ่อท่านเล่าองค์เดียวเลย

    ส่วน วัตรปฏิบัติของท่าน ท่านจะลุกขึ้นมาประมาณตีสอง หรือตีสามทุกเช้า หลังจากนั้นท่านก็นั่งสมาธิสวดมนต์ของท่านจนรุ่งเช้า คุณบู้ก็จะมากวาดถูกุฏิ และล้างห้องน้ำ ให้ท่าน หลังจากนั้นท่านก็ออกมารับแขกญาติโยมที่มีเรื่องเดือดร้อนหรือมากราบ

    กุฏิ หลวงพ่อ

    เมื่อต้อนรับและโปรดญาติโยมและบรรดาศิษย์จนถึงเวลา 10.30 เช้า หลวงพ่อก็จะฉัน หลวงพ่อท่านฉันมื้อเดียว หลวงพ่อไม่ฉันสัตว์ใหญ่ และไม่ฉันอะไรที่ทำจากเลือดสัตว์ หลวงพ่อจะฉันปลาเป็นส่วนใหญ่ ท่านถือวัตรฉันมื้อเดียวมาตลอด ท่านจะฉันแระมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันไปก็จะสั่งสอนศิษย์ที่รับใช้ท่านไป เมื่อฉันเสร็จ หลวงพ่อก็จะสวดให้พรแก่ญาติโยมทที่นำอาหารคาวหวานมา และแผ่เมตตาให้ศิษย์ทุกๆคน เวลาหลวงพ่อสวด หลวงพ่อจะสวดชัดถ้อยชัดคำ เหมือนมีพลังอัดลงไปในคำสวดของท่านทุกคำของภาษาบาลี ท่านจะว่าช้าๆและชัดทุกคำ เมื่อใครได้ยินได้ฟังก็จะรู้สึกได้ครับว่า ท่านตั้งใจมาก และบุญกุศลก็ได้รับจากท่านเต็มที่เหมือนกัน นั่นคือความรู้สึกที่ได้รับ เมื่อท่านสัพพีตีโยฯ

    หลังจากฉันเสร็จ วัตรปฏิบัติของท่านก็เรียบง่าย ถ้าท่านรู้สึกแข็งแรงดี และมีญาติโยมเดือดร้อนมาหา ท่านก็จะสงเคาระห์อีกสักพัก แต่ถ้าไม่มี เป็นที่รู้กัน ว่าหลังเที่ยงกุฏิของท่านจะปิดลงทันที ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ปรนนิบัติท่านก็จะปิดกุฏิ และให้หลวงพ่อได้อยู่องค์เดียว เวลาหลังจากนั้นจนรุ่งเช้าของวันใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าหลวงพ่อทำอะไรบ้าง แต่ท่านจะอยู่องค์เดียว เข้าใจว่าท่านคงนั่งสมาธิสวดมนต์ และปลุกเสกของที่มีศิษย์สร้างถวายมาให้ ทุกอย่างดูเงียบสงัด จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มใหม่เหมือนเดิมในเช้าวันถัดไป

    พูดถึงเรื่อง การปิดกุฏิของหลวงพ่อ บางครั้งท่านจะบอกให้ลูกศิษย์รีบปิดทันที ท่านบอกกำลังมีคนมา ท่านอาจไม่อยากพบ แต่บางครั้งท่านก็รอพบคนที่กำลังมา โดยบอกให้ศิษย์รอ อย่าเพิ่งปิด ท่านรู้โดยฌานของท่าน เรื่องนี้เป็นี่รู้กันโดยชัดแจ้งและกลายเป็นเรื่องธรรมดาของศิษย์ที่รับใช้ ใกล้ชิดท่าน และเมื่อประตูกุฏิปิดลง ต่อให้เป็นใครใหญ่มาจากไหน ท่านก็ไม่รับแขก หลวงพ่อปฏิบัติกับศิษย์ของท่านเท่าเทียมกัน ไม่ต้องมีกรรมการวัดมาคอยกัน หรือต้องมาบอกว่าหลวงพ่ออนุญาติ หลวงพ่อองค์เดียวเท่านั้น ทุกๆคนเหมือนกันหมด เว้นเสียแต่ว่าศิษย์คนไหนมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆ ท่านก็จะเมตตาสงเคราะห์ให้ เรื่องการปิดกุฏิและหลวงพ่อทำอะไรหลังจากเทียงวันจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง แต่ท่านทำของท่านอย่างนี้มาเป็นสิบๆปี โดยไม่เคยลงจากกุฏิตามที่กล่าวมาข้างต้น


    เรื่องที่หลวงพ่อท่าน ไม่เคยออกไปไหนและไม่ลงจากกฏินั้น ปรากฏเรื่องราวปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆ จนเป็นที่พูดถึงกัน ปากต่อปาก เรื่องก็มีอยู่ว่า หลวงพ่อท่านปรากฏไปบิณฑบาตตามที่ต่างๆเสมอ มีพยานยืนยันว่าหลวงพ่อท่านไปบิณฑบาตที่นครสวรรค์ สุพรรณบุรี หรือไกลถึงเชียงใหม่ก็มี เรื่องราวนี้ปรากฏแก่ศิษย์ใกล้ชิด เพราะคนที่ตักบาตรหลวงพ่อได้ถามว่าหลวงพ่ออยู่วัดไหน หลวงพ่อท่านก็บอกว่าอยู่วัดศรีสาคร อำเภอปากบาง จังหวัดสิงห์บุรี โยมที่ตักบาตรหลวงพ่อท่านก็ตามมาหา แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่าได้เคยตักบาตรหลวงพ่อที่นครสวรรค์ แล้วหลวงพ่อบอกว่าอยู่ที่วัดนี้ ก็ตามมากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อได้แต่ยิ้มๆ ไม่เคยพูดอะไร แล้วก็สนทนากันตามอัทยาศรัย ลูกศิษย์ใกล้ชิดรู้เรื่องโดยตลอดเพราะเวลาหลวงพ่อท่านรับแขก ศิษย์รับใช้ใกล้ชิดก็จะคอยดูว่าท่านต้องการอะไรหรือไม่ หรือไม่ก็กำลังเตรียมสำรับภัตราหารไว้ให้หลวงพ่อฉันตอน 10.30 น เรื่องการบิณฑบาตรต่างจังหวัดหลวงพ่อนี้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะหลวงพ่อท่านไม่เคยลงจากกุฏิเลย และหลวงพ่อท่านอยู่รับแขกทุกวันตอนเช้า ศิษย์ใกล้ชิดก็เจอท่านอยู่ที่กุฏิทุกวัน ไม่รู้ทันไปได้อย่างไรและตอนไหน เวลาเปิดกุฏิท่านคือประมาณ 5.30น แต่หลวงพ่ออาจยังไม่ออกมา แล้วแต่ ท่านอาจนั่งสมาธิถอดร่างไปบิณฑบาตตามที่ต่างๆเพื่อโปรดญาติโยมตามหน้าที่ เรื่องนี้ไม่ใช่ได้ยิน หรือมีคนที่ตักบาตรหลวงพ่อตามมากราบท่านเพียงคนเดียวหรือจังหวัดเดียว ปรากฏว่ามีมาหลายจังหวัดดังกล่าวข้างต้น

    สมัยก่อนมีศิษย์ใกล้ขิดท่าน คนหนึ่งจะคอยนอนเผ้าท่านที่กุฏิ แต่นั่นนานมากแล้ว ตกกลางคึกเงียบสงัด ศิษย์ใกล้ชิดคนนั้นได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ภายในกุฏิท่าน ซึ่งจริงๆแล้วอยู่ที่เดียวงกันกับหลวงพ่อ แต่อยู่คนละฟาก ตรงกลางจะเป็นที่ตั้งพระพุทธรูปที่ใหญ่มาก ศิษย์คนนั้นเล่าให้ผมฟังว่า เสียงดังเหมือนมีระเบิดลงกลางกุฏิ เสียงกระจกสั่นไหวเหมือนแผ่นดินไหว หลังจากสิ้นเสียงดังและเสียงสั่น ก็มีเสียงหลวงพ่อตามมาว่า เสียงมันดังจังเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก ฉันลองคาถาหัวใจเปรตเท่านั้น ไม่มีอะไร ทำเอาลูกศิษย์คนนั้นงงและอึ้งไปกันใหญ่เลย

    นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง ที่เล่าถึงปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ อยากจะเล่าเสริมให้เพราะเกี่ยวข้องกับวัตรปฏิบัติท่านซึ่งส่วนใหญ่เรื่อง ราวจะอยู่บนกุฏิของหลวงพ่อ เพราะท่านไม่เคยลงจากกุฏิเป็นสิบๆปีมาแล้ว และอย่างน้อยก็เกือบ 3 ปีมาแล้วที่ผมได้มาพบและมากราบฝากตัวเป็นศิษย์ท่านที่ไม่เคยเห็นท่านลงจาก กุฏิเลย ยกเว้นวันเดียวที่หลวงพ่อลงมาทำพิธีบวงสรวง การสร้างกำแพงและกุฏิใหม่ แค่ครั้งเดียวจริงๆที่ผมเห็นและรู้ว่าท่านลงมา ตอนที่ท่านลงมานั้น ท่านเดินไปที่ใดดูสง่าราศีเป็นอย่างมาก ท่านเป็นพระร่างสูงใหญ่มาก มือเท้าท่านใหญ่มาก เดินผ่านที่ไหนญาติโยมจะนั่งลงยองๆยกมือขึ้นไหว้ท่านตลอดสองฟากทาง อาจเป็นเพราะไม่คยเห็นหลวงพ่อลงมาเดินแบบนี้เลยและแน่นอนพวกเขาเคารพรักหลวง พ่อมากเหมือนกับผมนี่หล่ะครับ




    รวบรวมและเรียบเรียงโดย กบ กรุงเทพฯ ลูกขออนุญาติเผยแพร่บารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยนะขอรับ

    ที่มา
    www.sittloungpormhui.com
     
  14. น.จุลรัตน์

    น.จุลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +761
    กราบหลวงปู่ทรง
    และ
    อรุณสวัสดิ์ชาวเหรียญบินทุกท่านครับ

    ท้องฟ้าเช้านี้แปลกจัง ไม่เคยเห็น
     
  15. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    กราบๆๆหลวงพ่อทรงครับ สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน

    อ่ะเดี๋ยวนี้น้าแว่นไม่ค่อยมาเที่ยวบ้านเหรียญบินเลยครับ
     
  16. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,093
    ขอบคุณครับ...:cool:
     
  17. นายGEET

    นายGEET เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +4,153
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ท้องฟ้าเป็นไงเหรอครับ น่าจะถ่ายรูปมาให้ดูกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2010
  19. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทรงครับ

    สวัสดีตอนเช้าครับ
     
  20. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,602
    ค่าพลัง:
    +8,010
    สวัสดีตอนสายๆครับ
    วันนี้หยุดเหมือนกัน อีก 1 วัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...