ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

มนุษย์ในยุคนี้โดยส่วนใหญ่จะไปอบายภูมิสี่กันทั้งนั้น !!!
โดยคุณ คนไกล


​

สำหรับพระไชยเชษฐาธิราชนั้น ตามตำนานเล่าว่า มีฤทธิ์พิเศษ ตายไม่มีกองฟอน ตอนตายขี่ม้าจากฝั่งลาว มาล้มลงที่เมืองรามลักษณ์(ปัจจุบันเป็นวัดอยู่ในฝั่งไทย) ร่างกายกลายเป็นพระพุทธรูปสามสี มีน้ำไหลออกฝ่าเท้า ตอนกลางวันน้ำเป็นสีอรุณ ตอนกลางคืนน้ำเป็นสีเงิน เทวดาสวยสรงอยู่ที่เมืองรามลักษ์ ใครมี "ตาดี" ก็ต้องดูกันเอาเอง ว่าของดีอยู่ที่ไหน

ในสมัยที่เป็นพระเจ้าสังขรจักร ท่านเป็นเจ้าจักรพรรดิ์ มีจักรแก้วสามารถไปรอบโลกได้ภายในหนึ่งนาที (ตอนนั้นครองเมืองอยู่ที่ประเทศเขมรปัจจุบัน) รับพุทธทำนายจากพระพุทธเจ้าชื่อว่า พระพุทธเจ้าภควัมปติ นับย้อนหลังไปจากพระพุทธเจ้าสมณโคดมไป 100 พระองค์

มาในยุคนี้มาเป็นพระ "มาแล้ว ไปแล้ว" จะมาอีกทีก็อีกเกือบสิบปีโน่น จะมาร่างใหม่ไฉไลกว่าเดิม พระสงฆ์หลายรูปในปัจจุบัน ท่านรู้ว่าพระศรีฯ เคยมาทำบารมีที่ไหน อย่างไรในยุคนี้ แต่คงไม่มีใครกล้าบอก เพราะเป็นเขตบารมีเฉพาะแบบเท่านั้น ใครมีบุญญาวาสนาก็ได้มาร่วมบุญกับท่าน ใครไม่ได้ทำกับท่านมาก็ต้องหา ร่มโพธิ์ของตัวเองให้เจอ

พระที่มีบารมีประเภทที่ลงไปนรก ไฟนรกก็ดับ ยุคนี้คงหาเจอได้ยากสักหน่อย หรือใครเคยพบเจอก็ช่วยบอกด้วย เราเจอมาแล้ว หนึ่ง กำลังหา รูปที่สอง และที่สาม เพื่อสร้างความสมบูรณ์ในการทำบารมี

คนทั่วไปอาจเห็นว่า เราถ้าจะเพี้ยน แต่ให้รอดูไปเถิด อีกเพียงไม่กี่ปี ไม่นานเกินรอ ของจริงหรือของปลอมก็จะได้เห็นกันถ้วนหน้า ใครดีได้อยู่ ใครไม่ดีจริงก็ต้องตาย เหลือไว้แต่สามร่มโพธิ์ ที่จะต้องยกยอศาสนากันต่อไป จวบจนครบถึง 5,000 ปี

เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเที่ยวตามหาแล้วล่ะ ให้ปฏิบัติเข้าสู่ข้างใน ไปสู่ชั้นละเอียดเข้าไปเรื่อยๆนั่นแหละ จึงจะได้พบท่านเหล่านั้น เวลานี้องค์สำคัญๆ ท่านอยู่ข้างใน "สังฆราชใน" ก็อยู่ที่นั่นแหละ พระเกจิหลายๆรูป ก็กำลังจะละสังขารไปช่วยงานข้างในกันมากขึ้น และก็ยังมีอีกหลายรูปที่ทำหน้าที่อยู่ ณ ที่ต่างๆ ตามป่า ตามเขา เป็นต้น

วันก่อนก็ไปเจอรูปหนึ่ง อยู่หลังเขาที่สุโขทัย ท่านบอกว่าท่านรับบัญชาพระศิวะ ให้มาทำหน้าที่ ณ ตำแหน่งนั้น ถามไปถามมา ท่านบอกว่าท่านเป็นลูกศิษย์อาจารย์เรา ท่านปฏิบัติจนตาบอดทั้งสองข้าง อาจารย์รักษาให้ ท่านจึงได้มองเห็นอีกครั้ง ท่านบอกว่าตาใหม่ท่านใสเป็นแก้วเลย มองเห็นหมดแม้กระทั่งคุณธรรมของโยมที่มากัน ท่านกระซิบบอกเราว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านว่าบางเรื่องเป็นเรื่องของบารมีเฉพาะ จะไปดูไปรู้ของผู้อื่นบางอย่างได้ บางอย่างก็ดูไม่ได้

ท่านบอกว่าเมื่อหลายปีก่อนที่ท่านกำลังตาบอด หลวงปู่เพ็งหรือบุญเพ็ง ลูกศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย นี่แหละ พาท่านไปกราบอาจารย์เรา ท่านบอกว่า อาจารย์ให้พระต่างๆ ไปปักกรดอยู่หลังวัด แล้วอาจารย์บอกเทวดาว่า ถ้าพระรูปไหนไม่ได้เป็นลูกหลานท่านก็ให้เทวดาถอนกลดโยนทิ้งตอนดึก ปรากฏว่าพระหลายรูปโดนถอนกลดโยนทิ้งตอนกลางคืน แต่สำหรับหลวงปู่ที่อยู่สุโขทัย ท่านบอกว่าท่านนั่งสมาธิสบายทั้งคืน ท่านว่าอาจารย์ เรียกท่านว่า ลูกเณร ท่านว่าคงเรียกตามบารมีมั้ง รูปนี้ท่านได้ธรรมที่ผาสายรุ้ง ที่เขาหลวงสุโขทัย เราเองยังได้รับเมตตาจากท่าน คือ ท่านแสดงให้เห็นรุ้งกินน้ำรอบๆวัด หลายครั้งในวันนั้น และเราก็ได้พักค้างคืนอยู่ช่วยท่านแผ่บุญบารมีที่ได้กระทำมาสงเคราะห์ระบบภพภูมิคืนหนึ่งที่วัดท่าน ตรงตำแหน่งที่ท่านอยู่เป็นรอยต่อแดนระหว่างเขตยักษ์โขมด บังบด และเทวดา ภูมิเจ้าที่เขตวัดท่านเป็นนาคตัวใหญ่มาก

และอีกรูปหนึ่งเราก็มาเจอที่กรุงเทพฯเมื่ออาทิตย์ก่อน ท่านมาเยี่ยมหลวงปู่คำพันธ์ที่อาพาตอยู่ จึงได้สนทนากันกับท่านสองครั้ง รูปนี้รู้อะไรดีๆเหมือนกัน อดีตท่านเป็นลูกพญานาคมาเกิด ชาตินี้ท่านเลยได้สิทธิ์ลงไปเมืองพญานาคทั้งตัว ท่านเล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ท่านลงไปไหว้ พระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่เมืองบาดาล ท่านว่าพระธาตุเขี้ยวแก้วเป็นสีขาวใสคล้ายแก้ว ไม่เหมือนกับที่เขาเอามาโชว์ที่พุทธมลฑล ท่านว่าให้คิดเป็นพุทธานุสติไปก็แล้วกัน ที่วัดท่านมีช้างพระโพธิสัตว์มาอยู่ด้วยเชือกหนึ่ง ท่านบอกอีกว่าท่านมากรุงเทพฯคราวนี้ พอแผ่เมตตาไปแล้วน้ำตาท่านไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ท่านว่าเขาคงเริ่มล้างมนุษย์แล้วนะ

รูปนี้ท่านเคยไปคารวะอาจารย์เรา และท่านได้เก็บลูกแก้ว จากวัดอาจารย์ไป หนึ่งลูก ขนาดลูกแก้วธรรมดา แต่โตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้โตขนาดเท่ากำปั้น ท่านเอาลูกแก้วแช่น้ำไว้ที่วัดท่าน ท่านว่าลูกแก้วออกแสงเจ็ดสี เราเข้าใจว่าคงจะเป็นแก้วมณีกาพ ท่านว่าถ้าว่างให้เราไปดูตรงม้าที่วัดอาจารย์ ลูกแก้วยังมีอยู่อีก

ก็เป็นอันว่า "ทุกคนที่เกิดมานั้น มีหน้าที่ของตัวเอง" แต่จะรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่ หาก "รู้ตัวเอง" ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ หาก "ไม่รู้ตัวเอง" และไม่ต้องการไปอบายภูมิ ก็ต้อง "ใช้กรรม ทำบารมี" ไปเรื่อยๆ คำสอนในศาสนานั้นมีอยู่แล้ว ใครจะทำได้ ทำถึงหรือไม่ได้ ทำไม่ถึงมากน้อยขนาดใหน ก็เป็นวาสนาบารมีของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆ ก็คือมนุษย์ในยุคนี้โดยส่วนใหญ่จะไปอบายภูมิสี่ กันทั้งนั้น

จะว่าเพี้ยนหรือไม่เพี้ยนก็ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับเรา ก็ได้แต่เมตตา สงสารสรรพสัตว์อีกมากมายที่ สายตายังมืดบอดและต้องไปเสวยชาติในอบายภูมิ ในที่สุด

จากคุณ : คนไกล [ 2 มี.ค. 2546 / 18:52:16 น. ]

ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008133.htm

 

กรมอุตุฯ เตือนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง​

​

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนระมัดระวังอันตราย จากมีลมกระโชกแรง และอาจมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้...

พยากรณ์อากาศประจำวัน

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ในระยะนี้ไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 40-42 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 40-41 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี และตราด ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/region/81981

 

อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่นฝนตก อากาศเย็นดี ชอบมากๆ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คาดราคาทองคำจะพุ่งอีกใน 1-2 สัปดาห์นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรุงเทพฯ 9 พ.ค.- นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท แม่ทองสุก เอ็มทีเอสโกลด์ และกรรมการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า

ราคาทองคำตลาดสหรัฐที่ปิดไปเมื่อวันศุกร์ (7 พ.ค. ) ปิดตลาดที่ 1,210 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 13.10 ดอลลาร์ นับเป็นการปรับสูงเกินแนวทดสอบที่สำคัญที่ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 1-2 สัปดาห์นี้ โดยอาจจะไปแตะระดับที่เคยสูงสุด เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2552 ที่ 1,226 ดอลลาร์/ออนซ์ ขึ้นอยู่กับว่า นักลงทุนจะเลิกตื่นตระหนกกับปัญหาการเงินของกรีซ หรือไม่ เพราะในขณะนี้ต้องยอมรับว่านักลงทุนทั้งกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) นักลงทุนอื่นๆ กลัวปัญหากรีซจะลุกลามไปในยุโรป และอาจจะทั่วโลก ทำให้มีการเทขายเงินอียู เทขายหุ้น, น้ำมัน แล้วไปถือครองการลงทุนที่เสี่ยงน้อยกว่า เช่น ทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินสกุลเยน

นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ ราคาทองคำในไทยขยับตามเช่นกัน โดยราคาทองคำแท่งปรับขึ้นไปอยู่ที่บาทละ 18,200-18,300 บาท

และมีโอกาสจะปรับไปถึงแนวต้านที่สำคัญที่ 18,600 บาท ได้ในระยะสั้น โดยราคาทองคำของไทยที่จะไม่สูงเท่ากับราคาสูงสุด เมื่อเดือนธันวาคม 2552 ที่ 19,300 บาท แม้ราคาต่างประเทศอาจปรับสูงขึ้นอีก ก็เนื่องจากว่าเงินบาทของไทยแข็งค่า โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐประมาณ 1.20 บาท ล่าสุดอยู่ที่ 32.25 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำได้รับลดลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 17,000 บาท อย่างไรก็ตาม คาดว่า ราคาทองคำตลาดโลกจะสร้างนิวไฮ หรือราคาสูงสุดไปถึง 13,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในไตรมาสที่ 4 และราคาในไทยจะอยู่ที่ประมาณ 19,000 -20,000 บาท เพราะช่วงนั้นจะเป็นช่วงไฮซีซันที่คนในเอเชียนิยมซื้อทองคำเป็นของขวัญช่วงปีใหม่

“คนที่ซื้อทองเก็งกำไร ช่วงนี้หากเงินเย็นก็เก็บไว้ก่อนอย่าเพิ่งขาย แต่หากซื้อไว้เยอะก็ตัดขายทำกำไร และรอจังหวะเข้า-ออก ซื้อเก็บอีกครั้ง เพื่อรอราคาช่วงสิ้นปี” นพ.กฤชรัตน์ กล่าว

นพ.กฤชรัตน์ กล่าวอีกว่า ภาวะราคาทองคำขาขึ้นเช่นนี้ ร้านทองขนาดกลาง-ใหญ่ จะไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีศักยภาพในการค้าขายทองคำแท่ง

แต่ร้านค้าขนาดเล็กคงขายทองคำรูปพรรณได้ลำบาก ก็ต้องปรับตัวสร้างรายรับจากการจำนำทองคำเป็นหลัก และต้องยอมรับว่าช่วงราคาทองคำขาขึ้น การป้องกันโจรกรรมก็ต้องปรับเพิ่มการดูแลเป็นเงาตามตัว นอกจากจะติดตั้งทีวีวงจรปิดแล้ว การทำราวแสตนเลส การทำประตูอัตโนมัติ ก็เป็นเรื่องจำเป็น และต้องประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อร่วมกันดูแลให้เข้มงวดขึ้น - สำนักข่าวไทย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เมียอุ้มลูกตามหาผัวไม่เจอ เครียดนอนให้รถไฟทับ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สาวใหญ่อุ้มลูกสาวจากสุรินทร์ ไปตามหาผัวมาเลย์ หลายวันไม่เจอ เงินหมดเลยเครียด ฝากลูกไว้กับร้านคอมฯ ตัวเองไปนอนบนรางรถไฟใกล้สถานีสุไหงโก-ลก หวังฆ่าตัวตาย...


9 พ.ค. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิธารน้ำใจ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปตรวจสอบบริเวณรางรถไฟ

ช่วงตัดผ่านสวนสาธารณะเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ห่างจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประมาณ 200 เมตร หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีหญิงไทยไม่ทราบชื่อนอนหมดสติพาดอยู่กับรางรถไฟ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบหญิงไทยสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีดำ สภาพอิดโรย ตัวมอมแมม นอนพาดกับรางรถไฟ สภาพคล้ายต้องการฆ่าตัวตาย ตรวจสอบยังมีชีวิตอยู่ จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่งรพ.สุไหงโก-ลก

ต่อมาทราบชื่อหญิงคนดังกล่าวคือ นางสมฤดี นามมนต์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 ม.1 ต.หนองหลวง อ.โนนนาราย จ.สุรินทร์

เบื้องต้นพูดจาไม่รู้เรื่องคล้ายสติไม่สมประกอบ ในตัวพบตั๋วรถไฟขบวนที่ 171 ต้นทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ระบุว่าเดินทางเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา และเงินสกุลริงกิตของมาเลเซีย 2 ริงกิต เทียบเงินไทยประมาณ 20 บาท

จากนั้นตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก เข้าช่วยเหลือ โดยเตรียมพานางสมฤดีไปส่งญาติ แต่ทราบว่าไม่มีญาติพี่น้องอาศัยในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก

แต่พลเมืองดีให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา นางสมฤดีเดินทางมากับขบวนรถเร็วพร้อมลูกสาวอายุ 4 ขวบ 1 คน จากนั้นข้ามแดนไปยังรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยนำลูกสาวฝากไว้กับนางเพ็ญศรี เรืองคำ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ อยู่ในเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน แล้วหายตัวไปจนมาพบตัวในวันนี้

ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบอีกว่า นางสมฤดีและลูกเดินทางมาอ.สุไหงโก-ลก เพื่อมาตามหาสามีซึ่งมาทำงาน เนื่องจากใกล้เปิดเทอม

มีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ผ่านไป 5 วัน ไม่พบสามี ส่วนเงินที่มีก็หมด จึงฝากลูกไว้กับนางเพ็ญศรี เนื่องจากคิดว่าอย่างน้อยลูกจะไม่อดตาย จากนั้นนางสมฤดีจึงไปตามหาสามี แต่ไม่พบ โดยไม่ได้กินข้าวมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน ทำให้คิดมาก และตัดสินใจจะฆ่าตัวตายด้วยการให้รถไฟทับ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการช่วยเหลือนางสมฤดีและลูกต่อไป

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อากาศร้อน!เด็กลงเล่นน้ำจ่มหายดับ4ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
อากาศร้อน!เด็กชายเมืองพะเยา 4 คน ลงเล่นน้ำอ่างเก็บน้ำบ้านเซี๊ยะ หายเรียบ ตำรวจระดมกำลังงมค้นหายังไม่เจอ

คาดว่าเด็กทั้งหมดอาจจะจมหายไปในอ่างเก็บน้ำ......เมื่อวันที่ 10 พ.ค.เวลา 10.30 น.พ.ต.อ.ดร.รังสิต โลไทยสงค์ ผกก.สภ.จุน อ.จุน จ.พะเยา รับแจ้งว่ามีกลุ่มเด็กชาย 4 คน บ้านธาตุขิงแกง ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา ลงไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำบ้านเซี๊ยะ หม่ 7 ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา แล้วหายไป หลังจากที่เพื่อน และชาวบ้านพบกองเสื้อผ้ารองเท้าแตะและรถจักรยานยนต์จอดไว้ริมตลิ่งอ่างเก็บ น้ำ แต่ไม่เห็นตัวเจ้าของ ซึ่งคาดว่าเด็กทั้งหมดอาจจะจมหายไปในอ่างเก็บน้ำ หลังรับแจ้งมอบหมายให้ พ.ต.ท.จำนงค์ รวมจิตร พนักงานสอนสวน พ.ต.ท.ไสว ฟูเขียว สวป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจและชุดประดาน้ำ หน่วยกู้ภัยนรสิงห์ –วชิราภินันท์ ร่วมกัน ทำการลงงมค้นหายังไม่พบศพแต่ยังไม่เจอเพราะน้ำในอ่างเก็บน้ำบ้านเซี๊ยะ มีสภาพกว้างและลึกกว่า 20 เมตร

จากการสอบถาม ด.ช.บุญฤทธิ์ บุญสิงห์ อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของกลุ่ม เด็กชายที่หายไป ว่า ตนเองได้เดินทางมาหาเพื่อนหลังจากที่นัดกันไว้ว่าจะมาเที่ยวทีอ่างเก็บน้ำ บ้านเซี๊ยะ หมู่ 7 ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา เมื่อตอนเที่ยงเวลา12.00 น.วันที่ 9 พค.53 เมื่อมาพบแต่กองเสื้อผ้า วางเรียงกัน 4 กอง และมีรถ จักรยานยนต์ของเพื่อน 2 คันจอดอยู่เมื่อไม่เห็นเพื่อนจึง รีบกลับบ้านไปบอกพ่อแม่และญาติรีบมาช่วยกันค้นหาเพื่อน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบระดมกำลังมารช่วยกันค้นหาร่างด.ช. 4คน แต่ยังไม่พบ

สำหรับรายชื่อเด็กชายมี 1 ด.ช.จีระวัฒน์ ตันผล อายุ 14 ปี ,ด.ช.กฤษณะ ละนะวงศ์ อายุ 14 ปี,ด.ช.รัตนกร เผือกทอง อายุ 13 ปี, และ ด.ช.วีระยุทธ เพียรซ้าย อายุ 12 ปี โดยทั้งหมดเป็นลูกหลานชาวบ้านพระธาตุขิงแกง ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่คาดว่าเด็กทั้งหมดอาจะลงไปเล่นน้ำพร้อมกัน เพราะสภาพอากาศร้อนแล้วเห็นเพื่อนจมหายไปแล้วได้ช่วยกันแต่ไม่รอดต่างคนก็ ต่างจมน้ำด้วยกันรวม 4 คน แต่การค้นหาศพเริ่มตั้งแต่เช้าวันนี้ จนถึงเวลาบ่ายยังงมหาศพไม่เจอเพราะน้ำในอ่างลึกมากโดยมีเจ้าหน้าที่เพื่อน ๆ เด็กที่หายไปในน้ำและกลุ่มชาวบ้าน ผู้ปกครอง ญาติ ๆ ของเด็กชายทั้งหมด มารอดูการค้นหาของนักประดาน้ำอย่างใจจดใจจ่อแต่ก็ยังไม่เจอ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7102 ข่าวสดรายวัน


"อิเหนา"แตกตื่น! ผวาภัยคลื่นสึนามิ



เมื่อเวลาราว 12.59 น. เมื่อ 9 พ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า เกิดเแผ่นดินไหวความรุนแรง 7.4 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งจังหวัดอาเจะห์ ทางภาคเหนือสุดของอินโดนีเซีย ส่งผลให้ประชาชนพากันแตกตื่นวิ่งออกจากบ้านเรือนของตนและพยายามขึ้นไปบนที่สูง เพราะเกรงว่าจะมีคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ตามมา โดยภายหลังเหตุการณ์ไม่นาน สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส จึงยกเลิกประกาศเตือนสึนามิ

พ.ต.ท.โดโก วิโดโด ตำรวจท้องถิ่นของ จ.อาเจะห์ กล่าวว่า ชาวบ้านบางคนยังคงอยู่ในภาวะตื่นกลัวและไม่ยอมกลับไปยังที่พักอาศัย ของตน โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวเคยเกิดโศก นาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิและเป็นพื้นที่ที่เสียหายมากที่สุดในปี 2547 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตกว่า 170,000 รายในจังหวัดอาเจะห์ คิดเป็นร้อยละ 77 ของจำนวนผู้เสียชีวิตของประเทศที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 220,000 ราย

พายุถล่มจีนตอนใต้



หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่รายงานเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า สำนักอุตุนิยมวิทยากลางแห่งชาติของจีน หรือ "เอ็นเอ็มซี" ประกาศเตือนว่า พายุฝนที่กำลังพัดกระหน่ำพื้นที่ทางภาคใต้ของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 65 ราย และหายสาบสูญอีก 14 คน ล่าสุด พายุยังไม่มีทีท่าจะอ่อนกำลังลง พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฟ้าผ่า และฝนฟ้าคะนองกระจายรุนแรงในพื้นที่มณฑลกวางสี กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ภาคใต้ของมณฑลหูหนาน เจ้อเจียง กุยโจว ภาคตะวันออกและภาคใต้ของมณฑลเจียงซี รวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนาน

ชีวิตต้องสู้



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>หนูน้อยชาวอินเดียเกิดในครอบครัวฐานะยากจน ต้องอาศัยนอนหลับบนกองทรายขณะรอพ่อแม่ทำงานก่อสร้างอยู่ในเมืองไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย ซึ่งช่องว่างคนรวย-คนจนห่างกันมากทุกวัน เมื่อ 9 พ.ค. (เอพี)







79ประเทศประชุมผู้นำพุทธ ถกการฟื้นตัววิกฤตการณ์โลก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับการประชุมวิสาขบูชาโลก พ.ศ.2553 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2553 โดยจะมีพิธีเปิดการประชุมในวันที่ 23 พฤษภาคม 2553 ที่ห้องประชุม มวก. 48 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดการประชุม เวลา 14.00 น. และมีการประชุมวิชาการในวันที่ 24 พฤษภาคม 2553

ห้องประชุมดังกล่าวสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ 3,000 คน คาดว่าจะมีชาวพุทธจากต่างประเทศเดินทางมาเข้าร่วมประชุม 1,500 รูป/คน มากกว่า 83 ประเทศ

ความคืบหน้าในการเตรียมงานครั้งนี้ แม้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการตอบรับของประมุขสงฆ์หรือผู้นำชาวพุทธที่จะเดินทางเข้ามาร่วมพิธีแต่อย่างใด ขณะนี้ มีผู้เข้าร่วมได้ตอบรับมาแล้ว 79 ประเทศ

พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ดำเนินการรับสมัครเยาวชนเพื่ออาสาทำหน้าที่ให้การต้อนรับชาวพุทธที่มาจากประเทศต่างๆ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าสมัครจำนวน ถึง 358 คน ซึ่งได้ดำเนินการฝึกอบรมไปแล้ว และจะนำบรรดาอาสาสมัครทั้งหมดเข้าไป สัมผัสกับสถานที่ปฏิบัติงานจริง ในช่วงวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ในส่วนความคืบหน้าด้านการประสานงาน ขณะนี้ รัฐบาล โดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรม การที่ปรึกษา กรรมการอำนวยการและกรรมการดำเนินการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2553 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553

ในการประชุมชาวพุทธนานา ชาติเนื่องในวันวิสาขบูชาโลกปีนี้ ที่ประชุมตกลงหัวข้อใหญ่ คือ การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก ตามทรรศนะชาวพุทธ มีหัวข้อย่อย ได้แก่

กลุ่มที่ 1 การฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์ของโลก โดยอาศัยมุมมองชาวพุทธ

กลุ่มที่ 2 การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก โดยอาศัยการพัฒนาทางจิต

กลุ่มที่ 3 การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก โดยอาศัยการศึกษาเชิงพุทธ

กลุ่มที่ 4 การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก โดยอาศัยการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

กลุ่มที่ 5 การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก โดยอาศัยนิเวศวิทยาเชิงพุทธ

กลุ่มที่ 6 การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก โดยอาศัยพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม

การประชุมปฏิบัติการ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 สมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ (IABU) และกลุ่มที่ 2 พระไตรปิฎกฉบับสากล (Common Buddhist Texts) ใช้สถานที่อาคารหอประชุม มวก. 48 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

วันสุดท้ายของการประชุม จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ กรุงเทพฯ เมื่อปิดประชุมแล้วคณะผู้เข้าร่วมประชุมจะไปเวียนเทียนปิดประชุม ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม

ข้อมูลทุกด้านสามารถสืบค้นได้ที่ www. icundv.com โทร.0-3524-8098, 0-2623-6323 ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการพระไตรปิฎกนั้น ในเบื้องต้นกำหนดจัดที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 22-24 พฤษภาคม 2553 โดยเป็นพระไตรปิฎก 17 ภาษาจากทั่วโลก จากนั้นจะนำไปจัดตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ

ในด้านคณะสงฆ์ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) นำเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม พร้อมทั้งถวายคำชี้แจงในรายละเอียดของการจัดงาน เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553

ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติเห็นชอบตามเสนอ คือ ในส่วนกลางจัดกิจกรรมหลัก ได้แก่

1.กรมการศาสนา กรุงเทพมหานคร และศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง วันที่ 24-28 พ.ค. มีกิจกรรม ประกอบด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นประธานในพิธีเปิดงานและพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรแก่ผู้ทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพระบรมมหาราชวัง ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศล การจัดนิทรรศการทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมส่งเสริมศีลธรรมจริยธรรมของเยาวชน พิธีเวียนเทียน และตักบาตรพระสงฆ์

2.การจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม ระหว่างวันที่ 24-28 พ.ค. โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย พิธีเวียนเทียนของประมุขสงฆ์ และผู้นำชาวพุทธนานาชาติ พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา การตักบาตรพระสงฆ์ 802 รูป เป็นต้น

3.การจัดกิจกรรม ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การประชุมองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย วันที่ 22-25 พ.ค.

ในส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ในวันที่ 28 พ.ค. ณ จังหวัดทุกจังหวัดและวัดทุกวัด ทั่วราชอาณาจักร โดยเห็นควรให้สำนักพุทธฯ ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) และให้วัดทุกวัดจัดแสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง "ความสุข สงบ ร่มเย็นของสังคม เกิดด้วยหลักพุทธธรรม"

นับเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิสาขบูชาโลก ให้เป็นที่ยอมรับของชาวพุทธ

สุราษฎร์ฯจับไม่ปรับให้ฟังเทศน์ นำร่อง-เตือนสติผู้ใช้รถเพิ่มความระมัดระวัง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ฟังเทศน์- สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตำรวจจราจรเปิดโครงการ "จับไม่ปรับ" สี่แยกบางใหญ่ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง นิมนต์พระครูวินัยธรองค์การ สิริปญฺโญ เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์นิคามธรรมาวาส เทศนาเพื่อเตือนสติแก่ผู้ที่กระทำผิดวินัยจราจร

</TD></TR></TBODY></TABLE>สุราษฎร์ธานี - พ.ต.อ.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมพ.ต.ท.สุจินต์ นิลบดี รองผกก.จราจร, พ.ต.ท.นิพนธ์ ชาตรี สว.จร., ร.ต.อ.วิทยา พิทักษ์ รองสว.จร. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ร่วมกันเปิดโครงการ "จับไม่ปรับ" บริเวณสี่แยกบางใหญ่ ม.6 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมนิมนต์พระครูวินัยธรองค์การ สิริปญฺโญ หัวหน้าหน่วยฟื้นฟูและส่งเสริมคุณภาพชีวิต ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้สุราษฎร์ธานี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์นิคามธรรมาวาส มาเทศนาธรรมเพื่อเตือนสติแก่ผู้ที่กระทำผิดวินัยจราจรซึ่งถูกจับกุม ปรากฏว่า หลังจากเปิดโครงการได้ไม่ถึง 1 ช.ม. ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีการกระทำผิดวินัยจราจรกว่า 100 ราย อาทิ ไม่คาดเข็มขัด, ไม่มีคู่มือรถ, ไม่มีใบขับขี่, ไม่สวมหมวกนิรภัย ฯลฯ ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่ประสงค์เลือกที่จะเข้าร่วมโครงการแทนการเสียค่าปรับ โดยเจ้าหน้าที่ต้องแยกเปิดการอบรมธรรมะขึ้นเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20-30 คน เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับการฟังธรรมะเตือนสติกันอย่างทั่วถึง

ทางด้านผู้ถูกจับกุมรายหนึ่งเผยว่า ถูกจับข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ รู้สึกดีที่ได้เข้าอบรมโครงการดังกล่าว เพราะปกติแล้วจะขับรถเร็ว คึกคะนอง และไม่ค่อยระวัง เมื่อถูกจับและได้เข้าอบรมโครงการดังกล่าวรู้สึกสำนึกและคิดถึงผู้อื่นทันที และเข้าใจว่าสาเหตุที่ถูกจับกุมสาเหตุหนึ่งที่ทุกคนมองไม่เห็นคือ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ห่วงใยความปลอดภัยมากกว่าเห็นแก่เงินค่าปรับ

พ.ต.ท.สุจินต์ นิลบดี รองผกก.จร.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า โครงการ "จับไม่ปรับ" ครั้งนี้ถือว่าเป็นโครงการนำร่องและเป็นโครงการที่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกในภูมิภาคหรือในประเทศ เพื่อเป็นการเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนที่กระทำผิดวินัยจราจรให้มีสติ และเพิ่มความระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนให้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นทุกวันและเวลา สาเหตุหนึ่งเกิดจากการขาดสติของผู้ใช้รถใช้ถนน ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นมูลค่าหลายล้านบาทต่อวัน สำหรับโครงการนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกับชาวบ้านจะได้มีเวลาพูดคุยปรับความเข้าใจอันดีต่อกัน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านมักจะมองภาพพจน์เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในแง่ลบมาโดยตลอด

"ศูนย์คุณธรรม"โวยรัฐไม่หนุน งบประมาณสร้างมุมหนังสือคุณธรรม



น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการเครือข่ายห้องสมุดศูนย์คุณธรรมในปีที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้มีสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจัดห้องสมุดคุณธรรมแล้ว จำนวน 45 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และในปี 2553 มีสถาบันการศึกษาขอรับการจัดมุมหนังสือคุณธรรมอีกจำนวน 17 แห่ง ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 2 ร.ร.วัดช่องพราน ร.ร.วัดแก้ว ร.ร.อนุบาลดำเนินสะดวก ร.ร.วัดไผ่สามเกาะ ร.ร.ชุมชนวัดหนองปลาหมอ ร.ร.วัดยางหัก ร.ร.วัดดอนทราย ร.ร.บ้านหนองคา ร.ร.ลำพะอง (ราษฎร์จำเริญบำรุง) ร.ร.พิชัยพัฒนา ร.ร.สุรศักดิ์วิทยาคม ร.ร.แม่ลาววิทยาคม ม.มหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี สำนักวิทยบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ คณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี และที่ทำการตำบลป่างิ้ว หอสมุดและคลังความรู้ ม.มหิดล ทั้งนี้ ศูนย์คุณธรรมไม่ต้องการที่จะสนับสนุนหนังสือให้แก่สถานศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้สถานศึกษาที่มีมุมหนังสือคุณธรรม สร้างเป็นมุมหนังสือที่มีชีวิต สามารถใช้ประโยชน์จากการจัดตั้งมุมหนังสือคุณธรรมให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำหนังสือที่เป็นประโยชน์ไปเชื่อมโยงกับหลักสูตรการเรียนการสอนคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน หรือแม้แต่การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่จะสามารถทำให้เด็กและเยาวชนเข้าใจการพัฒนาคุณธรรมในตนเอง เพื่อนำไปปฏิบัติใช้ในการดำเนินชีวิตได้ "เป็นที่น่าเสียดาย ที่ปีนี้ศูนย์คุณธรรมไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินงานมุมหนังสือคุณธรรมเลย จึงทำให้การขับเคลื่อนการทำงานสะดุด โดยเฉพาะงานที่จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องก็จะประสบปัญหาด้านงบประมาณอย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตาม จะพยายามผลักดันโครงการต่างๆ อย่างเต็มที่ เพื่อขยายพื้นที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมสู่กลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น"

จะเลือก "สี" ไหนดี?

๙ พุทธ- เต๋า -๙ เซ็น

ศาตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก / ราชบัณฑิต



(คำเตือนจากพระป่า)

เช้าวันสดใส ก่อนเพลาฉันของพระป่า (พระสายนี้ ท่านฉันเพียงมื้อเดียว) พระอาจารย์ซึ่งเป็นพระสมภารของวัดป่าแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง (ท่านขอไม่ให้ผมเอ่ยนาม) ขณะที่รอเวลาหมู่พระทั้งหมดกลับจากเดินบิณฑบาต ท่านเดินเข้ามาทักผมด้วยความเมตตาและเอ็นดู แล้วถามว่า

"ยังเขียนคอลัมน์อยู่หรือเปล่า?"

ผมตอบ

"ยังเขียนอยู่ขอรับ เดือนหนึ่งก็ประมาณ ๖-๗ ชิ้น"

ท่านยิ้มและยังเมตตาแนะนำ

"ช่วงนี้บ้านเมืองไม่ค่อยสงบ เห็นชอบเลือกสีกัน บางคนก็ชอบสีนี้อย่างยึดมั่น บางคนก็เชียร์สีนั้นอย่างสุดขั้ว ต่างๆ นานา...ทำไมไม่ลองเลือกถือ สีนี้ ดูบ้างล่ะ"

ผมถามด้วยความแปลกใจ (อดนึกในใจไม่ได้ว่า...เอ๊ะหรือว่าอาจารย์ผมจะชอบใจหลักการของสีไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?)

"สีไหนเหรอครับ ท่านอาจารย์?"

ท่านตอบ

"สีล (อ่านว่า สี-ละ) ไง"

เท่านั้น ผมก็เลยถึงบางอ้อ แล้วท่านก็เมตตาอธิบายต่อด้วยความห่วงใยต่อสังคม

"สีล ก็คือ ศีล ไง แทนที่จะมาถือสีนั้นสีนี้ ก็ให้หันมาถือ สีละ ดูบ้าง ถือสีแบบนี้ จะได้มีเมตตา ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ มีความสงบสุข...สี แบบนี้ ถือแล้วไม่ต้องรบราฆ่าฟันกัน ร่างกายก็ไม่สูญเสีย ชีวิตก็ไม่เป็นหมัน คือ ร่างกายที่เกิดมาเป็นมนุษย์อยู่นี้ จะได้มีประโยชน์ ได้อานิสงส์แห่งการถือสี (สีล) ชนิดนี้....

การถือสีชนิดนี้ ยังไม่ทำลายโภคทรัพย์ของตัวเอง ไม่ทำลาย เกียรติยศชื่อเสียง เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ยึดมั่นแล้วทำให้สิ่งดีๆ ได้ปรากฏ ทำความร่มเย็นให้กับสังคม"

ท่านอธิบายต่อถึงอานิสงส์ของ "สี" ชนิดนี้

"...สีละ ช่วยทำให้ละความยึดมั่นถือมั่นในสีของตน, ละความยึดมั่นในความเห็นของตน ช่วยขจัดมิจฉาทิฏฐิ ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิได้ในที่สุด"

จริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวทุกประการ ก็พวกเราอุตส่าห์เป็นชาวพุทธบริษัท ท่องคำขอศีลกันได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ก็น่าจะคุ้นเคยคำที่พระสงฆ์จะสรุปตอนท้ายว่า ...

"สีเลนะ สุคะติง ยันติ

สีเลนะ โภคสัมปทา

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ"

อันแปลว่า ...

"ศีล เป็นที่มาของความสงบสุข

ศีลเป็นที่มาของความสมบูรณ์แห่งทรัพย์สิน

ศีลเป็นที่มาของการพ้นทุกข์ทั้งปวง"

แทนที่จะไปยึดมั่นใน "สี" อื่นๆ ยิ่งยึดมัน มันยิ่งกัดเรา ยิ่งยึดมัน มันยิ่งทำให้เราจิตตก เป็นทุกข์ไม่เว้นแต่ละวัน...สู้หันมายึดมั่นใน "สีละ" นี้กันดีกว่า ยึดถือสีลให้เป็นปกติสุข จะพ้นทุกข์ได้ทั้งปวง สีลนี้ยังทำให้เราเพิ่มศรัทธาต่อการบูชาพระรัตนตรัยด้วย ตามคำปฏิญาณของเราเวลาสวดมนต์ทำวัตรเช้า-วัตรเย็น ว่า ...

"นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ-ธัมโม-สังโฆ เม สะระณัง วะรัง"

อันแปลว่า ...

"สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ (พระรัตนตรัย) เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า"

ในเมื่อเราสัญญาแล้วว่า ชีวิตนี้จะไม่ยึดมั่นสิ่งใดเลย นอกเหนือจากพระรัตนตรัย แล้วทำไมหลงใหล คลั่งไคล้ไปกับหมู่สีมากมายหลากหลาย อาทิ แดงสด ในสังคมไทยขึ้นมาได้เล่า?

ไม่ว่าท่านกำลังยึดมั่นต่อ "สี" ใดอยู่ก็ตาม ลองถามใจตัวเองอย่างซื่อๆ ดูว่า

ยึดแล้ว ... มันทำให้จิตสงบเย็น หรือ ร้อนเร่า?

ยึดแล้ว ... มันทำให้สังคมสงบสุข หรือ ทุกข์ร้อน?

ยึดแล้ว ... มันทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิ (เห็นถูก) หรือ มิจฉาทิฏฐิ (เห็นผิด)

ยึดแล้ว ... มันทำให้ จิตเทเอียงไปทางพระนิพพาน หรือ สวนทาง?

หากตอบคำถามกับตัวเองได้แล้ว ก็ค่อยเลือกกันไหม หรือ จะเลือกตามที่ท่านอาจารย์พระป่า ท่านนี้เสนอไว้ ก็จะเป็นการประเสริฐโดยแท้ สังคมไทยจะได้หยุดนับ "สี" กันได้แล้ว เพราะทุกคนสามัคคีมีใจเดียวกัน นับถือ "สี" เดียวกันทั้งชาติ...ก็ "สีละ" ตัวนี้นั่นเองฯ





พิสุทธิ์ เกรียงบูรพา

(ศิษย์ปลายแถว อ.เสฐียรพงษ์)

 

สาธุ ครับ

เลือก "ศีล"

ยึด"ศีล"

ยอมตายเพื่อรักษา "ศีล"

ยึดมั่นใน "พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ " กันดีกว่า

ตื่นจาก "โมหะ " สู่ ธรรม

และนำธรรมมาฟื้นฟูชาติ

 

======================================


10 พ.ค. 53


คำว่าฐานดอนเมือง เป็นการสมุติขึ้นมา เนื่องจากผมใช้เป็นที่ส่งข่าวสารให้กับ
แนวร่วมและเป็นที่บริหารจัดการซื้อของและสร้างสุขาเคลื่อนที่ให้กับแนวร่วมที่
อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่สามารถมารับสุขาได้

ส่วนการสื่อสารกับหน่วยเหนือมีหลายวิธี เช่นจากความฝัน จากการถามด้วยจิต
หรือจากการที่ท่านมาปรากฏตัวให้เห็นแล้วแต่ท่าน ตัวผมเปรียบเหมือนเครื่อง
รับส่วนท่านก็คือเครื่องส่ง




องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

13 จังหวัดภาคเหนืออากาศร้อนจัดสูงสุด 43 องศา​

​

13 จังหวัดภาคเหนือเจอสภาพอากาศร้อนจัด เกินกว่า 40 องศา ขณะที่อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาที่ อ.เมือง จ.ลำปาง

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานสภาพอากาศทางพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัดต้องประสบกับสภาพอากาศร้อนจัดในระยะนี้ เนื่องจาก ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนืออากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง

ภาคเหนือตอนบนจะมี อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด วัดได้ 43.0 องศา ที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ขณะเดียวกันมีถึง 13 จังหวัดของภาคเหนือที่มีอากาศอยู่ในเกณฑ์ร้อนจัดอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส โดยที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร อุณหภูมิสูงสุดวัดได้ 40 องศา จังหวัดเชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และเพชรบูรณ์ วัดได้ 41 องศา ส่วนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ วัดได้ 42 องศา

อย่างไรก็ตามในช่วง 1-2 วันนี้หลายพื้นที่ของภาคเหนือยังเสี่ยงที่จะเกิดพายุฤดูร้อนซึ่งจะมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และ ลูกเห็บได้ในบางพื้นที่ มีรายงานว่าที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนกระหน่ำพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอรอบนอกเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เบื้องต้นทางจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายอยู่ในขณะนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ลพบุรี-เขื่อนป่าสักแห้งขอดในรอบ 10 ปี​

​

ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เข้าขั้นวิกฤตหนัก ปริมาณน้ำต่ำสุดนับตั้งแต่การก่อสร้างเขื่อน เตือนหลายจังหวัดในลุ่มน้ำชะลอการปลูกข้าวนาปีตามฤดูกาล

สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดลพบุรียังคงวิกฤติ โดยเฉพาะในเขตลุ่มน้ำป่าสักเนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ต่ำสุดนับตั้งแต่การก่อสร้างเขื่อน และเปิดใช้เขื่อนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ปี 2542 โดยขณะนี้ระดับน้ำภายในเขื่อนอยู่ที่ 116.23 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเหลือเพียง 12 % ของความจุเขื่อน ที่ระดับเก็บกักสูงสุด จาก 960 ล้านลูกบาทเมตร จนสามารถมองเห็น โขดหิน เนินดิน และเกาะแก่ง ในเขื่อนได้อย่างชัดเจน ทำให้เขื่อนต้องปรับลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เหลือเพียง 1.30 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เท่านั้น

นายบุญชอบ หอมเกสร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนเหลือน้อยมาก และถือว่าเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่การก่อสร้างเขื่อน พร้อมขอเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีในลุ่มป่าสักตั้งแต่ จ.สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี และปทุมธานี ขอให้ชะลอการปลูกข้าวนาปีออกไปก่อน เนื่องจากทางเขื่อนไม่สามารถส่งน้ำให้แก่เกษตรกรได้ในระยะนี้ คาดการว่าจะสามารถส่งน้ำให้แก่เกษตรกรได้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่จะตกลงมาบนพื้นที่รองรับน้ำของเขื่อน

เบื้องต้นได้ประสานขอพระราชทานฝนหลวง จากศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลางตอนบน เพื่อทำฝนเทียมเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนแล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศจะเอื้ออำนวย

ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นครราชสีมา-ผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่งกว่า 400 คน​

​

โรคไข้เลือดออกระบาดหนักที่ จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยแล้วกว่า 400 คน เสียชีวิตแล้ว 1 คน สาธารณสุขจังหวัดสั่งการทุกพื้นที่ควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะตามสถานศึกษาต่างๆหวั่นระบาดหนักช่วงฤดูฝน

นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมสาธารณสุขอำเภอทั้ง 32 อำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงมาตรการป้องกันโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ หลังพบผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้ว 453 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน จึงสั่งการให้ทุกพื้นที่เร่งควบคุมการระบาดของโรคอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการกำจัดยุงลายตามสถานศึกษาต่างๆ เพราะเกรงว่าช่วงฤดูฝนจะทำให้โรคไข้เลือดออกระบาดมากขึ้น นอกจากนี้โรงเรียนซึ่งมีเด็กนักเรียนจำนวนมากอาจเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกได้

นายแพทย์วิชัย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 32 อำเภอ จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากรายงานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 พ.ค.53 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วจำนวน 453 คน มากที่สุดในพื้นที่ภาคอีสาน คิดเป็นอัตราการป่วย 17.63 ต่อแสนประชากร และมีรายงานผู้เสียชีวิตด้วยไข้เลือดออกแล้ว 1 คน เป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 วัย 8 ปี โรงเรียนคีรีวัฒนา ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว ซึ่งช่วงอายุที่พบผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมากที่สุด คือ เด็กอายุ 10 – 14 ปี โดยอำเภอที่มีอัตราการป่วยสูงสุด คือ อำเภอแก้งสนามนาง

ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศเตือนประชาชนว่าถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่สถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในช่วงฤดูฝนจะระบาดมากขึ้นกว่าเดิม

โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทุกชุมชนลงพื้นที่ออกตรวจร่างกายให้ชาวบ้าน และเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะตามสถานศึกษาต่างๆได้ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และ อบต.ให้ช่วยแจกจ่ายทรายอะเบทให้กับทางโรงเรียน พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นควันกำจัดยุงลายให้กับเด็กนักเรียนอย่างเร่งด่วนแล้ว

สำหรับโรคไข้เลือดออกเป็นได้กับทุกเพศทุกวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการสำคัญที่สังเกตุได้ คือ มีไข้สูงประมาณ 2- 7 วัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีจุดแดงๆตามลำตัว แขน และขา บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และเบื่ออาหาร ในรายที่มีอาการป่วยรุนแรงจะกระสับกระส่าย มือเท้าเย็นเนื่องจากภาวะช็อค ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นหากพบผู้มีอาการต้องสงสัยว่าป่วยเป็นไข้เลือดออกต้องนำตัวไปพบแพทย์โดยทันที

ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายเร็วน่าวิตก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 พฤษภาคม 2553 21:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

ธารน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์​

เอเจนซี-ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ในสกอตแลนด์ นำโดยศาสตราจารย์เอียน บาร์โธโลมิว เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดซึ่งมีการตีพิมพ์ในวารสาร“เนเจอร์ จีไอไซน์”เมื่อวันอาทิตย์(9) ระบุธารน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากธารน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกา มีอัตราการพังทลายในช่วงฤดูร้อนเร็วกว่าในช่วงฤดูหนาวถึง 220 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่จะละลายในอัตราที่เร็วยิ่งขึ้นจากผลของภาวะโลกร้อน​

ผลการศึกษายังพบว่าธารน้ำแข็งในบางพื้นที่ของกรีนแลนด์มีอัตราการพังทะลายถึง 300 เมตรต่อปี พร้อมชี้หากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายทั้งหมดจะทำให้มนุษยชาติประสบหายนะครั้งใหญ่ เนื่องจากระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นถึง 7 เมตร​

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000064470​

จีน-พายุถล่ม เสียชีวิตแล้ว 70 คน​

​

​

​

ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุฝนที่พัดกระหน่ำภาคใต้ของจีนเพิ่มขึ้นไปอย่างน้อย 70 คน ประชาชนราว 250,000 คน ได้รับผลกระทบ​

ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกตั้งแต่มณฑลเสฉวน,ฉงชิง,กุ้ยโจว,เจียงซี,กวางตุ้งและหูหนานได้รับความเสียหายราว 1,000 ตารางกิโลเมตร รัฐบาลท้องถิ่นได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดที่ได้รับความเสียหายหนักหลังจากฝนที่ตกหนักทำให้โคลนถล่มลงมาทับเส้นทางคมนาคม ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำและเขื่อนเก็บน้ำหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้น ​

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ​

ที่มา http://www.krobkruakao.com​

 

*** เพิ่มน้ำให้กับโลก ****

ระดับน้ำทะเล สูงขึ้นแน่นอน
โลกจะปรับตัว สมบูรณ์ขึ้น อบอุ่นขึ้น
กรุงเทพ จะเป็นเกาะแก่ง
ที่เคยเป็นทะเล จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
เหมือนครั้งโบราณ ในอดีต
ฝรั่งทั่วโลก เขาคิดคำนวณเตรียมแผนไว้แล้ว
เราคนไทย เตรียมหรือยัง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เชียงใหม่-พบต้นสักในป่าสงวนบ้านแพะถูกตัดกว่า 100 ต้น​

​

อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำกำลังเข้าตรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบ้านแพะ ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย หลังพบมีกลุ่มนายทุนว่าจ้างชาวบ้านเข้าไปตัดต้นสักอายุระหว่าง 30-50 ปีไปแล้วกว่า 100 ต้น

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าเชียงใหม่ 33 บ้านห้วยส้ม เข้าตรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบ้านแพะ ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จากการสำรวจทางอากาศและเดินทางเข้าไปในพื้นที่ พบว่าต้นสักขนาดความกว้างประมาณ 80-100 เซนติเมตร ถูกลักลอบตัดทำลายกว่า 100 ต้น ซึ่งแต่ละต้นมีอายุระหว่าง 30-50 ปี บางส่วนถูกนำมาแปรรูปก่อนลำเลียงออกมา จึงสั่งการให้ตรวจยึดไว้

อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการลักลอบตัดไม้สักขนาดใหญ่ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบจริง จึงเดินทางมาตรวจสอบในพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ตรวจดูพบว่าทำเป็นขบวนการ มีนายทุนเป็นผู้หนุนหลังอย่างแน่นอน โดยได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดที่รู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มนายทุน และปล่อยให้มีการตัดไม้ทำลายป่าเป็นเนื้อที่หลายร้อยไร่หรือไม่

เบื้องต้นได้ให้ปิดทางลำลองที่ออกจากเขตป่านี้ทั้งหมด และเตรียมฟื้นฟูสภาพป่า พร้อมจะสนธิกำลังจัดหน่วยเฉพาะกิจป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายปกครองของอำเภอ มาร่วมดำเนินการจัดกำลังป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่นี้ต่อไป

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อากาศร้อน-โจรขโมย"แอร์"ถี่ยิบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ร.ต.อ.วิรัตน์ เขจรรัตน์ หน.ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์

พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังตึกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังได้รับแจ้งว่าเครื่องปรับอากาศถูกขโมยไป ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณตึกอำนวยการ ที่ทำงานนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่เครื่องปรับอากาศที่หายไปเป็นเครื่องปรับอากาศในห้องธุรการ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ขนาด 24,000 บีทียู 1 เครื่อง ความเสียหายประมาณ 30,000 บาท เชื่อว่าคนร้ายอาศัยช่วงวันหยุดเข้ามาตัดสายไฟและยกตัวเครื่องปรับอากาศไป

ก่อนหน้านี้ สถานที่ราชการตกเป็นเป้าถูกขโมยบุกยกเครื่องทำความเย็นไปแล้วหลายแห่ง

อาทิ สำนักงานกกต.กาฬสินธุ์ถูกยกเครื่องทำความเย็นไป 2 เครื่อง ตำรวจเร่งสืบหาเบาะแสที่คาดว่าน่าจะมีใบสั่งจากใต้ดินเพราะช่วงนี้อากาศร้อนจัด ทำให้ความต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศพุ่งสูงตามไปด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทองขึ้น150บาท! ทองแท่งขายออกบาทละ18,300 รูปพรรณ18,700</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำวันนี้(11พ.ค.2553)ดังนี้ ตามตาราง โดยราคาทองปรับเพิ่มจากวานนี้บาทละ 150บาท

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตัดสินใจใช้มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 9.60 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,200.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,184.40-1,207.00 ดอลลาร์


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584><TBODY><TR><TD height=51 vAlign=bottom background=images/goldprice_h.jpg><TABLE border=0 width=547 align=center><TBODY><TR><TD style="FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: #993300; FONT-SIZE: 11px" width=682 colSpan=2>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำประจำวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553 </TD><!--<td width="98"> </td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 width=562><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=168>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=138>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#ddccb0 width=100>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>18200 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>18300 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>09:29:00 </TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองรูปพรรณ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>17934.28 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>18700 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

======================================

11 พ.ค. 53 เริ่มเข้ามา

21 ส.ค. 51 ผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์
ให้พาคนกินเจสายดอนเมืองไปอยู่ด้วย

17 มี.ค. 53 ห้องว่างกับนาฬิกาทรงกลมที่แขวนอยู่บนเสาปูน
หลานจิ๊บ (อติกานต์)พิธีกร ยูบีซี ผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์สายดอนเมือง
เข้าเป็นแนวร่วมและมอบงานให้เป็นตัวแทน

17 เม.ย. 53 รับคนนอก
ให้รับคนนอกเข้ามาเพิ่ม ช่วงนี้มีท่านสมาชิกติดต่อเข้ามาสองราย




องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:45:54 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
<center></center>
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]"สมิทธ"เผยไทยสังเวยคลื่นความร้อนแล้ว15ศพ จี้สธ.เตือนภัย หลีกเลี่ยงพื้นที่ร้อนจัด อาจหัวใจวายได้[/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style> นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้สัมภษษณ์เมื่อวันที่ 11 พฤาภาคมถึงสภาพอากาศที่ร้อนจัดในขณะนี้ว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดสลับกับฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้สะท้อน ถึงความวิปริตแปรปรวนของภูมิอากาศ อันเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

"ภาวะที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภาวะปกติ จะเห็นว่า ปีนี้ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตเพราะคลื่นความร้อนสูงถึง 15 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการยังไม่เคยเจอกับภาวะฉุกเฉินเช่นนี้มาก่อน ผมจึงขอฝากบอกไปยังโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้รีบออกประกาศเตือนภัยได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น" นายสมิทธ กล่าว

นายสมิทธ กล่าวว่า จะต้องออกประกาศเตือนภัยประชาชนให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีความร้อน สูง เพราะหากปรับสภาพร่างกายไม่ทันอาจทำให้หัวใจวายและชีวิตได้ในที่สุด
[/FONT]

 

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:17:38 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
<center></center>
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]คนร้ายบุกเผาร้านหลังวิหาร"หลวงพ่อมงคลบพิตร"หลังถูก สั่งรื้อย้าย[/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style> เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ค. นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายณรงค์ อ่อนสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบสภาพแผงร้านค้าขายสินค้าหลายชนิด ของนางจิตรา ปิ่นทอง อายุ 51 ปี ที่ตั้งอยู่ติดกับกำแพงแก้วของวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง และอยู่ในกลางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มรดกโลก ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปลอบวางเพลิง จนเพลิงเผาผลาญแผงร้านค้าที่ขายสินค้าที่ระลึก กาแฟ และรองเท้า เสียหายทั้งหมด มูลค่ากว่า 40,000 บาท

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งและความวุ่นวาย ของพ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าที่ระลึก 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มผู้ค้าเก่าทรงไทย และกลุ่มผู้ค้าใหม่แผงลอย ซึ่งทางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและทางจังหวัด กำหนดยื่นคำขาดให้รื้อถอนแผงลอย 400 ร้านค้าออกจากพื้นที่โดยรอบวิหาร ให้เข้าไปอยู่ในเต็นท์เหลืองด้านหลังทางทิศใต้ของวิหาร และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า 2 กลุ่มครั้งแรกไม่ยินยอมดำเนินตามแผนการรื้อย้ายร้านค้าทั้งหมด เพราะว่ากลุ่มผู้ค้าใหม่ยังต้องการค้าขายที่เดิม ส่วนกลุ่มทรงไทยผู้ค้าเก่าอ้างว่าหากรื้อย้ายแผงลอยไปจุดใหม่จะบดบังผู้ค้า เก่า แต่ล่าสุดทางจังหวัดกำหนดหากใครไม่ยอมรื้อย้ายจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทาง กฎหมาย

นางจิตรา ปิ่นทอง อายุ 51 ปี เจ้าของแผงร้านค้าที่ถูกเผา กล่าวว่า มั่นใจเป็นการลอบวางเพลิงแน่นอน แต่ใครทำไม่ทราบ เพราะความจริงตนเองอยู่ในกลุ่มแม่ค้าแผงลอย และมีการประชุมมาหลายครั้งแล้ว ช่วงแรกก็ไม่ยินยอม แต่ท้ายที่สุดผลการประชุมให้รื้อย้าย พวกตนเองก็พร้อมใจยอมรับ และยินดีเต็มใจจะรื้อย้ายตามแผนของจังหวัดแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามือที่สองหรือมือที่สาม มาวางเพลิงเผาร้านตนเอง ก็อยากให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนว่าใครคือคนลอบวางเพลิง ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าแผงลอย ก็พร้อมจะรื้อย้ายเข้าเต็นท์เหลืองตามที่จังหวัดกำหนดตามเดิม เพราะเชื่อว่าการจัดระเบียบแผงร้านค้าอย่างเป็นธรรม ซึ่งจังหวัดได้พยายามให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายนั้น ยุติธรรมแล้ว และต่อไปจะได้ไม่ต้องถูกนักท่องเที่ยวบ่นถึงความรกรุงรังของสถานที่ท่อง เที่ยวอีกต่อไป

นายวิทยา ผิวผ่อง กล่าวว่า ดูที่เกิดเหตุแล้วก็เชื่อว่าเป็นการวางเพลิง ส่วนคนร้ายจะเป็นใคร และประสงค์อะไรในการก่อเหตุนั้นต้องให้ทางตำรวจเร่งรัดทางคดี ขณะที่การจัดระเบียบแผงร้านค้าโดยรอบวิหารนั้นจะต้องดำเนินการต่อไป และจะไม่มีการพูดเพื่อหารื้ออีกแล้ว โดยจะให้ดำเนินการตามข้อตกลงของทุกฝ่ายที่รับทราบและเห็นชอบไปเมื่อการ ประชุมเมื่อวันที่ 10 พ.ค.53 ที่ผ่านมา และให้เริ่มย้ายตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.เช่นกัน จึงขอยืนยันกับนักท่องเที่ยวและประชาชนชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ต้องการให้มีการจัดระเบียบเพื่อความสวยงาม ความสมคุณค่าความเป็นมรดกโลกว่า จะมีการดำเนินการจัดระเบียบต่อไป ซึ่งล่าสุดก็พบว่าพ่อค้าแม่ค้าเริ่มให้ความร่วมมือแล้ว แต่ก็มาเกิดเรื่องเพลิงไหม้ขึ้นอีก กระบวนการรื้อย้ายโดยพ่อค้าแม้ค้าแผงลอยต้องย้ายเข้าเต็นท์เหลืองที่กำหนด กลุ่มทรงไทยต่อรื้อย้ายส่วนต่อเติมอาคาร หากใครขัดขืนก็จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยแจ้งด้วยวาจา แจ้งทางหนังสือ และหากไม่ยอมก็ให้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน และให้ทุกอย่างแล้วเสร็จภายใน 7 วัน

นายวิทยา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ให้อุทยานประวัติศาสตร์นำลวดหนามและกำแพงดินมาปิดกั้นทางเข้าถนนตรง ด้านหลังวิหาร เพื่อปิดเส้นทางตรงเข้าด้านหลังวิหาร ส่วนลาดจอดรถทางหลังด้านทิศใต้คงอนุญาตใช้ตามเดิม และมีการจัดปรังปรุงที่จอดรถทางทิศใต้ติดบางช้างเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ จอดรถและ เปลี่ยนเส้นทางเดินให้เข้าทางทิศใต้ แทนทิศตะวันตก โดยให้ทุกฝ่ายเน้นย้ำมาตรการเข้มในการดำเนินการ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของจังหวัดทั้งในสายตาไทย และสายตาของชาวโลก ด้วยมีการร้องเรียนกันมามากถึงความไม่สวยงามและความรกรุงรังของร้านค้ารอบ วิหารที่ไม่สวยงามและขัดต่อความเป็นมรดกโลก
[/FONT]

 

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:01:13 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
<center></center>
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]อย.จับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร"อินทรา"โฆษณาอวดอ้างรักษา มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ[/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style>
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าว เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 พฤษภาคม "ตรวจจับผลิตภัณฑ์อาหารผิดกฎหมาย" ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "อินทรา" ว่ามีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงว่า สามารถรักษาโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคเก๊าต์ ทางสถานีวิทยุชุมชนในเขตจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดอื่นๆ อย. จึงได้ประสานไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครอง ผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อร่วมตรวจสอบสถานที่นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา อย. ร่วมกับ บก.ปคบ. เข้าตรวจสอบผู้นำเข้าบริษัท ไลฟ์สไตลส์ แปซิฟิค ริม (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 170/2 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 1 ชั้น 1-2 ซ.สุขุมวิท 16 ถ.รัชดาภิเษกตัดใหม่ คลองเตย กรุงเทพฯ ผลการตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำผลไม้อินทรา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนูเท รีย และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์ไลท์ จำนวนหลายพันขวด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศแคนาดา เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้ารายย่อย

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบซีดีโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคร้ายต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์ไลท์ แสดงฉลากไม่ถูกต้อง จึงได้อายัดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจำนวน 1,392 ขวด และยึดซีดีจำนวน 10 แผ่น รวมทั้งเก็บตัวอย่างทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ตรวจวิเคราะห์หาสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารสเตียรอยด์ โลหะหนัก อาทิ ตะกั่ว แคดเมี่ยม สารหนู รวมทั้งเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ รวมมูลค่าของที่ยึด อายัด และเก็บตัวอย่างประมาณ 2.2 ล้านบาท จึงดำเนินคดีในข้อหา
1.โฆษณาสรรพคุณอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากพบการโฆษณาสรรพคุณอาหารโอ้อวดเกินจริงหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อ โดยไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.นำเข้าอาหารเพื่อจำหน่ายที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท 3.หากผลการตรวจวิเคราะห์ พบสารสเตียรอยด์ และเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ จะจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบโลหะหนัก ตะกั่ว แคดเมี่ยม สารหนู จะจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท

รัฐมนตรี สธ.กล่าวว่า ยังเข้าตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชนในเขตจังหวัดนนทบุรี FM 94.3 MHz. และ FM 100.25 MHz. เลขที่ 92/4 ซ.ท่าอิฐ ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งพบว่าจัดตั้งเป็นศูนย์ข้อมูลน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ผลการตรวจสอบพบ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำผลไม้อินทรา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนูเทรีย และเอกสารโฆษณาผลิตภัณฑ์เพื่อเผยแพร่ไปยังผู้บริโภค ซึ่งมีการโฆษณาในลักษณะอวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคร้ายต่างๆได้ และช่วยบำรุงฟื้นฟูระบบต่างๆของร่างกาย ทั้งนี้ จะได้พิจารณาความผิดตามกฎหมายกับผู้โฆษณาหรือวิทยุชุมชน ในข้อหาโฆษณาสรรพคุณอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาจเข้าข่ายหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควรด้วย

ด้าน นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวว่า ขอเตือนนักจัดรายการหรือวิทยุชุมชนทั้งหลาย อย่าได้ดำเนินการผิดกฎหมาย โดยโฆษณาอาหารในเชิงรักษาโรค อย่างเช่นกรณีนี้ โดยจะให้ อย. ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและเอาจริงกับผู้กระทำผิด และขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณ เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดเป็นอาหารไม่ใช่ยา จึงไม่มีสรรพคุณในการป้องกัน บำบัด หรือรักษาโรคใดๆ นอกจากจะต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังทำให้เสียโอกาสในการรักษาโรคที่ถูกวิธีอีกด้วย จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อ หากไม่แน่ใจ หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย หรือพบเห็นการโฆษณาเกินจริงหลอกลวงผู้บริโภค โปรดแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556



[/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]
[/FONT]​

 

เมื่อวานฝนตก วันนี้ร้อนมาก งงกับโลกจริงๆ

 

โหย จากข้อความนี้โดนพีเอ็มไปด่าซะยับเลย แถมมีการขู่คุกคามด้วยครับ เขาเข้ามาหาความสงมหรือว่ากุศลแห่งการช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับห้องเหล่านี้ ไม่ใช้มาเพิ่มความโหดเหี้ยมภายในจิตใจ อ่านข่าวภัยพิบัตแล้วไม่ใช้ให้มองภาพคนตายคนทนทุขและรู้สึกเข้ากับความโหดเหี้ยมของการเป็นไปของที่ได้พบภัยต่างๆ เขาให้รู้สึกปลง และเมตตาผู้คนเหล่านั้นตังหาก อย่ามาทำตัวโหดเหี้ยมป่าเถื่อนในเว็ปของคนมีคุณเหล่านี้นะครับ นรกกินทั้งชาตินี้แบบเร่งด่วนเลยนะครับ ทั้งชาตินี้และชาติต่อไปอีกนาน แก้ไขตัวเองซะไม่มีใครแก้ไขใครได้แม้ข้อความนี้หรือของใครแต่มันต้องเริ่มที่ตนเองก่อนมันถึงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงได้
อีกอย่างนะครับ คนพาลใครเขากลัวกันโด่เว้ปนี้เขากลัวคนดีเว้ยยย ยิ่งดีเท่าไหร่เขายิ่งเกรงใจ เข้าใจป่าวนิ
เสนอข่าวต่อครับพี่ๆทุกคน (k)

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 4 หมู่บ้าน อ.เมืองบุรีรัมย์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงานว่า เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มอย่างหนักใน 4 หมู่บ้าน มี หมู่ 1 , 6 ,10 และหมู่ 12 ต.พระครู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรพังเสียหายกว่า 120 หลังคาเรือน และกระแสลมยังได้พัดหลังคาโกดังรับซื้อข้าวพังเสียหายอีก 2 หลัง อีกทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ยังได้โค่นล้มทับบ้านของนางสำราญ คารัมย์ อายุ 66 ปี ที่อาศัยอยู่กับหลานสาววัย 4 ขวบ ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ต้องไปอาศัยอยู่กับบ้านญาติชั่วคราว นอกจากนี้ต้นไม้ยังได้ล้มทับสายไฟฟ้าทำให้เสาไฟหัก ส่งผลให้ไฟฟ้าดับสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืน
ทางด้านนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนพังเสียหาย ในช่วงที่มีอากาศแปรปรวนและย่างเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง จึงเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย มีต้นไม้และป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎรพังเสียหายแล้วร่วม 1,000 หลังคาเรือน โดยอำเภอที่เสียหายมากที่สุด คือ อ.เมือง ละหานทราย พลับพลาชัย ประโคนชัย และ อ.สตึก และหากราษฎรในหมู่บ้าน ตำบลใด ได้รับผลกระทบจากพายุ แต่ตกหล่นจากการสำรวจ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่ทางอำเภอ จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดย :จิ้มจุ่ม (สมาชิก) โพสเมื่อ [ วันอังคาร ที่ 11 พฤษภาคม 2553 เวลา 15:16 น.] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ดูทีวีย้อนหลัง ช่อง 3 เจาะข่าวเด่น กับสรยุทธ์ สัมภาษณ์ ดร.สมิทธ เรื่อง ภัยพิบัติโลก? และแผ่นดินไหวช่วง เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป...

เจาะลึก เนื้อหา รายละเอียดมากกว่าเดิมครับ

วันที่ 11 พ.ค. 2553 ช่วงเวลา 17.00-17.59

ช่วงต้นรายการ ประมาณ นาที ที่ 42 ครับ

http://tv.thaifreetv.tv/