ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

คอนเฟิร์ม...อีกคนครับ ลักษณะเมฆแบบนี้ แต่ผมพบที่ภาคอีสานตอนบน ผมยังไม่ได้ดูข่าวด้วยซ้ำว่าจะเกิดแผ่นดินไหว.....แต่คิดแล้วว่าต้องมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแน่นอน ขอแสดงความเสียใจกับนานาประเทศครับ....

 

อยากทราบความรู้ครับ ว่า ถ้าเราเงยหน้ามองท้องฟ้า จะมองออกไปได้ไกลสุดกี่ กิโลเมตรครับ

แล้วเมฆแผ่นดินไหวที่ปรากฏในท้องฟ้าหนึ่ง หากสามารถทำนายถึงแผ่นดินไหวที่จะเกิด ออกไปไกลในอาณาเขตกี่ กิโลเมตรครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผย'สึนามิ'จากธรณีพิโรธชิลีทำพื้นที่ชายฝั่งย่อยยับ-ยอดตายอาจทะลุพันศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มีนาคม 2553 05:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

พื้นที่ตามชายฝั่งทะเลของชิลีได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสึนามิ ตามหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง

เอเอฟพี - สึนามิที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากแผ่นดินไหวรุนแรง ได้ซัดลึกเข้าไปในพื้นแผ่นดินเกือบ 2 กิโลเมตรและก่อความเสียหายตามชายฝั่งทะเลของชิลีเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ผู้บัญชาการทหารหัวหน้าหน่วยกู้ภัยระบุ พร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งเหนือ 1,000 ศพในแคว้นเมาเล พื้นที่เดียวเท่านั้น

"สึนามิ ก่อผลกระทบต่อพื้นที่ฝั่งทะเลเป็นระยะทาง 200 กิโลมตร และซัดลึกเข้าไปในพื้นแผ่นดินราว 2,000 เมตร" พลเอกบอสโก เพสเซ บอกกับเอเอฟพี ทั้งนี้นายพลรายนี้เป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการฉุกเฉินในแคว้นที่มีประชากรอยู่ราว 2.5 ล้านคน "มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่นี้ราว 600 คน อาจตัวเลขอาจพุ่งถึง 1,000 คน"

ประธานาธิบดีเบโรนิกา มิเชเญ บาเชเล็ต เฮเรีย ผู้นำชิลี แถลงเมื่อวันอังคาร(2)ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.8 และคลื่นสึนามิซัดถล่มชิลีเมื่อวันเสาร์ (27 ก.พ.) ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 795 รายแล้ว และยังมีแนวโน้มจะพบผู้เสียชีวิตมากขึ้นอีก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังเข้าไม่ถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลเล็กๆเพราะถนนถูกตัดขาด

"เวลานี้เราเน้นความสำคัญไปที่พื้นที่ต่างๆตามชายฝั่งทะเล" เพสเซ บอก "ประชาชนมีท่าทีมีความสุขมากที่ได้เห็นทหารเคลื่อนพลไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือพวกเขาตามหลังหายนะครั้งร้ายแรง" เขากล่าว "เราปฏิบัติการเปิดถนน จัดตั้งคลินิกและโรงพยาบาลเคลื่อนที่ ค้นหาศพตามชายฝั่ง เพิ่มการตรวจตราตอนค่ำคืนเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุประทุษร้าย"

ประธานาธิบดีชิลี วัย 58 ปี ประกาศขยายเวลาห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล ในเมืองก็อนเซ็ปซิออง ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้จุดเหนือศูนย์กลางของแผ่นดินไหวคราวนี้ หลังเกิดเหตุปล้นสะดมร้านค้าและเผาอาคารบ้านเรือนจำนวนมากในเมืองแห่งนี้ พร้อมเผยว่าจะส่งทหารอีก 5,000 คนเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย เพิ่มเติมจาก 10,000 คนที่ส่งไปก่อนหน้านี้

เพสเซ บอกว่าจะมีการเพิ่มกำลังทหารจาก 500 เป็น 2,000 นายในแคว้นเมาเล ในอีก 3 หรือ 4 วันข้างหน้า ขณะที่ทหารเข้าเคลียร์ถนน พร้อมนำอาหารและเวชภัณฑ์แจกจ่ายประชาชนตามหลังแผ่นดินไหว 8.8 ขณะที่ความช่วยเหลือจากนานาชาติก็กำลังเริ่มเดินทางมาถึง

เฟร์นานโด โคโคมา อะมาโร ผู้บริหารแคว้นบอกว่าปัญหาน้ำดื่มกำลังได้รับการแก้ไขในหลายพื้นที่ ยกเว้นบริเวณชายฝั่ง "เราส่งรถบรรทุกน้ำและอาหารไปยังคอนสติตูซิออง" อ้างถึงหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายร้ายแรงและพบศพผู้เคราะห์ร้ายกว่า 300 ศพ

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000029890

 

======================================

มี.ค. 53

ทางรอด

วันนี้ผมได้ออกไปทานอาหารเช้า ร้านหน้าปากซอย เมื่อทานเสร็จเจ้าของร้าน
ก็เอ่ยขึ้นมา ว่าเดี๋ยวนี้มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ เมื่อผมได้ฟัง
ก็บอกกับเจ้าของร้านว่า นอกจากน้ำท่วมแล้วยังต้องระวังแผ่นดินจะไหวด้วย
แล้วผมก็เดินกลับบ้าน

ผมไม่แสดงตัวว่าผมได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่ ที่ผมไม่แสดงตัว
เพราะ ผมจะเลือกคุยกับบุคคลที่สมควรจะคุยและพาไปอยู่ด้วยเท่านั้น บุคคลที่
จะนำไปอยู่ด้วยต้องมีคุณสมบัติดังนี้

มีคุณความดีเป็นทุนอยู่และหมั่นสร้างสม่ำเสมอ
มีสัจจะ
มีความเสียสละ
มีคุณธรรม
ทำไมถึงต้องมีสิ่งที่ผมได้กล่าวถึง?

ความดีที่ท่านสะสมข้ามภพข้ามชาติมาจะช่วยคุ้มกันท่านและครอบครัว
ที่ท่านจะนำไปอยู่ด้วย
สัจจะเป็นเครื่องชี้ว่าท่านเป็นคนเช่นไร? น่าคบแค่ไหน?
เสียสละ การจะหนีภัยไปอยู่รวมกับคนจำนวนมาก ท่านต้องเสียสละทั้งสติ
ปัญญาและทรัพย์
คุณธรรม นอกจากท่านจะช่วยครอบครัวของท่านแล้ว ท่านยังมีใจ
เผื่อแผ่ผู้อื่นด้วย

ถ้าท่านมีคุณสมบัติตามที่ผมได้กล่าวมานี้ โอกาสรอดจะมีสูง เพราะความดี
ของท่านจะเป็นเกราะแก้วคุ้มกันท่านและครอบครัวเป็นชั้นแรก ผู้นำการทำงาน
จะเป็นเกราะแก้วคุมครอบครัวของทุกท่านเป็นชั้นที่สองและหน่วยเหนือก็จะ
ครอบคลุมทั้งหมดเป็นชั้นสุดท้าย

ดังนั้นงานนี้ผมไม่เน้นปริมาณ ผมเน้นคุณภาพของคนเป็นหลัก

23 ธ.ค. 46
2 เทวดาโดดร่ม
ทางเทวโลกได้ลงมาเก็บกวาด

2 ก.ย. 47
2จ้าวป่า
จะเกิดสงคราม 2ครั้ง

5 ก.ย. 47
3ปลายักษ์
จะมีการเก็บกวาดทางน้ำ 3ครั้ง

26 ธ.ค. 47
เกิดซึนามิครั้งที่ 1

5 ก.พ. 50
สองวงล้อกับพ.ศ. 2537
เวลาได้ถูกเลื่อนออกไปปี พ.ศ. 2561
(วันเริ่มต้นทำงานและส่งข่าวของ k_isara)

27 ก.พ. 50
ตามหลังปลายักษ์ตัวที่ 2
เมื่อเกิดซึนามิรอบที่ 2 ให้หนีขึ้นที่สูง

29 ก.พ. 50
เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง
ที่ปลอดภัยอยู่ริมแม่น้ำโขง (ในที่นี้หมายถึงฐานผาแบ่น)

16 ก.พ. 51
เรื่องเล่าจากภาพ
การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอกที่เก่งการเงิน แผ่นดินไหวจะตามมา

9 ธ.ค. 52
ปลายักษ์ตัวที่ 2
มีการเตรียมการเก็บกวาดทางน้ำครั้งที่ 2

16 ก.พ. 53
มีสัญญาณแผ่นดินไหวเข้ามา
หน่วยเหนือได้มารักษาฐานดอนเมืองอยู่ 7วันแล้วถอนตัวกลับไป
โชคดีที่ย้ายไปไหวที่ไต้หวันแทน 6ริกเตอร์




องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

คริสเตียนทั้งหลายถูกรับขึ้นไป
โดยนคร เวชสุภาพร


​

ตามที่มีบันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ ส่วนใหญ่จะสรุปเหตุการณ์ทั้งหลายเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือช่วงสิ้นสุดยุคเก่า หรือสิ้นโลกเก่า โลกเก่าคือโลกใบนี้ ที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ ช่วงที่สองคือช่วงกำเนิดยุคใหม่ หรือโลกใหม่ หรือ ยุคพันปี ก็คือโลกใบนี้ แต่มาปรับปรุงใหม่ เป็นบ้านใหม่ ที่เราจะครอบครองกับพระเยซูคริสต์ร่วมกัน 1,000 ปี

เริ่มต้นจากยุคสิ้นโลกเก่า ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงนี้พระเยซูทรงบอกกล่าว และได้เตือนไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นหมายสำคัญก่อนการอวสานของโลกเก่า

เรามาดูในหนังสือมัทธิว 24:3-14
“เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเรา ว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น

แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้ เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่ "ในเวลานั้นเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อเรา

คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคนจะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง”
​

“ยุคเก่าจะสิ้นสุดลง” ให้นึกถึงยุคเก่า ซึ่งหมายถึงระบบของโลกใบนี้ ที่เรากำลังอยู่อาศัย มันจะถึงกาลอวสาน สิ้นสุดลง “ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่” ให้ท่านชินกับยุคใหม่ คือโลกใบนี้แหละ ที่เต็มไปด้วยความบาป เต็มไปด้วยคำสาปแช่ง เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มันจะมีการเปลี่ยนแปลง เป็นยุคใหม่ สถานที่เดิม แต่เป็นระบบใหม่

วาระที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา ก็คือวาระของการสิ้นสุดแผ่นดินโลกยุคเก่า ซึ่งจะเกิดการทนทุกข์เวทนาครั้งใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่คริสตจักรต้องถูกข่มเหงอย่างรุนแรง มีความทุกข์ยากลำบากต่างๆ มากมายเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกในเวลานั้น คือตอนที่พระเยซูคริสต์กลับมา เริ่มต้นการสิ้นยุคเก่า ถ้าใครไม่ได้ถูกรับไป โลกหลังจากที่พระเยซูคริสต์มารับผู้เชื่อไปแล้วนั้น จะเต็มไปด้วยความทุกข์ลำบากมากมาย

ข้อที่ 13 ที่บอกว่า “ผู้ที่ทนจนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด” ตรงนี้คือผู้ที่มากลับใจเชื่อ ภายหลังจากที่พระเยซูคริสต์กลับมาแล้ว และยังไม่ทันได้ถูกรับขึ้นไป ซึ่งผู้ที่มาเชื่อทีหลังเหล่านี้ ก็จะต้องผ่านความทุกข์ทรมานในช่วงนี้ แต่ในที่สุด ถ้าทนผ่านไปได้ ก็จะได้รับความรอด ได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์เช่นเดียวกัน

ทุกคนต้องเฝ้ารอคอยและระมัดระวังตัวเอง ไม่ให้พลาดจากการมารับของพระเยซู รอมาตั้งแต่สมัยโน้นเป็นพันๆ ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยพระเยซูนั่นแหละ พระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ รอวันที่พระเยซูจะกลับมารับ อย่าให้พลาด ถ้าพลาดไปแล้วจะลำบาก มันจะทุกข์ทรมาน ความเชื่อมันจะไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้ การประกาศข่าวประเสริฐ หรือการมาเชื่อพระเยซูคริสต์จะไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้ การข่มเหงรังแก คริสเตียนจะไม่ได้ง่ายๆ อย่างทุกวันนี้ แต่จะทุกข์ทรมานมากเลยทีเดียว

ซึ่งจะทำให้ผู้เชื่อ หรือผู้ที่กำลังจะเชื่ออาจจะเชื่อไม่ได้ ทนต่อความทุกข์ทรมานไม่ได้ ก็ไม่ได้ไปสวรรค์ แต่พวกเราที่ได้รับความรอดแล้ว ก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่าเมื่อวันหนึ่งมาถึง คนที่ได้จากไปก่อนแล้ว ก็ไปรออยู่ที่เมืองบรมสุขเกษม หรือถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ในเวลานั้น ตอนที่พระเยซูเสด็จมารับ เราก็จะถูกรับขึ้นไปก่อน ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์ทุกข์ทรมานบนโลกใบนี้อีกเลย เราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ว่าพระเยซูจะมาเมื่อไร เพราะเรารักษาความเชื่อของเราทุกวันอย่างเข้มแข็ง
พระคัมภีร์ย้ำเสมอว่า “กลับใจใหม่ ก่อนจะสายเกินไป” ไม่ใช่เฉพาะกลับใจมาเชื่อพระเจ้า จากผู้ที่ไม่เคยเชื่อเลยเท่านั้น แต่กลับใจใหม่จากที่ละทิ้งความเชื่อ กลับใจใหม่จากที่ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า กลับใจใหม่จากการเชื่อพระเจ้าแบบเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หรือเป็นความเชื่อแบบลอยๆ แต่เหล่านั้น เป็นการกลับใจใหม่ ตั้งใจเชื่อพระเจ้าจริงๆ เฝ้ารอคอยพระองค์จริงๆ

เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์จึงเตือนเรา เป็นคำอุปมาว่า “อย่าเป็นเหมือนหญิงพรหมจารีย์ 5 คนที่มีน้ำมันไม่พอ ในหนังสือมัทธิว 25:1-13

มัทธิว 25:1-13
“เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคน ถือตะเกียงของตนออกไปรับเจ้าบ่าว เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ คนที่มีปัญญานั้น ได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า 'เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด' พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้น ก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า 'ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว'

พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า 'น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า' เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยง เนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย' ฝ่ายท่านตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าเราไม่รู้จักท่าน' เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น”
​

“จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น” เตือนตัวเองด้วย เตือนคนข้างๆ เตือนญาติพี่น้องของเรา เตือนผู้ที่รู้จักพระเจ้าแล้ว เตือนลูกหลานของเราว่าเราไม่รู้ว่าโมงนั้น จะมาเมื่อไร ในพระคัมภีร์บอกมา ก็คือมาแน่ๆ
คราวที่แล้ว เราได้เรียนรู้กันแล้วว่า เมื่อถึงวันที่พระเยซูคริสต์กลับมารับประชากรของพระองค์ เหตุการณ์ทั้งหลายจะเกิดขึ้นแบบชั่วพริบตาเดียว รับเราขึ้นไป แล้วประตูก็ปิดทันที ไม่มีการให้เราตั้งตัวเลยว่าพระเยซูจะมาแล้ว รีบมาอธิษฐาน รีบเชื่อเลย รีบกลับใจใหม่ แต่จะมาแบบเหมือนขโมยย่องมา

คือไม่รู้ตัวนั่นเอง ถึงตอนนั้นไม่มีเวลาเหลือแล้ว เหมือนหญิงพรหมจารีย์ทั้ง 5 คนที่ไม่มีเวลาไปหาซื้อน้ำมัน ใครที่พลาดเที่ยวนี้ ก็ต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานบนแผ่นดินโลกนี้ต่อไป เพราะยุคพระคุณพระเจ้าได้ผ่านไปแล้ว ใครที่เคยได้ยินข่าวประเสริฐแล้ว แต่ยังไม่เชื่อ ถึงวันที่พระเยซูคริสต์มารับเรียบร้อยไปแล้ว ก็จะถูกทิ้งบนโลกใบนี้ พบกับความทุกข์ยากลำบากอย่างมากมาย เพราะวันที่พระเจ้าส่งพระเยซูกลับมาใหม่ และรับเราไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะถูกนำกลับไปด้วย เป็นยุคที่ไม่ใช่พระคุณแล้ว ดังนั้นผู้ที่จะเชื่อในยุคนั้นจะลำบากยากเข็ญมากๆ เลยทีเดียว

มีหนังสือคริสเตียนติดอันดับหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันของนักอ่านทั้งที่เป็นคริสเตียน และไม่เป็นคริสเตียนด้วย เคยมีคนนำมาทำเป็นภาพยนตร์ เมื่อประมาณสัก 2-3 ปีที่แล้ว เนื้อหาของเรื่องนี้อ้างอิงพระคัมภีร์ในหนังสือมัทธิว 24:40-41 ที่บันทึกไว้ว่า “ชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง และทรงละคนหนึ่ง และหญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง และทรงละคนหนึ่งไว้” ในเรื่องนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูคริสต์มา แล้วคริสเตียนทั้งหลายถูกรับขึ้นไป แล้วมีคนจำนวนมากมายถูกทิ้งไว้บนโลก แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ทุกข์เข็ญ เกิดสิ่งชั่วร้ายต่างๆ มากมายบนโลกใบนี้ ตามที่พระคัมภีร์บันทึกเอาไว้

เนื้อเรื่องที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์ ตอนที่คริสเตียนถูกรับขึ้นไปแล้ว มีตั้งแต่ผู้คนกำลังเดินอยู่บนถนน แล้วก็หายแว๊บไป ก็คือถูกรับไปเลย การจราจรอยู่บนถนนหยุดนิ่งเป็นอัมพาต เพราะมีรถหลายคันที่คนขับหายไป มีภาพเด็กทารกแรกเกิดเพิ่งคลอดออกมา อยู่ๆ ก็หายไป แล้วก็มีเครื่องบินลำหนึ่ง ผู้โดยสารเต็มลำเลย อยู่ๆ ผู้โดยสารส่วนหนึ่งก็หายแว๊บไป ดีนะที่เป็นผู้โดยสารหายแว๊บไป ไม่ใช่กัปตันหายแว๊บไป แต่พระเจ้าทรงทราบ

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เหล่าผู้เชื่อถูกรับขึ้นไป โลกก็ถูกครอบครองด้วยพวกต่อต้านพระเจ้า หรือเรียกว่าแอนตี้ไคร์ส แล้วก็มีสงคราม มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นทุกวัน ผู้คนหลงเหลืออยู่ล้วนแล้วแต่เผชิญกับ ความทุกข์ยากลำบากอย่างแสนสาหัส

ประเด็นที่น่าสนใจในหนังสือและในหนังเรื่องนี้ คือภาพหลังจากเหตุการณ์ ที่ผู้เชื่อถูกรับขึ้นไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว ผู้คนที่ถูกทิ้งไว้บนโลก มีทั้งผู้ที่ไม่รู้เรื่องเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และในจำนวนนั้นก็มีทั้งศิษยาภิบาล และสมาชิกคริสตจักรร่วมอยู่ด้วย ฟังแล้วหวาดเสียวนะ อาจจะเชื่อ แต่ยังไม่ได้เตรียมพร้อม เหมือนหญิงพรหมจารีย์ที่น้ำมันไม่พอ เพราะฉะนั้นอย่าไว้วางใจว่าเราเป็นคริสเตียนแล้ว แต่ระมัดระวังดูแลชีวิตเราให้ดีๆ แล้วก็อย่าคิดว่าเราเป็นศิษยาภิบาลด้วย สบายอยู่แล้ว ไม่แน่นะครับ ศิษยาภิบาลก็มีโอกาสเผลอ แล้วก็ล่องลอยไปกับโลกใบนี้ได้เหมือนกัน

ตอนที่หนังสือเล่มนี้ออกมา มีผู้คนจำนวนมากทั้งที่เชื่อพระเจ้าแล้ว และยังไม่เชื่อ ตื่นตัวในเรื่องนี้กันมาก มีการสำรวจว่าสืบเนื่องจากความกลัว ที่จะถูกทิ้งไว้ตอนที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา ทำให้คนไปโบสถ์กันมากขึ้น แต่ก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ในลักษณะว่ายังไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะถึงแม้ว่าจะยังไม่ถูกรับขึ้นไปในครั้งแรก พร้อมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ แต่ก็ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง หลังผ่านช่วง 7 ปีไปแล้ว คือผ่านช่วงความทุกข์ทรมาน ทุกข์เข็ญไปแล้ว มีพวกหนึ่งคิดอย่างนั้นนะครับ

ก็มีศิษยาภิบาลออกมาเตือนว่า ให้ลองไปศึกษาดูว่าพระคัมภีร์บอกไว้ว่าอย่างไร ว่าในช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ยากลำบากนั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่เรียกว่าความทุกข์ยากลำบากบนโลกในขณะนี้ เทียบไม่ได้เลย กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงทุกข์ลำเค็ญครั้งใหญ่ 7 ปีนั้น หลังจากเสด็จกลับมาของพระเยซู พระเยซูถึงได้กำชับและใช้คำว่า “ถ้าผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด” มันทุกข์ทรมานมาก

ก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะทนได้ เพราะอย่าลืมว่ายุคพระคุณพระเจ้าได้ผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราฟังเรื่องนี้แล้ว ต้องระมัดระวัง บอกลูก บอกหลาน หรือใครก็ตาม ที่เรารักหรือห่วงใยว่าอย่าหลงระเริงไปกับโลกนี้ เพราะว่าเราระเริงกับกิเลสตัณหา และสิ่งของบนโลกใบนี้แล้ว มันจะพาเราห่างออกไป ทำให้เราลืมพระเจ้า แล้วทิ้งพระเจ้าไป ซึ่งเรากำลังเสี่ยงอย่างมหาศาล ไม่รู้ว่าช่วงที่เราหลงไป พระเยซูจะกลับมาตอนนั้นหรือไม่ เพราะฉะนั้นเราต้องพร้อมอยู่ตลอดเวลา

เหตุการณ์ความทุกข์ยากลำบากที่จะเกิดขึ้นก่อนการสิ้นสุดยุคเก่า ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Tribulation” ที่พวกเราทั้งหลายที่ได้รับความรอดแล้ว ก็ไม่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ตรงช่วงนี้ เพราะถูกรับขึ้นไปแล้ว

เหตุการณ์ความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ บทที่ 6 – 9 จะเป็นระยะเวลาทั้งหมด 7 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วง 3 ปีครึ่งแรกกับ 3 ปีครึ่งที่สอง

7 ปีแห่งความทุกข์ยากลำบาก สาหัสสากันมากๆ เลยทีเดียว ก่อนที่จะเกิดยุคใหม่ ที่เราจะเรียนต่อไป โดย 3 ปีครึ่งแรกนั้น จะเกิดสงครามทั่วแผ่นดิน ทำลายสันติสุขบนโลก เกิดทุรกันดาร ข้าวยากหมากแพง เกิดโรคระบาด คริสตจักรถูกข่มเหง ถูกทรมานอย่างหนัก เกิดภัยแผ่นดินไหว ตรงนี้อยู่ในวิวรณ์ บทที่ 6 และบทที่ 8 พูดถึงดวงตรา 7 ดวง

และในช่วง 3 ปีครึ่งหลัง ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ บทที่ 8 กับบทที่ 9 ซึ่งพูดถึงแตรทั้ง 7 และขันทั้ง 7 ก็จะเกิดการทำลายล้างแผ่นดินโลก เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวถูกทำลายลงบางส่วน ความสว่างหายไป มีแต่ความมืดมิด ท่านนึกภาพออกไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร แม้แต่คนที่เชื่อพระเจ้าแล้ว จะทุกข์ทรมานขนาดไหน ตอนสุดท้ายของยุคเก่าจะสิ้นยุค เราก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องตรงนี้ด้วย ก็จะเกิดสงครามใหญ่ ซึ่งในพระคัมภีร์เรียกว่าสงครามอะมาเกดอน

เขาเอาไปทำเป็นหนัง อะมาเกดอนเป็นสงครามระหว่างพวกต่อต้านพระคริสต์ หรือแอนตี้ไคร์สกับกองทัพของพระเยซู ซึ่งกองทัพของพระเยซูคริสต์กับพวกเราทั้งหลายผู้เชื่อ ผู้ชอบธรรมของพระองค์ที่เราจากโลกใบนี้ไปแล้ว และเราไปอยู่กับพระองค์แล้ว เป็นธรรมิกชนของพระองค์ จะกลับมาร่วมกับพระเยซูคริสต์ ทำสงครามครั้งนี้ด้วย และในที่สุดกองทัพของพระเยซูก็ได้รับชัยชนะ ฆ่าพวกต่อต้านพระคริสต์ตายหมด เหตุการณ์ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ในหนังสือวิวรณ์ บทที่ 20 พูดไว้อย่างนี้

วิวรณ์ 20:1-6 บันทึกไว้นะครับ
“แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลนั้นและถือโซ่ใหญ่ และท่านได้จับพญานาคซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตานและมัดมันไว้พันปี แล้วทิ้งมันลงไปในบาดาลนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลวงบรรดาประชาชนได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้ว จึงจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง

ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้น เป็นผู้ที่จะพิพากษา และข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทั้งปวง ที่ถูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า และผู้ที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนั้นหรือรูปของมัน และไม่ได้ติดเครื่องหมายของมัน ไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนเหล่านั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์ เป็นเวลาพันปี

นอกจากคนเหล่านี้คนอื่นๆ ที่ตายแล้ว ไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าจะครบกำหนดพันปี นี่แหละคือการฟื้นจากความตายครั้งแรก ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรก ก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้า และของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี”
​

“จะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี” นี่พูดถึงพวกเราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นผู้ชอบธรรมของพระองค์ เมื่อช่วงเวลาของความทุกข์ยากลำบาก 7 ปีที่พูดถึงเมื่อครู่นี้สิ้นสุดลง ก็เกิดอะมาเกดอน คือสงครามยิ่งใหญ่ เมื่อสงครามอะมาเกดอนสิ้นสุด พวกต่อต้านพระคริสต์ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น พระเยซูก็ได้จับมารหรือซาตาน ไปขังไว้พันปี ก็จบสิ้นลงของยุคเก่า (ยุคที่เป็นอยู่ทุกวันนี้) ที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ผู้คนอยู่ด้วยกัน ด้วยการแย่งชิงกัน เห็นแก่ตัวกัน ฆ่ากัน ทำลายกัน โรคภัยไข้เจ็บเอย ความทุกข์ยากลำบากอย่างอื่นเอย มากมายเต็มไปหมด ก็จะสิ้นสุดลง

และช่วงเวลาที่ซาตานถูกจับขังไว้ เป็นเวลาพันปีนั้น เป็นช่วงเริ่มต้นของโลกยุคใหม่ ที่เรียกกันว่ายุคพันปี ที่พระเยซูได้ครอบครองอาณาจักรแผ่นดินโลก ร่วมกับบรรดาประชากรของพระองค์ ซึ่งก็คือเหล่าธรรมิกชนทั้งหลาย ก็คือพวกเราทั้งหลายผู้เชื่อในพระองค์นั่นเอง

เราจะมาดูกันว่าสภาพของโลกยุคใหม่ ตามพระคัมภีร์บันทึกไว้นั้น เป็นอย่างไร และใครบ้างจะมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้น และอยู่กันอย่างไร คำว่า “ยุคพันปี” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Millennium” (มิเลนเนียม) เป็นช่วงเวลาที่โลกเต็มไปด้วยความสุข ความสงบและความเจริญรุ่งเรือง สำหรับทุกคน คือผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระผู้ไถ่บาป เป็นจอมเจ้านาย เป็นพระเมซียาห์ของเรา เป็นโลกที่มีสภาพแตกต่าง จากโลกที่เราเห็นทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเรียกว่าโลกยุคใหม่

กิจการ 3:19-21 บันทึกไว้อย่างนี้ว่า
“เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย เพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจ จะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า และเพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้พระคริสต์ ซึ่งกำหนดไว้แล้วนั้น มาเพื่อท่านทั้งหลาย คือพระเยซู พระองค์นั้นสวรรค์จะต้องรับไว้ จนถึงวาระเมื่อสิ่งสารพัดจะตั้งขึ้นใหม่ ตามซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้ โดยปากบรรดาผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์ ตั้งแต่กาลโบราณมา”
​

“พระองค์นั้น” ซึ่งหมายถึงพระเยซู สวรรค์จะต้องรับไว้ จนถึงวาระเมื่อสิ่งสารพัด จะตั้งขึ้นใหม่ คือเป็นแผนการของพระเจ้า ที่ได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า โลกใบนี้จะมีวาระสิ้นสุดลง และจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ถึงเวลานั้นพระเยซูจะเสด็จมาจากสวรรค์ มาครอบครองแผ่นดินโลกนี้ ที่ยังเป็นโลกเดิม แต่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เหมือนบ้านเก่าที่มีสภาพใหม่นั่นเอง ก่อนที่โลกใบนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไป พระเยซูยังต้องอยู่ในสวรรค์ก่อน รอถึงวันที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ว่าจะสิ้นสุดยุคนี้แล้ว พระเยซูจะเสด็จมารับประชากรของพระองค์ไป แล้วก็จะถึงยุคเข็ญอยู่ 7 ปี 7 ปีเสร็จปุ๊บ มารก็ถูกขังไว้ในบึงไฟ เสร็จแล้วพระองค์กับเหล่าธรรมิกชน ก็ครอบครองโลกใบนี้อยู่ 1,000 ปี ซึ่งเรียกว่าโลกใหม่

2 เปโตร 3:10 บันทึกไว้อย่างนี้ว่า
“แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลกกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในโลกนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้น”
​

หนังสือสดุดี 102:25-26
“เมื่อเดิมพระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นพระหัตถกิจของพระองค์ สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะทรงดำรงอยู่ สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม พระองค์ทรงเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเสื้อผ้า แล้วมันก็สิ้นไป”
​

พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ คือเปลี่ยนโลกใบนี้ ซึ่งมันเน่าเปื่อยไป ที่มันแย่ มันเสียหายไป เพราะความบาปของมนุษย์ ให้มันดีขึ้นมา แผนการของพระเจ้า ไม่ได้ต้องการทำลายล้างแผ่นดินโลกนี้ให้สิ้นไป แต่พระองค์ต้องการทำลายล้างยุคเก่าของโลก ที่เต็มไปด้วยเชื้อบาป เต็มไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย เต็มไปด้วยการล่อลวงของมารซาตาน ทำให้เกิดการสาปแช่งและสิ่งชั่วร้ายบนโลกใบนี้ เรามาดูต่อว่าเมื่อเข้ามาสู่ยุคใหม่หรือยุคพันปี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากยุคเก่ามีอะไรบ้าง

ข้อหนึ่ง คือ มนุษย์ที่จะมีชีวิตอยู่ในยุคพันปี ก็จะมีแต่พี่น้องของเรา คือผู้เชื่อทั้งหลายที่ได้รับความรอด ทั้งพวกที่ได้ตายไปก่อนแล้ว และพวกที่ถูกรับขึ้นไปตอนที่พระเยซูคริสต์เสด็จมา และพวกที่มากลับใจทีหลัง และทนผ่านความทุกข์ยากลำบาก 7 ปีมาได้

ข้อสอง คือ ทุกคนที่ได้รับร่างกายใหม่แล้ว เป็นกายวิญญาณที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย ไม่มีเชื้อบาป และไม่มีวันตายอีกแล้ว

ข้อสาม คือ ไม่มีมารซาตานคอยหลอกล่อมนุษย์อีกต่อไป เพราะถูกจับขังไว้แล้ว

อิสยาห์ 2:2-3 ได้บันทึกถึงยุคพันปีว่าจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
“ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้า จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหา และชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะมากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์" เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม”
​

“ในยุคหลังจะเป็นดังนี้” ยุคหลัง คือยุคโลกใหม่หรือยุคพันปี ที่เรากำลังพูดถึง ก็คือแผ่นดินโลกจะถูกฟื้นฟูใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเก่า สภาพแวดล้อมก็ดีขึ้น ไม่มีมลพิษ ผู้คนทั้งหลาย ก็จะมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในพระเจ้า รักพระเจ้า ดำเนินชีวิตในทางพระเจ้า โดยมีพระเยซูคริสต์ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ทรงครอบครองแผ่นดิน โลกจะมีความสงบสุข สันติสุขขนาดไหน ไม่มีมารมาคอยรบกวนเราอีกแล้ว ไม่มีกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนังอีกแล้ว รักกันฉันท์พี่น้อง สามารถที่จะเข้าใจกันได้ ท่านนึกภาพว่าโลกใบนี้จะมีความสุขมากขนาดไหน

สดุดี 119:165
“บุคคลเหล่านั้นที่รักพระธรรมของพระองค์ มีสันติภาพใหญ่ยิ่ง ไม่มีสิ่งใดกระทำให้เขาสะดุดได้”
​

เอเสเคียล 36:26-27
“เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุ จิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และให้รักษากฎหมายของเราและกระทำตาม”
​

นั่นคือคำเผยพระวจนะของพระเจ้า พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับโลกใหม่ ยุคพันปีว่าจะเป็นอย่างไร มนุษย์ทุกคนในยุคพันปี จะมีจิตวิญญาณที่เหมือนพระเยซูคริสต์ ทุกคนดำเนินตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทุกคนมีผลของพระวิญญาณทั้ง 9 อย่างอยู่ในตัว เป็นโดยธรรมชาติ เราไม่ต้องมาฝืนบังคับตนเองว่า ไม่ยอมกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ต้องทำตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ ในกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ พยายามไม่เห็นแก่ตัว พยายามมีความรัก มาถึงยุคพันปี ไม่ต้องพยายามอีกแล้ว เพราะว่าไม่มีกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ในชีวิตของเราอีกต่อไป

อิสยาห์ 2:4 บันทึกไว้ว่าในยุคนั้นเป็นอย่างไร
“พระองค์ทรงวินิจฉัยระหว่างบรรดาประชาชาติ และจะทรงตัดสินเพื่อชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และเขาทั้งหลายจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาให้เป็นขอลิด ประชาชาติจะไม่ยกดาบต่อสู้กันอีก เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป”
​

เมื่อถึงยุคพันปี ทุกคนก็อยู่แบบสงบ มีสันติสุข ไม่ต้องมีการต่อสู้ ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีการวางแผนสู้รบอะไรกันอีกแล้ว อาวุธทุกอย่างก็ไม่ต้องมี และไม่ใช่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งสัตว์ป่าที่เคยดุร้าย ก็จะกลายเป็นเพื่อนกับมนุษย์ด้วย เปิดดูอิสยาห์ 11:6-9 บันทึกไว้อย่างนี้

อิสยาห์ 11:6-9
“สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆ จะนำมันไป แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้ และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บหรือจะทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลก จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น”
​

สิงโตกินฟาง ผมชอบสิงโตมาก ถึงวันนั้นผมจะไปกอดสิงโต ไปซบเหมือนกับซบสุนัขที่บ้าน เล่นกับเราเพลินไปหมดเลยทุกอย่าง นึกถึงภาพโลกใบนี้ถูกทำให้กลับมาเป็นเหมือนสมัยอาดัมและอีฟยังไม่ได้ทำบาป โลกใบนั้นถูกทำให้กลับคืนมาใหม
่
พอศึกษาเรื่องต่างๆ เหล่านี้ มันเป็นความหวังใจของเราจริงๆ เพราะว่ามันบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ไม่ใช่เรื่องคิดเอง แต่เป็นคำเผยพระวจนะ ซึ่งบังเกิดขึ้นแล้วส่วนหนึ่ง ที่บอกว่าพระเยซูคริสต์จะมาบังเกิด พระเจ้าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดแล้ว เป็นไปตามคำเผยพระวจนะ แล้วบอกว่าพระเจ้าที่มาเกิดเป็นมนุษย์จะมาตายที่ไม้กางเขน จะทนทุกข์ทรมาน และแบกบาปของเราทั้งหลายไว้ที่พระองค์ ก็เกิดแล้ว แล้วพระองค์จะเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม ก็เกิดแล้ว และเราทั้งหลายจะได้รับการช่วยให้รอด จากความบาปผิดทั้งหลาย ก็เกิดแล้ว เพราะฉะนั้นที่ยังไม่เกิด ก็คือแล้วพระองค์จะกลับมารับเราที่เชื่อในพระองค์ แล้วพระองค์ปรับปรุงโลกใบนี้ให้เป็นเหมือนใหม่ ให้เราครองกับพระองค์ในยุคพันปี มันก็จะต้องเกิดตามมาเหมือนกันอย่างแน่นอน

นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์บันทึกเอาไว้ แล้วในโลกยุคพันปี ก็จะเป็นโลกที่สวยสด งดงาม แต่ยุคพันปี ก็ยังเป็นแผ่นดินโลกอยู่นะครับ ยังไม่ได้เป็นบ้านสวรรค์ถาวรนิรันดร์ ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้กับเรา นี่เราอยู่แค่ 1,000 ปีเท่านั้นเอง ยังดีขนาดนี้เลย แล้วท่านลองนึกถึงภาพสวรรค์นิรันดร์กาล ที่พระเจ้าทรงเตรียมเอาไว้ให้กับเราทั้งหลาย ผู้ที่รักพระองค์ จะดีขนาดไหนที่บอกว่าถนนเป็นทองคำ

เราต้องรอคอยบ้านใหม่ของเรา ที่อยู่บนสวรรค์นิรันดร์กาล ที่พระคัมภีร์บอกว่าเราเฝ้าทูลขอ วิงวอนต่อพระองค์ที่จะอยู่ในพระนิเวศน์ของพระองค์ อยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระองค์นิรันดร์กาล ซึ่งเราเรียกกันว่า “สวรรค์ใหม่” ไม่ใช่สวรรค์เก่า สวรรค์เก่าก็คือสวรรค์ที่เมืองบรมสุขเกษม แต่นี่เป็นสวรรค์ใหม่ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา ที่เรียกว่าเยรูซาเล็มใหม่ ลองคิดดู ท่านมาเชื่อพระเยซูมีอะไรดีบ้าง (1) พอมาเชื่อพระเยซูคริสต์เจ้าปุ๊บ พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่กับเราเลย (2) ทรงดูแลชีวิตเราตั้งแต่อยู่บนโลกใบนี้เลย ตั้งแต่ที่เรารับเชื่อพระเจ้า ดูแลทุกข์สุขให้กับเรา ดูแลสุขภาพให้กับเรา ดูแลการเงินให้กับเรา ดูแลครอบครัวของเรา ดูแลชีวิตของเรา ดูแลความเชื่อของเรา ถ้าเราไว้วางใจในพระองค์ทุกอย่าง เอเมน

เราไม่ต้องห่วงเลย ขนาดนกในอากาศพระองค์ยังทรงดูแลได้ แล้วมากกว่านั้นสักเท่าไรที่เราเป็นลูกของพระองค์ พระองค์จะดูแลไม่ได้หรือ นี่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆ มาเชื่อพระเจ้าก็ดีแล้ว แค่นั้นไม่พอ เมื่อหมดอายุขัย ที่พระองค์ทรงกำหนดให้ชีวิตเราอยู่บนโลกใบนี้ รับใช้พระเจ้าอยู่บนโลกใบนี้ แบบโลกไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเรา ชั่วคราว 70 – 80 ปี พอจบหน้าที่ของเรา พระองค์ทรงดูแลต่ออีก พาวิญญาณเราไปพักกับพระองค์ที่เมืองบรมสุขเกษม ซึ่งอยู่เหมือนสวนเอเดนเลย รอวันที่พระเยซูคริสต์จะกลับมา รอรับร่างกายใหม่ ซึ่งเหมือนกายวิญญาณ ซึ่งเหมือนพระเยซูคริสต์ อยู่ตรงนั้นก็สบายแล้ว จากนั้น จะมาครอบครองร่วมกับพระองค์ในโลกใบนี้ ยุคพันปี ก็สบายอีก แล้วก็รอไปสวรรค์นิรันดร์กาล ที่พระองค์จะสร้างให้กับเรา คือเยรูซาเล็มใหม่ชั่วนิจนิรันดร์ มันมีแต่ดีตลอดเลย นี่คือพระคัมภีร์สัญญาไว้ทั้งสิ้น ขอพระเจ้าอวยพรครับ

นคร เวชสุภาพร
12 ตุลาคม 2008

ที่มา http://holyofholies.net/sermon08/10_oct_12.htm

 

ข่าว: แผ่นดินไหวชิลีทำแกนโลกเอียง เวลาช้าลงไป1.26ไมโครฯ

<SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>





สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า นายเบนจามิน ฟง เจา นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์เที่ยวบินอวกาศ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศชิลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้แกนของโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิม แม้จะไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่ก็เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมอย่างถาวร
แล้วยังส่งผลให้ระยะเวลาในหนึ่งวันสั้นหรือช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที) แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ส่งผลต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก มีผลไปถึงการกำหนดระยะเวลาของวันด้วย นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโดยเปรียบเทียบกับนักสเกต หากใช้แขนแกว่งเข้าช่วย จะทำให้การเคลื่อนที่เร็วขึ้น
ส่วนนายริชาร์ด กรอสส์ นักธรณีฟิสิกส์ของห้องทดลองขับเคลื่อนพลังงาน ไอพ่นขององค์การนาซาที่เมืองพาซาเดน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ทดลองโดยใช้คอมพิวเตอร์จำลองแบบเหตุแผ่นดินไหว 8.8 ริคเตอร์ ในประเทศชิลีเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่าจะมีผลอย่างไรต่อโลกบ้าง และพบว่า แกนของโลกเอียงไป 3 นิ้ว หรือ 8 ซม. ซึ่งหากแกนโลกเอียงจากเดิมจะทำให้ระยะเวลาสั้นลงไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ได้มีแผ่นดินไหว 9.1 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เกิดคลื่นยักษ์สึนามิรุนแรง และทำให้เวลาสั้นลงไป 6.8 ไมโครวินาที.

• ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
• 
• <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯ เตือนระวังพายุฤดูร้อนซึ่งคาดเกิดขึ้นช่วง 7-9 มี.ค.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
  </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรุงเทพฯ 3 มี.ค. - กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนให้ระวังพายุฤดูร้อนที่อาจมีกำลังรุนแรง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นวันที่ 7 – 9 มีนาคมนี้
  
  นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยขณะนี้ สูงกว่าปีที่ผ่านมา 4 – 5 องศาเซลเซียส
  
  โดยช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว อุณหภูมิเฉลี่ย 34 – 35 องศาเซลเซียส แต่ปีนี้เพิ่งเริ่มต้นเดือนมีนาคม อุณหภูมิสูงถึง 38 - 39 องศาเซลเซียส และในวันที่ 7 ที่จะถึงนี้ จะมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่เข้ามาในประเทศไทย ตามรอบ 5 – 7 วัน เมื่อปะทะกับมวลอากาศร้อนที่พื้นดินสะสมไว้ จะเกิดลมแรงยกตัวสูงขึ้นเป็นพายุฤดูร้อน ทุกจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนและอาจเกิดลูกเห็บได้ จึงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคง อย่าอยู่ใต้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ไม่ควรออกไปกลางแจ้งขณะฝนตกเพราะอาจถูกฟ้าผ่า
  
  รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยังคาดหมายว่า อุณหภูมิของฤดูร้อนปีนี้ ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน อาจจะสูงถึง 43 องศาเซลเซียส เนื่องจากปีนี้เข้าสู่ฤดูร้อนเร็วกว่าปกติ.-สำนักข่าวไทย
  
  
  
  </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
  </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ตะลึง เด็กจีนป่วยอาการประหลาด"โรคปลา" นิ้วคล้ายครีบ พ่อแม่ต้องแช่ตัวในน้ำแข็ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่า เด็กจีนวัย 14 เดือน ได้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในเมืองจินฮู ทางภาคตะวันออกของจีน

ต้องเคราะห์ร้ายป่วยเป็นโรคประหลาดหรือ"โรคปลา" โดยผิวหนังปราศจากรูขุมขน และนิ้วมือพัฒนาคล้ายครีบ รายงานระบุว่า เด็กจีนเคราะห์ร้ายผู้นี้ ได้เริ่มมีอาการอวัยวะคล้ายปลาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เกิดมา สาเหตุเพราะร่างกายปราศจากรูขุมขน และที่ผ่านมา พ่อแม่ต้องควบคุมอุณหภูมิร่างกายของเขาด้วยนำตัวเขาลงในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง

ด้านนายซ่ง เดฮุย บอกว่า ลูกชายของเขาต้องเจ็บปวดตลอดเวลา โดยหากเขาไม่ได้รับน้ำแข็งเมื่อไหร่ ก็จะป่วยเป็นไข้

ขณะที่แพทย์บอกว่า อาการของเขาอาจบำบัดได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะรักษาให้หายใจได้หรือไม่ และอาการของเขาอาจต้องพึ่งสิ่งมหัศจรรย์หรือไม่ก็ยาสมุนไพรวิเศษด้วย

<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พิสดารปลานับร้อยตกจากท้องฟ้า กลางทะเลทรายในออสเตรเลีย แถมย้งมีชีวิตอยู่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองกลางทะเลทรายที่ออสเตรเลีย ตกตะลึงว่าอยู่ดี ๆ ก็มีปลาตกลงมาจากท้องฟ้า
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]
หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ รายงานว่า หมู่บ้านลาจามานูในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เกิดปรากฏการณ์ประหลาดปลาสีขาวขนาดเล็กหลายร้อยตัว

ซึ่งจำนวนมากยังมีชีวิตอยู่ ตกลงมาจากท้องฟ้าได้ 2 วันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศเชื่อว่า ปลาเหล่านี้ถูกพายุเมฆหอบขึ้นมาจากแหล่งน้ำและนำมาตกในเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำที่ใกล้ที่สุด 520 กิโลเมตร ปลาเหล่านี้น่าจะถูกพายุหอบขึ้นไป 40,000-50,000 ฟุตในอากาศ

นับเป็นครั้งที่ 3 ในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปี ที่เมืองลาจามานูเกิดปรากฏการณ์ปลาตกจากฟ้า

ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2517ครั้งที่ 2 ในปี 2547 ชาวบ้านในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีเกรงว่า ในครั้งหน้าอาจจะมีสิ่งที่ใหญ่กว่า ตกมาจากท้องฟ้าก็เป็นได้ ซึ่งอาจจะน่าตกใจกว่านี้ หากเป็นจระเข้
[/FONT]
<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** ถ้า ****

คนไทย ทำลายกันเอง
พิบัติรุนแรง ก็จะเกิดขึ้นตามมา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ชิลี-เกิดเหตุจลาจลจากผู้หิวโหย​

​

สถานการณ์ชิลีวุ่นวายหนัก ผู้ประสบภัยที่หิวโหยออกตระเวนปล้นสะดมอาหารและสิ่งของจำเป็น ก่อนจุดไฟเผาซุปเปอร์มาร์เก็ต คาดความเสียหายสูงถึง 8,000 ล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงชิลีต้องเร่งดับไฟที่โหมลุกไหม้ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในเมืองคอนเซ็ปซิออน หลังจากคาดว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ประสบภัยที่บุกเข้าไปปล้นข้าวของในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามที่จะฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงไฟลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง ทั้งนี้กลุ่มผู้ประสบภัยที่หิวโหยยังคงออกอาละวาดปล้นสะดมร้านค้าต่างๆทั่วเมืองคอนเซ็ปซิออน รวมทั้งสถานีดับเพลิงเพื่อเอาน้ำ หลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มมาเป็นวันที่สองนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเล็ต ผู้นำชิลีจะส่งทหารกว่า 7,000 นาย ออกควบคุมสถานการณ์และประกาศเคอร์ฟิว รวมทั้งจับกุมผู้ปล้นไปหลายคนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง โดยเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ยินเสียงเคาะเรียกออกมาจากข้างใต้ของซากปรักหักพังของอาคารอพาร์ตเม้นต์ 14 ชั้นในเมืองคอนเซ็ปซิออน จึงได้รีบนำเอาเครื่องมือขุดเจาะมาขุดเพื่อค้นหาที่มาของเสียง ซึ่งปรากฎว่าได้พบผู้รอดชีวิต 25 คน และผู้เสียชีวิต 9 คน

ส่วนที่เมืองทาลคาฮัวโน่ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลและอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักทั้งจากแผ่นดินไหวและสึนามิพัดถล่ม ส่งผลให้ร้อยละ 80 ของชาวเมืองนี้กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่ ขณะที่บ้านกว่า 1 หมื่นหลังถูกทำลายและได้รับความเสียหาย ขณะที่ท่าเรือและถนนหนทางก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งนี้มีการประเมินความเสียหายทั้งหมดแล้วคาดว่าอาจอยู่ที่ประมาณ 3,000-8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่ 723 คน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

เปรู,บราซิล น้ำท่วมอย่างหนัก ​

​

เปรูและบราซิลต้องเผชิญภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก โดยเฉพาะที่เปรูพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน ขณะที่ทางการบราซิลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองแคมโป แกรนด้า หลังเกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง

หลังจากเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักจนเป็นเหตุให้ริมชายฝั่งของแม่น้ำ Quesermaya ในเขตทาเร่ย์ ถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งจนพัง ขณะที่ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และเชี่ยวกราก ได้เอ่อท้นท่วมถนนหลวงได้รับความเสียหาย และกัดเซาะอาคารบ้านเรือนที่อยู่ริมตลิ่งพังถล่มจมไปในแม่น้ำในเขตคัสโค่ของเปรูเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจต้องใช้พยายามอย่างหนัก ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ท่ามกลางสภาพดินโคลน รายงานระบุว่าหลายศพถูกพบอยู่ในดินโคลน ซึ่งทับอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน ขณะที่บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 60 หลัง

ส่วนที่บราซิล ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองแคมโป แกรดด้า หลังฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้ถนนหลายสายต้องจมอยู่ใต้น้ำ รถยนต์จอดตายอยู่กลางกลางถนนหลายสิบคัน ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าเป็นพายุฝนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ของเมืองนี้ มีรายงานด้วยว่า อาคารสนามฟุตบอลพื้นซีเมนต์พังถล่มในระหว่างเกิดพายุด้วย ทำให้คนที่อยู่ภายในต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด เจ้าหน้าที่ต้องทำงานตลอดทั้งวัน เพื่อขนย้ายซากปรักหังพัก เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

แผ่นดินถล่มอูกันด้าสังเวยกว่า 100 สูญหายอีก 400 คน​

​

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินถล่มที่อูกันด้า (ประเทศในแอฟริกาตะวันออก)เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 106 คนแล้วสูญหาย 400 คน ขณะที่ออสเตรเลียเผชิญทั้งฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์และไฟป่า

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอด 7 ชั่วโมงตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้น้ำในแม่น้ำที่ภูเขาเอลก้อน ของอูกันด้า ไหลทะลักและเกิดดินถล่มทับบ้านเรือนในหมู่บ้านอย่างน้อย 3 แห่งในย่านบูดูด้า ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกัมปาล่าไปทางตะวันออก 275 กิโลเมตรและอยู่ใกล้พรมแดนติดกับเคนย่า ทางการต้องส่งทหารและตำรวจลงพื้นที่เพื่อช่วยค้นหาผู้รอดชีวิตและประชาชนอีกอย่างน้อย 400 คนที่ยังสูญหาย ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 คน ทั้งจากโรงพยาบาลและโบสถ์ที่ประชาชนหลายสิบคนถูกฝังทั้งเป็น คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทางการอูกันด้า ได้ประกาศเตือนเรื่องปรากฏการณ์เอล นิลโญ่ ที่จะทำให้เกิดฝนตกหนักมากกว่าปกติไปจนถึงเดือนมีนาคมนี้ เหตุดินถล่มครั้งนี้ นอกจากจะเกิดจากฝนตกอย่างหนักแล้ว การตัดไม้ทำลายป่ารวมไปถึงการทำไร่เพื่อการเกษตรของชาวบ้านยังทำให้เหตุดินถล่มครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและเกิดความเสียหายอย่างหนัก

ขณะที่ออสเตรเลียที่ตอนนี้เผชิญทั้งฝนตกหนัก น้ำท่วมและไฟป่า โดยที่เมืองชาร์ลวิลล์ในรัฐควีนส์แลนด์ เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ต่ำ ทางการประกาศให้เมืองดังกล่าวเป็นเขตภัยพิบัติ หลังจากน้ำในแม่น้ำเอ่อท้นเข้าท่วมถนนและบ้านเรือน ประชาชน 500 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

ในวันเดียวกันนี้ ที่รัฐเวสต์เทิร์น ออสเตรเลีย นักผจญเพลิงเกือบ 50 คนต้องช่วยกันควบคุมไฟป่าใกล้ชุมชนทำเหมือง เพลิงลุกไหม้สูงถึง 18 เมตร แม้จะควบคุมไฟป่าได้บางส่วนแต่เจ้าหน้าที่เตือนว่า อากาศที่ร้อนจัดและกระแสลมที่เปลี่ยนทิศทางอาจทำให้ไฟป่าปะทุขึ้นมาอีก ซึ่งได้ประกาศเตือนประชาชนให้รับมือไว้ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อวานนี้ที่รัฐเวสต์เทิร์น ออสเตรเลียอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 41 องศาเซลเซียส

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=homepage

 

เจอเว็บไซต์นี้มาครับ

World Disasters News Atlas

รายงานข่าวภัยพิบัติ ในรูปแบบแผนที่ครับ
ไม่รู้เคยมีคนมาฝากกันแล้วยัง เอามาแนะนำกันครับ

SyzygyJob - Home

ส่วนนี่เป็นอีกเว็บหนึ่ง มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการทำนายแผ่นดินไหว
ความฝัน คำทำนาย ประสบการณ์ของสัตว์ที่ทำตัวแปลก

เข้าไปที่ตรง Forum นะครับ

เห็นเขาคุยกันว่าที่ชิลีก็ทายถูกด้วย

 

ทำไมแต่ละท่าน พิมพ์เยอะจัง มองมากๆปวดตาเลย แต่ข้อมูลดีทุกคนเลยครับ

 

ต่างประเทศก็มีผู้หยั่งรู้ด้วยแฮะ...

 

ต้องเข้าใจกลไกการเตือนภัยของธรรมชาติก่อนครับ

-การเกิดเมฆแผ่นดินไหว เกิดจากคลื่นความถี่สั่นสะเทือนที่สะท้อนไปบนอากาศ คือท้องฟ้า ซึ่งทำให้ เมฆแตกกลุ่มมีสภาพเป็นคลื่นเป็นริ้ว ในแบบของเมฆแผ่นดินไหวครับ
สิ่งที่บอกเราได้ เพียง "มีโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวเร็วๆนี้ จะที่ไหน เมื่อไรไม่รู้ชัด" (จากการดูเมฆอย่างเดียว)

ดังนั้น เมื่อมีเปอร์เซนต์เสี่ยงอย่าได้ประมาท

-ก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะมีการเลื่อนเคลื่อนตัวภายในโลก สัตว์ที่มีสัญชาติญาณและใช้ประสาทสัมผัสที่มีเซนเซอร์วัดแรงสั่นสะเทือน จะจับสัญญานการเกิดแผ่นดินไหวได้เร็วกว่ามนุษย์และสัตว์อื่นบางชนิด

ดังนั้น สัตว์พวก งู คางคกจะออกมามากผิดปกติ เป็นสัญญานเตือนว่าไม่ปกติ

รวมถึงสัตว์น้ำที่ใช้ระบบโซนาร์ ปลาวาฬ ปลาโลมาที่มาเกยตื้น มาร้องไห้ มาตายที่ชายฝั่งเพื่อเตือนและวิงวอนต่อมนุษย์

 

ที่น่าเป็นห่วงและจับตาอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องโรคระบาด

อย่างที่พวกเราหลายท่านได้ทราบแล้วว่า จะเกิด การผสมสายพันธุ์ของ เชื้อไวรัสกับเชื้อแบคทีเรีย

ไวรัสจากกลุ่มหวัด เพื่อให้ ระบาดง่ายผ่านสารคัดหลั่ง และผ่านทางอากาศ ทางเดินหายใจได้

แบคทีเรีย จากกลุ่มโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อให้เกิดการคลุ้มคลั่ง บ้า จนควบคุมตนเองไม่ได้

หนังหลายเรื่องที่ มีสัญญาน บอกเอาไว้ก่อน เช่นเดอะเดย์อาฟเตอร์ทูมอร์โรว์ ตอนดูก้รู้สึกว่า เวอร์ๆ แต่มาวันนี้ก็มีปรากฏการณ์นี้จริงๆ เช่นลูกเห็บตกมาก้อนเท่าลูกบาส พายุหิมะที่พัดและฟรีซคนจนแข็ง หิมะตกในประเทศร้อน


แต่ตอนนี้ ลองนึกถึงหนัง 28 day later และ เรสสิเดนท์อีวิลดู

ติดเชื้อในอากาศ คุ้มคลั่งเพราะอาการโรคพิษสุนัขบ้า

ไล่กัดกินกันเพราะหิวโหย ไม่มีสติสัมปะชัญญะใดๆทั้งสิ้น


อย่าประมาท เพราะ จิตมนุษย์ที่ขาดเมตตา ทำลาย ทำร้ายกันได้มากกว่าที่คิด

โรคพิษสุนัขบ้า มีอีกชื่อว่า โรคกลัวน้ำ ดังนั้นคำตอบอยู่ที่ น้ำ........

และสิ่งที่แจกให้.....

 

จำได้ว่าเคยอ่านที่นี่ว่าถ้ามีฝนตกเป็นปลา แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก บ่งบอกเรื่องอะไรบ้าง ใครมีช่วยกรุณาโพสต์อีกทีนะคะ

 

28 day later
มหาภัยเชื้อนรกถล่มเมือง​

​

​

​

เรื่องย่อ คุณถูกกำหนดวันไว้แล้ว...

หลังจากกลุ่มผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิสัตว์ ได้บุกเข้าไปยังสถาบันวิจัยสัตว์เจริญพันธุ์ พวกเขาได้พบกับชิมแปนซี ที่ถูกขังและล่ามโซ่ ไว้เบื้องหน้าจอภาพจำนวนมหาศาล ที่แสดงผลของความรุนแรงอันน่าสยดสยอง พวกเขาเพิกเฉยต่อคำเตือนของนักวิจัยผู้ตื่นตระหนก ที่ว่าลิงชิมแปนซีเหล่านั้น 'ติดเชื้อ' และได้ปลดปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ จนเป็นเหตุให้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีอย่างบ้าเลือด ของบรรดาสัตว์ที่กำลังเดือดดาล

28 วันต่อมา... จิม (ซิลเลียน เมอร์ฟีย์) หนุ่มส่งเอกสาร ฟื้นคืนสติจากอาการโคม่า และพบตนเองในห้องไอซียู ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอนดอน ในความงุนงงและสับสน เขาออกเดินสำรวจหาผู้คน ตามวอร์ดคนไข้และระเบียงทางเดิน จนในที่สุด ออกไปถึงถนนด้านนอก เพื่อเสาะหาความช่วยเหลือ จวบกระทั่งเงาเริ่มทอดยาว เขาจึงมาถึงยังโบสถ์แห่งหนึ่ง และ ได้พบกับซากศพจำนวนมาก ที่ถูกกองสุมไว้บนพื้นวิหาร เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมกับการปรากฎตัวราวสายฟ้าแลบ ของพระรูปหนึ่ง ซึ่งมีเลือดกลบตา และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ทำให้จิมต้องวิ่งกลับออกไปยังถนน และพบกับ 'ผู้ติดเชื้อ' คนอื่นๆ ซึ่งถูกดึงดูดมาด้วยเสียงนั้น จิมออกวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกและสับสน ในขณะที่ฝูงชนทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ วิ่งไล่ตามเขาไปตามท้องถนนอันมืดมิด

เสียงระเบิดกึกก้อง เป็นเหมือนการประกาศการมาถึงของเพื่อน 'ผู้รอดชีวิต' เซเลน่า (นาโอมี แฮร์ริส) และ มาร์ค (โนอา ฮันท์ลีย์) หลังได้รับการช่วยชีวิตอย่างกล้าหาญ จิมถูกพาไปยังที่ปลอดภัย และได้รับคำอธิบายจากพวกเขา ถึงสมุฏฐานของการติดเชื้อ ซึ่งถ่ายทอดได้โดยเลือด และจะเข้าครอบงำในช่วงเวลาไม่กี่วินาที ประเทศอังกฤษทั้งประเทศต้องติดเชื้อ และไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่า เชื้อนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้วหรือไม่

เซเลน่าและมาร์คยอมรับอย่างไม่เต็มใจ ที่จะช่วยพาจิม ซึ่งตกอยู่ในสภาวะช็อค ในการเดินทางกลับไป เพื่อหาบิดามารดาที่บ้านที่เดพท์ฟอร์ด อันจะเกิดผลที่น่าสะพรึงกลัวตามมา หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาลัดเลาะไปตามถนนที่ไร้แสงไฟ เซเลน่าและจิมก็พบเห็นแสงลอดมาจากตึกแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปตรวจค้น และพบกับผู้รอดชีวิตอีกสองคน ซึ่งเป็นพ่อลูก แฟรงค์ (เบรนแดน กลีสัน) และ ฮานนาห์ (เมแกน เบิร์นส) ซึ่งกำลังแร้นแค้นน้ำกินน้ำใช้อย่างสาหัส จนต้องกระเสือกกระสนหาที่อยู่ใหม่

เมื่อทุกคนย้ายเข้าไปพักพิงที่ตึกนั้น พวกเขาได้ค้นพบสัญญาณวิทยุอัตโนมัติ ที่คอยคนตอบรับ จากกองทหารในแมนเชสเตอร์ ซึ่งบัญชาการโดย นายพล เฮนรี่ เวสท์ (คริสโตเฟอร์ เอคเคลสตัน) ผู้อ้างว่ามี 'คำตอบ' ของการติดเชื้อ และเชื้อเชิญให้ผู้รอดชีวิตทุกคน เข้ารวมกลุ่มกับพวกเขาที่ฐานทัพปิด เมื่อไม่ทางเลือกอื่นใดอีก ทั้งกลุ่มจึงมุ่งหน้าเดินทางขึ้นเหนือ ด้วยรถแท็กซี่สีดำของแฟรงค์ โดยหารู้ไม่ว่า กำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด!

ที่มา http://www.nangdee.com/title/?movie_id=892​

 

ในช่วงเวลาหลังจากเกิดกรณีแผ่นดินไหวที่ไฮติ ก็เกิดแผ่นดินไหว รุนแรงระดับ 6 ริกเตอร์ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ทางโซนแปซิฟิค

เช้านี้มีแผ่นดินไหวที่ไต้หวัน 604 ริกเตอร์

ต่อด้วยอาฟเตอร์ช๊อคที่ชิลี 6.1 ริกเตอร์

ดังนั้น อย่าได้ประมาทครับ ช่วยกันเตือน ช่วยกันติดตามข่าวสารและเตรียมพร้อมกันเอาไว้บ้างครับ