ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    [​IMG]
    วันที่ 18 ตุลาคม 2551 เวลา 00:00 น. | จำนวนผู้อ่าน 826 คน ผู้โหวต 0 คน
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> คะแนนข่าว </td> <td> [​IMG]</td> <td> [​IMG]</td> <td> [​IMG]</td> <td> [​IMG]</td> <td> [​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ขนาดตัวอักษร
    [​IMG]



    ปีนี้มีสิทธิ 'ยะเยือกจัด' 'ภัยฤดูหนาว' 'แข็งตาย' ต้องกลัว!
    <table style="width: 480px;"><tbody><tr><td valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="top">[​IMG]
    </td></tr><tr><td class="messageblack" align="center" height="20" valign="middle">
    </td></tr></tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="message-normal" style="height: 10px;" align="center" valign="top"> <script type="text/javascript"> // URLs of slides var slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2008/politic/10/18/64535_59938.jpg') ; // Comments displayed below the slides var slidecomment = new Array(''); var picNo = new Array('0'); var i; var j; var picturecontent='' function poppic(ncId,NewsType,picNum){ window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Politics','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200'); } function createtable(){ picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ; for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ; document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+''; } createtable();</script>
    </td> </tr> </tbody></table> </td> <td valign="top"> เข้าสู่กลางเดือน ต.ค. แล้ว ดูกันตามช่วงเดือน-ช่วงเวลา...เมืองไทยก็กำลังย่างเข้าสู่ “ฤดูหนาว” แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาจนถึงยามนี้ในเมืองไทย จะมีเรื่องสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเผาผลาญจนร้อนรุ่มกันทั้งเมืองก็ตาม...

    “ฤดูหนาวปีนี้” กรมอุตุฯ บอกว่า “จะไม่ธรรมดา”

    คนไทยก็คงต้องเตรียม “ดูแลสุขภาพ” กันให้ดี !!

    ก่อนหน้านี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยในปีนี้ไว้ คือตั้งแต่ประมาณกลางเดือน ต.ค. 2551- กลางเดือน ก.พ. 2552 โดยมีรายละเอียดดังนี้... ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเริ่มมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าประมาณกลางเดือน ต.ค. เป็นต้นไป โดยในบางช่วงของเดือน ธ.ค. และ ม.ค. จะมีอากาศหนาวจัดหลายพื้นที่ทางตอนบนของภาค บางวันจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ตาก เลย สกลนคร นครพนม และอาจเกิดน้ำค้างแข็งขึ้นได้บริเวณยอดดอยและยอดภู โดยอุณหภูมิจะเริ่มสูงและอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นในเดือน มี.ค.เป็นต้นไป

    ภาคกลางและภาคตะวันออก จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป โดยบางช่วงของเดือน ธ.ค. และ ม.ค. จะ มีอากาศหนาวกับมีหมอกในบางวัน โดยเฉพาะบริเวณ จ.นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. เป็นต้นไป อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น

    ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (ฝั่งอ่าวไทย) กลางเดือน ต.ค.-กลางเดือน ธ.ค. จะมีฝนตกชุกหนาแน่นโดยจะตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจเกิดน้ำ ท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรง จากนั้น เดือน ม.ค. ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงกับจะมีอากาศเย็นในตอน เช้าในหลายพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ตอนล่างของภาคจะยังคงมีฝน ตกหนักได้เป็นบางวัน ขณะที่ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก (ฝั่งทะเลอันดามัน) เดือน ต.ค.-พ.ย. ก็จะยังคงมีฝนตกชุก คลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง ตั้งแต่เดือน ธ.ค. เป็นต้นไปปริมาณฝนจะลดลง และในบางพื้นที่จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า

    กรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนมากในเดือน ธ.ค. และเดือน ม.ค. โดยอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นและมีอากาศร้อนในตอนกลางวันตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.

    โดยสรุปตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเคยคาดการณ์ไว้ ฤดูหนาวปีนี้ ประเทศไทยตอนบนคาดว่าจะมีอากาศหนาวเย็นใกล้เคียงปกติ และบางพื้นที่ในประเทศไทยจะมีอุณหภูมิต่ำสุดต่ำกว่าฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ช่วงที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดจะอยู่ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.-กลางเดือน ม.ค. โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน บริเวณยอดดอยและยอดภู และฤดูหนาวของประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตาม บริเวณประเทศไทยตอนบนอาจเกิดความแห้งแล้งได้ใน หลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณนอกเขตชลประทาน เนื่องจากมีปริมาณฝน น้อยเกือบตลอดช่วง

    ที่ว่ามาก็เป็นพยากรณ์อากาศฤดูหนาวปีนี้...ก่อนหน้า

    แต่ล่าสุด...มีการเน้นเพิ่มเติมเรื่อง “อากาศหนาวจัด”

    เมื่อ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาแจ้งข่าวฤดูหนาวของประเทศไทยในปีนี้เพิ่มเติม ตามรายงานข่าวก็บอกว่า... “ฤดูหนาวปีนี้ประเทศไทยจะหนาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา”

    ทั้งนี้ พูดถึงคำว่า “หนาว” สำหรับคนไทยแล้ว อากาศหนาวหมาย ถึงอุณหภูมิในช่วง 8.0-15.9 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิระหว่าง 16.0-22.9 องศาเซลเซียส ถือว่าแค่อากาศเย็น ถ้าอุณหภูมิสูงกว่า 22.9 องศาเซลเซียสขึ้นไป ก็เริ่มร้อน ไล่ขึ้นไปจนถึงร้อนจัด แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 8.0 องศาเซล เซียสแล้วล่ะก็...ถือว่า “อากาศหนาวจัด” ซึ่งสำหรับเมืองไทยปีนี้ใครชอบหนาว น่าจะสมหวัง-ใครกลัวหนาวยิ่งต้องระวัง

    ทางกรมอุตุนิยมวิทยาบอกเมื่อ 11 ต.ค. ว่า... ปีนี้อากาศจะเริ่มหนาวตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งในช่วงประมาณเดือน ธ.ค.-ม.ค. จะเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวจัดที่สุด “จะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส” เนื่องมา จากมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนและลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังแรงจะพัดลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนบ่อยครั้งและต่อเนื่องมากขึ้น ส่งผลให้ฤดูหนาวปีนี้อาจมี “อุณหภูมิหนาวเย็นมากกว่าปีก่อน ๆ” โดยเฉพาะ บริเวณยอดดอยและยอดภู อาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ แต่ภาคกลางและตะวัน ออกจะเริ่มมีอากาศเย็นลงชัดเจนในเดือน พ.ย. โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 20-24 องศาเซลเซียส

    ช่วงเดือน ธ.ค. และ ม.ค. มักมีหมอกหนาเกิดมากหลายพื้นที่ ควร “ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ยานพาหนะ” เช่นเดียวกับที่ ต้อง “ระมัดระวังสุขภาพ” จากอากาศหนาวเอาไว้ด้วย เพราะหนาวจัดทีไรก็มี คน “แข็งตาย” ทุกที และโรคภัยที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็อาทิ ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, ปอดบวม, วัณโรค โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ ยิ่งต้องดูแลให้ดี ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังให้เหมาะกับวัย พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น อย่าอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำเย็นจัด เป็นต้น

    ปีนี้อาจจะเป็นอีกปี...ที่เมืองไทยจะ “หนาวมาก-หนาวนาน”

    ถึงเป็นคนชอบอากาศเย็น-อากาศหนาว...ก็ “อย่าประมาท”

    ปัจจุบันนี้ “ธรรมชาติดุจัด” ไม่กลัว...คงจะไม่ดีแน่ !?!?!.
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2008
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932

    *** สัจจธรรม ****

    สัจจะปฏิบัติ...เพื่อพ้นทุกข์
    เป็นเหตุผลตาม....หลักสัจจะธรรม
    "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"

    ผลตอบแทน...คือ การจัดสรรจาก ตัวกระทำ
    แผลงเข้ามา ปรากฏเป็น กรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประเทศไทยจะมีหิมะตกจริงหรือนี่ ???

    [​IMG]

    <TABLE id=table110 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=608>'โหรโสรัจจะ' ยืนยันปีหน้า(2551)คนไทยได้ดูหิมะแน่ เหตุสามดาวทำมุมวิกฤต ย้ำเจอภัยธรรมชาติหนักทั้งแผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม ด้านอธิบดีกรมอุตุฯ ยันเป็นไปได้ยาก โอกาสเกิดน้อยมาก แต่ยอมรับเคยเกิดที่พม่า ไม่วางใจจับตาสภาพอากาศวิปริต
    <TABLE id=table110 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=6 rowSpan=3></TD><TD colSpan=2>
    </TD><TR><TD width=608>'ดร.อานนท์' นักวิจัยจุฬาฯ ระบุดัชนี 'ลานีญา' แรงที่สุดในรอบ 30 ปี ฉุดน้ำทะเลมหาสมุทรแปซิฟิคฝั่งตะวันออกเย็นจัด ขณะที่ปลายปีนี้เมืองไทยจะหนาวที่สุด หนาวนานกว่าทุกปี ตรงกับ 'โหรโสรัจจะ' ระบุปีหน้าคนไทยอาจได้เห็นหิมะตก ส่วนน้ำท่วมโคราชเริ่มลดระดับแล้ว

    เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่อากาศเมืองไทยที่เริ่มหนาวหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏว่าใกล้เคียงกับคำทำนายของ โหรโสรัจจะ นวลอยู่ ซึ่งได้ทำนายไว้ในหนังสือ 'ศาสตร์แห่งโหร' ปี 2551 ที่ระบุว่า

    '...ส่วนสยามประเทศ ปีชวด 2551 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ในปลายปีชวด 2551 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด 'หิมะตก' ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก เพราะไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย

    แต่จริงๆ แล้ว ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหันตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่แบบไทยๆ เราก็จะเปลี่ยนแปลงไป...'

    วันที่ 17 ตุลาคม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรม การเปลี่ยนแปลงของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงนี้ อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเกือบตลอดทั้งวัน และมักจะมีฝนตกในช่วงบ่าย เป็นเพราะประเทศไทยยังไม่สิ้นสุดฤดูฝน จากการตรวจสอบยังพบว่า ร่องฝนยังอยู่บริเวณภาคกลาง ลมที่พัดผ่านเข้ามาก็เป็นลมฝน เพราะไม่ได้พัดมาจากทิศเหนือ แต่เป็นลมฝนที่ค่อนข้างเย็น เพราะได้รับอิทธิพลของความกดอากาศต่ำเป็นระยะ บวกกับอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญาที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้สภาพอากาศไม่แจ่มใสนัก

    ชี้ปีนี้หนาวเป็นประวัติการณ์-ใจกลางกทม.เหลือ 18 องศาฯ

    'จากการตรวจสอบดัชนีลานีญาล่าสุด พบว่า หลังจากนี้ เมื่อเข้าถึงฤดูหนาวเต็มตัวช่วงเดือนพฤศจิกายน อากาศในประเทศไทยจะหนาวกว่าปีที่ผ่านๆ มา เพราะดัชนีลานีญาแรงมาก แรงที่สุดในรอบ 30 ปี แรงกว่าช่วงปี 2543 ที่ถือว่าช่วงเวลานั้น ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจาก ปรากฏการณ์ลานีญาแรงที่สุดแล้ว จากอิทธิพลดังกล่าวนี้ ทำให้ให้น้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิคฝั่งตะวันออกเย็นจัด ในขณะที่ฝั่งตะวันตกยังอุ่น ความกดอากาศระหว่าง 2 ฝั่ง จึงแตกต่างกันมาก ส่งผลให้ร่องฝนอยู่ในประเทศไทยนานกว่าปกติ และทำให้อุณหภูมิช่วงฤดูหนาวต่ำกว่าปกติ และอยู่นานกว่าปีที่ผ่านๆ มาด้วย' ดร.อานนท์ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ปีนี้ประเทศไทยจะมีอากาศหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี หรือไม่ ดร.อานนท์ กล่าวว่า ต้องดูสถิติ ยังไม่สามารถฟันธงได้ แต่ยืนยันว่าฤดูหนาวปีนี้ หนาวกว่าปกติ แต่อุณหภูมิจะเหลือกี่องศาเซลเซียส ต้องดูกันที่สถานที่

    'ที่น่าสนใจคือ ตัวเมือง อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) หากอากาศหนาว จะพบปรากฏการณ์แบบนี้แถบบางนา บางขุนเทียน อุณหภูมิราวๆ 18 องศาเซลเซียส แต่ปีนี้ อิทธิพลของลานีญา จะส่งผลให้พื้นที่ชั้นในอย่างสีลม สุขุมวิท หนาวด้วย โดยเฉพาะช่วงเช้ามืด อิทธิพลที่เข้มข้นของลานีญา ทำให้เกิด ลมเย็น ที่จะเข้าไปสลายโดมความร้อนกลางเมือง ทำให้กทม.ชั้นในมีอากาศหนาวด้วย' ดร.อานนท์ กล่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คำทำนาย 'โหรโสรัจจะ' ใกล้เคียงกับผลวิจัยของนักวิชาการ
    จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรม การเปลี่ยนแปลงของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาระบุว่า ปรากฏการณ์ลานีญาปีนี้แรงมากที่สุดในรอบ 30 ปี และทำให้ไทยมีอากาศหนาวหนักที่สุด

    ทั้งนี้ พบว่าผลวิจัยดังกล่าวตรงกับคำทำนายของ 'โหรโสรัจจะ นวลอยู่' ซึ่งได้ทำนายไว้ในหนังสือ 'ศาสตร์แห่งโหร' ปี 2551ของสสำนักพิมพ์'มติชน' ที่ระบุว่า

    '...ส่วนสยามประเทศ ปีชวด 2551 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ในปลายปีชวด 2551 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด 'หิมะตก' ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วนประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก เพราะไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย

    แต่จริงๆ แล้ว ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหันตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่แบบไทยๆ เราก็จะเปลี่ยนแปลงไป...'

    ย้ำ 3 ดาวทำมุมวิกฤต ส่งผล 'หิมะตก'

    นายโสรัจจะ นวลอยู่ หรือ โหรโสรัจจะ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า มีความเป็นไปได้ว่า ปีหน้า เมืองไทยจะมีหิมะตก เพราะเท่าที่วิเคราะห์แล้วพบว่า มีดวงดาวสามดวงที่ทำมุมกันอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ทำให้ปลายปีหน้าไทยอาจจะมีหิมะเกิดขึ้น คือสามดาวใหญ่จะทำมุมกันแบบวิกฤต ทั้งดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และราหู ทำให้มีแนวโน้มว่าอาจทำให้เกิดภาวะธรรมชาติวิปริต สอดคล้องกับวงการวิทยาศาสตร์เหมือนกัน

    'ดาวพฤหัสบดี ซึ่งตอนนี้อยู่ในราศีพิจิกจะเขยิบย้ายไปอยู่ราศีธนู ขณะที่ราหูจะยังอยู่ในราศีกุมภ์ ส่วนดาวเสาร์ก็จะยังอยู่ในราศีสิงห์ ตรงนี้ถือว่า กระทบต่อโลกและเมืองไทยโดยตรง เพราะเป็นการจรของดวงดาวในมุมอับ ซึ่งตรงกับดวงเมืองลัคนาของไทย เพราะดาวพฤหัสซึ่งดาวเกี่ยวกับน้ำจะย้ายไปอยู่ราศีธนูในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่ราหูจะโคจรจากราศีกุมภ์ไปยังราศีมีน ถือเป็นจุดตรึงเมืองไทย หรือเหมือนเจอมุมกากบาท ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศโดยตรง คือเมืองไทยเราจะเจอภาวะอากาศหนาวจัด ตรงนี้ก็อาจสอดคล้องกับปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์เรื่องน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากปลายปีนี้ ซึ่งอากาศเมืองไทยเริ่มหนาวมาก โดยดาวพฤหัสจะเริ่มย้ายเข้าสู่ราศีธนูในเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว ' โหรโสรัจจะกล่าว

    เมื่อถามย้ำว่า แล้วจะเกิดหิมะขึ้นในเมืองไทยจริงหรือไม่ โหรชื่อดังกล่าวว่า อาจเป็นลักษณะเป็นเกร็ดน้ำแข็งมากกว่า แต่เป็นปรากฎการณ์ที่จะเรียกว่า จะบ่อยครั้งขึ้นในเมืองไทยหรือทุก ๆ 1 หรือ 2 ปี จากเดิมที่เกิดแบบ 3 ทศวรรษครั้ง

    ปีหน้าหนัก ทั้งแผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม

    โหรโสรัจจะ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าปีหน้าจะเกิดภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง ๆ เช่น พายุ อุทกภัย หรือน้ำท่วมในบางแห่ง เรียกว่าเป็นภัยรุนแรงเกี่ยวกับน้ำ คน และมหาสมุทร โดยเฉพาะในช่วงที่ปลายปีหน้า ดาวพฤหัสจะเขยิบจะไปอยู่ราศีมังกร ตรงนี้เกี่ยวกับไทยโดยตรง เพราะทำฉากกับลัคนาของดวงเมืองไทย ส่วนราหูก็จะโคจรมารวมอยู่กับดาวพฤหัสด้วย ถือเป็นมุมเล็งกัน

    'จากมุมวิกฤตของดวงดาวดังกล่าวตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีหน้า ไทยอาจะต้องเจอภัยธรรมชาติอื่นๆ เช่น แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ หรือสึนามิใต้ทะเล ดินถล่ม รวมทั้งเรื่องแผ่นดินไหว ที่คาดว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษา เพราะอิทธิพลของราหูที่ย้ายเข้าราศีมังกร' โหรโสรัจจะ กล่าว

    อธิบดีกรมอุตุ รับเคยมีหิมะตกที่พม่า

    ด้านนายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงค์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสภาวะอากาศที่แปรปรวนบ่อย โดยคาดว่า จะเป็นช่วงที่อากาศหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี ว่า ในขณะนี้ถือได้ว่ามีปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้น ซึ่งเป็นแบบอ่อนๆ ยังไม่มากนัก และจะเป็นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2551 และหากประกอบกับมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน ก็จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง 1-2 องศาเซลเซียสในภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งน่าจะสนับสนุนกับแนวคิดของนักวิชาการที่เคยระบุไปก่อนหน้านี้

    ระบุหิมะที่เมืองไทย เป็นไปได้ยาก

    เมื่อถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะมีหิมะตกที่เมืองไทย อธิบดีกรมอุตุนิยม กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ คงเป็นเรื่องยากมากทีเดียว แต่ถ้าในภูมิภาคเดียวกันก็เคยเกิดที่ทางเหนือของประเทศพม่า ใกล้กับประเทศจีน เคยมีหิมะตกบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก สำหรับบ้านเราอย่างมากก็มีแค่แม่คะนิ้ง

    'กรณีที่จะเกิดหิมะตกได้ จะต้องมีอุณหภูมิลบต่ำกว่าศูนย์องศามากๆ ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นลักษณะของเกร็ดหิมะได้ แต่ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์เมืองไทยไม่เคยปรากฏ'

    เมื่อถามย้ำว่าหากเกิดหิมะตกในเมืองไทยจริงจะหมายความว่าสภาพอากาศของประเทศเกิดวิกฤตแล้วใช่หรือไม่ นายศุภฤกษ์ กล่าวว่า ก็ยังไม่เรียกได้ว่าวิกฤต เป็นเพียงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามกรมอุตุฯาก็ต้องติดตามต่อไปว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่ต้องจับตาอยู่แล้ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=7939&catid=27
    <!-- -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2008
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯ ยังไม่เปิดไฟเขียวให้อิสราเอลโจมตีอิหร่าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ปีเตอร์ เฮิร์ชเบิร์ก</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ตุลาคม 2551 23:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    รายงานหลายกระแสบ่งบอกว่า วอชิงตันยังคงยึดเหนียวแน่นกับนโยบายใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน อีกทั้งไม่เปิดไฟเขียวให้อิสราเอลเข้าถล่มโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน --อย่างน้อยที่สุดก็ในเวลานี้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากสหรัฐฯกังวลว่าอิสราเอลจะไม่สามารถทำลายสมรรถนะทางนิวเคลียร์ของอิหรานให้เสียหายไปทั้งหมดได้ และการตอบโต้ของเตหะรานต่อจากนั้น จะพุ่งเป้ามายังกองทหารสหรัฐฯในอาณาบริเวณนี้

    เยรูซาเลม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • israel-jets.jpg
      israel-jets.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      1,608
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ก่อนที่จะกำเนิดยุคใหม่

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    สหประชาชาติ - ยูเอ็นระบุราคาอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ประชากรโลกต้องประสบปัญหาความอดอยากเพิ่มขึ้นถึง 75 ล้านคน

    กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) เผยรายงานที่ระบุว่า วิกฤติราคาอาหารโลกที่พุ่งสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวนคนอดอยากทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 75 ล้านคน

    ในจำนวนนี้เป็นประชากรในเอเชียถึง 41 ล้านคน และอีก 24 ล้านคนอยู่ในทวีปแอฟริกา คาดว่าในขณะนี้ทั่วโลกน่าจะมีประชากรอดอยากมากถึง 923 ล้านคน

    เอฟเอโอ ระบุด้วยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้การแก้ปัญหาความอดอยากของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ที่ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนคนอดอยากทั่วโลกลงให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งภายในปี 2558 ไม่ประสบผลสำเร็จ

    กรุงเทพธุรกิจ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 13:21:00

    ที่มา http://www.citiservice.net/forum/index.php?action=printpage;topic=21518.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกาะสุลาเวสี ของอินโดนีเซีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 20 ต.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ช่วงนี้ ขอนแก่นเริ่มเย็นแล้วนะคะ โดยเฉพาะช่วงเช้า
    หลายวันก่อน มันคงหนาวจนเข้าฝัน เพราะฝันว่า
    ตื่นมาแล้วเห็นหิมะตก อึ้งไปอยู่พักหนึ่ง เพราะ
    นึกว่าจะตกแต่บนดอย แต่นี่ตกจริงๆ(ในฝัน)
    กลางเมืองขอนแก่น... แล้วก็ตื่นจากฝัน...
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชาวแพร่เริ่มประสบภัยหนาวแล้ว คาดรุนแรงกว่าทุกปี

    [​IMG]

    แพร่ 20 ต.ค. - พบชาวแพร่ประสบภัยหนาวแล้วกว่า 80,000 คน ขณะที่จังหวัดเร่งตั้งศูนย์รับมือภัยหนาว คาดรุนแรงกว่าทุกปี เตือนประชาชนรักษาร่างกายให้อบอุ่น งดอาบน้ำช่วงกลางคืน

    นายสมฤทธิ์ วิชัยทา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้ขณะนี้พบประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 81,693 ราย ในพื้นที่ 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองแพร่ อ.สูงเม่น อ.เด่นชัย อ.ลอง อ.สอง อ.ร้องกวาง อ.วังชิ้น และ อ.หนองม่วงไข่ ทางจังหวัดจึงตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งนี้ คาดว่าอากาศจะหนาวเย็นกว่าทุกปี

    ขณะที่ นพ.สานิตย์ ชากฤษณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพร่ กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจเข้ารับการรักษาตัวแล้วหลายราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งคาดว่าผู้ป่วยจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น แนะประชาชนควรรักษาร่างกายให้อบอุ่น ไม่อาบน้ำเย็นในเวลากลางคืน และหากมีอาการไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที และควรระวังเกี่ยวกับการรับประทานอาหารด้วย. - สำนักข่าวไทย

    2008-10-20 19:43:00

    ลำปางเกาะติดสภาพอากาศใกล้ชิดรับมือภัยหนาว

    [​IMG]

    ลำปาง 20 ต.ค.-นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นลง ทางจังหวัดได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 13 แห่ง ในพื้นที่ เร่งสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากภัยหนาว

    โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนยอดเขาและหุบเขา เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับสั่งการให้ทุกอำเภอติดตามสภาพอากาศในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ติดต่อกันนาน 3 วัน ให้รายงานมายังจังหวัด เพื่อประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากประสบภัยหนาว ปีหน้าคาดว่าจะมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน และต้องการเครื่องนุ่งห่มกันหนาวไม่ต่ำกว่า 80,000 ราย.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-20 16:01:07

    ราชบุรีพร้อมรับท่องเที่ยวฤดูหนาวที่สวนผึ้ง

    [​IMG]

    นายสมบูรณ์ สิริเวช นายอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทางอำเภอสวนผึ้ง และหลายหน่วยงานประชุมความพร้อมเตรียมรับการท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแห่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสธรรมชาติความหนาวเย็นได้อย่างเต็มที่

    โดยเฉพาะโครงการพระราชดำริ สวนป่าสิริกิติ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นแบบอย่างของเศรษฐกิจพอเพียง แก่งส้มแมว ลักษณะคล้ายน้ำตกลงมาจากที่สูง สวนกล้วยไม้ รวมทั้งน้ำตก 4 แห่ง คือ น้ำตกเก้าชั้น น้ำตกผาแดง น้ำตกบ่อหวี น้ำตกผาชนแดน ซึ่งมีความความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก และขณะนี้สถานที่พักและรีสอร์ทใน อ.สวนผึ้ง ถูกจับจองแล้วจำนวนมาก บางแห่งเต็มไปถึงสิ้นเดือนธันวาคม.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-20 10:50:30

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>APเผยอาหารสัตว์จากจีนปนเปื้อนเมลามีน ทำสุนัขตายนับพัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดยผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2551 19:46 น.

    [​IMG]
    สุนัขแรคคูน

    สำนักข่าวเอพี รายงานว่า สุนัขเลี้ยงในฟาร์มแห่งหนึ่งของจีน ได้กินอาหารสัตว์ที่ปนเปื้อนสารเมลามีนล้มตายกว่า 1,000 ตัว ที่ฟาร์มในมณฑลเหลียงหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

    สัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเสิ่นหยาง ระบุว่า สุนัข 1,500 ตัว ที่ตายอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันทั้งหมด ผลการชันสูตรพบว่า สุนัขตายด้วยอาหารไตวาย โดยร้อยละ 25 ของนิ่วที่พบ มีสารเมลามีนรวมอยู่ด้วย

    สุนัขเลี้ยงเหล่านี้ มีชื่อว่าสุนัขแรคคูน เนื่องจากว่าหน้าตาและลักษณะขนคล้ายแรคคูน ขนของพวกมันจะนำไปใช้ทำเสื้อกันหนาว สัตวแพทย์ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเรื่อง เจ้าของบริษัทที่ผลิตอาหารสุนัข ได้ต่อรองขอจ่ายเงินชดเชยให้กับฟาร์ม พร้อมกดดันไม่ให้นำเรื่องนี้ไปเปิดเผยกับสื่อมวลชน

    ขณะที่หน่วยงานซึ่งดูแลเรื่องยา และอาหารสัตว์ของมณฑล ระบุว่า ขณะนี้กำลังประสานงานกระทรวงเกษตร เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาหารสัตว์ทั่วประเทศ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

    ที่มา http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000124737
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2008
  10. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    กรณียเมตตสูตร



    หรือ กรณียเมตตปริตร หรือ กรณียเมตตสูตร
    ทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเป็นสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน
    <DL><DD>๑. กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ . . . . . . . ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ <DD>สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ . . . . . . . . . . . . สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี <DD>กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำ ก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง </DD></DL>

    <DL><DD>๒. สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ . . . . . . . .อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ <DD>สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ . . . . . . . . อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ <DD>เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย, คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก, รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย </DD></DL>

    <DL><DD>๓. นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ . . . . . เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง <DD>สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ . . . . . . . . . . . . สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา <DD>ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด </DD></DL>

    <DL><DD>๔. เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ . . . . . . . . . . . . .ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา <DD>ทีฆา วา เย มะหันตา วา . . . . . . . . . . .มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา <DD>ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์-มีลำตัวยาวหรือ ลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม </DD></DL>

    <DL><DD>๕. ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา . . . . . . . . . เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร <DD>ภูตา วา สัมภะเวสี วา . . . . . . . . . . . . .สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา <DD>ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือ กำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด </DD></DL>

    <DL><DD>๖. นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ . . . . . . . . .นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ <DD>พ์ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา . . . . . . .นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ <DD>บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้าย ต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน </DD></DL>

    <DL><DD>๗. มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง . . . . . . . . . . อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข <DD>เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ . . . . . . . . . . . . . . มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง <DD>คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิต ฉันนั้น </DD></DL>

    <DL><DD>๘. เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง . . . . . . . . .มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง <DD>อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ . . . . . . . . . . อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง <DD>พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ </DD></DL>

    <DL><DD>๙. ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา . . . . . . . . . . . สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ <DD>เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ . . . . . . . . . . พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ <DD>ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร (การอยู่อย่างประเสริฐ) </DD></DL>

    <DL><DD>๑๐. ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา . . . . .ทัสสะเนนะ สัมปันโน <DD>กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง . . . . . . . . . . . . . .นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ <DD>ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้ </DD></DL>
    (คำแปลของ ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต)
    <!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 2/1000000Post-expand include size: 0/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytesExpensive parser function count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwikisource:pcache:idhash:7520-0!1!0!!th!2 and timestamp 20081021040235 -->
    http://th.wikisource.org/wiki/กรณียเมตตสูตร
    <!-- end content -->
     
  11. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ตฤณ”ทิ้งไอ-เน็ตทำงานเพื่อสังคม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 ตุลาคม 2551 11:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=246 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=246>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แฟ้มภาพ : ตฤณ ตัณฑเศรษฐี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ตฤณ ตัณฑเศรษฐี” ทิ้งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการ ไอ-เน็ต อย่างเป็นทางการ เผยเป็นเพราะต้องการนำความรู้ออกไปทำงานเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ ย้ำเป็นความตั้งใจมานานแล้ว

    นายไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (ไอเน็ต) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) มีมติเห็นชอบการลาออก ของนายตฤณ ตัณฑเศรษฐี กรรมการผู้จัดการ โดยมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายธีระเมธ พกมณี กรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบ ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการแทนไปก่อน รวมทั้งได้มอบหมายให้นายสหัส ตรีทิพยบุตร กรรมการ ทำหน้า เป็นกรรมการสรรหาผู้จัดการบริษัทคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งคาดว่า ในเดือน ธ.ค.นี้จะสามารถสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่แล้วเสร็จ

    อย่างไรก็ดี การลาออกของนาย ตฤณ ได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้านานแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวมีความต้องการไออกไปทำงานช่วยเหลือสังคม และแม้จะลาออกจากตำแหน่งไป นายตฤณก็ยังมีตำแหน่งอยู่ในบริษัท เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารอยู่

    ด้านนายตฤณกล่าวว่า การตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดมาปัญหากับองค์กร หรือได้รับปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในองค์กร แต่มีความตั้งไจมานานแล้วที่จะออกไปใช้ความรู้ที่มีเพื่อทำงานช่วยเหลือสังคม โดยการลาออกก็เพื่อไปทำงานให้กับองค์กร โอเพ่นแคร์ เต็มตัวองค์กรนี้ กำลังจะถูกจัดตั้งเป็นมูลนิธิ ในอนาคตอันใกล้ หน้าที่ขององค์กรคือการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้สำหรับการกับการบริการจัดการในช่วงเกิดภัยพิบัติ ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นมาก และในอนาคตโอเพ่นแคร์ก็มีแผนงานที่จะนำแพลตฟอร์มที่ทำขึ้น นำไปประยุกต์ใช้ในระดับนานาชาติต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ลำปางฝนตกหนักเฝ้าระวัง 2 อำเภอเสี่ยงภัย

    [​IMG]

    ลำปาง 21 ต.ค.- นายนคร คำวงศ์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยามีหนังสือด่วนถึงจังหวัดในวันนี้ (21 ต.ค.) เพื่อประกาศเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

    เนื่องจากกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนตัวผาดผ่านพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลให้ 7 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง สุโขทัย และตาก มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ และจากการตรวจสอบปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืนที่ผ่านมา (20 ต.ค.) พบว่า อ.เถิน และอ.แม่ทะ มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดของภาคเหนือ ถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยในระดับสีแดง ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือสถานการณ์ ขณะเดียวกันจังหวัดกำชับให้ทุกอำเภอเน้นย้ำมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-21 13:34:03

    ชาวนราฯ แห่พบแพทย์หวั่นติดเชื้อชิคุนกุนยา

    [​IMG]

    นราธิวาส 21 ต.ค.- นายศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า หลังพบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาพื้นที่แรกในอำเภอยี่งอ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดมีการระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 9 อำเภอแล้ว จำนวน 208 คน โดยเฉพาะอำเภอยี่งอเป็นพื้นที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ 101 คน และ อ.แว้ง 83 คน

    นอกจากนี้ ยังพบว่าตามสำนักงานสาธารณสุขประจำอำเภอมีประชาชนหลายกลุ่มวัยเข้ามาให้แพทย์ตรวจร่างกายมากกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะเป็นโรคชิคุนกุนยา ทำให้เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลต้องอำนวยความสะดวกด้วยการจัดทำบัตรคิว เพื่อความสะดวกเข้ารับบริการ สำหรับโรคชิคุนกุนยานั้นประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกมากเกินไป เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่ร้ายแรงเหมือนไข้เลือดออก เพียงแต่ผู้ป่วยรายผู้ใหญ่จะมีอาการเจ็บปวดตามข้อ และจะหายเป็นปกติใน 7 วัน เมื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี โดยวิธีป้องกันจะต้องหมั่นทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายพาหะของโรคเช่นเดียวกับไข้เลือดออก เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-21 13:37:04

    ครม.ให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจภัยหนาวช่วยผู้ประสบภัย

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 21 ต.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    จ.กระบี่ เตือนพื้นที่เสี่ยงระวังภัยจากฝนตกหนัก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">21 ตุลาคม 2551 16:24 น.
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> [​IMG]
    นายชัยเลิศ ภิญโญรัตนโชติ รองผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ กล่าวว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 ตุลาคม ร่องความกดอากาศต่ำ พัดพาดผ่านภาคใต้สู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกพัดปกคลุมทะเลจีนใต้ อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ทำให้ จ.กระบี่ บางพื้นที่มีฝนตกหนักในระยะนี้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณ ต.ทับปริก ต.อ่าวนาง อ.เมือง ต.โคกยาง เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา และ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ระมัดระวังจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และขอให้สังเกตน้ำไหล ถ้าหากสีน้ำเหมือนสีดินภูเขา ขอให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ขึ้นสู่ที่ราบสูง พร้อมทั้งชาวประมงชาวเรือระมัดระวังการเดินเรือในระยะนี้ด้วย
    นอกจากนั้น ขณะนี้ยังได้กำชับไปทุกอำเภอ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือ ทางด้านการจัดเตรียมกำลังคน วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือ และมิสเตอร์เตือนภัยที่ประจำในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และหากประชาชนได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม ขอให้แจ้งความช่วยเหลือไปที่หมายเลขโทรศัพท์ 075-612-735 และ 075-612-690

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เชียงใหม่-อุตุฯเตือนเหนือ-อีสานอากาศป่วนระวังน้ำป่า

    [​IMG]

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งเตือนภาคเหนือ และอีสานของไทยอากาศแปรปรวนหลายพื้นที่ มีฝนตกหนักให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก หนองคาย และเลย

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งว่าคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักในระยะแรก ต่อจากนั้นบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นก็จะแผ่เสริมเข้ามาแทนที่จะทำให้อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา ​

    [​IMG]

    ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่น บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก หนองคาย และเลยให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ ​

    [​IMG]

    สำหรับร่องความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุก และฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย ​

    (21/10/51)

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bk07_2.jpg
      bk07_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      1,736
    • map06.jpg
      map06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      1,765
    • 399-20070322135328.jpg
      399-20070322135328.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.8 KB
      เปิดดู:
      1,742
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2008
  15. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6536 ข่าวสดรายวัน


    ไอบีเอ็มทำเกม"พระราชวังต้องห้าม"




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ถึงไม่มีตังค์ไปเที่ยวชมพระราชวังต้องห้าม ที่ประเทศจีน แต่ "บริษัท ไอบีเอ็ม" ก็ช่วยให้ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากไปชม เข้าไปสัมผัสพระราชวังต้องห้ามได้ ที่เว็บไซต์ www. beyondspaceandtime.com

    เกมบียอนด์สเปซแอนด์ไทม์ เป็นเกมที่ให้ทั้งความสนุกสนานและให้ความรู้ทางวัฒนธรรม ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นเป็นตัว "ขันที" ก็ได้ รวมทั้งตัวในราชสำนักอื่นๆ นอกจากนี้ ยังได้พบเห็นอาหารบนโต๊ะเสวยของจักรพรรดิราชวงศ์ชิง เห็นการฝึกจิ้งหรีดให้ต่อสู้กัน การให้อาหารจิ้งหรีดด้วยยุงตัวอ้วนๆ ที่เต็มไปด้วยเลือด

    ไอบีเอ็มใช้เวลาพัฒนาเกมนี้มาประมาณ 3 ปี ใช้เงินลงทุน ราว 100 ล้านบาท ด้านนักวิชาการมีความเห็นว่า เป็นสิ่งดีที่แนะนำผู้เล่นเกี่ยวกับพระราชวังต้องห้าม แต่ก็เกรงว่า จะมีข้อเท็จจริงที่ผิดเพี้ยนไป

    นายหูฉุ่ย ผู้อำนวยการกองสารนิเทศของจีน มีความเห็นต่อเกมว่า "ถ้าย้อนกลับไปในสมัยนั้น พวกคุณไม่สามารถเดินเล่นอยู่ในวังได้อย่างนี้หรอก เข้าไปแล้วต้องคุกเข่าก้มคำนับ ไม่มีวันยืนก๋าอยู่กลางทางเสด็จพระราชดำเนินอย่างที่เห็นในเกมได้ และถ้าทำก็ต้องถูกตัดหัวไปแล้ว!" - รอยเตอร์

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
    ตรวจซากฉลาม ไร้ตัวผู้ก็"ป่อง"ได้



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เป็นไปได้หรือ ฉลามก็ท้องได้โดยไม่ต้องมีพ่อ?

    เป็นไปได้สิ เพราะศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลและอควาเรียมเวอร์จิเนีย เขาพิสูจน์มาแล้ว โดยพบว่า ลูกในท้องของฉลามแอตแลนติกแบล็กทิป เพศเมีย ชื่อเจ้าทิดบิด ไม่มีพันธุกรรมใดๆ ที่บ่งว่า สืบเชื้อสายมาจากฉลามเพศผู้ และตลอด 8 ปีที่มันอยู่ในอควาเรียม ไม่เคยแผ้วพานกับตัวผู้ใดๆ

    ดร.เดเมี่ยน แชปแมน ผู้ศึกษา กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ฉลามหัวค้อนเพศเมียที่สวนสัตว์เมืองโอมาฮ่า รัฐเนแบรสกา ก็มีลูก บรรดาผู้ดูแลต่างงุนงงว่า มันท้องได้อย่างไรมาแล้ว การที่ฉลามท้องแบบไร้พ่อนี้จึงไม่ใช่ความฟลุกแน่ๆ"

    สำหรับเจ้าทิดบิดตายไปตอนที่มันเกิดความ เครียดเมื่อท้องโดยไม่มีสาเหตุ แพทย์จึงผ่าซากพิสูจน์และพบลูกฉลาม 1 ตัว ความยาว 10 นิ้วอยู่ในท้อง ซึ่งลูกฉลามนี้ฟอร์มตัวเกือบเต็มที่แล้ว และถ้ามันได้เกิดออกไปผจญโลกจริงๆ เป็นไปได้ว่ามันจะตายเร็ว เพราะอาจมีโรคหลายโรค ทำให้เสียเปรียบในการอยู่รอด - เอพี

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

    10โรคประหลาด ที่ไม่น่าเป็นที่สุดในโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    โรคโพรจีเรีย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>โลกเรายังมีโรคแปลกๆ ที่ยังรักษาไม่หายอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่แพทย์ยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ซึ่ง 10 โรคต่อไปนี้เราอาจจะเคยได้ยิน หรือเห็นคนเป็นโรคมาบ้าง แต่บางโรคก็ไม่เคยได้ยินเลย และเพิ่งจะรู้ว่ามีโรคนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ



    1 .โรคค็อดทาร์ดหรือโรคศพเดิน (Walking Corpse Syndrome)เป็นหนึ่งในโรคทางจิต ตั้งชื่อตามนายแพทย์จูลส์ ค็อดทาร์ด แพทย์ด้านสมองชาวฝรั่งเศส ที่พบว่าผู้ป่วยคนหนึ่งของเขาเป็นโรคนี้ นายแพทย์ค็อดทาร์ดกล่าวถึงผู้ป่วยที่เขารักษาว่า "เธอไม่เชื่อว่าเธอมีอวัยวะ จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องกินอาหาร"



    ผู้ป่วยมีความเชื่อว่าสูญเสียอวัยวะสำคัญ แม้กระทั่งสูญเสียวิญญาณ ผู้ที่เป็นมากๆ จะเชื่อว่าตนตายไปแล้ว ทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่าจากเนื้อของตัวเอง รู้สึกว่าเหมือนหนอนกำลังกัดกินเนื้อ บางคนเชื่อว่าตัวเองไม่มีกระเพาะ จึงไม่กินอาหาร เป็นไปได้ว่าผู้ที่เป็นโรคเสพยาบ้า โคเคน มากเกินไป และอาจเกี่ยวข้องกับโรคจิตเภท โรคอารมณ์แปรปรวน



    2.โรคแวมไพร์ซินโดรม ได้ชื่อว่าแวมไพร์ต้องนึกถึงผีค้างคาวดูดเลือด ที่ออกอาละวาดในยามราตรี แต่กลัวแสงสว่างเป็นที่สุด ผู้ป่วยโรคนี้ก็เช่นกัน คือกลัวแสงสว่าง เพราะเมื่อถูกแสงแดดแล้วจะเจ็บปวดอย่างมหาศาล ผิวแห้งแตกเป็นขุย มีรอยไหม้



    3. โรคจัมพิ่ง เฟรนช์แมน ออฟ เมน (Jumping Frenchman of Maine Disorder) เป็นโรคที่นายแพทย์จอร์จ มิลเลอร์ เบียร์ด อธิบายไว้เป็นคนแรก เมื่อค.ศ.1878 คาดว่าผู้ป่วยที่เขาพบนั้นเป็นชายชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส ผู้ป่วยจะเกิดอาการเมื่อถูกกระตุ้น เช่น ถ้าตะโกนดังๆ ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งผู้ป่วยก็จะทำตามนั้น เช่น มีผู้ตะโกนว่า "ตบหน้าเมีย" ก็จะกระโดดเข้าไปตบหน้าภรรยาของตนเองทันที หรือถ้าได้ยินประโยคแปลกๆ ประโยคที่เป็นภาษาต่างประเทศ ก็จะพูดประโยคนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    2.โรคแวมไพร์ซินโดรม

    4.โรคเส้นบลาชโค

    5.เด็กเคนยากินสี-โรคพิคา

    7.ครอบครัวฟูเกต/ โรคบลูสกิน

    8.โรคเวอร์วูล์ฟซินโดรม

    9.โรคมือเท้าช้าง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    4.โรคเส้นบลาชโค (Blaschko"s lines) ผู้เป็นโรคจะลายริ้วๆ ไปทั้งตัว นับเป็นโรคหายากอีกโรคหนึ่ง ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักกายวิภาค ผู้ที่กล่าวถึงโรคนี้เป็นครั้งแรกคือนายแพทย์อัลเฟรด บลาชโค แพทย์ด้านผิวหนังชาวเยอรมัน ที่กล่าวถึงอาการของผู้เป็นโรคเมื่อค.ศ.1901 บริเวณกระดูกสันหลังจะเป็นเส้นรูปตัว V บริเวณหน้าอก ท้อง และข้างลำตัวจะเป็นเส้นรูปตัว S



    5.โรคพิคา หรือโรคที่กินวัตถุที่ไม่สามารถบริโภคได้ ผู้ที่เป็นโรคจะมีความอยากกินวัตถุที่ไม่ใช่อาหารมาก เช่น ดิน กระดาษ กาว โคลน ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีวิธีรักษา แต่เป็นไปได้ว่าร่างกายขาดแร่ธาตุบางอย่าง



    6.โรคอลิซในแดนมหัศจรรย์ หรือ "ไมครอพเซีย" เกิดจากความผิดปกติของสมอง ที่แปรสัญญาณไปยังสายตาผู้ป่วยให้มองทุกอย่างเล็กจากความเป็นจริง ทั้งที่สายตาของผู้ป่วยไม่มีความผิดปกติใดๆ เช่น มองสุนัขที่เลี้ยงไว้ ก็จะเห็นว่ามีขนาดเท่าหนู รถยนต์คันใหญ่ ก็จะเห็นว่ามีขนาดเท่ากับรถเด็กเล่น



    7.โรคบลูสกิน หรือ "โรคผิวสีน้ำเงิน" ผู้เป็นโรคจะมีร่างกายเป็นสีน้ำเงิน ที่สหรัฐเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ครอบครัวของนายมาร์ติน ฟูเกต เด็กกำพร้าชาวฝรั่งเศส และเข้ามาตั้งรกรากอยู่บริเวณลำธารทร็อบเบิ้ลซัมครีก รัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อค.ศ.1820 เป็นโรคนี้กันอย่างถ้วนหน้า เริ่มจากที่นายฟูเกตเองที่เป็นโรคอยู่แล้ว เมื่อเขาสมรสกับหญิงปกติ ลูก 4 ใน 7 คนเป็นโรคสีน้ำเงินเหมือนพ่อ ลูกหลานที่มาจากเชื้อสายนี้อีก 6 ชั่วคนยังเป็นโรคนี้ด้วย โดยหนูน้อยเบนจามิน สเตซี่ ที่มีเชื้อสายฟูเกต เป็นคนในตระกูลล่าสุดที่เป็นโรค โชคดีที่เด็กชายไม่เป็นมาก เพียงไม่นานหลังจากเกิดก็หาย ปัจจุบันเด็กชายอายุ 8 ขวบ



    8.โรคเวอร์วูล์ฟซินโดรม ผู้ป่วยจะมีขนยาวรุงรังตามหน้าตา แขนขา ทุกส่วนของร่างกาย คาดว่าปัจจุบันมีผู้เป็นโรคประมาณ 50 คนจากทั่วโลก เช่น เด็กชายปรัชวิราช พาทิล ชาวอินเดีย ที่ต้องเจ็บปวดจากการล้อเลียนของเพื่อนๆ และสังคม ซึ่งครอบครัวพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือ ทั้งใช้เลเซอร์แบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไปจนถึงการรักษาแบบทางเลือก อายุรเวช



    9.โรคมือเท้าช้างหรือ "เอเลแฟนต์เทียซิส" เป็นโรคที่พบเห็นกันค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนที่มียุง เนื่องจากยุงเป็นพาหะของโรค โดยจะแพร่หนอนปรสิตวูชีเรเรียแบนครอฟตี หนอนปรสิตบรูเจียมาลายี หนอนปรสิตบี.ทิโมลี มายังคน ทำให้ไข่ของหนอนปรสิตเข้ามาในกระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย มันอาจใช้เวลาฟักตัวนานหลายปี



    ที่เว็บไซต์ของโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนระบุว่า โรคมือเท้าช้างเป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค อาการที่เห็นได้ชัดคือ ขา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง



    โรคเท้าช้างในประเทศไทยมี 2 ชนิด ชนิดแรกเกิดจากเชื้อบรูเจียมาลายี มักมีอาการแขนขาโต พบมากในบริเวณที่ราบทางฝั่งตะวันออกของภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส โดยมี "ยุงลายเสือ" เป็นพาหะ ยุงชนิดนี้กัดกินเลือดของสัตว์และคน ชอบออกหากินเวลากลางคืน มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามแอ่งหรือหนองน้ำที่มีวัชพืชและพืชน้ำต่างๆ เช่น จอก ผักตบชวา แพงพวยน้ำ หรือหญ้าปล้อง



    ชนิดที่สองเกิดจากเชื้อวูชีเรเรียแบนครอฟตี มักทำให้เกิดอาการบวมโตของอวัยวะสืบพันธุ์และแขนขา พบมากในบริเวณภาคตะวันตกของประเทศไทย เช่น ที่อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก อำเภอละอุ่น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นต้น ยุงพาหะนำโรคเท้าช้างชนิดนี้ได้แก่ "ยุงลายป่า" เพาะพันธุ์ตามป่าไผ่ ในโพรงไม้ และกระบอกไม้ไผ่ ปัจจุบันพบว่าเชื้อโรคเท้าช้างชนิดวูชีเรเรียแบนครอฟตี สายพันธุ์ที่นำเข้าโดยผู้อพยพจากชายแดนไทย-พม่า มียุงพาหะหลายชนิดรวมทั้งยุงรำคาญ ซึ่งเป็นยุงบ้านที่พบได้ทั่วไป



    คนที่มีอาการมักจะเกิดจากการที่ถูกยุงที่มีเชื้อพยาธิเท้าช้างกัดซ้ำหลายครั้ง อาการในระยะแรก ผู้ป่วยอาจมีไข้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมและท่อน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ขาหนีบ หรืออัณฑะ เนื่องจากพยาธิตัวแก่ที่อยู่ในท่อน้ำเหลืองสร้างความระคายเคืองแก่เนื้อเยื่อภายใน รวมทั้งมีการปล่อยสารพิษออกมาด้วย อาการอักเสบจะเป็นๆ หายๆ อยู่เช่นนี้ และจะกระตุ้นให้เกิดอาการบวมขึ้น หากเป็นนานหลายปีจะทำให้อวัยวะนั้นบวมโตอย่างถาวรและผิวหนังหนาแข็งขึ้นจนมีลักษณะขรุขระ



    10.โรคโพรจีเรีย หรือ "โรคแก่ก่อนวัยอันควร" เป็นโรคที่เกิดจากรหัสทางพันธุกรรมตัวหนึ่งบกพร่อง ทำให้ผู้ป่วยมีรูปร่างหน้าตาแก่กว่าอายุจริงมาก ส่วนใหญ่แล้วเด็กจะอายุสั้น คือไม่เกิน 13 ปี มักเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย อาการของผู้เป็นโรคคือ หัวล้าน กระดูกบาง มีรูปร่างเตี้ยแคระ มักเจ็บปวดตามข้อ แต่เมื่อแรกเกิดแล้วจะดูเหมือนกับเด็กปกติ

    ที่มา:ปราฟดา

    [FONT=Tahoma,]หน้า 21[/FONT]
    พบเมลามีนเกินมาตรฐานอีกในขนมปังสอดไส้ครีมยี่ห้อจูลี่ส์

    ส่วนคุกกี้เอสแอนด์พีปลอดภัยทุกผลิตภัณฑ์


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 15.00 น. นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อย.สุ่มเก็บผลิตภัณฑ์ตรวจวิเคราะห์หาสารปนเปื้อน เช่น เมลามีน มาโดยตลอด วันนี้ได้รับแจ้งผลการตรวจวิเคราะห์สารเมลามีนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 รายการ พบสารเมลามีนเกินมาตรฐานที่กำหนด คือ ชีสแซนด์วิช จูลี่ส์ (Cheese Sandwich / Julie
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Forever In LoVE<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:53 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 446
    ได้ให้อนุโมทนา: 7,992
    ได้รับอนุโมทนา 7,617 ครั้ง ใน 433 โพส
    พลังการให้คะแนน: 88 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->Opencare.org ภาค 1
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]

    http://www.opencare.org


    OpenCARE เป็นเครือข่ายไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ให้ได้มากที่สุด โดยได้มีการผลักดันเครือข่าย OpenCARE สู่ระดับโลกจนได้รับการยอมรับในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง และมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ OpenCARE เป็นเครือข่ายความช่วยเหลือด้านภัยพิบัติแก่ประชาชนทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน
    OpenCARE เปิดโอกาสให้ท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายความช่วยเหลือด้าน
    ภัยพิบัติ ดังน

    - หน่วยงานหรือนิติบุคคล (คลิกเพื่อใส่รายละเอียด)
    - อาสาสมัคร (คลิกเพื่อใส่รายละเอียด)



    คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการร่วมเป็นอาสาสมัครของเครือข่าย OpenCARE
    • - มีความรู้และความสามารถในการพัฒนาโปรแกรม, programming Language
      - สามารถเขียนข่าว ทำจดหมายข่าว
      - มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ
      - มีความสามารถด้านงานออกแบบกราฟฟิคดีไซน์ การถ่ายภาพ

    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD>จากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ได้สร้างความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ในพื้นที่กว่า 13 ประเทศแถบมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งพื้นที่ 6 จังหวัดในภาคใต้ของประเทศไทย อันเป็นผลเนื่องจากการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คนกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันเพื่อสร้างและพัฒนาเครือข่ายที่มีชื่อว่า OpenCARE (Open Exchange for Collaborative Activities in Response to Emergencies) ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงข่ายรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแจ้งเตือนภัยพิบัติจากหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ระดับประเทศไปจนถึงระดับประชาชน




    OpenCARE เป็นเครือข่ายที่ไม่แสวงหาผลกำไร มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก นับเป็นเครือข่ายที่มีประโยชน์ต่อภาพรวมในด้านสังคมและเศรษฐกิจในการป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ในการผลักดันเครือข่ายOpenCARE สู่ระดับโลกจนได้รับการยอมรับในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง และจะเป็นเครือข่ายการสื่อสารที่จะเป็นประโยชน์ระดับโลกได้ในอนาคต
    ที่มาของเครือข่าย OpenCARE
    การประสานข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติระหว่างหน่วยงานราชการในปัจจุบันมีการใช้ระบบหรือ platform ที่ต่างกัน ทำให้เกิดปัญหาในการรับข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ก่อให้เกิด ความซ้ำซ้อนและล่าช้าในการดำเนินงาน อันจะก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอย่างมาก จึงต้องทำการแปลงข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้เป็นภาษากลาง EDXL (Emergency Data Exchange Language) ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานซึ่งทั่วโลกใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อสารระหว่างกันในกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยให้การส่งและรับข้อมูลเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น




    วัตถุประสงค์ของเครือข่าย OpenCARE
    1. เพื่อดำเนินการทำวิจัยและจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเชื่อมโยง Plug-in ระหว่างหน่วยงานที่ใช้งานกับเครือข่าย OpenCARE
    2. เพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้านสาธารณภัย
    3. จัดตั้งหน่วยงาน OpenCARE เพื่อดูแลระบบการเชื่อมโยงข้อมูลในระยะยาว
    4. เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และผลักดันเครือข่าย OpenCARE สู่ระดับสากล
    เป้าหมายของเครือข่าย OpenCARE
    1. สร้างเครือข่าย OpenCARE ซึ่งประกอบด้วยระบบการจัดการต่างๆ เช่น Server ระบบการเชื่อมโยงแบบ Plugin และช่องทางการเชื่อมโยงในเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    2. ดำเนินการขยายผลการใช้งานของระบบเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์ นำเสนอ สาธิต และชักชวนให้เข้าร่วมระบบการเชื่อมโยงทั้งในรูปของการใช้ Plug-in หรือช่องทางอื่นๆ ในการเชื่อมโยงเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการนี้
    3. แผนการดำเนินตามเป้าหมายดังกล่าวต้องอยู่ในพื้นฐานของระบบ Open Source ซึ่งไม่ผูกติดกับระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นการค้าใดๆ
    4. สร้างแนวทางขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของโครงการ OpenCARE เพื่อให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว
    ประโยชน์ที่จะได้รับจากเครือข่าย OpenCARE
    เหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2547 ก่อให้เกิดความสูญเสียมากมายมหาศาล ส่งผลให้ผู้คนกว่าหมื่นครัวเรือนต้องไร้ที่อยู่อาศัย จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 คน รวมไปถึงจำนวนผู้สูญหายอีกนับพันคน อันเป็นผลมาจากการขาดการประสานงานด้านข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และขาดการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า



    OpenCARE จึงเป็นเครือข่ายที่จะเข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือในการประสานและ แจ้งเตือนในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมหาศาลในด้านต่างๆ ดังนี้
    • ด้านสังคม
      ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนอกจากจะสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสังคมอีกด้วย จากเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 13 ประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียได้ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับความสูญเสียจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจอย่างมาก รวมไปถึงการช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา การประกอบอาชีพเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว สุขอนามัยของผู้ประสบภัย เป็นต้น ดังนั้น หากมีการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ประชาชน รวมทั้งมีการประสานงานทีมีประสิทธิภาพก็จะสามารถลดความสูญเสียต่างและปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้

      ด้านเศรษฐกิจ
      นอกจากการแจ้งเตือนภัยทางธรรมชาติแล้ว OpenCARE ยังเป็นเครือข่ายที่สามารถแจ้งเตือนภัยพิบัติทางด้านเศรษฐกิจการเงินได้อีกด้วย โดยทำการขยายเครือข่ายการเชื่อมโยงและ Plugins ไปยังหน่วยงานด้านธุรกิจการเงินและการลงทุน รวมทั้งหน่วยงานที่เฝ้าจับตาเครือข่ายการค้าการลงทุนของประเทศ ไม่ว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจะทำให้การวิเคราะห์คาดการณ์ล่วงหน้าสามารถดำเนินผลได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังสามารถแจ้งเตือนความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับการแจ้งเตือนภัยพิบัติในรูปแบบอื่นๆ ได้เช่นกัน

      ด้านสิ่งแวดล้อม
      ระบบ OpenCARE เป็นระบบที่จะเชื่อมต่อข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ด้วยกัน และนำข้อมูลที่มีรูปแบบหลากหลายและกระจัดกระจายเหล่านั้นให้มาอยู่ในรูปแบบที่สามารถใช้งานได้ และกระจายไปยังหน่วยงานบรรเทาทุกข์ หน่วยงานเตือนภัย NGO และอาสาสมัครต่างๆ เพื่อให้การเตือนภัยสามารถส่งตรงไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายในด้านชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล
    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD width=15></TD></TR><TR><TD></TD><TD>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR><TD></TD><TD><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=8></TD><TD align=middle height=8></TD></TR><TR><TD width=10></TD><TD>OpenCARE เป็นโครงข่ายที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลการแจ้งเตือนภัยและสามารถเชื่อมโยงกันได้ในทุกๆ ระดับ ตั้งแต่หน่วยงานราชการระดับประเทศไปจนถึงระดับประชาชน มีคุณสมบัติดังนี้ คือ
    1. เป็นเครือข่ายสื่อสารที่ไม่จำกัดระยะทางในการติดต่อสื่อสาร
    2. ราคาไม่สูงจนทำให้มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ
    3. ไม่จำเป็นต้องอบรมหรือฝึกฝนให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้งานเครือข่าย
    4. ไม่จำกัดแบบ หรือ platform ทางเทคนิคในการทำงาน
    การทำงานของ OpenCARE
    การส่งและรับข้อมูลผ่านระบบ OpenCARE จะทำการส่งผ่านซอฟท์แวร์ที่เรียกว่า “plugin” ซึ่งทำหน้าที่แปลงข้อมูลระหว่าง OpenCARE และระบบภายนอก ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
    1. Plugin สำหรับส่งข้อมูลเข้าระบบ
    2. Plugin สำหรับรับข้อมูลจากระบบ
    1) Plugin สำหรับส่งข้อมูลเข้าระบบ
    Plugin ประเภทนี้จะเป็นทำหน้าที่แปลงข้อมูลจากผู้ส่งข้อมูลให้เป็นรูปแบบของ Emergency Data Exchange Language หรือเรียกโดยย่อว่า EDXL (EDXL เป็นภาษากลางที่เป็นมาตรฐานซึ่งทั่วโลกใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อสารระหว่างกันกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน) โดยข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้อาจเก็บอยู่ในรูปแบบของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) รูปแบบของไฟล์ หรือรูปแบบอื่นๆ ตามแต่ระบบในการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยงานนั้นๆ

    2) Plugin สำหรับรับข้อมูลเข้าระบบ
    ทำหน้าที่รับข้อมูลจาก OpenCARE ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ EDXL แปลงผลให้เป็นรูปแบบข้อมูลที่หน่วยงานนั้นๆ ต้องการ เช่น หากต้องการแสดงผลผ่านทางระบบ SMS plugin ก็สามารถแปลงข้อมูล EDXL เป็นข้อความเพื่อส่งเข้าสู่ระบบส่ง SMS ต่อไป
    การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายนี้เป็นการสื่อสาร 2 ทาง ดังนั้น ผู้ส่งข้อมูลสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นผู้รับข้อมูล และผู้รับข้อมูลสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ส่งข้อมูลได้ในขณะเดียวกัน

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วันพิพากษาโลก
    ( The Judgement Day )

    [​IMG]

    ในระยะเวลาช่วงกลียุค 7 ปี ก่อนถึง สงครามครั้งสุดท้ายระหว่าง สวรรค์-นรก Satan จะมีอำนาจมากขึ้น และทำให้โลกเกิดความพินาศอย่างน่ากลัว

    จากบันทึกมีการกล่าวถึงสัตว์ร้าย 2 ตัว ที่มีหมายเลขประทับที่หน้าผากด้วยเลข 666 สัตว์ตัวแรกมี 7 หัว 10 เขา และมี อำนาจเหนือมนุษย์ทุกผู้ ส่วนตัวที่ 2 ได้รับอำนาจเสริมจากตัวแรก มีอำนาจให้คนทั้งโลกสยบสยบแทบเท้ามัน.. Satan จะมีอำนาจในโลกอย่างอหังการ์นาน 7 ปี และจะถูกจองจำโดยพระเจ้า ไปนาน 1,000 ปี

    [​IMG]

    ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงยุคของชาววิไล ยุคแผ่นดินโลกใหม่ แต่หลังจากนั้น มันก็จะถูกปล่อยออกมาก่อกรรมอีก และคราวนี้พระเจ้าจะจับมารซาตาน โยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน รวมทั้งสัตว์ร้ายทั้งหลายที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ จะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิจนิรันดร์ และนั่นคือวาระสุดท้ายของ Satan

    สงครามขั้นแตกหัก Armageddon หรือ Apocalypse หรือ Jihad น่าจะเป็นการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 การทำลายล้างจะทำให้เกิดการสูญเสียของชีวิตมนุษย์ ไปถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 ล้านคน ตามบันทึกมีการพูดถึง ตราทั้ง 7 หรือ The Seven Seals

    [​IMG]

    เมื่อมีการเปิดผนึกดวงตราทั้ง 7 จะมีการปรากฎตัวของบุรุษลึกลับ 4 คน ขี่ม้า 4 ตัวที่มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด มีเสียงร้องอันดังดุจสายฟ้าร้อง ที่เรียกกันว่า The four horseman of the Apocalypse หรือ สี่ทูตม้าแห่งวันมหาโลกาวินาศ เหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 3 สิ่งใหญ่ๆ คือ

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ดวงตราทั้ง 7 การเป่าแตรทั้ง 7 และการเทขันแห่งพระพิโรธทั้ง 7[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][​IMG][/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อตราดวงแรก ถูกเปิดผนึก จะมีคนลึกลับขี่ม้าขาวออกมา ในมือถือคันธนู ทำให้โลกเกิดความทุกข์ยากไป 3 ปีครึ่ง และ Satan ที่มีเครื่องหมาย 666 ก็จะเข้าครอบงำโลกมนุษย์อีก 3 ปีครึ่ง หลังจากนั้นจะเกิดสงครามมหาประลัย พระมาซีอา พระมะห์ดีร์ หรือพระศรีอาริยเมตไตรย ก็จะเสด็จมา ทรงทำให้โลกเข้าสู่ยุคแผ่นดินโลกใหม่ ยุคของชาววิไล[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อดวงตราที่ 2 ถูกเปิดผนึก จะมีคนลึกลับขี่ม้าสีแดงออกมา ในมือถือดาบเล่มใหญ่ คนๆนี้จะทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันน่าสะพรึงกลัว มีคนล้มตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อดวงตราที่ 3 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่มาสีดำออกมา ในมือถือตราชู ทั่วโลกจะเกิดความกันดาร อดอยาก และกลียุค เขาจะมาในคราบของนักบุญที่นำสันติสุขมาสู่โลก แต่กลับนำพาผู้คนเข้าสู่สงครามมหาประลัย[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อดวงตราที่ 4 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่ม้าสีเขียวอมดำ ออกมา คนๆนี้ถือเป็นมัจจุราช มาคร่าชีวิตผู้คนด้วยโรคระบาด ความอดอยาก ทำให้ผู้คนล้มตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่เหลือ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]
    เมื่อดวงตราที่ 5 ถูกเปิดผนึก วิญญาณของผู้ที่ล้มตายมากมาย จะได้รับเสื้อสีขาวที่พระเจ้าทรงประทานให้ และรับสั่งให้พวกเขาทนรอเพื่อให้ดวงวิญญาณที่ต้องล้มตายครบตามจำนวน

    เมื่อดวงตราที่ 6 ถูกเปิดผนึก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง กลางวันกลับมืดมิด กลางคืนดวงจันทร์ทอแสงเป็นสีเลือด ทุกคนจะรู้ดีว่าวันที่พระเจ้าทรงพิโรธ ได้มาถึงแล้ว วิญญาณที่ได้รับเสื้อขาว จะถูกนำตัวไปยังน้ำพุแห่งชีวิต พวกเขาจะไม่หิวกระหายอีกต่อไป ไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป

    เมื่อดวงตราที่ 7 ถูกเปิดผนึก ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่งโมง เทวทูตทั้ง 7 องค์ ได้รับแตร 7 อัน มีอยู่หนึ่งองค์ที่ถือกระถางไฟทองคำมาด้วย และเตรียมที่จะโยนมันลงมายังโลก เพื่อเผาผลาญคนชั่วให้สิ้นซาก

    จากนั้นเทวทูตทั้ง 7 ก็ทำการเป่าแตร..


    [​IMG]

    องค์ที่ 1 เป่าแตร ยังผลให้โลกไหม้ไป 1 ใน 3 ส่วน

    องค์ที่ 2 เป่าแตร ยังผลให้เกิดอุกาบาตตกลงในทะเลทำให้ทะเลกลายเป็นสีเลือดไป 1 ใน 3

    องค์ที่ 3 เป่าแตร ยังผลให้อุกาบาตตกลงในแน่น้ำทั้งหลาย ทำให้น้ำมีรสขม ทำให้ผู้คนล้มตายเพราะน้ำนี้

    องค์ที่ 4 เป่าแตร เป็นการเตือนว่าความพินาศจะเกิดแก่คนทั้งหลายบนโลก

    องค์ที่ 5 เป่าแตร อุกาบาตตกลงยังพื้นดินผู้คนที่บาดเจ็บจะได้รับความทรมานแต่ไม่ตายอยู่เป็นเวลา 5 เดือน แม้อยากตายก็ตายไม่ได้

    องค์ที่ 6 เป่าแตรทูตสวรรค์ที่เคยถูกส่งมายังโลกและถูกมารจับตัวไว้จะได้รับการปลดปล่อย และเตรียมตัวทำลายล้างมนุษย์ที่ชั่วช้าที่ถูก Satan ครอบงำ

    องค์ที่ 7 เป่าแตร แผ่นดินใหม่บังเกิด พระเจ้าชนะสงคราม แต่มารหรือซาตานก็ยังล่อลวงมนุษย์ต่อไป


    ทำให้เกิดการเทขันแห่งพระพิโรธขึ้น..

    [​IMG]

    ขันที่ 1 ผู้ที่บูชา Satan จะเกิดแผลร้ายเป็นหนองไปทั้งตัว

    ขันที่ 2 เทลงในทะเล สัตว์ที่อยู่ในทะเลก็ตายจนสิ้น เกิดโลกระบาดไปทั่ว

    ขันที่ 3 ล้างพวกที่มีจิตใจใฝ่อธรรมจนหมดสิ้น

    ขันที่ 4 เทลงไปที่ดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์แผดแสงมากยิ่งขึ้น เกิดความแห้งแล้ง ทุรกันดาร อดอยาก

    ขันที่ 5 เทใส่ บัลลังก์ ของ Satan ทำให้อาณาจักรของมันมืดมน

    ขันที่ 6 เทลงในแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง ผีโสโครก 3 ตน ปรากฎกายออกมา ปลอมตัวเป็นผู้เผยวจนะของพระเจ้า ล่อลวงให้มนูษย์ทำสงครามกันเอง

    ขันที่ 7 เทไปในอากาศ Metatron แผดเสียงแทนพระเจ้าดังกังวารว่า " สำเร็จแล้ว " ทำให้เกิดแผ่นดินไหว มหานครต่างๆบนโลก แยกออกเป็น 3 ส่วนบรรดาเกาะใหญ่น้อยทั้งหลายจมลงสู่ใต่บาดาลเชกเช่นตอนที่อาณาจักร Atlantis ถูกพระเจ้าทำลายล้าง


    เมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายจบลง Satan และสัตว์ร้ายทั้งหลาย ถูกจับตัวและถูกโยนลงไปในบึงไฟ และถูกฆ่าตายด้วยแสงที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า นกทั้งปวงรุมแทะกินเนื้อพวกมันจนแหลกเหลว แต่วิญญาณชั่วร้ายของมันยังคงอยู่แต่ถูกจับมัดและกักขังในบาดาลหนึ่งพันปี แผ่นดินสงบสุขไป 1,000 ปี

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ที่มา http://www.geocities.com/clubchingchong/Page-5.htm[/FONT]​
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2008
  19. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    <center> วันนี้..ขอแก้ข่าวคำทำนายของหลวงพ่อฯ ในบทความ นสพ.ไทยโพสต์



    </center>
    เปลวสีเงิน

    ๑๓ ปีไทยโพสต์ ๓๓ ปีคำทำนาย

    21 ตุลาคม 2551 กองบรรณาธิการ


    โอกาสพิเศษอย่างนี้ ยากนะครับที่ผมจะคิดหาคำอื่นแทนใจเพื่อบอกกับผู้อ่านว่า "เพราะมีท่าน ไทยโพสต์จึงมีอยู่" โดยเฉพาะท่าน "ที่ควักเงินก้อน"

    สมัครเป็นสมาชิกเมื่อครั้งผมเผชิญวิกฤติหวุดหวิดล้มคว่ำ และวันนี้ "ชีวิตที่ท่านเก็บตก" ก็ยืนผ่านมาอีกปี สู่ปีที่ ๑๓ ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ นี้ ด้วยใจมิลืมคุณ

    บ้านเมืองเราเขยื้อนสู่วงรอบใหม่ ภายใต้ภาพที่เรียกกันว่า "ไม่ปกติสุข" และความไม่สุขนั้นเข้าสู่ปีที่ ๓ แล้ว ทุกท่านก็คงมีทุกข์ครองใจ ทุกข์ทั้งวิถีชีวิตไม่สุข และทุกข์ที่บ้านเมืองขุกเข็ญ

    บางท่านเปรยว่า "เขม้นมองอย่างไร ก็ยังไม่เห็นทางออก!?"

    แต่ผมอยากจะบอกว่า "สงครามสังคม" ครั้งนี้ เป็นนิมิตหมายที่ดี "สู่อนาคตใหม่" ของไทยมากกว่า เพราะว่าเป็น "สงครามความคิด"

    ไม่ใช่บ้านเมืองแตกแยก หากแต่บ้านเมืองกำลังแตกยอด แตกกิ่งปัญญาสู่ความเป็นไม้ใหญ่ เพราะทั้งหลายที่เห็นว่าแตกแยกนั้น แท้จริงคือปฏิกิริยาจากสัญชาตญาณแสวงหา

    "สิ่งที่ดีกว่า" ของมนุษย์ร่วมสังคมไทย! วันนี้ รูปแบบ-กติกาสังคมโลกาภิวัตน์ อันมีหัวใจ "นับเงิน-เป็นสุข" แทนการ "นับใจ-เป็นสุข" มันล่มสลายไปต่อไม่ได้แล้ว สังคมทุนวัตถุจึงเป็นหนึ่งในตัวร่วมการเมืองทาส ผลักดันให้สังคมไทยถึงจุดต้องขยายแนวคิด เพื่อแสวงหาจุดลงตัวใหม่

    สำหรับใช้ตอบ "โจทย์ชีวิต" ขณะโลกผลัดใบสู่ฤดูกาลใหม่ ซึ่งในอนาคต ไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!

    คงเคยได้ยินสังคมโลกเขานินทากันว่า สมองคนไทย "ใหม่แกะกล่อง" เสมอ เพราะไม่เคยผ่านการใช้ ราคาจึงไม่มี แต่ต่อจากนี้ ไม่แล้ว...

    สมองคนไทยเริ่มมีราคา ที่ว่า-นอกจากเล่ห์โกงแล้วคิดอะไรไม่ค่อยเป็น ก็ได้เห็นการคิดประชันขันแข่ง รู้จักคิดแสวงหา "สิ่งที่ดีกว่า" มาใช้แทนกฎกติกาที่เป็นยาสังคมหมดอายุ

    คิดแบบพันธมิตรฯ คิดแบบ นปช. ก็เป็นนิมิตหมายหนึ่งว่า "ประชาชนเข้าสู่กระบวนการพัฒนาความคิด" แล้ว และที่น่าดีใจ การเมือง-ไม่ใช่เรื่องเฉพาะคนกรุงเทพฯ คิดอีกต่อไป

    หากแต่คนต่างจังหวัดทั่วไทย ก็คิดเป็น-คิดได้เหมือนกัน ไม่มีใครด้อยหน้า-ด้อยตากว่าใคร เรียกว่า "ปัญญาไทย" ในกรอบ เศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม เริ่มคมเข้มแตกขยายคลุมชาติ

    คนไทยกำลัง "คิดร่วม" ในเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่สามารถ "รวมคิด" เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น!

    ช่วงนี้ เป็นช่วง "คิดต่าง-เห็นต่าง" และขะมักเขม้นใช้ความต่างแสวงหา "จุดลงตัว" เพื่อสังคมชาติอย่างคมข้น จนบางครั้งเห็นว่า "ล้นขอบ" ไปด้วยซ้ำ

    เมื่อ ๑๗๕ ปีที่แล้ว กรุงเทพฯ เป็น "ประเทศไทย" ของพลเมือง ๒๐ ล้านคน ก็ยังไม่อึดอัด-ขัดข้องเท่าไรนัก

    แต่วันนี้ ๒๒๖ ปี ของกรุงเทพฯ รองรับคนร่วม ๑๐๐ ล้าน บนความเป็น "สารพัดศูนย์กลาง" ทั้งของไทย ทั้งของภูมิภาค ทั้งของโลก และไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นศูนย์กลาง "ความคิดต่าง" ที่ขยายขีดเป็น "สงครามความคิด" เขยื้อนชาติด้วย

    กรุงเทพฯ ที่สวย เลยโทรมซูบ!

    ถ้าพูดตามประสาผม ก็ต้องบอกว่า กรุงรัตนโกสินทร์บนความเป็น "เมืองหลวง" ที่เดินทางมาถึง "ครึ่งหนึ่ง" ของกรุงศรีอยุธยา บัดนี้ ถูกสิ่งที่เรียกว่าบ้านเมืองพัฒนา

    ทำลาย "ฮวงจุ้ย" กรุงเทพฯ ไปหมดแล้ว!

    จะเหลือก็เพียงบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์เท่านั้น!!

    กรุงเทพฯ ที่เคยเป็นเมืองโปร่งฟ้า สูงก็สูงด้วยค่าสัญลักษณ์ ยอดปราสาทราชวัง ยอดพระปรางค์ ยอดพระเจดีย์ แต่ทุกวันนี้ กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองใต้ถุน เหนือหัวขวักไขว่สร้างก่ายม่านฟ้าด้วยทางด่วนบ้าง สะพานบ้าง รถไฟฟ้าบ้าง ยังไม่นับถึงรถใต้ดิน

    "กรุงเทพฯ-เมืองฟ้าอมร" ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เป็นเมืองที่อยู่อาศัยของวงศ์เทวัญ แต่วันนี้ พัฒนากันจนเป็น "กรุงเทพฯ-เมืองใต้ถุน" มนุษย์ยังไม่อยากอยู่อาศัย

    แล้วเทพเทวัญท่านจะสถิตรักษาอยู่ได้อย่างไรกัน?

    เมื่อเอาความเจริญทางวัตถุมายัดใส่กรุงเทพฯ กระทั่งเทวายังเบือนหน้าหนี จึงไม่ต้องแปลกใจที่

    "ทำเนียบรัฐบาล" ถึงกาลอวสานจม

    "รัฐสภา" เสื่อมไร้ค่า ถูกเรียกสภาโจร

    "กองบัญชาการกองทัพบก" ถูกบุกท้าทาย

    "สนามหลวง" ถูกยึดใช้ฝึกกองกำลังเถื่อน

    สถานที่ราชการ กระทรวง ทบวงกรม ถูกถล่มด้วยดาวกระจาย!

    ใครมองแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ผมมองว่า เป็นสัญญาณบอกถึง "กาลเสื่อม-สู่ที่ใหม่" สังคมไทยต้องได้ "ผู้นำมีวิสัยทัศน์" คิดหาทางขยับขยาย กระจายจุดรวมคนร่วม ๑๐๐ ล้านออกไป

    จากที่กระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพมหานคร!

    ศูนย์กลางเพื่อการพัฒนาใหม่ หรือเมือง "ศูนย์กลางราชการและการลงทุน" ควรต้องเกิดแยกออกไปจาก "กรุงเทพฯ เมืองฟ้าไทยอมร"

    คืนความเป็นกรุงเทพฯ ให้กับกรุงเทพฯ ฟูมฟัก-ฟื้นฟูกรุงเทพฯ ไว้เป็นศูนย์กลางอารยรัตนโกสินทร์ "แผ่นดินกษัตริย์" เป็นเมืองพักผ่อน เมืองท่องเที่ยว เมืองช็อปปิ้ง เพื่อทั่วโลกผู้มีลักษณ์วิไลได้มาเสพศิลปะ วัฒนะ-อารยธรรม ที่โมงยามเพาะบ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ ๓ แล้ว

    หยุดทำกรุงเทพฯ เติบโตอัปลักษณ์ไว้เพียงแค่นี้ หยุดพัฒนาอัปรีย์กันเสียเถอะ ให้กรุงเทพฯ ได้หยุดพักผ่อนบ้าง ค่อยๆ คืนความเป็นกรุงเทพฯ แท้จริงให้กับเทพ-เทวาได้กลับมาอาศัยเถิด

    ทำเนียบรัฐบาล กับรัฐสภา..อายุขัยสิ้นแล้ว!

    ออกไปสร้างใน "สถานที่แห่งใหม่" อยู่ด้วยกันนั่นแหละเหมาะสมสุด หยุดโครงการดันทุรังสร้างรัฐสภาที่ย่านเกียกกายไปได้เลย การแยกศูนย์ราชการ ออกไปจากเมืองหลวง ต่อไป-ใครจะเดินขบวน ใครจะชุมนุม ใครจะสลายม็อบอย่างไร

    ก็เชิญตามสบาย เพราะความวุ่นวาย "แยกพื้นที่" ไม่กระทบถึงกัน!

    คนน่ะ..ไม่ได้รักทักษิณฝังใจอะไรหรอก แต่รักเงินทักษิณ และรักการใช้อำนาจของทักษิณที่ส่งเสริมให้ข้าทาสร่วมโกง-กิน แล้วกางข้อกังฉินคุ้มครองไว้

    ฉะนั้น ไม่ต้องวิตกว่า "ยอดยาง-รากหญ้า" จะถวิลหาทักษิณตลอดไป ถ้ามีผู้นำคนไหน ฉายแววให้เห็นว่าสามารถเข้าไปนั่งแทนในหัวใจ บริหารให้วิถีชาวบ้านเป็นสุขได้จากการทำมาหากิน

    จะเป็น "ทักษิณในจินตภาพ" คนใหม่ของเขาได้แน่นอน!

    ครับ..ในภาวะบ้านเมืองเหมือนเรือลอย มีคนถามผมบ่อยว่า แล้วจะจบอย่างไร..แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ผมจะเอาเครดิตตรงไหนไปตอบท่านได้เล่า?

    แต่เรื่อง "อนาคตประเทศชาติ" พระราชพรหมยาน หรือที่รู้จักกันกว้างขวางว่า "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ท่านเคยตอบไว้ที่ "ค่ายสุรนารี" นครราชสีมา เมื่อ ๓๓ ปีที่เป็นวาระผ่าน (๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘)

    โดยผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ สมัยนั้น "พลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์" เป็นผู้นิมนต์ท่านไปบรรยายธรรมในหัวข้อเรื่อง "อนาคตของชาติ"

    เข้าใจว่าคงทราบเนื้อหาจากที่มีเผยแพร่กันอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันมานี้ ยังมีคนส่งทางอีเมล์ให้ผมอ่าน ที่พูดกันถึงคำทำนาย "เหตุการณ์ล่วงหน้า" เป็นแต่ละยุคว่า

    มหากาฬผ่านยักษ์ - รู้จักธรรม - จำต้องคิด - สนิทธรรม - จำแขนขาด - ราษฎร์ราชาโจร - นั่งทนทุกข์ - ยุคทมิฬ - ถิ่นกาขาว - ชาววิไล

    หลวงพ่อท่านบอกว่า อ่านพบคำทำนายนี้อยู่ในสมุดข่อยที่พระอรหันต์ในอดีตนามว่า "พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนทำนายชะตาบ้านเมืองไว้ ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตก และก่อนที่กรุงเทพฯ จะมีขึ้น!

    ตอนหนึ่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านกล่าวว่า

    "ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?"

    "เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับหลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่องอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า

    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ องค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐ เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็น ผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"


    ท่านก็คงอยากทราบกันนะครับว่า "แล้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ทำนายอนาคตบ้านเมืองไว้อย่างไรบ้างหรือเปล่า?"

    ก็เห็นมีเขียนเป็นกลอนต่อท้ายไว้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่จากปากหลวงพ่อ เข้าใจว่าผู้รวบรวมธรรมบรรยาย คงนำที่หลวงพ่อทำนายไว้มาเรียบเรียงอีกต่อ ก็ยาวสักหน่อย แต่ผมจะนำที่ท่านร้อยไว้มาดับร้อนยามสังคมแล้ง ดังนี้

    ๐ คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

    ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า

    พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาชนเต็มพระนคร

    ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร

    ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

    ชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น

    จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

    จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า

    คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

    ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้

    เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

    ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี

    ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

    พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ

    เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

    แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย

    เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

    ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น

    ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

    ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม

    คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง

    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง

    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้

    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา

    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ.


    ครับ..ก็เก็บเหน็บใจไว้อ่าน ส่วนกุญแจไขคำทำนายนี้ คือ "มีสติ" ก่อนทำ-ก่อนพูด-ก่อนคิด เท่านั้นที่มั่นใจได้ว่า..ใช่แน่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ปีหน้า ผมจะขอมานั่งยองๆ กราบท่านผ่านตรงนี้ใหม่ สำหรับ ๒๑ ตุลา.ที่น่าตื่นตา-ตื่นใจปีนี้ ขอให้ทุกท่านที่สุจริตใจต่อชาติมีสุข และมั่นคงด้วยทรัพย์นอก-ทรัพย์ใน เป็นที่พึ่งทางใจของผมตลอดไปนะครับ

    กราบท่านด้วยเคารพ

    เปลว สีเงิน

    <hr>
    เรียน คุณเปลว สีเงิน

    <dd>ตามที่ท่านได้ลงข้อความในวันนี้ กล่าวอ้างถึงคำทำนาย "อนาคตของประเทศไทย" ซึ่งมีการนำไปโพสแพร่หลายเว็บไซด์อยู่ในเวลานี้ มีข้อผิดพลาดในการคัดลอกต่อๆ กันมาตลอด ทางเว็บมาสเตอร์เกรงว่าจะเสียหายถึงชื่อเสียงและเกียรติคุณของหลวงพ่อวัดท่าซุง ตลอดถึงความไม่เข้าใจของคณะศิษย์ที่เคารพนับถือในองค์ท่าน บทกลอนที่ต่อเติมไปจากคำพูดของหลวงพ่อฯ มีดังนี้

    ๐ คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

    ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า

    พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาชนเต็มพระนคร

    ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร

    ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

    ชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น

    จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

    จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า

    คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

    ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้

    เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

    ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี

    ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

    พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ

    เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

    แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย

    เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

    ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น

    ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

    ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม

    คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง

    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง

    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้

    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา

    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ


    </dd><dd>"คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง" จึงขอชี้แจงว่า "บทกลอน" บทนี้ท่านไม่เคยพูดไม่เคยกล่าวไว้ที่ไหนเลย ส่วนข้อความที่กล่าวไว้จริงๆ นั้นได้โพสอยู่ในเว็บวัดท่าซุง เมื่อวันที่ 21/7/08 at 17:44 ดังที่ได้แนบ URL มาให้ตรวจสอบดูต้นฉบับนี้ จะเห็นว่าไม่มีบทกลอนอยู่ในเนื้อหาเลย ซึ่งมีหลักฐานวันเวลาที่โพสอยู่ สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ดังนี้ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680

    </dd><dd>ฉะนั้น จึงขอความกรุณาช่วยแก้ข่าวในวันพรุ่งนี้ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง เพื่อความสบายใจแก่คณะศิษย์ฯ ที่เคารพนับถือท่านทั่วประเทศ จึงเรียนมาเพื่อทราบ.

    <center>ขอได้รับความนับถือ

    "คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง"

    21 ต.ค. 2551 เวลา 14.52 น.</center></dd><dt>
    </dt>
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=875
     
  20. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,066
    ค่าพลัง:
    +7,067
    แหะๆ ขออภัย เป็นคนตั้งกระทู้เอง แต่ไม่ได้มาซะน้านนน นาน... หวังว่าทุกท่านคงยังสบายดีและเตรียมรับมือกับภัยพิบัติได้ เนาะๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...