การเปิดตาที่สาม

ชื่อมารโลกันต์ พอดีมีคนทักผมว่า ไม่เหมาะสม เลยไปโพสต์ถามท่านอาจารย์

สามตาที่บอร์ด สรุปคือ ยอมเปลี่ยนจากมาร มาเป็นมังกร หุหุหุ โก้เก๋พอกัน

ท่านอาจารย์บอกเวลามองคน จะเหลือแต่โครงกระดูก ว้า! งั้นผู้หญิงก็หมด

สวยซิครับท่านอาจารย์

เรื่องการใช้รูปแทนตัว ผมจะเปลี่ยนไปตามขั้นตอนของจิต คือ......

ถ้ามันก้าวหน้าขึ้น ชัดเจนขึ้น สัมผัสได้มากขึ้น ถึงเวลานั้น....เปลี่ยน ขอรับ

 

จุดที่หน้าผาก กำหนดได้แข็งแรงและชัดเจนแล้ว แต่จุดที่กำด้นหรือท้ายทอย

เมื่อคืนนั่งใช้จิตหาตำแหน่ง เลื่อนซ้ายมั่งขวามั่ง จนได้ตรงกลางที่คิดว่าใช่

แต่ยังไม่แรงพอ รอให้จุดท้่ายทอยมีกำลังอีกนิด จิตจะรู้เองว่าพอหรือยัง แล้ว

ค่อยกำหนดเม็ดที่ท้ายทอย กระแทกไปหาเม็ดที่หน้าผาก รอให้รู้สึกชัดเจนทั้ง

2 เม็ดก่อน หากไม่ได้ผล ยังมีอีกวิธี เห่อะ ๆ ๆ เขิน ๆ ๆ

ท่านอาจารย The Third Eyes/สามตา/ตาที่สาม/ขนมปัง ช่วยได้ ๆ ๆ์

 

อ. The Third Eyes + อ.suwi + ผู้รู้ทุกท่าน ช่วยบอก ข้อดีข้อเสีย ที่จะตามมาของการเปิดตาที่สามด้วยครับ เพื่อประดับความรู้ครับ

เห็นอยากเปิดกันจัง

 

ข้อดี
1. สามารู้เห็นอีกมิตินึ่งได้
2. สามารู้ว่าใครป่วยเป็นอะไรได้ก่อนอาการมันแสดงครับคือมองเห็นเลย
3. ได้รู้เห็นเทวดารวมทั้งผี จะไดรู้ว่าทำบูญไปเค้าได้จริงเปล่า
4. จะได้รู้ว่าคนที่คุยกับเราเค้าพูดจริงเก่งจริงอย่างที่พูดเปล่า
5. เป็นหมอดูได้เลยเพราะแค่อยากรู้อะไรมีจอทีวีมาฉายให้ดูเลย
6. สำหรับคนที่ชอบพระเครื่อง คุณจะรู้เลยองค์ไหนจริง บางที่องค์เป็นล้านไม่มีพุทธคุณเลยก็มี เจอบ่อย
7. ได้เห็นนรกสวรรค์
และอีกมากมายครับ


ข้อเสีย
1. คุณต้องช่วยคน โดนบังคับกรายๆ
2. ตัวคุณจะเป็นแม่เหล็กดูดผีและเทวดาเค้ารู้ว่าเราบูญมากจึงมาหา
3. คูณจะเริ่มเบื่อคน เพราะพอคูณรู้ว่าเค้าคิดอะไรจะรู้ว่าคนทั่วไปเห็นแก่ตัวแสวงหาผลประโยชน์
4. คุณจะทำผิดจริยธรรมไม่ได้เพราะผลที่ตามมาเราเห็นได้เลยแล้วมาเร็วกว่าคนปรกติ
5. คุณจะดูหนังไม่สนุกเพราะคุณจะรู้ว่าดาราคนไหนนิสัยยังไงตัวจริงไม่เป็นในละคร

สำหรับคอการเมืองคุณจะรู้เลยว่า ใครดี ใครไม่ดี และรู้ว่าข่าวที่ออกจริงไม่จริง
สวนตัวไม่ได้ดูข่าวนานแล้วเพราะอย่างนี้แหละ
ลองไปคิดดูแล้วกันว่าชอบแบบไหน

 

เอ..กำลังภายใน กับ กระแสจิตพลังไม่พอมันคนละตัวใช่มั๊ยฮับ..แบบว่า เราเห็นว่าวัดกำลังได้ตั้งเยอะ
แต่พอเอาจริงๆ.. มันไม่มีแรงเลยวุ้ย.. แย่ๆ ..พอจะฝึกให้มันมีแรง ก็มีอะไรมากวน
ตุ้บๆ อยู่นั่นแหละ.. ยังไง จุ๊ยจะลองแบบที่พี่ว่าครับ.. ตอนนี้รู้ตัวเองแล้ว..ว่าต้อยต่ำนัก ไม่รีบ ไม่ร้อนแล้วครับ..แค่อยากลองดู..ว่ามันเป็นยังไง แหะ แหะ ให้มันนิ่งๆก่อนนะเรา..

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคับ ไว้จะไปขอให้ชี้แนะอีกที่บูทนะคับ

 

ดีครับ..ข้อดี และข้อเสีย ตามที่ ถามมา
คุณ "วิษณุ" ผู้มีตาทิพย์ และเป็นสมาชิก คนหนึ่งของ ชมรมคนตาทิพย์
มีประสบการณ์มาก พอสมควร..ก็ได้ บอกตอบไปแล้ว อย่างกว้างๆๆ

ก็เลือกเอา..เราคนเดียวอยู่โลก มนุษย์ ก็สับสนกับมนุษย์แล้ว
ถ้า ต้องมาผจญกับทั้งสองโลก คือ โลกมนุษย์กับโลก แห่งวิญญาณ
จะยุ่งมากขึ้นสองเท่า...ถ้าคิดว่า..ในโลกมนุษย์ก็ แย่แล้ว..
ก็อย่า แหย๋ม.เข้าไปอีกโลกอื่นเลย

 

น่าสนใจดีนะคะ

 

สำหรับคุณ อรมณีจันทร์
ได้ใช้พลังบุญ/ อริยะทรัพย์...ไปมาก.ในการทำงาน
.หร่อยหรอ ลงไปเหลือ ไม่ถึง 45 เปอร์เซ้นต์
ขอให้ รีบสะสมทุนบุญ เข้าไปให้ เต็มใหม่
ถ้าหมด..ความสามารถ ก็จะหมดไปด้วย
ทำบุญโดยทำสมาธิ แล้วแผ่กุศลออกไป
ทำสังฆทานให้มากขึ้น
ครับ

 

หวัดดีนะค่ะ ทุกๆคน



ขออนุโทนาที่แบ่งปันกันนะค่ะ

 

ปุจฉาครับ ท่านอาจารย์สามตา/ท่านผู้รู้

การตั้งจิตที่จักกระ 6 เหนือหว่างคิ้ว คล้ายมีด้วยกัน 2 แบบ

แบบที่ 1 ตั้งใจจดจ่อ ตั้งใจเพ่ง ไม่ให้ขาดสติ คือติดตามรู้อย่างใก้ลชิด

แบบไม่ให้ขาดระยะ และบางทีตั้งใจกำหนดแกมบังคับ

ผลลัพท์ที่ออกมา บางคนจะปวดหรือมึน แต่บางคนไม่รู้สึกอะไร


แบบที่ 2 ตั้งจิตเพียงแค่มองดู รู้อยู่แบบเบา ๆ คือจักกระที่ 6 มันจะมีอาการ

หรือไม่มีอาการ ข้าไม่สน ก็คือแค่ตามรู้ ตามดู โดยไม่บังคับ หรือกำหนด

ทิศทางให้มันวิ่งไป ซึ่งแบบนี้ จิตมักจะเคลิ้ม พอเผลอ ภาพมักจะเกิด


ใครที่ฝึกสายด้านพลัง เมื่อสัมผัสได้แล้ว จะมีวิธีการเดินจิต คล้าย ๆ บัง

คับทิศทาง บังคับลมหายใจ ให้ิ่้ไปตามเป้าที่วาง คล้ายการวางจิตแบบที่ 1

สมาธิที่ตามมา มักเป็นระดับต้น ๆ

ใครที่เน้นด้านสมถหรือวิปัสนา จะคล้ายวางจิตแบบที่ 2 คือ

แค่หาที่ตั้งจิตที่จะนำมาเป็นอุบาย แล้วตามดูเฉย ๆ ไม่ต้องยุ่งหรือบังคับ

สติกำหนดรู้ มองดูไปเรื่อย ๆ รู้ รู้ รู้หนอ จนถึงที่สุด

สมาธิที่ตามมา มักจะลึกและสูง

แบบไหนครับ ที่อาจารย/ท่านผู้รู้์เห็นสมควร

และเกิดผลเร็วเกี่ยวกับตาที่สาม (ขอความเห็นส่วนตัว)

อธิบายความหมายถูกเปล่าครับ ไม่ค่อยแน่ใจ งุงิ

 

เท่าที่ ติดตามมา..แทบทุกคน ที่อยากจะได้ตาที่ สาม ส่วนใหญ่
จะเอาจิตไปจับ ที่หน้าผากตรงหว่างคิ้ว..พอได้ เวลา มันจะเต้นตุ๊บๆๆ บ้าง..
จะระโดดทะลุกำแพงหนัง บ้าง..มีอาการแปลกๆๆสารพัด จะคิด

เท่าได้ ลองมา
วิธีที่ สงบที่ สุด
เริ่มต้นทำสมาธิแบบ ปาณะสติ หรือ จับลมหายใจ
จินตนาการว่า ตัวเอง มีขนาดเท่า มดเล็กๆๆ
ไปนั่งอยู่..บนริมฝีปากบน..ใต้ปลายจมูก
หันหน้า เข้าหาจมูก
เราก็จะเห็นว่า เหมือนเรานั่งอยู่หน้าภูเขาย่อมๆๆ มีถ้ำอยู่เบื้องหน้า สอง ถ้ำ

จินตนาการว่า มีลม ผ่านหลังเรา แล้วลอยเข้าไปในถ้ำทางขวา (รูจมูก ขวา)
แล้วลมนั้น ลอยออกมาทางถ้ำทางซ้าย(รูจมูก ซ้าย)
ผ่านหลังเรา..จนตัวเราเย็นวาบ
ลมนั้นผ่านเข้าไป ในถ้ำ ทางขวา..วนๆๆอยู่อย่างนั้น.เป้นพันเป็นหมื่นรอบ
นี่คือ หลักการฝึกสมาธิ ในรูปแบบ จับลมหายใจ
ระบบของ โกเอ็นก้า..ก็ใช้วิธีนี้

การที่ ให้ลมผ่านหลังเรา
เท่า กับเราจะมีอาการเย็นวาบที่ หลัง
เป็นการล๊อค จิตไม่ให้ หลุด หนีไปนั่นเอง..กันจิตหนี

พอนั่งไปได้..นับเวลา นานรวมกัน ประมาณ 120 ชม
จุดที่เราคิดว่า ตัวเรานั่ง มันจะแข็งเป็นไต
เราจะมีพลังสมาธิ..ก็กำหนดจิต บังคับให้ จุดที่เป็นไต นี้
เลื่อนขึ้นไปที่ ตำแหน่งตาที่สาม..บนหน้าผาก
เราก็ได้ ตาที่สาม โดยสมใจ..ไม่มีการทรมาณ ตุ๊บตั๊บ แต่อย่างใด

การที่เราเรานั่งอยู่ที่ปลายจมูก ดูลมเข้าไปในถ้ำ (รูจมูก)
บางที รำคาญ..ก็คิดว่า ลุกเดินเข้าไปในถ้ำ
มันก็เหมือน เดินไปตามถนน แล้วไป พบ ยู-เทิร์น ก็ กลับ ออกมา
เดินวน สามสี่รอบ..ก็เมื่อย มานั่งดู ต่อ

อ้าวประหลาดจริง..พอเราไม่ได้ เดิน
แต่มีตัวอะไรไม่รู้ มาเดินวนแทน
ที่แรก เป็น ช้าง เดินเข้าไป..พอออกมา กลายเป็นม้า เดินออกมา
.พอม้าวนเข้าไป..แล้วเดินออกมา ก็กลายเป็นวัวเดินออกมา
พอวัวเดินเข้าไป ..ออกมากลายเป็น เสือ

เลยนั่งดูเพลิน..มากว่า200 ตัวเป็นสัตว์แปลกๆๆที่ไม่เคยเห็น
อย่างเช่น ตัวเหมือนม้า..แต่ปากยาวแบบจรเข้
ตัวเหมือนเต่ายักษ์ แต่ปากเหมือน เหมือนนกกะยางคอยาว

ก็มานั่งนึก ว่า..ทำไมเป็นอย่างนั้น
พอนึก..จิตก็ วาบ มาเลย
เขากำลังจะบอกว่า เราเคยเกิดเป็นตัวอะไร มาก่อน
เท่ากับ เป็นการระลึก ชาติได้ อีกแบบหนึ่ง
ก็เลยได้ ไอเดียว่า..เมื่อเราทำแผ่กุศล..อดีตชาติของเรากลับมาทำการแผ่กุศลด้วย
มิน่า.เวลากล่าวคำกุศล..เราจะพูดว่า "..ขอเจ้ากรรมนายเวรที่ ตามเรามาทุกๆๆชาติ..ให้มารับบุญด้วย.."
เพราะ เวลาเรา กล่าวกุศล..ตัวเรามีเคยเป็น ทุกชาติ ก็กลับมาด้วย

พูดอย่างนี้..สำหรับบางท่านอาจจะเข้าใจยาก
ลองนึกว่า ตัวเรา ยืนอยู่ หน้า ตู้เสื้อผ้าของเรา
เปิดตู้ออกมา..เสื้อผ้า เรียงกันเป็นแถว..20-40 ตัว
หลากสี หลากขนาด หลาก สไตล์ หลากสมั

ไม่ว่า จะเป็น เช่นไร..มันก็คือ ของเรา ตัวเรา
เขาจึงว่า..ตัวคน สังขารคน คือ เสื้อผ้า
เวลาตายไป..วิญญาณ ก็ออกไปหา เสื้อ ตัวใหม่

การตายคือ การเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่นเอง..ไม่เห็นว่า ความตาย.น่ากลัว ที่ไหน
ใครทำบูญ ดี..ก้จะได้ เสื้อ ที่ สะอาด และดีกว่า เก่า
ใครทำไม่ดี...เสื้อตัวใหม่..ก็จะเป้นผ้า ขี้ริ้ว เท่า นั้น
ใครอยากจะ ได้ เสื้อ แบบไหน..ก็มีโอกาสเลือก ก่อนที่ จะตาย

 

การที่เราเห็นอดีตชาติ ว่า เคยเกิดเป็นตัวอะไร
บางตัว มีลักษณะแปลก..ไม่เคยเห็น
ก็แปลว่า ในยุคโบราณ นับตั้งแต่ ไดโนเสาร์..มีสุตว์แปลกๆๆ ที่ นักโบราณ คดี ยังไม่เจอ ฟอสซิล เจอกระดูก จึงยังไม่รู้ ว่า มี
แต่เรารู้ว่า มี เพราะ เราเคยเป็น
เห็นจะต้องมีโครงการ วิชาโบราณ คดี ทางจิต แล้ว กระมัง
นั่งเห็น แล้ว วาดรูปตัวแปลกๆๆออกมา รอไว้ก่อน
พอนักโบณาณ คดี..ไปเจอ กระดูก ตัวประหลาด.
จะได้ มีตัวอย่างไว้เทียบ..ว่า เป็นตัวอะไร
คงจะดี..เน่อะ

 

อนุโมทนาค่ะ เมื่อคืนเลยแอบไปลองเล่นๆ นิดนึงตอนนั่งสมาธิ คือลองกำหนดจิตอยู่ตรงตำแหน่งกลางท้ายทอยก่อน แล้วก็กำหนดให้จุดนั้นเสมือนยิงแสงตรงมาทางที่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้ว ...

มันมาโล่งเลยนะคะ แต่พอถึงปลายทาง ความรู้สึกมันเหมือนยิงแสงใส่กำแพงคอนกรีตหนาๆ น่ะค่ะ ตึ๊บเอามากๆ ลองหลายทีก็ได้อาการเดิมก็เลยเลิกไป กลับไปนั่งแบบเดิมต่อ

เดี๋ยววันนี้จะลองแบบมดของอาจารย์ The Third Eyes ดูค่ะ

สงสัยนิดนึงค่ะ ลองอ่านดูสงสัยกับคำว่าจักกระและตำแหน่งต่างๆอย่างที่คุณมังกรบูรพาเขียน ... สำหรับตัวเองจะต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ไหมคะ หรือปฏิบัติอย่างเดิมที่เคยทำไปก่อน ยังไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ... รบกวนชี้แนะด้วยค่ะ

แปลกจังว่าเมื่ออ่านข้อดี - ข้อเสีย ที่คุณ visnu เขียน ... จิตตัวเองบอกว่า ข้อดีนี่แหละคือสิ่งที่เราถามหา ส่วนข้อเสียบางข้อก็เป็นสิ่งที่เราถามหาเหมือนกัน ... งงๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกค่ะ

เอาเป็นว่ามาซุ่มฟังและขอคำแนะนำเป็นคราวๆ ไปดีกว่าค่ะ

สาธุ.

 

ดีจัง ที่ความรู้ของท่านทั้งหลาย ได้ช่วยกระตุ้นการปฏิบัติ
ของหลายๆท่าน





ขอให้สมบูรณ์ด้วย ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัศนะ

เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา



สำเร็จในสิ่งควรสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรม ทุกท่านทุกฝ่ายนะครับ

นโมพุทธายะ สิทธัง





โอม ศานติ

 

;aa36

ของเราเป็นแบบนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออกอ่ะ
นั่งไปสักระยะ จะเห็นแสงสว่าง (โดยที่ได้ปิดไฟไปแล้ว)
และรู้สึกว่าตัวเองเบาๆและก็ลอยเหมือนจากที่ต่ำขึ้นไปที่สูงๆ
รู้สึกเย็นสบาย โล่งไปหมด ระหว่างนั้น รู้สึกตัวจะสั่น ขนลุก และตรงหน้าผาก ตรงกลางระหว่างคิ้ว
มันเต้นตุ๊บๆๆๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ และก็ปวดนิดๆ อะ

;30

<O></O>

 

ข้าพเจ้าเองก็เคยอยากเปิดเหมือน
แต่พอคิดดูอีกทีว่า
ถ้าเปิดแล้วเราต้องเจออะไรที่ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็น
ใจเราจะเป็นทุกข์หรือเปล่า
เลยระงับความอยากนั้นไป
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง
เมื่อถึงคราวที่จะต้องเปิด
ก็จะต้องเปิดตามยถากรรม

 

เกร็ดความรู้เรื่องของจักกระ

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td><dd>จักระที่ 1 สีแดง 4 เส้นแสง เป็นขั้วลบ (-) ชื่อ มูลลัดดา หรือ Kundalini หรือ Serpentine ตำแหน่ง อยู่ที่ฝีเย็บระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก เป็นพื้นฐานของพลังชีวิตและเป็นกลไกที่ทำให้ชีวิตอยู่ได้ ดูดซับพลังจากใจกลางโลกที่พุ่งขึ้นมา ได้แก่ น้ำพุร้อน ภูเขาไฟระเบิด ต้นไม้ที่เจริญเติบโตจากดินพุ่งขึ้นสู่อากาศ
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 2 สีส้ม 6 เส้นแสง ชื่อ สวัสดิ์ธนา ตำแหน่ง อยู่ที่ ก้นกบปลายสุด ตรงกับ Gonads (ต่อมเพศ) ซึ่งสร้าง sex hormones อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ ระบบสืบพันธ์ และ ระบบขับถ่าย (ไต?) เป็นจุดศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังงานทางเพศ (ทั้งผู้ให้และผู้รับ) เกี่ยวกับความเชื่อมั่นในตนเอง ดูดซับพลังจากพระอาทิตย์ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินจะกระจายพลังจากจุดนี้ออกไป นอนแต่หัวค่ำ ก่อน 21 น. ตื่นตี 5 ทำให้ melatonin หลั่ง ร่างกายจะกำจัดสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค ทำให้ไม่เป็นโรคติดเชื้อ ถ้ากระตุ้นขึ้นบนไปจักระ 7 จะรุนแรงในทางสร้างสรรค์ มีความหวานหอม แต่ถ้ากระตุ้นลงล่างจะกระตุ้น sex ใจเร็วด่วนได้
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 3 สีเหลือง10 เส้นแสง ชื่อ มณีปุระ ตำแหน่ง อยู่ที่ บั้นเอว ตรงกับ สะดือ ตรงกับ Adrenal gland (ต่อมหมวกไต) เป็นศูนย์กลางของอารมณ์ดิบ ที่ไม่ได้ผ่านการซักฟอก ในขณะที่เราตกใจกลัว กล้ามเนื้อบริเวณสะดือ จะหดตัวลง จักระ 3 มีหน้าที่ผลิตเนื้อเยื่อกระดูกหนาขึ้น ผลิตเม็ดเลือดแดง ระบบการย่อยอาหาร (กลิ่น รส กระเพาะอาหาร ตับ) ระบบขับถ่าย (ไต) อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ ท้อง ตับ กระเพาะอาหาร และ ลำไส้ ถ้าขาดพลังจักระ 3 ไม่มีแรง ถ้ากระตุ้นจักระ 3 จะรู้สึกหิว
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 4 สีเขียว 12 เส้นแสง ชื่อ อนัตตา ตำแหน่ง อยู่ที่ ตรงกลางกระดูกสันหลังระดับที่ตรงกับหัวใจ ตรงกับ Thymus gland อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ หัวใจ และ ระบบหมุนเวียนโลหิต เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริงอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ความเมตตากรุณา และ ความเสียสละ หลายต่อหลายวิธีของการปฏิบัติสมาธิของชาวตะวันออก เพื่อกระตุ้นจักระนี้ มีสีดอกไม้ใบหญ้า ถ้าขาดพลังจักระ 4 ทำให้ไขมันสูง Triglyceride สูง ก่อกรรม Rx. เมตตากรุณา ไม่หวังผลตอบแทน ลดความโลภ โกรธ หลง
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 5 สีฟ้า 16 เส้นแสง ชื่อ วิสุทธิ์ ตำแหน่ง อยู่ที่ กระดูกต้นคอ ตรงกับ Thyroid gland อวัยวะที่เกี่ยวข้องคือ ปอด Rx. โรคระบบหายใจ ผิวหนัง หอบหืด เคราะห์กรรม ถูกกระทำย่ำยี สัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ พูดเพราะ หูทิพย์ ฟังเทวดาได้ พิธีกรรม สวดมนต์ ดนตรีไทย (ฉิ่งฉาบกลอง มี alpha wave)
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 6 สีไพลิน (สีน้ำเงิน) และ กุหลาบทอง 96 เส้นแสง ชื่อ อัจนา หรือ อัจฉริยะ ตำแหน่ง ตั้งอยู่ที่กึ่งกลางหน้าผาก ตรงกับ Pituitary gland (ต่อมใต้สมอง) อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ สมองส่วนล่าง และ ระบบประสาท เป็นที่รวมของปัญญา เป็นดวงตาที่สาม และ พาหนะแห่งญาณวิเศษ ติดต่อกับเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน Rx. ทำลายสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง, Parkinson, Alziemer syndrome คุณย่ามีภาพเด็กชาวรัสเซียมีตาที่สาม คือ พระอิศวร เด็กคนนี้สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้
</dd><dd>
</dd><dd>จักระที่ 7 สีม่วง 972 เส้นแสง เป็นขั้วบวก (+) มีเส้นแสงสีทอง 12 เส้นตรงกลาง และ สีม่วง 960 เส้น โดยรอบ รวมเป็น 972 เส้น เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระในกายทิพย์ เป็นสถานที่รับพลังคอสมิกและกระจายไปทั่วร่างกาย ตำราอินเดียเรียกชื่อว่า สหัชชะ หรือ สหัสรา แปลว่า หนึ่งพัน หรือ 1,000 เส้นแสง ตำแหน่ง อยู่ที่ กลางศีรษะด้านบน เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว ตรงกับ Pineal gland อวัยวะที่เกี่ยวข้อง คือ สมองส่วนบน ระบบประสาท ระบบโครงสร้าง และ ระบบหมุนเวียน โดยทั่วไปของร่างกาย Rx. ระบบโครงสร้างและข้อต่อ เป็นจุดที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยที่จักระอื่นๆ ไม่สามารถจะรักษาได้โดยตรง </dd></td></tr></tbody></table>






<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>

 

วันไหนว่างนึกสนุกขึ้นมา ลองหายใจเข้า และจิตนาการว่า

ลมหายใจมันวิ่งไปชนที่กลางหน้าผาก เวลาที่หายใจออก

จินตนาการแบบเดียวกัน พอชำนาญเข้า จุดต่าง ๆ ก็ไปได้หมด


การใช้ลมหายใจ จะรู้สึกมันไปกระทบได้ชัดเจน จุดจักกระต่าง ๆ

จะทำงานได้เต็มที่ สุขภาพดี แข็งแรง เจ็บป่วยยาก

เพิ่มพลังกาย/พลังจิต

 

มีอีกปุจฉาหนึ่งครับ ที่ตัวผมไม่มั่นใจ การที่หลายคนอยากเปิดตาที่สามขึ้นมา

จากจุดประสงค์

อะไรก็แล้วแต่ พอกำหนดที่จุด เช่นจักกระ 6 เหนือหว่างคิ้ว กำหนดไปเรื่อย เพื่อหวังว่า

สักวันจะกระตุ้นให้มันทำงาน ทำไปเรื่อย ๆ ๆ ทุกวันไม่ขาด แต่ตาที่สามก็ยังไม่เปิด

ปัญหามันอยู่ที่ เรามีกิเลศคือความอยากเป็นตัวนำ เมื่อเข้าไปกระตุ้นทุกวัน เท่ากับส่งตัว

กิเลศ คือความอยากเข้าไปสะสม ให้มากขึ้น ๆ


มนุษย์จะมีออร่า ซึ่งเกิดจากการกระทำ ไม่ว่าดีหรือชั่ว อยากถามว่าการที่เรากระตุ้นหรือ

สั่งสมความอยาก ณ ตำแหน่งจักกระที่ 6 ออร่าหรือพลังลบ จะปกคลุมกายและจิตหรือไม่

เคยได้ยินมาว่า ถึงแม้ตาที่สามเปิด ก็มองไม่เห็น เนื่องจากออร่าที่เป็นพลังลบ ปกคลุมกายอยู่

 

เคยนั่งทำสมาธิ มีบางครั้งคล้่ายกับเห็นร่างของตัวเอง ใส ๆ จาง ๆ เคลื่อนเข้าออก

สั่นไปสั่นมา กระเถิบไปมาระหว่างกายจริงที่นั่ง และไอ้ตัวใส ๆ ที่ผมว่า


ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร คงต้องรอคำตอบของตัวเอง จากการหมั่นปฎิบัติ