ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีความบังเอิญล้วนเป็นเพราะกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น

    ใช่ไม่ใช่ ?
     
  2. ฝั่งแห่งภพ

    ฝั่งแห่งภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +606
    ร่างกายนี้ตายเมื่อใด เราก็สบายเมื่อนั้น
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=516 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>โหรทัก'ทักษิณ'กำลัง'ดวงแตก'
    </TD></TR><TR><TD colSpan=3>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=3>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=3>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=50>[​IMG]</TD><TD class=text width=416>[​IMG]ขณะที่ประเทศไทย และรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญกับสารพัดปัญหา ทั้งภัยแล้ง ภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งปัญหา การก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งบรรดาโหรต่างๆ เคยออกมาทำนาย เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เมืองดวงประเทศไทย ตกอยู่ในภาวะวิกฤติหนัก ถูกปัญหารอบด้านรุมเร้าอยู่ นั้น เมื่อบ่ายวันที่ 7 เม.ย. 2548 ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้วิเคราะห์ พยากรณ์ดวงเมืองประเทศไทยและดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในปี 2548 ในการบรรยายพิเศษเรื่อง "ดวงเมืองพยากรณ์ : ปีระกา" ว่า ดวงเมืองประเทศไทยในช่วงปีนี้และจนถึงปี 2549 ถือว่าไม่ดีเอามากๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 50 กว่าปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์ฆ่ากันตาย คาร์บอมบ์ หรืออุบัติภัยธรรมชาติอย่างคลื่นสึนามิ มาก่อน แม้ว่าวันมหาสงกรานต์ ปีระกาปีนี้จะมีฤกษ์ดี ได้นางมณฑาเวที ใช้ภักษาหาร นมเนย ไสยาสน์ปิดเนตรบนหลังลา เป็นนางสงกรานต์ และมีนาค 3 ตัว ให้น้ำถึง 500 ห่า แต่ไม่สามารถบรรเทาเคราะห์ของประเทศไทยได้
    นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวต่อว่า นับจากวันที่ 9 เม.ย.นี้ อิทธิพลของพระราหู และพระเสาร์ ซึ่งเป็นดวงโจร โคจรสู่ราศีมีน และราศีกรกฎ ซึ่งเป็นเรือนธาตุน้ำ จะส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างรุนแรง เกิดวิกฤติด้านรายได้ของประเทศ ที่ถูกเบียดบังไปกับการคอรัปชันอย่างแยบยลขนานใหญ่ และธุรกิจการค้าผิดกฎหมายที่เฟื่องฟู ประกอบกับจะเกิดภัยแล้งขยายวงกว้าง ประสบปัญหาวิกฤติทั้งเรื่องน้ำและน้ำมัน ที่ต้องระวังคือ ในช่วงวันที่ 8-11 เม.ย.นี้ ให้ระวังเรื่องของภัยพิบัติ อุบัติเหตุที่รุนแรง รวมทั้งการก่อการร้ายครั้งใหญ่ด้วย โดยเฉพาะภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสถานที่สำคัญทางศาสนาและราชการ
    [​IMG]"วิเคราะห์กันตรงๆ ช่วงปีนี้ ผู้คนจะล้มตายกันมากขึ้น เพราะภาวะปัญหาต่างๆ รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ เกิดเครียดต้องหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งหากรัฐบาลไม่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อรับปัญหาใหม่ ก็อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในช่วงเดือน ก.ค. และช่วงเดือน ต.ค.นี้ หากร้ายแรงกว่านั้น อาจจะเกิดการจลาจลครั้งใหญ่ในประเทศ ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่แต่ถ้าวิเคราะห์ ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ ก็อาจจะเป็นช่วงต้นปี 2549 หรืออาจจะเป็นช่วง ต.ค. 2549 เพราะการศึกษาดวงเมืองพบว่า ลักษณะดวงเมืองขณะนี้ เป็นดวงเมืองเดียวกับดวงเมืองสมัยรัฐบาลปี 2518 และสมัยรัฐบาลปี 2519 ที่เกิดการจลาจล เมื่อ 6 ต.ค. 2519" นายภิญโญ กล่าว
    นายภิญโญ กล่าวอีกว่า นอกจากดวงเมืองจะอยู่ในคราวเคราะห์แล้ว ดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ก็อยู่ในช่วงไม่ดี เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่มีดวงเกิดเหมือนกับขงเบ้ง คือเป็นคนที่มีดวงแตก แต่ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จมาตลอด เพราะการโคจรของดวงดาวอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาตลอด แต่ปีนี้ราหูทับราหู และยังทับลัคนาราศีกันย์ ซึ่งเป็นราศีเกิดอีก ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีมีเคราะห์หนัก จะประสบอันตรายและมีปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ยังต้องประสบปัญหาความขัดแย้งกับหุ้นส่วนทางการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องระวังเรื่องผู้หญิงอย่างมาก เพราะจะเป็นต้นเหตุที่จะนำมาซึ่งความแตกร้าวดังกล่าว และความนิยมตกต่ำ
    นายภิญโญยังได้เสนอวิธีทางแก้ไขดวงชะตาและดวงนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะมีเคราะห์ในขณะนี้ว่า เรื่องนี้ทางแก้แทบไม่มี เว้นแต่นายกรัฐมนตรีและประชาชนชาวไทยทุกคน จะช่วยกันทำจิตใจให้เป็นสมาธิ ยึดถือเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง และสวดมนต์ภาวนาถึงพระพุทธคุณทุกวัน ก็อาจจะช่วยกันผ่อนหนักเป็นเบาได้.

    ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    ปีที่ 56 ฉบับที่ 17429 วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2548
    http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/page1/apr/08/p1_3.php
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พลังแห่ง 'มหาอุจ'
    พลังแห่งคุณหญิงพจมาน



    "เมื่อราหู (8) สถิตในราศีที่เรียกว่าเป็น มหาอุจ ในหนังสือ 'โลกธาตุ' ให้คำนิยามสั้นๆ ว่า ..คำว่าอุจ ออกจากคำว่าอุจจ แปลว่าสูง ดาวเคราะห์ที่เป็นมหาอุจ ถ้าบริสุทธิ์ก็ให้คุณแก่เจ้าชะตาดีนัก.. ราหูเป็นอุจ แรงด้วยโภคทรัพย์ ใจกร้าว กล้าแข็ง มีอำนาจวาสนา ชนะศัตรู อายุยืนฯ"
    ราหูกุมลัคนาที่กล่าวถึงนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้... 'คุณหญิงผู้เป็นศรีภริยา' ของนายกรัฐมนตรี นี่แหละ
    นี่คืออีกแง่มุมหนึ่งในรูปของคำทำนายดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากหนังสือ 'ทักษิณ ชินวัตร : ฅนดวงแตก' โดย 'ศิษย์ อายัญโฆษ' บรรณาธิการโดย 'ถาวร สุวรรณ' และหลายคนคงนึกออก หากบอกว่ามาจากสำนักพิมพ์ 'ฃอคิดด้วยฅน'
    จากบทที่ 8 'ราหูมหาอุจผู้แก้ปัญหา' ว่าด้วยความแรงของดวงภริยา คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถอดความแล้วจะเห็นว่าแม้ตามหนังสือจะพูดถึงดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่าเป็น 'ดวงแตก' มีเหตุที่จะพบเรื่องร้ายตามมา
    แต่ดวงของคุณหญิงอ้อจะช่วยไว้ทุกครั้ง (ดังที่เราเห็นจากข่าว) เพราะคุณหญิงมีดวงที่เป็นพลังสำคัญ คือ มหาอุจ คอยเกื้อกูลขับเคลื่อนความเป็นไปของสามีให้เจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้น ในด้านการเงิน ก็ไม่ธรรมดา...
    "พื้นดวงคุณหญิง มีพระเกตุ (9) เป็นมหาอุจในภพกดุมภะ (การเงิน) ถามเจ้าเรือนนั้น คือพฤหัสบดี (5) ที่มีสถานะเป็น 'ศรี' ตามมหาทักษาอีกด้วย ตรงนี้คือความเป็นผู้จัดระเบียบแบบแผน การเก็บ ดูแล จัดสรรเรื่องการเงินอย่างชนิดที่เรียกว่าต้องชั้นหนึ่งทีเดียว"
    ความนี้ ไม่น่าแปลกใจ เพราะ 50 ล้านที่เพิ่งบริจาคแก่พรรคไทยรักไทย จนถูกพรรคตรงข้ามกระแหนะกระแหน ว่าอาจหาทางถอนทุนคืนในอนาคต คือคำตอบ (ยังไม่นับอีกหลายร้อยล้านในหลายรายการอื่นรวมกันที่ผ่านมา) อันแสดงให้รู้ว่าใคร? ถือกระเป๋าสตางค์
    ยังมีรายละเอียดอีกมากมายจากหนังสือเล่มนี้ ที่นำมากล่าวได้ไม่หมด ซึ่งหากใครเคยอ่านจะพบว่าผู้เขียนได้ทิ้งทายไว้เป็นปริศนา ทำนอง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    "...เมื่อชดใช้กรรมที่ก่อให้มาชีวิตหมดไปแล้ว เหลืออยู่แต่ยังก่อกรรมใหม่ซ้อนเข้ามาอีก ไม่มีใครบอกได้ว่า กรรมทับซ้อน นี่จะรุนแรงขนาดไหน..."
    จึงเป็นที่มาของการพูดคุยครั้งล่าสุด ที่ ศิษย์ อายัญโฆษ ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมนอกเหนือจากในหนังสือ ถึงความเป็นไปหลังจากนั้นของท่านนายกรัฐมนตรีและภริยา ในหัวข้อที่อ่านแล้วอาจชวนอกสั่นขวัญผวา
    'ถึงเวลากรรม ตามมาทวงคืนแล้ว'
    เนื้อหาสรุปได้ว่า แม้ผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ผู้ทำนายยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยจะได้เสียงข้างมาก และท่านนายกฯ คนปัจจุบันจะยังเป็นนายกฯ ในสมัยต่อไป ด้วยพลังแห่งมหาอุจจากคู่ครอง หากแต่จะหวังอยู่ครบเทอมนั้นยาก!!
    เหตุเพราะความวุ่นวายในพรรคจะเพิ่มทวีคูณ ซึ่งคำตอบที่ว่านี้ไม่ได้เอากระแสการเมืองมาตอบ แต่เป็นการเอากระแสของราหู (8) ที่โคจรเข้ามาทับราหู (8) เดิม ซึ่งเป็นราหูในทางดวงแตก
    ทำความเข้าใจง่ายๆ ตามตำราโลกธาตุ ว่าไว้ ราหู (8) นั้น เปรียบสภาพเป็น ด้วง แมลง ถ้าอยู่ด้วยพระเคราะห์องค์ใด ย่อมทำร้ายเสมอ อยู่ที่รากกัดราก อยู่ที่คาคบกัดคาคบ ชื่อว่ากัดพระเคราะห์ทั้งปวงแล
    "พอราหูมาถึง ราหูที่เป็นดวงแตกอยู่แล้วของคุณทักษิณ ก็ทำให้กระแสอะไรต่ออะไรของคุณทักษิณวุ่นวาย คือให้โทษคุณทักษิณ"
    เช่นนั้น ดวงมหาอุจของคุณหญิงจะช่วยไว้อย่างไร ผู้ทายทักให้คำตอบไว้ว่าไทยรักไทยยังคงเป็นรัฐบาล แต่..หากถามถึงความยั่งยืน..
    "เมื่อราหู (8) เข้ามาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม เป็นต้นไป แรงต้านนี้ (จากคุณหญิง) มีขีดจำกัด ในเมื่อเจอกับแรงของดาวเสาร์ (7) ที่จะโคจรเข้าราศีกรกฎ ในเดือนพฤษภาคม 48 มิหนำซ้ำยังมีแรงกระแทกจากดาวอังคาร (3) ที่โคจรเข้ามาในราศีเมษ ในวันที่ 16 กรกฎาคม 48 วันเดียวกับดาวอาทิตย์ (1) ย้ายราศีจากเมถุนเข้าราศีกรกฎอีก กระแสอย่างนี้ ราหู (8) มหาอุจของคุณหญิงรับไม่อยู่หรอกครับ เพราะทั้งเสาร์ (7) และอังคาร (3) ต่างมีพลังเกินแรงต้านในดวงคุณหญิง"
    ดังนั้น หากจะสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นนายกฯ ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ไม่ผิด และช่วงเวลานั้นอาจประจวบเหมาะกับการคลายการครอบงำ 'ดวงเมือง' หลังจากที่ถูกราหูอมจนมืดมิดมานาน
    "การโคจรของราหู (8) จากราศีเมษไปสู่ราศีมีนนั้น ในเกณฑ์ของดวงเมือง วินิจฉัยกันว่า ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ยกตัวอย่างที่ชายฝั่งอันดามันที่ได้ราพณาสูรไปชั่วพริบตา กับดวงกรุงเทพฯ นั้น นับวันจะห่างหายไป ภายหลังเจออิทธิพลของดาวเสาร์ (7) แล้วตามมาด้วยราหู (8)...ฉะนั้น ดวงเมืองจะเริ่มต้นพ้นจากบาปเคราะห์สำคัญที่ให้โทษ"
    ซึ่งในส่วนของบุคคล ผู้ทำนายแยกว่าเป็นคนละเรื่อง ถึงแม้ว่าชัยชนะจะเป็นของพรรคไทยรักไทย แต่นั่นก็เพราะราหู (8) ยังอมดวงเมืองไว้ ที่สุดหากเมื่อใดที่การถูกบดบังพ้นออกไป คือในช่วงเวลาหลังเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ ไปถึง 12 มีนาคม 48 กระทั่งล่วงเข้าเดือนพฤษภาคม แรงเกื้อของคุณหญิงจะเริ่มต้านทานไม่อยู่
    "ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลัง 12 มีนานี้ อันมหาอุจของคุณหญิงยังรับแรงกระแทกของราหูตัวนี้ได้ แต่พอเดือนพฤษภา เสาร์ (7) ลงมา เดือนกรกฎา อังคาร (3) ลงมา แรงคุณทักษิณจะยิ่งแย่ใหญ่ แรงของคุณหญิงจะรับแรงสองตัวนี้จะไม่ได้ ซึ่งอังคาร (3) กับเสาร์ (7) สองตัวนี้ไม่ดีเลยในดวงคุณหญิง"
    การทำนายครั้งนี้ เป็นเสมือนคำเตือนว่า การโคจรของราหู (8) มาทับราหู (8) เดิม ครั้งนี้จึงเหมือนมาทวงถามเกียรติยศที่ได้รับมา แม้ตามตำรา ดวงภริยาจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาแก่ดวงสามีได้ ก็หาได้หมายความว่า การอยู่ในกรอบแห่งคุณธรรมจะถูกละเลย แม้แต่การใช้เงินมหาศาล ก็มิอาจช่วย
    แต่โดยที่ดวงคุณหญิง ราศีตุลมีอังคาร (3) เป็นตนุเศษ มีดาวเสาร์ (7) ร่วมอยู่ด้วย เสาร์ (7) ตำแหน่งนี้เป็นมหาอุจด้วย แต่อังคารกลับเสียหายเพราะเป็นประ (ไม่ดี อ่อนแอ) ราหู ทำมุม 120 องศากับราศีพิจิก ซึ่งมีสถานะเป็นกดุมภะ คือกระเป๋าเงินของอังคาร (3) ตนุเศษ หมายความว่า การจ่ายเงินเพื่อระงับความวุ่นวายนั่นเอง
    "พอ 12 มีนาไปก็ยังดีนะ คือยังเกื้อกูล ยังดัน ตั้งรับดันสามีเอาไว้ได้ แต่เสร็จแล้วพออังคารกับเสาร์ลงมาอีกตัวนี่ เงินอย่างเดียวที่คุณหญิงถือไว้ เพื่อเอาออกมาแก้ปัญหา มันจะจ่ายไม่ไหวแล้ว เพราะมันจะโดนขุดคุ้ย" ทั้งหมดทั้งมวล ก็คงด้วยความเป็นห่วง ที่ผู้ทำนายฝากบอกว่า แรงแห่งกรรมอันเกิดจากเสาร์ (7) นั้น คือคลื่นใต้น้ำที่ถาโถมเข้าใส่ แม้จะไม่แรงเท่าสึนามิ แต่ก็ทำให้บัลลังก์แห่งอำนาจล้มคว่ำคะมำหงายลงจนได้

    จากหนังสือพิมพ์เนชั่น สุดสัปดาห์ ปีที่14 ฉบับที่ 660วันที่ 24 - 30 ม.ค. 2548 http://66.102.7.104/search?q=cache:ffTefnSfdw0J:www.bangkokbiznews.com/weekend/20050104/web01.shtml+%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81&hl=th
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=F1 vAlign=top bgColor=#ffffff>'ของจริง' Coming Soon
    [​IMG]
    19 ตุลาคม 2548 09:29 น.
    พาเหรดพายุและน้ำท่วมที่ป่วนโลกอยู่ในตอนนี้ นอกจากความเสียหายระดับพระกาฬที่ทิ้งไว้ ยังแถมคำถามสำคัญมาให้ขบคิดด้วยว่า "เกิดอะไรขึ้นกับโลก"
    หรือคำทำนายบางอย่างจะเป็นจริง และโลกกำลังจะถึงจุดวิกฤติหรือไม่ ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ พาไปหาคำตอบตามหลักวิทยาศาสตร์
    ในแต่ละปีศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งสหรัฐอเมริกาจะเตรียมชื่อเฮอร์ริเคนเอาไว้ถึง 21 ชื่อ แต่ขณะนี้ชื่อที่ 17 ได้ถูกใช้ไปแล้วคือ 'ริต้า'(Rita) และเกรงว่าอีก 4 ชื่อที่เหลือจะไม่เพียงพอต่อฤดูเฮอร์ริเคนที่เหลืออีก 2 เดือนเต็ม จึงขอไปยังองค์การอุตุนิยมวิทยาสากลในการใช้อักษรกรีกมาเรียงลำดับต่อ เพื่อรองรับเฮอร์ริเคนลูกที่ 22 ที่อาจโฉบขึ้นฝั่งมาก่อนสิ้นปี
    ข่าวเล็กๆ ชิ้นนี้ ดูเผินๆ ใจความอาจอยู่ที่เรื่อง 'ชื่อ' แต่ถ้าอ่านเอาเรื่องจริงๆ ความไม่ปกติที่ว่านั้น เข้าขั้นน่ากลัวเลยทีเดียว เพราะปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และแน่นอน...มันมีที่มาที่ไป พร้อมกันนั้นมันคือสัญญาณเตือนภัยบางอย่างระดับโลก
    เรื่องนี้ ดร.อนนท์ สนิทวงษ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายอย่างง่ายๆ ว่า "มันเหมือนสินค้าตัวอย่าง ก่อนที่ของจริงจะตามมาในอนาคต" แต่ยังไม่กล้าฟันธงว่าช้าหรือเร็ว
    แม้จะหอบหายนะมาฝาก แต่อย่างน้อยๆ ก็ต้องขอบคุณแคทรินา ริต้า กระทั่งน้องๆ อย่างดอมเรย ที่แทคทีมดึงเราท่านให้หันกลับมาตั้งคำถามอย่างซีเรียสว่า "เกิดอะไรขึ้นกับโลก"
    ทั่วโลก กำลังพยายามหาคำตอบเรื่องนี้อยู่....

    พาเหรดเฮอร์ริเคนเมืองมะกันและน้ำหลากทางภาคเหนือ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเห็นพ้องกันว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะทั้งคู่เป็นผลพวงมาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Climate change หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลกมานานแล้ว ว่ากันว่าหายนะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ เพราะโลกกำลังเดินเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวแล้ว
    "ซีกโลกภาคเหนือ ช่วงนี้ตรงกับปลายฤดูร้อนพอดี น้ำทะเลจะร้อนที่สุด ดังนั้นพายุจึงรุนแรงที่สุด" ผอ.ศูนย์เครือข่ายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก จุฬาฯ อธิบายที่มาของเฮอร์ริเคน ซึ่งก็คือพายุหมุนชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อจุดใดจุดหนึ่งในทะเลมีความร้อนสูงผิดปกติ และเมื่ออุณหภูมิ ณ ระดับน้ำทะเลไม่เท่ากันแล้ว จึงเกิดการดึงมวลอากาศเข้าหา กลายเป็นพายุหมุนขึ้นมา และยิ่งน้ำทะเลร้อนเท่าไหร่พายุก็จะทวีกำลังแรงขึ้นเท่านั้น ซึ่งปีนี้โชคร้ายตกเป็นของชายฝั่งแถบหลุยส์เซียน่า และนิวออร์ลีน
    เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ภาคเหนือเจอทั้งน้ำเหนือและน้ำหนุนรุมจนอ่วม นักวิทยาศาสตร์มองภัยพิบัติต่างทวีปเหล่านี้ว่า เป็นการปรับตัวของภูมิอากาศโลกเพื่อสมดุลของพลังงาน
    ถ้ายังไม่เข้าใจ รศ.ดร.กัณทรีย์ บุญประกอบ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หนึ่งในคณะกรรมการของ IPCC (InterGovernmental Panel on Climate Change) ชวนให้กลับไปทบทวนตำราวิทยาศาสตร์สมัยประถมในบทที่ว่าด้วยปฏิกิริยาเรือนกระจก (Green House Effect) รับรอง...เรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะ
    "บรรยากาศมีก๊าซเรือนกระจกมากกว่าปกติ ซึ่งบนนั้นเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติดูดกลืนพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ให้แผ่ออกไปจากโลก"
    พื้นดิน น้ำ ป่าไม้ ธารน้ำแข็งและบรรยากาศ คือ 5 สิ่งที่ทำหน้าที่ดูดซับพลังงานของโลก และเมื่อคาร์บอนมอนนอกไซด์ในชั้นบรรยากาศ กักกั้นความร้อน จนทำให้ทั้ง 5 สิ่งนี้ซึมซับความร้อนได้ไม่เท่ากัน จึงเกิดการถ่ายทอดพลังงานเพื่อให้เกิดความสมดุล แต่เพราะกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทำให้ทรัพยากรทั้ง 5 เปลี่ยนแปลงไปในระดับที่เลวลง การถ่ายทอดพลังงานเพื่อสร้างความสมดุลจึงผิดรูปเสียขบวน ความแปรปรวนจึงย้อนกลับมาทำร้าย
    และแม้มนุษย์จะออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการชูธงประหยัดพลังงานกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสำนึกดีดังกล่าวจะทำได้อย่างมากก็แค่เลี้ยงไข้เอาไว้ จะไปหวังผลขั้นทุเลา...คงยาก
    จากการศึกษาของ IPCC พบว่า แม้จะลดการใช้พลังงานหรือลดก๊าซเรือนกระจกด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด แต่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไปคงที่ในอีก 50 ปีข้างหน้า
    แต่ถ้ามนุษย์ยังเฉยเมยต่อเรื่องนี้ และตั้งหน้าตั้งตาผลาญโลกกันต่อไป ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อีก 100 ปีข้างหน้าก็ยังไม่มีแนวโน้มลดลง
    "เมื่อความเข้มข้นเพิ่มขึ้น อุณหภูมิจะสูงขึ้น ปรากฏการณ์ธรรมชาติประเภท Extreme Event ก็จะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พายุ น้ำท่วม น้ำทะเลหนุนสูง และความแห้งแล้ง" รศ.ดร.สิรินธรเทพ เต้าประยูร ประธานสายวิชาสิ่งแวดล้อมบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ร่วมเตือนภัย
    20 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพบว่าอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเฉลี่ย 0.5 องศาเซลเซียส สำหรับคนทั่วไปอาจเป็นตัวเลขที่ไม่น่าตื่นเต้น แต่กับภูมิอากาศถ้าลองได้เปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนเลย ไม่มีกลับไปกลับมา แม้กราฟอุณหภูมิจะขยับขึ้นเพียงนิดแต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญ ผลลัพธ์ของมันไม่ได้ 'นิด' ตามไปด้วย
    "ทราบหรือไม่ว่า ในรอบ 40 ปีอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเพียง 0.6 หรือ 1 องศาเซลเซียส จะส่งผลต่อระดับความรุนแรงทางธรรมชาติเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เท่าตัว" รศ.ดร.กัณทรีย์ เผยผลการศึกษา
    จะบังเอิญหรือไม่ แต่เรื่องนี้ไปสอดคล้องกับรายงานอย่างเป็นทางการของสหประชาชาติเรื่องการป้องกันภัยพิบัติเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ภัยพิบัติระหว่างปี พ.ศ.2537-2546 เพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 20 ปีก่อน
    ถี่ขึ้นยังไม่พอ ซ้ำร้ายกว่านั้น ภัยพิบัติแต่ละครั้งยังเพิ่มระดับการทำลายล้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาของเคอรี เอมมานูเอล สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์(MIT) พบว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา พายุลูกใหญ่ที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก เพิ่มความรุนแรงแต่ละลูกยาวนานขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือความร้อนเหนือน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    ความแปรปรวนที่เขย่าโลกอยู่ ณ ขณะนี้ เกิดขึ้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับทุกประการ แต่ในอีกด้านหนึ่ง หลายคนคิดประหวัดไปถึงคำทำนายโลกบางประการ...เกี่ยวกับวันสิ้นโลก ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ อิสลาม จูเดอิซึ่ม กระทั่งพ่อมดอย่างนอสตราดามุสก็เคยพูดถึง
    นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ไม่มีใครโยงเรื่องนี้มาประกอบคำอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ค้านว่ามันไม่จริง
    "มันคงเป็นเรื่องไกลตัวเกินไป ซึ่งมันอาจจะเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตหลายร้อยล้านปี แต่ประเด็นสำคัญกว่าอยู่ที่ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น(อีก)" ดร.อนนท์ พูดในสิ่งที่เป็นไปได้
    พายุ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้ ดร.อนนท์ เผยว่าเป็นเรื่องที่นักวิชาการคาดการณ์กันไว้นานแล้ว เพราะโดยปกติ บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่เป็นไปทีละเล็กทีละน้อย
    "แต่พายุหรือน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนี้ มันก้าวกระโดด เกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งริต้า แคทรินา ก็อาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุดครั้งหนึ่งของ Climate change"
    เหตุผลที่ผอ.ศูนย์เครือข่ายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลกใช้คำว่า 'อาจจะ' เพราะพายุไม่กี่ลูกนี้ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว แต่ถ้าต้องการคำยืนยันถูกต้องและแน่นอนทางอุตุนิยมวิทยาต้องสังเกตการณ์ยาวนานถึง 30 ปี
    แต่ที่แน่ๆ จากการศึกษาและเฝ้าดูอยู่นานพอสมควร ดร.อนนท์ มั่นใจว่า ต่อจากนี้ พายุจะมีถี่มากขึ้น ฝนจะตกชุกบริเวณชายฝั่งมากขึ้น และมีสองอย่างนี้มารวมตัวกันเข้า ทั้งฝนและพายุจะเพิ่มระดับการทำลายล้างมากขึ้น
    ขณะนี้ ประเทศชั้นนำต่างๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา หรือญี่ปุ่น ต่างก็ใช้โมเดลในการวิเคราะห์แนวโน้มของภูมิอากาศในระยะยาว ซึ่งในประเทศไทยมีโมเดลชื่อ CCAM ที่ใช้วัดระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในความดูแลของ ดร.อนนท์ ซึ่งได้ผลออกมาดังนี้
    "พบว่าการปรวนแปรมีมากขึ้นแต่ไม่ได้มากผิดหูผิดตา บริเวณพื้นที่ที่น่าห่วงคือชายฝั่งหรือสันเขา แต่ผลภัยที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ แต่อาจจะถึง 30 ปีข้างหน้า น่าจับตามองว่า ความเสี่ยงจะเปลี่ยนรูปไปอย่างไร ซึ่งเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่รุนแรงขึ้นแน่ๆ"
    ไม่ว่าวันนั้นจะมาถึงช้าหรือเร็ว ตามความเห็นของ รศ.ดร.กัณทรีย์ พื้นที่ที่จัดว่าสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดหายนะมากที่สุดคือ แอฟริกาและอเมริกาใต้ ทั้งนี้เพราะแอฟริกาเข้าสู่ภาวะแห้งแล้งมานานแล้ว ผู้คนอดอยาก ปลูกพืชผลก็ลำบาก อ่อนแออย่างนี้เกิดภัยพิบัติขึ้นมาที จึงน่าจะบอบช้ำมากที่สุด
    ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ฝนชุกเป็นทุนเดิมอย่างอเมริกาใต้ ถ้าปะเหมาะเคราะห์ร้ายไปเจอหายนะถล่มเข้า คงอ่วมพอๆ กัน แตกต่างจากความเห็นของ ดร.อนนท์ ที่มองว่าภูมิภาคที่สุ่มเสี่ยงมากที่สุดนั้นน่าจะเป็นประเทศที่เทคโนโลยีค่อนข้างต่ำ และประเทศไทยเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
    "เพราะการรับมือกับ Climate Change นั้นต้องใช้ทั้งเงินและความเข้าใจ พูดตรงๆ ประเทศไทยจัดว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับค่อนมาทางสูง ทั้งนี้เงินเราพอมีแต่กลับขาดความตระหนักในเรื่องนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลมองเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง การเจรจาสนธิสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มักจะตั้งอยู่บนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก"
    รศ.ดร.กัณทรีย์ ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนในประเทศไทย ก็ตระหนักในเรื่องนี้ดีเพราะที่ผ่านมาได้รวบรวมผลงานวิจัย เสนอไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลเพื่อกระตุ้นให้เริ่มคิดแผนรองรับและป้องกัน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา นอกจากความเงียบ
    ผิดกับทั่วโลกที่หันมาวิ่งเต้นเรื่องนี้กันอย่างกระตือรือร้น เตรียมแผนลดการใช้พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันและถ่านหิน ยกระดับนโยบายการใช้พลังงานทดแทนขึ้นเป็นวาระระดับชาติ
    ทั้งรศ.ดร.กัณทรีย์และดร.อนนท์ เห็นพ้องต้องกันว่า วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการปลูกต้นไม้ วิธีที่หลายๆ คนอาจจะมองว่ามันสายเกินไป ซึ่งก็มีส่วนจริง
    "ถ้าเราไม่ลงมือตั้งแต่ตอนนี้ ความปรวนแปรที่เกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคตก็อาจเลวร้ายกว่าที่คาดเอาไว้ สมมติทั่วโลกหันมาปลูกต้นไม้ควบคู่ไปกับการลดใช้ถ่านหิน น้ำมัน ผลดีที่สุดของมันคืออุณหภูมิในอีก 50-80 ปีข้างหน้าอาจจะเพิ่มแค่ 1-2 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเรายังเดินหน้าพัฒนาโดยคำนึงถึงเศรษฐกิจอย่างเดียว จาก 1-2 องศาฯ ในเวลานั้น ก็อาจจะเพิ่มเป็น 5 องศาฯ ได้ง่ายๆ" ดร.กัณทรีย์ ชี้ให้เห็นความต่าง
    เช่นเดียวกับอาจารย์จากรั้วจามจุรีที่มองว่าฮาวทูกู้โลกคลาสสิกอย่างการปลูกต้นไม้ ยังเชื่อมือได้เสมอๆ
    "เพราะเราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ดังนั้นวิธีใดก็ตามที่พอจะช่วยได้ ถือว่าจำเป็นทั้งนั้น"
    ...............................................................................................
    ครั้งหนึ่ง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นระบบลงจอดบนดาวอังคาร เคยพูดถึงเรื่องความถี่ของภัยพิบัติทางธรรมชาติเอาไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติจะไม่เป็นเส้นตรง แต่จะค่อยๆ ขยับขึ้น
    "ตอนแรกอาจจะดูเหมือนว่าช้ามาก แต่มันจะค่อยๆ ขยับขึ้น และขึ้นเร็วมาก ผมคำนวณดูเห็นว่าจุดวิกฤติต่างๆ จะเกิดขึ้นภายใน 10 ปีข้างหน้า หลังจากนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง" (กรุงเทพธุรกิจ,เสาร์สวัสดี)
    อาจเป็นไปได้ว่า ธรรมชาติได้ส่งสินค้าตัวอย่างมาให้มนุษย์ได้ทดลองใช้กันแล้ว ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า 'ของจริง'จะมาถึงเมื่อไหร่ แต่เรื่องที่ร้อนใจยิ่งกว่านั้นน่าจะอยู่ที่ว่า 'เรา' จะนับถอยหลังอย่างไรให้ได้นานที่สุด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 19 ตุลาคม 2548 "จุดประกาย"
    http://www.bangkokbiznews.com/2005/1...?news_id=45387
     
  6. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    หนีเข้าไปทางสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเลยดีไหม
    ปล.ฝากสวัสดีคุณมนุษย์ต่างดาวด้วย....เอ้าสวัสดีคร้าบบบบบ
     
  7. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ดร.กัณทรีย์พูดถูกต้องมากครับเรื่องการปลูกต้นไม้และป่าชายเลน ขอสนับสนุนและลงมือทำเดี๋ยวนี้
    ดร. อาจอง ก็พูดถูก ฉะนั้นควรหาทางตั้งรับไว้ได้แล้ว โดยเฉพาะกรุงเทพฯและที่ราบภาคกลางไม่ปลอดภัย แต่เวลายังมีเหลือพอสำหรับผู้ไม่ประมาท
    และที่ดีที่สุดคือ การปฏิบัติธรรม เพราะต่อไปในอนาคตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการเก็บคนดีไว้ดูแลโลกต่อไป เป็นคนดีปฏิบัติชอบวันนี้ยังไม่สาย
    ส่วนคนไม่ดีก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ
     
  8. ผู้ใฝ่รู้

    ผู้ใฝ่รู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +31
    เพิ่งจะรู้กันเหรอ หรือว่าเพิ่งจะตื่นตัวกันล่ะ ตอนนี้น่ะมันก็สายไปแล้วล่ะ คอยรับมือกันให้ดีก็แล้วกัน เพราะมันจะรุนแรงขึ้น ดอกไม้ที่ขึ้นในทะเลทรายที่ร้อนระอุได้นั้น บ่งบอกถึงอะไร มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีหรอกนะ ยิ่งหิมะตกที่ที่มันไม่เคยตกมานาน หรือไม่เคยมาก่อน ก็ไม่ได้บอกว่าน่าดีใจ แต่มันน่าตระหนกและตระหนักว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    มันแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ครบรอบวันเกิดของเหตุการณ์เมื่อก่อนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ก็เท่านั้น
     
  9. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ตื่นสะทีสิจ๊ะ รีบทำบุญอย่าประมาทในธรรม

    [​IMG]

    เวลาตายจะได้ตายสะบาย ๆ ไม่ทรมาน
     
  10. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    [​IMG]

    เอารูปมาให้ปลงอสุภะ จะได้เจริญสมาธิได้ถนัด และสำหรับผู้ที่ได้ฉานจะได้นั่งทางในดูเหตุการณ์มาให้เพิ่มเติมอีก
     
  11. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    สาธุ
     
  12. 123456789

    123456789 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +4
    หลอน!!
     
  13. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    อาจเป็นไปได้ว่า ธรรมชาติได้ส่งสินค้าตัวอย่างมาให้มนุษย์ได้ทดลองใช้กันแล้ว ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า 'ของจริง'จะมาถึงเมื่อไหร่ แต่เรื่องที่ร้อนใจยิ่งกว่านั้นน่าจะอยู่ที่ว่า 'เรา' จะนับถอยหลังอย่างไรให้ได้นานที่สุด <<< โอ..!!! ไม่อยากจะคิดเลย....ว่าจะเป็นไง
    (b-green)​
     
  14. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">มนุษย์เป็นทั้งผู้สร้างและทำลายล้างได้เสมอ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. อสูรฟังธรรม

    อสูรฟังธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +14
    ฝากตัวดัวยคน

    อสูรตนนี้นอมรับธรรม
     
  16. Nat_3342

    Nat_3342 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +39
    ไม่ว่าโลกเราจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องมี คือ สติ หวังว่า...เราทุกคนคงต้องมีสติและปฏิบัติธรรมกันให้มากขึ้นนะค่ะ
     
  17. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    (bb-flower l^h9kp8iy[ สุดๆ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระฯ ท่านพยากรณ์ว่า
    (จากนักปฎิบัติธรรมสายมโนมยิทธิท่านหนึ่งโปรดใช้วิจารณญาณ)

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีฯ พาไปศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์ฯ กับพระฯ มีดังนี้คือ

    ในอนาคตอันใกล้นี้คนไทยจะปกครองโลกธาตุและจักรวาล เพราะเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านได้มาถือกำเนิดบนแผ่นดินไทยมานานแล้ว ถ้าหากว่าผู้ใดบำเพ็ญบารมีมาถูกต้องตามแบบแผนและกฎกติกาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายบัญญัติไว้จริง โอกาสที่จะไปทำบุญและเข้าถึงธรรมจากท่านก็มีอยู่มาก ถึงแม้ผู้ที่มาปฏิบัติจะเข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ได้มากก็จริงอยู่ แต่ถ้าจะไปรู้เรื่องส่วนตัวที่ละเอียดของพระโพธิสัตว์แต่ละท่านย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่น จะไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาเกิด บำเพ็ญบารมีมาแล้วเท่าไร ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดมา ในพุทธกาลนี้มีชื่อสมมติว่าอะไร และในพุทธกาลหน้ามีชื่อสมมติว่าอะไร

    เหตุปัจจัยที่จะทำให้คนไทยเป็นใหญ่ในโลกธาตุคือ
    ๑) ทรัพยากรบุคคล อันได้แก่ พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่าน ซึ่งมาเกิดเป็นคนไทย ท่านเหล่านี้มีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ แม้แต่พรหมเทวดาที่อยู่ในทุกๆ ภพภูมิ ก็ยังให้ความเคารพท่านอยู่ตลอดเวลา
    ๒) ทรัพยากรธรรมชาติ อันมีอยู่มากมายในผืนแผ่นดินไทย เช่น น้ำมัน ทองคำ ยูเรเนียม รัตนชาติ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ อีกจำนวนมาก
    หมายเหตุ ขนาดพระเลวที่พาคนไปอยู่นรกเป็นจำนวนมาก สังคมโลกยังให้เกียรติมอบรางวัลพิเศษให้ขนาดนั้น แล้วพระที่สอนนิพพานได้ถูกต้องตามที่ศาสดาเอกในโลกบัญญัติไว้ สังคมโลกจะไม่ยอมรับเป็นทางการกันบ้างหรือ อย่างไรเสียชาวโลกก็ต้องยอมรับความจริงให้เกียรติสูงสุดกันอยู่แล้วกันอยู่แล้ว คนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณทางโลกธาตุทั้งหมด

    พระฯ ท่านบอกว่าเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านต่างก็จำศีลภาวนากันอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ในโลกธาตุยังไม่คิดถึงท่าน เพราะไปมัวเพลิดเพลินแต่ความสุขอันจอมปลอม เช่น กามสุขและอบายมุขต่างๆ ถ้าหากไม่ใกล้ตายด้วยมหันตภัยร้ายแรงเกือบทั้งโลก ก็ยากที่จะระลึกถึงท่านด้วยความจริงใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรมของสัตว์โลก

    เหตุที่ผู้เขียนเชื่อก็เพราะคำสอนศาสดาเอกในโลกเท่านั้นที่จะหยุดยั้งการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกให้ไปนิพพานได้ เพราะศาสดาพยากรณ์อื่นสอนไม่ถึงนิพพาน สอนได้เพียงเทวโลกและพรหมโลกเท่านั้น และผู้ก่อตั้งศาสนาอื่นทั้งหมดเวลานี้มาเกิดในเมืองไทยหมดแล้ว ซึ่งผู้เขียนทำบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ แล้ว ถ้าอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ต้องไปหากับพระและครูสอนกรรมฐานในสายมโนมยิทธิที่พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริง (เพราะถ้าได้พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริงการที่จะรู้เห็นเรื่องคำพยากรณ์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของยากเลย)

    นิมิตและสิ่งบอกเหตุอีกหลายอย่างที่จะปรากฏก่อนที่จะได้พบผู้มีบุญออกมาทำงานใหญ่ อาทิ
    ๑) สัตว์จะเริ่มเข้าใจภาษาคนมากขึ้น (เพราะสัตว์จำนวนมากกำลังหมดกรรม หรือเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ) ส่วนคนจะเริ่มไม่เข้าใจภาษาคน (คนส่วนใหญ่มักจะประกอบกรรมชั่ว ไม่คิดปฏิบัติตามคำสอนที่ดีกัน)
    ๒) โรคภัยไข้เจ็บชนิดแปลกๆ จะเกิดขึ้นมาท้าทายวงการแพทย์ ซึ่งหมอสมัยใหม่ก็ยากที่จะเยียวยาหรือรักษาให้หายขาดได้ แต่จะมาแพ้ยาโบราณและอภิญญาของพระโพธิสัตว์
    ๓) สัตว์ชนิดแปลกๆ ที่มนุษย์คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว และสัตว์โลกใหม่ๆ ที่มนุษย์ยังไม่เคยเห็นจะออกมาปรากฏ
    ๔) ยานพาหนะของมนุษย์ที่อยู่ต่างโลกธาตุจักรวาลจะปรากฏเหนือน่านฟ้าโลกเรามากขึ้นในหลายรูปแบบ
    ๕) ต่อไปชาวธรรมจำนวนมากจะแยกเดียรถีย์อลัชชีออกจากผู้บำเพ็ญได้ถูกต้อง
    ๖) ดวงดาวต่างๆ จะค่อยๆ โคจรเข้ามาใกล้ระบบสุริยะเรามากขึ้น
    ๗) อากาศจะวิปริตแปรปรวน ยิ่งใกล้เวลาที่กำหนดไว้คือเวลาที่มนุษย์จำนวนมากต้องสังเวยชีวิตกับภัยธรรมชาติและภัยสงคราม อากาศจะมืดครึ้มอย่างชอบกล แม้ในวันเดียวกันจะมีอากาศในลักษณะ ๓ ฤดู
    ๘) จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงติดๆ กัน ภูเขาไฟระเบิด พายุโหมกระหน่ำ น้ำท่วมฉับพลัน ไฟไหม้ อุบัติเหตุร้ายแรงจะเกิดขึ้นถี่ขึ้นในทวีปต่างๆ และยิ่งใกล้ถึงเวลาอุกกาบาตเล็กและใหญ่จะตกลงมาถี่ขึ้นบนพื้นผิวโลก
    ๙) พรหม เทวดา พญาครุฑ พญานาค ยักษ์ ชาวลับแล ฯลฯ ที่อยู่ในโลกธาตุนี้และโลกธาตุจักรวาลอื่น จะออกมาทำบุญกันหลายรูปแบบในสถานที่บำเพ็ญบุญแห่งใหม่
    ๑๐) หลวงปู่อุปคุตที่จำพรรษาอยู่กลางสะดือทะเลอันเป็นวังใหญ่ของพญานาค ซึ่งเป็นสถานที่เก็บถาดทองคำ (ภาชนะที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ฉันข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้) ของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ในกัปนี้ จะออกมาให้ชาวโลกได้พบและทำบุญ
    ๑๑) ญาติพระเทวทัตและพระโพธิสัตว์จอมปลอมจะถูกเปิดเผยความชั่วที่เลวยิ่งกว่ามหาโจรใดๆ ทั้งสิ้นในโลก
    หมายเหตุ ให้ตามหากันเอาเอง ถ้ารู้จักพญายมจริงไม่ใช่ของยาก ไม่ขอบอกเพราะถ้ารู้แล้วจะเลิกคบคนอีกเยอะ แต่รู้ไว้ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเองเพราะจะได้ไม่ไปทำบุญกับสัตว์นรก เพื่อจะได้ไม่อยู่นรกตาม เพราะที่ผ่านมาชาวธรรมจำนวนมากโดนหลอกอยู่
    ๑๒) พระสาวกของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมาเป็นประธานในพิธีต่างๆ ณ บริเวณสำคัญแห่งใหม่ของโลกก่อนยุคสุดท้าย
    ๑๓) พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านจะนำพระธาตุ พระบรมธาตุ จากชาวเทพหรือชาวลับแลที่เก็บไว้ รวมทั้งวัตถุมงคลใช้ป้องกันรังสีจากอาวุธสงครามสมัยใหม่ ออกมามอบให้แก่ผู้ที่ศรัทธาไว้เคารพบูชาเพื่อป้องกันภัยจากสงครามใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้
    หมายเหตุ ๑ ในเรื่องของพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุต้องดูคนแจกด้วย เพราะมีคนแอบอ้างสวมรอยพระโพธิสัตว์เยอะ ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริงรวมทั้งพระที่พระโพธิสัตว์ใหญ่ปลุกเสกจริงจะต้องเสด็จออกมาสอนกรรมฐานทั้งหมดที่เขียนเอาไว้ได้ เพราะผู้เขียนก็ได้จากหลวงพ่อฯ หลักสูตรกรรมฐานทั้งหมดที่เขียนก็ได้มาจากครูบาอาจารย์คนเดียวกัน ถ้าเสด็จออกมาสอนไม่ได้ก็เป็นแค่กรวดหินดินทรายธรรมดาที่มีลักษณะคล้ายพระธาตุเท่านั้น ของจริงต้องอยู่กับคนที่มีบุญจริง ชาวธรรมทั้งหลายอย่าหลงเชื่อพวกต้องการความยิ่งใหญ่ทางโลกธรรม พระและครูกรรมฐานหลงเยอะ ยังไม่ได้อริยประเพณี แต่กลับโดดมาทำผลของพุทธประเพณี
    หมายเหตุ ๒ พระบรมธาตุ และวัตถุมงคลบางอย่างก็ใช้ป้องกันไม่ได้ คือพระพุทธเจ้าไม่ได้อธิษฐานไว้ แต่ให้พระโพธิสัตว์มาอธิษฐานเอาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น พระของหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่ปาน ก็ไม่ได้ทำเอาไว้ มีแต่หลวงพ่อฤาษีฯ ทำ และให้ผู้เขียนอาราธนาหลวงพ่อฯ และหลวงปู่ปานมาทำด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำมากมายอะไร เพราะไม่ได้ทำไว้เพื่อขาย
    ๑๔) พวกเปรตอสุรกายที่แฝงกายอยู่ในคราบนักบุญและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ของโลกจะถือเอาเหตุปัจจัยความแตกต่างทางศาสนาและนิกายมาเป็นเครื่องยุยงให้ชาวโลกแตกออกเป็นสองฝ่าย และก็จะเริ่มค่อยๆ ประหัตประหารไปทีละจุด ๆ ในที่สุด (ความขัดแย้งในเรื่องลัทธิ นิกาย และศาสนาจะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ภายหลัง) เพราะกิเลสในใจผู้นำของแต่ละศาสนามีมาก (อย่ามองข้ามเหตุที่เกิดในประเทศไทย เพราะในเมืองไทยก็เป็นชนวนใหญ่เช่นกัน)
    หมายเหตุ นักปฏิบัติในประเทศไทย ใครคบกับใครชาวธรรมโปรดดูให้ดี ผู้ที่เป็นพระอริยเจ้าในปัจจุบันและผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตจะไม่คบกับสัตว์นรกเป็นอันขาด ผู้สนใจในธรรมถ้ากลัวนรก ควรตรวจสอบในเรื่องนี้ดูให้ดี ก็ไม่แน่นักผู้เขียนอาจเป็นสัตว์นรกตัวสำคัญที่สุดของอริยวงศ์และพุทธวงศ์ก็ได้ อะไรที่ไม่ควรเชื่อถือก็อย่าเชื่อถือชาวธรรมต้องระวัง ผู้ที่มาทำหน้าที่นี้ต้องเป็นผู้ที่พระใหญ่ใช้มาและครูบาอาจารย์ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจฝากงานไว้เท่านั้น ต้องพิสูจน์ความรู้หลายอย่างด้วยไม่ใช่เชื่อกันแบบงมงาย ที่ผ่านมาหลวงปู่ฯ หลวงพ่อฯ บอกว่ายังไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงของจริงยังไม่มีใครรู้จัก และทุกอย่างจะต้องมีการพิสูจน์ความรู้ความสามารถ และพฤติกรรมมามากกว่าที่เห็น

    กรรมใดเป็นการฝืนกฎแห่งการบำเพ็ญฯ ถ้าหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่ได้สั่งงานให้ข้าพเจ้าทำเรื่องพิเศษบางส่วนต่อจากท่าน รวมทั้งไม่ได้ศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์จากพระฯ จริงๆ ขอให้ปรับโทษอนันตริยกรรมสูงสุดแก่ข้าพเจ้าให้ยิ่งกว่าพระเทวทัตและผู้กระทำความผิดทุกๆ พุทธศาสนาในอดีตทั้งหมดด้วยเทอญ


    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ มโนมยิทธิ เมื่อวันที่ 24/10/2548 13:25:27


    </TD></TR></TBODY></TABLE>คัดลอกมาจากhttp://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=8547

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2005
  19. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    ขออนุโมทนาบุญกุศลกับคุณเกษมด้วยครับที่ช่วยนำข่าวสารที่เชื่อมโยงมาส่งให้ จิกซอร์ต่างๆเริ่มสมบูรณ์ ปริศนาต่างๆก็เริ่มกระจ่าง
     
  20. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ยังติดตามอยู่ครับ ขอบคุณคุณเกษมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...