การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    พม่าหรือเปล่าค่ะ
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table id="table15" border="0" bordercolor="#c0c0c0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"> </td> </tr> <tr> <td valign="top">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top"> <table id="table84" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="334"> <table id="table85" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table id="table86" bgcolor="#eeeeee" border="0" bordercolor="#c0c0c0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="39%"><tbody><tr> <td style="border-style: solid; border-width: 1px;" valign="top"> [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
    • ภูเก็ตพบโลมา 3 ตัว เกยตื้น[​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%">
    </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 05-07-2551 | 13:40:42 น. ]</td> </tr> <tr> <td>
    </td> <td>
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top">
    </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%">
    </td> <td width="93%"> ภูเก็ต 5 ก.ค.- นายก้องเกียรติ กิติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเล และป่าชายเลนภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านพบโลมาขึ้นมาเกยตื้น บริเวณป่าชายเลนอ่าวน้ำบ่อ ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จำนวน 3 ตัว จึงเร่งนำเรือยางออกไปให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นพบเป็นโลมา พันธุ์ฟันห่าง ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึก ไม่มีร่องรอยของบาดแผล และการติดเชื้อ โดยทั้ง 3 ตัว มีขนาดประมาณ 2.40 เมตร เป็นเพศเมีย 2 ตัว และเพศผู้อีก 1 ตัว จึงนำขึ้นเรือ ไปปล่อยที่บริเวณร่องน้ำลึก ก่อนถึงเกาะไม้ท่อน สำหรับสาเหตุที่มีโลมาขึ้นมาเกยตื้น ในครั้งนี้ คาดว่าอาจเป็นเพราะพื้นที่มีความลาดชันสูง ทำให้น้ำขึ้น-ลงเร็ว โลมาไม่สามารถกลับตัวได้ทัน</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2008
  3. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    รายละเอียดเพิ่มเติมจากข่าววันนี้ค่ะ

    ตะลึง"วาฬ"เกยตื้น ฝูง"เพชฌฆาตดำ"

    บุญรัตน์ อภิวันทนาการ วีระ สุขรินทร์ / ภาพ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ภาพการตายของ "วาฬหัวทุยแคระ" เพศเมีย หรือ "ยะหยา" ชื่อที่ถูกตั้งไว้เป็นที่ระลึก กินขยะเข้าไปจำนวนมาก ยังคงสร้างความสลดให้แก่ชาวภูเก็ตไม่จางหาย

    ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากนั้นอีกไม่ถึงเดือน ในตอนเย็นปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มวาฬฝูงใหญ่กว่า 30 ตัว จากท้องทะเลอันดามัน พากันว่ายขึ้นมาเกยตื้นที่ภูเก็ตอีก ที่ชายหาดเกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง ภูเก็ต

    แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นวาฬหัวทุยแคระ มันคือ "วาฬเพชฌฆาตดำ" (False Killer Whale, Pseudorca cassidens) ฝูงวาฬทะเล ที่แม้จะหาพบได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนักที่พวกมันจะขึ้นมาเกยตื้นให้เห็นแบบนี้

    เพราะวาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยหากินอยู่ในท้องทะเลลึก หากไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรในทะเล หรือได้รับบาดเจ็บ พวกมันจะไม่ว่ายเข้าหาฝั่ง

    น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง 8 ว. หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทราบเรื่องจึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ประมงเข้าไปตรวจสอบ และช่วยเหลือพาพวกมันกลับสู่ท้องทะเล

    กาญจนาเล่าว่า ทีมงานได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงแรมเดอะราชารีสอร์ต และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลที่ 4 ภูเก็ต ว่าฝูงวาฬเพชฌฆาตดำทั้ง 30 ตัว ขนาดยาว 3-4 เมตรเศษ น้ำหนักแต่ละตัวราวๆ 300-500 กิโลกรัม ขึ้นมาเกยตื้นตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 26 มิถุนายน 2551 <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โดยก่อนที่นักวิชาการประมงและสัตว แพทย์จะเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่โรงแรม รวมไปถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้พากันเคลื่อนย้ายวาฬ 10 ตัว จากอ่าวด้านทิศตะวันตกที่มีคลื่นลมแรง รวมทั้งโขดหินจำนวนมาก ที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับพวกมัน มาไว้บริเวณอ่าวฝั่งตะวันออกที่ปลอดภัยกว่า

    วิธีการเคลื่อนย้าย จะนำเปลลมมารองที่หาง ถอยรถให้ชิดขอบน้ำทะเล แล้วค่อยๆ ลากผ้าใบ และรองรับ ส่วนหัวไม่ให้กระแทกพื้นจนครบทั้ง 10 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 20 ตัว ถูกต้อนออกกลับสู่ทะเลลึกถิ่นอาศัยของพวกมันได้สำเร็จ

    สำหรับวาฬทั้ง 10 ตัว ที่ยังไม่สามารถกลับคืนทะเลพร้อมฝูง ได้รับการดูแลอย่างดีจากคณะสัตวแพทย์ โดยฉีดยาบำรุง และยาคลายเครียดให้วาฬทุกตัว รวมทั้งยังช่วยเหลือให้ได้หายใจได้ดีขึ้นทุกตัว ใช้เวลาในการอนุบาลเบื้องต้นอยู่ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ไปจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น.

    แต่เป็นที่น่าสลด เพราะมีวาฬอยู่ตัวหนึ่งบาดเจ็บมาก เพราะร่างกระแทกกับโขดหิน และอยู่บนบกในเวลานาน จึงต้องจบชีวิตลงอย่างน่าใจหาย

    ส่วนที่เหลือทุกตัวอาการดีขึ้น หายเครียด ถูกปล่อยกลับไปพบฝูงในท้องทะเลลึกอีกครั้ง ด้วยความปลอดภัย

    น.ส.กาญจนาตั้งข้อสังเกตว่า การขึ้นมาเกยตื้นของวาฬกว่า 30 ตัวครั้งนี้ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของประเทศ ที่มีวาฬขนาดใหญ่พลัดหลงขึ้นมาเกยตื้นเป็นฝูงใหญ่ (Mass Stranding) แบบนี้ ในต่างประเทศมักจะพบปรากฏการณ์เช่นนี้มากกว่า แต่ละครั้งจะมีวาฬเกยตื้นจำนวนหลายร้อยตัวทีเดียว ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถช่วยชีวิตพวกมันได้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "ปกติวาฬจะสื่อสารกันด้วยวิธีการส่งคลื่นเสียงออกไป และรับเสียงสะท้อนออกมา เรียกว่า echolocation เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ หาอาหาร เป็นวิธีการทำนองเดียวกับที่นกค้างคาวใช้ การขึ้นมาเกยตื้นของวาฬส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการนำทางที่ผิดพลาดของจ่าฝูง การเกิดโรคระบาด เช่น ติดเชื้อไวรัสอย่างรุนแรงในฝูง การเปลี่ยนแปลงทิศทางของสนามแม่เหล็กโลก"

    "รวมไปถึงกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การทดลองเรื่องเสียงใต้น้ำ หรือการใช้คลื่นเสียงสำรวจชั้นน้ำมันในทะเล เป็นต้น แต่สำหรับฝูงนี้ คาดว่าจะมาจากสาเหตุแรก คือ จ่าฝูงนำทางผิด ทำให้พากันว่ายเข้าสู่ที่ตื้น ระบบสื่อสารในฝูงสับสน ประกอบกับคลื่นลมแรง น้ำหนักตัวที่มากและมีขนาดใหญ่ วาฬจึงไม่สามารถช่วยตัวเองหาทิศทางที่ถูกต้องว่ายกลับทะเลลึกได้ ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติ หรือความแปรปรวน ของสภาพแวดล้อมอย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกต"

    หัวหน้าทีมช่วยเหลือวาฬให้ข้อมูลด้วยว่า ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากประชาชนว่า เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เคยมีคนเคยพบวาฬฝูงนี้มีจำนวนเกือบร้อยตัว ว่ายวนเวียนอยู่บริเวณน้ำลึกประมาณ 80 เมตร ในเขตฝั่งตะวันตกของเกาะราชา จ.ภูเก็ต

    วาฬเพชฌฆาตดำ เป็นวาฬที่ว่ายน้ำเร็วมาก มีรูปร่างคล้ายกับวาฬนำร่องครีบสั้น ต่างกันที่ครีบหลังอยู่กึ่งกลางลำตัว และส่วนหัวไม่โหนกมาก เหมือนวาฬนำร่อง หน้าผากกลมมน ไม่มีจะงอยปาก ครีบข้างยาวโค้งหักข้อศอก

    วาฬชนิดนี้ เพศผู้มีขนาดความยาวสูงสุด 6 เมตร และเพศเมีย 5 เมตร น้ำหนักสูงสุดถึง 2,000 กิโล กรัม ลูกแรกเกิดยาว 1.5-2.1 เมตร กินปลาและหมึกเป็นอาหารหลัก แต่บางครั้งอาจจู่โจมโลมาขนาดเล็กเป็นอาหารเช่นกัน

    วาฬเพชฌฆาตดำ เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 8-14 ปี ตั้งท้องนาน 16 เดือน แพร่กระจายในเขตร้อน และกึ่งร้อนทั่วโลก อยู่รวมฝูงตั้งแต่ 10-60 ตัว หรือฝูงใหญ่มากกว่านี้

    ที่ผ่านมาเคยมีรายงานว่า พบซากวาฬเพชฌฆาตดำเกยตื้นในประเทศไทยมาแล้ว 8 ตัว ได้แก่ จ.ระยอง 1 ตัว, จ.สุราษฎร์ธานี 3 ตัว, จ.กระบี่ 2 ตัว, และ จ.ภูเก็ต 2 ตัว

    ส่วนการพบเห็นเป็นฝูงใหญ่ในธรรมชาติ เคยมีรายงานว่าพบที่บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน เป็นประจำ ฝูงใหญ่ประมาณ 30-50 ตัว และนักท่องเที่ยว หรือนักดำน้ำ เคยรายงานมาบ้างว่ายังคงพบวาฬชนิดนี้เสมอๆ ในบริเวณนี้

    การขึ้นมาเกยตื้นของฝูงวาฬทั้ง 30 ตัวครั้งนี้ จึงน่าเชื่อว่าเป็นฝูงเดียวกันกับวาฬที่อาศัยท้องทะเลอันดามัน ตามข้อมูลที่ได้รับรายงาน

    การมาของมันแม้จะเป็นภาพหายาก ได้เห็นวาฬตัวเป็นๆ จำนวนมาก แต่ก็ไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้อีก

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB3Tmc9PQ==
     
  4. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    จำนวนเพนกวินลดลง-สภาพมหาสมุทรย่ำแย่



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>การที่เพนกวินลดจำนวนลง เป็นตัวบ่งชี้ว่า มหาสมุทรในโลกของเรานั้นมีสภาพแย่แล้ว

    นางพี ดี. โบเออร์สมา นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เปิดเผยว่า เพนกวินมีอยู่ประมาณ 16-19 สายพันธุ์ และราว 12 สายพันธุ์เสี่ยงต่ออันตราย ไม่ว่าจะมาจากโลกร้อน มลพิษและการปนเปื้อนในมหาสมุทร เช่น น้ำมันรั่ว การจับปลาที่มากเกินไปของอุตสาหกรรมประมง การท่องเที่ยวและการพัฒนา

    สำหรับแหล่งที่เพนกวินอาศัยอยู่มากที่สุดคือ "พันตา ตัมโบ" ของประเทศอาร์เจนตินา แต่เพนกวินที่นี่ลดจำนวนลงอย่างมาก เมื่อราว 40 ปี มีจำนวนประมาณ 400,000 ตัว ขณะที่การสำรวจเมื่อพ.ศ.2549 พบว่าเหลือเพียง 200,000 ตัวเท่านั้น หมายความว่า จำนวนเพนกวินลดลงกว่าครึ่ง และในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา แอฟริกันเพนกวินลดลงจาก 1.5 ล้านตัว มาอยู่ที่ 63,000 ตัว

    เพนกวินอดีลี่ในแอนตาร์กติกาที่ชอบอยู่ในที่ๆ มีน้ำแข็งและหนาวจัดมากๆ ยังประสบกับปัญหาน้ำแข็งละลาย เพนกวินที่อยู่บนเกาะกาลาปากอสประสบกับภาวะเอลนิโญ่ที่ทำให้น้ำอุ่นขึ้น จนพวกมันต้องเดินทางไกลขึ้นเพื่อไปหาอาหารและต้องทิ้งลูกๆ ไว้ตามลำพัง

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB3Tnc9PQ==
     
  5. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    "โลกร้อน"สาเหตุทำไวรัสระบาดสัตว์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากอากาศบนโลกเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความแห้งแล้งไปจนถึงน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคระบาดในปศุสัตว์และสัตว์ป่า

    นายเครก แพ็กเกอร์ นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ตัวอย่างการระบาดของโรค เช่น เชื้อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัส ที่คร่าชีวิตสิงโตที่อุทยานแห่งชาติซีเรนเกตติ ประเทศแทนซาเนีย เมื่อพ.ศ.2537 และที่แอ่งโงรองโกโร เมื่อพ.ศ.2544 สิงโตมีอาการชักอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ฟันกระทบกันดังกึกๆ น้ำลายฟูมปาก การชักกินเวลา 2-3 นาที แล้วก็ชักใหม่ แม้สิงโตบางตัวรอดชีวิต แต่สุขภาพร่างกายก็เปลี่ยนแปลง มันผอมลง ซึม อ่อนเพลียเพราะโลหิตจางลง ต่อมน้ำเหลืองโต ครั้งนั้นมีสิงโตตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด"

    นางลินดา มันสัน นักพยาธิวิทยาสัตว์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส กล่าวว่า "ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีไวรัสระบาดในระบบนิเวศ สาเหตุที่ไวรัสระบาดเมื่อพ.ศ.2537 และพ.ศ.2544 น่าจะมาจากก่อนหน้านี้พื้นที่ทั้งสองแห่งแล้งจัด กระทั่งต่อมาฝนตก ควายเคปซึ่งเป็นเหยื่อของสิงโตมีร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อจากเห็บ เมื่อสิงโตไปกินควายเคปมันจึงติดเชื้อนี้ เลือดมันก็ติดเชื้อปรสิตด้วย เมื่อเคไนน์ดิสเทมเพอร์ไวรัสเข้าไปกดระบบภูมิคุ้มกันของสิงโตที่เลือดติดเชื้อปรสิต สิงโตจึงชักและตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผึ้งที่หายหน้าหายตาไปยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง พวกมันอาจติดเชื้อเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง ผึ้งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการผสมเกสรของแอปเปิ้ล ส้ม มะนาวเป็นอย่างมาก"

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB3Tnc9PQ==
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-07-11 03:14:24 - Biological Hazard - India</big>

    <code> EDIS CODE: BH-20080711-17526-IND
    Date & Time: 2008-07-11 03:14:24 [UTC]
    Area: India, State of Mahārāshtra, Bhatsa river, Mumbai

    Description:

    Thousands of dead fish were found floating on the Bhatsa river, which supplies water to Mumbai, early on Thursday morning, spreading panic in a Thane village, and nearby areas. While some attributed the large number deaths to pollution and use of chemicals in the fields, the Brihanmumbai Municipal Corporation (BMC) said there is no reason to panic and the drinking water is safe for consumption. The fishes, both small and large, were observed afloat on the river water — which originates from Nashik — at a village near Wasind in Thane’s Shahpur taluka, spreading uneasiness in the nearby villages. “No hazardous material is found in the water,” confirmed Hydraulic Engineer M M Kamble. Wasind is 15 km away from Pise Panjrapur pumping station where water from Bhatsa river is pumped and disinfected before being supplied to different parts of the city. Deputy Hydraulic Engineer Pramod Guhe said that the civic officials have visited the spot. “We have conducted toxic tests on the water which passes through Pise Panjrapur pumping station, and found out that the water is safe. There are no dead fishes in the vicinity of the pumping station,” he said. Though as a precautionary measure, hourly sample tests were being carried out at the pumping station, the civic officials said.

    Shahpur tehsildar Sanjeev Jadhvadhar said that more than three villages, including Wasind, were affected by the incident as the dead fish had started decomposing. Prima facie, the officials said, this could be a case of poisoning but the officials are waiting for the confirmation. “We have fished out 700 kg of dead fish from the village since morning. We have sent the samples for post-mortem to the fisheries department and the water for testing. We can only take action after we get the report,” said Jadhvadhar. “The water supply of the nearby villages has been stopped. Unless we aren’t very sure we will not resume the water supply,” said Thane district collector S Zhende . In rural areas, poisoning is a technique which is used for fishing, especially by the tribal who use natural herbs to blind the fish temporarily. But these days, insecticides too are used for fishing. Apart from it, electric current is also used for fishing, which not only kills fish but also other aquatic animals like tortoises, crabs and frogs and disturbs the food chain of aquatic life.


    The name of Hazard: Fish Die-Off
    Damage level: Moderate (Level 2)</code>
     
  7. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    หนุ่มขี้เมาดับสยอง โดนลิงกัด เอ็นข้อเท้ากระจย

    จมเลือด-คาบ้าน! แฉ"ไอ้จ๋อ"สุดแค้น กินเหล้าชอบซ้อม



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ลิงแค้น- นายปัญญา พงษ์ประพันธ์ อายุ 51 ปี เมารังแก "ไอ้จ๋อ" ลิงแสมที่เลี้ยงไว้ เลยถูกลิงกัดขย้ำจนเอ็นข้อเท้าฉีกขาดเป็นแผลเหวอะหวะ เสียเลือดจนตายสยองคาบ้านพักใน จ.นครปฐม ตามข่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>หนุ่มใหญ่ถูก"ลิงแสม"ที่เลี้ยงไว้กัด กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดในบ้าน เมียเห็นสภาพผัวถึงกับเป็นลมล้มพับ ข้อเท้ามีรอยถูกกัดแล้วกระชากจนเอ็นกับเส้นเลือดใหญ่ขาด เป็นแผลเหวอะหวะ ลูก ชายกับเพื่อนบ้านให้การตรงกันว่าผู้ตายชอบกินเหล้า เวลาเมามักชอบทำร้าย"เจ้าจ๋อ"ทั้งเตะ ทั้งตีเป็นประจำ คาดวันเกิดเหตุคงจะทำเหมือนเดิม แต่คราวนี้ลิงฮึดสู้กัดข้อเท้าเลือดทะลัก ลูกชายมาเห็นพ่อนอนแน่นิ่ง พยายามเรียกคนมาช่วยแต่ไม่ทันการณ์ แพทย์ระบุตายเพราะเสียเลือดมาก

    อุทาหรณ์คนเลี้ยงลิงตายเพราะลิงกัดครั้งนี้ เกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. โดยพ.ต.ท.สนั่น ชูสกุล พนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติในบ้านเลขที่ 47/2 หมู่ที่ 7 ต.สามควายเผือก จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.พินิจ เตียงพานิช สวญ.สภ.สามควายเผือก พ.ต.ต.สุธี วรรณสูตร สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม

    เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เจ้าหน้าที่พบคราบเลือดเป็นรอยเท้าและพบผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นบ้าน ทราบชื่อต่อมาคือนายปัญญา พงษ์ประพันธ์ อายุ 51 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ตรวจสอบพบบาดแผลบริเวณข้อเท้าด้านขวา เส้นเลือดใหญ่และเอนข้อเท้าขาด แพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมชันสูตรเบื้องต้นคาดว่านายปัญญาเสียชีวิตก่อนพบศพประมาณ 1-2 ชั่วโมง

    ด.ช.อริยะ พงษ์ประพันธ์ อายุ 13 ปี ลูกชายผู้ตายผู้พบศพเป็นคนแรก กล่าวว่า วันเกิดเหตุพ่ออยู่บ้านคนเดียว ส่วนแม่ไปทำงานที่โรงงาน ตนเองออกไปเที่ยวบ้านเพื่อน กลับเข้ามาบ้านเห็นพ่อนอนจมกองเลือดเรียกก็ไม่ตอบ ตนจึงวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านให้มาช่วยพาส่งโรงพยาบาลและให้ช่วยติดต่อญาติ เมื่อเพื่อนบ้านมาช่วยก็พบว่าพ่อขาดใจตายไปแล้ว

    นายพิเชษฐ์ พงษ์ประพันธ์ อายุ 26 ปี ลูกชายคนโตของผู้ตาย ซึ่งแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหมู่บ้าน เมื่อทราบข่าวจึงรีบเดินทางมาดูศพ และให้ปากคำกับตำรวจว่า ที่บ้านพ่อจะอยู่กับแม่และน้องชายคนเล็กรวม 3 คน พ่อเป็นช่างซ่อมรถเครื่องยนต์ดีเซลอยู่กับญาติคนหนึ่ง แม่ทำงานนอกบ้าน น้องชายคนเล็กกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.1 พ่อเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ ที่บ้านมีสัตว์หลายชนิดเลี้ยงไว้ ทั้งหมา แมว กระรอก กระต่าย ไก่ เป็ด และลิงแสม 1 ตัวชื่อ "เจ้าจ๋อ" เป็นลิงเพศผู้ เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เป็นลิงที่มีนิสัยค่อนข้างดุ จะมีพ่อที่เข้าใกล้ได้เพียงคนเดียว เมื่อก่อนล่ามไว้ที่หน้าบ้าน แต่เจ้าจ๋อชอบไล่กัดเด็กในละแวกบ้าน จึงย้ายไปผูกไว้ใต้ต้นมะพร้าวหลังบ้าน

    นายพิเชษฐ์ยังเผยอีกว่า ปกติพ่อเป็นคนชอบดื่มเหล้า เมื่อเมากลับมาบ้านก็จะชอบทำร้ายเจ้าจ๋อเป็นประจำ โดยจะใช้ไม้ตีหรือไม่ก็เตะ วันเกิดเหตุคาดว่าพ่อน่าจะเมาแล้วไปทำร้ายเจ้าจ๋อเหมือนเคย แต่คราวนี้เกิดพลาดถูกลิงกัดที่ข้อเท้าเป็นแผลขนาดใหญ่จนเส้นเลือดขาดแต่พ่อซึ่งอยู่บ้านคนเดียวได้พยายามทำแผลเอง แต่เลือดออกมากจนหมดสติและเสียชีวิตดังกล่าว ขณะที่นางแพรว มาสุข เมียผู้ตายหลังทราบเรื่องสามีถูกลิงกัดตายถึงกับเป็นลมล้มพับ

    แพทย์ผู้ชันสูตรศพระบุว่า ที่ข้อเท้าขวาของผู้ตายเป็นรอยฉีกขาด จากการถูกคมเขี้ยวสัตว์กัดและกระชากอย่างแรง จนเส้นเลือดใหญ่ และเอ็นข้อเท้าขาด ขณะที่ตำรวจตรวจสอบภายในห้องนอนผู้ตายพบกองเลือดและผ้าห่มชุ่มด้วยเลือด ที่เตียงนอนพบยาทำแผลวางอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินตามรอยเท้าเปื้อนเลือดที่มาจากบริเวณหลังบ้าน ยังพบกองเลือดที่ใต้ต้นมะพร้าวอีกจำนวนหนึ่ง ใต้ต้นมะพร้าวมีลิงแสมถูกล่ามอยู่ ตามตัวและใบหน้ามีคราบเลือดติดอยู่ คาดว่าผู้ตายน่าจะถูกลิงที่ตัวเองเลี้ยงไว้กัดจนเสียชีวิต ตรงกับคำให้การของลูกชายคนโต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ส่งศพนายปัญญาไปชันสูตรทางนิติเวชที่ร.พ.ศูนย์นครปฐมโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป

    ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสามควายเผือก ซึ่งญาติได้นำศพนายปัญญามาตั้งสวดบำเพ็ญกุศล นางแพรว มาสุข อายุ 47 ปี ภรรยาผู้ตาย บอกว่า เมื่อตอนสายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาช่วยตรวจอาการของเจ้าจ๋อ โดยใช้วิธียิงยาสลบ หลังตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่บอกว่าเจ้าจ๋อไม่มีอาการผิดปกติ แต่ตนต้องการยกเจ้าจ๋อให้ใครไปก็ได้ ไม่กล้าเลี้ยงไว้แล้วเพราะกลัวจะทำร้ายคนในบ้านอีก ส่วนนิสัยของเจ้าจ๋อปกติก็ไม่เคยดุร้าย ตนเคยเอาอาหารไปให้กิน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าจ๋ออาจจะเครียด จึงเกิดเรื่องขึ้น แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์

    อย่างไรก็ตามจากการสอบถามจากเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ได้ความว่า นายปัญญานำลิงตัวนี้มาเลี้ยงได้ราว 2-3 ปีแล้ว และชอบทุบตีและเตะลิงเป็นประจำ เวลาอารมณ์เสียหรือเมามาจากนอกบ้าน หรือไม่ก็เวลาฝึกให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวแล้วไม่ได้ดังใจ โดยก่อนจะนำลิงมาเลี้ยงผู้ตายเคยจ้างคนเลี้ยงลิงนำลิงมาเก็บมะพร้าว เมื่อเห็นว่าลิงเชื่อฟังคำสั่งขึ้นเก็บมะพร้าวได้ ผู้ตายจึงหาลิงมาเลี้ยงเองบ้าง แต่เลี้ยงแบบชอบทุบตี

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB4TkE9PQ==
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  8. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>หมีสวนสัตว์ยูเครนรุมฉีกแขนนักท่องเที่ยวที่ตกลงบ่อเลี้ยง
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>หมีไซบีเรียในสวนสัตว์ยูเครนรุมฉีกแขนขานักท่องเที่ยวที่ตกลงไปในบ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต


    (14ก.ค.) สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ของยูเครนรายงานเะมื่อวันอาทิตย์ว่า หมีไซบีเรียสีน้ำตาล 3 ตัวที่สวนสัตว์นครไมโคลาเอฟของยูเครน ได้รุมขย้ำนักท่องเที่ยวชายวัย 22 ปีคนหนึ่งจนตาย หลังจากเขาเกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในบ่อเลี้ยงหมี ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตซึ่งมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด พยายามถ่ายภาพหมีอย่างใกล้ชิด ตอนที่เขาเสียหลักพลัดตกลงไปในบ่อหมี ทำให้หมีสามตัวพึ่งเข้ารุมทำร้ายเขาในทันที ด้วยการฉีกแขนขาของเขาออก ในขณะที่เขาพยายามหาทางหลบหนีออกจากบ่อ ผู้เห็นเหตุการณ์รีบแจ้งผู้ดูแลสวนสัตว์ และชายเคราะห์ร้ายสิ้นใจก่อนที่ผู้ดูแลสวนสัตว์จะเข้าแยกหมีออกจากเขา รายงานข่าวระบุว่า หมีสีน้ำตาลเป็นสัตว์ที่หวงอาณาเขตมาก และเป็นหนึ่งในสัตว์บกกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ขณะที่การรักษาความปลอดภัยที่สวนสัตว์ต่างๆในยูเครนบางครั้งก็หละหลวมเมื่อตัดสินโดยมาตรฐานของตะวันตก แต่เกือบทั้งหมดของผู้ไปเยือนที่ได้รับบาดเจ็บ เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยของตนเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.komchadluek.net/2008/07/14/x_main_a001_211160.php?news_id=211160
     
  9. nititep

    nititep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +268
    เมฆลักษณะสามเหลี่ยม

    เพิ่งถ่ายเมื่อเช้า 15 กรกฎา เวลาประมาณ 0630 สถานที่บางครุพระประแดง
    รูปแรกดูเหมือนสามเหลี่ยม[​IMG]
     
  10. nititep

    nititep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +268
    รูปสอง

    รูปนี้เหมือนงูเลย ถ่ายเยื้องมาเล็กน้อย ตีความเอาเองเด้อ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      728
  11. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮาควายน้ำทะเลน้อยพัทลุง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ควายน้ำ- ฝูงควายในเขตห้ามล่าฯทะเลน้อย จ.พัทลุง จำนวนกว่า 4 พันตัว ได้รับการเสนอให้เป็นสัตว์อนุรักษ์ เนื่องจากเป็นควายที่อาศัยในธรรมชาติที่มีความสามารถพิเศษ แม่ให้ลูกควายเอาคางเกยหลังเวลาว่ายน้ำ และยังดำน้ำเก่งเพื่อลงไปงมกินพืชใต้น้ำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย พัทลุง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า

    ตนในฐานะส.ส.จังหวัดพัทลุง เตรียมจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับการจัดการควายฝูงหนึ่งมีจำนวน 4,334 ตัว ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง ชาวบ้านในแถบนั้นเรียกกันทั่วไปว่า ควายน้ำ แต่เดิมเป็นควายบ้านที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงไว้ในบริเวณนี้ แต่ก็ปล่อยเลี้ยงตามยถากรรม ทำให้มีการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นจนควายรุ่นใหม่กลายเป็นเหมือนควายป่าไปแล้ว มีลักษณะพิเศษคือในช่วงฤดูน้ำหลากแม่ควายจะให้ลูกควายเอาคางเกยหลังว่ายน้ำไปยังที่ต่างๆ นอกจากนี้วิธีการหาอาหารของควายฝูงนี้ก็ไม่เหมือนควายป่า หรือควายบ้านทั่วไป คือ
    ควายตัวโตสามารถดำน้ำ โดยใช้ขาหลังชี้ขึ้นฟ้า ส่วนหัวดำลงไปใต้น้ำเพื่อหาหญ้ากิน ส่วนลูกควายนั้นจะดำน้ำลงไปทั้งตัวเพื่อหาหญ้าใต้น้ำกิน การดำน้ำแต่ละครั้งลูกควายสามารถทำได้ค่อนข้างนาน

    "ผมคิดว่าหากมีการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดีแล้ว น่าจะทำให้ทะเลน้อยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะไม่เคยเห็นว่าในภูมิภาคเอเชียจะมีสัตว์ หรือควายลักษณะนี้ให้เห็นอีกแล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ พื้นที่เขตห้ามล่าฯ นั้นเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถนำสัตว์เข้าไปเลี้ยงได้ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้มีการประกาศให้ทะเลน้อยเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตั้งแต่ปี 2535 แต่ชาวบ้านอ้างว่านำควายฝูงนี้มาเลี้ยงก่อนหน้านั้น และควายมีการสืบพันธุ์ออกลูกหลาน จากเดิมมีแค่ 500 ตัว กลายเป็นจำนวนสี่พันกว่าตัวในปัจจุบัน"

    นายนริศกล่าวว่า

    จากปัญหาดังกล่าวหลายฝ่ายจึงคิดกันว่า ควรจะนำปัญหานี้มาช่วยกันแก้ไข เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ควายฝูงนี้เป็นทรัพยากรระดับชาติ เพราะไม่มีที่ไหนอีกแล้ว มีที่นี่แห่งเดียวในประเทศ ตอนนี้จึงหารือกันว่าจังหวัดควรจะซื้อควายฝูงดังกล่าวไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อให้ควายเหล่านั้นได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติ และประกาศให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยต่อไปน่าจะดี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :ดุ๊กดิ๊ก (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 21 กรกฎาคม 2551 เวลา 09:56 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://tnews.teenee.com/etc/25292.html
     
  12. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ลูกเพนกวินตายเกลื่อน คลื่นซัดขึ้นบนชายหาดบราซิล



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีซากลูกนกเพนกวินราว 400 ตัว จากแอนตาร์กติกาและพาตาโกเนีย เกยขึ้นมาที่ชายหาดของกรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งนายเอดูอาร์โด พิเมนต้า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานคุ้มครองชายฝั่งและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า "การที่ลูกนกเพนกวินทั้งที่ตายแล้วและยังไม่ตาย ขึ้นมาที่ชายหาดริโอเดอจาเนโรนั้น เป็นเหตุ การณ์ปกติที่เกิดขึ้นทุกปี เพราะเพนกวินเหล่านี้ถูกกระแสน้ำแรงจากช่องแคบแม็กเจลแลนพัดขึ้นมา แต่ที่ไม่ปกติคือ ปีนี้มีเพนกวินพัดเข้ามามากกว่าปกติอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุที่เพนกวินพัดขึ้นมาตายมากกว่าปกติเป็นไปได้ 3 ประการ คือการประมงที่มีมากเกินไปจนแทบไม่เหลือปลา ทำให้เพนกวินต้องว่ายน้ำไกลขึ้นเพื่อไปหาอาหาร จนมันเข้าไปติดอยู่ในกระแสน้ำที่ ไหลแรง

    ประการที่สองคือ ได้รับมลพิษ ซึ่งมลพิษนี้ทำให้ภูมิคุ้มกันของเพนกวินลดลง จนเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราเข้ามาในปอดของพวกมันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งที่นอกชายฝั่งบราซิลนั้น มีโรงกลั่นน้ำมันคัมโพสออยล์ตั้งอยู่ และที่ผ่านมาพบว่า มีน้ำมันเปื้อนขนเพนกวินด้วย

    ประการที่สามคือ รูปแบบของสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยนายเออร์ลี คอสตา นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเฟดเดอรัล เชื่อว่า ระดับมลพิษสูงพอที่จะทำให้เพนกวินตายมากขนาดนี้ แต่อาจเป็นเพราะภาวะโลกร้อนที่ทำให้กระแสน้ำในทะเลไหลเชี่ยว ทั้งยังเกิดพายุไซโคลนบ่อยครั้ง

    สำหรับเพนกวินส่วนใหญ่ที่ตายเป็นลูกนกที่เพิ่งออกจากรัง และยังไม่ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะว่ายน้ำในทะเลที่มีคลื่นรุนแรง

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB5TXc9PQ==
     
  13. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    พักงีบ

    เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>กะว่าจะเดินทางไปจีบสาวต่างถิ่นที่อยู่อีกไกลหลายกิโลฯ

    โคอาลาหนุ่มในนิวเซาธ์เวลส์ แดนออสซี่ ชักเหนื่อย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หันซ้ายหันขวาไม่มีต้นยูคาลิปตัสเลยในระยะ 20 ก.ม. พี่ก็เลยปีนไปงีบอยู่บนเสาไฟฟ้า

    ... ขอ "งัวเงีย" ก่อน "นัวเนีย" ไว้ที่หลัง!!

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    </TD><!-- เริ่มภาพชุดทั้งหมด --><!-- จบภาพชุดทั้งหมด --><!-- เริ่มข่าวเกี่ยวเนื่อง --><!-- จบข่าวเกี่ยวเนื่อง -->
    <!-- ใส่แสดงความคิดเห็นท้ายข่าว --->http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd05nPT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB5T0E9PQ==
     
  14. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    เมื่อเช้าวันนี้ (1สค.2551เวลาประมาณ06.30น.) ผมเห็นเมฆแปลก ๆ ขึ้นทางทิศตะวันออก(เบนไปทางใต้เล็กน้อยครับ)ลองดูกันนะครับ ไม่แน่ใจว่าเมฆแผ่นดินไหวหรือไม่ ถ้าใช่ก็น่าจะแบบรุนแรง เพราะเคยเห็นสมาชิกในเวปนี้แหละนำเมฆลักษณะอย่างเดียวกันนี้ ที่เกิดในต่างประเทศมาเป็นตัวอย่าง ก่อนเกิดแผ่นดินไหวแบบรุนแรง ถือเป็นข้อมูลว่ามีข้อเท็จจริงอย่างนี้เกิดขึ้นนะครับ ส่วนจะเกิดผลตามมาอย่างไรนั้น ไม่สามารถบอกได้ครับ
    ปล.ทางทิศตะวันออก เบนไปทางใต้เล็กน้อย ถ้ามองไปจากกทม.น่าจะไปในแนวบุรีรัมย์หรือเปล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN9512.JPG
      DSCN9512.JPG
      ขนาดไฟล์:
      569.2 KB
      เปิดดู:
      80
    • DSCN9513.JPG
      DSCN9513.JPG
      ขนาดไฟล์:
      584.4 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSCN9514.JPG
      DSCN9514.JPG
      ขนาดไฟล์:
      585.1 KB
      เปิดดู:
      86
    • DSCN9515.JPG
      DSCN9515.JPG
      ขนาดไฟล์:
      592.7 KB
      เปิดดู:
      89
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2008
  15. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    เพิ่มเติมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN9515.JPG
      DSCN9515.JPG
      ขนาดไฟล์:
      592.7 KB
      เปิดดู:
      79
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    2008-08-13 08:54:54 - Biological Hazard - Malaysia
    EDIS CODE: BH-20080813-18041-MYS
    Date & Time: 2008-08-13 08:54:54 [UTC]

    Area: Malaysia, State of Negeri Sembilan, The area wasn\'t defined.,
    !!! WARNING !!!

    Description:

    Thirty anaconda snakes died at a wildlife park in Malaysia from disease, bad irrigation and malnutrition, a state spokesman said Wednesday. "The park's management bought 58 snakes, and 30 of them have died," State Secretary Norzam Mohamad Nor said. Five of the surviving snakes were under observation at a local university. Norzam said the park in the central state of Negeri Sembilan had just opened its snake section to visitors in March and that it would be closed for two months to improve the condition of its snake pits. A local report highlighted the deaths of the snakes recently, drawing criticism from environmentalists who charge that park managers did not conduct sufficient studies into the snakes' natural living conditions.

    The name of Hazard: Anacondas Die-Off
    Damage level: Heavy (Level 3)

    งู อานาคอนด้า ตายจากโรค 30 ตัว ที่มาเลเซีย
     
  17. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    แฮ่ะๆ อ่านไม่ออกอ้ะ ครับ
     
  18. wanpos

    wanpos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +66
    ขออนุญาตท่าน winny นะครับ

    ทึ่ง! หนุ่มล่องทะเลสตูล ฟลุคตกปลาหมอยักษ์มหึมา


    tag:ปลายักษ์
    ทึ่ง! หนุ่มล่องทะเลสตูล ฟลุคตกปลาหมอยักษ์มหึมา



    [​IMG]


    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม นายนิรัญ กองสีสังข์ อายุ 32 ปี นักตกปลาสมัครเล่นจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนเช่าเหมาเรือศรีวัฒนา ซึ่งมีนายเจียน คำแป้น หรือไต๋หลี อายุ 46 ปี เป็นคนนำทางนำเรือออกจากฝั่งจากท่าเรือปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยได้ตกปลาไปเรื่อยๆ และมีจุดหมายที่ปะการังนกแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งตกปลาที่มีหินและถ้ำใต้น้ำ ซึ่งปลาหมอทะเลยักษ์มักจะอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว และเป็นแหล่งที่นักตกปลามักจะมาพิชิตปลาหมอทะเลยักษ์บริเวณนี้

    นายนิรัญ กล่าวต่อว่า จุดที่ตกปลาได้อยู่ทางด้านทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะ ห่างจากเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ประมาณ 60 ไมล์ทะเล หรือ 90 กิโลเมตร และห่างจากฝั่งท่าเรือปากบาราประมาณ 200 กิโลเมตร ขณะที่หย่อนเบ็ดลงไปปรากฏว่าเบ็ดขาดหมด ไต้ก๋งจึงให้เปลี่ยนตาเบ็ดและใช้เหยื่อปลาโอเป็นตัวล่อ และสามารถจับปลาหมอทะเลได้ถึง 2 ตัว และเมื่อนำกลับมาถึงท่าเรือ ปรากฏ ว่าชาวบ้านฮือฮากันมากเนื่องจากปลาหมอทะเลยักษ์ทั้ง 2 ตัวมีน้ำหนักตัวละประมาณ130 กิโลกรัม ความยาว 1.80 เมตร ซึ่งถือเป็นตัวที่ใหญ่และน้ำหนักมากที่สุดที่เคยตกได้

    "ก่อนหน้าที่ทุกปีจะมีการตกปลาหมอได้1-2 ตัวแต่น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 100 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าตัวนี้ทำลายสถิติกว่าทุกตัวที่ได้มา และตนจะนำปลาไป จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถือว่าในการตกปลาครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุดของตน" นายนิรัญ กล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  19. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ปลาจากทะเลน้ำลึก หนีเข้ามาชายฝั่ง


     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สมัยโบราณ แถวเชียงแสนก็มีคนจับปลาไหลเผือกมาได้ครับ

    ตอนนี้อนาคอนด้า(งูใหญ่ยักษ์)ตายอีก 60 ตัว

    มีข่าวจับปลายักษ์ได้อีก

    แถมไม่กี่วันนี้ คุณไลท์ฝันว่ามีคนฆ่า ตัดร่างพญานาคสีเขียวตายไปด้วย

    ประกอบกับข่าวเรื่องสตอร์มเซิร์จด้วย ยิ่งทำให้ไม่ โอ มากๆเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...