พระเครื่องราคาพิเศษ รับปีใหม่ 2569!!!!

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet626, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 ประกันพระแท้ ; ID Line ; himhirose สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10,989
    ค่าพลัง:
    +525
    106.พระมหาสิทธโชค เนื้อดิน บรรจุกรุ ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ ปี 2478 ให้บูชา 850 บาท



    upload_2025-12-28_10-40-28.png

    upload_2025-12-28_10-49-45.png

    พระกรุวัดเกตุมดี (พระมหาสิทธิโชค) สร้างปี2478 สร้างโดย ท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อฐิษฐานจิต
    เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร โดย พระเดชพระคุณ พระครูภาวนาวรคุณ (หลวงพ่อใหญ่)
    ได้ทำพิธีเปิดกรุพระบรมธาตุเกตุมวดีย์ (องค์เดิม) ได้พบพระเนื้อดินที่สร้างโดย ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ นำมาบรรจุไว้เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา จำนวนมาก ๘๔,๐๐๐ องค์
    พระกรุเนื้อดินที่พ่อท่านบัณฑูรสิงห์ได้สร้างบรรจุกรุไว้นี้ หลวงพ่อใหญ่ได้ขนานนามว่า “ หลวงพ่อมหาสิทธิโชค ”
    เป็นพระเนื้อดินเผาพิมพ์สี่เหลี่ยมเป็นรูปพระพุทธแบบต่างๆ มีทั้งที่ประทับสัตว์แบบลพ.ปานก็มี
    ว่ากันว่าท่านพ่อบัณฑูรสืงห์ได้ทำพิธีพลีดินจากสถานที่สำคัญต่างๆ และดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 มาผสมสร้าง
    เสร็จแล้วได้นิมนต์ ลพ.ปาน วัดบางนมโค และ ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ซึ่งเป็นสหธรรมิกกันมาร่วมอธิษฐานจิตก่อนบรรจุกรุ
     
  2. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 ประกันพระแท้ ; ID Line ; himhirose สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10,989
    ค่าพลัง:
    +525
    107.พระเครื่องรุ่นแรกของ เจ้าคุณนรฯ เนื้อว่านหลวงพ่อหริ่ง ปี 2506 ให้บูชา 550 บาท


    upload_2025-12-28_11-25-35.png

    upload_2025-12-28_11-29-48.png

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก AmpolJane.com

    ชื่อว่าพระเครื่องรุ่นแรกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของครูบาอาจารย์รูปใด ล้วนแพงสะเทือนขวัญ แต่พระเครื่องของท่านเจ้าคุณนรฯ ไม่เป็นเช่นนั้น

    อาจเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก สำหรับผู้รู้จักเลื่อมใสในเจ้าคุณนรฯ

    รูป เหมือนใบโพธิ ปี 2513 ราคาเช่ากันในสนามท่าพระจันทร์เมื่อปีที่แล้ว ตกเข้าไปราว ๆ องค์ละ 5 – 6 หมื่นบาท นี่ยังไม่นับสมเด็จหลังอุ และพระเนื้อทองคำเนื้อเงินอีกมากมายหลายแบบ ซึ่งถ้าไล่เรียงออกมาแล้วไข่ห่านก็จะเล็กกว่าตาที่เบิกโพลงไปหน่อย

    มนต์ ขลังของพระเครื่องรุ่นแรก ดูจะมัดใจนักเลงพระเมืองไทยมาทุกยุคทุกสมัย ใครมีพระรุ่นแรก ราศีจะจับจนเจิดจ้าสดใส แต่ถ้าใครมีพระเครื่องรุ่นแรกของเจ้าคุณนรฯ เห็นจะเป็นตรงกันข้าม มนต์ใดก็ดูจางคลายไปจะเอามาใช้กับเจ้าคุณนรฯ

    พระเครื่องรุ่นแรกของเจ้าคุณนรฯ

    คำนี้ดูขลังจังเลย แต่ทำไมราคาแสนถูก

    เรา ไม่ถือเอาพระกริ่งปี 2495 ที่หลวงภูมินาถสนิท สร้างว่าเป็นพระเครื่องรุ่นแรกของเจ้าคุณนรฯ เพราะเหตุว่าเป็นพระเครื่องพิธีหมู่ และเจ้าคุณนรฯ ได้เข้าร่วมปลุกเสกพระเครื่องรุ่นนี้ในฐานะเพียงตัวประกอบ ไม่ได้เป็นพระเอกของพิธี แม้ภายหลังชื่อเสียงของท่านจะกว้างไกล และขยายความสำคัญขึ้นมาจนดาราประกอบแห่งพิธีนั้นโดดเด่นเป็นเอกก็ตาม

    ที่ต้องยกให้เป็นพระเครื่องรุ่นแรกของท่านอย่างแท้จริงนั้น หมายเอาท่านปลุกเสกเป็นเด่น ไม่ได้เป็นรองใคร

    หลวงพ่อหริ่งเนื้อว่าน 108 นี่แหละครับพระเครื่องรุ่นแรกของท่านในความหมายนี้

    ที่ เกิดของพระเครื่องรุ่นแรกเจ้าคุณนรฯ มีบันทึกไว้ว่า เดิมวัดวังกระโจม ตั้งอยู่ริมถนนชลประทานหลวง จังหวัดนครนายก คืออยู่ห่างจากตัวเมืองราว ๆ 1 กม. มีพระครูสารเนติโกศล หรือหลวงพ่อหริ่ง เป็นเจ้าอาวาส พระอุโบสถวัดนี้เสื่อมโทรมเต็มที สภาพชวนให้เกิดอันตรายแก่พระเณรในวัดได้ทุกเมื่อ ท่านเจ้าอาวาสจึงปรึกษากรรมการวัดเพื่อหาทางซ่อมแซม แต่ก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงต้องลงมือสร้างขึ้นใหม่ และได้มอบให้เจ้าคุณพระวรญาณวิสุทธิ์ (เขียน วรเลโข) วัดเทพศิรินทราวาส เป็นประธานการสร้างพระอุโบสถ โดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2496 การก่อสร้างดำเนินเรื่อยมา ค่อยคืบคลานตามกำลังทรัพย์ จนกระทั่งหลวงพ่อหริ่งถึงกาลมรณภาพไป พระอุโบสถก็ยังไม่เสร็จ

    ถึง สมัยเจ้าคุณวรญาณวิสุทธิ์ รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังกระโจม สืบต่อจากหลวงพ่อหริ่ง จนกระทั่งท่านเจ้าคุณฯ มรณภาพตามไปอีก พระอุโบสถก็ไม่เสร็จ

    มาถึงสมัยของท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นพระครูอุดมคุณาทร ได้มาสานต่อการก่อสร้างพระอุโบสถหลังนี้ ที่ท่านมาทำงานนี้ก็เพราะท่านเป็นชาวนครนายก และเป็นศิษย์ของเจ้าคุณวรญาณวิสุทธิ์อีกด้วย พระอุโบสถก็แล้วเสร็จสมบูรณ์

    ปี แรกที่เจ้าคุณอุดมเข้ารับช่วงงานสร้างพระอุโบสถนั้นเป็นปี 2506 ท่านได้เป็นเจ้าภาพจัดงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อหริ่ง และได้คิดสร้างพระเครื่องไว้แจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมงาน โดยสร้างขึ้น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์พระสมเด็จ และพิมพ์รูปเหมือนหลวงพ่อหริ่ง

    พระเปีย ในวัดวังกระโจมเป็นผู้แกะพิมพ์พระชุดนี้ และกดพิมพ์พระในวัดวังกระโจมทั้งหมด พระเณรช่วยกัน แต่ฝีมือการกดพระไม่ดีพอเนื่องจากขาดความรู้ความชำนาญ พระชุดนี้จึงออกมาได้สภาพไม่สวยงามเท่าที่ควร

    พระยังไม่แห้งดีก็รวบ รวมใส่กล่องเพื่อนำไปถวายท่านเจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิต ซึ่งท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้ หลังจากนั้นนำพระมาแจกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อหริ่งที่วัดวังกระโจม

    ตอน เปิดกล่องออกแจกก็โกลาหล เพราะว่าพระติดกันเป็นแผง เพราะว่าตอนบรรจุกล่องพระยังชื้น เป็นเหตุให้พระติดกันวุ่นวาย ที่ไม่ติดกัน ก็แยกออกมาแจกได้นิดหน่อย และคนก็ไม่สนใจพระชุดนี้อีกด้วย เพราะเหตุว่าพระไม่สวย แถมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปลุกเสก

    มีผู้ถามเจ้าคุณอุดมว่าใครเป็นผู้ปลุกเสกพระชุดนี้ เจ้าคุณอุดมตอบว่าใครก็ช่างเถอะน่า ก็ยิ่งทำให้คนเมินพระเครื่องชุดนี้ไปอีก

    ท่านเจ้าคุณอุดมไม่บอกว่าใครปลุกเสก ก็เห็นจะเห็นเพราะเวลานั้นเจ้าคุณนรฯ ยังเงียบ ไม่มีใครรู้จัก บอกไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์

    ต่อ มาภายหลังพระชุดนี้ไปก่ออภินิหารเข้า ดูเหมือนจะมีหนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครมเสียด้วย คนก็แตกตื่นถามหาตัวผู้ปลุกเสก ความจึงได้เปิดเผยว่าเป็นภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิต วัดเทพศิรินทร์

    นั่นแหละครับที่เกิดของอุโฆษแห่งชื่อเสียงเจ้าคุณนรฯ
     
  3. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 ประกันพระแท้ ; ID Line ; himhirose สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10,989
    ค่าพลัง:
    +525
    108.พระซุ้มทอง กรุวัดกลางทุ่ง จ.อยุธยา ให้บูชา 600 บาท


    upload_2025-12-28_12-6-13.png

    พระกรุวัดกลางทุ่ง เป็นพระเนื้อดินเผา ส่วนมากเนื้อหยาบ ส่วนเนื้อละเอียดมีเล็กน้อย
    พระกรุนี้มีน้อยองค์ที่มีความคมชัดสวยงาม การกดพิมพ์พระไม่ปราณีต แต่ก็มีบางองค์ที่มีความงดงาม ซึ่งเกิดจากผู้กดพิมพ์ การสร้างพระพิมพ์ก็อาศัยแรงงานจากผู้ที่มีจิตเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่ตั้งบ้านเรือนบ้านอยู่ใกล้ชิดกับวัดกลางทุ่ง ได้เล่าไว้ว่า การสร้างพระวัดกลางทุ่งนั้น ตกอยู่ในราวๆ ปี พ.ศ.2450 โดยพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม 3 รูป คือ หลวงพ่อฉ่ำ วัดกลางทุ่ง หลวงพ่อแป้น วัดท่า และหลวงพ่อทรัพย์ วัดใหม่ปากบาง ซึ่งในอดีตพระอาจารย์ทั้งสามรูปจัดว่าเป็นขุนศึกแห่งทุ่งมหาราชเลยทีเดียว เนื่องจากต่างก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านวิทยาคมมาก โดยเฉพาะหลวงพ่อฉ่ำ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางทุ่งนั้น ท่านมีชื่อเสียงทางด้านตะกรุดโทน ดีทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี และพระอาจารย์ทั้งทั้งสามรูปนี้ต่างก็ชอบพอสนิทสนมกันมาก ไปมาหาสู่กันตลอด พวกท่านได้ช่วยกันเขียนทำผงวิเศษต่างๆตามถนัดของท่านแต่ละองค์ เมื่อเขียนและลบผงไว้ได้พอสมควรแล้ว จึงได้ให้นำดินเหนียวในท้องทุ่งนั้นมาคลุกเคล้าผสมลงไป แล้วนำไปกดพิมพ์พระและนำไปเผาอีกทีหนึ่ง เมื่อได้พระเครื่องทั้งหมดครบจำนวนแล้ว (คาดว่าน่าจะสร้างประมาณ 84,000 องค์ ตามจำนวนพระธรรมขันธ์) ทั้งสามรูปก็ได้ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่อง แล้วนำไปบรรจุในองค์พระเจดีย์ที่อยู่หน้าพระอุโบสถวัดกลางทุ่ง
    ต่อมาในปี พ.ศ.2503 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมเสนาสนะครั้งใหญ่ รวมทั้งองค์พระเจดีย์ด้วย คณะกรรมการวัดจึงประชุมกันมีมติว่าจะเปิดกรุเพื่อนำพระมาแจกจ่ายเป็นที่ระลึกในการร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะวัดกลางทุ่ง ต่อมามีชาวบ้านวัดกลางทุ่งคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ชักชวนเพื่อนๆไปทอดผ้าป่าที่วัดกลางทุ่งและได้นำพระกรุวัดกลางทุ่งไปแจกจ่ายเป็นของชำร่วยแก่ผู้ร่วมบุญในขบวนคณะผ้าป่านี้ บังเอิญเกิดมีคนคันไม้คันมือ เมื่อได้พระมาแล้วก็เอาไปทดลองยิงดูในบริเวณวัดนั่นเลย ปรากฏว่ายิงจนหมดโม่ก็ยิงไม่ออกสักนัด เพื่อนที่ดูอยู่ก็สงสัยเข้ามาร่วมทดลองยิงอีกสองสามกระบอกก็ยิงไม่ออก
     
  4. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 ประกันพระแท้ ; ID Line ; himhirose สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10,989
    ค่าพลัง:
    +525
    109.พระพิมพ์เล็บมือ เนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อชื่น วัดท่าพูด จ.นครปฐม ให้บูชา 750 บาท


    upload_2025-12-28_12-20-50.png

    upload_2025-12-28_12-21-4.png

    พระผงน้ำมันหลวงพ่อชื่นวัดท่าพูด หลวงพ่อชื่นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าพูดประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 จากหนังสือประวัติวัดท่าพูด "เขาเล่าลือกันว่าที่วัดท่าพูดต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เคยมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่วัดนี้ มีสมภารถึง 2 องค์ คือหลวงพ่อแก้ว และหลวงพ่อชื่น และมีความผูกพันกับกรมหลวงชุมพร และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อแก้ว เกิดที่ ต.ท่าพูด อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งประวัติท่าน ยังไม่เคยแน่ชัดมากนัก หลวงพ่อชื่น เกิดที่ ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง แต่ได้ย้ายอพยพครอบครัวมาอยู่ที่จังหวัดนครปฐม แถบวัดท่าพูดนั่นเอง ประวัตินอกนั้นยังไม่แน่ชัดมากแต่ทราบในหนังสือประวัติของครูเอื้อน วาชนนท์ ได้กล่าวไว้ว่า สมัยที่หลวงพ่อแก้วและหลวงพ่อชื่นได้เรียนวิชากรรมฐานนั้นได้มีพระภิกษุซึ่งเป็นพระสหายทางธรรม ของหลวงพ่อแก้วอยู่รูปนึง ที่ไปมาหาสู่กันเป็นพระจำ พระรูปนั้นคือพระครูโสอุดร (หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมาขามเฒ่า ) นั่นเอง ซึ่งตรงกับคำเขียน ของ คุณทัศนะ อัชวังกูร ในนิตยสาร นะโม ฉบับที่ 79 ไว้ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อแก้วนั้น ได้จารยันต์ตัวเดียวกับของหลวงปู่ศุขไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งยันต์พุทธรอบโลก ยันต์นะสะบัดหัว และมีหลักฐานยืนยันอีกๆอีกมากมาย ที่เชื่อมโยงกัน เคยมีผู้กล่าว ไว้ว่า ในสมัยนั้นหลวงพ่อชอบปั้นดินทำลูกสะกด เม็ดใหญ่ เท่าเม็ดพุทราตากไว้ทั่วบริเวณวัด ก็มีพวกที่ชอบยิงสัตว์ได้เข้าเข้าไปยิงสัตว์ในบริเวณวัด ปรากฏว่าปืนเหล่านั้น ยิงยังไงก็ไม่โดนตัวสัตว์เลย ชาวบ้านแถวนั้นจึงรีบเก็บ...เอาใว้ป้องกันตัวกันมากมายหลวงพ่อท่านมิใช่พระที่เก่งด้านวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว ท่านยังเก่งวิชาช่างต่างๆด้วย และได้สอนให้ลูกศิษย์ในวิชาการช่างต่างๆ และท่านยังสามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำด้วย และในสมัยนั้น ท่านกรมหลวงชุมพรได้เสด็จไปหาหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ได้แนะนำให้ท่านไปหาพระที่เป็นสหายธรรม อยู่ที่วัดท่าพูด อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งด้วยความอยากรู้ ท่านกรมหลวงชุมพรก็ได้เสด็จไปวัดท่าพูด จากวัดปากคลองมะขามเฒ่า ไปถึงวัดท่าพูดสมัยนั้นก็รุ่งสางพอดี พอไปถึงที่วัด ในฐานะผู้เคยร่วมสำนักอาจารย์ เดียวกัน ท่านก็ได้กราบมนัสการและเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว จึงถือโอกาส ขอ ตะกรุดหลวงพ่อ ท่านละ 1 ดอก เพื่อทดสอบวิชา โดยหลวงพ่อชื่นท่านได้ถอดอาคมออกจากตะกรุดของท่านเนื่องจากท่านให้เกียรติหลวงพ่อแก้วซึ่งอาวุโสกว่าท่าน เมื่อได้ตะกรุดทั้งสองดอกแล้ว เสด็จกรมหลวงฯท่านได้กลับขึ้นไปบนเรือกลไฟแล้วโยนตะกรุดทั้งสองดอกใส่ในเตาไฟแล้วสั่งให้ทหารมหาดเล็กเร่งไฟให้แรงที่สุดแล้วก็เสด็จเข้าบรรทม เมื่อตื่นขึ้นมาก็ให้มหาดเล็กไปดูในเตาไฟว่าเป็นอย่างไรบ้าง มหาดเล็กแจ้งว่ามีตะกรุดไม่ละลายอยู่ดอกหนึ่ง เสด็จกรมหลวงฯจึงนำตะกรุดดอกนั้นขึ้นไปหาหลวงพ่อแก้วและหลวงพ่อชื่นว่าเป็นตะกรุดของท่านใด ซึ่งหลวงพ่อแก้วท่านได้ทราบด้วยฌานว่าหลวงพ่อชื่นได้ถอนอาคมออกจากตะกรุด จึงพูดขึ้นว่าตะกรุดดอกนั้นเป็นของท่านชื่นไม่ใช่ของท่าน แต่สุดท้ายเสด็จกรมหลวงก็ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของทั้งสองอาจารย์"
     
  5. HMMAmulet626

    HMMAmulet626 ประกันพระแท้ ; ID Line ; himhirose สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10,989
    ค่าพลัง:
    +525
    110. พระกลีบบัว พิมพ์เศียรโล้น หลังสิงห์ วัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร) ปี ๒๕๑๕ ให้บูชา 550 บาท


    upload_2025-12-28_13-7-17.png


    พระชุดนี้ จอมพลประภาส จารุเสถียร รมต.มหาดไทย สมัยนั้น เป็นประธานในการสร้างในปีพ.ศ.๒๕๑๕ จำนวนการสร้างประมาณ ๓,๐๐๐ องค์ สร้างจากเนื้อเก่าพระกรุวัดสามปลื้มที่แตกหักจากการกรุ และผงอิทธิเจ มวลสารศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย ผ่านพิธีปลุกเสกโดย หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และพระเกจิย์คณาจารย์อีกหลายรูป จุดสังเกตุของพระชุดนี้คือ จะมีสิงห์ประทับอยู่ที่ด้านหลังขององค์พระ เหตุอันเนื่องมาจากเพื่อเป็นการให้เกียรติ เจ้าพระยาบดินเดชา สิงห์ สิงหเสนี เป็นแม่ทัพใหญ่ในรัชกาลที่ ๓ เป็นผู้บูรณะพระอาราม มีศาลท่านอยู่ในเขตพุทธาวาส ใกล้บ่อจรเข้ของวัด และยังเป็นการสื่อถึงสัญญาลักษณ์ของกระทรวงมหาดไทยด้วย พระพิมพ์นี้ ก็เคยมีคนนำมาขายเป็นพระหลวงปู่กวย เเละ หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก จ.ระยอง บางท่านเล่าว่า เเถวๆเดิมบาง เคยมีคนเเก่ ยืนยันว่าไปทำบุญเเละรับพระพิมพ์นี้ มาจากหลวงปู่กวยจึงเข้าใจว่าเป็นของหลวงพ่อกวย พระชุดนี้ที่จอมพลประภาสเป็นผู้จัดสร้างขึ้น มีพิธีพุทธาภิเษกใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งท่านแจกแก่ทหาร โดยจอมพลประภาสได้กล่าวกับเหล่าทหารว่า " พวกเอ็งมันเล่นพระไม่เป็น พร้อมชูพระชุดนี้ขึ้น แล้วพูดต่อไปว่า ของดีจริงต้ององค์นี้ เพราะ พุทธคุณดีทางเมตตามหานิยม ดีทางมหาอุตม์เเละเหนียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2025 at 13:07

แชร์หน้านี้

Loading...