พระเครื่องราคาพิเศษ รับปีใหม่ 2569!!!!

93. องค์สุดท้ายครับ!!! พระปิดตาธาตุ 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) รุ่นแรก หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทร์ จ.ชัยนาท ปี2540 เนื้อนวะโลหะ ตอกโค้ดด้านหลังองค์พระ ให้บูชา 550 บาท

​

หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทน์ ยอดพระเกจิอาจารย์เมืองชัยนาท ศิษย์หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดง ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ฉาบดังกล่าวนี้ล้วนเป็นพระบูรพาจารย์ที่มีชื่อเสียงและเปี่ยมด้วยความดีในทุกด้าน หลวงปู่ฉาบจึงได้รับการถ่ายทอดกรรมฐานและพุทธาคมมาเป็นอย่างดี จนท่านมีความเชี่ยวชาญสามารถนำมาทดสอบให้เห็นเป็นจริงได้ อาจกล่าวได้ว่าในยุคนั้นถือว่าท่านเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มากวิชาและเชี่ยวชาญในกรรมฐานรูปหนึ่งเลยทีเดียว

ด้วยความเชี่ยวชาญในกรรมฐานและพุทธาคมโดยเฉพาะเรื่อง ธาตุ 4 ที่หลวงปู่ได้ศึกษาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ในปี 2540 หลวงปู่ฉาบได้อนุญาตให้จัดสร้าง "พระปิดตาธาตุ 4" และ "ปรกใบมะขาม" ขึ้น โดยปลุกเสกให้เป็นอย่างดี ณ วัดคลองจันทน์ ตั้งแต่วันที่ 11-22 กรกฎาคม 2540 รวมเวลา 12 วัน

นะ มะ พะ ทะ เป็นหัวใจธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อธาตุทั้ง 4 มาประชุมกัน จะทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ดั่งมีชีวิตที่เข้มขลังทรงพลังโดยพระปิดตาธาตุ 4 นี้ หลวงปู่ฉาบ เป็นผู้ลงธาตุปลุกเสกเองจึงไม่อาจคาดเดาถึงพระพุทธคุณที่หลวงปู่ได้ประสิทธิ์ฝากไว้ในพระเครื่องชุดนี้ได้เลยไม่เพียงเท่านี้ครับ พระเครื่องทั้ง 2 อย่าง ที่สร้างขึ้นในวาระอายุ 93 ปี พรรษา 70 ยังเปี่ยมไปด้วยมวลสารสำคัญยิ่งคือชนวนแผ่นจารพระคาถาชินบัญชร ชนวนแผ่นยันต์ต่างๆ ตามกำหนด และยังมีตะกรุดเสาอากาศเป็นชนวนอยู่หลายดอก ซึ่งแฟนพันธ์แท้พระเครื่องหลวงปู่ฉาบคงทราบดีว่าขณะนี้แม้เพียงดอกเดียวยังหายากยิ่ง เพราะตะกรุดเสาอากาศเป็นตำหรับวิชาจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ที่หลวงปู่ฉาบได้ไปร่ำเรียนมาด้วยความยากลำบาก เพราะ อ.เดิมบาง เมืองสุพรรณในสมัยนั้นมีแต่ป่า มีสัตว์ร้ายชุกชุม วัดหลวงพ่ออิ่มก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไร ต้องอยู่รับใช้หลวงพ่ออิ่ม จนได้วิชาทำตะกรุดมา ท่านมั่นใจในวิชานี้มาก ทดลองทำจนเชื่อมั่นว่าดีจริง ซึ่งประสบการณ์มีให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งหลวงปู่สร้างตะกรุดนี้ขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงสงคราม

 

94.พระสมเด็จหลังพรหม เกศา+พลอยศักดิ์สิทธิ์ สร้างในปี ๒๕๔๙ เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อหนูอินทร์ วัดป่าพุทธมงคล จ.กาฬสินธุ์ ปิดรายการครับ


"หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร" สิริอายุ ๘๗ ปี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พระเกจิที่ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ปี๒๕๐๐ และพิธีพระสมเด็จ๑๐๐ปี วัดระฆังโฆสิตาราม ปี๒๕๑๕ รูปสุดท้ายในกรุงรัตนโกสินทร์ที่ยังคงดำรงธาตุขันธ์อยู่ในปัจจุบัน โดยเป็นเกจิหนุ่มเพียงรูปเดียว ๑ใน๑๐๘รูปทั่วทุกภาคที่ได้ร่วมพิธีประวัติศาสตร์ครั้งนั้น

​

 

95.พระสมเด็จเวฬุวัน หลวงพ่อพูล ปี 2544 พิมพ์ใหญ่ รุ่นพูลสุข งานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อผง ด้านบนบรรจุผงอุดชันโรง ด้านล่างฝังตะกรุด 3 ดอก (พร้อมกล่องเดิม) ปิดรายการครับ

​

​

​

ที่ระลึกผูกพัทธสีมา วัดไผ่ล้อม วันที่ 23 - 31 มกราคม 2544 พิธีมหาพุทธาภิเษกสมโภช วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2544 เวลา 18.19 น. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ เป็นประธานจุดเทียนชัย หลวงพ่อพูลดับเทียนชัย เวลา 05.59 น. พระเกจิอาจารย์อาวุโสร่วมสมัย 39 รูป ร่วมนั่งปรกตลอดคืน
ดังนี้

ชุดที่ 1 : เวลา 18.19 - 21.00 น. ( พระพิธีธรรม วัดมหาธาตุ สวดพุทธาภิเษก )
รายนามพระเกจิอสจารย์ดังต่อไปนี้
- หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
- หลวงพ่อโถม วัดธรรมปัญญาราม จ.สุโขทัย
- หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ จ.นครสวรรค์
- หลวงพ่อสวัสดิ์ สำนักสงฆ์เม้าสุขา จ.ชลบุรี
- หลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส จ.อุทัยธานี
- หลวงพ่อฤทธิ์ วัดชลประธานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
- หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี
- หลวงพ่อสุธรรม วัดเขาพระ จ.เพชรบุรี
- พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
- หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี

ชุดที่ 2 : เวลา 21.19 - 24.00 น. ( พระพิธรธรรมวัดทัศน์ สวดภารวาร )
รายนามพระเกจิอสจารย์ดังต่อไปนี้
- หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี
- หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส กทม.
- หลวงพ่อนนท์ วัดเหนือวน จ.ราชบุรี
- หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
- หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม จ.นครปฐม
- หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา
- หลวงพ่อม่วง วัดยางงาม จ.ราชบุรี
- หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี
- หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี
- หลวงพ่อจอย วัดโนนไทย จ.นครราชสีมา

ชุดที่ 3 : เวลา 24.19 - 03.00 น. ( พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์ สวดจตุทิพย์มนต์ )
รายนามพระเกจิอสจารย์ดังต่อไปนี้
- หลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว จ.นครปฐม
- หลวงพ่อวิไล วัดโพธิ์งาม จ.สมุทรสงคราม
- หลวงพ่อออด วัดดาน จ.พิจิตร
- หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา
- หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา
- หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ.พระนครศรีอยุธยา
- หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
- หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
- พระสมุห์ภาสน์ วัดซับลำใย จ.ลพบุรี

ชุดที่ 4 : เวลา 03.19 - 05.59 ( พระพิธีธรรมวัดนครสสวรรค์ สวดรัตนมาลา )
รายนามพระเกจิอสจารย์ดังต่อไปนี้
- หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ดับเทียนชัย
- เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรฯ กทม.
- หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
- หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม จ.นครปฐม
- หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์
- หลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
- หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา
- พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
- หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี
- หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม

 

สวัสดียามเช้าครับ

 

96.พระดีพิธีใหญ่ พระขุนแผนสะกดทัพบูรพาจารย์ ฝังตะกรุด วัดสำราญนิเว จ.อำนาจเจริญ ปี ๒๕๔๘ ปิดรายการครับ

​

สุดยอดแห่งมหามงคลวัตถุมงคลังศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค ตามรอยองค์ครูบูรพาจารย์

ประมาณปี พุทธศักราช ๒๔๕๘ หลังจากที่ท่านพระอาจารย์เสาร์ และท่านพระอาจารย์มั่น ได้เดินธุดงค์กลับจากฝั่งลาว ท่านพระอาจารย์มั่น ตั้งใจจะกลับบ้านเกิดของท่าน เพื่อโปรดโยมมารดา ที่ บ้านคำบง ระหว่างที่พักอยู่ที่กุดเม็ก ท่านได้นำทองเก่าแก่หลายอย่างมาจากทางฝั่งลาว และฝั่งไทยมาหลอมรวมกันเพื่อเททองหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๒ องค์ โดยท่านตั้งเตาหล่อพระ ด้วยตัวท่านเอง พระพุทธรูปสำริดองค์แรก ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว เป็นฝีมือการหล่อของพระอาจารย์เสาร์ อีกองค์หนึ่งขนาดหน้าตัก ๗ นิ้ว เป็นฝีมือหล่อของท่านพระอาจารย์มั่น ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่บ้านเกิดของ ท่านพระอาจารย์มั่น ณ บ้านตำบง ตราบจนถึงปัจจุบัน ยังมีพระพุทธรูปทองสำริดอีกจำนวนสามองค์ที่ท่านพระอาจารย์จันทร์ สิริจันโท ท่านพระอาจารย์เสาร์ ท่านพระอาจารย์มั่นได้ร่วมกันหล่อไว้เป็นอนุสรณ์ซึ่งพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้มีพุทธศิลป์แบบพื้นบ้าน ประกอบด้วย พุทธลักษณะที่เรียบง่าย สมตามสมณะสารูปอันสมถะสัน โดษของพระป่าโดยแท้ หากแต่แฝงอนุภาพครบถ้วนบริบูรณ์ ด้วยเหตุแห่งเจตนาการสร้าง หล่อหลอมมาจากศรัทธาอันบริสุทธิ์ สำเร็จจากสายสัมพันธ์อันแนบแน่นทั้งในอาจารย์และศิษย์ และในฐานะสหธรรมมิก ผู้เป็นกัลยาณมิตร ชี้แนะซึ่งกันและกัน สามพระอริยะสงฆ์ผู้เป็นองค์บูรพาจารย์แห่งพระสุปฏิปันโนในสายพระธรรมยุต ทั้งหลายทั้งปวงผู้ละแล้วซึ่งวัตถุทั้งหลาย ร่วมกันสถาปนาองค์พระพุทธรูปขึ้นมานั้นนับว่าเป็นนิมิตหมายอันน่าอัศจรรย์อาจจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหาพระพุทธรูปใดที่จะทรงไว้ซึ่งคุณค่า เสมอหนึ่งตัวแทนแห่งพระอริยะบูรพาจารย์ได้ครบถ้วน เสมอด้วยพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ที่มิมีอีกแล้ว
และด้วยวาระครบรอบ 201 ปีแห่งการสถาปนาคณะสงฆ์ ธรรมยุตนิกาย และครบรอบ๗๒ ปี ของวัดสำราญนิเวศพระอารามหลวง โดยพระเดชพระคุณท่านพระวิชัยมุนี ดำริเห็นควรเพื่อเจริญศรัทธา ตามรอยบูรพาจารย์ทั้งสามท่าน อันประกอบด้วย พระเถระผู้เป็นดั่งนายกองเสบียงผู้ส่งเสริมทุกวิถีทาง ทั้งทางพุทธจักรแบะอาณาจักร เพื่อยังความเจริญแก่คณะสงฆ์ทั้งมวลจนมั่นคงเป็นปึกแผ่นตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนั้นนามว่า ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปการมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อีกสองนามคือท่านพระอาจารย์เสาร์กันตสีโลและท่านพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต สามพระอาจารย์ผู้เป็นดังแม่ทัพกองธรรม นำเหล่าศิษย์ยานุศิษย์ ย่างก้าวสู่ทุกแห่งบนแผ่นดินไทย ธุลีละอองจากการย้ำแสวงหาโมกข์ธรรม ตามรอยอริยะมรรคยังคงลอยละล่องตกต้องสู่เศียนเกล้า
เหล่าศิษย์ให้ก้าวตามอยู่มิขาดสาย ด้วยเหตุที่ว่าพระพุทธรูปอันเนื่องในพระอาจารย์ใหญ่ทั้งสามท่านนี้ เป็นดั่งอนุสรณ์ เป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นกัลยาณมิตรผู้ถึงพร้อมใจความเพียร เข้าถึงพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ ด้วยเจตนาเพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าด้วยผู้สร้างเข้าถึงพระธรรม พบวิมมุติโดยแท้จริงด้วยผู้สร้างเป็นสงฆ์ผู้สะอาดบริสุทธิ์
ด้วยเหตุสำคัญแห่งองค์พระอาจารย์ทั้งสามควรด้วยประการทั้งปวง ที่จะอัญเชิญสถิตในรูปองค์จำลองขนาดย่อส่วนเป็นพระพุทธชัยวัฒน์ สถาปนานามว่า พระพุทธชัยวัฒน์บูรพาจารย์ ซึ่งมีขนาดเล็กพอเหมาะที่ศิษยานุศิษย์ผู้ปรารถนาเจริญรอยตามได้พกพาไว้ติดกาย เพื่อการบูชาคุณองค์บูรพจารย์ทั้งสามจะถึงพร้อมด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาโดยพร้อมมูลวัดสำราญนิเวศ ได้สถปานาพระพุทธบูรพาจารย์โดยประสานด้วยโลหะธาตุ อันเป็นสิริมงคล ส่วนใหญ่ได้มาจาก บรรดาผู้มีจิตศรัทธาถวายมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งใต้ฐานได้จารึก นาม ฉายาขององค์อาจารย์ใหญ่ทั้งสามคือสิริจันโท กันตสีโล ภูริทัตโต พร้อมบรรจุมวลสารอนเป็นมงคลมีความสื่อไปยังทิศทางธรรมปฏิบัติของพระอาจารย์อันมีดินจากภายในถ้ำภูหล่น สถานที่พระอาจารย์เสาร์และพระอาจารย์มั่นได้บำเพ็ญเพียรอยู่เป็นเวลานานถึง ๖ ปี เป็นมวลสารหลักสำคัญมวลสารมงคลอื่น ๆ ก็มีดินจากถ้ำ , พระโมคคัลลานะ สารีบุตร ประเทศอินเดีย ผงพุทธคุณ ๕ ประการ ผงพุทธคุณ ๔๐๐ อาจารย์ผงอังคารธาตุ ผงพระกัมมัฏฐาน และผงพระกรุเก่าที่หัดชำรุดเป็นจำนวนมาก

- การปรากฏขึ้นอีกครั้งของพระยันต์โบราณ “อาสัพโตนาคพันธ์”
พระนาคพันธ์ปริวัตร และพระนาคพันธ์พรหมวิหาร จากตำราขององค์บูรพาจารย์ใหญ่ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ จันทร์ สิริจันโท ผู้เป็นเจ้าของตำราโบราณอันศักดิ์สิทธิ์พิสดารนับแต่พระเศรษฐีนวโกฏิ พระปทุมเสมิง จนถึงสุดยอดมหาวัตถุมงคลอย่าง พระนาคพันธ์ปริวัตร และพระนาคพันธ์พรหมวิหารอันล้ำลึก พระนาคพันธ์ปริวัตร และพระนาคพันธ์พรหมวิหาร จากตำราท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ไม่เคยปรากฏรูปแบบพิมพ์ที่ชัดเจน พระนาคพันธ์ปริวัตร และพระนาคพันธ์พรหมวิหาร อันล้ำลึก ผู้ขนาบกายไปในสามโลกมีขนาดหางโอบเมืองนรก ลำตัวพาดผ่านเมืองมนุษย์ แผ่เศียรปกป้องสวรรค์ 16 ชั้นฟ้า พญานาคพันธ์ ของท่านเจ้าคุณุบาลีฯ เคยปรากฏมีแต่เฉพาะในรูปอักขระมหายันต์และผงวิเศษนาคพันธ์ แต่ยังมีแบบพิมพ์ที่เหมาะสมในการสถาปนาองค์พญานาคพันธ์ขึ้นเป็นมหาวัตถุมงคล ประกอบกับรูปพระพุทธได้อย่างเหมาะควร โดยเหตุที่ว่าพญานาคพันธ์ผู้เป็นใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขง อันมีตำนานเกี่ยวพันกับพระธาตุองค์สำคัญอย่างแนบแน่น เพราะมีเรื่องราวสอดคล้องจากคำบอกเล่าจากพระเถระฝ่ายวิปัสสนามาทุกทางสมัยต้นแบบพระพิมพ์นาคพันธ์ปริวัตร และนาคพันธ์ พรหมวิหาร มีมูลเหตุอันน่าอัศจรรย์ นับแต่ต้นแบบศิลปะพิมพ์พระที่พบโดยบังเอิญ บนซุ้มยอดพระธาตุอิงฮัง แขวงสวรรค์เขต ประเทศลาว ซึ่งมีพุทธลักษณะ อุดมคติสมตามอุปเท่ห์ตามพระตำราทุกประการแลที่สำคัญคือยากที่จะหาศิลปะใดในยุคปัจจุบันงดงามหมดจรดเสมอเหมือน

- ยอดพระมหายันต์และมหาคาถาพญานำยูงทอง
แต่เดิมครั้งสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงปฏิเสธความศักดิ์สิทธ์ของ “คาถา” ทรงเคยตรัสกับพระสงฆ์ที่บวชใหม่เมื่อเวลาไปบำเพ็ญภาวนาในสถานที่อันสัปปายะและเก็บความหวาดกลัวต่อภูตผีต่างๆ ก็ให้ภาวนาคาถาบท “อิติปิโสภควา” และยังทรงกล่าวถึงพระคาถาอีกหลายๆ บทด้วยสำหรับพระคาถา”พญานกยูงทอง”ก็เป็นคาถาที่มาจากประวัติของพระโพธิสัตว์ที่ได้เสวยพระชาติเป็น “พญานกยูงทอง” ซึ่งได้มีการท่องคาถาพญานกยงูทองจนทำให้แคล้วคลาดรอดพ้น จากภัยอันตรายต่างๆ มาได้หลายครั้ง ต่อมาคุณวิเศษนี้ก็ปรากฏเป็นที่เลื่องลือจึงมีการนับถือพระคาถาพญานกยูงทองว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถดลบันดาลให้เกิดเมตตาโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้อีกโสตหนึ่งด้วย “นะโมวิมุต ตานัง นะโมวิมุตติยา”
ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแต่ผู้วิมุตแล้วทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแต่ผู้วิมุตธรรม อนึ่งสำหรับคำว่า” วิมุต” ก็หมายถึง “ผู้หลุดพ้น” หรือ”พระอรหันต์” นั่นเองสำหรับพระวิปัสสนากรรมฐานในสายพระอาจารย์ใหญ่ เมื่อจัดสร้างวัตถุมงคลแล้วอัญเชิญพระคาถาพญานกยูงทองมาประทับไว้ก็มีพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายท่านด้วยกัน อาทิ พระอาจารย์ฝั่น อาจาโร , หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก, พระอาจารย์กว่า วัดบ้านกู่, พระอาจารย์กงมา วัดดอยธรรมเจดีย์,หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล,พระอาจารย์จวน วัดภูทอก,พระอาจารย์บัว วัดป่าหนองแซง,หลวงพ่อพุธ วัดป่าสามวัน, พระอาจารย์มหาโส วัดป่าคีรีวรรณอรัญเขต เป็นต้น จนอาจกล่าวได้ว่าวัตถุมงคลใดที่ประทับด้วยพระคาถา “พญานกยูงทอง” ล้วนแต่สร้างโดย พระกรรมฐานสายพระอาจารย์ใหญ่ทั้งนั้น และด้วยความศักดิ์สิทธิ์อันสำคัญยิ่งของพระคาถานี้ ทางคณะผู้จัดสร้างจึงได้อัญเชิญพระคาถา”พญานกยุงทอง” มาเป็นส่วนผสมและประทับลงบนองค์ วัตถุมงคล รุ่น “บูรพาจารย์”ทุกพิมพ์ทุกเนื้อ!! ตำนานแต่ครั้งอดีตกาลขององค์ครูบูรพาจารย์ กับการสรรสร้างอันสุดล้ำลึก ประยุกต์ด้วยกรรมวิธีอันน่าอัศจรรย์ กับการอัญเชิญมวลสารศักดิ์สิทธิ์บูรพาจารย์ มาประดิษฐานไว้บนองค์พระในมหาวัตถุมงคล “บุรพาจารย์” ทุกเนื้อ!! ทุกพิมพ์!!

- พระพุทธปทุมเสมิงบูรพาจารย์
ตำราการสร้างอันเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา วิริยะยอดยิ่ง อีกหนึ่งมรดกแห่ง องค์บูรพาจารย์ ท่านเจ้าคุณอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) สูงส่งด้วยวัสดุมวลสาร ยากยิ่งด้วยกฎเกณฑ์ ฤกษ์ยามอันจำกัด ด้วยคาถาพรปทุมเสมิงนี้ โบราณจารย์ ตีค่าไว้ ๗๐๐๐ตำลึงทองตรึกตรองใคร่ครวญพึงทราบได้ว่า ตำราท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ แต่ละวิชา แต่ละประการล้วนแต่สูงส่งลึกซึ้งยากเกินพรรณนาตำราการสถาปนาพระปทุมเสมิงกกล่าวไว้ว่าเมื่อถึงวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ จงประชุมหมู่ปทุมชาติอันขาวสะอาดจากสระน้ำในพระอารามทั้งหลายไกลและใกล้มุ่งหมายให้ได้๙ พระอาราม ดอกบัวหลวงทั้ง ๙ สระ มากน้อยประการใดพึงเก็บมาเพียงสระละ ๙ ดอก คัดตั้งแต่เพียงละอองเกสรนั้น ประกอบเป็นมวงสารขึ้นเป็นองค์ พระพุทธพิมพ์ สำเร็จเป็นพระปทุมเสมิง แล้วบูชาไว้ในสถานที่อันควร อนึ่งบัวหลวงทั้ง ๙สระ จำนวน ๘๑ ดอกเก็บตามจำนวนพระชนม์มายุพระพุทธองค์ เพื่อเป็นพุทธบูชา ๘๐ ดอก เศษอีก ๑ ที่เกินเพิ่มไว้เป็นสิริมงคลแก่ผู้สัการะบูชา ๘๑ ดอก จากสระบัวหลวงต่างพระอารามที่ต้องทำให้ครบจำนวน เพื่อ สถาปนาเป็นรูปพระพุทธปทุมเสมิงให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว
“โอมปะทุมะเสมิง นะสาระชะตะกะราเปิง พรหมะหิสสะ สัมพุทธะรูปะเปิง จตุเพิงสุมังคละ สะยาสะเนิง สัพพะเชิง ยังขะคะทาทีหิ ทุรักเขตตะ อะนาถบิณทิกะตุนนัง อานุภาเวนะพลวะ โลกัสสะมิง อะสีติ อะสีกะ คาถาระนะ พานิชชัง คุณะเสวิตัง ตันโปตี ฆาสะมัตตะ อะมะพะ อะกะกะ วิชัยยะ สัพพะ สิทธิ สวาหุมะ”
พระมหาคาถาพระพุทธปทุมเสมิงนี้ โบราณจารย์ตีค่าไว้ ๗,๐๐๐ ตำลึงทอง ด้วยเหตุนี้การสร้างพระปทุมเสมิง อันเป็นสิ่งที่ยากยิ่งแล้ว การบูชาครอบครอง พระปทุมเสมิงจึงถือเป็นสิริมงคลอย่างที่ยากจะพานพบ นอกเหนือจากการบูชาพระรัตนกตรัยแล้ว การบูชามหาวัตถุมงคลรุ่นบูรพาจารย์ทั้งหลายนี้ ยังเท่ากับเป็นการสร้างศาสนาสถาน ๕ ประการ ดังแจ้งไว้ในหมายเหตุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น

- พระขุนแผนสะกดทัพบูรพาจารย์
พระขุนแผนทรงลดดลพระคาถาสะกดทัพ หากจะนับเอาพระขุนแผนเป็นดั่งตัวแทนแห่งการบำเพ็ญภาวนา ภาพพระพุทธปฏิมาพนมมือ บริกรรมพระคาถาเป็นดั่งว่าพระคาถาเป็นดั่งว่าพระบรมจอมไตรโลกนาถผู้พ้นอำนาจกิเลสสะกดโปรดเหล่าทัพพญามาร ทั้งปวงให้สิ้นซึ่งฤทธิ์
พระคาถาขุนแผนสะกดทัพ
“ญานะพุทธัง จงงง จงงัง ภะคะวา อิติระงับกลับกลาย นะก็คลายจิตร ญานะธัมมัง จงงง จงงัง ภะคะวา อิติระงับกลับกลาย นะก็คลายจิตร ญานะสังฆัง จงงง จงงัง นะกลับจิตร โมกลับใจ พุทมิให้ว่า ธาละลาย
ยะระงับกลับกลาย นะก็คลายจิตร”
พระขุนแผนสะกดทัพสถาปนาอำนาจแห่งชัยชนะเหนืออุปสรรค์ทั้งปวง

 

97.พระผงรูปเหมือน รุ่นแรก หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม ชลบุรี ปี2518 ให้บูชา 550 บาท

​

​

หลวงปู่ปัญญา ปัญญะโร มหาเถระ๕แผ่นดิน เดิมท่านเป็นคนร้อยเอ็ด เป็นสหธรรมิกกับ "หลวงปู่พรหมา ภูเขาควาย" ท่านเดินธุดงค์มาสร้างวัดหนองผักหนาม อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ท่านช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านด้านกำลังใจ หลวงปู่ปัญญา ๕ แผ่นดิน อายุ ๑๐๔ ปี สิขีขลัง สืบพระเวทย์ญาครูขี้หอม และสำเร็จลุนนครจำปาสัก เจ้าตำรับต่อเส้นวาสนาพาร่ำรวย อุดเส้นรั่ว เสริมเส้นเข้า พาให้โชคดีมีโชคลาภร่ำรวย ขอลูกจากเทวดา แต่ละวันจะมีบรรดาศิษย์ไปขอความเมตตาต่อคิวแน่นตลอด บารมีฤษีในดง วัดหนองผักหนาม ชลบุรี
หลวงปู่ปัญญาเมตตาสงเคราะห์วันหนึ่งนับร้อยคน ชาวต่างชาติก็มี อาทิ ยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ชาวไทยภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสานมากันหมด บางรายมารอท่านตั้งแต่ 2 ทุ่ม เพื่อรอเข้าหาหลวงปู่ปัญญาในเวลา 8 โมงเช้าของอีกวัน หลวงปู่ปัญญา ๕ แผ่นดิน เกิดเมืองอุบล เมืองแม่ทัพธรรมพระกรรมฐาน มุ่งมั่นเป็นพระป่าอรัญยวาสี สายหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น จากนั้นศึกษาในป่าดงพงไพร กับพระธุดงค์ ฤษีมหาศาล จนพบปู่พรหมา แห่งภูเขาควาย ที่อายุต่างจากหลวงปู่ปัญญา ๘ ปี เรียนวิชาธรรมชั้นสูงสายหลวงปู่ในดง ญาครูขี้หอม จากนั้นพากันเดินธุดงค์ตัดป่าข้ามแม่น้ำโขงไปนครจำปาสักไปเรียนวิชากับสำเร็จลุน ก่อนขึ้นภูเขาควาย ไปเรียนวิชาเตโชกสิณกับฤษีทรงอภิญญาสมาบัติ

หลวงปู่เดินตามแนวโพธิสัตย์ธรรม เน้นช่วยเหลือสาธุชนเป็นหลัก ใครมีเรื่องเดือดร้อนหลวงปู่ช่วยอย่างเต็มที่ ใครวาสนาไม่ดี ดวงไม่ช่วย ท่านจะใช่บารมีวิชาฤษีอภิญญาสมบัติต่อเส้นวาสนา เส้นชีวิต เส้นความสุข ความสำเร็จ เส้นชื่อเสียงให้ เมื่อ 5 ปีที่แล้วนักร้องหนุ่มก่อนโด่งดังก็มาหาหลวงปู่องค์นี้ต่อเส้นชื่อเสียงให้ จนเป็นนักร้องดังในบัดนี้ นักร้องนักแสดงค่ายใหญ่มากราบหลวงปู่ให้เติมเส้นโด่งดังให้ บัดนี้ดังใหญ่แข่งกับนักร้องเกาหลีได้สบาย นายทหารยศนายพล ตอนเป็นร้อยตรีก็มาให้หลวงปู่เปิดเส้นวาสนาให้ นายดาบมาต่อเส้นวาสนากับหลวงปู่ เกษียณราชการที่พันตำรวจเอก น่าอัศจรรย์ที่กุฎีหลวงปู่มีรูปเด็กมาก เพราะหลวงปู่ขอลูกกับเทวดามาให้มากต่อมาก เครื่องรางของหลวงปู่แคล้วคลาดชั้นยอด เมตตาชั้นเยี่ยม เพราะ นอกจากหลวงปู่จะปลุกเสกตามพุทธคุณบุญบารมี ที่สั่งสมมาเนิ่นนานแล้วหลวงปู่ยังเชิญญาณบารมีของครูบาอาจารย์ พรตฤษี ครูเขา ครูถ้ำครูดงในป่าในเขามาเสกอย่างครบถ้วน

 

98.พระขุนแผนรุ่นแรก หลวงปู่แผ้ว ผลปัญฺโญ สำนักสงฆ์บ้านใสหลวง จ.พัทลุง พิมพ์เล็ก ฝังอุดทองเหลือง ตอกโค๊ต มีเลขทุกองค์ ปี 2558 กล่องเดิม ปิดรายการครับ

​

มวลสารในการจัดสร้าง ขุนแผนรุ่นแรก ลูกอมรุ่นแรก หลวงปู่แผ้ว ผลปัญฺโญ สำนักสงฆ์บ้านใสหลวง
มวลสารสำคัญที่ใช้จัดสร้าง มีดั่งนี้
- หลวงพ่อฮก วัดท่าข้าม รุ่นแรก (กรุคอหงส์)
- มหาว่าน ขอ พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ ปี 2500
- พระปิดตา พ่อท่านเจิม วัดหอยราก ปี 2499
- พระปรกโพธิ์ พ่อท่านเจิม วัดหอยราก ปี 2499
- เนื้อว่านสบู่เลือดรุ่นแรก หลวงพ่อจุล วัดลานแซะ
- ลูกอม พระอาจารย์คลังแสง สำนักสงฆ์เขากุฏิ
- พระปิดตา หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน ปี 2511
- เนื้อว่าน หลวงพ่อทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ปี 2511
- สีผึ้ง หลวงพ่อทอง วัดเขาป้าเจ้
- มวลสารต่างๆ 108 ชนิด
- ดินอาถรรพ์ 7 ป่าช้า
- ไม้เทพทาโร
- ผงธูป (หลายวัด)
- มวลสารต่างๆ จากหลายๆจังหวัด
- เกษรดอกไม้ ที่ได้ทำพิธีปลุกเสก มาแล้วหลายพิธี

 

99. ชุดวัตถุมงคล เหรียญหล่อพุทธรักษา “ชินบัญชร” จัดสร้างจำนวน 245 เหรียญ (เป็นเนื้อชนวนโลหะทั้งหมด) ให้บูชา ชุดละ 450 บาท (ได้รับ 3 เหรียญ)

​

 

100. ตะกรุดมหามงคล "ชินบัญชร" ภายในบรรจุจารอักขระภาษาขอมบาลี อักษรย่อ 15 ตัวพระคาถาชินบัญชร ให้บูชา 350 บาท ขนาดความยาว 2 นิ้ว (นำเข้าพิธีเสกพร้อมกับเหรียญหล่อพุทธรักษา “ชินบัญชร”) คุณshaj จองครับ

​

 

ขอจองครับ

 

101.พิธีดี มวลสารดีมาก พระกริ่ง "ภะคะวา" สับตะ ทัพพะ ให้บูชา 350 บาท

พระเกจิเถรจารย์ที่ร่วมอธิษฐานจิต



ชนวนมวลสารแผ่นจารจากพระเกจิเถรจารย์




​

ความหมายของคำว่า "ภะคะวา" และ "สับตะ ทัพพะ" ตามนัยยะและความหมายของสูตร "ตำราพระกริ่งภะคะวา(ฉบับเก่า)"

....คำว่า "ภะคะวา" คำนี้มาจากตามพระบาลีจะหมายถึง "ผู้โชคดี" ซึ่งในตำราครูบาอาจารย์ท่านให้หมายถึง "พระพุทธเจ้า" ที่พระองค์ทรงพระคุณอันประเสริฐ กล่าวโดยนัยยะคือ โชคดีที่หนึ่งพระองค์เกิดมาในชาติตระกูลอันมีฐานะดีอุดมเพียบพร้อมด้วยบุญญาบารมี โชคดีที่สองพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิ์สัตว์มาหลายภพชาติจนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าและนำพาสัตว์โลกให้พ้นภัยจากวัฏสงสาร และทรงจำแนกสัตว์และสอนสัตว์โลกให้ประเสริฐขึ้นมาเป็น "อริยะสงฆ์" หรือ "อริยะบุคคล" หลุดพ้นขึ้นมาได้ ดังนี้จึงกล่าวว่า ภะคะวา "เป็นผู้โชคดี"

....แลนัยยะทางโลกคำว่า "ผู้โชคดี" หมายถึง ผู้ใดที่ได้ระลึกนึกถึงคุณแห่งพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ ผู้นั้นก็จะเป็นผู้โชคดี เพราะด้วยเหตุที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้โชคดีเป็นประการอยู่แล้ว การที่ผู้หนึ่งผู้ใดระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ "ย้อมเข้าสู่กระแสแห่งพระพุทธเจ้า กระแสธรรมของพระองค์ก็จะย้อนกลับมายังผู้ที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ บุคคลนั้นย้อมได้รับกระแสแห่งธรรมอันโชคดีนั้นด้วย..." จึงถือเป็นผู้โชคดีขึ้นมาโดยนัยยะนี้ด้วยนนั้นเอง

......คำว่า "สับตะ ทัพพะ"....โดยนัยยะหมายถึง
- สับตะ หมายถึง เจ็ด
- ทัพพะ แปลภาษาบาลี หมายถึง ทรัพย์หรือสมบัติ

"สับตะ ทัพพะ" จึงหมายถึง ทรัพย์เจ็ดประการ อันหมายถึงทรัพย์ของพระมหาจักรพรรดิ 7 ประการนั้นเอง คือ

จักรแก้ว
เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสง สว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดี ลอยไปยัง ประเทศ ต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่อง บรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงไม่รับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้(ความหมายตามนัยยะ จักรแก้ว เปรียบเหมือนมีตบะบารมีอันมาก เป็นที่หน้าเกรงขามอำนาจวาสนา พวกนี้ดีกับคนทำงานราชการ ท่านว่าไว้)

ช้างแก้ว
ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้า จักรพรรดิ ไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลา เสวยพระกระยาหารเช้า(ความหมายตามนัยยะ ช้างแก้วเปรียบเทียบก็เหมือนมีกำลังกาย กำลังใจที่ดี เหมือนช้างที่มีพละกำลังอันมากมหาศาล)

ม้าแก้ว
ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศ ได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า(ความหมายตามนัยยะ ม้าแก้วเปรียบไปก็เหมือนเร่งความเร็ว เร่งความปรารถนา เร่งคำอธิษฐานให้สำเร็จได้เร็วฉันใด ก็ฉันนั้นที่ว่าม้าวิ่งได้รวดเร็ว)

มณีแก้ว(แก้วสารพัดนึก)
มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ให้เกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีป โดยไม่ต้อง
ทำ มาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณี ไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวก สบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน(ความหมายตามนัยยะ แก้วสาพัดนึก อันนี้เปรียบได้สำคัญมาก ว่าไปเหมือนดวงปัญญา ให้เป็นผู้มีปัญญาฉลาดหลักแหลม เหมือนดวงพระปัญญาแห่งพระพุทธเจ้า)

นางแก้ว
นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณ เปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาสุภาพ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอม ฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติ พระเจ้า จักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยรับฟังคำสั่ง ของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ(ความหมายตามนัยยะนางแก้วเปรียบไปก็เหมือน มีคู่ครองที่ดี มีบุตรที่ประเสริฐมีครอบครัวที่ดี ญาติพี่น้องที่ดี)

ขุนคลังแก้ว (คฤหบดีแก้ว)
คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหนก็เห็นไปหมด(ความหมายตามนัยยะขุนคลังแล้วเปรียบไปก็เหมือนมีทรัพย์อันประเสริฐ มีโภคทรัพย์อันไพบูลย์ )

ขุนพลแก้ว (ปริณายกแก้ว)
ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ(ความหมายตามนัยยะขุนพลแก้วเปรียบแล้วมีบริวาลเพื่อนฝูงที่ดี เกื้อหนุนอุปถัมภ์ค้ำชู)

พระกริ่งชุดนี้ทางคณะได้ขออนุญาต "ท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี"(อาจารย์ฆราวาสสายวัดประดู่ทรงธรรม) จัดสร้าง โดยมีจุดประสงค์เพื่อหาปัจจัยเข้ามูลนิธิของทางท่านอาจารย์(ที่คณะศิษย์ดูแลอยู่) ตลอดจนปัจจัยถวายวัดร่วมการกุศลต่างๆ(วัดศรีสุทธาวาส)

...ทางท่านอาจารย์ก็กรุณาอนุญาตให้จัดสร้างได้และได้มอบแผ่น "ยันต์มหาจักรพรรดิตราธิราช" สายวัดประดู่ทรงธรรมที่ผ่านพิธีมาหลายพิธีมอบมาให้ 1 แผ่นขนาด 8x8 นิ้ว และแผ่นโลหะปั้มหลวงปู่ชอบ ฐานสโมปี 2537(หลวงปู่อธิษฐานจิต) และแผ่นชนวนครูบาอาจารย์ทั้งเก่าและใหม่ของเมื่อเลยอีกจำนวนหนึ่ง

...โดยทางคณะได้จัดสร้าง นำพระกริ่งใหญ่วัดสุทัศน์มาถอดพิมพ์ ซึ่งด้านหลังจะมีคำว่า สท.(สุทัศน์) โดยเดิมทีทางคณะจะนำไปลบออกก่อนนำมาถอดแบบแต่ท่านอาจารย์บุญเลิศบอกว่า "ไม่ต้องลบ เพราะท่านจะใช้เคล็ดนี้ ให้กระแสพลังงานน้อมไปให้หมายถึงคำว่า "สับตะ ทัพพะ"(ส.ท.)แทน" ซึ่งหมายถึงสมบัติจักรพรรดิตามที่ได้กล่าวไปแล้วในเบื่องต้น

พิธีนี้เป็นตำราเดียวกันกับการสร้าง "มีดหมอ" สายวัดประดู่ทรงธรรม โดยท่านอาจารย์บุญเลิศท่านบอกว่า "การสร้างพระกริ่งภะคะวา ไม่เหมือนสร้างพระกริ่งชินบัญชร พระกริ่งภะคะวาไม่ได้บังคับชนวนมวลสารเหมือนกริ่งชินบัญชร แต่จะบังครับฤกษ์ยามและพิธีกรรม(แช่น้ำมนต์) เพื่อให้เกิดพลังงานเย็นเป็นสำคัญ"

....พลังงานเย็นเป็นพลังงานเกี่ยวกับการรักษาโรค ด้านเมตตา ด้านภาวนา(ใช้กำสวดมนต์)เป็นสำคัญ พระกริ่งนี้จะหนุนธาตุได้ดี และการนำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ แต่พระกริ่งภะคะวาจะบังครับว่าต้องมี "ตัวอักษร" ที่เป็นรูปลักษณ์เป็นสำคัญ ท่านจึงให้ลูกศิษย์ตอกโค๊ตคำว่า "ภะคะวา" ไว้ใต้ฐานทุกองค์เพื่อเป็นแทนรูปลักษณ์ อนึ่งคือเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ต่อไปในอนาคตด้วย(จะได้รู้ความหมายพระกริ่ง)

....โดยท่านกล่าวว่า การทำพิธีบูชาพระนั้น ต้องทำพิธีบูชาพระบอกกล่าวเทวดา เทพพรหมตลอดจนภาวนาคาถาธรรมบท 7 ประการและต้องจารแผ่นเงินแท้ๆ ด้วยยันต์พระมหาจักรตราธิราช(อิติปิโสรัตนมาลา108) เพื่อวางเป็นพื้นบนขันน้ำมนต์(เป็นการสื่อถึงสมบัติจักรพรรตราธิราช7ประการ)
นำพระกริ่งทั้งหมดวางลงไปในขันน้ำมนต์ และปิดด้วย "ยันต์อัปปมาโณพุทโธใหญ่" วางบนพระกริ่งทั้งหมดก่อนจะนำไปใส่น้ำมนต์ และทำพิธีต่อไป

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ

 

102.ล็อกเก็ต รุ่นแรก หลวงปู่เทือง ญาณธโร วัดโพธิ์ชัย ให้บูชาชุดละ 450 บาท (ได้รับ 2 องค์) สร้างน้อยมาก 100 องค์

***ด้านหลังบรรจุมวลสารผงพุทธคุณ + ผงจักพรรดิ์ ปิดด้วยแผ่นทองแดง

​

 

แนะนำพระดีที่น่าบูชา : นางพญากรุดอนลาน พระดีที่หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร นำมาแจกศิษย์และแนะนำให้แขวนติดตัว

​

จากที่บอกไว้ว่าจะนำของวิเศษที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดินหน จึงขอนำมากล่าวถึงให้ท่านที่เคารพศรัทธาได้ทราบกัน พระเครื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่เดินหน คือ ในงานทำบุญประจำปีในปีหนึ่งราวปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ปีนั้นศิษย์ของหลวงปู่เดินทางมาร่วมงานกันล้นหลาม หลวงปู่ท่านเห็นศิษย์มากันมากมาย ทั้งร่วมแรงกายใจเตรียมการบุญอย่างสุดกำลัง ท่านเห็นในความตั้งใจของศิษย์ทุกฅนที่ร่วมทำบุญ ในปีนั้นท่านอาจารย์สุวัฒน์ทำบุญใหญ่ถวายหลวงปู่ จัดการนิมนต์พระมาจากหลายจังหวัดทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยนิมนต์พระสงฆ์มาเพื่อฉันภัตตาหารเพลจำนวน ๑๗,๐๐๐ รูป สามเณรอีก ๒,๐๐๐ รูป เรียกว่าเป็นงานบุญใหญ่เป็นประวัติการของสมัยนั้น ถึงขนาดมีการลงหนังสือพิมพ์เป็นข่าวหน้าหนึ่งเลยทีเดียว

ในปีนั้นลูกศิษย์มากันมากมายนับพันฅนที่มาร่วมงาน หลวงปู่ท่านเห็นในความตั้งใจที่ศิษย์ต่างมาช่วยเตรียมงาน ในคืนวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ มีการอัญเชิญหลวงปู่เข้าประทับทรง เมื่อหลวงปู่เดินหนเข้าประทับทรงแล้วท่านได้พูดออกเครื่องขยายเสียง เพราะจำนวนศิษย์ที่มากันมากมายเหลือเกินในปีนั้น ห้องที่เคยใช้รับศิษย์ไม่อาจเปิดรับศิษย์ได้หมด หลวงปู่ท่านพูดออกเครื่องขยายเสียงขอบคุณเหล่าศิษย์ที่ตั้งใจประกอบการบุญ ในคืนนั้นดูหลวงปู่ท่านมีความสุขและตื้นตันอย่างเห็นได้ชัด หลวงปู่ท่านเห็นศิษย์มากันมากทั้งตั้งใจจึงอยากตอบแทน หลวงปู่ท่านได้ใช้ผ้าขาวคลุมลงไปที่พื้นเบื้องหน้า แล้วเห็นท่านสวดภาวนาเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วดึงผ้าขาวเปิดขึ้นมาก็เห็นห่อผ้าขาวเก่าคล่ำห่อหนึ่ง หลวงปู่ให้ศิษย์เปิดไฟฉายเอาไว้ทุกฅนเห็นว่าในห่อผ้านั้นมีพระเครื่องอยู่เต็ม พระเครื่องนั้นมีทั้งเนื้อสีเทาอ่อนและเทาเข้ม ทั้งมีสีแดงส้มปะปนกันนับร้อยนับพันองค์

หลวงปู่เดินหนบอกว่าพระนี้เป็นพระของเก่า แท้เป็นพระที่เสกมาอย่างดี มีคุณทางเมตตาและอำนวยโชคลาภทั้งหนุนเนื่องวาสนาไม่ให้ตกต่ำเศร้าหมอง หากบูชาให้ดีสวดมนต์ภาวนาทำบุญกุศลสม่ำเสมอจะร่ำรวย บังเกิดมีโชคลาภสมควรกับวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลที่สั่งสมมาไม่เท่ากัน ท่านว่าหากบูชาแล้วทั้งใจปฏิบัติดีและมุ่งมั่นประกอบสัมมาอาชีพก็จะเจริญ โดยพระนี้เมื่อหลวงปู่เดินหนเรียกมาแล้วท่านว่าไม่ต้องปลุกเสกซ้ำ เพราะเสกมาดีแล้วทั้งจากผู้ที่เสกมาแต่เดิม และท่านอาจได้ปลุกเสกซ้ำให้แล้วก่อนจะเรียกมาแจกแก่เหล่าศิษย์ หลวงปู่เดินหนกล่าวย้ำว่าของเดิมเขาก็เสกมาดีมากแล้ว ให้ไปเลี่ยมทองแขวนคอเลยอย่านำไปเก็บไว้บนหิ้งเฉย ๆ แบบนั้นจะไม่มีผล ให้แขวนบูชาติดตัวไว้ไปไหนมาไหนอาราธนาบอกกล่าวให้ดี จะปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ทั้งมีกระแสเมตตาเกิดขึ้นแก่ผู้บูชา

เหล่าศิษย์นึกแปลกในว่าตามปกติเมื่อหลวงปู่แจกของไม่เคยสั่งให้เลี่ยมทอง แต่คราวนี้ท่านกล่าวย้ำหลายครั้งว่าเอาไปเลี่ยมทองใส่แขวนคอนะ ทั้งการแจกพระชุดนี้ท่านให้เฉพาะผู้เข้ารับเท่านั้น จะขอไปเผื่อใครไม่ได้ท่านว่าใครจะเอาเข้ามารับเอง ศิษย์จำนวนมากคลานเข้าไปรับพระทีละฅน กินเวลานานนับชั่วโมงกล่าวจะแจกพระให้เหล่าศิษย์ได้ครบ หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระนี้ฅนเขาไม่รู้ค่าว่าเป็นพระดี เพราะพระนี้สร้างจำนวนมากเขาจึงมองเลยผ่าน ซึ่งหลวงปู่ท่านกล่าวหนักแน่นว่าพระนี้ดีบูชาไว้กับตัวอย่าไปสนใจใคร หากหวังพึ่งพาอำนาจพุทธคุณเชื่อมั่นว่าดีแน่นอน ในคืนนั้นเมื่อแจกพระแก่เหล่าศิษย์ครบแล้วยังเห็นมีพระเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ศิษย์ที่เห็นได้คลานเข้าไปกราบขอพระเพิ่มเติม แต่หลวงปู่ท่านปฏิเสธแล้วกล่าวว่า **เอามาแจกแค่พอครบฅน ที่เหลือเอากลับไม่ให้ใครแล้ว อยากได้ต่อไปหาเอาเอง พระลักษณะแบบนี้ไปหาเอาดีเหมือนกัน** พูดจบท่านก็ให้ศิษย์มัดห่อผ้าจนแน่น แล้วหลวงปู่ก็ใช้ผ้าขาวคลุมห่อผ้านั้นครู่หนึ่ง แล้วเปิดผ้าขาวดึงผ้าเปิดออก อัศจรรย์เมื่อห่อผ้านั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าหายไปทางไหนกลับไปที่ใด เพราะหลวงปู่ท่านไม่ได้บอกและไม่มีใครกล้าถาม

พระเครื่องที่หลวงปู่เดินหนแจกในคืนนั้น คือ พระนางพญากรุดอนลาน จังหวัดสุโขทัย พระเครื่องชุดนี้ทราบว่าแตกกรุมานับหมื่นองค์ ทั้งไม่มีใครรู้ประวัติการสร้างจึงไม่เป็นที่นิยมเชิงพุทธพาณิชย์ แต่ศิษย์ในสายหลวงปู่เดินหนเมื่อไปพบพระดังกล่าวมักเช่าหาเก็บไว้ ด้วยทราบดีว่าพระดังกล่าวเป็นพระดี เป็นพระที่หลวงปู่เดินหนออกปากชมว่าขลัง ซึ่งพระนางพญากรุดอนลานนี้อยากกล่าวเสริมซักนิดว่า ในอดีตเคยมีศิษย์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม นำพระชุดนี้มาถวายท่าน หลวงพ่อกวยจึงนำมาปลุกเสกแจกศิษย์ สมัยก่อน อาจารย์สมจิตรเขียนว่าเป็น **พระพิมพ์เม็ดบัว** ซึ่งก็คือพระนางพญากรุดอนลานนี้เอง พระชุดที่หลวงพ่อกวยเสกนี้ตกค้างอยู่ที่วัดโฆสิตารามจนปี พ.ศ. ๒๕๓๕- ๒๕๓๖ มีผู้ไปทำบุญออกมาจากวัดจนหมด และทราบว่าในสมัยก่อนศิษย์หลวงพ่อกวยอย่าง หลวงพ่อเฟื่อง วัดบางสำราญ จังหวัดสิงห์บุรี เคยได้พระนางพญาดอนลานชุดนี้ พร้อมพระเนื้อดินหลายพิมพ์ เช่น พระลีลาลิ้นเป็ด, พระขุนแผน, พระร่วงอุ้มบาตรถอดพิมพ์ ฯลฯ ไปจากหลวงพ่อกวยเพื่อไปออกให้ทำบุญที่วัดบางสำราญ

 

103.พระปิดตามหาลาภ รุ่นเสาร์ 5 หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง ปี 2536 ปิดรายการครับ

​

 

104.พระกริ่ง "โภคทรัพย์" หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต เมตตาอธิษฐานจิต + ตะกรุดนะสิวลีเสริมลาภ ให้บูชา 450 บาท คุณshaj จองครับ

​

- ยันต์ "นะโภคทรัพย์" ที่นำมาประทับไว้ที่องค์พระ เป็นสูตรยันต์นะที่เก่าแก่โบราณที่ใช้กันมานานแล้ว ทั้งสายวัดสุทัศน์ (สมเด็จพระสังฆราชแพ) ท่านก็นำยันต์นี้ประทับใต้ฐานพระกริ่งรุ่นโภคทรัพย์ของท่านเช่นกัน เพราะเชื่อกันว่ามีพุทธคุณดีเด่นทางด้านโภคทรัพย์โดยตรง เพราะคำว่า
** โภคะ - ถ้าเป็นคำนาม หมายความว่า "สมบัติ" หรือ ถ้าเป็นคำกิริยา ก็หมายถึงว่า "การบริโภค" หรือการนำเข้ามา บวกกับคำว่า ทรัพย์(ซึ่งแปลว่าของมีค่า) จึงหมายความรวมกันว่า "การนำเข้ามาซึ่งของมีค่า" หรือ "การมีให้มากซึ่งทรัพย์สมบัติ" ในความหมายนั้นเองครับ

.....- ยันต์ "นะ ชา ลี ติ" ซึ่งเป็นยันต์หัวใจพระสิวลี เป็นยันต์ที่โบราณจารย์ใช้เพื่อการ เน้นพุทธคุณด้าน หนุนดวง หนุนโภคทรัพย์โดยตรง โดยมีความหมายถึง "องค์พระสิวลี" ซึ่งท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็น "เอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก" ดังนี้เองโบราณจารย์ท่านจึงเขียนผูกตัวอักษรดังกล่าวขึ้นเพื่อน้อมนำพลังงานด้านลาภสักการะ แห่งองค์พระสิวลี เพื่อน้อมนำมาเกื้อหนุนในด้าน มีลาภโดยตรง เพราะในสมัยพุทธกาลเมื่อพระสิวลีไปที่ใด ที่นั้นจะไม่มีความอดอยาก จะพรั่งพร้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ แม้ถิ่นนั้นจะทุรกันดาร เพียงใดก็ตาม.....

***ตะกรุดที่นำมาบรรจุภายใน คือ เป็นตะกรุดที่ทำจากเงินแท้ๆ ทำเป็นตะกรุดขนาดเล็กๆ(ตะกรุดสาริกา) คล้ายๆเม็ดอุด ภายในตะกรุดบรรจุยันต์ "หัวใจพระสิวลี" เพื่อเป็นการเสริมด้านโภคทรัพย์ เมื่ออยู่ภายในจะดังพร้อมๆกับเม็ดกริ่ง(ซึ่งโบราณเชื่อว่าพระกริ่ง ที่ทำให้มีกริ่งดัง เพราะเหมือนกับเสียงอวยพรจากองค์พระ) ดังนั้นเมื่อบรรจุตะกรุดพระสิวลีลงไปด้วยก็เท่ากับว่า "กริ่งดังเมื่อใด ก็เหมือนหนึ่งได้รับพรด้านมหาลาภเมื่อนั้น"
ตะกรุดนี้นอกจากจะลงยันต์หัวใจพระสิวลีแล้ว ยังต้องมีบทสวดกำกับก่อนด้วยซึ่งคาถาที่นำมากำกับ ก็คือคาถา "ขอพรพระสิวลี" โดยตรง คือ"สิวลี จะ มหาเถโร อะหัง วันทามิ สัพพะโส ประสิทธิลาโภ ภะวันตุเม" แปล ข้าพเจ้าขอนอบน้อมคุณวิเศษแห่งองค์พระสิวลี ทั้งหลายโปรดเมตตาประทานลาภสักการะ ให้เกิด ให้มี แก่ตัวข้าพเจ้าผู้น้อมบูชาด้วยเทอญ...แล้วนำตะกรุดเงินทั้งหมดไปขอเมตตาหลวงพ่อท่าน อธิษฐานจิตเสริมพลังงานพุทธคุณอีกครั้ง

- พลอยถือเป็นของมีค่า เป็นสื่อถึงพลังงานแทนอัญมณีอันมีค่าทั้งหมด ให้เกิด ให้มีแก่ผู้บูชา และได้เมตตาธรรมหลวงพ่อท่านอธิษฐานจิตอีกครั้งแล้วนับว่า หาค่าประมาณมิได้ ซึ่งทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลสูงสุด

 

ขอจองครับ

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ