**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Lo_olLo, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. สิริพงษ์

    สิริพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +391
    ขอบูชาเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์ 10 เหรียญครับ
     
  2. pcharn

    pcharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2013
    โพสต์:
    2,523
    ค่าพลัง:
    +3,000
    ร่วมบุญจองเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์ 10 เหรียญครับ
     
  3. อาทิตย์03

    อาทิตย์03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +788
    ร่วมทุน 10.เหรียญครับ
     
  4. พลานุภาพ

    พลานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +266
    ร่วมบุญ 10 เหรียญครับ
     
  5. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ขออนุญาตปิดร่วมบุญ
    รับเหรียญเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์
    *****
    พระจะภะกะสะ5.jpg

    *****
    - Cajun 10
    - somsakasat 10
    - api_suphot 10
    - popularity 10
    - lerd 10
    - SIR2010 10
    - goodlook 10
    - birdyik 10
    - สิริพงษ์ 10
    - pcharn 10
    - อาทิตย์03 5

    *************
    ต้องขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านดังนี้ด้วยนะครับ
    และขอความกรุณาท่านสมาชิก อย่าเพิ่งโอนปัจจัยนะครับ
    แล้วเดียวผู้เขียน จะเรียนแจ้งให้ท่านสมาชิกทุกท่านทราบการโอนปัจจัยอีกครั้งครับ ส่วนท่านสมาชิกที่จองไม่ทันถ้ามีหลุดจองแล้วจะแจ้งให้ท่านสมาชิกลำดับถัดไปทราบต่อไปนะครับ

    และต้องขออภัยท่านสมาชิกที่จองไม่ทันด้วยนะครับ เนื่องจากพระชุดนี้สร้างจำนวนที่จำกัดมากๆครับ(จำนวน108เหรียญ) ดังนั้นจำนวนจองอาจจะไม่ทั่วถึงกันครับ เลยต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

    เพียงท่านมีจิตอันเป็นกุศล กุศลบุญนี้ก็ได้สำเร็จแก่ท่านสมาชิกทุกท่านแล้วครับ
    ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ



    จุดประสงค์หลักในการจัดสร้างพระชุดนี้คือ
    1.สร้างเพื่อสืบวิชาแบบโบราณจารย์ในอดีต
    2.ปัจจัยส่วนนี้น้อมถวายวัดภูหงษ์สร้างกำแพงวัด และนำปัจจัยส่วนหนึ่งจัดสร้าง "รูปหล่อพระสังกัจจายนะขนาดเล็ก" เพื่อถวายวัดนำแจก(หรือออกให้บูชา) ถือเป็นการต่อยอดบุญไปอีกทาง เพราะผู้เขียนเคยนำปัจจัยครั้งสร้างเหรียญ "รัตนมาลาตรัยโลกนาถ" ไปถวายจำนวนหนึ่งและมอบเหรียญชุดนั้นถวายวัด 20 เหรียญ(เนื้อทองเหลือง) ปรากฏว่ามีผู้ทราบข่าวไปขอทำบุญกับวัดเห็นว่าได้เงินหมื่นกว่าบาท(ซึ่งได้มากกว่าที่ถวายด้วยครับ) ผู้เขียนจึงเห็นว่า "ถ้าสร้างพระสักชุดถวายก็ถือว่าได้ต่อบุญไปอีกทาง" คือน้อมถวายปัจจัยส่วนนี้แล้ว วัตถุมงคลคที่จัดสร้างก็ยังกลายเป็นปัจจัยสมทบอีกด้วยครับ ก็ถือว่าวัดได้ปัจจัยถึง 2 ต่อมากกว่าเดิมครับ
    ****************************
    thumbnail_20250707_132741.jpg
    *************
    ...และขออนุญาตนำเรียนท่านสมาชิกเรื่อง "รูปหล่อพุทธประทานพร"
    ในวาระกระทู้เดียวกันนี้เลยครับ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่บุญฤทธิ์ ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ แต่ผู้เขียนไม่ได้กราบเรียนท่านว่าจะมารับพระคืนนะครับ(แต่ใจจริงๆก็เข้าใจว่าท่านอาจจะอธิษฐานจิตเสร็จแล้วเลยจะเข้าไปเอา) แต่เมื่อถวายของเสร็จท่านมองหน้าผู้เขียนแล้วกล่าวว่า(เป็นภาษาอีสาน) "เอาไว้นี้ก่อนจักหน่อย วันพระจังมาเอา"(เอาไว้นี้สักระยะ วันพระค่อยมาเอา) ผู้เขียนจึงสนทนากับท่านสักระยะก่อนจะกราบนมัสการลากลับครับ

    ...คือตรงนี้ผู้เขียนขอเรียนให้ท่านสมาชิกทราบครับว่า "การอธิษฐานจิตวัตถุมงคลใดๆก็แล้วแต่ ต้องอยู่ในพิสัยและอัธยาศัยของครูบาอาจารย์ ที่ท่านเห็นสมควรด้วยครับ(บางครั้งท่านอธิษฐานจิตแปบเดียวแต่บางครั้งนานแรมปี) โดยเฉพาะพระที่สร้างตามตำราแบบนี้ครูบาอาจารย์ท่านจะพิจารณาข้ออรรถข้อธรรมเป็นพิเศษ(การเจริญวิปัสสนา) จึงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร(เพราะพระชุดนี้ต้องมีพุทธคุณครอบคลุมได้ทั้งเคหะสถานบ้านเรือนทั้งหมด) ดังนั้นวันพระหน้าผู้เขียนจะได้เข้ากราบนมัสการท่านอีกครั้ง เพื่อขอรับพระพุทธประทานพร ต่อไปนะครับ ของดีขอให้รออีกสักระยะเวลาหนึ่งนะครับ"
    จึงเรียนแจ้งมาเพื่อสมาชิกทุกท่านทราบครับ
    ขอบคุณครับ
     
  6. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,464
    ค่าพลัง:
    +1,233
    ร่วมบุญ 10 เหรียญครับ
     
  7. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ท่านสมาชิกที่ร่วมบุญบูชา เหรียญเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์
    สามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ

    *****

    พระจะภะกะสะ5.jpg
    *****
    - Cajun 10
    - somsakasat 10
    - api_suphot 10
    - popularity 10
    - lerd 10
    - SIR2010 10
    - goodlook 10
    - birdyik 10
    - สิริพงษ์ 10
    - pcharn 10
    - อาทิตย์03 5

    *************
    ต้องขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านดังนี้ด้วยนะครับ
    และท่านสมาชิก สามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ

    พระชุดนี้หลังจากหล่อเสร็จจะนำเข้าพิธีบรรจุดวงธรรม
    ซึ่งเป็นพิธีเฉพาะตำรา "ยันต์วิชาธาตุกรณีย์" ที่สำนักท่านอาจารย์บุญเลิศ
    และ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานเมตตาอีกหลายวาระครับ(อย่างน้อย 4 วาระ)


    ****************************
    1753963792380.jpg
    โค๊ตดอกบัว 8 กลีบ(บัวบาน) นี้จะตอกโค๊ต
    รูปหล่อพระพุทธประทานพร

    "ผู้เขียนได้รับแจ้งจากพระที่วัดป่าสัมมานุสรณ์แล้วครับว่า หลวงปู่บุญฤทธิ์ให้โทรมาบอก ให้คณะและผู้เขียน เข้าไปรับรูปหล่อพระพุทธประทานพรได้แล้ว(หลังจากที่อธิษฐานจิตตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.เป็นต้นมา) ในวันอาทติย์นี้ และวันจันทร์จะเข้าพิธีไหว้ครูบูชาพระตามตำราบวงสรวงของครูบาอาจารย์ โดยท่านอาจารย์บุญเลิศ 1 คืน วันอังคารเริ่มทยอยจัดส่งให้ทุกท่านที่ร่วมบุญต่อไปครับ(พร้อมใบแนบในการบูชา)..."

    843fc503b86fd5915f7b99a3fec67d20.jpg


    จึงเรียนแจ้งมาเพื่อสมาชิกทุกท่านทราบครับ

    ขอบคุณครับ
     
  8. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ท่านสมาชิกที่ร่วมบุญบูชา เหรียญเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์
    สามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ

    *****
    พระจะภะกะสะ5.jpg

    *****
    - Cajun 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - somsakasat 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - api_suphot 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - popularity 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - lerd 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - SIR2010 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - goodlook 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - birdyik 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - สิริพงษ์ 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - pcharn 10 โอนปัจจัยแล้ว
    - อาทิตย์03 5 โอนปัจจัยแล้ว

    *************
    ต้องขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่านดังนี้ด้วยนะครับ
    และท่านสมาชิก สามารถโอนปัจจัยได้เลยนะครับ

    พระชุดนี้หลังจากหล่อเสร็จจะนำเข้าพิธีบรรจุดวงธรรม
    ซึ่งเป็นพิธีเฉพาะตำรา "ยันต์วิชาธาตุกรณีย์" ที่สำนักท่านอาจารย์บุญเลิศ
    และ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานเมตตาอีกหลายวาระครับ(อย่างน้อย 4 วาระ)

    ****************************
    จึงเรียนแจ้งมาเพื่อสมาชิกทุกท่านทราบครับ
    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2025
  9. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    thumbnail_20250802_204257.jpg
    พิธีบรรจุดวงธรรมคืออะไร
    **********
    ....ผู้เขียนได้มีโอกาส สนทนากับท่าน อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี เมื่อนานมาแล้วในเรื่องของ "พิธีบรรจุดวงพระธรรม" ผู้เขียนมีความสงใสว่าคืออะไร เห็นท่านปรารภหลายครั้งก่อนสร้างเหรียญยันต์วิชาธาตุกรณีย์ (จะภะกะสะ) ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า

    ....สมัยก่อนใครจะไปร่ำเรียนวิชาในสายวัดประดู่ทรงธรรม ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านจะพิจารณาอุปนิสัยของคนนั้นๆก่อน ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ว่ามีอุปนิสัยใจคออย่างไร พอจะมีวาสนาทางนี้ไม เป็นคนมีศีลธรรม คุณธรรมพอหรือป่าว ไม่ใช่ว่าใครอยากเรียนอะไรก็เสียตังเข้าคอร์สเรียนได้เลยเหมือนทุกวันนี้(ท่านพูดไปพรางหัวเราะพราง) เพราะในบรรดาสรรพวิชาที่มีมายมายหลายแขนงนั้น ไม่ใช่ว่าคนๆนึ่งจะเรียนได้ทั้งหมด บางวิชาไม่เหมาะสมกับวาสนา ก็ทำไม่ได้เรียนไม่ขึ้นก็มี

    482973007_9652099278175867_1616839805021570749_n.jpg

    ....หลังจากที่ครูบาอาจารย์ท่านพิจารณาอุปนิสัยแล้วเห็นสมควร ท่านจะกำหนดฤกษ์ยามตามสมควรเพื่อให้ทุกคนที่ผ่านการพิจารณา "เข้ารับกรรมฐาน หรือเรียนว่าขึ้นกรรมฐาน" โดยจะทำพิธีกันในโบสถ์ มีบายศรีครูและแต่งขันธ์บูชาครู บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และบูชาครูกรรมฐาน ครูบาอาจารย์ท่านก็จะให้สวดรับพระเข้าตัวและแนะนำอุบายวิธีภาวนา และมีการสอบอารมณ์กรรมฐานด้วยในทุกๆสัปดาห์ เมื่อสอบอารมณ์กรรมฐานผ่านแล้ว "ครูบาอาจารย์ท่านจึงจะสอนวิชาต่างๆให้" ซึ่งกว่าจะได้เรียนวิชาได้ บางคนกินระยะเวลาไปเกือบ 3 ปีถึงสอบอารมณ์กรรมฐานผ่าน ท่านจึงจะสอนวิชาให้

    518058741_10161191324666922_8510615698528431528_n.jpg
    อาจารย์จาบ สุวรรณ (ก๋งจาบ)

    ....ซึ่งตรงนี้เองในการเข้ารับองค์กรรมฐาน หรือที่เรียกว่าขึ้นกรรมฐาน ถ้าเป็นสายวัดประดู่ทรงธรรมแท้ๆ "ท่านจะให้กรรมฐานลักษณะเพ่ง ส่วนใหญ่ขึ้นเพ่งยันต์ต่างๆที่ครูบาอาจารย์กำหนดไว้ให้เกิดอารมณ์ฌานเป็นนิมิตร" แต่ว่าต่อมา "ท่านอาจารย์จาบ สุวรรณ ครูกรรมฐานวัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้ร่ำเรียนวิชากรรมฐาน 9 ห้อง จากหลวงพ่อม่วง วัดโบสถ์" ท่านจึงได้นำมาสอนเป็นองค์กรรมฐานแทนสูตรเดิม เมื่อศิษย์ที่เข้าพิธีขึ้นกรรมฐานแล้ว ก็จะต้องรักษาองค์กรรมฐานนั้นไม่ให้ขาดหรือเสื่อมไป โดยต้องมีสัจจะและศีลเป็นองค์ประกอบ และให้ประครองใจให้มั่นในองค์สมาธิโดยเฉพาะนิมิตรองค์กรรมฐานไม่ให้เสื่อมไป "คำว่าไม่ให้เสื่อมไปคือ กำหนดจิตเมื่อไรเห็นนิมิตรเมื่อนั้นลืมตาก็เห็น หลับตาก็เห็น" โดยจะประครองจิตไม่ให้นิมิตรเสื่อมไป ถ้าจะเปรียบเทียบก็คือ สายวัดปากน้ำ "หลวงพ่อสด ท่านก็สอนกรรมฐาน กดหนดจิตให้เพ่งลูกแก้วหรือองค์พระเป็นองค์นิมิตรให้เห็นเป็นองค์พระใสภายในกาย หรือที่เรียว่าวิชาธรรมกาย" ถ้าเป็นสายวัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) "ก็ให้เพ่งองค์พระพุทธรูปให้ใสเป็นสำคัญ(ในนิมิตรจิต) แล้วอาศัยกำลังพระท่านไปดูนรก สวรรค์ หรือพิจารณาธรรมให้หมดกิเลส ซึ่งท่านเรียกว่า วิชาการฝึกกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ" เป็นต้น

    ...แต่ตอนผม(อ.บุญเลิศ)ไปเรียนกับ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์สายวัดประดู่ เช่นกัน ท่านจะให้ผมขึ้นกรรมฐาน เพ่งจิตให้เห็นดวงแก้วใสๆ แล้วท่านให้รักษาแก้วนั้นไว้โดยท่านเมตตาให้อุบายว่า "ให้รักษาแก้วดวงธรรมไว้" ถ้ารักษาอารมณ์แก้วดวงธรรมนี้ได้ดี(เป็นนิมิตร) จะทำวิชาอะไรก็จะขึ้นก็จะขลังโดยผ่านแก้วดวงธรรมนี้ อาจารย์บุญเลิศเวลาท่านทำพิธีทุกครั้งท่านมักจะบอกว่า "กำหนดบูชาพระพุทธเจ้าผ่านแก้วดวงธรรม เพื่อบรรจุแก้วดวงธรรมนี้ลงในวัตถุมงคล" นั้นเองที่มาของพิธีบรรจุแก้วดวงธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2025
  10. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ...วันที่ 3 ส.ค. 2568 ทางคณะได้นำชนวนมวลสารแผ่นจารหล่อเหรียญวิชาธาตุกรณีย์ ตามสูตร ซึ่งวันนี้ฤกษ์ดีที่ท่านอาจารย์บุญเลิศให้มา หลังจากนี้โรงหล่อจะได้นำชนวนมวลสารทั้งหมดไปหล่อเหรียญต่อไปครับ
    ********

    **แผ่นจารบังคับ ประกอบด้วย**
    - 1.ยันต์วิชาธาตุกรณีย์ จะ ภะ กะ สะ(แผ่นยันต์เงิน ทองเหลือ และ ทองแดง)

    - 2.แผ่นจารภาษาบาลีบทธัมมจักกัปปวัตนสูตร
    - 3.ยันต์พระพุทธนิมิตร
    - 4.ตะกรุดพระพุทธเจ้า 28 พระองค์แบบเต็มสูตร

    thumbnail_20250719_144339.jpg

    484619584_9500260693352706_5386793940319877454_n.jpg

    484812623_9500260683352707_2032047827188159652_n.jpg

     
  11. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ...เช้าวันที่ 5 ส.ค. 2568 อาจารย์บุญเลิศได้ทำพิธี "ไหว้ครูบูชาพระ" เพื่อสมโภชรูปหล่อพระพุทธประทานพร ตามแบบตำราโบราณ มีการจัดตั้งบายศรีครู(ตั้งไหว้กลางแจ้ง) และท่านได้ทำพิธียาวนานกว่า 1 ชัวโมกว่า ผู้เขียนไปไม่ทันพิธีครับเพราะท่านเริ่มตั้งแต่ตี 4 แต่ไปถึงท่านก็เสร็จพิธีไปแล้วเลยขออนุญาตบันทึกภาพหลังพิธีมาให้ชมนิดหน่อยครับ

    ...ท่านบอกว่า
    "นิมิตรดีมากครูบาอาจารย์มาประสิทธิ์ให้เต็มกำลังเลยนะ" หลังจากนี้ผู้เขียนจะคัดแยกจำนวนก่อนนะครับ แล้วจึงจัดส่งให้สมาชิกทุกท่านต่อไปครับ

    thumbnail_20250805_052914.jpg

    thumbnail_20250805_052919.jpg

    ทุกองค์ตอกโค๊ตดอกบัวบานตรงฐานบัวนะครับ

    thumbnail_20250803_172253.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2025
  12. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ...วันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 7.00 น. ผู้เขียนได้ร่วมบุญเนื่องในงานบำเพ็ญกุศลทอดผ้าบังสุกุลถึงบรรพบุรุษ ซึ่งงานนี้ท่านหลวงพ่อพล แห่งวัดป่าภูหงส์เมตตาจัดขึ้นทุกปี และเป็นงานครบรอบวันเกิดของท่านด้วย ซึ่งท่านหลวงพ่อพลดำริว่า "ให้ถือว่าวันนี้เป็นการแสดงความกตัญญูถึงบรรพบุรุษของเราๆท่านๆที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ได้มาร่วมกันทำบุญให้ท่านเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา ญาติพี่น้อง ให้อุทิศบุญที่ตั้งใจมาทำครั้งนี้ให้สำเร็จแก่ท่านที่ล่วงลับไป โดยให้ถือการทำแบบพระป่า เรียบง่าย เหมือนสมัยที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ใหญ่ท่านพาทำ(หลวงปู่ใหญ่คือหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ คืออาจารย์ของท่าน)" หลังจากนั้นท่านก็นิมนต์ครูบาอาจารย์ทำ "บังสุกุลผ้าขาวเพื่ออุทิศบุญกุศล ให้ญาติโยมตั้งจิตตั้งใจระลึกถึงท่านที่ล่วงลับไปให้ได้รับผลบุญผลกุศลนี้ต่อไป"

    ...และในการนี้ผู้เขียนได้ถวายปัจจัยให้วัดจำนวน 3000 บาทซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ทุกท่านร่วมบุญบูชาพระในทุกๆครั้ง นับเป็นรายๆไปด้วยครับ ขออนุโมทนา

    ครับ

    thumbnail_20250811_064529.jpg

    thumbnail_20250811_070025.jpg

    thumbnail_20250811_070028.jpg

    thumbnail_20250811_070556.jpg

    thumbnail_20250811_071028.jpg

    thumbnail_20250811_064723.jpg
     
  13. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    thumbnail_FB_IMG_1754526170443.jpg

    วันนี้ 11 / 8 / 2568

    ผู้เขียนได้จัดส่ง

    "รูปหล่อพระพุทธเจ้าประทานพร"
    ให้สมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญครบทุกท่านแล้วนะครับ ส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

    ************************
    ....ท่านอาจารย์บุญเลิศ ท่านฝากเคล็ดมานิดหน่อยที่ไม่ได้ระบุไว้ในใบแนบนะครับ คือ วิธีการอัญเชิญพระเข้าบ้าน ท่านบอกครับว่า(อันนี้จะทำหรือไม่ก็ได้นะครับ)....

    .....พิธีอัญเชิญพระเข้าบ้านหรือเคหะสถานใดๆน้ันให้เกิดความเป็นมงคลสูงสุด เหมือนกับว่าเราอัญเชิญเทวดาทั้งหลายให้มาปกปักรักษาที่บริเวณที่มีพระพุทธรูปนี้ประดิษฐานอยู่ โดยให้เตรียม

    1.ผ้าขาวหนึ่งผืน ขนาดใดก็ได้ไม่ต้องใหญ่มากหรือจะเป็นผ้าเช็ดหน้าก็ได้แต่ขอให้เป็นผ้าใหม่ เพื่อใช้วางไว้ข้างๆพระพุทธรูป เป็นเคล็ดให้อัญเชิญเทวดาท่านมานั่งในบริเวณนั้น อุปมาคล้ายการปูผ้ารองนั่งรับแขก

    2.น้ำสะอาดใส่แก้ว 1 ใบโดยให้ใส่น้ำสะอาดแล้ววางไว้ข้างๆกับผ้าขาวที่ปูไว้ ขนาดแก้วจะขนาดไหนก็ได้ตามแต่ผู้บูชาจะสะดวก

    3.ดอกมะลิหรือจะเป็นพวงมาลัยดอกมะลิก็ได้ ตามจำนวนที่เห็นว่าเหมาะสม เพื่อวางไว้บริเวณใกล้ๆพระเป็นการบูชา

    ....หลังจากเตรียมของเสร็จและวางไว้ตามที่เหมาะสมแล้ว ให้สวดบูชาพระโดยเริ่มจากตั้ง นะโม 3 จบ หลังจากนั้นให้สมาทานไตรสรณะคม(พุทธังสะระนัง คะฉามิ) และสมาทานศีล5 ตามลำดับ จากนั้นก็ตามด้วยบทสรรเสริญ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และจบด้วยบท บูชาพระพุทธเจ้า(อยู่ในใบที่แนบไป) ตามจำนวนที่ท่านเห็นสมควรและหลังจากนั้นนั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติบูชาสักหน่อยก่อนจะแผ่เมตตาจิตและอธิษฐานตามแต่ปรารถนา

    ....การอัญเชิญพระเช่นนี้ ครูบาอาจารย์ท่านว่ามีมาแต่อดีตหาใช่เป็นการทำขึ้นมาใหม่ เป็นทำเนียมแรกในการอัญเชิญพระเข้าบ้าน(ทำเพียงครั้งเดียวก็พอ) ส่วนผ้าขาวหลังจากเสร็จพิธีแล้ว ท่านสามารถนำไปใช้ต่อได้เลยถือว่าเป็นมงคลเมตตาด้วย...

    ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2025
  14. songsakth

    songsakth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,002
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +2,693
    ได้รับรูปหล่อพระพุทธเจ้าประทานพรแล้วครับ
    ขอบคุณมากครับท่านอาจารย์
     
  15. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ยันต์ดวงพิชัยสงครามรัตนมาลาสูตร 108 บท
    (ยันต์ดวงพิชัยสงครามจักรพรรดิตราธิราช)
    พุทธคุณมหาปราบ มหาลาภ มีชัยเหนืออุปสรรคทั้งปวง
    อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี เล่า

    559868.jpg
    …ยันต์ดวงพิชัยสงครามมหาจักรพรรดิ ตำราวัดประดู่ทรงธรรม ยันต์นี้เป็นวิชาด้านหนุนดวงค้ำคูณชะตาขั้นสูงสุด เพราะต้องลงอิติปิโสรัตนมาลาครบห้อง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ 108 เดินอักขระแบบเกราะเพชร ตรงกลางปกติจะลงด้วยดวงของผู้จะนำไปบูชา (ปกติที่มีทำกัน จะลงแค่ห้องพุทธคุณ 56 ช่องเท่านั้น) แต่สูตรนี้ท่านอาจารย์บุญเลิศ ท่านปรารภว่า “ถ้าคำนวณดวงผู้ใดใส่ตรงกลางยันต์ ยันต์ดวงพิชัยสงครามมหาจักรพรรดินี้ก็จะเป็นแต่ของผู้นั้นเท่านั้น จะส่งต่อให้ผู้อื่นก็เป็นการยากแม้มียันต์รัตนมาลาล้อมอยู่ก็ตาม เพราะคุณวิเศษยันต์นี้เวลาเสกครูบาอาจารย์ท่านต้องเสกยัด(สวดญัตติ) เพื่อบรรจุคุณวิเศษรักษาผู้นั้นๆเป็นการเฉพาะ”
    527033940_10235106547035989_8570544320269427152_n.jpg
    ยันต์พิชัยสงครามรัตนมาลา108 ของ “หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์” ท่านลงอักขระคำว่า “พระ” ลงไว้ตรงกลางแทนดวง

    ท่านอาจารย์จึงเห็นสมควรว่าของดีต้องสามารถส่งต่อให้คนอื่นได้ ท่านจึงพิจารณาสอบทวน ตำรับตำราของครูบาอาจารย์จึงไปเจอ ยันต์พิชัยสงครามรัตนมาลา108 ของ “หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์” ท่านลงอักขระคำว่า “พระ” ลงไว้ตรงกลางแทนดวง โดยมีอุปเท่ห์ว่าผู้ใดจะใช้ยันต์ก็อธิษฐานฝากดวงตังเองลงไปในนั้นได้เลย เวลาเปลี่ยนมือผู้บูชา พุทธคุณก็จะคุ้มครองบุคคลผู้นำไปบูชาต่อนั้น ต่อไปได้ตลอดไม่ขาดสาย โดยใช้เคล็ด “สังฆทาน” กล่าวคือ สังฆทานนี้พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้ให้เป็นของกลาง ภิกษุจะได้รับบริจาคอะไรมาก็ตามต้องนำเข้าให้เป็นสังฆทาน(ของส่วนกลางเท่านั้น) ภิกษุผู้ใดจะนำสิ่งของอะไรไปใช้ ต้องไปขอส่วนกลาง เอามาใช้ตามความจำเป็น อุปมาก็เป็นเช่นนั้น เวลาอธิษฐานจิตวัตถุมงคลนี้ก็ต้องอธิษฐาน ให้เป็นของกลาง ใครนำไปใช้ก็ได้ตามแต่จะอธิษฐาน ย้อมคุ้มครองผู้นั้นเสมือนว่า “เป็นดวงของผู้นั้นๆอยู่ตรงกลางดวงพิชัยสงครามจักพรรดิเลยทีเดียว” แม้เปลี่ยนมือให้ผู้อื่นไปแล้ว ผู้ครอบครองใหม่ก็สามารถอธิษฐานฝากดวงตัวเองในกลางยันต์พิชัยสงครามได้เลย

    แบบรรร1088.jpg

    .....และอย่างที่บอกครับ ยันต์ดวงพิชัยสงครามมหาจักรพรรดิ ตำราวัดประดู่ทรงธรรม ยันต์นี้ลงอักขระรัตนมาลา 108 ตัวอักขระ(1 ตัวอักขระก็ประกอบด้วยคาถาเสก 1 บท 32คำ) วนเดินยันต์แบบตาหมากรุก แต่ก็วนแบบนี้จะวนแบบพิสดาร คือวนในแต่ละช่องแล้ว ต้องวนเป็นชุดทั้งแผงด้วย (ตรงนี้เป็นเทคนิคของครูบาอาจารย์ท่านผู้เรียนมาครับ ถ้าไม่ได้ศึกษาก็จะ งง หน่อย แต่เล่าให้ฟังโดยสังเขปเท่านี้)

    ....และอย่างที่รับทราบกันครับว่า “พระคาถารัตนมาลา108นั้น” มีพุทธคุณวิเศษด้านหนุนดวงค้ำคูณชะตาไม่ให้ตกต่ำ แม้มีเคราะห์เข้าตัวก็ผ่อนหนักให้เบาได้ ตำราท่านว่าเมื่อบูชาแล้ว ยาจกจะเป็นเศรษฐี ผู้มั่งมีจะถึงขั้นเจ้าสัว. ผู้สวดบูชาทุกวันจะไม่ขาดลาภสักการะ

    .
    ...และสูตรพิชัยสงครามนี้ท่านอาจารย์บุญเลิศอธิบายว่า สายวัดประดู่ทรงธรรมมีด้วยกัน 2 แบบหลักๆ(แต่มีแบบอื่นด้วยเป็นรองลงมา) คือ ลงแบบห้องพุทธคุณ 56 บท กับลงแบบห้องรัตนมาลา 108 บท ท่านอาจารย์บุญเลิศ อธิบายให้ฟังโดยสังเขปครับว่า ยันต์พิชัยสงครามแบบพุทธคุณ 56 นี้คุ้มครองได้เฉพาะตัวเอง แต่รัตนมาลา 108 คุ้มครองได้ทั้งคนโดยรอบเราทั้งบริวาร เมื่อมีเหตุเภทภัยฉุกเฉิน ก็สามารถแผ่บารมีช่วยรักษาชีวิตทั้งตัวเราและคนใกล้ตัวได้(แต่ไม่เกินกรรม) และในอดีต เชื่อกันว่า “เวลาออกรบกันจริงๆ ทั้งสองฝ่ายต่างมีของดีติดตัวมาสู้รบกันอยู่แล้ว ต่างคนก็ต่างมีของดีรักษาตัว มีเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทางนั้นเข้าก็มีของดีคุ้มตัวมารบเหมือนกัน ฉะนั้นยันต์พิชัยสงครามรัตนมาลา 108 จึงมีฤทธิ์ถึงขนาดปราบฤทธิ์แห่งเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาปกปักรักษาฝั่งตรงข้าม รวมถึงลบล้างอาถรรพ์ที่อีกฝั่งทำมาให้มลายหายไป ให้แพ้ภัยตัวเองไป เพราะพุทธคุณฤทธิ์แห่งรัตนมาลา 108 บทนี้

    ดังนั้นรัตนมาลา108บทจึงท่านจึงเรียกกันอย่างเป็นทางการว่ายันต์ยันต์ดวงพิชัยสงครามมหาจักรพรรดิตราธิราช เพราะมีฤทธิ์ใหญ่และมีคุณานุภาพมากเป็นอเนกอนันต์ และถือเป็นเครื่องทรงชั้นสูงของพระมหากษัตริย์และขุนนางผู้ใหญ่มีติดตัวเท่านั้น เวลาบวงสรวงต้องใช้บายศรีครูใหญ่เลยละ” …..อาจารย์บุญเลิศท่านกล่าวพร้อมชี้ให้ดูภาพบานศรีครูขนาดใหญ่

    ......ผู้เขียนจึงเรียนสอบถามท่านต่อครับว่า แล้วท่านอาจารย์จะนำยันต์อะไรใส่ไว้ตรงกลางยันต์ดวงพิชัยสงครามรัตนมาลาจักรพรรดิตราธิราชครับ ท่านบอกว่า
    “จะใส่ยันต์ธัมมกาโย” ผู้เขียนถึงกับสงใส จึงเรียนสอบถามท่านว่าคือยันต์อะไร

    .....ท่าน อ.บุญเลิศก็ใจดีครับ กรุณาอธิบายให้ฟัง และให้คนไปเอาตำรา 2 เล่มมาให้ผู้เขียนและคณะดูว่าเป็นอย่างไร และท่านก็อธิบายตามในตำราเลยครับว่า “ในพระไตรปิฎกท่านว่าไว้แบบนี้(ชี้ไปที่ตำรา)
    ธัมมะกายัญจะ ทีเปนฺติ เกวะลัง ระตะนากะรัง วิโกเปตัง นะ สักโกนฺติ โก ทิสฺวา นัปปะสีทะติ แปลว่า บุคคลใดยัง "ธรรมกาย" ให้สว่างแล้วทั้งสิ้น อันเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งหลาย อันบุคคลทั้งหลายไม่มีผู้ใดจะทำร้ายได้ ใครเล่าเมื่อเห็นแล้วจะไม่ปลาบปลื้มยินดีนั้น ไม่มี” นี้เห็นไมว่า ครูบาอาจารย์ท่านนำคำว่า “ธรรมกาย” มารจนามาผูกเป็นยันต์องค์พระให้มีรูปธรรม เพื่ออธิษฐานนามธรรมเข้าไป คือพลังงาน ธัมมกาโย เป็นภาษาบาลีที่แปลว่า “กายภายในแห่งพระพุทธเจ้า” …...”

    …..แล้วท่านก็ยังพูดติดตลกอีกครับว่า “เอ้ย อันนี้ไม่ใช่หมายถึงวัดพระธรรมกาย นะ แค่วัดพระธรรมกายเอาชื่อ วิชาธรรมกายที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ไปตั้งเป็นชื่อวัด แต่หลวงพ่อสดท่านค้นพบ “กายธรรมของพระพุทธเจ้าได้จริงๆ” ซึ่งเป็นกายที่ละเอียด และ เมื่อท่านค้นพบและฝึกจนสำเร็จแล้วท่านจึงมาเปิดพระไตรปิฎกดู หลวงพ่อสดท่านจึงทราบว่าคำว่าธรรมกาย มีในพระไตรปิฎกทุกนิกายจริงๆ ทั้งมหาญาณและเถรวาท.... ”

    ธัมมกาโย15.jpg

    .
    ...ฉะนั้นยันต์ธัมมกาโย ก็คือ ยันต์ที่เกี่ยวกับ กายธรรมหรือกายละเอียดของพระพุทธเจ้านั้นเอง นี้ครูบาอาจารย์ท่านถอดมาจากพระไตรปิฎกเลย เพราะอัตภาพความเป็นสิ่งมีชีวิตนี้ พระพุทธเจ้าท่านว่าต้องประกอบด้วย 2 ส่วนคือรูปและนาม รูปนี้ก็เจริญเติมโตและเสื่อมไปตามธรรมชาติ เพราะคำว่า รูป ในภาษาบาลีแปลว่าเสื่อมอยู่แล้ว ส่วนนาม ท่านหมายถึงดวงจิต หรือจิตวิญญาณ วิญญาณนี้ก็เช่นกันจะเจริญขึ้นมาได้ ก็ต่อเมื่อได้ฝึกฝน จนจิตวิญญาณเจริญเติมโตและหลุดพ้นไปในที่สุด แต่ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่กายกับจิตก็ต้องประครองกันไป ซึ่งในระหว่างนี้เอง “แม้กายภายนอกของท่านที่ฝึกมาดีแล้วจะเสื่อมไปตามธรรมชาติ แต่กายภายในคือ จิต ที่จะผ่องใส่ละเอียดตลอดเวลา กายภายในนี้เองที่ท่านเรียกว่า กายธรรม หรือ ธรรมกาย ซึ่งกายนี้จะมีในพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบันขึ้นไป จน ถึงพระอรหันต์ อันนี้คำจำกัดความของ ธัมมกาโย หรือ ธรรมกายนั้นเอง”


    ....ท่านอาจารย์บุญเลิศได้อธิบายต่อครับว่า ด้วยนัยยะทางธรรมนี้แล ครูบาอาจารย์ท่านจึงนำพลังงาน(คำตรัสของพระพุทธเจ้ามีพลังงานทั้งสิ้น) มาผูกเป็นยันต์เพื่อน้อมกระแสพลังงานมาใช้ คุณวิเศษของยันต์ธัมมกาโยนี้คือ

    1.เป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งหลาย (ตามบาลีในพระไตรปิฎก ขุ.อป. อัตถสันทัสสกเถราปทาน อปทาน) คือธรรมะทั้งหลายออกมาจากธรรมกาย(กายภายใน) ผ่านร่างกายเนื้อของพระพุทธเจ้าเป็นคำพูด ก่อให้เกิดพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ขึ้นมา ผม(อ.บุญเลิศ) จึงนำยันต์ธัมมกาโยนี้ มาไว้ตรงกลางและรอบล้อมด้วยรัตนมาลาอันประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้แลเรียกว่ารัตนตรัย อุปมาเหมือนการก่อกำเนิดของพระรัตนทั้งหลายออกมาจากจุดนี้


    2.อันบุคคลทั้งหลายไม่มีผู้ใดจะทำร้ายได้ (ตามนัยยะบาลีในพระไตรปิฏก ขุ.อป. อัตถสันทัสสกเถราปทาน อปทาน) กล่าวคือผู้ใดระลึกถึงพระพุทธคุณตามยันต์ธัมมกาโยนี้ อันตรายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากภัยของมนุษย์และอมนุษย์ เภทภัยจากธรรมชาติใดๆ จะไม่สามารถทำอันตรายใดใดได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ภัยร้ายอันเกิดจากวิชาลึกลับ” มาถึงตรงนี้ผู้เขียน ก็สงใสครับว่าวิชาลึกลับนี้คือยังงัย ท่านอาจารย์กรุณาอธิบายให้ฟังว่า “ในโลกนี้มันมีหลายวิชาที่คนเขาไม่สอนกัน แต่อาจจะถ่ายทอดให้กันเป็นการเฉพาะเท่านั้น โดยไม่มีชื่อเรียกเพราะเป็นวิชาที่มักใช้ทำร้ายกัน อย่างพวกอิสลามบางกลุ่มเข้าจะมีวิชาเรียกเจตภูต คือวิชาเรียกวิญญาณออกจากร้างคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว เช่น ถ้าเขาอยากเอาชีวิตใครอาจจะผิดใจกัน หรือมีเรื่องกัน เขาก็จะส่งวิชานี้ไปหาคนผู้นั้นในเวลาหลับ ทำให้คนผู้นั้นหลงในภวังค์จิตและฝันถึงบุคคลที่รู้จักไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง หรือพ่อแม่มาเรียกชื่อ จนคนผู้นั้นหลงขานรับออกไป นั้นแหละเจตภูตจะออกจากปากคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัวเวลาหลับ และไม่นานคนผู้นั้นก็ตาย คือนอนตายไปเฉยๆ ที่บ้านเราเรียกกันว่าไหลตาย หรือบางครั้งอาจจะไม่ตายเลย แต่อยู่ไปก็จะเบลอๆหลงๆมีสติวิปลาส ไม่นานก็นำไปสู่การตายในที่สุด ”

    ....เพราะวิชาเหล่านี้จะเรียกส่วนที่ละเอียดของเราไปเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร้างนั้นแหละ ฉะนั้นครูบาอาจารย์ท่านจึงรจนาวิชามาแก้ทางวิชาลึกลับเหล่านี้แต่ก็ต้องอาศัยวิชาที่มีความละเอียดมาก ที่พอจะคุ้มครองดวงจิตวิญญาณที่ละเอียดได้ วิชาธรรมกายหรือธัมมกาโย “คือการน้อมพลังงานจากจิตทิพจิตธรรมของพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นจิตที่มีความละเอียดสูงสุดจนไม่มีจิต(อนัตตา) ก็คิดเอาว่าจะมีวิชาไหนที่สามารถจะเรียกจิตพระพุทธเจ้าได้ ไม่มีหรอก ฉะนั้นวิชานี้จึงรจนาขึ้นมาเพื่อรักษาจิตของเราไม่ให้ไปสู่ที่ต่ำหรือของต่ำที่จะมากระทำเราในเวลาหลับ หรือเวลาเผลอ เพราะช่วงนั้นๆเราไม่มีสติแล้วขนาดหลับยังไม่รู้เลยว่าหลับตอนไหนจริงไม จึงเปิดช่องให้วิชาลึกลับเหล่านี้เข้าแทรกได้งัย ....” อาจารย์บุญเลิศกล่าว



    3. ใครเล่าเมื่อเห็นแล้วจะไม่ปลาบปลื้มยินดีนั้นได้ (ตามนัยยะบาลีในพระไตรปิฏก ขุ.อป. อัตถสันทัสสกเถราปทาน อปทาน) ยันต์ธัมมกาโยนี้นอกจากจะป้องกันอันตรายทั้งป่วงดั่งที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังจะเป็นเมตตามหานิยม โดยตามนัยยะแห่งพระไตรปิฎกที่ว่านี้ด้วยอีกนัยยะหนึ่ง เพราะแม้พระพุทธเจ้าท่านเสด็จไปที่ใด ที่นั้นจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ไม่ขาด เป็นที่ยินดีแต่คนทั่วไปที่พบเห็นฉันใด นามแห่งพระพุทธเจ้าคือธรรมกาย ก็ย้อมเป็นที่รักที่เมตตาแก่ผู้พบเห็นแม้เทวดา มนุษย์ ย้อมให้การรักษาอารักษ์ฉันนั้น อาจารย์บุญเลิศท่านว่า “ไปที่ใดมีคนรักคนเมตตา เป็นเจ้านายเขาลูกน้องก็รักทำงานให้ดี เป็นลูกน้องเขาเจ้านายก็รักก็เมตตาได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากผู้ใหญ่เป็นอย่างดี มีคนช่วยเหลือไม่ขาดแบบนี้ทำอะไรก็ราบรื่นแล้ว....”

    .....ส่วนอุปเท่ห์เฉพาะนั้น ท่านว่าถ้าแม้นถูกกระทำยำยีคุณผีคุณคนทำด้วยประการใดๆ ก็ดีหรือแม้จะเกิดโรคระบาทว์ ด้วยคุณแห่งยันต์ธัมมกาโยนี้ สามารถป้องกันได้ทั้งคนแลสัตว์ หาต้องทำน้ำมนต์ให้นำยันต์ธัมมกาโยนี้แช่ลงในน้ำแล้วระถึงคุณพระรัตนตรัย ว่าบทสวดสรรเสริญพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ แล้วนำน้ำพระพุทธมนต์นั้น รดถอนแก้กระทำประพรมบ้านเรือนหรือคอกสัตว์ กันสารพัดโภยภัย ผู้ใดได้นำยันต์นี้มาสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเป็นนิจทุกค่ำเช้า สามารถกันเสนียดจัญไร ได้ทั้งครอบครัวเรือน หาที่จะอุปมามิได้แล (ข้อมูลจากตำราพุทธมนต์โอสถ อ.เทพ สาริกาบุตร)


    หมายเหตุอ้างอิงพระไตรปิฎกธัมมกาโย
    เป็นนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า


    .....ตถาคตัสสะ เหตัง วาเสฏฺฐา อธิวะจะนัง ธัมมะกาโย อิติปี พฺรหฺมกาโย อิติปิ ธัมมะภูโต อิติปิ พฺรหฺมภูโต อิติปิ

    …."ดูก่อนวาเสฏฐะ อันว่า คำว่า "ธรรมกาย" ก็ดี "พรหมกาย" ก็ดี "ธรรมภูต" ก็ดี ผู้ที่เป็นธรรมก็ดี หรือ "พรหมภูตะ" ผู้ที่เป็นพรหมก็ดี นี้แหละเป็นชื่อของเราตถาคต"

    ...ธัมมะกายัญจะ ทีเปนฺติ เกวะลัง ระตะนากะรัง วิโกเปตัง นะ สักโกนฺติ โก ทิสฺวา นัปฺปะสีทะติฯ

    ...."บุคคลใดยัง "ธรรมกาย"ให้สว่างแล้วทั้งสิ้น อันเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งหลาย อันบุคคลทั้งหลายไม่มีผู้ใดจะทำร้ายได้ ใครเล่าเมื่อเห็นแล้วจะไม่ปลาบปลื้มยินดีนั้น ไม่มี"


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2025 at 01:13
  16. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    ...หลังจากเว็ปพลังจิต "Error" อยู่หลายวันจนไม่สามารถโพสอะไรได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง วันนี้เลยขออนุญาติลงการดำเนินงาน"เหรียญวิชาธาตุกรณีย์" ย้อนหลักสักเล็กน้อยครับ

    thumbnail_1755600731231.jpg

    ....เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2568 ผู้เขียนได้รับ "เหรียญวิชาธาตุกรณีย์" หลังจากส่งโรงงานยิงเลเซอร์ยันต์ "จะภะกะสะ" ด้านหลัง และดอกโค๊ตดอกบัวเรียบร้อยแล้ว วันนี้(17 ส.ค.2568) หลังจาก ทางโรงงานเพิ่งจะจัดส่งกลับคืนให้แล้วเพิ่งมาถึง ผู้เขียนก็รีบเดินทางไปวัดวารินทราวาส เวลาประมาณ 18.20 น. และได้เข้ากราบนมัสการ "หลวงตาวิลาศ ปสาทิโก" กราบขอเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิต "เหรียญวิชาธาตุกรณีย์" เป็นวาระที่ 2 (วาระแรกนำเข้าพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ วัดป่าภูหงส์เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2568 วาระแรกนี้ยังไม่ได้ส่งโรงงานทำยันต์) ในขณะที่ "เหรียญทั้งหมดยังอยู่ในถึงพราสติก(แต่ละเหรียญได้ใส่ไว้ในซองซิบแล้ว) เพราะรีบมากๆครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเพราะกว่าโรงงานจะส่งกลับคืนมาก็ใช้เวลาพอสมควรแล้ว"

    หอถึงพราสติก.jpg

    ....หลวงตาวิลาศ ท่านก็เมตตานำเหรียญออกมาจากถึงพิจารณาดู แล้วท่านก็หัวเราะอมยิ้มแล้วบอกว่า "ดีพอแฮงแล้ว ของค้ำของคูณ"(ดีมากแล้ว ของเสริมของหนุนให้ดีขึ้นเป็นสำนวนอีสาน) แล้วท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้โดยยกขึ้นหัวเลยครับ

    ....หลวงตาวิลาศ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คำดี ปภาโส ที่มีอายุพรรษาอาวุโสมากที่สุดในเมืองเลยเวลานี้ครับ ปัจจุบันท่านอายุ 81 ปี 60 พรรษา(ยาง61พรรษาในปีนี้)

    **แล้วเดียวจะเข้าพิธีบรวงสรวงตามตำราที่สำนักอาจารย์บุญเลิศอีกวาระนะครับ ตอนนี้กราบขอเมตตาครูบาอาจารย์อธิษฐานจิตไปก่อนครับ**

    530345105_3567708263381810_5878899743557217865_n.jpg

    วาระแรกนำเข้าพิธีเจริญพระพุทธมนต์

    ณ วัดป่าภูหงส์เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2568

    530232203_3567708333381803_2804542676313476788_n.jpg
     
  17. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,989
    ค่าพลัง:
    +12,560
    เรื่องเล่า "ยันต์ธัมมกาโย"
    เล่าโดย อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี
    **********
    (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

    ธัมมกาโย15.jpg
    ยันต์ธัมมกาโย
    วิชาแห่งการลบล้างมนต์อาถรรพ์ลึกลับ

    ...ธัมมะกายัญจะ ทีเปนฺติ เกวะลัง ระตะนากะรัง วิโกเปตัง นะ สักโกนฺติ โก ทิสฺวา นัปฺปะสีทะติฯ แปลว่า บุคคลใดยัง "ธรรมกาย"ให้สว่างแล้วทั้งสิ้น อันเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งหลาย อันบุคคลทั้งหลายไม่มีผู้ใดจะทำร้ายได้ ใครเล่าเมื่อเห็นแล้วจะไม่ปลาบปลื้มยินดีนั้น ไม่มี"


    ...ท่านอาจารย์บุญเลิศเล่าให้คณะชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ฟัง ตั้งแต่เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา(แต่ผู้เขียนไม่ได้นำมาเล่า) ครั้งเมื่อทางคณะได้เข้ากราบคารวะธรรมครูบาอาจารย์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในช่วงหนึ่งท่านได้เล่าถึงคุณวิเศษ "ยันต์ธัมมกาโย" ซึ่งท่านเล่าเป็นประสบการณ์ยันต์นี้พร้อมเล่าเรื่องศาสตร์ลึกลับให้ฟัง ประมาณว่า ช่วงปี 2519 ท่าน(อ.บุญเลิศ) กับเพื่อนท่านอีกคนหนึ่งชื่อ ครูโชติ สุมานิล ซึ่ง อ.บุญเลิศ กับ ครูโชติ รับราชการในกองวัฒนธรรมพร้อมกัน (สมัยก่อน ก.วัฒนธรรมยังเป็นกองงานสังกัด ก.ศึกษาธิการ) โดย อ.บุญเลิศทำงานในฝ่ายงานพิธีการ แต่ครูโชติทำงานฝ่ายวิชาการและต่อมาครูโชติได้ย้ายไปเป็นครูศึกษานิเทศก์ ก.ศึกษาธิการ

    กกก3.jpg

    ...ท่านอาจารย์บุญเลิศ เล่า ให้ฟังในช่วงนี้ครับว่าในช่วงปีนั้น ทั้งท่านและครูโชติอายุราวๆ 25-26 เป็นช่วงที่รับราชการงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และต่างคนต่างมีความสนใจใคร่รู้ เรื่อง "วิชาอาคมและการปฏิบัติธรรม" เหมือนๆกัน จึงได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์สายวัดประดู่ทรงธรรมพร้อมๆกันแต่ต่างไปเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์คนละคนกัน(แต่ก็ไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนวิชากันประจำ) โดย อ.บุญเลิศไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช แต่ครูโชติ ไปฝากตัวและเรียนวิชากับ หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง และหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม

    ททท2.jpg

    ....เมื่อช่วงปลายๆปี 2520 ท่าน(อ.บุญเลิศ) และครูโชติ ได้รับคำสั่งจากทางกระทรวงให้ไปช่วยงานด้านศึกษานิเทศก์ ที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปประเมินคุณภาพงานวิชาการโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา แต่ด้วยกองวัฒนธรรมสังกัดใน ก.ศึกษาธิการ งานราชการส่วนนี้จึงสามารถ coordinate กันได้ ท่านและครูโชติ จึงได้ไปงานด้านศึกษานิเทศก์ที่จังหวัดกาญจนบุรีร่วมกันพร้อมคณะติดตามอีก 3 คน พอไปถึงได้ประมาณ 4-5 วันหลังจากลงพื้นที่ประเมินไปตามหน้าที่

    มีอยู่วันหนึ่ง มีครูสาวท่านหนึ่งเพิ่งบรรจุใหม่ๆอายุราวๆ 23 ปีเป็นครูประจำที่โรงเรียนสุดท้ายที่ทางคณะศึกษานิเทศก์จะไปประเมิน ดันมามีอาการแปลกๆ ในระหว่างที่มีการนิเทศครูในโรงเรียนอยู่นั้น อยู่ๆครูสาวท่านนี้ก็เป็นลมล้มลงไปขณะที่ฟังรายงานการประเมินอยู่ ด้วยความตกใจของคนในบริเวณนั้นต่างกรูเข้าไปเพื่อดูอาการของครูสาวแต่สักพักไม่นาน "ครูสาวท่านนี้ก็ลุกขึ้น ตาเหลือกขึ้นบน แล้วพูดเสียงดังเอะอะโวยวาย พูดแต่คำซ้ำๆ ว่ากูจะมาเอาชีวิตอีจันทร์นี้ไป กูจะมาเอาชีวิตอีจันทร์นี้ไป(ครูสาวชื่อจันจิรา)..."

    ....ทางครูผู้ชายและครูผู้หญิงได้ยินดังนั้นต่างตกอกตกใจ หลังจากสิ้นเสียงของครูสาวไม่นาน ครูสาวท่านนี้ก็มองไปโดยรอบห้อง สักพักก็เริ่มออกตัววิ่งและกระโดดขึ้นไปเหยียบตรงหน้าต่าง และกำลังก้มหัวลงเล็กน้อยกะว่า จะกระโดดลงจากหน้าต่าง(ชั้น 2) แล้วเอาหัวลงเหมือนจะฆ่าตัวตาย แต่โชคดี รอง ผอ.ผู้ชายท่านหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์และยืนอยู่ใกล้ๆ ได้คว้าแขนครูสาวท่านนั้นเอาไว้และดึงให้ลงมาจากหน้าต่าง และให้ครูผู้หญิงหลายคนช่วยกันจับไว้เพราะครูสาวท่านนี้คลุ้มครั่งอยากมาก และดูท่าทีว่าจะไม่หยุดง่ายๆ ครูโชติในฐานศึกษานิเทศก์ และอยู่ในเหตุการณ์พอเริ่มตั้งสติได้ก็เดินไปดูครูสาวที่คลุ้มครั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วนำยาดมอะไรบางอย่างที่อยู่ในตลับ ที่ท่านกวนยาเองด้วยว่านยาต่างๆที่ติดตัวมา(เห็นว่าเสกเองด้วย) ให้ครูสาวนั้นดมปรากฏว่า ไม่นานนักครูสาวท่านนี้จากที่คลุ้มครั่งอย่างหนัก ก็เป็นลมล้มลงไปอีกครั้งและก็มีอาการสงบลง แต่ยังหายใจเหนื่อยหอบอย่างรุนแรงอยู่ คงเพราะใช้แรงดิ้นหนักมาก แต่ในชั่วเวลานั้นก็ทำให้สถานการณ์ที่วุ่นวายสงบลงได้ ผอ.จึงได้สั่งให้ครูที่เป็นเพื่อนกันกับครูสาว นำตัวครูสาวท่านนี้ไปส่งโรงพยาบาลและได้ทำการประชุมนิเทศต่อให้จบ

    ....หลังจากจบนิเทศลงวันนั้น ครูโชติได้บอกกับ อ.บุญเลิศในขณะที่อยู่ในรถว่า "ครูคนนี้คงโดนทำคุณไสยแน่ๆ ไม่ใช่อาการปกติ" ตอนนั้นแม้ อ.บุญเลิศ จะเป็นคนชอบและเรียนรู้ด้านวิชาอาคมมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้เชื่อเรื่องคุณไสยแบบว่านี้ 100% นักด้วยเหตุคือมันยากที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ เพราะในความคิดของ อ.บูญเลิศในเวลานั้นคิดว่า "การจะทำให้ใครตายแบบซื่อๆแบบนี้มันเป็นการโกงธรรมชาติเกินไป ตายแบบไม่มีการลงมือทางกายภาพเลย ถ้ามันทำแบบนั้นได้ง่ายจริงๆ เวลาทำสงครามคงไม่ต้องมีปืนผาหน้าไม้แล้ว ก็เสกคุณไสยใส่กันก็จบ" ในเวลานั้นท่านบอกว่าท่านคิดแบบนั้นจริงๆ "แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันไม่มี แต่มันทำไม่ได้ง่ายๆ" ท่านอาจารย์บูญเลิศกล่าว

    …ด้วยความคาใจของครูโชติ จึงได้ชวน อ.บุญเลิศ “ให้อยู่กาญจนบุรี” นี้สัก 2 วันก่อนได้ไหมเพราะติดเสาร์-อาทิตย์พอดี วันจันทร์เราค่อยกลับกรุงเทพ ให้คณะศึกษานิเทศก์กลับกรุงเทพไปก่อน เราค่อยนั่งรถสาธารณะกลับทีหลัง และเสื้อผ้าที่เตรียมมาก็ได้เตรียมเผื่อมาไว้แล้ว(เพราะเสร็จงานก่อนกำหนด) ด้วยครูโชติแกคงคาใจกรณีอาการของครูสาวนี้มากๆ และอาจจะด้วยครูโชติคงอยากลองวิชา เนื่องจากช่วงนั้นก็พอได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมาบ้างแล้ว เผื่อจะได้ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อยก็ประมาณว่าร้อนวิชาว่างันเถอะ

    470166964_1789485315145457_2889416760966425415_n.jpg
    อ.บุญเลิศ(เสื้อน้ำเงิน) และ ครูโชติ(เสื้อสีส้ม)
    ...ครูโชติและ อ.บุญเลิศตัดสินใจอยู่ที่กาญจนบุรีนี้อีก 2 วันเพื่อติดตามอาการของครูสาวที่ครูโชติสันนิฐานว่า “โดนของคุณไสยแน่ๆ” เช้าของวันเสาร์ครูโชติรีบปลุกอาจารย์บุญเลิศแต่เช้ามืด เพื่อเดินทางไปบ้านครูสาว โดยเช้าวันนั้นได้พากันไปที่โรงเรียนที่ครูสาวนั้นบรรจุอยู่ พอไปถึงได้ไปเจอท่าน ผอ.อยู่พอดีเพราะแกมาเข้าเวร(สมัยนั้นเรียกครูใหญ่) ครูโชติและ อ.บุญเลิศจึงได้โอกาสสอบถาม ผอ.โรงเรียน ผอ.จึงบอกที่อยู่ของครูสาวท่านนี้ให้ครูโชติฟังว่าบ้านช่องอยู่ที่ไหนอะไรยังงัย ในวันเดียวกันนั้นเองครูโชติและอาจารย์บุญเลิศ ท่านก็ได้เดินทางไปตามที่อยู่ที่ครูใหญ่ให้ ปรากฏว่า “ได้เจอครูสาวท่านนั้นจริงๆ ที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลโดยครูโชติและ อ.บุญเลิศได้คุยกับพ่อแม่ครูสาวท่านนี้ ได้ความว่าหมอบอกว่าตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้ว ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ แต่มีอาการอ่อนเพลียนิดหน่อย หมอจึงให้นอนเข้าน้ำเกลือที่โรงพยาบาลก่อนให้กับบ้านได้ โดยหมอวินิจฉัยว่าอาการดังกล่าวของครูสาวคงเกิดจากความเคลียร์ ในช่วงเตรียมงานประเมินที่ผ่านมาก็ได้”

    98-อาการนอนราบไม่ได้-หน้า711.jpg

    ในระหว่างที่ครูโชติคุยกันพ่อแม่ครูสาวอยู่นั้น ครูโชติแกสังเกตว่า ครูสาวที่นอนอยู่บนเตียงพับที่ทางบ้านจัดหาให้ เพื่อนอนพักผ่อน มีอาการไม่ยักจะสู้ดีนักโดยมีอาการ “ตาลอย ปากสั่นเหมือนเขี้ยวอะไรอยู่ไม่หยุด มือที่แนบข้างลำตัวก็กระดุก กระดิกอยุ่ไม่หยุด เท้าเกร็งชี้ไปข้างหน้าแทนที่จะตั้งขึ้นเหมือนคนปกติ” โดยพ่อแม่ครูสาวบอกว่าลูกไม่เคยเป็นแบบนี้เพิ่งจะมาเป็นช่วงหลังๆนี้เอง แต่ก่อนหน้านั้นไม่นานมีอาการเหม่อลอย และชอบบ่นว่ามีคนมาเรียกให้ไปหาตอนกลางคืนดึกๆ อยู่เป็นประจำจนบางวันนอนไม่หลับ จนสุดท้ายอาการมาออกสุดๆก็ตอนวันที่ประชุมนิเทศนี้เอง

    122212115_357388205318492_1193377579345352171_n.jpg

    ....ในระหว่างคุยกันอยู่ๆ ครูโชติก็เสนอกับพ่อแม่ครูสาวว่า “ผมขอทำพิธีอะไรหน่อยได้ไหม รับรองว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวครูสาวเลย และจะไม่ให้กินอะไรแปลกๆนอกจากน้ำธรรมดา พ่อแม่พอจะให้ผมทำได้ไหม เผื่อน้องเขาจะดีขึ้น” ครูโชติเสนอไปแบบนั้น โดยพ่อกับแม่ของครูสาวก็เห็นว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่ว่า ก็คงไม่เสียหายอะไร จึงอนุญาตให้ครูโชติทำพิธีตามที่เห็นสมควร หลังจากพ่อแม่ตกลงแล้วครูโชติก็เอาบันทึกสวนตัว(ที่ร่ำเรียนวิชาออกมา) และก็ไปเตรียมพวกน้ำสะอาดใส่ขัน ด้ายสายสิญจน์ และตั้งขันธ์ 8(ขันธ์ครู) และนิมนต์พระพุทธรูปที่บ้านครูสาวนั้นแหละ ลงมาเป็นพระประธานในพิธี อ.บุญเลิศถามครูโชติว่า “นี้มึงจะไล่ผีหรือถอนของ” ครูโชติบอกว่าก็ทำพร้อมๆกัน อ.บุญเลิศท่านก็ตกใจแล้วบอกว่าจะทำอย่างนั้นได้ยังงัย ทำพิธีไหว้ครูบูชาพระแบบนี้ต้องตั้งศาลเพียงตา ต้องมีบายศรีครูใหญ่ แต่ครูโชติด้วยความที่ร้อนวิชาจึงบอกปัดๆ อ.บุญเลิศไปว่า….

    …“ไม่เป็นไรหรอกช่วยคนก่อน ครูบาอาจารย์ท่านคงเข้าใจแต่งขันธ์ครูตามมีไปก่อน”
    แล้ว อ.บุญเลิศท่านก็บ่นในใจในตอนนั้น(ท่านเล่า) ว่า “ตายห่าละเครื่องป้องกันอะไรก็ไม่มี พานครูก็ทำไปงันๆแล้วจะทำยังงัยถ้าเกิดครูสาวคนนี้ถูกกระทำคุณไสยจริงๆ เมื่อถอนของแล้วจะไม่ตีกลับมาเข้าตัวเองหรอกหรือ”

    ....ก็นั้นละครับด้วยความร้อนวิชาของครูโชติ ก็ได้ทำพิธีตามมีตามเกิด โดยครูโชติเริ่มแต่งขันธ์ พันด้ายสายสิญจน์จากองค์พระพุทธรูปไปยังขันน้ำมนต์แล้วโยงไปที่ครูสาว เริ่มตั้งเทียนมหาพิชัยแล้วก็ “อ่านโองการต่างๆตามบันทึกที่ตัวท่านเองจดบันทึกไว้กันลืม หลังจากที่ได้ร่ำเรียนมา(แต่ยังไม่ชำนาญนัก)...” ในขณะที่กำลังทำพิธีผ่านไปสักระยะ ในเวลานั้นอาจารย์บุญเลิศท่านก็ขอหลบอยู่ด้านหลังครูโชติไปก่อน เพราะตัวเองก็ไม่ได้มีความชำนาญนักอะไรๆที่ร่ำเรียนมาก็ยังไม่คล่องปาก ส่วนพ่อกับแม่ของครูสาวก็นั่งอยู่เยื้องจาก อ.บุญเลิศไปเล็กน้อย

    ....อ.บุญเลิศเล่าให้ฟังช่วงนี้ครับว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันละ ทำพิธีผ่านไปประมาณ 10 กว่านาที ครูโชติอ่านโองการเชิญครูมายังไม่ได้เท่าไร ครูสาวที่นอนอยู่นิ่งๆ ตอนนี้เริ่มมีอาการเหมือนจะลุกขึ้น หายใจเริ่มถี่และเร็วมากขึ้น สักพักเธอลุกขึ้นจริงๆ พอลุกขึ้นนั่งได้ไม่เท่าไร เธอก็อาเจียนอวกออกมาเป็นน้ำสีเหลืองๆคล้ายยางไม้โดยไม่มีอะไรออกมาตามเลย ซึ่งปกติการอวกอาจจะมีพวกเศษอาหารหรืออะไรออกมาด้วย แต่นี้มีแต่น้ำคล้ายยางไม้ออกมา ความเหนียวคล้ายน้ำมันเครื่อง ”

    ….อ.บุญเลิศท่านบอกว่า ส่วนกลิ่นก็ไม่เท่าไรนะ กลิ่นออกเปรี้ยวคล้ายน้ำส้มสายชูมากกว่า ครูสาวท่านนี้อวกอยู่สองรอบ แล้วบอกกับพ่อแม่ว่าอยากกินน้ำก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความเหนื่อย ครูโชติก็บอกให้นำน้ำไปให้กินได้ก่อนที่ครูโชติจะหยุดพิธี “ซึ่ง อ.บุญเลิศท่านบอกครูโชติว่าอยู่ๆจะหยุดพิธีแบบนี้ไม่ได้อันตรายมาก แต่ครูโชติเห็นว่าอาการของครูสาวเริ่มดีขึ้นมาก การตอบสนองพูดจาเริ่มกลับมาเป็นปกติ ไม่มีอาการเหม่อลอย อ.บุญเลิศที่อยู่ด้านหลังครูโชติก็กระซิบบอกไปว่า มึงทำไมไม่ทำพิธีต่อให้เสร็จละ แต่ครูโชติกลับบอกว่าโองการครูบทเดียวก็พอแล้ว เอาแค่นี้แหละ” ซึ่งคำตอบนี้ทำให้ อ.บุญเลิศท่านถึงกับเหวอ เพราะทำพิธีก็ทำแบบลวกๆแล้ว มนต์พิธีก็เอาแบบครึ่งๆกลางๆอีก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยตามเลยกันไป...

    มาถึงตอนนี้หลังจากเสร็จพิธี ครูโชติก็ให้แม่ของครูสาวพาครูสาวไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วพ่อของครูสาวก็ช่วยครูโชติเก็บของทำพิธี แต่ในขณะนี้เองครับ อ.บุญเลิศเล่าว่า “ในขณะที่ครูโชติกำลังพันด้ายสายสิญจน์ออกจากขันน้ำมนต์ เทียนพิชัยสงครามที่จุดอยู่ก็ดับลงทั้งๆที่บริเวณนั้นไม่มีลมเลยแม้แต่น้อย และอยู่ๆครูโชติก็ล้มลงอย่างไม่ทราบสาเหตุชักเกร็งเหมือนคนเป็นสโตรก” อ.บุญเลิศท่านว่า ท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไรและทำอะไรไม่ถูกเลย และไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังงัย พ่อครูสาวที่เห็นเหตุการณ์เหมือนกันก็รีบวิ่งไปสตาร์ทรถ ซึ่งก่อนไปบอกให้ อ.บุญเลิศช่วยกันพยุงครูโชติขึ้นรถ เพื่อพาครูโชติไปส่งโรงพยาบาลก่อน แต่ด้วยความที่ร่างกายยังชักเกร็งอยู่ อาจารย์บุญเลิศท่านก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี ด้วยความที่นึกอะไรไม่ออกท่านจึงอธิฐานถึงครูบาอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช และอธิษฐานไปถึงครูบาอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อรอดเสือแห่งวัดประดู่ทรงธรรมให้ช่วยครูโชติด้วย เพราะครูโชติเองก็เป็นลูกศิษย์สายวัดประดู่เหมือนกัน อ.บุญเลิศท่านว่า “เพียงสิ้นคำอธิฐาน ครูโชติอยู่ๆก็หยุดชักเกร็ง และกลับมามีสติอีกครั้งโดยค่อยๆพยุงตังเองขึ้นนั่งก่อนจะบอกว่า รู้สึกปวดหัวมากๆ เหมือนมีอะไรบีบหัวอยู่” ซึ่งตอนนั้นยังไม่ไดซักถามอะไรกันมากมาย อ.บุญเลิศและพ่อครูสาวก็ช่วยกันพาครูโชติขึ้นรถส่งโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที


    ....พอไปถึงโรงพยาบาล หมอก็พาครูโชติเข้าห้องตรวจฉุกเฉิน หลังจากนั้นก็พาตัวออกมานอนห้องพักรวมโดยให้เข้าน้ำเกลือและนอนดูอาการ 1 คืนซึ่งตอนมาถึงโรงพยาบาลครูโชติได้หมดสติไปแล้ว แต่ได้กลับมามีสติอีกครั้งหลังจากหลับไปเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างที่ครูโชตินอนพักอยู่นั้น อาจารย์บุญเลิศก็โทรกลับไปแจ้งที่บ้านครูโชติที่กรุงเทพ จึงทำให้ในวันนั้นพี่สาวของครูโชติต้องขับรถจากกรุงเทพเพื่อมารับครูโชติและ อ.บุญเลิศ กลับกรุงเทพ(โดยขอหมอออกจากโรงพยาบาล)


    หลังจากฟื้นขึ้นมา ครูโชติได้เล่าให้ อ.บุญเลิศฟังว่าระหว่างที่สลบหมดสติไป ท่านได้ฝัน ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวตัวสีดำแต่ไม่มีหน้าไม่มีตา กำลังบีบหัวท่านไว้อยู่ แล้วจากนั้นผู้หญิงที่ว่านี้ก็ค่อยๆกลายเป็นฝุ่นผง ลอยเข้าทางหู ทางจมูก ทางปาก แล้วหลังจากที่กลับกรุงเทพ อาการของครูโชติก็ไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก เริ่มใช้ชีวิตปกติไม่ได้เริ่มมีอาการเหม่อลอย นอนไม่หลับ เริ่มขาดงานและเริ่มได้ยินเสียงคนชักชวนให้ไปอยู่ด้วยช่วงดึกๆ ทีแรกทางบ้านครูโชติก็พาไปหาหมอจิตเวชและหมอก็ให้ยาระงับประสาทมาเพื่อให้กินแล้วหลับ แม้ตอนหลับก็ยังฝันแปลกๆติดต่อกันหลายครั้ง อันนี้ครูโชติเล่าให้ อ.บุญเลิศฟังภายหลัง

    images53.jpeg
    ...ครูโชติเป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือนหลังจากกลับจากกาญจนบุรี อ.บุญเลิศจึงเห็นว่าอาการคงไม่ดีแน่ๆ(ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะโดนของตีกลับเพราะคิดไปเองว่าครูโชติคงมีวิชารักษาตัว) แต่อยู่มาวันหนึ่งครูโชติมาหา อ.บุญเลิศที่บ้านแล้วบอกว่า “ยังงัยวันพรุ่ง พาไปทำบุญกับหลวงพ่อสละ ท่านหน่อยที่วัดประดู่ทรงธรรมเพราะคิดถึงท่าน” ก็เลยตกลงกัน พอไปถึงวัดเท่านั้นแหละ “หลวงพ่อสละท่านชี้มาทางครูโชติ แล้วบอกว่าไอ้โชติเอ่ย ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์รักษามึงตายไปแล้วหนา ของผีเต็มตัวมึงอยู่นั้นแล้วนะ” หลังจากนั้นหลวงพ่อสละ ท่านก็ทำพิธีล้างให้และก็ย้ำกับครูโชติว่า “ทำอะไรให้มึงทำตามครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ของพวกนี้มันตีกลับได้ ของที่มึงไปแก้ให้เขานั้นนะ มันเป็นวิชาทางมอญเขา เขาส่งพวกพรายผีมาดึงวิญญาณมึงหนา ดีเวลาดึกๆมึงไม่หลงไปทักพวกผีที่มาเรียกมึง ไม่งันมึงตายไปแล้ว... ”
    สส8.jpg
    หลวงพ่อสด สอนวิชาธรรมกาย
    ...หลังจากนั้นอาการของครูโชติก็กลับมาเป็นปกติครับ และครูโชติท่านก็ได้ไปปรึกษา อาจารย์ของท่านอีกคนหนึ่งชื่อ อ.บุญเรือง สอนสมัย หรือคณะลูกศิษย์ทั่วไปเรียกท่านว่า อ.เรือง ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสสอนกรรมฐาน อาจารย์เรืองท่านนี้ “ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ” และท่านเคยเข้าโรงงานทำวิชา “ธรรมกาย” ที่วัดปากน้ำสมัยที่หลวงพ่อสดท่านยังมีชีวิตอยู่ และต่อมาท่านก็ได้เป็นครูกรรมฐานสอนกรรมฐาน ของวัดปากน้ำอีกด้วย หลังจากหลวงพ่อสด มรณภาพ อ.เรือง ก็กลับมาอยู่บ้านเกิดที่อยุธยา โดยครูโชติก็มีโอกาสได้ไปเรียนกรรมฐานกับท่าน “และ อ.เรือง นี้เองที่มอบวิชาธัมมะกาโยให้กับครูโชติ โดย อ.เรือง ท่านให้อุปเท่ห์ว่า กายในของพระพุทธเจ้าเรียกว่าธรรมกายนี้ เป็นกายละเอียดและเป็นกายที่อยู่เหนือทุกกาย หรือที่เรียกกันเป็นสำนวนว่า “นอกธาตุ เหนือขันธ์” วิชานี้เมื่อทำจนคล่อง อวิชชาจะมองไม่เห็นเลย(อ.เรืองท่านบอกว่านี้เป็นคำของหลวงพ่อสดเลย).......” โดย อ.เรือง อธิบายให้ครูโชติฟังว่า “ร่างกายเราจะประกอบด้วยขวัญคือดวงจิตเป็นนามธรรม และมิ่งคือร่างกายธาตุ 4 คือรูปธรรม(มิ่งขวัญนั้นเอง) และในทุกๆอณูไม่ว่ากายหรือจิตจะมีช่องว่าง ที่ภาษาบาลีเรียกว่า ปริจเฉทรูป เป็นช่องว่างระหว่างรูปต่อรูป ไอ้ช่องว่างพวกนี้แหละทำให้ กายละเอียดอื่นๆแฝงเข้ามาอยู่ได้และสามารถควบคุมกายเราได้ หรือแม้แต่ดึงเจตภูมิ หรือขวัญของเราให้ออกจากกายนี้ได้ก็เพราะผ่านช่องว่างระหว่างรูปนี้เองออกไป... ”


    ....โดย อ.เรืองท่านบอกว่า “วิชาธัมมกาโยนี้ เป็นวิชาที่มีมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมี โดยโบราณจารย์ท่านก็รจนาถอดมาจากพระไตรปิฎก แต่ครูบาอาจารย์สมัยนี้ท่านไม่รู้จักเลยมิได้นำไปใช้กัน เพราะต่างเข้าใจว่า วิชาธัมมกาโยเป็นแนวทางฝึกกรรมฐาน เอานิมิตรยันต์เป็นองค์กรรมฐานมากกว่า แต่จริงๆคือยันต์องค์พระธรรมกายภายในพระพุทธเจ้าเลยละ”


    ซึ่ง ครูโชติก็ได้รับสืบทอดวิชานี้มาจาก อ.เรือง อีกทีโดยทุกครั้งที่ครูโชติจะทำการใด ท่านบอกท่านจะตั้งนิมิตรด้วยยันต์ “ธัมมกาโย” ทุกครั้งเพื่อเป็นการป้องกันของคุณไสยตีกลับ และป้องกันวิชาลึกลับ(วิชาดึงจิตหรือเจตภูมิออกจากร่าง) ที่อาจจะถูกส่งกลับมาทำลายเราด้วย เพราะคนทำของบางคนชอบลองของ ถ้าแก้วิชาเขาได้เขาจะส่งกลับมาเป็นชุดเลย เพื่อลองว่าเราจะแก้ทางเขาได้ไหม


    ....และนับแต่นั้นมาครูโชติก็เริ่มร่ำเรียนวิชาต่างๆคล่องขึ้น และจะทำการใดก็รัดกุมมากขึ้นไม่ประมาท ทำตามตำราทุกประการ และที่สำคัญ “ครูโชติก็ได้สักวิชาธัมมกาโยนี้ไว้บนหัวบริเวณขวัญบนหัว” เพื่อคุ้มตัวเวลาเจอวิชาลึกลับเหล่านี้ที่ถูกส่งมาอีกด้วย อ.บุญเลิศท่านจึงได้สืบวิชานี้มาจากเพื่อนท่านคือครูโชตินี้ละครับอีกที ปัจจุบันครูโชติได้เสียชีวิตไปได้ 5 ปีแล้วสิริอายุ70 ปีครับ(เข้าใจว่าหน้าจะติดโควิดในช่วงนั้นเพราะท่านเป็นโรคปอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2025 at 21:53

แชร์หน้านี้

Loading...