เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,211
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,348
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7276.jpeg
      IMG_7276.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      137.6 KB
      เปิดดู:
      17
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,211
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,348
    วันนี้ตรงวันจันทร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อวานนี้ประมาณ ๔ โมงครึ่ง เราวิ่งมาถึงเมืองอนุราธปุระ แล้วก็ตรงเข้าไปยังวัดพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นวัดที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นำจากประเทศอินเดียมาปลูกไว้ที่นี่ เป็นเวลา ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว ถือเป็นสถานที่สำคัญมาก ๆ อีกสถานที่หนึ่งของชาวศรีลังกา คล้ายคลึงกับพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเช่นกัน

    พวกเราได้รับการต้อนรับที่ใหญ่โตมาก ทางด้านพระมหานายกะ เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาโพธิ์ท่านไม่ว่าง มอบหมายให้เลขานุการทำการต้อนรับพวกเรา สำหรับพระภิกษุก็มีการถวายน้ำชา และน้ำตาลก้อน ส่วนทางด้านฆราวาสนั้น มีอาหารว่างซึ่งเน้นกล้วยด้วย หลังจากนั้นก็มีการแจกใบพระศรีมหาโพธิ์ให้กับทุกท่านคนละ ๑ ใบ

    ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี หัวหน้าคณะในครั้งนี้ ได้ขอให้พวกเราร่วมบริจาคทำบุญกับสถานที่แห่งนี้ กระผม/อาตมภาพควักเงินที่เหลือหมดทั้งตัวแล้วได้ ๑,๒๐๐ บาท จึงมอบให้กับท่านไปเลย

    หลังจากที่กรวดน้ำรับพรแล้ว พวกเราก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นเวลาประมาณเกือบ ๖ โมงครึ่งของศรีลังกา ก็ราว ๆ ๒ ทุ่มของบ้านเราแล้ว ปรากฏว่าอุบาสกอุบาสิกาชาวศรีลังกายังคงไหลมาเทมา ไม่ว่าจะมาถวายสักการะด้วยดอกไม้ ธูปเทียน ของหอมก็ดี หรือว่ามาสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชาก็ตาม คณะของเราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ถวายถาดใส่ดอกไม้มา ซึ่งกระผม/อาตมภาพฉวยโอกาสนำมาสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์เสียเลย

    พวกเราเข้าไปสวดมนต์ถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นพุทธบูชาแล้ว เขาอนุญาตให้เฉพาะพระเท่านั้นขึ้นไปกราบสักการะถึงด้านในได้ หลังจากพวกเราลงมาก็ขอให้ทุกคนอนุโมทนาแบ่งบุญร่วมกัน แล้ว ทั้งคณะก็ไปกราบสักการะทางด้านที่เขามีต้นเสาเคลือบทองค้ำกิ่งพระศรีมหาโพธิ์เอาไว้ ต่างคนต่างถ่ายรูปกันที่นั่น จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จากลากันมาแบบอาลัยอาวรณ์
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,211
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,348
    ช่วงที่เดินมาขึ้นรถผ่านต้นไม้ต้นหนึ่ง มีรุกขเทวดาโผล่หน้าออกมาว่า "ช่วยถ่ายรูปผมเอาไว้ด้วยครับ" ก็เลยจัดการถ่ายรูปไป ปรากฏว่ามีรัศมีมาทั้ง ๓ ด้าน อยู่ในลักษณะล้อมต้นไม้เอาไว้ด้วย ถือว่าพ่อเจ้าประคุณไม่เสียทีที่อยู่วัดพระศรีมหาโพธิ์แห่งนี้ จึงได้มีบารมีขนาดที่สามารถแสดงรัศมีกายให้เห็นสว่างไสวจนปานนั้น..!

    พวกเราขึ้นรถแล้วก็วิ่งตรงไปยังเมืองสีคีริยา ซึ่งครั้งก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพและคณะได้พักอยู่ที่อนุราธปุระ แล้วรุ่งขึ้นจึงวิ่งไปชมพระราชวังลอยฟ้าเมืองสีคีริยา แต่หลายคนบอกว่าประดักประเดิดมาก เนื่องเพราะว่ามาใกล้เวลา ถ้าจะฉันเพลก็เร็วเกินไป แต่ถ้าขึ้นไปชมพระราชวังลอยฟ้าเสียก่อนแล้วค่อยลงมาก็จะช้าเกินไป ซึ่งครั้งนั้นพวกเราตัดสินใจไปชมพระราชวังลอยฟ้าเสียก่อน มาครั้งนี้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดจึงได้จัดให้พักที่โรงแรม Fresco Water Villa ซึ่งเป็นโรงแรมอยู่ห่างจากพระราชวังลอยฟ้าแค่ประมาณรถวิ่ง ๕ นาทีเท่านั้น

    พวกเรามาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาประมาณทุ่มครึ่งของศรีลังกา ก็คือ ๓ ทุ่มเมืองไทยแล้ว ปรากฏว่าการแจกจ่ายห้องนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่การหาห้องนั้นยากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนเขาอยู่ที่นี่ เขารู้ว่าแต่ละห้องนั้นอยู่ที่ไหน เมื่อพวกเราถามเขาก็ชี้มือไปว่าด้านโน้น ด้านนี้ ด้านนั้น ซึ่งมีอาคารจำนวนมากด้วยกัน แล้วเราก็จะเห็นแค่ตัวเลขห้องของชั้น ๑ เท่านั้น ชั้น ๒ และชั้น ๓ พวกเราไม่เห็น

    กระผม/อาตมภาพต้องเดินสุ่มไปถึง ๔ หลัง ถึงจะได้เจอห้องของตนเอง ที่เขาลงเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นห้องวีไอพี แต่เข้าไปแล้วไม่มีอะไรแปลกกว่าห้องอื่นเลย แม้กระทั่งที่หลับที่นอนอะไรทุกอย่างก็คล้ายคลึงกับโรงแรมระดับ ๓ ดาวของบ้านเราเท่านั้น แต่ด้วยความที่เหนื่อยมาตลอด จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก ส่งกำลังใจแผ่เมตตาบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายแล้ว ก็หลับไปในเวลาอันรวดเร็ว

    ตื่นขึ้นมาอีกทีเป็นเวลาเกือบตี ๒ ของประเทศศรีลังกา จึงได้มาส่งงานต่าง ๆ และเดินถ่ายรูปมุมต่าง ๆ เพื่อส่งไปให้ญาติโยมได้ดู คราวนี้ปรากฏว่า WIFI ของทางโรงแรม Fresco Water Villa นี้ เป็น WIFI ที่แรงใช้ได้ กระผม/อาตมภาพไม่ต้องไปพึ่ง WIFI ของไอ้ตัวเล็ก จึงได้ให้อภัยในความไม่สะดวกในเรื่องการหาห้องพักของเขา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,211
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,348
    ครั้นได้เวลาประมาณตี ๕ ครึ่งของทางศรีลังกา พวกเราส่วนหนึ่งก็ออกมายังบริเวณล็อบบี้ แล้วกระผม/อาตมภาพก็ต้องนั่งรับศรัทธาญาติโยมที่เข้ามาทำบุญตามเคย ครั้น ๖ โมงครึ่ง เขาเปิดห้องอาหารแล้ว พวกเราก็ทยอยกันเข้าไปรับประทานอาหาร หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพยังสามารถกลับห้องไปล้างหน้า แปรงฟัน ทำโน่นทำนี่เสียหลายอย่าง กว่าที่พวกเราจะพร้อมกันออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังพระราชวังลอยฟ้าได้ ก็เลยเวลาที่กำหนดคือ ๘ โมงครึ่งไปประมาณ ๗ - ๘ นาที ยังดีที่ว่ารถวิ่งไม่กี่นาทีก็มาถึงลานจอดรถแล้ว

    เนื่องจากคณะของเราเป็นทัวร์กรุ๊ปใหญ่ ได้ติดต่อล่วงหน้ามา เจ้าหน้าที่จึงได้ซื้อบัตรรออยู่ พวกเราแค่เดินผ่านเครื่องตรวจนับ ให้เขานับจำนวนคนให้ถูกต้องเท่านั้น กระผม/อาตมภาพเมื่อเข้าไปถึง ก็เดินอ้อมไปทางด้านขวามือก่อน โดยมีน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และ "ลูกอ้วน" (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ตามมาถ่ายรูปในมุมที่มองเห็นสีหคีรีได้ชัดเจนที่สุด หลังจากนั้นพวกเราก็เดินแซงท่านทั้งหลายที่ล่วงหน้าเข้าไปก่อน

    หลายคนเมื่อเจอบันไดชั้นแล้วชั้นเล่าก็เริ่มถอดใจ ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพนำหน้าลิ่วไป จนกระทั่งถึงบริเวณที่ถ้าเลี้ยวขวาก็จะออกไปทางกำแพงกระจกซึ่งมีรูปนางอัปสรเป็นภาพเขียนสีฝาผนังอยู่ ใครที่ไม่อยากเดินต่อก็สามารถที่จะเลี้ยวไปชมภาพทางด้านนี้แล้วกลับออกไปได้เลย

    ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นขึ้นไปจนถึงบริเวณหน้าเท้าสิงห์แล้ว ก็เจอคณะของเรามาถึงแค่ ๑๐ กว่าคนเท่านั้น ได้ถ่ายรูปหมู่กันตรงนี้ แล้วบอกความจริงให้ทุกคนทราบว่า บันไดที่เห็นอยู่นั้น ไม่ได้หมดแค่สายตาเราเห็น แต่ว่าขึ้นไปสูงกว่านั้นอีก แล้วก็ไม่มีที่ให้พักด้วย ดังนั้น..ถ้าใครคิดว่าไม่ไหวก็ให้รออยู่ข้างล่าง

    แล้วคนแก่อย่างกระผม/อาตมภาพก็เดินนำขึ้นไป ซึ่งใช้เวลาขึ้นไปถึงข้างบนแค่ ๑๒ นาทีเท่านั้น ทำเอาญาติโยมหลายท่าน ตลอดจนกระทั่งท่านพันแสน อคฺคธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศิลาวาส (ปิงโค้ง) จังหวัดเชียงใหม่ ทำท่าจะขาดใจตายไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้วก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยยาก ครั้นได้ถ่ายรูปข้างบนกันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นำคณะกลับย้อนลงมาทางเก่า ญาติโยมท่านอื่น ๆ ที่ตามมาทีหลัง มาเจอกันกลางทาง ก็ทักทายกันเป็นระยะไป
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,211
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,348
    ครั้นลงมาถึงหน้าเท้าสิงห์แล้ว ถึงได้รู้ว่าน้องเล็กลงไปอีกทางหนึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงพา "ลูกอ้วน" และคณะเดินเลาะกำแพงกระจกไป ขึ้นบันไดเวียนไปชมภาพนางฟ้าผู้ยากจน เพราะว่าไม่ได้ใส่เสื้อสักรูปเดียว..! แล้วก็เดินเลาะออกมาทางออกด้านนอก เจอพวกเราคณะใหญ่ที่ไม่ได้ขึ้นด้านบน ออกมาอยู่ทางด้านนี้ โดนเราแซงออกมาข้างนอกแบบ "ชิล ๆ" ทางออกนี้รู้สึกว่าจะไกลกว่าทางเข้าเสียอีก..!

    เมื่อลงมาตรงบริเวณร้านขายน้ำ กระผม/อาตมภาพควักเงินรูปีศรีลังกาจำนวน ๓,๐๐๐ รูปีมอบให้กับ "เผือกน้อย" (นายเฉลิมเดช รุจิราวรรณ) บอกว่าไปแสดงฝีมือซื้อน้ำอัดลมสีดำยี่ห้อดังมาแจกพวกเรากันหน่อย ปรากฏว่าเขาขายขวดละ ๓๐๐ รูปี แถมยังบอกเป็นภาษาจีนว่า "ซันไป่" อาจจะเห็นเพราะว่า "เผือกน้อย" ของเราหน้าตาลูกเจ๊กชัด ๆ พวกเราได้รับมาในราคาขวดละ ๒๕๐ รูปี จากฝีมือต่อราคา ดังนั้น..จำนวน ๓,๐๐๐ รูปีจึงได้มา ๑๒ ขวด แบ่งปันกันดื่มแบบชื่นใจมาก

    นั่งฉันนั่งรอถ่ายรูปกันอยู่ตรงนั้น จนส่วนหนึ่งมาถึง พวกเราก็เดินไปที่ลานจอดรถ ขึ้นรถไปรอได้พักหนึ่ง ฝนฟ้าก็กระหน่ำลงมา แต่ว่าพวกเราต้องรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ ผ่านไปครึ่งค่อนชั่วโมงกว่าที่ทุกคนจะมารวมกันครบ วิ่งกลับไปถึงโรงแรม Fresco Water Villa ปรากฏว่า ๑๑ โมงตรงของศรีลังกาพอดี ห้องอาหารเปิดให้เข้าไปฉันเพลได้ กระผม/อาตมภาพวันนี้ถือมังสวิรัติ โกยเอาพวกบรรดาผักสลัดต่าง ๆ มาจานโต พร้อมกับกล้วย ๒ ผล ฉันเสร็จแล้วก็ไปสรงน้ำร้อน เปลี่ยนเสื้อผ้าที่หมกมา ๓ วันแล้ว จากนั้นก็ลงมารอพวกเรา คืนกุญแจกับรีเซฟชั่น และแนะนำท่านอื่น ๆ ว่าให้คืนกุญแจด้วย

    ครั้นถึงเวลา ฝนฟ้าก็เปิดให้พวกเราเดินทางต่อ กระผม/อาตมภาพวันนี้รับงานนอกเอาไว้ จึงต้องอธิษฐานจิตขอบารมีพระ ช่วยในการปลุกเสกเหรียญ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อวัดไร่ขิง ผ่านอากาศไปให้ด้วย ความจริงเมื่อวานตอนเช้าก็ทำการปลุกไปให้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่าวันนี้ขอทำเต็มพิธีหน่อย..!

    เมื่อลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าเขามาจอดที่สวนสมุนไพร Ranweli เจ้าเก่า เพื่อให้พวกเราเข้าห้องน้ำ แต่พวกเราส่วนใหญ่กลับวิ่งไปละลายทรัพย์เสียนี่..! ทางด้านเจ้าของร้านเห็นพวกเรามากันคณะใหญ่มาก จึงทำการเลี้ยงน้ำชาสมุนไพรด้วย เมื่อละลายทรัพย์กันจนเป็นที่พอใจแล้ว ประมาณเวลา ๑๔.๔๕ น. ของศรีลังกา พวกเราก็วิ่งต่อไป เพื่อตรงไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้ กระผม/อาตมภาพฉวยโอกาสนี้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน ถ้ามีเสียงรบกวนจากภายนอกมาก ก็ต้องขออภัยกับทุกท่านด้วย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...