!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

พระปิดตาผงอัฐ (กระดูกผี วัดโพธิ์) พิมพ์พิเศษหายาก ขนาดจัมโบ้(พิมพ์กลาง) หนาปึ้ก เป็นพิมพ์เม็ดบัว ไม่ตัดปีก พระยุคแรก หรือ พระในตำนาน อีกหนึ่งตัวช่วย ในสงครามอินโดจีน ยุคประสบการณ์เล่าขานมากมาย

พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ วัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นพระเครื่องที่ผู้นำไปใช้บูชาติดตัวแล้ว ต่างมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ในด้านประสบการณ์ต่างๆ พระรุ่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามอินโดจีน ช่วงปี ๒๔๘๐ กว่าๆ อันเป็นสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่มีอาณานิคมอยู่ในอินโดจีน พอเสร็จสงครามอินโดจีน ก็เข้าสู่ยุคของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ช่วงนั้นก็มีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาด้วย เนื่องจากประเทศไทยได้ทำสัญญาเป็นมิตรกับญี่ปุ่น อยู่กับฝ่ายอักษะ ประเทศไทยจึงมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพเต็มไปหมด ทำให้เราต้องทำสงครามกับฝ่ายพันธมิตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ถูกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดระลอกแล้วระลอกเล่า การทิ้งระเบิดครั้งนั้น เป็นการทิ้งแบบปูพรม โดยที่เครื่องบินได้บินสูงๆ เมื่อทิ้งระเบิดลงมาจึงทำให้เกิดการพลาดเป้าหมาย ไปถูกบ้านเรือนของประชาชนเป็นประจำ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการเป็นจำนวนมากพระเกจิอาจารย์หลายท่าน จึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชน ไว้ป้องกันอันตราย เป็นขวัญและกำลังใจ

เมื่อราวปี ๒๔๘๕ พระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ ท่าเตียน (หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม) เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาในครั้งนั้นด้วย เป็นการสร้างโดยตัวท่านเอง แบบเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป คือ พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ

พระอาจารย์หนู เป็นพระเกจิอาจารย์จาก จ.สุรินทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเขมร ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์มาก แม้อายุจะไม่มากนัก แต่ความรู้ความสามารถทางคาถาอาคมมีสูง จนมีผู้คนเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง ท่านชอบเลี้ยง ว่าน ไว้ที่กุฏิของท่านหลายชนิด นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ จึงมีชาวบ้านไปขอความอนุเคราะห์ให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บอยู่เสมอ บ้างก็ไปขอวัตถุมงคล หรือให้ท่านรดน้ำมนต์ เนื่องจากพระอาจารย์หนู มีความชำนาญในวิชาอาคม และไสยศาสตร์มาก การสร้างพระเครื่องของท่าน จึงทำแบบพิสดาร ผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ทั่วๆ ไป

กล่าวคือ ท่านได้นำเอา อัฐิ หรือ ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย มาสร้างเป็นองค์พระปิดตา ผสมกับผงพุทธคุณ, ผงอิทธิเจ และว่านอาถรรพ์ต่างๆ การที่ท่านนำเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างพระเครื่อง เป็นเหตุผลของตัวท่านเอง เนื่องจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายนี้ ตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ แต่การที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างวัตถุมงคล จะต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ถึงจะทำได้ เพราะของแบบนี้ ย่อมมีแรงอาถรรพณ์อยู่ในตัว ขี้เถ้ากระดูกผี ที่พระอาจารย์หนูนำมาสร้างพระเครื่องนั้น ไม่ได้จำเพาะว่า จะต้องเป็นขี้เถ้ากระดูกของคนที่ตายโหง หรือตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แต่ประการใด ขอให้เป็นขี้เถ้าของกระดูกคนที่ตายแบบไหนก็ใช้ได้ สมัยนั้น ชาวบ้านนิยมเผาคนตายตามเชิงตะกอน ช่วงสงครามมีคนตายกันมาก ขี้เถ้ากระดูกของคนตายจึงสามารถหาได้ง่าย แต่ก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกคนตายมาใช้สร้างพระเครื่อง ท่านจะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามวิชาที่ได้เรียนมา

พระผงขี้เถ้ากระดูกคนตาย ที่พระอาจารย์หนูสร้างขึ้นนั้น ท่านได้เอา ว่านโพง มาบดให้ละเอียดผสมเข้าไปด้วย ว่านชนิดนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกระสือ เชื่อกันว่า เป็นว่านที่มีอาถรรพ์ และมีอิทธิฤทธิ์มาก มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก หากสัตว์พลัดหลงเข้าไปในบริเวณที่มีว่านชนิดนี้ขึ้นอยู่ อาจถูกว่านดูดเลือดกินจนตายก็ได้ ว่านโพงหรือว่านกระสือนี้ อาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมขลัง มักจะชอบเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน การเลี้ยงว่านชนิดนี้ เลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม แม้มวลสารที่พระอาจารย์หนูนำมาใช้ในการสร้างพระปิดตา ดูจะเฮี้ยนๆ น่ากลัว แต่ท่านได้ทำพิธีพลีกรรมถูกต้องตามตำราทุกประการ จึงทำให้ผู้ที่นำพระไปใช้ กลับได้รับคุณเพียงอย่างเดียว เรื่องโทษภัยอันตรายไม่เคยมีปรากฏ และผลที่ได้กลับแปลก คือ แรง และ เร็ว กว่าวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ หลายเท่า พุทธคุณจะแรงและเร็ว คล้ายๆ กับเครื่องรางของขลัง ผู้นำมาใช้อธิษฐานขอสิ่งใด มักจะสมหวังเสมอ และหากสมหวังดั่งใจแล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกนั้นด้วย

สำหรับประสบการณ์ที่เล่าขานกันนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทย และทหารญี่ปุ่น จนมีคำเรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า ทหารผี เพราะมีคนเห็นว่า ทหารไทยโดนยิงจนล้มแล้ว กลับลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะตาย แต่ไม่ตาย เพราะหนังเหนียว ทรหดอดทนมาก พระปิดตาผงกระดูกผี นี้เมื่อบูชาแล้วจะเด่นมากในด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยดี เวลาเดินทางไปไหน มาไหน ทั้งๆ ที่ไปคนเดียว แต่มีคนกลับมองเห็นว่า เหมือนมีคนเดินตามกันมาหลายคน บางคนนั่งรถไปธุระ พอลงจากรถ มักจะมีคนถามว่า “คนที่มาด้วยไปไหนแล้ว” อย่างนี้ก็มี ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆ เช่น การเสี่ยงโชค นักเสี่ยงโชคมักจะมีความรู้สึกว่า มีคนคอยมาดลจิต ให้ได้รับโชคนั้นๆ แต่มีข้อแม้ว่า หากใครได้โชคมาพอประมาณแล้ว ก็ควรจะเลิก อย่าโลภมาก เพราะอาจจะหมดตัวก็ได้ คนที่ชอบของแรงๆ พุทธคุณเด่นชัดเร็วๆ ต้องบูชาพระปิดตาสำนักนี้ รับรองว่า แขวนเดี่ยวจะปรากฏประสบการณ์อย่างชัดเจนมาก มีครบสูตร ไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม และโคลาภฯลฯ

(องค์นี้ถือเป็นพิมพ์พิเศษหายากมาก เป็นพิมพ์เม็ดบัว แต่ไม่ตัดขอบ ขนาดกลางคนสมัยก่อน กว้างประมาณ 2.5 ซม. สูงประมาณ 4 ซม. ขอบหนา 1 ซม. แม้จะไม่ใช่พิมพ์นิยม มาตรฐานแบบพระปิดตาพิมพ์ตื้น และพิมพ์ลึก แต่ก็หาชมยากสุดๆ ไม่แพ้พิมพ์พระปิดตานั่่งยอง และรองลงมาก็คือ พระปิดตาพิมพ์เม็ดบัว ซึ่งนักเล่นสายนี้ต่างยอมรับกันว่าเป็นพระปิดตาพิมพ์หายากของพระผงกระดูกผี ที่สร้างโดยพระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ ที่เล่นหาและยอมรับกันมานาน ซึ่งมีมากมายหลายพิมพ์ ทั้งพิมพ์พระปิดตา พิมพ์พระสมเด็จ และพิมพ์อื่นๆ อีกมากเช่นพิมพ์ล้อหลวงพ่อโต พิมพ์ล้อพระกลีบบัวเนื้อผงกรุวัดสามปลื้ม เป็นต้น องค์นี้ กดพิมพ์ได้คมชัดลึกได้ใจ แม้มีบางส่วนของเปลือกนอกขององค์พระระเบิดออก แต่ก็ทำให้เห็นเนื้อหาภายในสีออกเทาอมเขียว มีร่องรอยชิ้นมวลสาร และว่านยาต่างๆ หลายจุด ทำให้ง่ายต่อการพิจารณาความแท้และดูเข้มขลังขึ้นอีก) ปัจจุบัน พระปิดตาผงกระดูกผี ของ พระอาจารย์หนู ที่เล่นหากันนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงต้องกดพิมพ์ได้ลึกแบบที่เห็นนี้ ผิวพรรณ ความเก่า มวลสารเก่าเพียบ ดูเข้มขลัง นับเป็นพระปิดตาที่น่าสนใจพิมพ์หนึ่ง ราคาค่านิยมยังไม่แพงจนเกินไปนัก องค์นี้พระติดลึกเต็มๆ สภาพสวยแชมป์ระดับนี้ ปัจจุบันไม่ใช่จะหาได้ง่ายนักและเป็นพระพิมพ์ที่อยู่ในสนามประกวดมาแล้ว ราคากลางๆ หลักพันแก่ๆ

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระชัยวัฒน์ พิมพ์พุทธกวัก ผิวมะระ (ไม่ถือน้ำเต้า) หลังยันต์อุ 2495 เนื้อทองเหลืองผสมทองคำ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี

พระชัยวัฒน์หล่อโบราณ พิมพ์พุทธกวัก เนื้อโลหะผสม ประมาณปี 2495 หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี ท่านเป็นพระเกจิยุคเก่า สมัยสงครามโลก สร้างพระเครื่องพระบูชา หลายแบบ หลายเนื้อหา เป็นที่รู้จักกันดี ก็มีพระสิวลียืน ขนาดบูชา และพกพา พระเนื้อผงน้ำมันทรงสัตว์ต่างๆ พระเนื้อดินเผา พระผงเนื้อใบลานและ เนื้อโลหะ เป็นต้น ท่านมักรับนิมนต์ร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลสำคัญๆหลายพิธี อาทิ พิธีอินโดจีน ที่วัดสุทัศน์ฯ และพิธีกริ่งวัดสุทัศน์ฯ หลายๆงาน อีกทั้งมีความสนิทสนมกับท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) และ ได้ชนวนมวลสารเก่าๆของวัดสุทัศน์ฯมาผสมมาก สำหรับพระประเภทเนื้อโลหะของท่าน ดังนั้นพระกริ่งพระชัยวัฒน์ของ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จึงมีเชื้อสายพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ เนื่องจากพระชัยวัฒน์พิมพ์พุทธกวักนี้ เป็นพระอีกพิมพ์หนึ่ง ได้ถูกจัดสร้างในวาระเดียวกับพระชัยวัฒน์สุจิตโต 2495 วัดบวรนิเวศฯ มีพิมพ์สมาธิ และพระชัยวัฒน์ไพรีพินาศ ปกติพระพิมพ์พุทธกวักจะพบเห็นได้น้อยกว่ามาก

ใช้กรรมวิธีเทหล่อแบบโบราณ โดยเข้าดินไทย เทหล่อเป็นช่อ วรรณะ (เนื้อใน) เป็นสีเหลืองอมขาว กระแส (ผิว) เป็นสีน้ำตาลเข้ม ดินเบ้าและผิวไฟ รวมทั้งน้ำทอง เกาะติดตามซอกๆทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ซึ่งเป็นธรรมชาติของพระหล่อโบราณ พระเนตร พระนาสิก หล่อออกมาได้ลึกคมชัดมาก พระกรรณหล่อติดชัดทั้ง ๒ ข้าง พระบาทยกนูนสูงอย่างเด่นชัด ลำพระองค์ใหญ่และหนา สภาพพระสวยสมบูรณ์มาก เป็นพระแท้ดูง่าย ถูกต้องทั้งพิมพ์ทรงและเนื้อหา ใช้บูชาแทนพระชัยฯไพรีพินาศได้ เพราะสร้างและพิธีปลุกเสกเดียวกัน พุทธคุณไม่แตกต่างกัน แต่สำคัญคือ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี ท่านนำแบบมาจากพระชัยวัฒน์สุจิตโต วัดบวรนิเวศวิหาร 2495

หลวงพ่อแฉ่ง เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลัง มีพลังจิตแก่กล้า เป็นพระปฏิบัติที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน ชอบออกธุดงค์ไปศึกษาธรรมะ และวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ จากหลายพระคณาจารย์ อาทิ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย อ.คลองด่าน สมุทรปราการ เรียนวิชาลงเขี้ยวเสือ ทำน้ำมนต์เมตตามหานิยม และสะเดาะเคราะห์ ,หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน พระนคร เรียนวิชามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี การพุทธาภิเษกพระเครื่อง ,หลวงปู่ฉาย วัดพนัญเชิง อยุธยาฯ เรียนวิชาตะกรุดโภคทรัพย์ ตะกรุดสามกษัตริย์ และเคล็ดยันต์ตัว "นะ"ทุกชนิด ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท เรียนวิชาหุ่นพยนต์ป้องกันตัวและเฝ้าทรัพย์ วิชาลงกระหม่อม ลงลิ้น ,หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยาฯ เรียนวิชายันต์เกราะเพชร ยันต์กันไฟ เสกกล้วยน้ำว้าใช้ในการคลอดบุตรง่าย วิชาคล้องสายสิญจน์เรียกทารกตายกลมออกจากท้อง ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยาฯ เรียนวิชาตะกรุดโทน ตะกรุดมหารูด การลงยันต์ราชสีห์ ,พระอาจารย์ วัดเขารูปช้าง พิจิตร เรียนวิชายันต์พรหมสี่หน้า ,พระอาจารย์ปลอด ลพบุรี เรียนวิชาทำสีผึ้งเมตตา ตะกรุดไม้รวก ,ท่านเจ้าคุณ วัดใต้ ธนบุรี เรียนวิชาทำลูกอม ,ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม พระนคร เรียนวิชาประจุพระประจำวันเกิด ,พระอาจารย์หยิบ วัดทุ่ง เรียนวิชาลงยันต์โภคทรัพย์ ,พระอาจารย์เงิน วัดท่ามะปรางค์เหลือง เรียนวิชาสาริกา

ความโด่งดังของท่าน ทำให้ได้รับนิมนต์ร่วมนั่งปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลดังๆ เช่น พิธีที่วัดราชบพิธ พ.ศ.๒๔๘๑, พิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ, พิธีพุทธาภิเษกพระกริ่ง และพระชัยวัฒน์รุ่นต่างๆ ที่ท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์ฯ) วัดสุทัศนฯ สร้างขึ้น

(พระชัยวัฒน์ พิมพ์พุทธกวัก เป็นเอกลักษณ์ เทหล่อโบราณ ใต้ฐาน ตะไบแต่ง โลหะเก่าถึงยุค แห้งๆ ธรรมชาติดูง่ายดี ฐานยันต์อุ เอกลักษณ์ วัดบางพัง โลหะคราบเก่า ขี้แมลงและเม็ดแร่เกาะแน่นในผิว ยิ่งทำให้ดูเป็นธรรมชาติง่ายๆ เรียกว่าแท้ตาเปล่ามาแต่ไกล น่าอนุรักษ์ สำหรับคอสะสมพระชัยวัฒน์หล่อฯเก่าๆ ชนวนดี มีที่มาแน่นอน เป็นเนื้อทองเหลืองผสมทองคำ หล่อเบ้าดินแบบโบราณ พุทธคุณดีทุกด้าน ความเจริญรุ่งเรือง พร้อมด้วยเมตตา บารมี มีชัยชนะเหนือศัตรูทั้งปวง)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย มีกรอบเส้นวาสนา หลังอักษรจีน “ฮก” หมายถึง มีความสุขได้สมตามปรารถนา ทั้งความร่ำรวย โดยโภคทรัพย์สมบัติ และบริวารสมบัติ พระพิมพ์ที่สืบทอดให้ลูกหลานเชื้อสายจีนในรุ่นหลัง

ขณะท่านอายุ ๖๕ ปี อีก ๒ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๓๙๗) ท่านจึงได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ ในราชทินนาม "พระเทพกวี" หลังจากนั้นอีก ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๔๐๗) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ในราชทินนาม "สมเด็จพระพุฒาจารย์" ช่วงเวลานั้นเองเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้เป็นที่เลื่อมใสและศรัทธา เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชน ด้วยปฏิปทาจริยาวัตรของท่าน ทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นอมตะเถราจารย์รูปหนึ่งของเมืองไทย

ในยุคสมัยนั้นเรียกท่านว่า "ขรัวโต" ส่วนในปัจจุบันคนนิยมเรียกว่า "สมเด็จโต" หรือ "สมเด็จวัดระฆัง" ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่เคารพ ศรัทธาสมเด็จโต หากแต่ในยุค ร.3-ร.5 ที่ประเทศไทยทำการค้ากับชาวจีน และพ่อค้าชาวจีนเดินทางมาเมืองไทยมากมายก็ล้วนแต่เคารพศรัทธาสมเด็จฯ แทบทั้งสิ้น

ในช่วงที่สมเด็จได้สร้างและปลุกเสกพระสมเด็จเป็นจำนวนมาก เพื่อตั้งใจสืบทอดพระพุทธศาสนานั้น ตรงกับช่วงที่การค้าของชาวไทยและจีนเจริญรุ่งเรือง และชาวจีนมากมายมาตั้งรกรากในประเทศไทย นอกจากพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ ที่ปรากฏให้เราเห็นแล้วนั้น ยังมี “พิมพ์หลังอักษรจีน” เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นด้วย

เนื่องจากเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรมไทยให้กว้างไกลไปยังประเทศจีน เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต จึงให้ช่างแกะบล็อกที่ด้านหลังเป็นอักษรจีนต่างๆ ทั้งคำมงคล คำอวยพร แซ่ ฯลฯ เพื่อแจกจ่ายให้ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีนที่อพยพมาตั้งหลักปักฐานในเมืองไทย ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและสมเด็จโต ให้พวกเขาพกติดตัวเป็นสิริมงคลในการทำมาค้าขายระหว่างประเทศและประเทศจีน เมื่อพ่อค้าชาวจีนที่เดินทางกลับไปยังประเทศจีนก็ได้นำพระสมเด็จกลับไปด้วยจำนวนมาก เพื่อเก็บสะสมไว้ให้กับลูกหลาน และเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลในการค้าขาย ส่วนพ่อค้าที่ไม่กลับประเทศก็เก็บสะสมเอาไว้ให้กับลูกหลานของตน และยังมีตัวอักษรจีนอีกมากมาย ทั้งแซ่ต่างๆ และคำมงคล ทั้งนี้ถ้าท่านมีโอกาสได้ครอบครองไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อจากตระกูล หรือมีโอกาสได้มาจากที่ไหนก็ตาม ขอให้เก็บสะสมและอนุรักษ์เอาไว้ เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ต่อไป

“ความศรัทธาและพลังพุทธคุณพระสมเด็จ ที่ทำให้ชาวจีนต่างตามหา”

มีการคาดเดาว่า พระสมเด็จ หลังอักษรจีน ได้สร้างราวๆ ปี 2406 - 2411 และได้นำเข้าพิธีในวาระที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ (11 พ.ย.2411) นอกจากพลังพุทธคุณในองค์พระสมเด็จที่ล้นปรี่แล้ว เมื่อนำเข้าพระราชพิธีสำคัญๆ เช่นนี้ ยิ่งอัดพลังพุทธคุณให้เต็มเปี่ยมเข้าไปอีก

ชาวจีนในปัจจุบัน รู้จักพระสมเด็จ วัดระฆัง จากการที่พ่อค้าชาวจีนยุคก่อนได้นำกลับไปยังประเทศจีนและเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักถึงพลังพุทธคุณในองค์พระสมเด็จ มีคำบอกเล่าว่า กลุ่มชาวจีนที่ปฏิบัติธรรมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอนาคต ได้ล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรง มีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ความเสียหายนี้จะเกิดขึ้นทุกมุมโลก

ผู้ปฎิบัติ ถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ทำยังไงถึงจะพ้นภัยนี้ได้ จึงได้คำตอบว่า คนดีมีศีลธรรมส่วนหนึ่งจะพ้นจากภัยพิบัตินี้ ถ้าใครได้สวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นประจำ และมีพระสมเด็จ วัดระฆัง หรือ พระกรุอายุหลายร้อยปี พกติดตัวก็จะพ้นจากภัยพิบัตินั้นได้ประมาณหนึ่ง

เรื่องนี้เองมีการบอกต่อในผู้ปฏิบัติธรรมและผู้ใกล้ชิด ทำให้ชาวจีนทั้งจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวันหรือแม้แต่สิงคโปร์ ต่างค้นหาพระสมเด็จ วัดระฆัง เอาไว้บูชา

พลังพุทธคุณของพระสมเด็จครอบทั้งจักรวาล และเป็นสิริมงคลกับผู้ที่ได้ครอบครอง มีทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน ป้องกันภูตผีปีศาจ โรคระบาด และอำนวยผลให้เกิดสิริมงคล ความสุขสมบูรณ์ทั้งปวง ทำให้เกิดความอาจหาญ กำราบภัยอันตราย ฯลฯ ยิ่งผู้ที่ถือครองได้ถือศีล ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยแล้วนั้น ก็จะเป็นพลังคุ้มครองอย่างดีเลยทีเดียว

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

หลวงพ่อเงิน บางคลาน กรุวัดเขาพระใต้. อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เนื้อสำริดนาค “สัมฤทธิ์ผล” คราบกรุ คราบผิวเดิม ไม่แต่งผิว (กรุใต้ฐานพระประธาน)

พระชุดนี้ กรุแตกปี 2553 ที่วัดเขาพระใต้ ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ทางวัดได้รื้อศาลาเก่าที่ผุพังและได้พบไหที่บรรจุพระเครื่องหลวงพ่อเงินที่ฝังอยู่ตามเสาใต้ถุนศาลาจำนวนหนึ่ง และพระเครื่องหลวงพ่อเงินอีกจำนวนหนึ่งที่บรรจุไว้ใต้ฐานพระประธาน รวมแล้วมีจำนวนมากมายหลายพิมพ์ หลายเนื้อ มีทั้งเนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงิน เนื้อเงินยวง เนื้อสัมฤทธิ์ต่างๆ และเนื้อดิน ศาลาหลังนี้สร้างไว้เมื่อปี 2460 รวมถึงปัจจุบันเป็นเวลามากกว่า 100 ปีแล้ว โดยหลวงพ่อเงินท่านเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ศาลาหลังนี้เอง ศาลาหลังนี้ใช้สอนหนังสือชาวบ้านสมัยนั้น พระเหล่านี้ทางวัดแจ้งว่าทันหลวงพ่อเงินปลุกเสก พุทธคุณ โชค ลาภ เงินทอง

พระเครื่องหลวงพ่อเงินที่ขุดพบมีหลายพิมพ์ด้วยกัน เช่น พิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา พิมพ์สังกัจจายน์ พิมพ์ปิดตา พิมพ์ฤาษี พิมพ์ขี่ช้าง พิมพ์พระพิฆเนศวร และพิมพ์พระอุปคุต มีทั้งเปลือยผิว ผิวลงรัก และผิวลงรักปิดทอง

พระเครื่องหลวงพ่อเงินที่ถูกบรรจุอยู่ในไห ฝังอยู่ตามเสาใต้ถุนศาลา เมื่อเปิดออกมา พบว่ายังมีคราบกรุจับเต็มไปหมด จนดูด้วยสายตาแล้วไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเนื้ออะไร ถ้าจะให้บอกว่าเป็นเนื้ออะไรคงจะลำบาก เพราะส่วนมากคราบกรุจะจับแน่นแทบไม่เห็นเนื้อที่แท้จริงขององค์พระ ต้องล้างคราบกรุออกถึงจะรู้ ในบางท่านก็ชอบแบบมีคราบกรุ ในบางท่านก็ชอบแบบไม่มีคราบกรุ ด้วยเหตุนี้พระกรุนี้จึงมีบางท่านนำไปล้างผิวและขัดแต่งผิวเพื่อจะดูว่าเป็นเนื้ออะไร จึงพบว่าพระกรุนี้ทั้งแบบล้างผิว และแบบไม่ล้างผิว (ส่วนพระเครื่องหลวงพ่อเงินที่ถูกบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธาน สภาพผิวจะถูกกัดกร่อนน้อยกว่าพระเครื่องหลวงพ่อเงินที่ถูกบรรจุอยู่ในไหฝังอยู่ตามเสาใต้ถุนศาลา แต่ก็ต้องทำความสะอาดผิวหรือแต่งผิวเพื่อดูเนื้อเช่นกัน)

พระกรุชุดนี้ ทางวัดแจ้งว่าทันหลวงพ่อเงินปลุกเสกแน่นอน พุทธคุณแรงและสุดยอดมากๆ ใช้แทนพระหลวงพ่อเงินรุ่นแรกได้ (สำหรับพระองค์ที่ลงไว้นี้ เป็นพิมพ์หลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม เนื้อสำริดนาค ไม่แต่งผิว มองผ่านกล้องส่องพระ จะเห็นกระแสแร่ธาตุกายสิทธิ์ อมคราม อมม่วง ตามซอกขององค์พระ จะมีคราบกรุเม็ดกรวดทราย ทั้งองค์ สวยงาม คลาสสิคมาก เนื่องจากเป็นเนื้อโลหะพิเศษ ฝังใต้พระประธาน)

สัมฤทธิ์ผล คือสัมฤทธิ์แดง หรือตรีโลหะ มีมงคลความหมายถึง พระรัตนตรัยเป็นทองสัมฤทธิ์เนื้อสาม ผสมด้วยโลหะธาตุ ๓ ชนิด คือ ทองแดง เป็นส่วนใหญ่และเจือด้วยเงินกับทองคำ สัมฤทธิ์ตระกูลนี้มีวรรณะแดงคล้ายนาก แต่มีผิวเจือด้วยวรรณะคล้ำๆ คล้ายสีมะขามเปียก โบราณถือว่าเป็นมงคลวัตถุ อำนวยผลนานาประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเมตตามหานิยมพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง โดยเฉพาะพระพุทธรูปอู่ทองหน้าแก่มักสร้างด้วยเนื้อนี้

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 6 ชั้น อกตลอด วัดเกศไชโย อ่างทอง พระพิมพ์นี้เป็นหนึ่งในหลายๆพิมพ์ ที่นิยมสุด ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) แห่งวัดระฆัง

พระสมเด็จ พิมพ์ 6 ชั้นอกตลอด วัดเกศไชโย จังหวัดอ่างทอง สร้างโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) ในครั้งที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้ไปสร้างพระบูชาองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น สมัยก่อนผู้คนทั่วไปมักจะรู้จักแต่พระสมเด็จวัดเกศไชโย เฉพาะพิมพ์ 7 ชั้นเท่านั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 พี่มานิตย์ ปฐพี ได้นำพระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 6 ชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 2 พิมพ์ได้แก่พิมพ์อกตลอดและพิมพ์อกตัน ในภายหลังจึงได้ค้นพบว่า พระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 6 ชั้นนั้น มีทั้งหมด 3 เนื้อเช่นเดียวกับของพิมพ์ 7 ชั้น ได้แก่ เนื้อพระสมเด็จวัดระฆังฯ เนื้อเซรามิคหรือเนื้อกระเบื้อง และเนื้อสุดท้ายก็คือเนื้อทึบ

พระสมเด็จวัดเกศไชโย เนื้อวัดระฆังฯ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้นำเนื้อมวลสารมาจากวัดระฆัง โดยท่านได้นำมาผสมกับผงอิทธิเจเพิ่มเติม เนื้อพระสมเด็จจึงอ่อนนุ่ม มีรอยรูพรุนเข็มที่ละเอียด มีส่วนผสมของเนื้อวัดระฆัง แต่ไม่มีเม็ดพระธาตุหรือรอยหนอนด้น การตัดพิมพ์ไม่ปรากฏมีรอยปูไต่ทั้งสิ้น

สำหรับเนื้อเซรามิคนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้สร้างพระโดยใช้มวลสารของวัดระฆังฯ จนกระทั่งเนื้อมวลสารใกล้จะหมด จึงได้นำปูนขาวไปผสมเพิ่ม เป็นเหตุให้พระสมเด็จวัดเกศไชโย รุ่นที่ 2 เนื้อจะเป็นสีขาวมาก ไม่เห็นเนื้อมวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังฯ เมื่อพระมีอายุยาวนานกว่าร้อยปี เนื้อสีขาวก็เกิดเป็นรอยรานแตกลายงา เราเรียกกันว่า เนื้อเซรามิคหรือเนื้อกระเบื้อง บนผิวของเนื้อแตกลายงา บางองค์จะมีผิวเชื้อรา เราเรียกกันว่า ไคลเสมา ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ผสมไว้ในเนื้อ และต่อมาท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านได้ผสมเนื้อขึ้นมาใหม่ เนื้อไม่มีมวลสารของผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ เป็นเนื้อทึบ ๆ เราเรียกว่า เนื้อทึบ เกี่ยวกับพระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 6 ชั้น พิมพ์อกตลอดและพิมพ์อกตัน ต่างก็มีเนื้อทั้งสามแบบเหมือนกัน เช่นเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง

(สำหรับพระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 6 ชั้นอกตลอด องค์นี้ เป็นพระที่งดงามและมีคุณค่ามาก เพราะเป็นเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังฯ ซึ่งสร้างขึ้นเป็นส่วนน้อยมาก แทบจะไม่เคยพบเห็นกันนัก ส่วนใหญ่ที่ปรากฏจะเป็นเนื้อทึบ ความที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความเคารพศรัทธาในท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เนื้อพระสมเด็จซึ่งมีส่วนผสมของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม จึงเป็นพระที่ทรงคุณค่าและได้รับความนิยมมากที่สุด องค์พระจะเป็นสีขาวผสมน้ำตาลอ่อนเจือจาง ผิวมีรอยรูพรุน รอยปริแยก รอยหนอนด้น รอยปูไต่ มวลสารเม็ดละเอียดเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ทั่วทั้งองค์ ครบสูตรประกอบกับองค์พระองค์นี้ สันนิษฐานว่าเจ้าของเดิมวางไว้บนหิ้งบูชาตากอากาศเป็นระยะเวลานานพอสมควรน่าจะหลายสิบปี ละอองฝุ่นผสมกับแคลเซียมในอากาศจับอยู่บนผิวขององค์พระ เฉพาะภายในรอบ ๆ องค์พระประธานและฐานหกชั้น จะมีคราบละอองฝุ่นและแคลเซียมสีน้ำตาลจับอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด ส่งผลทำให้องค์พระสมเด็จวัดเกศไชโย 6 ชั้นอกตลอดองค์นี้ดูคมลึกมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว ฝนลบคมอันเป็นเอกลักษณ์ของพระสมเด็จวัดเกศไชโย ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ได้สร้างขึ้น พิมพ์หลังเรียบ ถ้าเป็นเนื้อผงพระสมเด็จวัดระฆังฯ พื้นหลังจะยุบจากขอบเล็กน้อย เหมือนกับพระสมเด็จวัดเกศไชโย พิมพ์ 7 ชั้น ซึ่งจะเป็นเฉพาะเนื้อวัดระฆังฯเท่านั้น พิมพ์หลังจะยุบเหมือนกัน องค์พระจะปรากฏ 3 มิติ)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองคนับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระปิดตา หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง หลังพระสังกัจจายน์ พิมพ์ใหญ่ ปี 2505 เนื้อผงพุทธคุณสีขาว (สุดหายาก กว่าเนื้อสีดำ)

สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์ปถม อาจสาคร เป็นผู้แนะนำ การตำ คลุกเค้าผงและกดพิมพ์พระ ลักษณะ เป็นพระเนื้อผงพุทธคุณล้วนผสมสีผึ้งเขียว (เนื้อพระจะออกอมเขียวอมดำ)

มวลสารส่วนผสม
1.ผงวิเศษเก่าของหลวงพ่อทาบ
2.สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ
3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร
4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงพ่อทาบ
5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิ์สัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี
6.ผงดินมงคลของหลวงพ่อทาบ
7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง

ปลุกเสกครั้งที่ 1
หลวงพ่อทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม

ปลุกเสกครั้งที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง

1.หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี
2.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
3.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง
4.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก

พระเกจิอาจารย์ได้เข้าสมาธินั่งปรกปลุกเสกตั้งแต่ 18.00 น. ถึงประมาณ 02.00 น. ของวันใหม่ โดยเฉพาะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ทิมอิสริโก รับนิมนต์มาปลุกเสกนอกวัดละหารไร่ และท่านได้นั่งปรกปลุกเสกรวดเดียว 8 ชั่วโมง โดยไม่หยุดพักฉันน้ำชา (ปกติจะลั่นฆ้องทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้พระคุณเจ้าได้ถอนสมาธิพักผ่อนอิริยาบถและฉันน้ำชาประมาณ 30 นาที)

สุดยอดทั้งมวลสารและพิธีกรรม พระสภาพสวยเดิมมาก มวลสารเข้มๆ พระปิดตาของหลวงพ่อทาบปกติก็หาได้ยากพอดูแล้ว องค์นี้พิเศษ ด้านหลังมีพระสังกัจจายน์ด้วย พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขาย

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

แหวนพิรอด หมวกเจ๊ก (ทรงนิยม) หลวงปู่เฒ่า (ยิ้ม) วัดหนองบัว
“แหวนอักขระวัดหนองบัว (แหวนพิรอด) ๑ ใน ๙ เครื่องรางของขลังสะท้านแผ่นดิน ทรงหมวกเจ๊ก (นิยมสุด) ยุคต้นๆ เก่า รักมันส์ ลึกบึ๊ก”

เป็นอิทธิวัตถุมงคล ที่มีฤทธานุภาพสูงสุด สร้างเอาไว้ตามตำรับพิธีตำราโบราณ พิถีพิถันละเอียดประณีตในการสร้างมาก เป็นสุดยอดแหวนของเมืองไทย กรรมวิธีการสร้าง หลวงปู่ยิ้ม ท่านสร้างขึ้นด้วยพิธีการที่เข้มขลัง โดยการนำผ้าบังสุกุลที่ท่านเสก และลงอักขระคาถาบนผ้าเป็นเวลานาน นำมาพันเป็นแหวน บริกรรมคาถาตลอดการพันให้ครบ ๑๐๘ จบ แล้วท่านจึงนำผงวิเศษไม้ ไก่กุก เมื่อฤดูผสมพันธุ์ประมาณช่วงตะวันขึ้น ไก่ตัวผู้จะใช้ปากคีบไม้เคาะกับพื้น ให้มีเสียง เพื่อเรียกตัวเมียเข้ามาหาเพื่อผสมพันธุ์ นำไม้ไก่กุก มาบดผสมผงพุทธคุณ ไคลโบสถ์ ไคลเสมา ข้าวไหว้พระพุทธ ดอกไม้ไหว้พระพุทธ ดินกลางแม่น้ำ ดินรังต่อแตน รังหมาร้า ที่เกาะเศียรพระพุทธรูป ฯลฯ จนครบตามตำราโบราณ ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด

(วิชาสุดยอดที่ท่านศึกษามาจาก หลวงปู่กลิ่น วัดหนองบัว ซึ่งเป็น อาจารย์ของหลวงพ่อเงิน บางคลาน, หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า, หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ฯลฯ) นำผงทั้งหมด มาคลุกรัก พอกเข้าไปกับตัวแหวนแล้วจุ่มรัก ปลุกเสก ๗ วัน ๗ คืน เมื่อปลุกเสกเสร็จ จะโยนเข้ากองไฟ หากแหวนไม่ไหม้ไฟ เป็นอันใช้ได้

"หมากดี ที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลัง วัดนายโรง ไม้ครู คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบิน วัดหนองโพ พิสมร วัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้าย วัดโตนดหลวง ราหู คู่วัดศรีษะ แหวนอักขระ วัดหนองบัว ลูกแร่ ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน เก้าสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ"

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครีบ