ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนขู่ไม่ให้สหรัฐฯ เข้ามายุ่งเรื่องไต้หวัน ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องอื่น

    วันที่ 7 มี.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานคำแถลงของ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ที่เตือนไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ว่าให้หยุดก้าวก่ายกิจการภายในเรื่องเกาะไต้หวัน โดยนำประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมาเป็นข้ออ้าง

    นายหวังกล่าวว่า ไม่มีพื้นที่สำหรับการประนีประนอมหรือยินยอมใดๆ ในการที่จีนมีสิทธิ์ครอบครองไต้หวัน สำคัญอย่างยิ่งที่สหรัฐฯ จะต้องรับรู้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้น โลกคงจะห่างไกลกับความสงบสุขต่อไป

    ทางการจีนหวังว่าสหรัฐฯ จะเอาตัวเองออกห่างจากเรื่องนี้ หลังจากที่รัฐบาลชุดก่อนได้กระทำการ “ล้ำเส้น” และ “เล่นกับไฟ”

    ในเวลาเดียวกัน จีนยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในการรับมือกับภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 เรื่องเศรษฐกิจโลก รวมถึงกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

    นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ แล้ว นายหวังได้กล่าวถึงประเด็นต่างๆ ที่จีนถูกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง โดยระบุว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ กับชาติตะวันตกพยายามทำให้เกิดปัญหาในทะเลจีนใต้ เพื่อทำลายสันติภาพและเสถียรภาพภายในภูมิภาค

    อีกทั้งยังพูดถึงความขัดแย้งบริเวณชายแดนจีน-อินเดีย ที่ชี้ว่าการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหา รวมถึงประเด็นความขัดแย้งกับญี่ปุ่นในกรณีพิพาทหมู่เกาะเซนกากุ ที่ขอให้สังคมญี่ปุ่นมองจีนอย่างสมเหตุสมผล และช่วยสนับสนุนให้เกิดความสัมพันธ์ที่มั่นคงในระยะยาวระหว่างทั้งสองประเทศ

    ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/arti...rns-u-s-not-to-interfere-in-beijing-s-affairs

    http://www.xinhuanet.com/english/2021-03/07/c_139792284.htm

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การลุกขึ้นกล่าวประณามการยึดอำนาจโดยกองทัพของ จอ โม ตุน ผู้แทนเมียนมาประจำยูเอ็น เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ชาวโลกได้เห็นการต่อสู้ของชาวเมียนมาที่อยู่นอกประเทศ

    ขณะที่เหล่านักการทูตในสถานทูตเมียนมาทั่วโลกกำลังลังเลว่า จะยอมเป็นตัวแทนของกองทัพที่จับกุมเหล่าผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ จอ โม ตุน ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะต่อต้าน และไม่ยอมรับเผด็จการทหารโดยเด็ดขาด

    เรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร วันนี้ workpointTODAY จะสรุปมาให้อ่านกัน

    1.) จอ โม ตุน ยอมรับว่าเขาไม่เคยเข้าร่วมการประท้วงมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี 1988 ขณะที่นักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งตัดสินใจออกมาเดินประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งประวัติศาสตร์ หรือที่เรียกกันว่า ‘เหตุการณ์ 8888’ เขาเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ ที่ต้องการให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน

    2.) แต่หลังจากที่กองทัพใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม ทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องปิดตัวลง จอ โม ตุน ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 3 ยังไม่มีใบปริญญา และไม่มีหนทางในการหาเงินให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จึงจำเป็นต้องออกไปหางานทำที่ต่างประเทศ เช่นเดียวกับชาวพม่าหลายล้านคน

    3.) จุดหมายแรกของเขาคือกรุงเทพฯ ที่ซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ กับความหรูหราของเครื่องปรับอากาศ มีรายการโทรทัศน์ให้ความบันเทิงตลอดทั้งวัน และมีแสงสว่างเต็มไปหมด ขัดกับเมืองย่างกุ้งที่มืดมิด ปราศจากแสงไฟในยามค่ำคืน และอากาศที่อบอ้าว จากนั้น เขาได้เดินทางไปทำงานประกอบตู้เย็นกับพ่นสีสเปรย์หลอดไฟในมาเลเซีย และเข้าเป็นลูกเรือบนเรือที่สิงคโปร์

    4.) จอ โม ตุน กลับมาศึกษาต่อในประเทศบ้านเกิดหลังจากที่มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดอีกครั้ง เขายอมรับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายให้พ่อแม่ของเขารู้ว่า ประเทศตนล้าหลังกว่าเพื่อนบ้านขนาดไหน มิหนำซ้ำยังถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ทำให้ประเทศพัฒนาช้าลงไปอีก

    5.) หลังเรียนจบจากสาขาศิลปศาสตร์ เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เขาได้เข้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ ในสายงาน จนได้ไปประจำที่จาการ์ตา ตามด้วยนิวยอร์กและสิงคโปร์ จนสุดท้ายได้มาประจำที่สำนักงานของสหประชาชาติในเจนีวา ตั้งแต่ปี 2018

    6.) เหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รับความสนใจไปทั่วโลก คือการกล่าวต่อหน้าสมาชิกสมัชชาสหประชาชาติ 193 ประเทศ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่เขาชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วระหว่างการลุกขึ้นกล่าวถ้อยแถลงโจมตีการยึดอำนาจโดยกองทัพเมียนมา พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศใช้มาตรการที่แข็งกร้าวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อยุติการก่อรัฐประหารของกองทัพโดยเร็ว

    7.) หลังจากที่เขากลับบ้านไปในคืนนั้น ลูกสาววัย 12 ปีได้บอกกับเขาว่า เขาทำท่าชู 3 นิ้วผิด ต้องชูนิ้วแบบชิดกัน ไม่ใช่อยู่ห่างแบบนั้น แต่เธอก็รู้สึกภูมิใจในตัวเขาอยู่ดี

    8.) การขึ้นกล่าวครั้งนั้น ทำให้นักการทูตชาวเมียนคนอื่นๆ ที่ประจำอยู่ในเจนีวา เบอร์ลิน ลอสแอนเจลิส วอชิงตัน และเทลอาวีฟ เริ่มเข้าร่วมการต่อต้านที่เรียกว่า การทำอารยขัดขืน (Civil Disobedience Movement) หรือที่ใช้ตัวย่อว่า CDM

    9.) แม้กองทัพเมียนมาจะสั่งปลด จอ โม ตุน ในเวลาต่อมา โดยกล่าวหาว่าเขามีความผิดฐานเป็นกบฎ แต่เขาได้ปฏิเสธคำสั่งดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าเขารับคำสั่งจากรัฐบาลเท่านั้น สิ่งที่กองทัพทำคือการยึดอำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

    10.) ส่วนทางองค์การสหประชาชาติเองก็ยังไม่ยอมรับคำสั่งปลดดังกล่าว โดยระบุว่าได้รับจดหมาย 2 ฉบับที่มีเนื้อหาขัดแย้งกัน ฉบับแรกจากกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ที่ประกาศปลด จอ โม ตุน ออกจากตำแหน่ง ส่วนอีกฉบับคือจดหมายจาก จอ โม ตุน ที่ยืนยันว่ากองทัพไม่มีอำนาจสั่งปลด เพราะเขาคือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    11.) ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพเพื่อขึ้นมาแทน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา ทำให้ จอ โม ตุน ยังคงเป็นผู้แทนเมียนมาประจำยูเอ็นต่อไป

    12.) จอ โม ตุน ให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่า คนรุ่นใหม่รู้จักประชาธิปไตยดี และเขาก็รู้จักประชาธิปไตยเช่นกัน เขาอยากจะทำให้เกิดผลกระทบมากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นขนาดไหน ในโลกยุคใหม่ การทำรัฐประหารโดยกองทัพไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้ และพวกเขาจะสู้ต่อไป เพื่อรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน

    อ้างอิง: https://www.nytimes.com/2021/03/06/world/asia/myanmar-protests-un-ambassador.html

    http://new.myanmargeneva.org/biography-of-permanent-representative/

    https://www.channelnewsasia.com/new...dor-kyaw-moe-tun-diplomatic-struggle-14336872

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1> สิงคโปร์วางแผนที่จะติดตั้งเครือข่ายเซ็นเซอร์สภาพอากาศทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรเทาผลกระทบของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "เกาะความร้อนในเมือง" (Urban heat island) ซึ่งกำลังทำให้สิงคโปร์ร้อนเร็วสุดๆ และยังเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ด้วย

    2 > สิงคโปร์เป็นเกาะอยู่แล้วแต่มันมีบางพื้นที่ที่มีตึกหนาแน่น ตึกเหล่านี้ขวางกระแสลมและวัสดุสร้างอาคารยังดูดความร้อนได้ง่าย เมื่อมันดูดไว้ตอนกลางวัน มันจะปล่อยความความร้อนตอนกลางคืน ทำให้ร้อนตลอดเวลา อุณหภูมิสูงสุดในเวลากลางคืนสูงกว่าตอนกลางวันประมาณ 4-7 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่

    3 > นี่ไม่ใช่แค่ความรำคาญอากาศร้อน เพราะตอนนี้สิงคโปร์ร้อนขึ้นเร็วเป็นสองเท่าของโลก โดยร้อนขึ้นที่ 0.25 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งสิงคโปร์ (MSS) ในเวลานี้สิงคโปร์ร้อนกว่าในปี 1950 เกือบ 1 องศาเซลเซียสแล้ว

    4 > ร้อนอย่างเดียวยังไม่พอ หากใครเคยไปสิงคโปร์คงจะทราบว่าสิงคโปร์มีความชื้นสูง เมื่อยิ่งร้อนขึ้นความชื้นจะยิ่งสูงขึ้นซึ่งหมายความว่าเหงื่อจะไม่ระเหยเร็วเพื่อช่วยระบายอากาศในร่างกายเรา ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้มันเย็นลงซึ่งอาจนำไปสู่อาการอ่อนเพลียจากความร้อนและโรคลมแดด

    5 > นี่คือที่มาของการใช้เครือข่ายดิจิทัลเพื่อแก้โลกร้อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ Grace Fu กล่าวว่าการติดตั้งเซนเซอร์จะเป็นหนึ่งในสามกลยุทธ์บรรเทาภาวะเกาะความร้อนในเมือง และการติดตั้งเซ็นเซอร์เหล่านี้จะช่วยให้สิงคโปร์สามารถวัดรวบรวมข้อมูลจนทำให้รู้ต้นตอของเกาะความร้อนในเมือง

    6 > เซ็นเซอร์สภาพอากาศจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิโดยรอบ ความชื้นสัมพัทธ์ และความเร็วลม และยังจะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สิ่งแวดล้อม 40 ตัวในทางตะวันตกของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นมีประชากรอาศัยหนาแน่นที่สุด

    7 > ข้อมูลที่รวบรวมจะนำมาช่วยทำแบบจำลองสภาพอากาศของสิงคโปร์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำมีความละเอียดทั่วเกาะและยังสามารถจำลองการไหลของลมผ่านพื้นที่วางผังเมือง และระบุตำแหน่งที่ความร้อนจากแสงอาทิตย์มีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวสูง

    8 > แบบจำลองสภาพภูมิอากาศเหล่านี้พร้อมกับแบบจำลองอื่นๆ ที่จำลองตัวแปร เช่น การใช้พลังงานและการใช้การขนส่งจะการผลักดันสังคมดิจิทัลของสิงคโปร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย Cooling Singapore 2.0 ที่จะหาหนทางให้สิงคโปร์เย็นลง

    9 > เพราะตอนนี้สิงคโปร์ร้อนขึ้นอันเป็นผลมาจากผลกระทบของเกาะความร้อนในเมืองซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เนื่องจากเป็นนครรัฐที่มีประชากรหนาแน่นในเขตร้อน ซึ่งประชากร เศรษฐกิจ และระบบนิเวศของสิงคโปร์มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้านลบจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในอนาคต

    10 > ในอนาคตรัฐบาลสิงคโปร์จะร่วมมือกับเจ้าของอาคารและซัพพลายเออร์วัสดุที่สนใจโครงการลดความร้อน เพื่อเริ่มโครงการนำร่องออกแบบอาคารอาคารและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่ทำให้ประเทศร้อนน้อยลงและเย็นมากขึ้น

    11. > โครงการ Cooling Singapore 2.0 ไม่ใช่แค่พยายามที่จะปรับปรุงระดับความสะดวกสบายนอกบ้านของของชาวสิงคโปร์เท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วยังช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและความยั่งยืนของสิงคโปร์โดยรวมด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงทำกันจริงจังมาตั้งแต่โครงการ 1.0 และ 1.5 มาถึง 2.0 ตามสเตปการแก้ปัญหา

    12 > แต่พวกเขาจะแก้ปัญหาทันหรือไม่? เพราะ ดร. มูฮัมหมัด อีคมัล ฮัสซิม นักวิจัยอาวุโสของศูนย์ MSS เพื่อการวิจัยสภาพภูมิอากาศของสิงคโปร์ เตือนว่าอุณหภูมิสูงสุดประจำวันของสิงคโปร์อาจสูงถึง 35 ถึง 37 องศาเซลเซียสภายในปี 2643 หากการปล่อยก๊าซคาร์บอนยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเดิม

    ข้อมูลจาก
    • "Cooling Singapore". www.coolingsingapore.sg
    • Matthew Mohan. (04 Mar 2021). "Singapore to deploy network of climate sensors across island". CNA
    • Desmond Ng. (21 Dec 2020). "Why Singapore is heating up twice as fast as the rest of the world". CNA

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหราชอาณาจักรถูกศาลยุติธรรมยุโรปตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดขีดจำกัดมลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

    เมื่อปี 2553 ศาลตัดสินว่าสหราชอาณาจักรล้มเหลวในการจัดการปัญหาการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เกินมาตรฐานที่กำหนด และได้สั่งให้รัฐบาลจัดการควบคุมให้ได้ตามมาตรฐานเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 40 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3)

    ล่าสุดจากการประเมินคุณภาพอากาศ ปี 2562 ค่า NO2 ใน 33 เขต จากทั้งหมด 43 เขตของสหราชอาณาจักรยังคงสูงกว่าค่ามาตรฐาน

    รัฐบาลเมืองผู้ดีออกมายอมรับต่อศาลว่า ค่า NO2 สูงกว่ามาตรฐานจริง แต่พวกเขาก็โต้แย้งว่ายังมีประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่ละเมิดข้อจำกัดนี้เช่นกัน

    คำแถลงการณ์ของรัฐบาลอังกฤษยังอ้างถึงผู้พิพากษาศาลสูงสุดของอังกฤษที่เห็นชอบแนวทางการแก้ไขการปล่อย NO2 ในปี 2560 และกล่าวว่าเป็นแนวทางที่สมเหตุสมผล

    แต่ผู้พิพากษาของสหภาพยุโรป กล่าวว่าสหราชอาณาจักรไม่ได้จัดการแก้ไขปัญหานี้อย่างรวดเร็วพอที่จะปกป้องสุขภาพของประชาชน และหากยังคงไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่ "เหมาะสม" คณะกรรมาธิการยุโรปอาจออกประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อให้สหราชอาณาจักรแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

    อีกทั้งอาจนำเรื่องนี้ขึ้นศาลเป็นครั้งที่ 2 และหากเป็นเช่นนั้นอาจมีการเรียกเก็บค่าปรับจากอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนตามกฎหมายว่าสามารถบังคับให้สหราชอาณาจักรที่ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) จ่ายค่าปรับได้หรือไม่

    รายงานข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพยืนยันว่าระดับที่ของมลพิษทางอากาศในทางใต้ของลอนดอนมีส่วนทำให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบเสียชีวิต

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพเปรียบเทียบให้เห็นผลกระทบหลังจากช้างกินยาฆ่าหญ้าหรือสารเคมีใช้กำจัดศัตรูพืชเข้าไป จะเห็นได้ว่ามีแผลไหม้และบวมบริเวณลิ้นและปาก ซึ่งช้างอมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่กินยาเคมีเหล่านี้เข้าไปเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ได้นำไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ลำปาง
    .
    อาการเบื้องต้นแม้ช้างจะมีอาการซึม โดยเฉพาะลูกช้าง แต่ก็เริ่มกินน้ำและกล้วยสุกเป็นอาหารบ้างแล้ว ทางคณะแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือจะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
    .
    นส.พ.ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ นายสัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งว่า การได้รับสารพาราควอตในระยะยาวหรือซ้ำๆ การรับประทานในปริมาณที่น้อยก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพาร์คินสันได้
    .
    นอกจากนี้หลังจากเมื่อคืน (4 มีนาคม) ทีมหมอและทีมสนับสนุนจาก Center of Elephant and Wildlife Research FVM CMU คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ Thai Elephant Alliance สมาคมสหพันธ์ช้างไทย ได้เดินทางเข้าพื้นที่หมู่บ้านขุนตื่นใหม่ ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งติดชายแดนไทย-พม่าโดยใช้เวลาเดินทางเกือบ 6 ชั่วโมง
    .
    หลังจากได้รับแจ้งว่าช้างจำนวน 8 เชือก ได้รับสารพิษทางการเกษตร ช้างเหล่านี้เป็นช้างที่ตกงานจากปัญหาโควิด และได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านและเลี้ยงปล่อยป่า และได้เข้าไปในไร่ข้าวโพดที่อยู่ขอบชายป่า แต่โชคร้ายที่เจอกับแกลลอนสารพิษ
    .
    จากการตรรวจสอบพบว่าสารพิษดังกล่าวเป็นยากำจัดวัชพืชกลุ่ม “พาราควอต” ซึ่งมีพิษต่อร่างกายอย่างรุนแรงหากได้รับสารนี้เข้าไป ทีมหมอได้ทำการตรวจร่างกายช้างพบว่าช้าง 5 เชือกมีอาการ ซึม มีแผลในช่องปาก ลิ้นบวม ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองอย่างรุนแรงเมื่อได้สัมผัสสารนี้
    .
    เราได้ทำการรักษาโดยให้ยาลดการอักเสบ ยาลดปวด และจัดเรียงลำดับช้างที่มีอาการหนัก เพื่อขนย้ายไปทำการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลช้าง
    .
    เหตุการณที่ช้างได้รับสารพิษทางการเกษตรรอบนี้ไม่ใช้ครั้งแรก แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นกับช้างจำนวนมากและคงกลายเป็นเหตุสะเทือนใจอย่างร้ายแรง หากช้างไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเสียชีวิต
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพัน์ 2564 ไม่นานมานี้เอง ช้างที่บ้านนากล่งแม่แจ่มก็ได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสสารพิษทางการเกษตรเช่นกัน ปลายปี 2563 "พลายเท่ห์" ช้างหนุ่มพ่อพันธ์ดี ก็ต้องมาจบชีวิตลงจากการได้รับสารเคมีทางการเกษตร และหากย้อนดูตัวเลขการเสียชีวิตของช้างกลับไปประมาณซัก 10 ปีจะพบว่ามีช้างเสียชีวิตประมาณ 5-7 เชือก
    .
    หากยังไม่มีการทบทวนการควบคุมใช้สารเคมีทางการเกษตรและการแนะนำการเก็บและใช้งาน การกำจัดอย่างถูกต้องแล้ว เหตุการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น

    #ช้างอมก๋อย #เลิกใช้พาราควอต #ทีมสัตวแพทย์มช #สมาคมสมาพันธ์ช้างไทย #อาสาสมัครสมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    PM2.5 เชียงใหม่ติดอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลกติดต่อกัน 2 วันติด ล่าสุดไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพจากสนามบิน
    .
    ขณะที่ภาพรวมภาคเหนือไฟป่าแดงฉานทั้งภาคค่าฝุ่นพุ่งสูงต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 มีนาคม Airvitual รายงานค่าฝุ่น PM2.5 เชียงใหม่ ติดอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกับวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรปเมื่อวานนี้ คือโจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรบาร์เซโลน่า โดนตำรวจบุกจับกุมตัวเพื่อนำไปสอบสวน โดยเรื่องราวทั้งหมดนั้นมีจุดเริ่มต้นจากคดีที่ชื่อ Barcagate หรือเรื่องอื้อฉาวแห่งบาร์เซโลน่า

    ก่อนจะไปเริ่มเรื่อง ขออธิบายเล็กน้อย ถึง Suffix หรือคำต่อท้ายว่า "Gate" หลายคนอาจสงสัยว่า เกต ที่แปลว่า ประตูรั้ว มันเกี่ยวข้องอะไรด้วย

    ในภาษาอังกฤษ ตั้งแต่มีเหตุการณ์ Watergate (วอเตอร์เกต) ที่สหรัฐฯ ในช่วงต้นยุค 1970 ถ้าเกิดอะไรที่เป็นเหตุอื้อฉาว ก็จะมีการเติมคำว่า gate ต่อท้าย

    คดีวอเตอร์เกต เกิดขึ้นในปี 1972 เมื่อมีการจับกุมคนร้าย 5 คน ที่พยายามขโมยข้อมูลในตึกวอเตอร์เกตคอมเพล็กซ์ สำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ในวอชิงตัน ดีซี

    หลังจากสืบสวน พบว่าคนร้ายถูกจ้างมาจากเงินทุนของพรรครีพับลิกัน และประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน รู้เรื่องทุกอย่าง นอกจากนั้นยังมีการใช้อำนาจรัฐของนิกสันไปกดดันหน่วยสืบสวนกลางอย่าง FBI ให้เลิกสืบคดีซะ

    แต่เมื่อเรื่องมันบานปลายถึงขนาดนี้ สุดท้ายนิกสัน จึงต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และเป็นผู้นำสหรัฐฯแค่คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ลาออก ก่อนจะอยู่ครบ 4 ปี

    จากเหตุการณ์ Watergate ในเวลาต่อมา ถ้ามีคดีอะไร ที่อื้อฉาวต้องใช้เวลาสืบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ก็จะมีคำว่า gate ต่อท้ายตลอด

    อย่างคดีปล่อยลมลูกอเมริกันฟุตบอลของทอม เบรดี้ ก็เรียกกันว่า Deflat-Gate หรือ อย่างเคส ตอนประกาศรางวัลออสการ์ในปี 2017 แต่ในซองดันเขียนผู้ชนะ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมผิดเรื่อง (จากมูนไลท์ เป็น ลาลาแลนด์) ก็ใช้คำว่า Envelope-Gate

    ดังนั้นประเด็นของสโมสรบาร์เซโลน่า จึงใช้คำว่า Barcagate เป็นอันเข้าใจกัน

    ----------------------------------

    กลับมาที่เรื่องของเรา จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 เมื่อรายการกีฬาชื่อ Què t'hi Jugues ในวิทยุคลื่น Cadena Ser ของคาตาลุนย่า ได้ทำการสืบสวนเชิงลึก และค้นพบว่า สโมสรบาร์เซโลน่า ได้จ่ายเงินจ้างบริษัทชื่อ I3 Ventures (ไอทรี เวนเจอร์ส) ปีละ 1 ล้านยูโร เพื่อทำภารกิจลับบางอย่าง

    ภารกิจที่ว่านั้นคือ ตั้งเพจเฟซบุ๊กขึ้นมา เพื่อ "อวย" ผู้บริหารของบาร์เซโลน่า และ "รุมโจมตี" คนที่ดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกับผู้บริหารสโมสร

    โดยบริษัท I3 Ventures มีเพจในมือทั้งหมด 6 เพจ ประกอบไปด้วย

    - Més que un club (คนติดตาม 66,000)
    - Respeto y Deporte (คนติดตาม 56,000)
    - Alter Sports (คนติดตาม 27,000)
    - Sport Leaks (คนติดตาม 21,000)
    - Justicia y Diálogo (คนติดตาม 8,500)
    - Jaume (คนติดตาม 5,000)

    เพจเหล่านี้มีเปลือกนอกคือเพจที่คุยกันเรื่องกีฬา แต่จุดประสงค์เบื้องหลังนั้นชัดเจนมาก คือมีขึ้นเพื่อ "สร้างความนิยม" ให้ผู้บริหารชุดปัจจุบัน

    ตัวอย่างเช่น ถ้าหากบาร์โตเมวตัดสินใจอะไรสักอย่าง เพจลูกสมุนทั้ง 6 ก็จะเข้าไปอวย เข้าไปชม ว่าตัดสินใจได้ดีเลิศ เป็นผู้นำที่เก่งกาจจริงๆ ซึ่งแฟนบอลทั่วไป ที่ไม่รู้เบื้องหลัง ก็อาจพลอยคิดตามไปว่า เอ๊ย มันมีคนชมเยอะขนาดนั้น งั้นแปลว่าบาร์โตเมวคงตัดสินใจถูกต้องล่ะมั้ง

    พอมีคนเห็นความเก่งของบาร์โตเมวเยอะขึ้น แรงต่อต้านในเรื่องต่างๆ ก็จะค่อยๆลดลง และตัวบาร์โตเมวก็จะได้ฐานเสียงเพิ่มขึ้นสำหรับการโหวตเลือกประธานสโมสรครั้งต่อไป เรียกได้ว่าถ้าแฟนบอลคนไหนรู้ไม่เท่าทัน ก็จะตกเป็นเครื่องมือได้ง่ายๆกันเลยทีเดียว

    ไม่ใช่แค่ชมแต่ผู้บริหาร แต่ทั้ง 6 เพจของ I3 Ventures จะทำการ "ดิสเครดิต" ใครก็ตามที่ดูจะเป็นภัยคุกคามให้กับผู้บริหารของทีม

    ไม่ว่าจะเป็นลีโอเนล เมสซี่ หรือเคราร์ด ปิเก้ สองนักเตะในชุดปัจจุบันที่มีพาวเวอร์อย่างมากกับแฟนๆของสโมสร รวมถึงตำนานนักเตะอย่าง ชาบี เอร์นันเดซ หรือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ดูท่าทางจะมีอิทธิพลได้กับแฟนบอลก็โดนเพจทั้ง 6 หาเรื่องลากไปด่าเหมือนกัน เช่นเดียวกับ สองผู้ท้าชิงประธานสโมสรสมัยต่อไป วิคเตอร์ ฟอนท์ และ โจน ลาปอร์ต้า ที่ถือเป็นศัตรูของบาร์โตเมว ก็โดนเพจเหล่านี้ลากไปด่ายับด้วย

    การโจมตี ก็เพื่อดิสเครดิตคนเหล่านี้ ให้คำพูดมีน้ำหนักน้อยลง เพื่อที่มีเวลาพิพาทอะไรกับสโมสร คนจะได้เชื่อผู้บริหารมากกว่า

    ใครก็ตามที่ดูกระด้างกระเดื่อง จะเป็นเหยื่อที่โดนเพจของ I3 Ventures รุมด่า รุมถล่ม กันแบบเละเทะ ซึ่งการด่านักเตะ หรืออดีตนักเตะ จะทำอย่างเป็นขบวนการ ด้วยความที่มีหลายเพจในมือ บางอันก็ด่าเชิงวิชาการ บางอันก็ด่าแบบเกรียนจัดเต็มไปเลย

    ตัวอย่างเช่นในเพจ Alter Sports ที่เป็นสายเกรียน เคยโพสต์รูปหน้ากวาร์ดิโอล่าแล้วเขียนว่า "4 ปี เปลี่ยนรถมา 4 คัน แต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่เข้าใกล้แชมเปี้ยนส์ลีกเลย ฝีมือแบบนี้ไหวไหม!" เป็นการดิสเครดิตเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ให้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของแฟนๆได้

    หรือในเพจ Justicia y Diálogo แขวะปิเก้ว่า "ถ้าปิเก้เล่นฟุตบอลได้เก่ง เหมือนที่พูดเรื่องการเมืองเก่ง บาร์เซโลน่าคงเป็นแชมป์ทุกรายการไปแล้ว"

    ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊กเท่านั้น แต่มีรายงานว่า I3 Ventures สร้างทวิตเตอร์ปลอมจำนวน 922 บัญชี เพื่อทำการ "ปั่นแท็ก" ถ้ามีประเด็นอะไรที่ประธานสโมสรต้องการ ก็จะปั่นให้ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ หรือถ้าจะด่านักเตะคนไหนก็จะปั่นให้ติดเทรนด์ได้เช่นเดียวกัน

    กลยุทธ์การด่าออนไลน์แบบนี้ มันสร้างความหงุดหงิดให้คนโดนด่าเป็นอย่างมาก เพราะอีกฝ่ายเต้าข่าวขึ้นเอง อยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ แล้วก็จับมือใครดมไม่ได้อีกต่างหาก เหมือนโดนแอบต่อยในมุมมืด ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร

    เมื่อข่าวจาก Cadena Ser ถูกเผยแพร่ออกมา บาร์โตเมวรีบออกมาแก้เกมโดยกล่าวว่าบาร์ซ่า มีการตกลงกับบริษัท I3 Ventures เอาไว้จริงๆ โดยตั้งใจตอนแรกจะให้บริษัทมาช่วยป้อนข้อมูลออนไลน์ให้สโมสรเฉยๆ เพื่อที่สโมสรจะได้สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยยืนยันว่า ไม่ได้จ้างมาเพื่อให้ดิสเครดิตใครแน่นอน

    อย่างไรก็ตามนักข่าวที่คาตาลุนย่า ล้วนไม่ปักใจเชื่อ สาเหตุเพราะตั้งแต่จ้าง I3 Ventures ปรากฏว่านักเตะบาร์เซโลน่าหลายๆคน ก็โดนด่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

    ในอดีตเมสซี่ คือฮีโร่อันดับ 1 ของทีม เขาเป็นที่รักของแฟนบอลบาร์ซ่าทั้งหมด ยากมากที่จะมีใครพูดถึงเมสซี่ในทางที่ไม่ดี แต่ในช่วงหลัง เมสซี่ก็โดนเพจเหล่านี้ลากไปด่า จนส่งผลให้แฟนบอลบาร์ซ่าที่หัวอ่อนบางคนคล้อยตาม แล้วไปด่าเมสซี่ตามเพจเหล่านั้นด้วย

    จอร์ดี้ ครัฟฟ์ ลูกชายของโยฮัน ครัฟฟ์ ชายผู้เป็นจิตวิญญาณของบาร์เซโลน่ากล่าวว่า "ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีแค่ในหนัง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี มันเหมือนเป็นข่าวปลอมมากๆ แต่ปัญหาคือมันเป็นข่าวจริง ผมไม่อยากจะเชื่อเลย"

    ใครเจอเรื่องนี้ ก็ต้องช็อก เพราะตามปกติสโมสรกับนักเตะ และเหล่าตำนานของทีม ล้วนแล้วแต่ซัพพอร์ทกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่นี่ถึงกับจ้างคนนอกมาเพื่อด่าคนในทีมตัวเอง มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก

    ลองคิดภาพตาม ถ้าผู้บริหารของแมนฯยูไนเต็ด จ้างเอาต์ซอร์ส ทำเพจปลอม และทวิตเตอร์ปลอมมาไล่ด่า บรูโน่ เฟอร์นันเดส ไล่ด่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือด่าเอริค คันโตน่า คงเป็นเรื่องที่พิลึกกึกกือมาก แต่กับกรณีบาร์ซ่า มันเกิดขึ้นจริง

    เรื่องด่านักเตะในทีมก็ประเด็นหนึ่ง แต่จุดที่ทำให้เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นคือ "ค่าจ้าง" ที่บริษัท I3 Ventures ได้รับจากบาร์เซโลน่า สูงถึง 1 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งเป็นราคาที่สูงโอเวอร์เกินจริงมาก ลองคิดดูว่าคุณต้องใช้เงินถึง 1 ล้านยูโร (40 ล้านบาท) ในการจ้างบริษัทที่ดูแลเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างนั้นหรือ มันแพงเกินไปมาก

    เมื่อเห็นความผิดปกติ เหล่าสื่อมวลชนจึงได้ไปขุดคุ้ยบริษัท I3 Ventures ต่อ ปรากฏว่าบริษัทแห่งนี้ ไม่เคยมีตัวตนมาก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีผลงานอะไรเลย พวกเขาไม่รู้มาจากไหน อยู่ๆก็ได้ร่วมงานกับสโมสรใหญ่อย่างบาร์เซโลน่าอย่างพลิกความคาดหมาย

    สื่อที่สเปน จึงมองว่า I3 Ventures อาจจะมีนอกมีในอะไรกับผู้บริหารบาร์ซ่าหรือเปล่า? หรือมีการติดสินบนอะไรลับหลัง ทำไมสโมสรถึงเลือกจ้าง I3 Ventures ทั้งๆที่ไม่เคยมี portfolio งานของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

    หลังจากเรื่องแดงขึ้นมา บาร์โตเมว ต้องรีบโทรหานักเตะซีเนียร์ของทีมเพื่ออธิบายสถานการณ์ โดยแจ้งว่าตัวเขาไม่รู้เรื่อง และสโมสรได้ take action อย่างรวดเร็วเพื่อตัดความสัมพันธ์กับ I3 Ventures ทันที โดย เคราร์ด ปิเก้ พอคุยกับประธานเสร็จก็ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมฟังคำที่บาร์โตเมวแก้ตัว แต่ผมก็พยายามจะเชื่อเขานะ"

    บาร์โตเมว โดนกดดันหนักจากสังคมภายนอกให้แสดงสปิริต คือคุณจะรู้เรื่องโดยตรงหรือเปล่า ไม่สน แต่ผลลัพธ์คือสโมสรจ่ายเงินให้ใครสักคน มาด่านักเตะในทีม มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะรับได้

    แต่บาร์โตเมว ไม่รับผิดชอบอะไร โดยยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้โดยตรง สุดท้ายก็เลยอยู่ในตำแหน่งประธานสโมสรต่อ อย่างไรก็ตามมีจุดที่น่าสนใจคือ คือบอร์ดบริหารคนอื่นๆขอลาออกจากตำแหน่งเกือบทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากร่วมงานกับคนที่ทำให้สโมสรแตกแยกไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    สำหรับในแง่การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พุ่งเล็งไปที่การ "จ่ายแพง" เกินราคาตลาด เพราะบาร์ซ่าจ่ายให้ I3 Ventures ปีละ 1 ล้านยูโร คือมีความเป็นไปได้ที่ผู้บริหารเหล่านี้จะรับเงินสินบนจาก I3 Ventures นอกจากนั้นยังสืบสวนการคอรัปชั่น โดยเชื่อว่า เจ้าหน้าที่บางคนแอบยักยอกเงินจากสโมสรด้วย

    อเลฮันดรา กิล ลิม่า ผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีนี้ กล่าวว่าคดีนี้มีมูล เพราะ "การจ่ายเงินของบาร์เซโลน่าให้ I3 Ventures ถือว่าผิดปกติ โดยจ่ายด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดถึง 6 เท่า ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเห็นกันได้ง่ายๆ"

    สำหรับเหตุการณ์ในวันที่ 1 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สนธิกำลังไปบุกจับตัว บาร์โตเมว, ออสการ์ เกรา ในฐานะซีอีโอ, โรมัน โกเมซ พอนติ ทนายของสโมสร และ เฆาเม่ มัสเฟร์เรร์ อดีตผู้อำนวยการทีม ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีการคอรัปชั่น แต่สุดท้ายศาลก็ให้ประกันตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ต้องสู้คดีกันต่อไป

    ณ เวลานี้ เรื่องราวทั้งหมดเราต้องสรุปออกเป็น 2 ส่วน

    ส่วนแรกคือเรื่องว่าบาร์โตเมว ฮั้วกับบริษัท I3 Ventures จริงหรือไม่ มีสินบนหรือเปล่า ทำไมเลือกบริษัทนี้ ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์ และทำไมต้องจ่ายเงินค่าจ้างแพงเกินกว่าปกติ โดยคดีนี้อยู่ในชั้นศาล ก็ต้องสืบหาหลักฐานกันต่อไป

    และส่วนที่สอง คือประเด็นเรื่องการไปจ้างคนมาด่าทีมตัวเอง ล่าสุดข่าวชิ้นนี้ของ Cadena Ser ได้รางวัลข่าวสืบสวนยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศสเปนไปเรียบร้อยแล้ว มันจึงชัดเจนว่าข่าวนี้ไม่ได้มีขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตบาร์โตเมวแน่ๆ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ

    สิ่งที่เราเห็นนั้น คือภายในทีมบาร์เซโลน่าขาดเอกภาพเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหน ที่ผู้บริหารของทีม ต้องการอำนาจเอาไว้กับตัว ถึงขั้นไปจ้างคนนอก มาด่านักเตะในทีม มันเป็นเรื่องที่พิลึกสุดๆไปเลย

    เขาถึงบอกกันเสมอว่า ทีมฟุตบอลที่จะประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างต้องรวมตัวกันเป็นเนื้อเดียว

    ผู้บริหารต้องมีทิศทางที่ชัดเจน ผู้จัดการทีมต้องมีความใจกว้างและรอบรู้ ส่วนนักเตะก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับอย่างสุดความสามารถ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง เพื่อเป้าหมายเดียวกัน มันจะนำไปสู่ความสำเร็จของสโมสรในตอนท้ายที่สุด ไม่ใช่ว่าหมั่นไส้กันเอง จ้องจะเล่นกันเอง แล้วมันจะไปต่อได้ยังไง

    สโมสรที่ทีมเวิร์คดี ผลงานในสนามก็ย่อมพุ่งทะยานไปได้ไกล ตรงกันข้ามกับสโมสรที่ไม่สามารถรวมใจกันเป็นหนึ่งได้ ผลงานก็คงกระท่อนกระแท่น

    เพราะในเมื่อศึกในยังไม่สงบ จะไปหวังรบชนะในศึกนอก มันคงยากจะเกิดขึ้นนะ
    .
    #BARCAGATE

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว รัสเซียสั่งยกเลิกอาชีพที่สตรีห้ามทำหลายร้อยตำแหน่ง ซึ่งเคยระบุไว้ในสมัยสหภาพโซเวียต โดยคำสั่งนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับโอกาสการทำงานของสตรีในอนาคต อนึ่ง อาชีพที่ทางการรัสเซียปลดล็อคให้ผู้หญิงมีโอกาสเข้าทำงานได้ อาทิ คนขับรถบรรทุก คนขับเรือ คนขับรถไฟใต้ดิน และนักบิน จากที่ในยุคสหภาพโซเวียตมีการระบุห้ามให้สตรีทำงานเหล่านี้ด้วยเหตุผลว่าอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เมื่อปีก่อน กระทรวงแรงงานรัสเซีย ออกประกาศปลดล็อคอาชีพที่ให้ผู้ชายทำเท่านั้น ซึ่งมีถึง 456 อาชีพ ให้เหลือเพียงแค่ราว 100 อาชีพ ก่อนที่จะเริ่มมีหน่วยงานต่างๆ ประกาศรับสมัครผู้หญิงในอีกหลายเดือนต่อมา.
    ----------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.voathai.com/a/russia-en...y-unavailable-for-women-03042021/5801993.html

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เพื่อจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ!!! รัฐบาลพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯจึงเสนอว่า จะเก็บภาษีคนรวยเพิ่มอีกร้อยละ 2 โดยผู้ที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มนี้เป็นครอบครัวอเมริกันที่มีความมั่งคั่งสุทธิมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,500 ล้านบาท)

    ** จากการแถลงข่าวของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า พวกเขาจะทำให้เศรษฐกิจเป็นธรรมมากขึ้น โดยจะไม่มีการขึ้นภาษีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศร้อยละ 99.95 ที่มีความมั่งคั่งสุทธิต่ำกว่า 50 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,500 ล้านบาท) แต่จะเน้นขึ้นภาษีร้อยละ 2 กับเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 30,000 ล้านบาท) และกับกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งสุทธิมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ก็จะมีการภาษีส่วนเพิ่มรายปีอีกร้อยละ 1 คิดเป็นภาษีทั้งหมดร้อยละ 3

    โดยเรื่องนี้ ส.ว.รัฐแมสซาชูเซตตส์ เอลิซาเบธ วอร์เรน ซึ่งเป็นผู้ที่เสนอให้มีการเก็บภาษีความมั่งคั่งดังกล่าวระบุว่า กลุ่มคนรวยล้นฟ้าและกลุ่มคนมีอำนาจมากได้ทำการบิดเบือนกฎให้เอื้อต่อพวกเขาเองอย่างมากในระดับที่ทำให้จนถึงตอนนี้กลุ่มคนรวยร้อยละ 0.1 มีอัตราภาษีต่ำกว่ากลุ่มคนทั่วไปร้อยละ 99 และในขณะที่ผู้คนต้องดิ้นรนในช่วง COVID-19 กลุ่มเศรษฐีกลับสร้างความมั่งคั่งได้มากขึ้นถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับก่อนหน้าวิกฤตโรคระบาดนี้ "การเก็บภาษีความมั่งคั่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากกลุ่มคนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีเหตุผลที่ดีในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเข้าใจว่าระบบได้ถูกบิดเบือนให้เอื้อผลประโยชน์ต่อกลุ่มคนรวยและบรรษัทยักษ์ใหญ่"
    -------------------------------------
    อ่านต่อ : https://prachatai.com/journal/2021/03/91940

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกโรงเตือนว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 หรืออีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า ผู้คนทั่วโลกราว 25% อาจเผชิญกับปัญหาการได้ยิน

    องค์การอนามัยโลก ออกรายงานว่าด้วยปัญหาการได้ยินของผู้คนทั่วโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยระบุว่า ปัจจุบันประชากรโลกราว 1 ใน 5 หรือ 20% มีปัญหาการได้ยิน และคาดว่าในปี 30 ปีข้างหน้า จะมีผู้คนที่สูญเสียการได้ยินเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ล้านคน คิดเป็นราว 1 ใน 4 ของประชากรโลก และ 700 ล้านคนในนั้นจำเป็นต้องได้รับการรักษา

    ** ปัญหาการได้ยินในรายงานขององค์การอนามัยโลกครอบคลุมทั้งจากการติดเชื้อ ภาวะจากโรคต่างๆ ความบกพร่องทางการได้ยินมาแต่กำเนิด การสูญเสียการได้ยินจากมลภาวะทางเสียง และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่นำไปสู่ความเสี่ยงต่อปัญหาการได้ยิน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถป้องกันได้แต่เนิ่นๆ.

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ร่วมอารยะขัดขืนเคียงข้างประชาชน!!! เจ้าหน้าที่ในกระทรวงสารสนเทศของเมียนมาอย่างน้อย 115 ราย ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานภายใต้กองทัพที่ก้าวขึ้นมาจากการรัฐประหาร พร้อมแสดงจุดยืนร่วมอารยะขัดขืนยืนเคียงข้างประชาชนทวงประชาธิปไตยคืนสู่สังคมเมียนมา

    โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงฯเริ่มทยอยเข้าร่วมกับกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตย พร้อมระบุว่า ตนจะกลับมาทำงานให้ประเทศอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งกลับขึ้นมาบริหารประเทศแล้วเท่านั้น อีกทั้งสิ่งที่พวกเขาทำไม่ถือว่าเป็นการลาออกหรือปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เพราะเป็นการต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพที่ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศอย่างไม่ชอบธรรม.
    ---------------------------------------
    อ่านต่อ : https://thestandard.co/115-information-ministry-staff-refuse-work-myanmar-junta/

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว สภาองค์กรผู้บริโภค ชี้-ค่าโดยสารรถไฟฟ้าไทยแพงที่สุดในโลก เสนอราคาทั้งระบบไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ

    ** ประเด็นค่าโดยสารรถไฟฟ้ากลับมาได้รับความสนใจ เมื่อ กทม.ออกประกาศเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ปรับเพิ่มราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) จากสถานีคูคต-สมุทรปราการ เป็น 104 บาทตลอดสาย ซึ่งเดิมทีจะมีผลบังคับใช้วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังถูกกระแสวิจารณ์และกดดันอย่างหนัก ทำให้ทาง กทม.ได้ออกประกาศอีกฉบับเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ให้เลื่อนการขึ้นค่าโดยสารไปก่อน

    โดยเรื่องนี้ ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) กล่าวในวงเสวนา "ชำแหละค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่เหมาะสม" ว่า ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าไทยแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ และราคาค่าโดยสารของรถไฟฟ้าในเมืองใหญ่ๆ ก็ถือว่าแพง

    ขณะที่ สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรผู้บริโภค กล่าวเสริมว่า ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยแพงที่สุดในโลก เพราะเทียบเป็น 26-28% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่ต่างประเทศเฉลี่ย 3-5% ของค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น "เรามีกฎหมายการตั้งสภาองค์กรผู้บริโภค ซึ่งกฎหมายเขียนระบุให้องค์กรทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้บริโภค ซึ่งราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าตอนนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคเลย คนเงินเดือน 15,000 บาทใช้ไม่ได้ ตอนนี้รถไฟฟ้ามีเพิ่มหลายสายมากขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่คนทุกคนจะมีบ้านในแนวแนวรถไฟฟ้าสีเดียวกัน ดังนั้นต้องกำหนดอัตราสูงสุดของค่าโดยสาร โดยค่ารถไฟฟ้าทั้งระบบควรไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ และเราไม่ควรยึดดัชนีผู้บริโภคในการขึ้นราคาซึ่งขึ้นทุกปี แต่ควรยึดจากดัชนีค่าแรงขั้นต่ำของผู้บริโภค เพราะรถไฟฟ้าควรเป็นการขนส่งมวลชนหลัก ไม่ใช่ขนส่งมวลชนทางเลือก ดังนั้นคนที่มีค่าแรงถูกที่สุดในสังคมก็ควรใช้บริการได้".
    -----------------------------------
    อ่านต่อ : https://thestandard.co/consumerthai-mentioned-bts-sky-strain-fee-most-expensive/

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ออกเดินทางอีกครั้ง!! การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวยังต่างแดนได้ บางพื้นที่ในบางรัฐยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ผลสำรวจล่าสุดจากเว็บไซต์ Trivago ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยอมแลกกับทุกอย่าง-อะไรก็ได้ เพื่อให้สามารถได้ออกเดินทางอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นความรัก เซ็กส์ หรือเงิน

    ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 80% ระบุว่า การเดินทางเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องรอบรู้ โดยจำนวนนี้ 48% ยอมแลกหน้าที่การงานเพื่อได้ออกเที่ยวอีกครั้ง ขณะที่ 38% ยอมที่จะไม่มีเซ็กส์เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่อีก 1 ใน 4 ยอมแลกกับเงินออมทั้งหมด และอีก 1 ใน 5 กล่าวว่า ยอมเลิกกับคนรักเพื่อให้มีโอกาสได้ท่องเที่ยวต่างแดนอีกครั้ง อนึ่ง การท่องเที่ยวของชาวอเมริกันไม่ใช่แค่การพักผ่อนเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางตามแผนวันหยุดในฝัน เพื่อไปยังสถานที่ใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยไปทั้งยังเป็นการได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ.

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว กรมการขนส่งทางบก เตือนรถบรรทุกที่มีการตกแต่งติดตั้งไฟสปอตไลท์จำนวนมาก เป็นอันตรายรบกวนสายตาผู้ใช้รถใช้ถนน มีความผิดตามกฎหมาย ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะแก้ไข

    ** กรมการขนส่งทางบก มีการกำหนดรายละเอียดโคมไฟสำหรับรถบรรทุกไว้แล้ว ซึ่งเจ้าของรถต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดดังนี้ โคมไฟแสงพุ่งไกล (ไฟสูง) แสงขาว เหลืองอ่อน 2 ดวง ติดที่ด้านหน้าระดับเดียวกันทั้งข้างซ้ายและขวา โคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟต่ำ) แสงขาวเหลืองอ่อน 2 ดวง ติดที่ด้านหน้าระดับเดียวกันทั้งข้างซ้ายและขวา และต้องมีทิศทางส่องสว่างไปด้านหน้าโดยจะต้องไม่เบี่ยงเบนไปทางด้านขวาหรือส่องขึ้นสูงเกินไปจนทำให้รบกวนสายตาผู้อื่น ส่วนโคมไฟแสดงความกว้าง (ไฟหรี่) แสงขาว เหลืองอ่อน 2-4 ดวง ติดที่ด้านหน้า ระดับเดียวกันทั้งข้างซ้ายและขวา โคมไฟเลี้ยวชนิดไฟกระพริบแสงเหลืองติดที่ด้านหน้า 2 ดวง ด้านท้าย 2-4 ดวง โคมไฟท้าย 2-4 ดวง โคมไฟหยุด 2-4 ดวง โคมไฟถอย แสงขาวไม่เกิน 2 ดวง โคมไฟส่องป้ายทะเบียน แสงขาว อย่างน้อย 1 ดวง และโคมไฟแสดงส่วนสูง แสงเขียว จำนวน 4 ดวง ที่ด้านหน้าบนตัวถังส่วนบรรทุกหรือหลังคารถด้านหน้า และ 2 ดวง แสงแดงที่ด้านท้าย

    กรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากรถบรรทุกที่ติดตั้งไฟสปอตไลท์ สามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 พร้อมหลักฐาน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอบันทึกการกระทำความผิดชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะทาง http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ หรือแจ้งได้ที่ Line : @1584DLT, Facebook:1584 กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิด และดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามระเบียบ.
    -------------------------------
    อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...pf67zbwO1wN_dm2ZGqXgQl3xCq-JeayuOZZfPeRjXG_Jk

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว 'ตู่'ว่าไง!!?? สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ ยอมรับ-การท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก กังวลรัฐบาลทำงานล่าช้า โดยเฉพาะมาตรการ 'วัคซีนพาสปอร์ต' ยังไม่ชัดเจน ชี้-อาจชวดโอกาสทองฤดูท่องเที่ยว หวั่น-โรงแรมต้องปิดกิจการเพิ่มอีก รวมถึงจะมีแรงงานตกงานอีกจำนวนมาก

    โดยเรื่องนี้ ละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ทางภาคเอกชนขอให้รัฐบาลเร่งทำมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต จับคู่ประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพื่อทำควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนในประเทศ หากรัฐบาลดำเนินการล่าช้าไปมากกว่านี้จะทำให้ไม่ทันกับฤดูท่องเที่ยวของปีนี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันต้องใช้ระยะเวลาและเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมล่วงหน้า อย่างปัจจุบัน-โรงแรมในเชียงใหม่มีจำนวนห้องพักทั้งหมดกว่า 60,000 ห้อง จากผู้ประกอบการ 2,000 - 3,000 แห่ง ตอนนี้ยังเปิดให้บริการไม่ถึงครึ่ง เพียง 20,000-30,000 ห้องเท่านั้น ส่งผลให้การจ้างงานที่ก็ลดลงเหลือเพียง 30% ดังนั้น สถานการณ์ของโรงแรมยังถือว่ายังวิกฤต ทั้งนี้ ภาคเอกชนได้ขอให้รัฐบาลเร่งผ่อนปรนเงื่อนการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากตอนนี้มีผู้ประกอบการและโรงแรมในพื้นที่จำนวนมากอาจต้องปิดกิจการ.
    ---------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/143227

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว สสส.-เครือข่ายคนไทยไร้พุง เผย-พบคนไทย 'อ้วนลงพุง' กว่า 20 ล้านคน เสี่ยงป่วยโรค NCDs ชี้-โรคอ้วนทำสุขภาพแย่ ภูมิคุ้มกันต่ำ เร่งสร้างสังคม 'ลดหวาน มัน เค็ม' ตระหนักภัยร้ายน้ำหนักเกิน

    โดยเรื่องนี้ ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกพบคนอ้วนมากกว่า 800 ล้านคน สะท้อนปัญหาทางสุขภาพสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ขณะที่ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยพบเด็กและผู้ใหญ่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานจำนวนมากจากการบริโภคเกินความจำเป็น-ไม่ถูกหลักโภชนาการ

    ในปี 2557 ถึงปัจจุบัน พบคนไทย 19.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.1 มีภาวะอ้วน และมีคนไทยที่รอบเอวเกิน หรืออ้วนลงพุงกว่า 20.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 37.5 ทั้ง 2 กลุ่ม เสี่ยงป่วยเป็นโรค NCDs

    ด้าน ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.และนักโภชนาการอิสระ ระบุว่า การใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดโรคอ้วนได้ เพราะการกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ บริโภคหวาน มัน เค็มมากเกินไป ใช้ชีวิตไม่สมดุล ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ มีส่วนทำให้น้ำหนักตัวเกินและส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้น "ส่วนที่คิดว่าโรคอ้วนมาจากพันธุกรรม ในทางการแพทย์พบว่าอยู่ในกลุ่มคนส่วนน้อย โดยสิ่งที่ดีที่สุดคือ กินผัก-ผลไม้ให้ได้วันละ 400 กรัม มีกิจกรรมทางกาย เช่น เดิน วิ่งปั่นจักรยาน เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้ร่างกาย เพระความอ้วนเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น ไตวาย เก๊าท์ ตับแข็ง"
    ------------------------------------
    อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...FAEY1U8BcIZp_STNBBVBErIFNWpOzX6zYT9yPKI2SEe58

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม!!! ล่าสุด Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไอทีรายใหญ่อย่าง Microsoft ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสัตว์จากพืช ผ่านการให้สัมภาษณ์กับ MIT’s Technology Review โดย Bill Gates สนับสนุนให้คนหันมาบริโภคเนื้อสัตว์จากพืช โดยระบุว่า ประเทศที่ร่ำรวยควรหันมาบริโภคเนื้อสัตว์จากพืช 100% ได้แล้ว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเด็นที่น่าพิจารณาในการหันไปบริโภคเนื้อสัตว์จากพืชที่ในขณะนี้รสชาติยังไม่เหมือนเนื้อสัตว์แบบเดิม 100% ซึ่ง Bill Gates ก็ได้ตอบคำถามในประเด็นนี้ด้วยเช่นกันว่า “คุณจะเคยชินกับรสชาติที่แตกต่างไปเอง ในขณะที่ผู้ผลิตเนื้อสัตว์จากพืชก็กำลังพัฒนารสชาติให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

    กระแสการบริโภคเนื้อสัตว์จากพืช หรือ Plant Based Meat กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในระดับโลก โดยมูลค่าตลาด Plant-based Food ทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.85 แสนล้านบาท และจะเติบโตเฉลี่ย 10.5% จนมีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.57 แสนล้านบาท ในปี 2024 แต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดของเนื้อสัตว์จากพืชยังคงคิดเป็นส่วนแบ่งเพียง 1% จากมูลค่าตลาดเนื้อสัตว์ทั้งหมด.
    -----------------------------------------
    อ่านต่อ : https://brandinside.asia/bill-gate-...88K2vWRNC3-uicl3tjh73nQZuIzp2m-iXs8iwm4gSMcZE

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ❗️ #โควิดฮ่องกงวันนี้ (7 มี.ค.)
    ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด +16, ติดในฮ่องกง +13
    .
    วันนี้ เคสพุ่งเป็น 2 หลักอีกแล้ว
    .
    #ไฮไลท์
    - บังคับตรวจครูและนักเรียนในหอพัก รร St. Paul Co-Educational College (Mid-Levels)
    - หลังจากมีข่าวผู้เสียชีวิต 2 คนหลังจากฉีดวัคซีนโควิด(Sinovac) ยอดจองฉีดวัคซีนได้ลดลงอย่างมีนัยยะ
    .
    #เคสต่างประเทศ (3 คน)
    สหรัฐอเมริกา(2)
    แคนาดา(1) - พบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ตรวจพบในวันกักตัววันที่ 19
    .
    #เคสในฮ่องกง (13 คน)
    เชื่อมโยงเคสเก่า 8 คน, ไม่ทราบต้นตอ 5 คน
    .
    #ตัวอย่างผู้ติดเชื้อ
    - น้อยกว่า 10 คน กำลังรอผลยืนยัน (preliminary)
    - 1 คน โปรแกรมเมอร์บริษัท Undone บ้านอยู่ Sham Shui Po เคยไปดูหนังที่ K11 MUSEA และเข้าห้องน้ำที่ชั้น 4
    - 1 คน นายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ออฟฟิศอยู่ที่ Metropole Building (Quarry Bay)
    - 1 คน คนงานก่อสร้าง เชี่ยวชาญเรื่องนั่งร้าน ทำงานอยู่ที่สนามบินฮ่องกง
    .
    อื่นๆ
    - ยังไม่มีข้อมูลผู้เสียชีวิตและรักษาหาย
    .
    =================
    #สถิติภาพรวม
    .
    #ฮ่องกง
    ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 11,091 (+16)
    เสียชีวิต 202 (1.82%) - ตัวเลขเมื่อวาน
    รักษาหาย 10,622 (95.91%) - ตัวเลขเมื่อวาน
    .
    #ไทย
    ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 26,370 (+65)
    เสียชีวิต 85 (0.32%)
    รักษาหาย 25,744 (97.63%)
    .
    #ทั่วโลก
    ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 117,129,122 (+376,167)
    เสียชีวิต 2,601,033 (2.22%)
    รักษาหาย 92,700,670 (79.14%)
    .
    #eatlike852 #covid19hongkong

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากที่มีข่าวแพร่สะพัดว่า”หนุ่มอินโดฉีดวัคซีนโควิด-19ของจีน กลับทำให้กะปู๋ยาวขึ้น3นิ้ว”หมอยืนยันว่า “เป็นไปไม่ได้”

    หลังจากที่มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอินโดนิเซียรายงานว่า “หนุ่มอินโดหลังฉีดวัคซีนของจีนนั้นทำให้ อวัยวะเพศชายใหญ่ขึ้น3นิ้ว” จนเป็นที่ฮือฮาว่า เป็นผลข้างเคียงที่ดีจริงๆ จนหนุ่มอยากฉีดวัคซีนของจีนกันเป็นแถว

    สุดท้ายเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป แถมดังไปหลายประเทศ ทำเอาหมอและนักวิจัยออกมายืนยันว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิด และไม่มีทางเป็นไปได้ถึงผลข้างเคียงนี้

    เมื่อสืบไปถึงต้นตอข่าวกลับไม่มีการแสดงตัวออกมาแน่ชัด และไม่มีผลยืนยันว่าวัคซีนโควิดของจีนสามารถมีผลข้างเคียงทำให้อวัยวะเพศชายใหญ่ขึ้นได้

    ปัจจุบันนี้วัคซีนจีนอยู่ในขั้น3 และมีหลายแระเทศได้ฉีดแล้วจำนวนไม่น้อย อาทิ ตุรกี บราซิล และอินโดนิเซีย แต่ที่หลายคนยังไม่ไว้วางใจเนื่องจากไม่มีผลตัวเลขที่แน่นอน เพราะบ่งประเทศฉีดบอกว่าได้ผลเกิน80% บางประเทศฉีดกลับบอกว่า50% ซึ่งบราซิลให้ผลประสิทธิภาพกับวัคซีนโควิดของจีนเพียง50.38% ทำให้ตัวเลขไม่แน่ชัด และไม่มีผลวิจัยทางการออกมาถึงค่าตัวเลขที่เสถียรและsopของการเก็บข้อมูล

    ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนโควิดบางยี่ห้อนั้น ถ้าหากมีคนแพ้อาจมีผลข้างเคียง อาทิ ประสิทธิภาพด้านการมองเห็นลดลง (อาจเกิดตาพร่ามัว), ปัสสาวะขัด (ฉี่ไม่ออก) ,ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นต้น ส่วนเรื่องที่ทำให้อวัยวะเพศโตขึ้นนั้น นักวิจัยยืนยันว่า “ไม่น่าเป็นไปได้”

    แหมๆ ถ้าจริงนี่ ชายไทยคนอยากฉีดน่าดู

    https://hk.appledaily.com/china/20210117/QJSFLVRVI5HDFMBNJ4NY6A6ZHI/

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ... "มาดากัสการ์ แข็งข้อWHO: ไม่ฉีดวัคซีนโควิด... ถ้ากลายพันธุ์วัคซีนไม่ช่วยอะไร"

    ... บางประเทศในทวีปอาฟริกา เช่น "แทนซาเนียและมาดากัสการ์" ได้ออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาไม่มีแผนที่จะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด19 ให้กับประชากรของตน

    ... Moina Spooner บรรณาธิการของ The Conversation Africa ขอให้ Dr Ahmed Kalebi ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยาให้ความชัดเจนของความพยายามทั่วโลกในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

    ... โดยฝ่ายที่อยากให้ฉีดก็อ้างว่า

    ... "อะไรคือความเสี่ยงหากทุกคนไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID19?
    ในประเทศที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่มากมีความเสี่ยงอย่างมากที่ชุมชนจะแพร่ระบาดของ COVID19 อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

    ... ยิ่งช่วงเวลาของการแพร่กระจายในชุมชนที่ยั่งยืนนานขึ้นโอกาสที่ไวรัสจะกลายพันธุ์ก็มีมากขึ้น และนั่นหมายความว่าอาจเป็น "แหล่งเพาะพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซาร์สโควี2" เพื่อกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่ก้าวร้าวมากขึ้น สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์จากประชากรที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจติดเชื้อได้แม้กระทั่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน ( เหมือนการขู่ต้องให้ฉีดโดยเร็ว )

    *** ... "วัคซีนอาจใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์" ... เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรหัสพันธุกรรมของไวรัส วัคซีนมีขึ้นเพื่อสร้างการตอบสนองภูมิคุ้มกันผ่านแอนติบอดีซึ่งออกแบบมาเพื่อจดจำโครงสร้างโปรตีนของไวรัสซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลง มันเหมือนกับศัตรูที่เปลี่ยนเครื่องแบบทหารของพวกเขา กลายเป็นการทำให้กองทัพฝ่ายตรงข้ามจำไม่ได้

    ... "นอกจากนี้ไวรัสที่กลายพันธุ์ยังสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้" ด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน เพราะภูมิคุ้มกันได้รับการออกแบบมาตามโครงสร้างของไวรัสดั้งเดิมนั้น

    ... ไวรัสที่เปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถจดจำได้ง่ายด้วยแอนติบอดีจากการติดเชื้อครั้งก่อน 'ดังนั้นไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์สามารถติดเชื้อได้ หลังรับการฉีดวัคซีนแล้วทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ

    ... นั่นหมายความว่าทุกคนจะยังคงมีช่องโหว่ ที่มีโอกาสติดเชื้อหรือไม่ปลอดภัย แม้แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็จะไม่ได้รับการป้องกันโดยสิ้นเชิงจากไวรัสหากไวรัสกลายพันธุ์ไปแล้ว

    ... ด้วยความเชื่อมโยงระหว่างประเทศและภูมิภาคต่างๆทั่วโลกจึงไม่มีประชากรแม้แต่คนเดียวที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีประชากรใดปลอดภัยเว้นแต่ประชากรทั้งหมดจะปลอดภัย

    ... โคโรนาไวรัสนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนทางอากาศได้อย่างง่ายดาย ไวรัส SARS-CoV-2 ที่กลายพันธุ์ใหม่และอาจถึงตายได้ อาจแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าและแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ง่าย เหมือนไวรัสตัวเดิมมาก

    ... โลกทั้งใบจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอ

    ***... "มาดากัสการ์" ยืนยันการตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมในโครงการตื่นตระหนกระดับโลกของ Covax สำหรับการเข้าถึงวัคซีน Covid19 จนกว่าวัคซีนจะได้รับการอนุมัติและอนุญาตแล้ว

    ... โฆษกของรัฐบาลมาดากัสการ์ยืนยันว่าเกาะแห่งนี้จะหันไปใช้การปรุงยารักษาตามแบบประเพณีที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเมื่อต้นปีนี้เพื่อกำจัดไวรัส

    ... เขากล่าวต่อว่าพวกเขากำลังรอดูประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนในประเทศที่จะใช้ครั้งแรก( เป็นหนูทดลองก่อน มีผลอย่างไรจึงจะพิจารณาฉีดให้ประชากร )

    ... ยาชูกำลังจากพืช Artemisia annua ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านมาลาเรียไม่ได้รับการพิสูจน์จากองค์การอนามัยโลก แต่ได้วางจำหน่ายให้กับหลายประเทศในแอฟริกา

    (***... คล้ายๆยาสมุนไพรในหลายประเทศ เพราะถ้า WHO ที่มีผลประโยชน์กับบริษัทยา ไปประกาศรับรองสมุนไพรพื้นบ้านทั่วโลก จะทำให้ยอดขายวัคซีนของบริษัทยายักษ์ใหญ่ หรือ บิ๊กฟาร์มา ตกไปทันที )

    ... วัคซีนใน "มาดากัสการ์" ไม่เคยได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนทั่วไป เกาะนี้ในปี 2018 เป็นหนึ่งในสี่ประเทศสุดท้ายในโลกที่ลงทะเบียนผู้ป่วยโรคโปลิโอจากจุดยืนในเรื่องวัคซีน ( หลายประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมฝรั่งมองว่า วัคซีนอาจจะเป็นยาพิษที่ครอบครอง ควบคุมประชากรของตะวันตก แบบเนียนตา )


    .
    ... https://theconversation.com/covid-19-what-happens-if-some-countries-dont-vaccinate-155144
    ... https://www.africanews.com/2020/11/...nd-on-covid-19-vaccine-refuses-immunization//

     

แชร์หน้านี้

Loading...