ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    03.03.21

    เราจะเห็นว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีดราม่าร้อนแรง นั่นคือ นายกเทศมนตรีเมือง Molde วิจารณ์ นายกเทศมนตรีเมืองออสโล จนเรื่องบานปลายและจบลงด้วยการแถลงข่าวจาก นายกรัฐมนตรี แอด รวบรวมมาฝากกันแบบม้วนเดียวจบค่ะ ยาวเป็นมหากาพย์เลยค่ะ แต่สนุกมาก

    274e.png สรุป ดราม่า พ่อเมือง Molde VS พ่อเมืองออสโล

    26a1.png ผู้เกี่ยวข้อง

    25aa.png Torgeir Dahl (H) นายกเทศมนตรีเมือง Molde
    25aa.png Raymond Johansen (Ap) นายกเทศมนตรีและหัวหน้าสภาเมืองออสโล
    25aa.png Erna Solberg นายกรัฐมนตรี
    25aa.png Peder Weidemann Egseth จากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

    1.เรื่องเริ่มต้นจาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา VG ลงบทความเกี่ยวกับความไม่พอใจของ Torgeir Dahl (H) ที่มีต่อการทำงานของ Raymond Johansen เกี่ยวกับการจัดการควบคุมการแพร่ระบาด ความล่าช้าในการทำงาน และไม่สามารถจัดกับการแพร่ระบาดได้ทำให้มีผู้ติดเชื้อกระจายไปทั่วประเทศ ฯลฯ

    2.สาเหตุที่ Dahl ออกมาโจมตีในครั้งนี้ เนื่องจากเมือง Molde ไม่มีการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อรายใหม่มาตั้งแต่วันที่ 18.01 แต่แล้วเมื่อวันที่ 22.02 อยู่ๆ ก็มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย เนื่องจากเดินทางไปติดต่อธุรกิจในเขตเมืองออสโล หนึ่งใน 2 คน เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์

    3.นอกจาก Dahl จะโจมตี Johansen เรื่องของการทำงานแล้ว เขายังวิจารณ์ว่า ปัญหาที่แท้จริงของเมืองออสโล อยู่ที่การบิหารงานของ Johansen หรือ อยู่ที่ชาวเมืองไม่สามารถทำตามมาตรการได้ Dahl เชื่อว่าการจัดการโรคระบาดของสภาเมืองออสโลนั้น "ล้มเหลว" และนำไปเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น Bergen และ Trondheim ที่จัดการได้กีกว่ามาก

    4.หลังจากที่ VG ได้เผยแพร่บทความนี้ออกไป ทำให้คณะทัวร์พากันไปลงในหน้าเฟสของ VG ชาวเน็ตนอร์เวย์เดือดกันถ้วนหน้า และสาดคำวิจารณ์ใส่กันอย่างเผ็ดร้อน แท็ก #molde และ #dahl ถึงกับขึ้น Top ten ใน Twitter แม้จะมีบางคนที่เห็นด้วยกับ Dahl แต่กระนั้น กระแสการต่อต้านกลับมีมากกว่า

    5.ทางด้าน Johansen ได้ตอบกลับอีเมล์ของ VG ว่า ตัวเขาคิดว่าการโจมตีชาวออสโลของ Dahl นั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เมืองออสโลเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของทวีปยุโรปที่รับมือกับการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด พนักงานทุกคนในเขตเทศบาล ก็ทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่ และ ชาวเมืองหลวง "อาศัยอยู่กับข้อจำกัด ที่เข้มงวดมาเป็นเวลานานมากแล้ว" ตัวเขาเชื่อว่าทุกคนได้พยายามอย่างสุดความสามารถ

    6. Johansen กล่าวว่า Dahl ควรใช้โอกาสนี้ขอบคุณชาวออสโล สำหรับความอดทนของพวกเขาและภาระที่พวกเขาต้องแบกรับเพื่อชะลอการแพร่กระจายของเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของประเทศ มากกว่าคำวิจารณ์ในแง่ลบเช่นนี้ เมืองออสโล อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากกับมาตรการเข้มงวดมากมายหลายอย่าง

    7.นอกจาก ชาวเน็ตแล้ว หลายคนไม่เห็นด้วยกับ Dahl ไม่ว่าจะเป็น นายกเทศมนตรีเมือง Ålesund หรือ นักข่าวคนดัง ที่เขียนข้อความบนทวิตเตอร์ ว่า Dahl ไม่สามารถนำเมือง Molde มาเปรียบกับเมืองออสโลได้ เนื่องจากจำนวนประชากรต่างกัน และ สภาพทางภูมิสาสตร์ด้วย ฯลฯ แม้แต่ FHI ยังออกคำชมว่า เมืองออสโลและเทศบาลใกล้เคียง ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วในการ ยับยั้งการแพร่ระบาด

    -------------------------------

    1f4a5.png TV2 นำเสนอข้อมูลเรื่อง Dahl

    8.ขณะที่เรื่องกำลังร้อน TV2 ได้นำเสนอเรื่องราวที่ว่า ก่อนที่ Dahl จะออกมาวิจารณ์เมืองออสโลนั้น ก่อนหน้านี้เขาได้พูดคุยเรื่องนี้กับ Peder Weidemann Egseth หนึ่งในผู้ที่ทำงานใก้ลชิดกับ นรม. Solberg มากที่สุด แนวว่า Egseth เปิดไฟเขียวให้ Dahl เผยแพร่คำวิจารณ์ของเขาผ่าน VG จนเป็นเรื่องราวขึ้นมา ส่วนทาง Dahl นั้นได้ปฏิเสธเรื่องนี้ว่าเขาไม่ได้พูดคุยกับ Egseth เป็นการส่วนตัวมาก่อน

    9.ทางด้าน นรม.Solberg ได้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการโจมตีออสโลของ Dahl จนกระทั่งได้อ่านจาก VG นรม กล่าวว่า เธอคิดว่า คำวิจารณ์นี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับเมืองหรือประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ในช่วงเวลาที่เราต้องยืนหยัดร่วมกัน ตัว นรม. เองมีความชัดเจนในเรื่องนี้

    10.Peder W. Egseth ให้คำอธิบายว่า เขาเองได้คุยกับ Dahl ก่อนหน้านี้ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบก่อนให้สัมภาษณ์กับ VG และ ยืนยันว่า นรม. กับ รมต.สธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ นอกจาก Dahl แล้ว Peder ยังได้ติดต่อกับ Frode Revhaug (Frosta),Bård Ludvig Thorheim (Bodø) อีกด้วย

    11.ต่อมา Dahl ได้กลับคำพูดของเขาและยอมรับว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์ 4 ครั้ง กับ Egseth จริง และไม่ได้ตรวจสอบให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะเผยแพร่คำวิจารณ์ของเขากับ VG เมื่อ NRK ถามว่า ทำไมเขาถึงปฏิเสธในครั้งแรกว่าไม่ได้คุย Dahl ตอบว่า เขากำลังคิดว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหนและตอนนี้เขาค้นพบว่า มันเริ่มจากตัวของเขาเอง

    12.Dahl กล่าวว่าเขาไม่เสียใจที่ได้ออกมาวิจารณ์แม้ว่าปฏิกิริยาของสังคมจะรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้ก็ตาม เขายังพูดติดตลกว่า มีคนเขียนข้อความมาด่าเยอะมาก แต่ยังไม่มีใครขู่ฆ่า..

    -----------------------------------

    1f4a5.png นรม โทรไปขอโทษ Johansen

    13.ต่อมา นรม. จัดงานแถลงข่าวด่วน เพื่อประกาศต่อสื่อมวลชน ถึงเรื่องความขัดแย้งในครั้งนี้ โดยยอมรับว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ สำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับ Egseth และ Dahl ได้รับผลของการกระทำคือโดนทัวร์ลง เธอคิดว่า ทุกคนสามารถทำผิดพลาดได้ ดังนั้นเธอคิดว่าทุกคนก็ควรได้รับโอกาสใหม่สำหรับ การแก้ไข เช่นกัน

    14.นรม. ได้โทรไปหา Johansen เพื่อขอโทษ และแสดงความเสียใจที่ สำนักนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างความแตกแยกระหว่างเทศบาล Johansen กล่าวว่าเขาดีใจมากที่ นรม. โทรมาหาเขาด้วยตัวเอง อย่างน้อยเธอก็เอ่ยคำขอโทษ ดังนั้นเขาไม่ได้ติดใจอะไรแล้วในเรื่องนี้

    1f534.png เพิ่มเติม : เรื่องนี้ตรงกับ สำนวนที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" กันเลยทีเดียว ยาวมากๆ แอด ติดตามมาตั้งแต่วันอาทิตย์ ดีใจที่เรื่องจบอย่างสวยงามค่ะ แต่งานนี้ขอชื่นชม Tv2 กับ NRK แท็คทีมแตะมือกันนำเสนอข่าวนี้ได้ละเอียดเจาะลึกมาก สุดยอดค่ะ 1f44f.png

    ..........................

    1f4ac.png อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
    http://norgetiltak.blogspot.com

    1f4ac.png อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
    https://www.blockdit.com/norwaystyle

    1f4ac.png อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/norgeutrykk


    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


    ข่าวต้นฉบับ :

    คำวิจารณ์ของ Dahl : https://www.vg.no/.../molde-ordfoerer-om-smitten-lite...

    นรม. ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น :
    https://www.tv2.no/nyheter/11988369

    Peder W. Egseth ยอมรับว่าได้คุยกับ Dahl : https://www.nrk.no/.../solbergs-statssekretaer-var-i...

    Dahl ยอมรับว่าได้คุยกับ Egseth :
    https://www.nrk.no/.../torgeir-dahl-snur_-vedgar-at-han...

    นรม. ขอโทษ :
    https://www.nrk.no/.../solberg_-_-jeg-har-ringt-raymond...
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1f6a9.png อัพเดทข่าวสาร COVID-19 ในนอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ (สถานะ 3 มีนาคม 2564)
    1f1f3_1f1f4.png นอร์เวย์: ติดเชื้อสะสม 72,233 ราย / เสียชีวิต 632 ราย / รักษาหาย 67,177 ราย
    1f1ee_1f1f8.png ไอซ์แลนด์: ติดเชื้อสะสม 6,058 ราย / เสียชีวิต 29 ราย / รักษาหาย 6,018 ราย
    #สถานการณ์โควิด19ในนอร์เวย์
    1f538.png รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนอร์เวย์กล่าวว่า นอร์เวย์อาจเริ่มเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 3 โดยส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ จากสถิติการติดเชื้อในวันที่ 2 มีนาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 729 รายทั่วประเทศซึ่งถือว่าสูงที่สุดใน 1 วัน นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2564
    1f538.png หน่วยงานสาธารณสุขนอร์เวย์อยู่ระหว่างประเมินความจำเป็นที่จะประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดระดับชาติ หลังจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น เมือง เมือง Kristiansand ได้ประกาศใช้มาตรการคุมเข้มระหว่างวันที่ 1-15 มีนาคม 2564 เมือง Lillestrøm ได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดเช่นเดียวกับกรุงออสโลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 17 มีนาคม 2564 และเมือง Harstad ซึ่งเทศบาลท้องถิ่นสั่งการให้ประชาชน ประมาณ 800 คน กักตัวหลังจากพบการระบาดจากศูนย์ fitness ในเมือง และมีผู้ติดเชื้อ 8 ราย
    1f538.png อย่างไรก็ดี หน่วยงานสาธารณสุขนอร์เวย์ประเมินว่า นอร์เวย์น่าจะสามารถผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งรวมถึงการเปิดพรมแดน และเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ภายใน 3 เดือน ก่อนสิ้นพฤษภาคม 2564 หากแผนการฉีดวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย และประชากรที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง
    1f538.png ปัจจุบัน ในนอร์เวย์มีผู้ได้รับวัคซีนโดสแรกจำนวน 334,863 ราย และโดสที่สองจำนวน 162,511 ราย ทั้งนี้ นอร์เวย์จะได้รับวัคซีนเพิ่มจำนวน 650,000 โดส ในเดือนมีนาคม 2564
    #แนวทางใหม่ในการแจกจ่ายวัคซีนในนอร์เวย์
    เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 กระทรวงสาธารณสุขนอร์เวย์ได้ประกาศแนวทางใหม่ในการแจกจ่ายวัคซีน ดังนี้
    1f538.png จัดสรรวัคซีนเพิ่มขึ้นให้แก่เขตต่างๆ ในกรุงออสโล และเมืองใกล้เคียงที่มีอัตราการติดเชื้อสูง โดยกรุงออสโลจะได้รับการจัดสรรวัคซีน ร้อยละ 20 ของปริมาณวัคซีนทั้งหมด
    1f538.png การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้อัตราผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศลดลง ร้อยละ 15 -30
    1f538.png จัดสรรวัคซีนตามภูมิศาสตร์ของพื้นที่ที่มีการติดเชื้อมาก แทนการกระจายตามกลุ่มเสี่ยงอย่างเท่าเทียมกันทั่ว ประเทศ
    1f538.png แนวทางนี้ได้ผ่านการศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว อย่างไรก็ดี จะส่งผลให้เทศบาล 330 เขต ที่ได้รับวัคซีนลดลงร้อยละ 3
    #ข้อมูลโควิด19สำหรับผู้อพยพ
    รัฐสภานอร์เวย์ได้อนุมัติงบประมาณ เพิ่มเติมจำนวน 20 ล้านโครนนอร์เวย์ (ประมาณ 70 ล้านบาท) ให้กับองค์กร NGOs เพื่อจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 เป็นภาษาต่างชาติสำหรับผู้อพยพในประเทศ
    #สถานการณ์โควิด19ในไอซ์แลนด์
    1f538.png เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 5 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบจากต่างประเทศ ซึ่งทางการไอซ์แลนด์กำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงของเอกสารผลตรวจเชื้อดังกล่าว
    1f538.png ปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์สหราชอาณาจักร จำนวน 60 รายในไอซ์แลนด์ แต่ยังไม่มีการระบาดในประเทศ และยังไม่พบไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิลในประเทศ
    จากข้อมูลของ The Financial Times ระบุสถิติว่า ปัจจุบัน ใน 128 ประเทศทั่วโลก มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 แล้ว 268,616,411 โดส ขณะนี้ หลายประเทศจึงเริ่มพูดถึงว่าจะมี vaccine passport หรือไม่
    อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่แนะนำให้ใช้หลักฐานการฉีดวัคซีน (proof of vaccination) มาเป็นเอกสารหนึ่งในการใช้ประกอบพิจารณาเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดถึงประสิทธิศักดิ์ของวัคซีนต่อการลดการแพร่ระบาดของโรคครับ เราต้องติดตามพัฒนาการในเรื่องนี้กันต่อไปนะครับ
    วันนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอนำเสนอภาพโบสถ์ Arctic Cathedral ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง Tromsø ในฤดูหนาว ถ่ายภาพโดยคุณแสงเดือน เวียงสันเที่ยะ จากเมือง Tromsø โดยคุณแสงเดือนฯ ได้ฝากข้อความว่า “ขอให้พี่น้องชาวไทยทุกคนปลอดภัยค่ะ” สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอขอบคุณ คุณแสงเดือนฯ มา ณ ที่นี้ นะครับ
    ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ปลอดภัยจากโควิด-19 นะครับ
    ด้วยรักและปรารถนาดีจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล 1f64f.png 2764.png
    #เดือดร้อนมีทุกข์ภัยนึกถึงสถานทูตไทยในนอร์เวย์
    #การทูตเพื่อประชาชนทุกแห่งหนเราดูแล
    #น้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNDERWATER: UNESCO เผยแหล่งมรดกโลกทะเลออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในแหล่งกักเก็บคาร์บอนใหญ่สุดของโลก แต่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อน
    .
    UNESCO เผยว่าระบบนิเวศป่าชายเลน หญ้าทะเล และพื้นที่ลุ่มน้ำ เป็นระบบนิเวศแบบ Blue Carbon หรือเป็นระบบนิเวศที่สามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ซึ่งระบบนิเวศนี้ในแหล่งมรดกโลกทางท้องทะเลในประเทศออสเตรเลียจำนวน 6 แห่ง สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากถึง 40% หรือ 5 พันล้านตัน ซึ่งเป็นการดูดซับคาร์บอนประมาณครึ่งหนึ่งของมหาสมุทรทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าที่ป่าดิบชื้นสามารถดูดซับได้มากถึง 30 เท่า อย่างไรก็ตามจำนวนของระบบนิเวศนี้มีน้อยกว่า 1% บนโลก
    .
    Dr. Oscar Serrano นักวิจัย ECU ได้กล่าวว่า Great Barrier Reef, Ningaloo Coast และ Shark Bay ที่เป็นมรดกโลกมีระบบนิเวศ Blue Carbon ส่วนใหญ่ของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากมีขนาดใหญ่ความหลากหลายของระบบนิวเวศทางท้องทะเล แต่ตอนนี้ระบบนิเวศเหล่านี้ในประเทศออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกกำลังถูกคุกคามจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางอากาศและมนุษย์
    .
    ระบบนิเวศ Blue Carbon เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมาก แต่เมื่อไหร่ที่มันเริ่มถูกทำลายมันก็สามารถเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเราได้มากเช่นกัน เพราะมันจะปล่อยก๊าซคาร์บอนที่มันได้กักเก็บจำนวนมหาศาลมานับพันปีกลับสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเรา ซึ่งในตอนนี้เองระบบนิเวศในบริเวณ Shark Bay และ Great Barrier Reef นั้นเสี่ยงต่อภัยคุคามจากมนุษย์มาก อย่างเช่นเมื่อปี 2011 ทุ่งหญ้าทะเลที่ Shark Bay 1 ในสถานที่มรดกโลก ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากถึง 9 ล้านตัน หลังจากที่คลื่นความร้อนในทะเลได้ทำลายหญ้าทะเลกว่า 1,000 กิโลเมตร
    .
    ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยระบบนิเวศทางน้ำที่ไม่ได้เป็นมรดกโลกและยังต้องการการดูแลรักษา เพื่อเป็นการสนับสนุนการอนุรักษ์และการฟื้นฟูแหล่งมรดกโลกทางทะเล ประเทศออสเตรเลียและประเทศต่าง ๆ สามารถทำได้โดยเริ่มจากการแลกซื้อขายคาร์บอน เพื่อที่จะได้ไม่ปล่อยคาร์บอนในจำนวนที่มากเกินไปและลดการเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
    .
    เพียงแค่ระบบนิเวศของป่าชายเลน หญ้าทะเล และพื้นที่ลุ่มน้ำเล็ก ที่มีน้อยกว่า 1% บนโลก สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ ถ้าพวกเราเร่งปลูกป่าชายเลน เร่งช่วยกันอนุรักษ์หญ้าทะเลที่มีอยู่ โลกเราคงมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เราคงจะพึ่งการดูดซับคาร์บอนของระบบนิเวศเหล่านี้เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ พวกเราต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วย เริ่มง่าย ๆ ได้จากแค่การปิดไฟทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ

    Source
    1. https://whc.unesco.org/en/blue-carbon-report (งานวิจัย)

    2. https://phys.org/.../2021-03-unesco-reveals-largest... (ข่าว)

    3. https://www.theguardian.com/.../blue-carbon-how-three... (ข่าว)

    เรียบเรียง: buras
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    INNOVATION: โปรดเลี่ยงมลพิษทางเสียง ญี่ปุ่นผุด เว็บไซต์ตรวจเช็คพื้นที่เสียงดัง สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ที่สงบ
    .
    สำหรับคนที่อยากสร้างบ้านใหม่ หลายคนก็คงอยากได้ละแวกบ้านที่สงบ ที่ให้เราสามารถพักผ่อนหย่อนใจจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงได้ แต่บางที พื้นที่บางบริเวณก็จะมีเสียงของผู้คนในบริเวณมากเกิน มีเสียงของผู้คนที่มาไถสเกตบอร์ด เสียงของคนมาตั้งวงกันตอนกลางคืน หรือแม้กระทั่งเสียงของเด็กเล่นที่เจี๊ยวจ๊าวปวดหู
    .
    บางคนอาจจะโอเค แต่ก็มีบ้างที่ไม่อยากได้ยินเสียงพวกนี้ ที่ญี่ปุ่นเห็นถึงความต้องการที่จะอยู่เงียบ ๆ จึงมีคนผุดไอเดีย สร้างเว็บไซต์ DQN Today (https://dqn.today/drzqn-map/ ) ขึ้นมาเพื่อเป็นแผนที่บนแพลตฟอร์มนี้แนะนำว่าพื้นที่ไหนสามารถอยู่ได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านใหม่และต้องการหาที่ ๆ ไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไป โดยในแผนที่ความเงียบในแพลตฟอร์มจะเตือนว่าพื้นที่ไหนเป็น “Dorozoku” หรือ พื้นที่ที่มีผู้คนมาขัดขวางความสงบ สร้างความวุ่นวายให้พื้นที่สาธารณะ
    .
    ซึ่งคำเตือนเหล่านี้จะมาจากคนที่เข้าไปอยู่ในแต่ละพื้นที่ และรู้สึกว่าไม่สามารถทนเสียงได้ พวกเขาได้ใช้เว็บนี้เป็นตัวกลางในการปลดปล่อยอารมณ์ ปักหมุดได้ว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ไม่แนะนำให้คนต้องการความสงบมาอยู่ พร้อมคอมเมนท์บอกเหตุผลได้ด้วยว่าทำไมพื้นที่นี้ถึงเสียงดัง
    .
    เรื่องเสียงที่ดังในญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเด็นมาสักพัก ในเดือนมีนาคมถึงเมษายนปีที่แล้ว ที่ Tokyo เมืองหลวงของญี่ปุ่น ผู้คนได้แจ้งต่อตำรวจเรื่องเสียงที่ดังรบกวนเพิ่มขึ้น 30% นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โรงเรียนปิด และผู้คนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และในช่วงนี้ถึงแม้สวนสนุกจะปิด สวนสาธารณะทั่วไปกลับเปิด เด็กและคนก็คงอยากจะปลีกตัวจากการทำงานอยู่บ้านมาสูดอากาศตามสวนมากขึ้นด้วย
    .
    ด้านเจ้าของเว็บไซต์นี้ เขาไม่เปิดเผยชื่อ และบอกแค่ว่าตนเป็นผู้พัฒนาเว็บจาก Yokohama กับชื่อทวิตเตอร์ @hotaniya เขาบอกว่าเขาแค่ต้องการให้เกิดการแนะนำเล็กน้อยสำหรับการเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งไอเดียนี้ของเขาจริง ๆ ก็ผุดมาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว และในตอนนั้นก็เริ่มมีคนใช้ไม่กี่ร้อยคน
    .
    ในขณะที่ตอนนี้ หลายคนบนโลกโซเชียลได้ยกย่องเว็บไซต์นี้ว่าได้นำประเด็นเรื่องเสียงมาในที่ที่สว่าง ทำให้คนตระหนักมากขึ้น ก็ยังมีพ่อแม่บางกลุ่มที่พบว่าแนวทางนี้สร้างความหนักใจให้กับพวกเขา และกลัวว่าจะมีความแตกแยกตามมาระหว่างครอบครัวของคนที่มีลูกกับผู้คนในละแวกที่ไม่สามารถทนเสียงเด็กได้
    .
    ซึ่งถ้าหากดูบรรดาข้อร้องเรียนที่ส่งเข้ามาในเว็บไซต์เรื่องเสียงกว่า 6,000 เรื่อง เรื่องของเสียงเด็กก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่คนกล่าวถึง ข้อร้องเรียกครอบคลุมเกือบทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเมิดที่จอดรถ การสบถที่มากเกินความจำเป็น แมวจรจัดที่มีมากขึ้น เรื่องเด็กจะเป็นประเด็นของการที่พวกเขาไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่มากพอจากผู้ปกครองจนส่งเสียงดังในที่สาธารณะและสถานที่ส่วนบุคคล
    .
    Akihiko Watanabe จาก Faculty of Education of Shiga ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้โดยเธอกล่าวว่า แผนที่นี้สร้างความเสี่ยงต่อเด็กและวัยรุ่น เพราะมันเปิดเผยถึงที่ที่พวกเขาจะมาพบปะและเล่นกันโดยไม่มีผู้ปกครองดูแล แต่ยุคนี้พ่อแม่บางคนก็ปกป้องลูกตัวเองจากข้อกังวลต่าง ๆ มากเกิน ทำให้ไม่สามารถพูดด้วยวิธีอื่นได้เลย
    .
    “ในอดีต พ่อแม่ขอโทษและว่ากล่าวตักเตือนลูกของตน แต่สมัยนี้ พ่อแม่เถียงกลับผู้ที่พูดถึงลูกของตน” Watanabe เผย
    .
    ประเด็นเสียงจากเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่เท่าที่ควรนี้ถือว่าเป็นประเด็นที่พบได้ทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญมองว่าประเด็นนี้จะมีเยอะในประเทศที่มีประชากรผู้สูงวัยสูง เนื่องจากผู้คนเริ่มไม่ชินกับการได้ยินเสียงเด็กเล็ก
    .
    แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ก็เข้าใจได้ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงอยากกลับบ้านไปอยู่เงียบ ๆ คนเดียว เพราะแค่การทำงานในแต่ละวันก็ทำให้เขาหมดพลังไปมากพอแล้ว ส่วนฝั่งพ่อแม่ ก็น่าเห็นใจเช่นกัน ใจจริงพ่อแม่ก็คงไม่อยากให้ลูกตนไปสร้างความลำบากให้ชาวบ้านหรอก เรื่องนี้อาจจะต้องใจเขาใจเราทั้งสองฝ่าย และทางพ่อแม่ก็ควรที่ย้ำเตือนลูกอีกทีด้วย
    .
    Source
    1. https://www.japantimes.co.jp/.../soci.../japan-noise-map/... (ข่าว)

    2. https://www.independent.co.uk/.../japan-map-noise... (ข่าว)

    3. https://www.nytimes.com/.../asia/japan-noise-map.html... (ข่าว)
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    SPACE: นักดาราศาสตร์วัดระยะในจักรวาลกันยังไง?
    .
    เคยสงสัยไหมว่าหลาย ๆ ครั้งที่ข่าวเกี่ยวกับอวกาศได้พูดถึงระยะทาง 3,000 ปีแสง 2 ล้านปีแสง หรือ 400 ล้านปีแสงห่างจากโลก มันคืออะไรกัน และพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าไกลขนาดนั้น?
    .
    เรามาเริ่มต้นด้วยพื้นฐาน ผมสัญญาว่าจะไม่ใช้สมการตัวเลขมากเกินไป ปีแสงคืออะไร? ปีแสงคือระยะทางที่แสงเดินทางโดยใช้เวลา 1 ปี เพราะแสงมีความเร็วคงที่เสมอไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของจักรวาล (ส่วนเหตุผลนั้นอยู่ในทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ ไว้ทีหลังนะครับ เดี๋ยวจะมึน) แสงเดินทางด้วยความเร็ว 300,000 กม./วินาที คูณตัวเลขเข้าไปเลยครับว่า 1 วันแสงเดินทางได้ระยะทางเท่าไหร่ (1วันมี -24ชม. -1ชม.มี 60นาที และ 1นาทีมี 60วิ) เอาเป็นว่ามันไกลมาก
    .
    เพราะฉะนั้น 3,000 ปีแสงคือระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทางมาถึงโลกเรา 3,000 ปี แน่นอนว่าแสงที่เดินทางมานั้นคือแสงจากอดีตของดาวดวงนั้นเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว
    .
    หน่วยการวัดระยะของนักดาราศาสตร์ที่นิยมใช้กันคือ Parsec มาจากคำว่า Parallax Second หรือย่อเหลือ pc ซึ่ง 1 pc = 3.26 ปีแสง เป็นหน่วยที่ใช้กันในวงการ ส่วนเวลาออกสื่อให้กับคนทั่วไปก็จะใช้ “ปีแสง” กันให้เข้าใจได้ง่าย
    .
    1 Parsec นี้นักดาราศาสตร์วัดจากมุมของโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นความรู้ในส่วนตรีโกรณมิติ นั่นคือเมื่อเรารู้มุมสองมุมเราจะทราบความยาวด้านยาวของสามเหลี่ยม ถ้าหากได้เห็นภาพจะเข้ามากขึ้น
    .
    โลกโคจรรอบตัวอาทิตย์เป็นเวลา 1 ปี นั่นคือจุดที่โลกอยู่ในเดือนมกราคมจะอยู่ตรงข้ามพอดีเป๊ะกับจุดที่โลกอยู่เดือนมิถุนายนซึ่งคือครึ่งปีพอดี และเรารู้ระยะทางจากโลกไปดวงอาทิตย์แล้ว เราก็จะรู้ความยาวฐานของสามเหลี่ยม และมุมที่เรามองดาวดวงที่เราจะวัดแล้ว (จากเครื่องมือคอมพิวเตอร์)
    .
    เราก็จะได้ระยะทางการประมาณของดาวดวงนั้นจากการตำนวณทางคณิตศาสตร์ ผู้ที่ทำการวัดที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือ F.W. Bessel เขาใช้การวัดมุมนี้วัดกลุ่มดาว 61 Cygni ได้ระยะทาง 3.57 Parsec ในปี 1838 แน่นอนว่ายังไม่มีคอมพิวเตอร์ เขาต้องการวัดและคำนวณตัวเลขด้วยมือ ซึ่งน่าทึ่งมาก ๆ
    .
    แต่จักรวาลนั้นกว้างกว่านั้นมาก การวัดแบบใช้มุมนี้จึงมีข้อจำกัดเนื่องจากวัตถุที่ไกลมากเกินไปมากกว่า 1,000 Parsec จะทำให้ค่าของมุมจะน้อยจนไม่อาจวัดได้ หรือวัดได้ผิดเพี้ยน นักดาราศาสตร์จึงคิดค้นวิธีการวัดใหม่คือ “สีและความสว่าง”
    .
    เทียนมาตราฐาน (Standard Candles) เป็นดาวมาตราฐานที่นักดาราศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบระยะทางระหว่างดวงดาว เพราะฉะนั้นดาวที่จะเป็นเทียนมาตราฐานนั้นต้องมีสีและความสว่างที่แท้จริงตรงตามที่เราเห็นโดยส่วนใหญ่นักดาราศาสตร์จะใช้ “Supernova หรือดาวนิวตรอน” เป็นเทียนมาตราฐานซึ่งสามารถหาความสว่างของมันได้โดยใช้….แคลคูลัส กฎกำลังสองผกผัน เอาเป็นว่าพวกเขาคำนวณมันออกมาและใช้เปรียบเทียบสีและแสงของดาวที่ต้องการจะวัด
    .
    เนื่องจาก Supernova นั้นมีความสว่างมากถึงมากที่สุด นักดาราศาสตร์จึงสามารถวัดความสว่างของมันได้ง่ายกว่าดาวทั่วไป และดาวนิวตรอนนั้นส่องแสงออกมาเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอและความสม่ำเสมอนี้สามารถวัดได้จึงสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ พวกเขาใช้เทียนมาตราฐานเหล่านี้วัดวัตถุทั่วจักรวาลด้วยความระมัดระวังและวัดซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อความเเน่ใจ เพราะปัจจัยมากมายที่ทำให้สีและเเสงเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะชั้นบรรยากาศโลก
    .
    พวกเขาจึงส่งกล้องโทรทัศน์ขึ้นไปในอวกาศเพื่อความคมชัด กล้องที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็น Hubble Telescope ซึ่งจะทำการถ่ายภาพวัตถุในอวกาศในทุกช่วงคลื่นแสงไม่ว่าจะเป็น Visible light, X-rays, Infared, Ultraviolet หรือ Gamma rays และกล้องอีกมากมายที่คอยตรวจจับคลื่นวิทยุ หรืออนุภาค หรือแม้แต่สัญญาที่อาจมาจาก “เอเลี่ยน”
    .
    มันช่างน่าอัศจรรย์ที่มนุษย์สามารถคิดค้นวิธีวัดระยะทางในอวกาศโดยที่ไม่ต้องเอาไม้บรรทัดไปวัดมัน เรานำเอาสิ่งต่าง ๆ มันเป็นตัวแปรและปรับใช้มัน นักดาราศาสตร์ไม่ใช่อาชีพที่มองไปทั่วท้องฟ้า แต่พวกเขาเลือกจุดจุดหนึ่ง และคอยมองมันผ่านกล้องอย่างอดทนทุกคืน ความอดทนคือสิ่งจำเป็นแต่นักดาราศาสตร์ต่างก็หลงไหล ก็จักรวาลมันช่างสวยงามนี่นา จริงไหม?
    .
    Source :
    1. https://www.space.com/30417-paralla...the distance of,Earth revolves around the sun.

    2. https://www.space.com/32552-how-to-measure-astronomically-far-distances.html

    3. https://www2.jpl.nasa.gov/teachers/attachments/parallax.html

    4. https://socratic.org/questions/what...formula states that,seconds, and d is parsecs.

    5. https://lco.global/spacebook/distan...ce Measurement Using,0.01 or 100 parsecs away.

    6. https://universe-review.ca/R02-07-candle.htm

    7. http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/Astro/stdcand.html

    เรียบเรียง : Witit

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    DISCOVERY: โครงกระดูกนับร้อย อายุนับพัน
    ที่ยังคงเป็นปริศนาทะเลสาบบนภูเขาในประเทศอินเดีย
    .
    ใครเคยได้ยินชื่อ “Lake of Skeleton” กันบ้าง
    .
    Lake of Skeleton เป็นทะเลสาบที่มีเศษซากศพโครงกระดูกนับร้อยใต้น้ำแข็งของทะเลสาบ Roopkund รัฐ Uttrakhand ที่ชานเขา Trisul ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศอินเดียที่ถูกค้นพบในปี 1942 โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงที่มาที่ไปของโครงกระดูกเหล่านี้
    .
    เนื่องจากอากาศที่หนาวจึงทำให้ผู้คนสามารถเห็นโครงกระดูกที่มาจากคนจำนวนมากถึง 600-800 คน และซากเนื้อบางส่วนที่ยังคงอยู่เนื่องจากโดนแช่แข็งได้เฉพาะตอนที่น้ำแข็งละลาย
    .
    เป็นเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาไขปริศนาที่มาที่ไปของโครงกระดูกเหล่านี้ ว่าใครคือเจ้าของกระดูก เขาตายได้อย่างไร เขาตายเมื่อไหร่ พวกเขามาจากไหน อย่างไรก็ตามนักวิจัยเหล่านี้ยังไม่พบคำตอบอันแน่ชัด
    .
    มีข้อสันนิษฐานว่า โครงกระดูกเหล่านี้เป็นของราชาอินเดีย เหล่ามเหสี และบริวาร ที่เสียชีวิตจากพายุหิมะเมื่อ 870 ปีที่แล้ว
    .
    อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งได้กล่าวว่า โครงกระดูกเหล่านี้เป็นของทหารอินเดียที่พยายามจะบุกประเทศทิเบต แต่กลับถูกจู่โจม ทหารจำนวนมากกว่า 70 คน ถูกบังคับให้หาทางกลับบ้านเองโดยให้เดินทางข้ามภูเขาหิมาลัยและตายระหว่างทาง
    .
    และอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งได้กล่าวว่า ที่แห่งนี้น่าจะเป็นสุสานที่ฝังผู้ตายจากโรคระบาด อีกทั้ง ภายในหมู่บ้านบริเวณนั้นก็มีเพลงพื้นบ้านที่นิยมที่ได้พูดถึงการสร้างพายุลูกเห็บที่แข็งเหมือนเหล็กที่คร่าชีวิตคนที่เดินทางผ่านทะเลสาบนี้ของเทพีนันดาเดวีด้วย
    .
    การศึกษาโครงกระดูกก่อนหน้านี้ได้พบว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนมากมีลักษณะที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย วัยกลางคนอายุประมาณ 35-40 ปี ไม่มีลูก และผู้เสียชีวิตบางส่วนเป็นหญิงชราที่มีสุขภาพดี จึงได้มีข้อสันนิษฐานว่าโครงกระดูกนี้เกิดจากการเสียชีวิตพร้อมกันทั้งหมดจากภัยพิบัติหายนะที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในช่วงศตวรรษที่ 9
    .
    อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดที่ได้ใช้เวลาศึกษาเป็นเวลานาน 5 ปี โดยมีนักวิจัย 28 คน จาก 16 สถาบันจากประเทศอินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ค้นพบว่าข้อสันนิษฐานทั้งหมดนั้นไม่น่าเป็นความจริง พวกเขาได้ทำการวิจัยด้วยวิธี carbon-dated ของโครงกระดูกของ 38 คน และพบว่าโครงกระดูกบางส่วนมีอายุราว 1,200 ปี นอกจากนี้เจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้มีความแตกต่างทางพันธุกรรม และระยะการตายของพวกเขาได้มีระยะห่างกันมากสุดถึง 1,000 ปี ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่าผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เสียชีวิตในเวลาเดียวกัน และจากเหตุการณ์เดียวกันเป็นอย่างแน่นอน
    .
    ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือ จากการศึกษาทางพันธุกรรมได้พบว่าผู้คนที่เสียชีวิตนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรม คนกลุ่มหนึ่งมีพันธุกรรมที่เหมือนชาวเอเชียใต้ในปัจจุบัน ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งมีพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับชาวยุโรปปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้คนที่อาศัยอยู่เกาะครีตของประเทศกรีซ
    .
    แล้วสรุปว่าผู้คนหลากหลากชาติพันธุ์นี้มาที่ทะเลสาบแห่งนี้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วหรอ พวกเขามาทำอะไรกัน? พวกเขาเสียชีวิตได้อย่างไร? พวกเขามาค้าขายหรอหรือสู้รบหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่ เพราะในบริเวณไม่มีทั้งอาวุธ หรืออุปกรณ์การค้าขาย เส้นทางก็ไม่ได้อยู่เส้นทางการค้าขาย หรือพวกเขาเสียชีวิตจากโรคระบาด แต่ที่บริเวณนั้นก็ไม่มีทั้งหลักฐานแบ็คทีเรียที่สามารถก่อโรคร้าย และคร่าชีวิตคนได้
    .
    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าผู้คนบางส่วนได้เสียชีวิตระหว่างการแสวงบุญ แต่ผู้คนจากเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกได้มาไกลถึงทะเลสาบที่อยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศอินเดียได้อย่างไร ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ชาวยุโรปเหล่านี้จะเดินทางอย่างยากลำบากมาถึงทะเลสาบนี้เพื่อแสวงบุญในศาสนาฮินดู หรือจริง ๆ แล้วชาวยุโรปเหล่านี้ได้อยู่อาศัยในบริเวณนี้อยู่แล้ว เพราะบรรพบุรุษของพวกเขาจากเมดิเตอร์เรเนียนได้ทำการย้ายถิ่นฐานเข้ามา
    .
    ความจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ บางทีอาจจะเป็นผู้คนที่โดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวและนำมาทิ้งไว้ก็เป็นได้ เพราะโลกเรานั้นเต็มไปด้วยปริศนา สิ่งน่าพิศวงและสิ่งที่ไม่คาดฝัน ชาว environman คิดว่าโครงกระดูกเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง คอมเมนท์คุยกันได้เลย

    Source
    https://www.bbc.com/news/world-asia-india-56116533

    ภาพ ATISH WAGHWASE, HIMADRI SINHA ROY - BBC


    เรียบเรียง: buras

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คณะกรรมาธิการพลังงาน เสนอให้รัฐบาลต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ยานยนต์ใหม่ที่จะจดทะเบียนใช้ภายในประเทศ ต้องเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ (ZEV) 100% ภายในปี ค.ศ. 2035 ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ลดมลพิษ ลดโลกร้อน ให้ตามทันประเทศอื่นทั่วโลก
    .
    คณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎรได้เผยแพร่รายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า โดยทางอนุธรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า ได้เสนอให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้าโดยกำหนดวิสัยทัศน์ให้ยานยนต์ใหม่ภายในประเทศต้องเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ Zero Emission Vehicle ภายในปี 2035 และได้นำเสนอ 9 มาตรการเร่งด่วนในการผลักดันส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า
    .
    โดยมีเนื้อหาในบทสรุปผู้บริหารดังนี้

    "ปัจจุบันปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจกและโลกร้อน รวมถึงเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ส่งผล อย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ก่อให้เกิดภัยธรรมชาติอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำลายชีวิตและสุขภาพของประชากรทั่วโลก สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็คือ ผลจากการใช้ยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่ปล่อยมลพิษออกมา ทำให้เกิดแนวโน้มทั่วโลกที่หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแทน และในปี 2563 โลกเริ่มมี EV Technology Disruption อย่างรวดเร็ว และก้าวกระโดด ซึ่งถ้าประเทศไทยยังคงมีนโยบาย XEV 30% @2030 อาจจะมีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะปรับตัวไม่ทัน EV Disruption เช่นเดียวกับ Kodak หรือ Nokia ในอดีต อาจจะเกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน ฯลฯ ภายในประเทศ

    คณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อศึกษาเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ โดยใช้ระยะเวลา ประมาณ 8 เดือน ในการพิจารณาศึกษา EV Ecosystem จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงาน ต่าง ๆ ประมาณ 60 หน่วยงาน มีการประชุมหารือเชิงลึก การประชุมเสวนาโต๊ะกลม (Round Table) การเดินทางไปศึกษาดูงาน และการจัดสัมมนา

    ผลการพิจารณาศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้

    1. EV Disruption ทั่วโลกกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง กระแส Disruption ไม่ว่าจะเป็นราคาและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ การเปิดตัวรุ่น ราคาและประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ จากเกือบทุกค่ายรถยนต์ทั้งเก่าและใหม่ การประกาศยกเลิกการจำหน่ายยานยนต์สันดาปภายใน (ICE Ban) ของประเทศและเมืองสำคัญทั่วโลก แนวโน้มการก้าวเข้าสู่ยุค ZEV และ ACES (Autonomous Connected Electric and Shared Vehicles)

    2. การประกาศวิสัยทัศน์และนโยบายของ 4 ประเทศในอาเซียน คือ ประเทศมาเลเซีย ประเทศ เวียดนาม ประเทศสิงคโปร์ และประเทศอินโดนีเซีย ที่จะสร้างฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และจะก้าวขึ้น เป็น Asean EV Hub แทนประเทศไทย

    3. หากนโยบายของประเทศไทยยังคงเป็น XEV 30% @2030 จะทำให้เราไม่สามารถปรับตัว ได้ทันกับสถานการณ์ EV Disruption ของโลกอย่างแน่นอน จะเกิดการพังทลายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทั้งระบบ อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

    คณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า ในคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้ตระหนักว่า มีความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอการเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) ต่อภาครัฐและ ภาคเอกชนไทย เพื่อให้เร่งปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ EV Disruption ดังนี้

    1. เสนอให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่อง นโยบายยานยนต์ไฟฟ้าโดยกำหนดวิสัยทัศน์ ยานยนต์ใหม่ที่จะจดทะเบียนใช้ภายในประเทศ ต้องเป็นยานยนต์ไร้มลพิษ (ZEV) ภายในปี ค.ศ. 2035 (New ZEV 100% @2035) ซึ่งคาดว่าจะสอดคล้องกับประเทศไทยมากที่สุด

    2. การนำเสนอ 9 มาตรการที่สำคัญอย่างเป็นรูปธรรมที่ภาครัฐควรจะเร่งดาเนินการโดยเร่งด่วน โดยเสนอแนวทางให้ภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตาม 9 มาตรการ ดังนี้

    มาตรการที่ 1 กำหนดและประกาศเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม และแผนแม่บทอุตสาหกรรม ที่มีความชัดเจนพร้อมทั้งดาเนินการขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพ

    มาตรการที่ 2 การปรังปรุงและแก้ไขกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

    มาตรการที่ 3 สนับสนุนแรงจูงใจ ทางการเงินและไม่ใช่การเงิน

    มาตรการที่ 4 สนับสนุนโครงการนำร่อง (Pilot Project) ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของ
    ประเทศและขยายขนาดการใช้งานอย่างแพร่หลาย (Scale Up)

    มาตรการที่ 5 สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ผู้ประกอบการ

    มาตรการที่ 6 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการทดสอบและวิจัย สนับสนุนด้านการวิจัยและ
    พัฒนา รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ผู้ประกอบการ

    มาตรการที่ 7 สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานี
    สลับแบตเตอรี่

    มาตรการที่ 8 การพัฒนาด้านบุคลากรให้รองรับต่อเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรม
    ยานยนต์ไฟฟ้า

    มาตรการที่ 9 การประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าให้กับประชาชน

    บัดนี้ คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้ดำเนินการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับ ยานยนต์ไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงดำเนินการเผยแพร่รายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวต่อรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดาเนินการต่อไป"
    .
    หลากหลายประเทศได้เริ่มกำหนดมาตรการตั้งเป้าหมายให้รถยนต์ที่ขายต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในสิบปีข้างหน้า เพื่อลดมลพิษ และลดก๊าซเรือนกระจก อาทิ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และบางเมืองในสหรัฐอเมริกา
    .
    หากการนำเสนอของกรรมาธิการนี้นำไปสู่การผลักดันใช้เป็นมาตรการ จะถือเป็นเรื่องดี ต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และโลกของเรา
    .
    ที่มา

    https://www.parliament.go.th/ewtcom...W7THIHdNca83UmG4uRkLsh7ZHbF0hpZcueqRKeJA8Nbxo



     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ANIMAL: เตรียมเสนอคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าให้พิจารณานกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของไทย
    .
    นายสมปอง ทองสีเข้ม ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 นี้ จะมีวาระเสนอคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าให้พิจารณานกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของไทย
    .
    โดยที่ผ่านมาทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้มีการผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2562 โดยรวบรวมรายชื่อสนับสนุนให้นกชนหินได้ขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวน รวมถึงเสนอให้เกิดแผนปฏิบัติการเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรนกชนิดนี้ในระยะยาว เนื่องจากสถานการณ์ล่านกชนหินเพื่อนำส่วนหัวมาทำผลิตภัณฑ์ขายในตลาดมืด ที่เรียกว่า “งาสีเลือด”
    .
    นายสมปองให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีประชากรนกชนหินในประเทศไทยประมาณ 100 ตัว สัญญาณที่ดีในขณะนี้คือภัยคุกคามลดลงจากแต่ก่อน หลังจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดทีมลาดตระเวนเชิงคุณภาพหรือ Smart Patrol ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
    .
    ทั้งนี้ การพิจารณาให้นกชนหินเป็นสัตว์สงวนโดยคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เป็นเพียงขั้นตอนแรกของกระบวนการทั้งหมดเท่านั้น หากผ่านการพิจารณาในขั้นตอนนี้ ก็จะส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นลำดับต่อไป และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
    .
    สถานภาพของนกชนหินในปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอยู่ในบัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ขณะที่สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรรมชาติ หรือ IUCN จัดให้นกชนิดนี้อยู่ในสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง

    ที่มา เปิดโปง



     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สาย Introvert ชอบใจ ญี่ปุ่นผุดเต้นท์อินดอร์ สำหรับผู้ที่ต้องการปลีกวิเวก ในพื้นที่ส่วนตัว
    .
    เต้นท์จากญี่ปุ่นนี้ดีไซน์สำหรับผู้คนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ที่ทำให้รู้สึกสบายใจจากผู้คนอื่นๆ โดยสามารถใช้พื้นที่เล็กๆนี้เป็นที่ทำงาน พักผ่อน งีบหลับ กิน หรืออ่านหนังสือ ตามความต้องการ
    .
    สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

    https://www.thanko.jp/shopdetail/000000003704

    https://www.yankodesign.com/2021/03...t-friendly-social-distancing-we-need-in-2021/

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    CLIMATE CHANGE: โป๊ป ฟรานซิสออกเตือนมนุษย์ จ่อเจอน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง จากอุณหภูมิที่ร้อนสูงขึ้น และน้ำแข็งที่กำลังละลายวอนร่วมลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลง
    .
    โป๊ปฟรานซิสทรงเตือนประชาชน ว่าขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่จะนำมาซึ่งเหตุกาณณ์น้ำท่วมโลกระลอกที่สอง เว้นเสียแต่ว่าผู้นำโลกจะดำเนินการแก้ไขการคอรัปชั่นและความอยุติธรรมต่าง ๆ
    .
    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 ของพระศาสนจักร หรือ โป๊ปฟรานซิสทรงเผยว่า ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พระเจ้ามีดำริจะชำระล้างโลกให้สะอาด และปราศจากความอยุติธรรม โดยทรงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ (The Great Flood หรือ The Deluge)
    .
    ซึ่งโป๊ปทรงเสริมว่า แต่ตอนนี้ “มนุษย์กำลังจะเผชิญกับน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง จากการที่อุณหภูมิสูงขึ้นและน้ำแข็งกำลังละลาย นี่จะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นถ้าเรายังคงทำแบบเดิม”
    .
    คำพูดเหล่านี้มาจากหนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere della Sera ที่ได้ปล่อยส่วนย่อของบทสัมภาษณ์ที่อยู่ในหนังสือ “Of Vices and Virtues” ของ Don Marco Pozza ออกมา
    .
    ในหนังสือเล่มนี้ Pozza ได้สัมภาษณ์โป๊ปฟรานซิสเอาไว้ ในนั้นพระองค์ยังตรัสถึงการทำงานของรัฐบาลอีกด้วยว่า ควรทำงาน “อย่างรอบคอบ” มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะ “หยุดและคิด” ก่อนลงมือทำอะไร
    .
    “ความรอบคอบ ควรมาพร้อมกับ ความห่วงใย ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในสถานการณ์อื่น ๆ เห็นอกเห็นใจโลก และปัญหาที่มันกำลังเผชิญ” โป๊ปตรัส
    .
    ที่ผ่านมา โป๊ปฟรานซิสทรงใส่ใจเรื่องวิกฤคสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด ทรงประกาศให้นครรัฐวาติกันมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ภายในปี 2050
    .
    ณ ที่ประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 25 หรือ COP25 ที่กรุงมาดริด ของสเปน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2019 โป๊ปฟรานซิสทรงประทานสุนทรพจน์ถึงผู้นำทั่วโลกที่ร่วมการประชุมนี้

    "...เราควรถามตัวเราอย่างจริงจัง ว่ามีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาโลกร้อนหรือไม่ ...เรากำลังเผชิญความท้าทายของอารยธรรม...วันนี้เยาวชนแสดงความอ่อนไหวต่อเหตุฉุกเฉินนี้...เราต้องไม่โยนภาระและปัญหาที่ก่อโดยคนรุ่นเราให้คนรุ่นถัดไป...ต้องลงมือทำให้พวกเขาจดจำว่าเราเป็นรุ่นที่ลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องบ้านหลังนี้ ร่วมกันมอบอนาคตที่ดีให้กับคนรุ่นถัดไป" พระองค์ตรัสเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2019

    Source
    1. https://www.dailymail.co.uk/news/ar...second-great-flood-caused-global-warming.html (ข่าว)

    2. https://www.corriere.it/cronache/21...ai-40967eb8-7959-11eb-bd61-f38514671054.shtml (ข่าวหนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere della Sera)

    3. (นครวาติกันมุ่งเป้าคาร์บอนเป็นศูนย์)

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครเป็นคนทำ! เร่งตามตัวมือดีแอบ #หักทำลายยอดปะการังเป็นจำนวนมาก ในแปลงฟื้นฟูเกาะทะลุ ประจวบคีรีขันธ์ เสียหายหนัก
    .
    วันที่ 2 มีนาคม 2564 นายประจักษ์ ทองรัตน์ เผยแพร่ภาพปะการังที่ได้รับความเสียหายถูกทำลายหักยอดปะการังเขากวางเป็นจำนวนมาก โดยเป็นแนวปะการังที่ฟื้นฟูไว้บริเวณหมู่เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยชี้ว่ากลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรใต้น้ำ ชุมชนบ้านปากคลอง ได้พยายามช่วยฟื้นฟู รักษา ความสมบูรณ์ทรัพยากรในพื้นที่มาตลอด แต่ ณ เวลานี้เกิดอะไรขึ้น
    .
    จากเรื่องนี้ในวันที่ 3 มีนาคม 2564 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 (เพชรบุรี) ได้รับแจ้งเรื่องราวการทำลายดังกล่าว และได้เข้าแจ้งความแล้ว
    .
    ซึ่งชี้ว่าปะการังจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ประเภทสัตว์ป่าไม่มีกระดูกสันหลัง มีความผิดตามมาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มีบทกำหนดโทษในมาตรา 89 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 12 หรือมาตรา 29 ถ้ากระทำต่อสัตว์ป่าคุ้มครอง ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    .
    โดยสำนักงานได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานที่ สภ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ที่มา



    https://www.77kaoded.com/news/prach...jyN6tN9ewqnfFIlrWUcvT-lU1f00y1sY4hJYdKEBLl4xY



    https://news.thaipbs.or.th/content/302057

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เรียนรู้ ลูกคิดจีน/ลูกคิดญี่ปุ่น ดูปุ๊บ ใช้เป็นปั๊บ -
    ลูกคิด ที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์ คิดค้นขึ้นมาโดยชาวจีนเมื่อกว่า 700 ปีมาแล้ว มีชื่อเรียกว่า ซว่านผาน 算盤 วิวัฒนาการมาจากกระดานไม้สำหรับนับเบี้ยโบราณเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน เรียกว่า “จูซว่าน”

    เริ่มต้นนั้น ลูกคิด มีแต่เพียงการบวกและลบเท่านั้น ต่อมาปลายยุคถัง จึงพัฒนามาใช้กับการคูณและการหาร ด้วย

    คำว่า "ลูกคิด" ถูกกล่าวถึงครั้งแรกโดย สู่ว์ เย่ว (ค.ศ. 160–220) ในหนังสือของเขา (算数记遗)

    นักคณิตศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า มีการใช้ลูกคิดตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ.25 – 220)ตามที่ "หมายเหตุเกี่ยวกับประเพณีวิธีการคำนวณในราชวงศ์ฮั่น" อธิบายไว้ลูกคิดดั้งเดิมมีลูกปัดห้าเม็ด (สวนจู้) มัดด้วยไม้ในแต่ละเสาคั่นด้วยแท่งตามขวางและจัดเรียงในกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทำจากไม้

    ซว่านผาน 5 + 1 ปรากฏในราชวงศ์หมิง คือมีลูกปัดหนึ่งเม็ดอยู่ด้านบนและห้าเม็ดที่ด้านล่าง

    ภาพสาธิตวิธีใช้ลูกคิดนี้เป็นลูกคิดแบบสมัยใหม่ใช้ในญี่ปุ่น (โสะโระปัน そろばん) ซึ่งก็เผยแพร่มาจากจีนเช่นกัน (ของจีนส่วนบนมีลูกคิดแถวละ 2 ลูก)
    FB_IMG_1614877513902.jpg FB_IMG_1614877516100.jpg FB_IMG_1614877518327.jpg FB_IMG_1614877520517.jpg FB_IMG_1614877522665.jpg FB_IMG_1614877525505.jpg
    -https://www.facebook.com/mingguanwanita/posts/10157493697564822

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฤดูเผาป่ามาอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกเผาซะที มานับหนึ่งใหม่กันเถอะ เริ่มจากเปลี่ยนวิธีคิด ปลูกป่าแล้วจะกินอะไร มีคำตอบ มีตัวอย่างให้ดู ลงมือทำมีอาหารให้กินครบทุกมื้อ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ป่าจะฟื้น เขาหัวโล้นจะกลายเป็นสีเขียว

    ขอบคุณคลิปวิดีโอ : forestbook, มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ)

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผนที่คุณภาพอากาศเย็นวันนี้‼️ ประมวลผลจากค่าฝุ่น PM2.5 วัดโดย Dustboy ทุกสถานีทั่วประเทศ พบว่าภาคเหนือ "สีแดง" เกือบทุกจังหวัด
    #เราจมฝุ่นกันมาหลายวันแล้ว
    #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือมช

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปัญหาฝุ่นและมลพิษทางอากาศจะมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะฝุ่นกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแยกกันไม่ได้ ในฝุ่นมีแก๊สหลายตัว เมื่อมีความผกผันของอากาศฝุ่นจะขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ ซึ่งจะทำให้โอโซนหนาขึ้น ดังนั้นถ้ารัฐไม่แก้ปัญหานี้ไม่เกิน 10 ปีค่าฝุ่นจะทะลุ 500 และที่คาดการณ์ไว้ว่าอุณหภูมิจะไม่เกิน 2 องศา อาจจะสูงมากกว่านั้น
    .
    ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ประธานคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นแยกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาฝุ่นไม่ได้มาเฉพาะฤดูหนาว หน้าฝนก็มา ซึ่ง 4-5 ปีมานี้ค่าฝุ่นอยู่ที่ระดับ 200 และถ้ารัฐแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้ไม่เกิน 10 ปี ค่าฝุ่น PM2.5 ถึง 500 แน่นอน (อาจหมายถึง กทม.)
    .
    ทั้งนี้ ฝุ่นกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แยกกันไม่ได้ เพราะในฝุ่นมีแก๊สหลายตัว และจะเปลี่ยนอนุภาคฝุ่นปฐมภูมิเป็นขั้นทุติยภูมิ ช่วงฤดูหนาวยังไปอยู่ในการผกผันของอากาศ (Inversion) เมื่อคลายจาก Inversion จะขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศสสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) ที่มีโอโซน (ความสูง 15 - 50 กิโลเมตรและมีก๊าซโอโซนเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย) จะทำให้โอโซนหนาขึ้น ดังนั้นที่คาดการณ์ไว้ว่าอุณหภูมิจะไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส อาจจะสูงมากกว่านั้น
    .
    อาจารย์ธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตราบใดที่ยังมีการใช้พลังฟอสซิลจะเกิดมลพิษและอากาศที่เป็นพิษ ถ้าไม่มีองค์กรมาร่วมมือกัน ปัญหาจะหนักหน่วง เพราะทั้งอินเดียและจีนเศรษฐกิจจะโตในอนาคตและจะมีการใช้พลังงานมากขึ้น จึงจะผลิตทั้งแก๊สทั้งฝุ่น
    .
    ดังนั้นจะต้องร่วมกับเครือข่ายระดับนานาชาติ ซึ่งตนเองยินดีประสานกับสกายเน็ตที่ติดตามเรื่องฝุ่นทั่วโลก และพร้อมจะประสานกับมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นที่ทำเรื่องเซ็นเซอร์เพื่อร่วมมือกันลดปัญหาฝุ่นให้เป็นรูปธรรม
    .
    นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ปีนี้สามารถลดการเผาในไร่อ้อยลงได้ 70-80% เหลือนาข้าว ไร่ข้าวโพด อย่างไรก็ตามวัดค่าฝุ่นเฉลี่ยเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่าลดลง แต่ยังไม่ถึงจุดน่าพึงพอใจ ยังมีปัญหาการเผาในที่โล่งซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน
    .
    ขณะนี้มีปัญหาฝุ่นควันทางภาคเหนือที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น ส่วน กทม.เริ่มหมด ถ้าร่วมมือกันและให้ประชาชนเข้าถึงและรับทราบการพยากรณ์ฝุ่นจะทำให้ทราบว่าตรงไหนมีค่าฝุ่นอย่างไร จะปรับพฤติกรรมในการดำรงชีวิตอย่างไร ขณะเดียวกันภาครัฐบาลจะช่วยอย่างไร ถ้าควบคุมแหล่งกำเนิดทุกแหล่งได้โดยเฉพาะในที่โล่งเชื่อว่า 5 ปีสถานการณ์จะดีขึ้น
    .
    "ผมอยากให้ประชาชนป้องกันตัวจากฝุ่นเหมือนป้องกันโควิด-19 ถ้าเรากลัว PM2.5 เหมือนโควิดกจะช่วยได้ และรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยด้วย" อธิบดี คพ.ระบุ
    .
    ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ใน 1 นาที เราต้องการอากาศบริสุทธิ์ 7-14 ลิตร ไม่ว่าสภาพการณ์ใดๆ หรืออากาศแย่ลง จึงสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันคือประมาณ 90% ของประชากรโลกอยู่ในสภาพอากาศไม่ดี ในอนาคตถ้าไม่ร่วมมือจัดการก็จะขยายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการร้องเรียนเรื่องอากาศ กลิ่น เสียง ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกันติดอันดับ 3
    .
    ที่มากกว่านั้นคือในฝุ่นมีสารอื่นๆ ที่อันตรายต่อร่างกายด้วย เรื่องอากาศและฝุ่นเชื่อมโยงกับเรื่องไวรัส การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะมีโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ หรือเกิดโรคใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ถ้าสามารถจัดการเรื่องฝุ่นเรื่องอากาศได้ก็จะลดผลกระทบจากโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่ความท้าทายคือจะสื่อสารเรื่องฝุ่นอย่างไรให้เป็นเรื่องของทุกคน
    .
    ด้าน นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวตอนหนึ่งในวงเสวนา Breathe our Future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต ซึ่งจัดโดย กฟผ. ว่า จะให้ความสำคัญกับคำว่า TIME ใน 3 ส่วนคือ เวลาในอดีต ปัจจุบันและอนาคต เพราะถึงเวลาที่ทุกคนต้องลุกมาช่วยกันทำให้อากาศที่หายใจดีขึ้น ไม่ใช่ปีหนึ่งตื่นเต้นกันครั้งแต่ต่อไปนี้อยู่นิ่งไม่ได้แล้ว
    .
    กฟผ.มีส่วนทำให้อากาศไม่ดีเท่าที่ควร และจะเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายจุดประกายให้สังคมไทยตื่นตัว และหันมาสนใจกับคำว่า Air Time ซึ่งอากาศกับไฟฟ้าขาดกันไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราต้องมีและอยู่กับทั้งสองอย่างได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันขาดหรือหายไป
    .
    ผู้ว่าการ กฟผ. ระบุว่า จะใช้ 4 กลยุทธ์แก้ปัญหาคุณภาพอากาศ คือ Time คือ T แรกคือ Tree จะร่วมกับจิสด้าเพื่อปลูกต้นไม้ให้มีคุณภาพมากขึ้น ใช้แรงงานคนน้อยลง ปลูกแล้วเติบโตตามแผนที่คาดการณ์ พันธุ์ไม้เติบโตอย่างไรโดยใช้เทคโนฯ I คือ Inovation จะมีเรื่อง sencer for all หรือมีเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศราคาประหยัด ซึ่งคณะวิวะจุฬาฯ ทำขึ้นมา และจะนำไปติดตามโรงเรียนสีเขียวทั้งหมด
    .
    สำหรับ M คือ Mornitoring จะบูรณาการเชื่อมโยงให้เป็นหนึ่ง โดยใช้จุดดีจุดแข็งมาร่วมกัน และ E คือ Education และ Engagement จะทำอย่างไรให้ทุกคนตระหนักเรื่องคุณภาพอากาศและมีส่วนร่วมในการแก้ไข โดยทั้งหมดนี้เพื่อลมหายใจแห่งอนาคต Breathe our Future และทำเพื่ออนาคตของประเทศ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จุดฮอตสปอตภาคเหนือยังคงรุนแรง พบจุดความร้อนมากถึง 1,056 จุด แม่ฮ่อนสอนมากที่สุด 330 จุด รองลงมา จ.ตาก 164 จุด และกาญจนบุรี 154 จุด โดยพบจุดความร้อน (Hotspot) มากสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 749 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 374 จุด พื้นที่เกษตร 139 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 89 จุด พื้นที่เขต ส.ป.ก. 55 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 5 จุด ฝั่งเมียนมาสูงทะลุ 7,966 จุด

    ทั้งนี้ ข้อมูลจากดาวเทียม Suomi NPP ของระบบ VIIRS ของวันที่ 3 มีนาคม 2564 พบจุดความร้อนรวมทั้งประเทศ 1,411 จุด โดย GISTDA ระบุว่าจากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนที่มีปริมาณลดลงจากวันที่ผ่านมา แต่ยังคงมีการกระจุกตัวอยู่ที่บริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง อย่างเห็นได้ชัด ส่วนภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จุดความร้อนเริ่มลดลง เป็นผลจากลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทำให้ในหลายพื้นที่มีฝนตก และส่งผลให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันลดลงด้วย
    .
    ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านยังคงเห็นจุดฮอตสปอตอย่างต่อเนื่องโดยเมียนมา อันดับหนึ่งมีจุดความร้อนสูงถึง 7,966 จุด รองลงมากัมพูชา 1,463 จุด ส่งผลให้พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากฝุ่นและหมอกควันที่อาจลอยข้ามแดนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช้างกินยาพาราควอตหรือยาฆ่าหญ้าอาการหนัก เป็นแผลไหม้ในปากและลิ้น ทีมสัตวแพทย์ทำการล้างแผลเบื้องต้น และให้ยาลดการอักเสบ
    .
    พร้อมกับนำช้างขึ้นรถไปโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย Elephant Hospital, TECC
    .
    มีช้างที่กินยาฆ่าหญ้าไปทั้งหมด 7 เชือก มี 5 เชือก อาการหนัก ส่งช้าง 3 เชือก ขึ้นรถแล้ว อีก 2 เชือกกำลังจะตามไป มีคุณหมอนั่งติดรถไปด้วยในคันแรก
    .
    สำหรับสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ชายแดนเมียนมาช่วง
    รอยต่อระหว่างบ้านแม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

    ที่มา : เพจ center of elephant and wildlife research FVM CMU

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การถ่ายทำสารคดีการวางไข่ของเต่าทะเลที่คอสตาริกาใช้ Spy turtle หรือเต่าหุ่นยนต์ที่เป็นเสมือนสายลับคอยจับภาพวีดิโอในแต่ละช็อต โดยแทบแยกไม่ออกว่าตัวไหนเต่าจริงหรือเต่าปลอม
    .
    ทุกๆ วันเต่าจะขึ้นมาวางไข่วันละ 20,000 ตัว ซึ่งเต่าสายลับทำหน้าที่ได้เสมือนจริงมาก เนื่องจากเพื่อให้สารคดีน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเต่าหุ่นยนต์ยังสามารถวางไข่ได้ด้วยและไข่ของมันก็ถูกซ่อนกล้องไว้ในทุกๆ ใบอีกต่างหาก
    .
    สารคดีชุดนี้ชื่อ The Tropics: Spy in the Wild เป็นการถ่ายเต่าทะเลจำนวนมากที่ขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดแปซิฟิกทางตอนเหนือของประเทศคอสตาริกา ซึ่งไม่ได้ใช้หุ่นยนต์เต่าตามลำพัง แต่มีหุ่นยนต์อีแร้งที่ติดตั้งอุปกรณ์บินบันทึกภาพมุมสูงอีกด้วย
    .
    บริเวณชายหาด Ostional ที่เป็นแหล่งวางไข่เต่าทะเลถือเป็นแหล่งสำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งหาโอกาสได้ยากที่จะได้เห็นสัตว์ทะเลแข่งกันมายึดพื้นที่บนผืนทรายในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปี

    ภายหลังเต่าหลายชนิดวางไข่แล้วพวกมันจะกลบไข่ด้วยทรายเพื่อปิดปากหลุมอย่างดีป้องกันไม่ให้อีแร้งหรือนกโฉบลงมาขโมยไข่ที่ต้องรอการฟักอีกระยะ
    .
    อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ที่วางไข่อิเล็กทรอนิกส์หรือไข่ปลอมที่พร้อมติดกล้องไว้ด้วยนั้นต้องการล่อแร้งให้มาสนใจไข่ปลอม เป็นการบี่ยงความสนใจจากไข่เต่าของแม่เต่าตัวจริงนั่นเอง

    คำว่า "อาร์ริบาดา - Arribada" เป็นภาษาสเปน หมายถึงพฤติกรรมการรวมตัวกันมาทำรังของเต่าทะเลจำนวนมากบริเวณชายหาด นั่นก็คือที่ชายหาด Ostional บนคาบสมุทร Nicoya ในคอสตาริกาซึ่งเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีเต่าทะเลหลายล้านตัวขึ้นมาวางไข่
    .
    โดยใน 2527 Ostional Wildlife Refuge ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องแหล่งทำรังของเต่าทะเลริดลีย์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
    .
    เครดิตภาพ : John Downer Productions

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตรวจพบ "เฮอริเคนอวกาศ" ครั้งแรก ชี้เป็นพายุพลาสมาพลังแรงเหนือชั้นบรรยากาศโลก

    _117350359_hi065988466.jpg
    ที่มาของภาพ,QING-HE ZHANG/SHANDONG UNIVERSITY/PA WIRE

    คำบรรยายภาพ,
    ภาพจำลอง "เฮอริเคนอวกาศ" (space hurricane) บนท้องฟ้าของขั้วโลกเหนือ

    ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติตรวจพบปรากฏการณ์ใหม่ในห้วงอวกาศที่บริเวณขั้วโลกเหนือ โดยพบว่ามีมวลของกลุ่มก๊าซร้อนมีประจุไฟฟ้าหรือพลาสมา จับตัวกันเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่มีพลังรุนแรงเหนือบรรยากาศชั้นบนสุดของโลก ซึ่งพวกเขาเรียกพายุประหลาดนี้ว่า "เฮอริเคนอวกาศ" (space hurricane)

    การค้นพบพายุหมุนพลาสมาในบริเวณสนามแม่เหล็กโลกนี้ นับว่ามีขึ้นเป็นครั้งแรกในวงการฟิสิกส์ดาราศาสตร์โลก โดยศาสตราจารย์ จาง ชิงเหอ จากมหาวิทยาลัยซานตงของจีน ซึ่งเป็นผู้นำทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ ได้สังเกตพบข้อมูลเก่าจากดาวเทียมสังเกตการณ์ที่บ่งชี้ว่า มีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2014

    รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications ฉบับล่าสุดระบุว่า เฮอริเคนอวกาศมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างถึง 1,000 กิโลเมตร มีส่วนฐานอยู่ในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ซึ่งสูงจากพื้นโลกราว 100 กิโลเมตร และยังทอดตัวสูงขึ้นไปจนถึงแม็กนีโตสเฟียร์หรือเขตสนามแม่เหล็กโลกในห้วงอวกาศ ซึ่งสูงจากพื้นดินกว่า 860 กิโลเมตร

    _117350361_gettyimages-ab12883.jpg
    ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

    คำบรรยายภาพ,
    เฮอริเคนอวกาศมีรูปร่างและการเคลื่อนไหวแทบจะไม่ต่างไปจากพายุเฮอริเคนบนโลก

    พายุดังกล่าวหมุนด้วยความเร็ว 2,100 เมตรต่อวินาที ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา มีศูนย์กลางหรือตาพายุที่สงบนิ่ง ไม่แตกต่างจากพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นใกล้พื้นโลก

    อย่างไรก็ตาม แทนที่เฮอริเคนอวกาศจะทำให้เกิดลมฝนเหมือนกับพายุหมุนโดยทั่วไป มันกลับทำให้เกิดแสงเหนือหรือออโรราที่สว่างไสวคล้ายแขนกังหันของพายุไซโคลน ทั้งยังทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานมหาศาล ในรูปของกระแสอนุภาคมีประจุไฟฟ้าที่พุ่งขึ้นไปด้านบน ซึ่งจะทำให้เกิด "ฝนอิเล็กตรอน" หรืออนุภาคอิสระประจุลบจำนวนมาก พากันตกกลับลงสู่บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์อีกครั้งเหมือนสายฝน

    _117379354_spacehurricanestructureinfographicqing-hezhangetalnaturecommunications.jpg
    ที่มาของภาพ,QING-HE ZHANG ET AL. / NATURE COMMUNICATIONS

    คำบรรยายภาพ,
    แผนภาพโครงสร้างของเฮอริเคนอวกาศ ชี้ให้เห็นแนวเส้นแรงแม่เหล็กโลกที่เชื่อมต่อกันใหม่ (แถบสีเขียว) รวมทั้งกระแสของประจุไฟฟ้าที่พุ่งขึ้น (ลูกศรสีแดง) และ "ฝนอิเล็กตรอน" ที่ตกกลับลงมา (ลูกศรสีน้ำเงิน)

    ทีมผู้วิจัยยังใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์สามมิติ ตรวจสอบถึงสาเหตุการเกิดเฮอริเคนอวกาศ ซึ่งทำให้พบว่าแม้ในช่วงที่ลมสุริยะค่อนข้างสงบนิ่ง "สภาพอากาศแปรปรวน" หรือการรบกวนต่อสนามแม่เหล็กโลกก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการที่ปลอดลมสุริยะทำให้เส้นแรงแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์มีการปรับตัวเชื่อมต่อกันใหม่ จึงเป็นที่มาของพายุหมุนพลาสมาขนาดใหญ่ที่ก่อตัวในห้วงอวกาศได้

    เฮอริเคนอวกาศที่ตรวจพบในครั้งนี้ คงอยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมงก่อนจะสลายตัวไป โดยศาสตราจารย์ ไมค์ ล็อกวูด ผู้ร่วมทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเรดดิงของสหราชอาณาจักรบอกว่า "ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่า พายุพลาสมาที่รุนแรงในห้วงอวกาศนอกโลกมีอยู่จริงหรือไม่ แต่วันนี้เราได้พบข้อพิสูจน์ที่แสนจะเหลือเชื่อแล้ว ทั้งยังคาดว่าปรากฏการณ์เช่นนี้สามารถพบได้ทั่วไปในจักรวาลและที่ดวงดาวอื่น ๆ นอกเหนือจากโลกด้วย"


    https://www.bbc.com/thai/international-56279034?at_campaign=64&at_medium=custom7&at_custom2=facebook_page&at_custom1=[post+type]&at_custom3=BBC+Thai&at_custom4=A58FF9A6-7CED-11EB-A128-37083A982C1E
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ขนาด 7.2 ตามมาตราริกเตอร์ นอกประเทศนิวซีแลนด์ คำเตือนสึนามิ

    Massive 7.2 magnitude earthquake off New Zealand. Tsunami warning.

     

แชร์หน้านี้

Loading...