ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตุรกี : ฮอมาแคนยอน(อุทยานแห่งชาติ kure mountains national park) อยู่ในจังหวัดกาสตาโมนู เป็นจังหวัดในภูมิภาคทะเลดำทางภาคเหนือของตุรกี

    ตุรกีมี 4 ฤดูกาล
    - ฤดูใบไม้ผลิ เมษายน - พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน มิถุนายน - กันยายน
    - ฤดูใบไม้ร่วง ตุลาคม - พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว ธันวาคม - มีนาคม

    ในภาพ ฮอมาแคนยอน ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ⛄️และแม่น้ำที่ไหลผ่านเป็นน้ำแข็งราวกับว่าหลุดออกจากภาพยนตร์ ซึ่งอุณหภูมิอยู่ที่ -6 องศาเซลเซียส
    : mcelik.art

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.กัมพูชาร้องประชาชนหยุดแพร่ข่าวปลอมอ้างพบโควิดในค้างคาวเขมร
    .
    พนมเปญ 22 ก.พ. - กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชาเรียกร้องให้ประชาชนหยุดเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในค้างคาวในกัมพูชาปี 2553
    .
    โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงจะจัดการแถลงข่าว “การชี้แจงจากห้องปฏิบัติการว่าด้วยโควิด-19” ในวันที่ 23 ก.พ.2564
    .
    ออร์ แวนดิน ปฏิเสธข่าวปลอมที่ระบุว่าสถาบันปาสเตอร์กัมพูชาพบโควิด-19 ในค้างคาวในประเทศเมื่อปี 2553 โดยชี้แจงว่าไวรัสที่พบในค้างคาวในกัมพูชานั้น ไม่ใช่โควิด-19 แต่เป็นไวรัสที่คล้ายกัน
    .
    “ข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ที่พบในค้างคาวนั้นเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความสับสน และเพื่อตอบโต้ข่าวที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว กระทรวงจะจัดการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงประเด็นนี้ในวันที่ 23 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข” ออร์ แวนดิน กล่าว
    .
    จนถึงวันที่ 21 ก.พ. กัมพูชามีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมทั้งหมด 533 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต.

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นได้รับวัคซีนโควิดแล้วกว่า 830,000 โดส รัฐบาลเล็งยกเลิกภาวะฉุกเฉิน
    .
    โตเกียว 22 ก.พ. - วัคซีนโควิดชุดที่ 2 ส่งถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นดีขึ้นเป็นลำดับ รัฐบาลเตรียมทยอยยกเลิกภาวะฉุกเฉินในหลายพื้นที่
    .
    วัคซีนป้องกันไวรัสโควิดของบริษัทไฟเซอร์ล็อตที่ 2 ได้ขนส่งจากโรงงานในเบลเยี่ยมมาถึงสนามบินนาริตะใกล้กรุงโตเกียว ในวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ วัคซีนเหล่านี้บรรจุอยู่ในกล่องเก็บความเย็น และถูกนำไปเก็บรักษาก่อนที่จะแจกจ่ายเพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า วัคซีนที่มาถึงครั้งล่าสุดนี้มีปริมาณพอสำหรับการฉีดได้มากกว่า 450,000 ครั้ง เมื่อรวมกับวัคซีนล็อตแรก ญี่ปุ่นได้รับวัคซีนพอสำหรับการฉีดประมาณ 838,000 ครั้ง หรือพอสำหรับฉีดให้ผู้คนเกือบ 420,000 คน
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนแจกจ่ายวัคซีนมากกว่า 1 ล้านโดสไปให้จังหวัดต่าง ๆ ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม โดยจะขนส่งวัคซีนเพิ่มเติมทางอากาศทันทีที่สหภาพยุโรปอนุมัติ
    .
    ญี่ปุ่นได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนเมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยแรกเริ่มตั้งเป้าฉีดให้เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์จำนวนราว 40,000 คน โดยมีรายงานพบกรณีที่อาจเป็นอาการข้างเคียงของวัคซีนที่จังหวัดโทยามะทางตอนกลางของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกรณีแรกในญี่ปุ่น
    .
    ผู้ที่ได้รับวัคซีนรายหนึ่งมีผื่นขึ้นหลังได้รับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลโทยามาโรไซ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ. แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ผื่นเป็นอาการข้างเคียงอ่อน ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้ออื่น ๆ ไม่มีอันตรายร้ายแรง ผู้คนไม่มีความจำเป็นต้องวิตกกังวลกับอาการนี้
    .
    หลายพื้นที่เตรียมยกเลิกภาวะฉุกเฉินก่อนกำหนด
    .
    รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และได้ขยายภาวะฉุกเฉินครอบคลุม 10 จังหวัดในญี่ปุ่นไปจนถึงวันที่ 7 มีนาคม
    .
    สถานการณ์การระบาดของโรคโควิดในญี่ปุ่นดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเหลือทั่วประเทศราว 1,000 คนต่อวัน หลายจังหวัดได้ขอยกเลิกภาวะฉุกเฉินก่อนครบกำหนด
    .
    จังหวัดโอซากาขอให้รัฐบาลยกเลิกภาวะฉุกเฉินในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และอัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาลของผู้ป่วยอาการรุนแรงได้ลดลง
    .
    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่า การลดลงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเชื่องช้า และยังต้องการใช้ภาวะฉุกเฉินเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างราบรื่น นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องการรับมือไวรัสโควิด ระบุว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินหลังจากรับฟังความเห็นของบรรดาผู้ว่าการจังหวัดและจากคณะผู้เชี่ยวชาญ.

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยูเอ็น.ขอให้เร่งช่วยชาวโรฮิงญาลอยเรือเคว้งกลางทะเล
    .
    รอยเตอร์ 22 ก.พ. – สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) เรียกร้องให้เร่งช่วยเหลือกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮิงญาบนเรือที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลอันดามันโดยปราศจากอาหารและน้ำดื่ม คาดว่ามีผู้อพยพหลายคนที่ล้มป่วยและทุกข์ทรมานจากภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง
    .
    ยูเอ็นเอชซีอาร์.ออกแถลงการณ์ว่า เชื่อว่ามีชาวโรฮิงญาเสียชีวิตไปแล้วจำนวนหนึ่ง และเสียชีวิตเพิ่มในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบนเรือที่ออกเดินทางมาจากเขตคอกซ์บาซาร์ ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศเมื่อ 10 วันก่อน และประสบปัญหาเครื่องยนต์เสีย
    .
    ยูเอ็นเอชซีอาร์.ได้แจ้งไปยังทางการของรัฐที่เกี่ยวข้อง ขอให้ดำเนินการช่วยเหลือทันทีเพื่อช่วยชีวิตและป้องกันการเกิดโศกนาฏกรรม เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งของเรือดังกล่าว และพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลต่างๆ ด้วยการจัดสรรความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการกักตัวแก่ชาวโรฮิงญาที่ได้รับการช่วยชีวิต
    .
    ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ยามฝั่งของอินเดียกล่าวกับรอยเตอร์ว่า หน่วยของเขาพบเรือลำดังกล่าวในพื้นที่นอกชายฝั่งทะเลอันดามันและบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย เรือมีสภาพปลอดภัยดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าชาวโรฮิงญาบนเรือตกอยู่ในสภาพเช่นใด
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่ของบังกลาเทศ ระบุว่า พวกเขาไม่ทราบเรื่องว่ามีเรือล่องออกจากค่ายผู้อพยพชาวโรฮิงญา หากทราบต้องยับยั้งแน่นอน.

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาดเวียดนามจะเริ่มฉีดวัคซีนโควิดเดือนหน้า
    .
    ฮานอย 22 ก.พ. – เวียดนามจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในเดือนหน้า โดยจะฉีดวัคซีนโดสแรกให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้สูงอายุเป็นลำดับแรก ขณะที่ทางการกำลังเร่งควบคุมการระบาดระลอกใหม่
    .
    เวียดนามคาดว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 60 ล้านโดสในปีนี้ ที่รวมถึงวัคซีน 30 ล้านโดสจากโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก และจะได้รับวัคซีนล็อตแรก 204,000 โดสจากแอสตราเซนเนกาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
    .
    หนังสือพิมพ์ต๋วยแจ๋ ของทางการเวียดนามรายงานว่า เวียดนามจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระยะแรกในเดือนมีนาคมหลังได้รับวัคซีนของแอสตราเซนเนกาล็อตแรกและผ่านการตรวจสอบคุณภาพ โดยจะฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงก่อน
    .
    นอกจากนี้ ทางการยังได้จัดเตรียมตู้เย็นสำหรับเก็บวัคซีนในอุณหภูมิระหว่าง -40 ถึง -86 องศาเซลเซียสไว้ใน 3 เมืองใหญ่ของเวียดนาม ได้แก่ กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ และเมืองดานัง อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเกี่ยวกับโครงการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด
    .
    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเวียดนามระบุว่า กำลังอยู่ในระหว่างเจรจาข้อตกลงซื้อวัคซีนกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนของรัสเซียและสหรัฐ และคาดว่าวัคซีนที่ผลิตใช้เองในประเทศจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ อีกทั้งยังประกาศอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาเป็นกรณีฉุกเฉิน หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนรายแรกในรอบเกือบ 2 เดือน
    .
    ทั้งนี้ เวียดนาม ซึ่งมีประชากรราว 98 ล้านคน พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจากการระบาดระลอกล่าสุด 791 คนตั้งแต่ในเดือนที่แล้ว ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 หรือร้อยละ 33 ของยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมทั้งหมด 2,383 คนนับตั้งแต่พบการระบาดเมื่อหนึ่งปีก่อน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 35 คน.

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมียนมาเตรียมจัดการสื่อมวลชนที่ยังเรียกรัฐบาลรัฐประหาร
    .
    เนปิดอว์ 23 ก.พ.- พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลเมียนมาโดยพฤตินัยตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยืนยันว่า กองทัพเดินตามเส้นทางประชาธิปไตย และเตือนว่าจะจัดการกับสื่อมวลชนที่ยังคงใช้คำว่า “รัฐบาลรัฐประหาร”
    .
    สถานีโทรทัศน์เมียวดีนิวส์ทีวี (เอ็มดับเบิลยูดี) ของกองทัพเมียนมารายงานเย็นวานนี้อ้างคำกล่าวของ พล.อ.อาวุโสมินว่า กองทัพกำลังดำเนินตามเส้นทางประชาธิปไตย และใช้กระสุนยางเพราะต้องการใช้กำลังให้น้อยที่สุด เนื่องจากไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าชีวิตคน กองทัพจึงควบคุมสถานการณ์อย่างระมัดระวัง
    .
    ส่วนเรื่องการผละงานทั่วประเทศเป็นเพียงข่าวลือ ตลาดและร้านค้ายังคงเปิดตามปกติ พร้อมกับเตือนด้วยว่าจะดำเนินการและเพิกถอนใบอนุญาตของสื่อที่ยังคงใช้คำว่า “รัฐบาลรัฐประหาร” ทั้งที่ได้เตือนไปแล้วว่าไม่ให้ใช้
    .
    รายงานดังกล่าวขัดแย้งกับที่รอยเตอร์ รายงานว่า ร้านค้าท้องถิ่นและเครือร้านสากลในเมียนมาประกาศงดให้บริการเมื่อวานนี้ ธุรกิจต่างๆ ปิดเพื่อผละงานทั่วประเทศ ฝูงชนขนาดใหญ่รวมตัวอย่างสันติ แม้มีความกังวลว่าจะเกิดความรุนแรง เนื่องจากทางการเตือนว่า การเผชิญหน้าอาจทำให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อได้.

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "สภากอบกู้รัฐฉาน" แถลงการณ์ยืนยันปกป้องชาวบ้าน ระบุสงครามรัฐฉานเชื่อมโยงการยึดอำนาจ
    .
    รัฐฉาน เมียนมา 23 ก.พ. - สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉานออกแถลงการณ์ 4 ภาษา ระบุการรัฐประหารกับสงคราม 4 เส้าในจังหวัดจ๊อกแม ล้วนเชื่อมโยงกัน ยืนยันจะปกป้องประชาชนจากการกวาดล้างจับกุมของกองทัพพม่า และจะต่อสู้เพื่อเป้าหมายให้ได้มาซึ่งสหพันธรัฐประชาธิปไตย
    .
    เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในรัฐฉานและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ บ่งชี้ว่า ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในรัฐฉานช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเชื่อมโยงกับการรัฐประหารโดยกองทัพพม่า ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
    .
    แถลงการณ์ถูกจัดพิมพ์ออกมาเป็น 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทใหญ่ ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย โดยรายละเอียดเนื้อหาของแถลงการณ์ฉบับภาษาไทย มีดังนี้
    .
    แถลงการณ์สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน เรื่องสถานการณ์หลังจากกองทัพพม่ายึดอำนาจ
    .
    1.เกี่ยวกับการยึดอำนาจของกองทัพพม่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นั้น ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ได้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันทันที โดยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการไม่เห็นด้วยที่กองทัพพม่ายึดอำนาจในครั้งนี้ เพราะทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ยึดมั่นบนหลักการของสหพันธรัฐประชาธิปไตย
    .
    2.หลังจากนั้น ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ก็ได้ออกแถลงการณ์ตามมาอีกว่าจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือคุ้มครองแก่ประชาชน ที่หลบหนีจากการกวาดล้างจับกุมของฝ่ายกองทัพพม่า ในการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพพม่า
    .
    3.หลังจากที่กองทัพพม่าได้ทำการยึดอำนาจแล้ว ก็ได้เปิดการสู้รบกับทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 หลายครั้ง ซึ่งจากการสู้รบของทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บล้มตาย แต่ยังทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับบาดเจ็บล้มตาย และต้องอพยพหลบหนีภัยสงคราม ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องประสพกับความทุกข์ยากลำบากเป็นอย่างมาก
    .
    4.ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเดือดร้อนและวุ่นวายจากการยึดอำนาจของกองทัพพม่าอยู่นั้น เป็นห้วงเวลาที่ประชาชนต้องการการดูแลด้านความปลอดภัย และเป็นห้วงเวลาที่พวกเราควรจะสามัคคีปรองดองกัน เพื่อปกป้องคุ้มครองพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่ทางพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (SSPP/SSA) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอ้าง (TNLA) กลับนำกำลังจำนวนมาก เข้าโจมตีฐานที่มั่นของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ทำให้ประชาชนในรัฐฉานต้องประสพกับภัยสงครามอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง
    .
    5.ทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ขอยกย่องและจารึกไว้เป็นเกียรติประวัติของเหล่าบรรดาทหารหาญ ที่ได้เสียสละชีวิตและเลือดเนื้อในการปกป้องคุ้มครองพ่อแม่พี่น้องประชาชน และขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่สูญเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ และต้องอพยพหลบหนี ทิ้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัย เพราะภัยสงคราม ซึ่งทางสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) จะพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ
    .
    6.สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) จะยืนอยู่เคียงข้างพ่อแม่พี่น้องประชาชน ในการต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะได้มาซึ่งสหพันธรัฐประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ สมดังความต้องการของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
    .
    แถลงการณ์ทั้ง 4 ภาษา เผยแพร่ออกมา เกิดความตึงเครียดอย่างหนักในรัฐฉาน หลังกองทัพพม่ารัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
    .
    โดยเฉพาะในจังหวัดจ๊อกแม ภาคเหนือของรัฐฉาน กองกำลังหลายฝ่ายได้เปิดหน้าศึกกับ RCSS ในหลายพื้นที่ เริ่มจากกองทัพพม่านำกำลังทหารกว่า 400 นาย เข้าโจมตีฐานที่มั่นของ RCSS ในตำบลเมืองตุ๋ง อำเภอสีป้อ ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยการสู้รบที่นี่ทำให้ทหารพม่าเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 6 ราย และจนถึงขณะนี้ ยังคงดำเนินการปะทะกันของ 2 ฝ่ายยังคงดำเนินอยู่
    .
    อีกด้านหนึ่ง กองทัพตะอ้าง (TNLA) ได้ร่วมมือกับกองทัพพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน (SSPP) นำกำลังเข้าโจมตีที่มั่นของ RCSS ในหลายพื้นที่ ได้แก่ ที่บ้านกองลองวอง ตำบลต้อส่าง อำเภอจ๊อกแม ที่บ้านวา ตำบลน้ำตู อำเภอน้ำตู และที่บ้านเกร็ดฝน ตำบลนาหมากขอ อำเภอสีป้อ
    .
    แผนที่แสดงจุดที่เกิดการสู้รบในจังหวัดจ๊อกแม ระหว่าง RCSS กับกองทัพพม่า และ RCSS กับกองทัพพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน และกองทัพตะอ้าง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กองทัพพม่ายึดอำนาจเป็นต้นมา
    แผนที่แสดงจุดที่เกิดการสู้รบในจังหวัดจ๊อกแม ระหว่าง RCSS กับกองทัพพม่า และ RCSS กับกองทัพพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน และกองทัพตะอ้าง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กองทัพพม่ายึดอำนาจเป็นต้นมา
    .
    การสู้รบที่สร้างความหดหู่แก่ผู้ที่ได้ทราบข่าวมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เมื่อ SSPP ซึ่งเป็นกองทัพของชาวไทใหญ่ด้วยกัน ได้นำกำลังกว่า 300 คน ล้อมโจมตีฐานที่มั่นของ RCSS ที่บ้านเกร็ดฝน ตำบลนาหมากขอ อำเภอสีป้อ ซึ่งมีทหารประจำอยู่เพียง 18 นาย เมื่อกำลังพลน้อยกว่า ทหาร RCSS ได้ยกมือยอมแพ้ แต่ทหาร SSPP ได้สังหารทหาร RCSS เหล่านั้นเสียชีวิตทั้งหมด มีการเผยแพร่สภาพศพทหารจำนวนมากที่นอนคว่ำหน้า ถูกมัดมือไพล่หลัง และมีรอยกระสุนที่กลางหลัง
    .
    เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภาคเหนือของรัฐฉานเกิดความตึงเครียด เนื่องจาก พล.อ.เจ้ายอดศึก ผู้นำ RCSS ได้สั่งทหารขยายพื้นที่ปฏิบัติการขึ้นไปเคลื่อนไหวบนภาคเหนือของรัฐฉาน เพื่อปราบปรามการกระทำที่ผิดกฏหมาย โดยเฉพาะการกวาดล้างยาเสพติด
    .
    ปฏิบัติการของ RCSS ได้ไปขัดขวางผลประโยชน์ของกองกำลังหลายฝ่าย ซึ่งยังคงเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้อยู่ ทำให้ฐานที่มั่นของ RCSS ในภาคเหนือ ตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีจากกองกำลังฝ่ายต่างๆ หลายครั้ง เพื่อพยายามถอนกำลังออกนอกพื้นที่.

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    G7 ประณามเมียนมาปราบปรามผู้ประท้วง
    .
    ลอนดอน 23 ก.พ.- สมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ประณามอย่างแข็งขันที่กองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมาใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง และเรียกร้องให้ใช้ความอดกลั้นสูงสุด เคารพสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากล
    .
    จี 7 ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐ รวมทั้งตัวแทนของสหภาพยุโรป ย้ำท่าทีคัดค้านการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และการตอบโต้อย่างหนักมือต่อการเดินขบวนต่อต้าน
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศจี 7 ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า การใช้กระสุนจริงกับคนไม่มีอาวุธเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ผู้ใดก็ตามที่ใช้ความรุนแรงตอบโต้การประท้วงอย่างสันติจะต้องถูกดำเนินการ จี 7 ขอประณามการข่มขู่และกดขี่ผู้ต่อต้านการรัฐประหาร และขอแสดงความกังวลต่อการกวาดล้างเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตและการแก้ไขกฎหมายให้กดขี่เสรีภาพในการพูด
    .
    แถลงการณ์ระบุต่อไปว่า จี 7 ขอเรียกร้องให้เมียนมายุติการมุ่งเป้าหมายอย่างเป็นระบบไปที่ผู้ประท้วง แพทย์ ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน ขอให้รัฐบาลทหารเมียนมายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และอนุญาตให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงกลุ่มเปราะบางที่สุดได้อย่างเต็มที่
    .
    ขอย้ำอีกครั้งให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวตามอำเภอใจโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข รวมถึงนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และประธานาธิบดีวิน มินต์ จี 7 จะยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตย.

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดนีเซียขอให้รัฐบาลทหารเมียนมาเคารพเสียงประชาชน
    .
    จาการ์ตา 23 ก.พ. – รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียระบุว่า กองทัพเมียนมาควรถ่ายโอนอำนาจการปกครองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยตามความต้องการของประชาชน หลังก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
    .
    กระทรวงต่างประเทศ ของอินโดนีเซีย ส่งถ้อยแถลงของนางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงไปถึงรอยเตอร์ว่า กองทัพเมียนมาควรเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างมีส่วนร่วมตามความต้องการของประชาชน การทำตามแนวทางดังกล่าวจะทำให้เรื่องทั้งหมดสิ้นสุดลง
    .
    อินโดนีเซียรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ในเมียนมาอย่างมาก และขอสนับสนุนชาวเมียนมาทุกคน สวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเมียนมาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เธอยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุดเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุนองเลือด
    .
    ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเร็ตโนมีขึ้นหลังผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารรู้สึกโกรธที่รอยเตอร์รายงานว่า อินโดนีเซียกำลังผลักดันแผนการที่จะให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนส่งคณะสังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลทหารเมียนมาการจะจัดเลือกตั้งครั้งใหม่อย่างเป็นธรรมตามที่สัญญาไว้ บางคนชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ไปชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตอินโดนีเซียในเมียนมาด้วย
    .
    ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ต้องการให้เคารพผลการเลือกตั้งในเมียนมาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีก่อนหรือไม่ แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียได้แสดงความยินดีกับนางออง ซาน ซู จี ที่ชนะการเลือกตั้งในเวลานั้น
    .
    นอกจากนี้ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับรายงานของรอยเตอร์ที่ระบุว่า อินโดนีเซียจะเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารและกลุ่มผู้ประท้วงเมียนมา.

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯเดินหน้าจัดหนัก คว่ำบาตรนายพลพม่าเพิ่ม2นาย ตอบโต้รัฐประหาร
    .
    รอยเตอร์ 23 ก.พ. - สหรัฐฯในวันจันทร์ (22ก.พ.) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรสมาชิกคณะรัฐประหารของกองทัพพม่าอีก 2 ราย และขู่ดำเนินการเพิ่มเติม ตอบโต้การยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
    .
    สำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control) สังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ บอกว่าเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลอากาศเอก หม่องหม่องจ่อ (Maung Maung Kyaw) ผู้บัญชาการทหารอากาศพม่า และนายพลจัตวา โม มยินต์ ตุน ( Moe Myint Tun)อดีตเสนาธิการทหารและผู้บัญชาการของหนึ่งในกองบัญชาการพิเศษของกองทัพ ดูแลรับผิดชอบปฏิบัติการต่างๆจากกรุงเนปิดอว์
    .
    "กองทัพต้องกลับลำความเคลื่อนไหวต่างๆของพวกเขา และคืนสถานะโดยเร่งด่วนแก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในพม่า ไม่อย่างนั้นกระทรวงการคลังจะไม่รีรอดำเนินการอื่นๆเพิ่มเติม" กระทรวงการคลังสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง
    .
    แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอกย้ำคำขู่ว่า "เราะไม่รีรอดำเนินการเพิ่มเติมกับพวกที่ใช้ความรุนแรงและปราบปรามปณิธานของประชาชน"
    .
    การประท้วงใหญ่ต่อต้านระบอบปกครองทหารเมื่อวันจันทร์(22ก.พ.) ปิดตายภาธุรกิตต่างๆ ในขณะที่ฝูงชนมหาศาลมารวมตัวกันอย่างสันติ แม้มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรง หลังเจ้าหน้าที่เตือนว่าเหตุเผชิญหน้าอาจนำมาซึ่งการเสียเลือดเนื้อ
    .
    3 สัปดาห์หลังการยึดอำนาจ คณะรัฐประหารล้มเหลวในความพยายามหยุดการประท้วงรายวัน เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนเรียกร้องกลับลำรัฐประหารและปล่อยตัวนางอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง
    .
    "เราเรียกร้องกองทัพและตำรวจหยุดการโจมตีการประท้วงอย่างสันติทุกรูปแบบ ปล่อยบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวอย่างไม่ชอบธรรมในทันที หยุดโจมตีและข่มขู่พวกผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหว และคืนสถานะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย"
    .
    เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายชุดแรกๆที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรพม่าของสหรัฐฯนับตั้งแต่รัฐประหาร นายพลทั้งสองที่ถูกขึ้นบัญชีดำในวันจันทร์ (22ก.พ.) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐของคณะรัฐประหาร
    .
    กองทัพอ้างความชอบธรรมของการยึดอำนาจ โดยบอกว่าศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย มีการโกง แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว
    .
    การขึ้นบัญชีดำกำหนดมาเพื่ออายัดทรัพย์สินใดๆของนายพลเหล่านี้ที่อาจมีในสหรัฐฯ และห้ามพลเมืองอเมริกาคบค้าทำธุรกิจกับพวกเขา.

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าว ซินหัวเน็ต รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ยืนยันในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ. 2564 ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพิ่มอีก 35 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดเพิ่มไปอยู่ที่ 568 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
    .
    แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ เป็นการติดต่อภายในประเทศ 31 ราย พบในกรุงพนมเปญและจังหวัดกันดาล ทางตอนใต้ ส่วนอีก 4 รายเป็นผู้ติดเชื้อนำเข้า โดยตอนนี้ทั้งหมดกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19
    .
    “กระทรวงสาธารณสุขขอเตือนประชาชนทั่วประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกรุงพนมเปญ และจังหวัดกันดาล ให้ระมัดระวังตัว และแนะนำให้สมาชิกครอบครัวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด” กระทรวงสาธารณสุขแถลงการณ์ระบุ
    .
    กระทรวงสาธารณสุขยังเรียกร้องให้ประชาชนที่รู้ตัวว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ในชุมชนเมื่อ 20 ก.พ. ให้ไปตรวจหาเชื้อที่ศูนย์สุขภาพ ‘จักอังกรอม’ (Chak Angre) ในกรุงพนมเปญ และกักตัวที่บ้านตนเองเป็นเวลา 14 วันด้วย.
    .
    โดยล่าสุด กระทรวงวัฒนธรรมและศิลปวัตถุของกัมพูชา สั่งปิดพิพิธภัณฑ์ โรงภาพยนตร์ และโรงละครทั้งหมด ที่อยู่ในกรุงพนมเปญ และ จ.กันดาล เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากเกิดการระบาดภายในประเทศรอบใหม่ ขณะที่โรงเรียนรัฐ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนเทคนิค และโรงเรียนอาชีวะ ที่อยู่ในกรุงพนมเปญ และ จ.กันดาล ปิดการเรียน การสอน 2 สัปดาห์เช่นกัน
    ......
    ......
    ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในเมียนมา 3 สัปดาห์หลังการรัฐประหาร สถิติโควิด-19 ในเมียนมาลดวูบ เมื่อหมอ-พยาบาลอารยะขัดขืน ยอดตรวจคัดกรองเฉลี่ยจากวันละกว่า 2 หมื่น เหลือ 1,400 คน ตลอด 22 วัน พบผู้ป่วยใหม่ 1,600 คน ล่าสุด ยอดผู้ป่วยสะสม 141,761 คน เสียชีวิตแล้ว 3,197 คน
    .
    ท่ามกลางกระแสข่าวที่เกิดอย่างหนาแน่นในเมียนมา ที่เป็นความเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารในพื้นที่ต่างๆ แต่ข่าวหนึ่งซึ่งหายไปเลยจากหน้าสื่อ คือ สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ ทั้งๆ ที่โรคนี้ยังไม่ได้หายไปไหน
    .
    ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุขส่วนใหญ่ในเมียนมา เข้าร่วมกระบวนการอารยะขัดขืน (Civil Disobedence Movement : CDM) แต่มีบุคลากรส่วนหนึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะภารกิจตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลการทำงานเชิงปริมาณได้ลดวูบลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการยึดอำนาจของกองทัพ
    .
    สถานการณ์ล่าสุดเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาเมียนมา รายงานเมื่อเวลา 20.00 น. (ตรงกับ 20.30 น. ตามเวลาไทย) พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 11 คน มียอดผู้ป่วยสะสม 141,761 คน ผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่มขึ้น 36 คน ยอดผู้ป่วยที่หายแล้วรวม 131,318 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวม 3,197 คน เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ (Active Case) 7,246 คน
    .
    จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการตรวจคัดกรองในเมียนมาเมื่อวานนี้มี 686 คน ยอดรวมกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการตรวจนับแต่เริ่มมีการระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว 2,483,935 คน จากประชากรรวมทั้งประเทศกว่า 50 ล้านคน
    .
    ภาพรวมในช่วง 22 วัน นับแต่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงเมื่อวานนี้ มีผู้ป่วยโควิด-19 ในเมียนมาเพิ่มขึ้น 1,616 คน ผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่มขึ้น 6,246 คน เสียชีวิตเพิ่ม 66 ราย ผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ลดลง 4,696 คน
    .
    ตัวเลขที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือยอดตรวจคัดกรองกลุ่มตัวอย่างแต่ละวัน โดยตั้งแต่วันที่ 1-22 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาสามารถตรวจคัดกรองกลุ่มตัวอย่างได้รวม 93,588 คน เฉลี่ยวันละ 4,254 คน อย่างไรก็ตาม 77.4% ของกลุ่มตัวอย่างที่ถูกตรวจข้างต้นมาจากการตรวจในช่วง 7 วันแรก (1-7 กุมภาพันธ์) ซึ่งตรวจกลุ่มตัวอย่างได้ 77,464 คน
    .
    แต่หลังจากเริ่มมาตรการอารยะขัดขืน ซึ่งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นวิชาชีพหนึ่งที่เข้าร่วมด้วยจำนวนมาก ยอดตรวจคัดกรองได้ลดวูบลงอย่างเห็นได้ชัด โดยตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแรกของการอารยะขัดขืน จนถึงเมื่อวานนี้ ยอดรวมการตรวจคัดกรองกลุ่มตัวอย่างทำได้เพียง 21,124 คน เฉลี่ยวันละ 1,408 คน
    .
    เมื่อดูอัตราส่วนการพบผู้ป่วยใหม่ต่อจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ตรวจคัดกรองแต่ละวัน ช่วง 22 วันหลังรัฐประหาร เฉลี่ยอยู่ที่ 1.75% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ซึ่งเฉลี่ยพบผู้ป่วยใหม่ 2.71% ต่อยอดตรวจกลุ่มตัวอย่างแต่ละวัน
    .
    เดือนธันวาคมปีที่แล้ว เป็นช่วงที่กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาเมียนมา สามารถตรวจคัดกรองกลุ่มตัวอย่างได้มากที่สุด เฉลี่ยถึงวันละ 21,112 คน วันที่มีกลุ่มตัวอย่างได้รับการตรวจมากที่สุด ได้แก่ 18 ธันวาคม สามารถตรวจได้ถึง 24,501 คน ภายในวันเดียว รองลงมาเป็นวันที่ 12 ธันวาคม ตรวจได้ 24,099 คน และลำดับที่ 3 วันที่ 31 ธันวาคม ตรวจได้ 24,007 คน
    .
    ยอดตรวจคัดกรองกลุ่มตัวอย่างแต่ละวันที่ลดวูบลง ทำให้ตลอด 22 วันหลังรัฐประหาร เมียนมาพบผู้ป่วยใหม่เพียง 1,616 คน หรือเฉลี่ยพบผู้ป่วยใหม่วันละ 73 คน แต่หากดูเฉพาะช่วง 15 วัน หลังเริ่มการอารยะขัดขืน(8-22 กุมภาพันธ์) พบผู้ป่วยใหม่ 338 คน เฉลี่ยพบเพียงวันละ 22 คนเท่านั้น
    .

    ตัวเลขที่ดูมีประสิทธิภาพ คือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหาย ซึ่งสูงถึง 6,246 คน ตลอดช่วง 22 วัน เฉลี่ยแต่ละวันมีผู้หายป่วย 284 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 3 คน
    .
    เมื่อดูจากภาพรวมนับแต่เกิดการรัฐประหาร ยอดผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัว (Active Case) ที่ลดจาก 11,942 คน ในวันที่ 31 มกราคม เหลือเพียง 7,246 คนเมื่อวานนี้ จึงไม่นับเป็นสัญญาณที่ดีสักเท่าไร
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://www.thairath.co.th/news/foreign/2037973

    https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000017969

    https://mgronline.com/indochina/detail/9640000017827
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อต่างประเทศรายงาน เมื่อวานนี้ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า อังกฤษกำลังอยู่บนถนนเดินรถทางเดียวมุ่งหน้าสู่อิสรภาพ
    .
    ซึ่งหมายถึง การปลดมาตรการล็อกดาวน์ ที่ประกาศใช้ทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.2564 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษต้องเผชิญกับไวรัสโควิดกลายพันธุ์ หลังจากที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นมาเกือบ 2 เดือน
    .
    โดยหวังว่าอังกฤษจะสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้อีกครั้ง แต่การทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจให้สามารถดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้งนั้น จะพิจารณาจากตัวเลขข้อมูลเป็นหลัก ไม่ได้ยึดในเรื่องกำหนดวันที่ และอาจจะยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
    .
    ทั้งนี้ ขั้นแรกของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ คือ การเปิดโรงเรียนทั่วประเทศในวันที่ 8 มี.ค. รวมถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้งซึ่งยังมีข้อจำกัดในระดับหนึ่งเพื่อไม่เป็นการประมาท เช่น อนุญาตให้นั่งเก้าอี้ในสวนสาธารณะร่วมกันได้เพียง 2 คนเท่านั้น
    .
    จากนั้นในวันที่ 29 มี.ค. ก็จะอนุญาตให้มีการชุมนุมหรือจับกลุ่มกันในที่สาธารณะได้ไม่เกิน 6 คน หรือถ้าเป็นครอบครัวก็สังสรรค์กันได้ 2 ครอบครัว(พื้นที่กลางแจ้ง) เป็นต้น
    .
    นาย บอริส ย้ำว่า ในแต่ละขั้นของการดำเนินการคลายล็อกดาวน์นั้น จะมีระยะห่างอย่างน้อย 5 สัปดาห์ เพื่อให้ 4 สัปดาห์เป็นช่วงที่รัฐบาลได้รวบรวมข้อมูลและประเมินผลเพื่อวางแผนหรือปรับเปลี่ยนขั้นต่อไป และ 1 สัปดาห์ใช้สำหรับการแจ้งข่าวแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้เตรียมตัว-เตรียมความพร้อม
    .
    ขั้นที่สอง น่าจะเริ่มได้อย่างเร็วที่สุดคือวันที่ 12 เม.ย. เป็นการเปิดร้านค้า และสถานบริการที่ไม่อยู่ในกลุ่มร้านค้าสิ่งของจำเป็นหรือบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งกรณีนี้ได้แก่ ร้านเสริมสวย สถานออกกำลังกาย พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ และสวนสนุก ในขั้นนี้ยังคงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์การเว้นระยะห่างทางสังคม
    .
    กิจกรรมในครัวเรือนยังจำกัดเฉพาะสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น นอกจากนี้ ร้านอาหารและผับ บาร์ ยังสามารถเปิดให้บริการแต่การนั่งโต๊ะร่วมกันต้องไม่เกิน 6 คน หรือไม่เกิน 2 ครอบครัว และให้นั่งจับกลุ่มได้ในพื้นที่เปิดนอกร้านเท่านั้น ในขั้นนี้ไม่มีการกำหนดเวลาเคอร์ฟิวอีก และไม่มีข้อห้ามในการสั่งอาหาร และเครื่องดื่ม
    .
    ขั้นที่สาม เร็วสุดน่าจะเป็น 17 พ.ค. ขั้นนี้จะยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเกือบทั้งหมด สามารถชุมนุมกลางแจ้งได้ถึง 30 คน ผับ-ร้านอาหารสามารถให้บริการนั่งโต๊ะภายในร้านได้แล้ว แต่ให้นั่งได้ไม่เกินโต๊ะละ 6 คน ในขั้นนี้ การผ่อนคลายยังรวมถึงการเปิดโรงภาพยนตร์และสถานแสดงดนตรีด้วย โดยผู้ชมต้องไม่เกิน 1,000 คน รวมทั้งสนามกีฬาที่ให้มีผู้ชมได้ถึง 10,000 คน
    .
    ส่วน ขั้นที่สี่ ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายคาดว่าจะมีขึ้นได้อย่างเร็วสุดคือวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งขั้นนี้จะยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเกือบทั้งหมด และสถานบันเทิงกลางคืนอย่าง ไนต์คลับ สามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง
    ข่าวระบุว่า
    .
    ในส่วนของการเปิดประเทศสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศนั้น คาดว่าเร็วที่สุดจะเปิดได้ในวันที่ 17 พ.ค.

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://edition.cnn.com/2021/02/22/...d-lockdown-cnn-intl-uk-vaccine-gbr/index.html

    https://www.thansettakij.com/content/world/469723
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดราม่าสนั่น! บล็อกเกอร์จีนถูกคุกคาม กรณีวิจารณ์ ‘ประเพณีโค่วโถว’ เป็นสิ่ง ‘ล้าหลัง
    .
    เมื่อเร็วๆ นี้ บล็อกเกอร์ชาวจีน ‘หวงจื้อเจี๋ย’ หรือที่ชาวเน็ตรู้จักในชื่อยูสเซอร์ ‘โยวโยวลู่หมิง’ (呦呦鹿鸣 ) บนแพลตฟอร์มต่างๆ เผยว่า ตนถูกคุกคามบนโลกออนไลน์ หลังจากเขียนวิจารณ์ ‘ประเพณีโค่วโถว’ ธรรมเนียมที่มักปฏิบัติช่วงวันตรุษจีนว่าเป็น ‘สิ่งล้าหลัง’ ซึ่งขณะนี้เขาได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
    .
    อนึ่ง ‘โค่วโถว’ (叩头) เป็นประเพณีแสดงความเคารพในวัฒนธรรมจีนที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยผู้น้อยต้องนั่งคุกเข่า และก้มตัวลงให้หน้าผากจรดพื้น ซึ่งแม้ปัจจุบันชาวจีนหลายท้องที่จะละทิ้งธรรมเนียมนี้ไปแล้ว ทว่าในชนบทบางแห่งก็ยังปฏิบัติกันอยู่ในช่วงตรุษจีน โดยเฉพาะมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน
    .
    หวงออกมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ปรากฏคลิปชาวบ้านปฏิบัติธรรมเนียมดังกล่าวว่อนโซเชียล โดยความเห็นของเขามีนัยยะสำคัญคือ ธรรมเนียมดังกล่าวทำให้สังคมล้าหลัง การก้มหัวเคารพพ่อแม่ถือเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่การให้ทุกคนมารวมตัวแล้วทำเช่นนี้ในที่สาธารณะ มันเป็นเหมือน ‘การกดขี่ทางสังคม’ ที่เราไม่สังเกตเห็น
    .
    เพียงไม่นาน บทความวิจารณ์ของหวงก็ได้รับกระแสตีกลับจากชาวเน็ตอย่างรุนแรง หวงเผยว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดการโต้กลับเช่นนี้ ที่รุนแรงถึงขนาดทางครอบครัวของเขาได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จำนวนมาก
    .
    ด้านผู้สนับสนุนประเพณีโค่วโถวแสดงความเห็นว่า แทนที่จะมองว่าธรรมเนียมนี้เป็นวิธีแสดงความรักและเคารพผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาล แต่กลับไปโฟกัสเรื่องชนชั้นวรรณะ แถมตอนนี้ที่ชนบทก็ห้ามจุดประทัดกันแล้วด้วย เช่นนั้น ประเพณีนี้ก็ช่วยส่งเสริมให้เทศกาลตรุษจีนมีชีวิตชีวามากขึ้นไม่ใช่หรือ?
    .
    อวี๋ไห่ ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นของจีนเผยว่า ในมุมมองของชาวบ้าน ประเพณีดังกล่าวช่วยให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น ทว่าในสายตาของชาวเมืองมันเป็นเหมือนการกระทำเพื่อสนองความต้องการคนอื่นเท่านั้น ถึงอย่างไรสิ่งที่น่ากังวลของดราม่าครั้งนี้ไม่ใช่การถามว่า ‘ใครถูกใครผิด’ แต่เป็น ‘การไม่เคารพความเห็นที่แตกต่างของประชาชน’ ต่างหาก
    .
    ที่มา : https://www.asiaone.com/china/chine...–being–threatened–criticising–backwards–lunar
    .
    #จีน #ประเพณีจีน #วัฒนธรรมจีน #เทศกาลตรุษจีน #ประเพณีโค่วโถว #ซานตง
    .
    ติดตามข่าวเด่นประเด็นร้อนแดนมังกร : https://www.jeenthainews.com/

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนจ่อออก ‘มาตรการใหม่’ ยับยั้งส่งเด็กเล็กไปเรียน ‘เมืองนอก’
    .
    ปัจจุบันเทรนด์การส่งลูกหลานไปศึกษาหาความรู้ยังต่างแดนเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ ’ชาวจีน’ ที่เคยติดอันดับ 1 ชนชาติที่ต้องการส่งบุตรหลานไปเรียนเมืองนอกมากที่สุดในเอเชีย ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่า ปี 2019 มีเด็กจีนที่ไปเรียนหนังสือในต่างประเทศสูงกว่า 700,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6% โดยมีเด็กบางคนเริ่มถูกส่งไปเรียนตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ
    .
    อัตราการแห่ไปเรียนเมืองนอกที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีมานี้สร้างความกังวลให้กับทางการจีน กระทรวงศึกษาธิการมองว่า เด็กบางคนยังเล็กเกินกว่าที่จะไปเรียนและใช้ชีวิตไกลบ้าน ทางการจึงวางแผนเตรียมสร้าง “กลไกยับยั้งการส่งเด็กเล็กไปเรียนต่างประเทศ"
    .
    ทว่าผู้ปกครองบางส่วนกลับไม่เห็นด้วย เช่น พ่อแม่ของหมิงหมิง เด็กชายชาวเซี่ยงไฮ้วัย 12 ปี ที่ตอนนี้กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พวกเขาเชื่อว่า การส่งลูกไปเรียนในสถาบันของอเมริกาจะช่วยให้ลูกชายได้เปรียบในการเรียนระดับมัธยมศึกษา และไปจนถึงการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ
    .
    สำหรับเหตุผลที่ผู้ปกครองส่งบุตรหลานไปเรียนเมืองนอก เป็นเพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจีนมีการแข่งขันที่สูงและดุเดือดมาก แรงกดดันทางวิชาการจึงทำให้พ่อแม่เลือกหนทางใหม่ให้กับลูกตัวเอง “การศึกษาของประเทศจีนไม่ได้แย่ แต่มันยากเกินไปสำหรับเด็กๆ ฉันรู้ดีว่าถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม แต่ฉันก็หวังว่าถนนที่เขาเดินจะไม่บีบรัดเขาจนเกินไป” แม่ของหมิงหมิงกล่าว
    .
    ทั้งนี้ผลสำรวจในปี 2016 ของสถาบันวิจัยการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ซึ่งตั้งอยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้เผยว่า เศรษฐีจีนมากกว่า 80% วางแผนส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ และถึงแม้ในปี 2020 จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่จำนวนนักเรียนระดับมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลายที่เรียนหลักสูตรและเข้าสอบเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ถึงอย่างไร สยงปิ่งฉี ผู้เชี่ยวชาญรองผู้อำนวยการสถาบันฯ เชื่อว่าไม่มีวิธีใดสามารถยับยั้งไม่ให้ครอบครัวส่งบุตรหลานไปต่างประเทศได้ในทันที แต่จีนควรปฏิรูประบบการศึกษา อีกทั้งควรส่งเสริมการศึกษาแบบรายบุคคลมากขึ้น และเปลี่ยนวิธีการประเมินนักเรียนมากกว่า
    .
    ที่มา :https://www.inkstonenews.com/societ...ng-children-studying-overseas/article/3122316
    .
    #จีน #การศึกษาจีน #เรียนต่อต่างประเทศ #เด็กและเยาวชน
    .
    ติดตามข่าวเด่นประเด็นร้อนแดนมังกร : https://www.jeenthainews.com/

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชวนรู้จัก ‘4 ยอดหญิงอัปลักษณ์’ แห่งประวัติศาสตร์จีน
    .
    หากกล่าวถึง “4 ยอดหญิงงาม” แห่งประวัติศาสตร์จีน ผู้อ่านหลายคนคงนึกถึงชื่อของซีซือ หวังเจาจวิน เตียวเสี้ยน (เตียวฉาน) และหยางกุ้ยเฟยขึ้นมาทันที ทว่าหากกล่าวถึง “4 ยอดหญิงอัปลักษณ์” หลายคนอาจยังคงไม่รู้จักพวกเธอมากนัก วันนี้แอดมินอยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก 4 สาวที่ได้รับการขนานนามว่าอัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ซึ่งแม้อาจถูกตัดสินว่าด้อยใน “รูปสมบัติ” แต่คุณสมบัติอื่นของพวกเธอกลับพรั่งพร้อมไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
    .
    โม๋หมู่ สตรีอัปลักษณ์คนแรกจากยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เธอมีกิริยาสง่างาม อีกทั้งเป็นคนจิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับอัปลักษณ์เสียจนคุณสมบัติอื่นไม่สามารถปิดบังความอัปลักษณ์นั้นได้ อย่างไรก็ดีจักรพรรดิเหลืองหรือหวงตี้ ผู้ทรงเป็นบรรพบุรุษของชาวจีน กลับชื่นชมในตัวโม๋และรับเธอเป็นชายาคนที่สี่ หลังแต่งงานโม๋คอยสอนสั่งเรื่องศีลธรรมแก่ผู้หญิงคนอื่นในเผ่า รวมถึงมีบทบาทช่วยหวงตี้รบชนะศัตรูและรวมแผ่นดินตอนกลางจนสำเร็จ นับว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
    .
    จงหลีชุน สตรีอัปลักษณ์คนที่สองจากยุคจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐ ตำนานบันทึกว่าจงมีหน้าผากยื่น เบ้าตาลึก จมูกรั้งเชิด ศีรษะใหญ่ ผมสีออกเหลืองแห้งกรัง ผิวสีดำแดง มีลูกกระเดือกใหญ่กว่าผู้ชาย อายุ 40 แล้วยังไม่ได้แต่งงาน ทว่ากลับเป็นคนฉลาดเฉลียว สนใจกิจการบ้านเมือง ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าอ๋องผู้ปกครองแคว้นฉี และกล่าวเตือนถึงข้อบกพร่องของพระองค์ต่อหน้า ทำให้อ๋องรู้สึกประทับใจและตั้งจงขึ้นเป็นฮองเฮาแห่งแคว้น
    .
    เมิ่งกวง สตรีอัปลักษณ์คนที่สามจากยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ตำนานบันทึกว่าเมิ่งอัปลักษณ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มีลำตัวอ้วนใหญ่ดําคล้ำ และมีพละกำลังมากถึงขนาดยกครกหินขนาดใหญ่ได้ ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานการเลือกคู่ครองของคนยุคนั้นอย่างยิ่ง ทว่าเหลียงหง ชายผู้เกิดในครอบครัวยากจนและตั้งใจเล่าเรียนจนกลายเป็นนักวิชาการชื่อดังกลับมองเห็นความดีงามและความฉลาดเฉลียวในตัวเมิ่ง จึงได้สู่ขอเธอมาเป็นภรรยา
    .
    ต่อมาเหลียงเกิดไปลบหลู่ชนชั้นสูงจนต้องระเห็จจากบ้านเกิด เมิ่งก็ติดตามสามีไปทุกหนแห่งโดยไม่ปริปากบ่น โดยทุกวันเมิ่งจะเตรียมข้าวปลาอาหารไม่เคยขาด พอสามีกลับมาก็จะใช้สองมือยกถาดอาหารขึ้นเสมอคิ้วและนำไปวางตรงหน้าเหลียง เพื่อแสดงออกถึงความเคารพรักที่มีต่อสามี จนเกิดเป็นที่มาของสํานวน “ยกถาดเสมอคิ้ว” อันโด่งดัง ซึ่งหมายถึงการที่สามีภรรยาควรรักใคร่ให้เกียรติซึ่งกันและกันนั่นเองค่ะ
    .
    หร่วนซื่อ สตรีอัปลักษณ์คนที่สี่จากยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออก ซึ่งอัปลักษณ์ขนาดที่ว่าเจ้าบ่าวไม่อาจทนรูปลักษณ์ของเธอได้ และตั้งใจจะเดินออกจากห้องหอในคืนแรกของวันแต่งงาน
    .
    หร่วนเห็นดังนั้นจึงดึงเสื้อเจ้าบ่าวไว้และเอ่ยว่าสตรีมีมาตรวัดอยู่ 4 อย่าง รูปร่างหน้าตาสะอาด กิริยามารยาทเรียบร้อย มีมธุรสวาจา การบ้านการเรือนไม่บกพร่อง ตัวนางนั้นบกพร่องแต่เพียงรูปลักษณ์ แต่ผู้ทรงความรู้เช่นเขากลับให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกของผู้หญิงมากกว่าหัวใจของเธอ เจ้าบ่าวฟังดังนั้นก็รู้สึกละอายมาก และเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่งเขาก็ตระหนักได้ว่าหร่วนไม่เหมือนหญิงทั่วไป คนทั้งสองจึงครองรักและยกย่องกันเสมอมา
    .
    เป็นยังไงกันบ้างคะ เราจะเห็นว่า 4 ยอดหญิงอัปลักษณ์ล้วนมีชะตาชีวิตดีและพบเจอคู่ครองที่ดีในท้ายที่สุด และแม้พวกจะเธอด้อยใน “รูปสมบัติ” ตามมาตรฐานสังคมกำหนด แต่สตรีเหล่านี้ก็พรั่งพร้อมด้วยความรู้ความสามารถและจิตใจงดงามไม่แพ้ผู้ใดเลยจริงๆ
    .
    #ประวัติศาสตร์ #จีนโบราณ #ผู้หญิง
    .
    อ้างอิง : - http://en.people.cn/102774/8175672.html
    - https://daydaynews.cc/en/history/598107.html
    - https://www.silpa-mag.com/history/article_52951
    .
    ติดตามข่าวเด่นประเด็นร้อนแดนมังกร : https://www.jeenthainews.com/

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    *** พลาดไม่ได้ คนไทยควรอ่าน !! ... รวมที่สุดของที่สุด 10 +15 +10 ประเด็น รวมข้อดี ข้อควรระวัง ข้อเสียเปรียบของวัคซีนเมื่อเทียบกับ "มาตรการการใส่มาส์ก" .... เทียบประเด็นกันโดยไม่เข้าข้าง ไม่มีการเมืองแทรก ... วัคซีนก็เป็นทางออกที่ดี และคงได้ใช้แน่ๆ แต่ยังมีจุดอ่อนเนื่องจากรอบนี้เป็นวัคซีนที่รีบวิจัยกัน ... !!!

    ถ้าให้๊ดีกว่า คือ รัฐต้องใช้ "มาตรการใส่มาส์กถ้วนหน้า" และ "รีบตามตรวจ Contact Tracing เพื่อให้กักตัว และตรวจหาเชื้ิอ" ที่เอาจริงเอาจังตั้งแต่ต้น "มาใช้ร่วมกับวัคซีน" จะเป็นการป้องกันการระบาดทั้งในตอนนี้และอนาคตได้อย่างดี รวมถึงทำให้เศรษฐกิจไม่เสียหายหนักหน่วง และเสียหายซ้ำๆ มากหลายรอบ

    #แม้เชื้อจะกลายพันธ์หนีวัคซีนจะโดยธรรมชาติหรือมีคนแอบทำให้กลายพันธุ์อีกล้านครั้ง (เพื่อหาผลประโยชน์) ก็สามารถรับมือได้เสมอ

    มาตรการแบบภาพรวมที่ทำจริงจังตั้งแต่ต้น จะเสมือนการควบคุมการระบาดของไวรัส

    #โดยการเน้นการใช้หลักคิดแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนและองค์รวม

    ไม่ใช่พูดแต่หลักการที่ดูดี พอภาคปฏิบัติ หันไปเน้นสร้างภาพ กับคุมข้อมูล คุมตัวเลขเป็นหลัก แต่คุมการระบาดไม่อยู่กระจายไปทั่วประเทศ

    ..............

    #ไม่ได้คัดค้านวัคซีนแต่อยากให้ประชาชนรู้ความจริงทุกด้าน

    #ฉีดด้วยความเข้าใจประโยชน์มีแน่ฉีดด้วยความไม่เข้าใจความเสี่ยงก็มีแน่

    #ไม่เปิดเผยข้อมูลให้ครบเอาแต่บอกแต่ข้อดีคนยิ่งไม่กล้าตัดสินใจ

    #วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

    #ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อแพร่เชื้อได้แบบไข้หวัดใหญ่

    อย่าลืมว่า นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เวียดนาม ไต้หวัน และจีน สิงคโปร์ในตอนนี้ต่างไม่ได้ Lockdown เต็มรูปแบบนานๆ จนเศรษฐกิจพังยาวๆ

    แต่ล้วนคุมการระบาดได้ดีกว่าไทย เศรษฐกิจเสียหายน้อยกว่ามาก มีผู้เสียชีวิต สุขภาพเสียในระยะยาวน้อยกว่ามาก

    แถมที่ดีกว่ากลุ่มนี้ไปอีก คือ มัลดีฟส์ที่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่กักตัวด้วยซ้ำไป

    #ทุกประเทศที่ว่านี้ที่ผ่านมาไม่ได้พึ่งพาวัคซีน แต่หน่วยงานราชการ และผู้บริหารประเทศต่างเอาจริงเอาจังในการป้องกันควบคุมการระบาด โดยใช้มาตรการด้านบนอย่างเอาจริงเอาจังตั้งแต่เจอผู้ติดเชื้อคนที่ 1 ในวันที่ 1 เลย

    ...........

    ตัวอย่างล่าสุดของนิวซีแลนด์ ที่เอาจริงเอาจังตั้งแต่เคสที่ 1 ในทันที จุฝึงควบคุมการระบาดได้ทันท่วงที เข่น

    .........

    นิวซีแลนด์ผวาโควิด สั่งล็อกดาวน์เมืองโอ๊คแลนด์ หลังพบผู้ติดเชื้อ 3 ราย

    15 ก.พ. 256

    https://www.thairath.co.th/news/for...ion=undefined&cx_rec_topic=undefined#cxrecs_s

    .............

    ไม่ใช่ปล่อยระบาดในวงกว้างแบบไทย แล้วคุมตัวเลขการตรวจ คุมตัวเลขผู้ติดเชื้อด้วยการตรวจน้อยเจอน้อยทำให้ดูเหมือนคุมอยู่

    #แต่เชื้อกลับกระจายไปทั่วประเทศจังหวัดไหนตรวจเชิงรุกก็เจอ

    #แล้วไปฝากความหวังภาพฝันอันสวยงามกับวัคซีนมากเกินไป

    ระวังคนเข้าใจผิดว่า "วัคซีนจะได้ผล 100 % ครอบคลุมทุกสายพันธ์ จนประมาทการ์ดตก ไม่ใส่มาส์กกันอีก"

    กลายเป็น False Sense of Security เหมือน "0 ต่อเนื่องลวงๆ ไปอีก"

    #ความปลอดภัยลวงเหมือนเคสที่ตรวจPCR2ครั้งแล้วNegativeเลยไม่กักตัวและไปแพร่เชื้อต่อได้

    ..................

    เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายล่าสุด "มหาสารคาม" พบเคยตรวจหาโควิด 2 ครั้งไม่พบ

    18 ก.พ. 2564
    https://www.springnews.co.th/society/806193

    .............

    ของไทย เราเน้นการสร้างภาพลักษณ์การควบคุมการรัฝะบาดให้ดีเกินจริงด้วยเหตุผลคลาสสิกตลอดกาล ที่ต้องปิดตัวเลขจริงเพราะกลัว ปชช ตื่นตระหนก (จนกลายเป็นประมาทแทน)

    เสียดายที่มีโอกาสจะ "ป้องกันการระบาด" ไทยก็ปล่อยโอกาสจนเริ่มเวฟ 2

    ในช่วงเริ่มเวฟ 2 ไทยมีโอกาสจะ "ควบคุมการระบาดได้แบบประเทศด้านบน" ไทยก็ปล่อยระบาดไปเยอะพอควร ถึงเริ่มลงมือ ซึ่งก็ช้าเกินไปแล้ว

    พอระบาดในวงกว้าง ถึงแม้ไม่ Lockdown แต่คนก็ไม่กล้าทำอะไรกันมาก เศรษฐกิจก็เลยชะงักกันยาวๆ

    ..............

    ได้แต่หวังว่า ศบค และกระทรวงคงไม่มุ่งเน้นที่การสร้างภาพลักษณ์ของสัคซีนให้ดีเกินจริงมากเกินไป

    #ประชาชนต้องการความจริงมากกว่าภาพลักษณ์หรือตัวเลขสวยงามถึงจะฉีดวัคซีนในวงกว้างได้

    ..........

    #อยากเข้าใจวัคซีนCovid19ให้นึกถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่

    #10ประเด็นควรรับรู้และระวังวัคซีนCovid19

    1. วัคซีนช่วยได้ในคนส่วนใหญ่ ไม่ใด้ผลในทุกคนที่ฉีด ตึงยังคงมีคนบางส่วนติดเชื้อและแพร่เชื้อได้

    2. วัคซีนข่วยได้แค่ชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดไป แถมไม่สามารถการันตีได้ว่า ใครจะป้องกันได้นานกี่เดือนด้วย เพราะวิจัยยังใหม่อยู่

    3. วัคซีนป้องกันได้แค่บางสายพันธ์ ถ้ารับนักท่องเที่ยวปกติ ก็ต้องทำใจว่า คนไทยอาจติด Covid19 สายพันธุ์อื่นๆ ได้

    วัคซีนอาจป้องกันเฉพาะไวรัสสายพันธุ์ที่ป้องกันได้ ก็จะคุมการระบาดได้ แต้สายพันธุ์ที่วัคซีนป้องกันไม่ได้ ก็จะกลับมาระบาดต่อแบบปกติแบบที่บราซิลโดน

    4. วัคซีนมีผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะในกรณีรีบวิจัยมากเกินไป

    5. ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ต้องใส่มาส์กต่อ ไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่คิด

    6. ในกรณีห้องปิดติดแอร์ อยู่ใกล้ชิดกัน และไม่ใส่มาส์ก แม้ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังแพร่เชื้อติดเชื้อกันได้

    7. แม้ฉีดวัคซีน แล้วใส่มาส์กด้วย ก็ไม่สามารถการันตี 100 % ว่าจะไม่ติดเชื้อ

    8. แม้ฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ได้การันตีว่า จะเกิดภาวะ MIS-C และ MIS-A ซึ่งืำให้คนไม่มีโรคประจำตัวติด Covid19 แล้วเสียชีวิตได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

    เพราะทั้ง 2 ภาวะเกิดจาก ภูมิคุ้มกันทำงานเกิน ไม่ใช่เกิดจากติดเชื้อไวรัสในปริมาณมาก

    9. แม้ฉีดวัคซีนแล้ว โดยรายบุคคลที่มีโรคประจำตัว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะมีอาการหนัก และเสียชีวิตได้ถ้าติดเชื้อ ไม่ได้บอกว่า พอฉีดแล้วจะไม่มีึนอาการหนักหรือเสียชีวิต

    ให้ดูไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดวัคซีนกันแทบตาย ก็ยังมี Viral Pneumonia และเสียชีวิตหลายร้อยหลายพันคนได้

    10. ท้ายที่สุด ถ้ามีเชื้อโรคตัวใหม่ ที่แรงกว่า Covid19 ติดง่ายกว่า เสียชีวิตง่ายกว่า แล้วไทยไม่สามารถใช้มาตรการป้องกันการระบาดแบบ 4-5 ประเทศด้านบนได้ มัวแต่

    - ่ปิดข้อมูล

    - คุมตัวเลข

    - รอวัคซีน

    มีหวังออกทะเล กู่ไม่กลับติดเชื้อกันหลายแสนคน ไม่โชคดีแบบเวฟแรกตลอดไปได้

    .........

    #ข้อดีวัคซีนก็มีเหมือนการตรวจPCRก็มีข้อดี

    คำถามคือ

    #วัคซีนมีข้อเสียจุดอ่อนจุดด้อยอะไรบ้างหน่วยงานรัฐลองไล่เป็นข้อๆบ้างก็ดี

    #อย่าใช้วัคซีนเป็นการกลบการระบาดที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

    ในกรณีไม่ยอมสุ่มตรวจ Antibody แบบเป็นทางการ แล้วรีบเร่งรัดฉีดวัคซีนเลย ก็คือ 1 ในการกลบเกลื่อนการระบาดเงียบ และตัวเลขการะบาดจริงในสังคมไทย

    #อย่าทำให้คนประมาทแบบกลยุทธ์0ต่อเนื่อง

    #วัคซีนมีข้อดีอะไรมาส์กก็มีข้อดีตามนั้นถ้าใช้ให้ถูกต้องและเต็มที่

    #15จุดเด่นที่มาส์กจะป้องกันปัญหาได้ผลดีกว่าวัคซีนก็เป็นได้

    1. มาส์กป้องกันเชื้อโรคได้หลากหลาย ไวรัสได้มากมาย Covid19 ทุกสายพันธ์ ... วัคซีนจำกัดแค่เฉพาะสายพันธ์นั้นๆ

    2. มาส์กป้องกันฝุ่น PM2.5 วัคซีนไม่ช่วยเลย

    3. มาส์กไม่ทำให้คนประมาท วัคซีนอาจทำให้บางคนประมาทจนติดเชื้อแพร่เชื้อได้ (เหมือน PCR แล้วเป็นลบ 2 ครั้ง ก็ยังติดเชื้อแพร่เชื้อได้)

    4. มาส์กไม่มีผลข้างเคียง วัคซีนมีผลข้างเคียงได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะวัคซีนที่รีบทดลอง แย่สุดคือเสียชีวิต

    5. มาส์กได้ผลโดยเฉลี่ยพอๆ กัน พอคาดเดาผลได้ วัคซีนเป็นการวัดดวงว่า ใครจะได้ผลไม่ได้ผล เป็นเรื่องส่วนบุคคล

    6. มาส์กได้ผลพอๆ กันทุกชนชาติ วัคซีนอาจได้ผลดีกว่าในประเทศที่ทดลองในวงกว้างไปแล้ว

    7. มาส์กได้ผลยาวๆ ไปเรื่อยๆ โดยเฉลี่ย ป้องกันการติดเชื้อได้ "นานเท่าที่ต้องการ" ... วัคซีนหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ ก็เสร็จเมื่อนั้น .. ปัญหาคือแต่ละคนหมดฤทธิ์ไวช้าไม่เท่ากันอีก

    8. มาส์กถ้วนหน้า เป็นมาตรการเพื่อเรองรับ "เชื้อที่แรงกว่า ติดง่ายกว่า เสียชีวิตมากกว่าในอนาคต" ... วัคซีนต้องวิจัยกันใหม่แต่ต้นหมด

    9. ในกรณีมี Covid19 สายพันธุ์ใหม่มา หรือเชื้อใหม่ๆ เช่น Ebola2 หรืออื่นๆ มาส์กถ้วนหน้าเห็นผลแทบทันทีในทุกคน ทุกประเทศ วัคซีนรอวิจัยอีก 2 ปี ถ้ารัฐบาลนั้นๆ ใช้มาตรกาาต่างๆ ไม่เก่งพอไม่ไวพอ หรือมีความประมาทแบบช่วง 0 ต่อเนื่อง ก็ระบาดหนัก ต้อง Lockdown เศรษฐกิจเสียหายในวงกว้างหลายแสนล้าน

    10. มาส์กสามารถใช้ซ้ำได้ วัคซีนฉีดแล้ว ถ้าไม่ได้ผลเสียเงินฟรีทันที แถมเสี่ยงติดเชื้ออีก

    11. มาส์กป้องกันการระบาดตั้งแต่ก่อนระบาด วัคซีนมาช่วยตอนใกล้จบทุกครั้ง

    12. มาส์กลดปริมาณเชื้อที่เข้าร่างกาย อาจทำให้ติดเชื้อแต่ไร้อาการ แต่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติขึ้นโดยปลอดภัยได้ และภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานกว่าวัคซีน

    13. มาส์กลดจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้เสีียชีวิตได้ตั้งแต่เริ่มระบาด วัคซีนแค่ช่วยช่วงหลังแค่นั้น

    14. มาส์กผลิตเองได้ทุกคน ซื้อง่ายกว่า วัคซีนต้องรอวิจัยอีกนาน

    15. มาส์กมีวิจัยยืนยัน และเห็นผลจริงมาทุกยุคทุกสมัย ไม่มีผลประโยชน์ และการเมืองมาเกี่ยวข้อง วัคซีน Covid19 เพิ่งมีวิจัย ยังไม่รู้ได้ผลจริงแค่ไหนในภาคปฏิบัติจริง

    แถมวิจัยก็ไม่รู้จะตรงไปตรงมาแค่ไหน อาจมีผลปรโยชน์หรือมีกาีเมือวมาเกี่ยวข้องในบางประเทศ

    ............

    อ้างอิงจาก

    ...........

    10 ประโยชน์วัคซีนโควิด “หมอยง” รณรงค์ฉีดให้เร็วและมากที่สุด ช่วยไทยพ้นวิกฤติ

    ไทยรัฐออนไลน์
    21 ก.พ. 2564

    https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2036764

    1. โอกาสที่เราจะป่วยเป็นโรคน้อยลง ความรุนแรงของโรคก็น้อยลง
    2. การแพร่กระจายของโรคก็จะลดลง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าคนที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ โอกาสแพร่กระจายโรคน้อยกว่าคนที่มีอาการ
    3. เป็นการป้องกันเขาและป้องกันเรา ก็จะลดการระบาดของโรค
    4. จำนวนผู้ป่วยก็จะลดลง ระบบสาธารณสุขจะได้ใช้ไปดูแลโรคอื่น
    5. ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ
    6. ภาวะเศรษฐกิจต่างๆ ก็จะดีขึ้น
    7. การเดินทางการท่องเที่ยวก็จะฟื้น แรงงานต่างๆ ก็จะได้มีงานทำ
    8. การศึกษาของนักเรียนจะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติ
    9. ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาการตรวจวินิจฉัยที่ใช้เงินจำนวนมาก ก็จะได้นำเงินนี้ไปใช้อย่างอื่น
    10. สุขภาวะความเครียด สภาพจิตใจต่างๆ ก็จะดีขึ้น

    @ @ @ @ @ @ @ @ @

    ลิงค์บางส่วนที่อ้างอิงเรื่องประโยชน์ของมาส์ก

    @ @ @ @ @ @ @ @ @

    1. CDC director says face masks may offer more protection against COVID than a vaccine. Here's what other experts say.

    SEPTEMBER 18, 2020

    https://www.cbsnews.com/news/covid-face-mask-protection-vaccine-cdc-director/#app

    ...........

    2. A New Theory Asks: Could a Mask Be a Crude ‘Vaccine’?

    Updated Dec. 8, 2020

    https://www.nytimes.com/2020/09/08/health/covid-masks-immunity.html

    .........

    3. Facial Masking for Covid-19 — Potential for “Variolation” as We Await a Vaccine
    .
    Monica Gandhi, M.D., M.P.H., and George W. Rutherford, M.D.

    October 29, 2020

    https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/nejmp2026913

    .......

    4. New Research On Masks Show They Can Act Like A Vaccine

    This is the strongest evidence yet that masks really work

    Dr. Hesham A. Hassaballa

    Jul 31, 2020

    https://drhassaballa.medium.com/new-research-on-masks-show-they-can-act-like-a-vaccine-5dbde9398dd4

    .......

    5. Here’s Why Vaccinated People Still Need to Wear a Mask

    Published Dec. 8, 2020

    https://www.nytimes.com/2020/12/08/health/covid-vaccine-mask.html

    .
    .

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    *** ประมาทไม่ได้ ไทยไม่มีกฎหมายบังคับใส่มาส์ก พอตัวเลขดูดี คนก็การ์ดตกกันอีก บางพื้นที่ในไทย อาจมีผู้ติดเชื้อไม่ต่างจากพม่าเท่าไหร่ ถ้าตรวจเชิงรุก หรือสุ่มตรวจ Antibody กันจริงๆ จังๆ ... พม่าเริ่มตรวจน้อย จึงเจอเคสน้อยลง แบบที่ไทยตั้งใจจะตรวจให้น้อยลง เพื่อเจอเคสน้อยลง จะได้เปิดเศรษฐกิจ

    ต่างกันที่พม่า มีการประท้วงของบุคลากรทางการแพทย์เนื่องจากมีรัฐประหาร และพม่ามีกราฟมีตัวเลขจำนวนการตรวจ PCR รายวันให้ดู

    ส่วนของไทย ตรวจน้อยจากนโยบายส่วนกลาง และไม่มีกราฟจำนวนการตรวจ PCR รายวันของทั้งประเทศให้ดูมานานมาก

    .....

    อ้างอิงจาก

    ......

    โควิดพม่า" ยังหนักหลังรัฐประหาร พบผู้ป่วยใหม่น้อยเพราะหมอ-พยาบาลอารยะขัดขืน เฉลี่ยแค่วันละ 73 คน

    เผยแพร่: 23 ก.พ. 2564 10:09

    https://mgronline.com/indochina/detail/9640000017827

    .

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว แม่น้ำโขงวิกฤตหนัก!!! ระดับน้ำโขงช่วง จ.นครพนม ต่ำกว่า 1 เมตร นับว่าต่ำสุดในรอบ 15 ปี และเกิดปรากฏการณ์ 'น้ำโขงหิวตะกอน' ทำให้น้ำมีสีฟ้าคราม จากการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำโขงของประเทศเพื่อนบ้านและจีน ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เชื่อ-ประมงพื้นบ้านกระทบมากที่สุด

    โดยเรื่องนี้ ศิราณี งอยจันทร์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครพนม เปิดเผยว่า ระดับน้ำโขงต่ำสุดในรอบ 15 ปี และบางจุดเกิดหาดทรายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งปรากฎการณ์นี้ส่งผลกระทบต่ออาชีพประมงมากที่สุด ทำให้ชาวบ้านจับปลาได้น้อยและยังส่งผลถึงการขยายพันธุ์ของปลาน้ำโขง ไม่สามารถขึ้นไปวางไข่ได้ตามฤดูกาล เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาในช่วงฤดูฝนถือว่า ระดับน้ำโขงต่ำมากเมื่อเทียบกับหลาย 10 ปีที่ผ่านมา

    ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯยังมองว่า ควรเร่งจัดพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ปลาแบบธรรมชาติในลำน้ำโขง ด้วยการสร้างเขตพื้นที่ห้ามจับปลาตามหน้าวัดเป็นเขตอภัยทาน โดยใช้ความเชื่อมาเป็นส่วนในการอนุรักษ์เพื่อขยายพันธุ์ปลาน้ำโขง และที่สำคัญต้องเร่งทำการเพาะพันธุ์ขยายพันธุ์ปลาลงสู่แม่น้ำให้มากที่สุด เพราะลำน้ำสาขาสายหลักทั้งลำน้ำอูน ลำน้ำสงครามและลำน้ำก่ำ ปลาไม่สามารถขึ้นมาวางไข่ได้ตามฤดูกาล

    ** พื้นที่น้ำโขงบางจุดเกิดหาดทรายเป็นพื้นที่กว้าง ระยะทางยาว เป็นกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบให้น้ำโขงนิ่งไม่ไหลเชี่ยวเกิดการตกตะกอน กลายเป็นสีฟ้าครามคล้ายทะเล ถึงแม้จะสร้างความสวยงามตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว แต่ในทางตรงกันข้าม-ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ถึงผลกระทบของการสร้างเขื่อนกั้นน้ำโขงของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ระบบนิเวศเริ่มพัง ระดับน้ำโขงไม่ไหลเวียนตามธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อลำน้ำสาขาแห้งขอด.
    -------------------------------
    อ่านต่อ :
    - https://news.thaipbs.or.th/content/...d70ZLnCMbTflOSqp4kPw5_i1KhyB2Dao1sNuq3yaDHeOo
    - https://www.prachachat.net/local-ec...gWzsEKCht40wBnrzpd_uWDCW_seqWWsnhZ-uYpFLI4DYo

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว รัฐบาลมาเลเซียเตรียมใช้เงินสูงถึง 56,000 ล้านริงกิตในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและกว้างขึ้นภายใต้แผน 10 ปีที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรี ตันสรี มุห์ยิดดิน ยัสซิน โดยราวครึ่งหนึ่งของงบประมาณจะจัดสรรให้โครงการ National Digital Connectivity หรือ Jendela ซึ่งเป็นแผน 5 ปีในการขยายอินเทอร์เน็ตใยแก้วนำแสงแบบคงให้ครอบคลุม 9 ล้านจุดภายในปี 2025 จาก 7.5 ล้านจุดในปี 2022

    ** โครงสร้างพื้นฐานนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากประเทศต้องการทำให้เป้าหมาย 5G เป็นจริง

    โดยเรื่องนี้ ตัน สรี มุห์ยิดดิน กล่าวว่า บริษัทโทรคมนาคมเอกชนจะลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าพันล้านริงกิตเพื่อเชื่อมต่อ Jendela กับสายเคเบิลใต้ทะเลภายในปี 2023 และอีก 15,000 ล้านริงกิตเพื่อขยายการเชื่อมต่อ 5G ทั่วประเทศ โดยนิติบุคคลเฉพาะกิจ (special purpose vehicle:SPV) ของรัฐบาลจะดูแลการเปิดตัวโครงสร้างพื้นฐาน 5G โดยภาครัฐและเอกชนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

    ตัน สรี มุห์ยิดดินกล่าวว่า การร่วมรับผิดชอบต้นทุนจะทำให้เทคโนโลยีถูกลง และให้คำมั่นว่า บริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างเท่าเทียมกัน

    ปุตราจายาตั้งเป้าหมาย 10 ปีเพื่อให้ครอบคลุม 5G ทั่วประเทศ แต่ ตัน สรี มุห์ยิดดินกล่าวว่า ความพยายามนี้จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายในปี 2020

    “ประชาชนสามารถเริ่มใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ได้ทีละขั้นภายในสิ้นปีนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว “ด้วยเหตุนี้มาเลเซียจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศแรกในภูมิภาคที่สร้างระบบนิเวศ 5G ผ่านอินเทอร์เน็ตและบริการคลาวด์แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลได้ทันที”.
    --------------------------------
    อ่านต่อ : https://thaipublica.org/2021/02/ase...ZovrYH76QvH6Wo4PLSvsZ1UielvMXf17OCqavsbyJmcCM

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เรื่องจริงต้องยอมรับว่ะซั่น!!! #คิดเห็นอย่างไร เมื่อ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวชี้แจงกรณีมีการอภิปรายรัฐบาลกรณีการเก็บรายได้ของรัฐบาลมีปัญหาต่ำกว่าประมาณการจำนวนมาก ว่า การจัดเก็บรายปีงบประมาณ 2564 ต่ำกว่าประมาณการเพราะได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากปี 2563 จากผลกระทบล็อกดาวน์ประเทศป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการทางภาษี ทั้งลดหย่อนและละเว้นให้ในหลายเรื่องทำให้การเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าประมาณการ เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ

    ** สำหรับในปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรอบใหม่ จะทำให้เศรษฐกิจโตได้ 2.5-3.5% ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้แต่เดิม เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น ส่งผลกระทบยาวไปถึงการจัดทำงบประมาณปี 2565 ซึ่งการประมาณการรายได้ ซึ่งต้องปรับตัวเลขการเก็บรายได้ให้ตรงกับความเป็นจริง ไม่สามารถใช้ตัวเลขประมาณการณ์เดิมได้

    นายอาคมกล่าวอีกว่า การเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าประมาณการทำให้รัฐบาลยังต้องทำงบประมาณแบบขาดดุล เนื่องจากรายจ่ายมากกว่ารายได้ และรายจ่ายส่วนหนึ่งเป็นรายจ่ายจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะรักษาสัดส่วนงบลงทุนให้อยู่ที่ 20% ของงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปี.

     

แชร์หน้านี้

Loading...