ติดตามสถานะการณ์

ทวิตเตอร์ยันแบนบัญชี'ทรัมป์'ถาวร แม้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับสู่ทวิตเตอร์ แม้หากเขาลงชิงเก้าอี้อีกสมัยและเป็นฝ่ายคว้าชัย จากคำยืนยันของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน(ซีเอฟโอ) ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว เนด ซีกาล ซีเอฟโอของทางทวิตเตอร์ ถูกถามว่าจะมีการคืนเอกสิทธิ์ต่างๆแก่ทวิตเตอร์ของทรัมป์หรือไม่ หากว่าเขาคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย และคำตอบก็คือ "การแบนบัญชีทรัมป์นั้น เป็นการแบนถาวร"

"มันคือแนวทางตามนโยบายต่างๆของเรา เมื่อคุณถูกถอดบัญชีออกจากแฟลตฟอร์ม คุณก็ถูกลบออกจากแฟลตฟอร์ม" เขากล่าว "ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สันทัดกรณี คุณเป็นซีเอฟโอ หรือเป็นอดีตหรือเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบัน พึงระลึกไว้ว่านโยบายต่างๆของเราออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนไม่ปลุกปั่นความรุนแรง และหากใครก็ตามทำเช่นนั้น เราจะลบพวกเขาออกจากการบริการของเรา และนโยบายของเราไม่อนุญาตให้คนเหล่านั้นกลับมา"

ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางกระบวนการพิจารณาถอดถอนทรัมป์ในสภาคองเกรส ซึ่งหากว่าเขาไม่ถูกพบว่ามีความผิด ทรัมป์จะไม่ถูกห้ามจากการนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยหรือดำรงตำแหน่งใดๆในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งล่าสุดในวันเสาร์ (13 ก.พ.) วุฒิสภาลงมติให้เขาพ้นจากข้อกล่าวหาในกระบวนการพิจารณาถอดถอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทวิตเตอร์ใช้ก้าวย่างอย่างที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน ด้วยการแบนบัญชีของทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากผู้สนับสนุนบางส่วนของเขาบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา ซึ่งในตอนนั้น ทวิตเตอร์ว่าพวกเขาระงับบัญชีของทรัมป์เป็นการถาวร "สืบเนื่องจากความเสี่ยงยั่วยุความรุนแรงซ้ำรอย"

ก่อนหน้านั้น ทวิตเตอร์ได้ล็อคบัญชีของทรัมป์เป็นการชั่วคราว ตอบสนองต่อข้อความหลายๆข้อความที่พวกเขาบอกว่ามันยุยงเสี่ยงให้เกิดความรุนแรง

การตัดสินใจแบนบัญชีทรัมป์ของทวิตเตอร์ มีขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ใช้มาตรการต่างๆกับบัญชีของเขาเช่นกัน ในนั้นรวมถึงเฟซบุ๊กที่ห้ามทรัมป์โพสต์ข้อความอย่างไม่มีกำหนด และยูทูบตัดสินใจออกคำเตือนหรือ strike ต่อช่องวิดีโอของทรัมป์

(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)

 

‘ญี่ปุ่น’เพิ่งอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกัน‘โควิด’ตัวแรก ขณะ‘โตเกียวโอลิมปิก’ขยับใกล้เข้ามา

ญี่ปุ่นเพิ่งอนุมัติในวันอาทิตย์ (14 ก.พ.) ให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดแรกภายในประเทศได้ ซึ่งได้แก่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เป็นการเปิดทางสะดวกให้แก่การฉีดวัคซีนในหมู่ประชาชนจำนวนมาก ขณะที่แดนอาทิตย์อุทัยเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนซึ่งเลื่อนมาจากเมื่อปี 2020

“กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติเป็นพิเศษในวันนี้ ให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์” สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นโพสต์ข้อความเช่นนี้ทางทวิตเตอร์

เวลานี้ ญี่ปุ่นคาดหมายว่าจะสามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ให้แก่พวกบุคลากรทางการแพทย์จำนวนระหว่าง 10,000 – 20,000 คนเป็นกลุ่มแรก โดยคาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะดำเนินการได้ในวันพุธ (17) จากนั้นจึงจะฉีดวัคซีนนี้ตลอดจนที่สั่งซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์จำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มคนสูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

จนถึงตอนนี้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ยังไม่ได้กำหนดกรอบตารางเวลาอันชัดเจนสำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มอื่นๆ ของประชากรจำนวน 126 ล้านคนของประเทศ

พวกเจ้าหน้าที่โอลิมปิกต่างยืนยันว่า โตเกียวโอลิมปิกจะจัดขึ้นอย่างแน่นอนในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคมปีนี้ ถึงแม้โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ยังคงอาละวาดอยู่ทั่วโลก

พวกนักกีฬาตลอดจนผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ จะได้รับการส่งเสริมสนับสนุน แต่ไม่ถูกบังคับ ให้ต้องฉีดวัคซีนป้องกันก่อน จึงจะเข้าร่วมมหกรรมกีฬาคราวนี้ได้

ตอนนี้ญี่ปุ่นยังกำลังกว้านหารวบรวมกระบอกฉีดยาขนาดพิเศษ ซึ่งสามารถดูดเอาวัคซีนจากขวดแก้วบรรจุวัคซีนไฟเซอร์แต่ละขวดได้ครบถ้วนทั้ง 6 โดส จากที่กระบอกฉีดยาซึ่งใช้กันอยู่ทั่วไปนั้นสามารถดูดวัคซีนขึ้นมาได้เพียง 5 โดส

 

เด็กผี-เด็กหงส์งดเดือดชั่วคราว แฟนบอลพม่าจับมือรวมกลุ่มชุมนุมต้านรัฐประหาร
.
.
เอพี - แฟนลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษในพม่าจับมือรวมกลุ่มกันเป็นการชั่วคราว จากที่ในเวลาปกติพวกเขาจะเป็นคู่แข่งกัน เพื่อชุมนุมประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของทหาร
.
“แม้ว่าพวกเราจะเป็นคู่แข่ง แต่ตอนนี้เราต้องแสดงให้โลกเห็นว่าพวกเราจับมือกันเพื่อประเทศของเรา” อ่อง ทู ตุน แฟนบอล กล่าว
.
นักฟุตบอลทีมชาติพม่าหลายคนแสดงการสนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วง โดยประกาศว่าพวกเขาจะไม่เป็นตัวแทนประเทศที่อยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร ประชาชนหลายหมื่นคนและอาจมากกว่านั้นชุมนุมประท้วงกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 แม้ทางการจะมีคำสั่งห้ามรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน และใช้กระสุนยางและรถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสลายการประท้วงก่อนหน้านี้
.
“เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง เราทุกคนกำลังก้าวไปข้างหน้า เราไม่ต้องการถอยหลัง นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่เล่นให้ทีมชาติ” จ่อ ซิน เต๊ต ผู้รักษาประตู กล่าว
.
เมื่อวันศุกร์ (12) แฟนฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เชลซี อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ และแมนเชสเตอร์ซิตี้ ราว 700 คน รวมทั้งแฟนบอลสโมสรบาร์เซโลนา จากลีกลาลีกาของสเปน เดินขบวนร่วมกันในนครย่างกุ้ง เมืองใหญ่ที่สุดของพม่า
.
ในขบวนชุมนุมยังมีประชาชนจากสาขาอาชีพต่างๆ เช่น ทนายความ บุคลากรทางการแพทย์ ตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากของประเทศ พระสงฆ์ พนักงานโรงงาน และนักเรียนนักศึกษา รวมทั้งนักปั่นจักรยาน และนักเพาะกาย
.
แฟนบอลถือป้ายต่อต้านรัฐประหาร ขณะพวกเขาเดินขบวนจากย่านใจกลางเมืองไปยังสถานทูตอังกฤษ เพื่อส่งข้อความว่าพวกเขาต้องการให้ทีมโปรดให้ความสนใจกับวิกฤติทางการเมืองของพม่า ซาร์นี หม่อง อายุ 30 ปี กล่าว
.
“เรามอบจิตวิญญาณและพลังทั้งหมดของเราสนับสนุนสโมสรที่เราชื่นชอบ ผมหวังให้พวกเขาได้ยินเสียงพวกเรา และรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศของผม” แฟนบอลทีมลิเวอร์พูล กล่าว
.
“พวกเราตื่นเต้นกันมากเฝ้ารอการแข่งขันนัดที่จะมาถึง แต่ตอนนี้เราไม่สามารถโฟกัสกับการแข่งขันนัดใดได้เลย เราต้องให้ความสำคัญกับการชุมนุมประท้วง การอยู่ภายใต้รัฐบาลทหารเป็นเรื่องเจ็บปวด” แฟนบอลทีมหงส์แดง กล่าว
.
ส่วนแฟนบอลอีกรายที่สวมเสื้อทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “เราไม่ต้องการเผด็จการ เราต้องการแต่ถ้วยแชมป์”
.
ส่วนแฟนบอกอีกคนกล่าวว่า “เราคิดว่า VAR เป็นเรื่องตลก แต่การรัฐประหารครั้งนี้เป็นเรื่องตลกของจริง”
.
“ความสนใจจากทั่วโลกเป็นสิ่งจำเป็น และอิทธิพลของฟุตบอลนั้นกว้างขวางไปทั่วโลก แฟนบอลแบบเรากำลังร่วมกันต่อสู้กับทหาร” เฮง ทู แฟนบอลทีมปีศาจแดงอายุ 24 ปี กล่าว
.
เฮง ทู ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่รัฐบาลทหารปิดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ก่อน
.
“ผมไม่สามารถดูเกมที่ทีมผมเล่นได้ด้วยซ้ำ ไม่มีช่องทีวีหรืออินเทอร์เน็ตให้ดูหรือเชคผลคะแนนได้เลย ผมกังวลว่าเราจะเสียสิทธิในการดูฟุตบอล” เฮง ทู กล่าว.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000014769

 

เส้นทางของ ‘ทรัมป์, รีพับลิกัน, และไบเดน’ ภายหลังกระบวนการอิมพีชเมนต์ยุติลง

วุฒิสภาสหรัฐฯตัดสินในวันเสาร์ (13 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความผิดในข้อหายุยงให้เกิดเหตุการณ์บุกเข้าโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคม

การพ้นความผิดของทรัมป์ ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของสหรัฐฯในหลายๆ แง่มุม ทั้งเรื่องทิศทางต่อไปข้างหน้าของอดีตประธานาธิบดีวัย 74 ปีผู้นี้เอง, ของพรรครีพับลิกัน, ตลอดจนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

<b>โดนัลด์ ทรัมป์ </b>

ถึงแม้เกือบเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นๆ ว่าวุฒิสภาจะมีเสียงไม่เพียงพอสำหรับยืนยันว่าเขามีความผิดจริงตามข้อหา กระนั้น เมื่อมีคำตัดสินออกมาเสียที มันก็ย่อมทำให้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้รู้สึกโล่งอก

ในคำแถลงที่ออกมาหลังคำตัดสิน นอกจากทรัมป์ไม่ยอมพลาดในการประณามการดำเนินการในเรื่องนี้ของทางพรรคเดโมแครต ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “การล่าแม่มด” แล้ว เขายังพูดเกี่ยวกับอนาคตอีกด้วย

“ขบวนการแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงออกถึงความรักชาติ และทั้งสวยสดงดงาม ของพวกเรา ในการมุ่ง ‘ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง’ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นมาเท่านั้น” เขาบอก

“เรายังมีงานอีกมากมายเหลือเกินรออยู่ข้างหน้า และในเร็วๆ นี้เราจะผงาดขึ้นมาพร้อมกับวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่สดใส, ส่องสว่าง, และไร้ขีดจำกัดของอเมริกัน”

ทรัมป์นั้นทำท่าเห็นดีเห็นงามกับความคิดที่จะลงแข่งขันชิงทำเนียบขาวอีกครั้งในการเลือกตั้งสมัยต่อไปในปี 2024 และหากเขาถูกวุฒิสภาตัดสินว่ากระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็น่าที่จะปิดโอกาสไม่ให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับประเทศได้อีกต่อไป

ตั้งแต่ที่ออกจากทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ก็ปักหลักหลบเร้นอยู่แต่ในรีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ที่รัฐฟลอริดา ของเขา ขณะเดียวกันก็ถูกริบบัญชีทวิตเตอร์ซึ่งเขาเคยใช้ในการสื่อสารกับบรรดาสาวกจำนวนเป็นหลายๆ ล้านคน

แคปรี แคแฟโร ผู้เชี่ยวชาญซึ่งไปช่วยงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงวอชิงตัน โดยที่เธอเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาของรัฐโอไฮโอโดยสังกัดพรรคเดโมแครตมาก่อน ให้ความเห็นว่าการได้พ้นความผิดเช่นนี้ อาจถูกใช้ให้เป็น “เครื่องปลุกขวัญเพื่อระดมพลพรรคให้พร้อมออกศึก” สำหรับทรัมป์และพวกผู้สนับสนุนของเขา

แต่ แคแฟโร กล่าวต่อไปว่า “สำหรับคนจำนวนมากแล้ว มรดกจากสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อมาถึงจุดนี้อาจจะนึกถึงแต่เหตุการณ์บุกสภาในวันที่ 6 มกราคม ไม่ว่าเขาจะพ้นผิดหรือไม่ก็ตามที”

“จะมีคนอเมริกันที่คิดอยู่เสมอว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทบางสิ่งบางอย่างในเรื่องนี้” เธอกล่าว และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงพวกกิจกรรมในภาคเอกชนของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายนี้ด้วย

“มันแทบจะแน่นอนทีเดียวว่า เขาจะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากต้องพยายามอยู่ในวงการเมืองต่อไป” เธอบอก

ทางด้าน เวนดี ชิลเลอร์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ เห็นด้วยว่าอนาคตของทรัมป์อาจจะถูกบีบรัดเหลือทางเลือกเพียงจำกัด

“ถ้าหากบริษัทสักแห่งเสนอให้เงินเขาไปปรากฏตัวขึ้นพูดปราศรัยแล้ว ปฏิกิริยาโต้กลับทางโซเชียลมีเดียก็จะพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วและสาหัสร้ายแรง โดยเป็นไปได้ว่าอาจเกิดกระแสบอยคอตต์ผลผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นๆ “ ชิลเลอร์ กล่าว

“แม้กระทั่งการจัดประชุมหรือจัดงานกันในสถานที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทรัมป์ มันก็จะยังคงกลายเป็นปัญหาสำหรับพวกบริษัทใหญ่ที่เป็นบริษัทมหาชนซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือพวกบริษัทซึ่งเสนอขายผลิตภัณฑ์แก่พวกผู้บริโภคโดยตรง” เธอบอก

<b>พรรครีพับลิกัน </b>

จากข้อเท็จจริงที่ว่าวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันส่วนข้างมาก ยังคงโหวตให้ทรัมพ์พ้นผิด คือสัญญาณอันชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า เขายังคงสามารถยึดเอาพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้เอาไว้ในกำมืออย่างเหนียวแน่น

“พรรคนี้คือพรรคของเขา” มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน ส.ส.จากรัฐจอร์เจีย ที่เป็นหนึ่งในสาวกผู้ภักดีศรัทธาเขาเหนียวแน่นที่สุด กล่าวเอาไว้เช่นนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “มันไม่ได้เป็นพรรคของใครคนอื่นหน้าไหนทั้งสิ้น”

แต่ก็ยังคตงมีวุฒิสมาชิกรีพับลิกันจำนวน 7 คนออกเสียงให้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีความผิดตามข้อหา และมี ส.ส.พรรครีพับลิกัน 10 คนซึ่งได้โหวตร่วมกับพวก ส.ส.เดโมแครตเมื่อเดือนที่แล้วให้ดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอนเขา โดยคนหนึ่งคือสมาชิกสำคัญลำดับ 3 ในสภาล่างของพรรค นั่นคือ ส.ส.ลิซ เชนีย์ ผู้เป็นบุตรสาวของอดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์

กระทั่ง มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ถึงแม้ออกเสียงให้ทรัมป์พ้นผิด แต่ก็พูดว่า อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีความรับผิดชอบ “ในทางปฏิบัติและในทางศีลธรรม” สำหรับความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม

มีชาวพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งที่วางตัวเองให้ออกห่างจากทรัมป์ และกำลังรวบรวมพลังและทรัพยากรต่างๆ เพื่อส่งตัวเองให้ทะยานสู่ทำเนียบขาวในการเลือกตั้งปี 2024

หนึ่งในจำนวนนี้คือ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรโลนา และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำพสหประชาชาติ นิกกี้ เฮลีย์ ผู้ออกมากล่าวว่า ชาวรีพับลิกันผิดพลาดแล้วที่ไปสนับสนุนการรณรงค์ต่อสู้ของทรัมป์ในตอนพยายามพลิกผลการเลือกตั้ง อันเป็นเส้นทางซึ่งนำไปสู่การโจมตีรัฐสภาวันที่ 6 มกราคม

“เขาเดินไปบนเส้นทางสู่ความตกต่ำอย่างที่เขาไม่สมควรกระทำเลย และเราก็ไม่สมควรเดินตามเขาด้วย” เฮลีย์กล่าวในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร โปลิติโค

เฮลีย์ยังบอกปัดข่าวลือข่าวกะเก็งกันที่ว่าทรัมป์ยังจะกลับมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 “ฉันไม่คิดว่าเขาสามารถทำอย่างนั้นได้” เธอบอก “เขาตกต่ำจนไกลเกินไปแล้ว”

กระนั้น ชาวรีพับลิกันที่กำลังเสนอแนวทางให้แยกทางกับทรัมป์อย่างเด็ดขาด เวลานี้ยังคงเป็นเสียงข้างน้อยอยู่ และจำนวนมากยังคงรู้สึกหวาดกลัวอำนาจที่เขามีเนื่องจากได้รับความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นจากฐานเสียงของเขา

“พวกวุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่โหวตให้เขาพ้นผิด อาจจะกำลังปกป้องพวกเขาเองไม่ให้ถูกท้าทาย ซึ่งที่สำคัญคือการท้าทายจากปีกหัวรุนแรงสุดโต่งในพรรคของพวกเขาเอง ทั้งในการเลือกตั้ง (กลางสมัย) ปี 2022 และแม้กระทั่งในปี 2024” อาจารย์ชิลเลอร์ บอก “ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็อาจจะทำให้ตัวเองอยู่ในฐานะอ่อนแอมากขึ้น จนกระทั่งอาจจะแพ้ในการเลือกตั้งใหญ่ (ซึ่งผู้ออกเสียงมีทั้งชาวรีพับลิกันแลที่ไม่ใช่รีพับลิกัน)”

แคแฟโรก็สำทับว่า พวกสมาชิกรัฐสภาสังกัดรีพับลิกันที่ยังคงภักดีทรัมป์นั้น กำลังเล่นพนัน “ด้วยความเสี่ยงอย่างเหลือเชื่อ”

“พวกเขากำลังตัดสินใจโดยอิงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ดำรงอยู่เพื่อช่วยเหลือพวกเขาแล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า” เธอบอก

ยังมีอดีตเจ้าหน้าที่รีพับลิกันที่ต่อต้านทรัมป์อยู่กลุ่มหนึ่ง ได้เสนอแนวความคิดให้ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคที่ 3 ที่มีแนวทางกลาง-ขวาขึ้นมา ทว่านี่ไม่น่าจะได้รับแรงหนุนส่งอะไรนักหนา

<b>โจ ไบเดน </b>

การไต่สวนเพื่อถอดถอนทรัมป์ กลายเป็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในตอนเริ่มต้นวาระการเป็นประธานาธิบดีของไบเดน และพวกเดโมแครตต้องรู้สึกยินดีแน่นอนที่มันใช้เวลาแค่ 5 วันก็ยุติปิดฉากลงไปได้

ถึงตอนนี้วุฒิสภาจะอยู่ในฐานะพรักพร้อมสำหรับการพิจารณารับรองผู้ที่ไบเดนเสนอชื่อแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกในคณะรัฐบาลตลอดจนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ซึ่งยังคงคั่งค้างอยู่ รวมทั้งพิจารณาวาระทางนิติบัญญัตติของไบเดน ขณะที่สหรัฐฯต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างลำบากในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และกับความเดือดร้อนสาหัสในทางเศรษฐกิจ

“ประธานาธิบดีไบเดนทำดีมากในการแยกตัวเองให้ห่างจากกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอน และคยอส่งข้อความเตือนถึงวิกฤตโควิด-19 ตลอดจนวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดพ่วงตามมา” ชิลเลอร์ บอก

แต่ถึงยังไง ทรัมป์ก็ยังคงเป็นพลังหนึ่งที่จะต้องขบคิดหาทางรับมือ

“พูดไม่ได้หรอกว่าเรามีภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดการประท้วง การเดินขบวน และการเคลื่อนไหวต่างๆ มากมายยิ่งกว่านี้ จากพวกขวาจัดแล้ว” แคแฟโร บอก “ถ้าหากเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมา โจ ไบเดน จะรับมือกับมันยังไง นี่ยังเป็นอะไรที่จะต้องเฝ้าลุ้นติดตามกัน”

 

กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์โควิดในไทย ล่าสุดรอบ 7 วันที่ผ่านมาที่ต้องจับตา คือ จังหวัดปทุมธานี และ ตาก พบคลัสเตอร์ ตลาดพรพัฒน์ อ.ธัญบุรี พบติดเชื้อเกือบ 200 คน แพร่กระจาย 8 จังหวัด แนะประชาชนสวมหน้ากาก เตือนผู้ค้าและคนสัมผัสใกล้ชิด พบเจ้าหน้าที่ขอคำแนะนำดูแลตนอง

วันที่ 14 ก.พ. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 ว่า ประเทศในเอเชียพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งอินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย โดยประเทศไทยวันนี้มีรายงานติดเชื้อ 166 ราย ติดเชื้อในประเทศ 138 ราย คือจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 49 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 89 ราย และ ติดเชื้อจากต่างประเทศ 28 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเฉพาะการระบาดระลอกใหม่ 20,334 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม สำหรับการระบาดระลอกใหม่ในประเทศตามพื้นที่เสี่ยงวันที่ 15 ธ.ค.63-14 ก.พ.64 แบ่งเป็น จ.สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ โดยในจ.สมุทรสาคร มีอัตราติดเชื้อ 31.88% อย่างไรก็ตาม มีการใช้แผนการควบคุมโรค 3 ระยะ โดยขณะนี้อยู่ระยะการควบคุมโรคในพื้นที่มีการระบาดของโรคสูงในโรงงานต่างๆ หรือที่เรียกว่า บับเบิ้ล แอนด์ ซีล (Bubble and SEAL) แต่ก็มีการเฝ้าระวังคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่รอบๆ โรงงานที่ปิดล้อมเอาไว้ แต่พื้นที่รอบๆ ความชุกของโรคไม่สูง ทำให้สถานการณ์ของโรคสมุทรสาครดูเหมือนควบคุมได้ดี ซึ่งมีผู้ป่วยรายงานวันนี้ 44 ราย ผู้ป่วยในระบบบริการ 33 ราย คัดกรองเชิงรุก 11 ราย โดยคิดอัตราการค้นหาเชิงรุกอยู่ที่ 79.64% มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 15,508 ราย คิดกรองเชิงรุก 12,395 ราย

ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครอัตราติดเชื้ออยู่ที่ 7.97% วันนี้มีผู้ป่วย 11 ราย คิดอัตราการตรวจเชิงรุกที่ 4.74% โดยมีผู้ป่วยสะสม 923 ราย คัดกรองเชิงรุก 86 ราย ส่วนจังหวัดอื่นๆ อัตราติดเชื้อ 60.14% ผู้ป่วยวันนี้ 83 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก78 ราย โดยจังหวัดอื่นๆคิดอัตราการตรวจเชิงรุกอยู่ที่ 15.62% โดยผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,041 ราย จากคัดกรองเชิงรุก 1,441 ราย อย่าไงรก็ตาม การพบผู้ป่วยในประเทศค่อนข้างทรงตัว แหล่งการแพร่ระบาดใหญ่ๆเริ่มลดลง ดังนั้น หากเร่งการค้นหาเชิงรุกในแหล่งพบผู้ติดเชื้อได้เร็ว ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายได้

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ในรอบ 7 วันที่ผ่านมาพื้นที่สมุทรสาคร แนวโน้มพบผุ้ป่วยเริ่มลดลง ส่วนกทม. บางวันเพิ่มบางวันลด แต่ที่ต้องจับตามองคือ จ.ปทุมธานี และจ.ตาก โดยภาพรวมของประเทศในรอบสัปดาห์นี้พบผู้ติดเชื้อ 10 จังหวัด

กรณีการแพร่ระบาดที่จ.ปทุมธานี ล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้ออกประกาศสั่งปิดตลาดพรพัฒน์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากพบว่าวันที่ 9-13 ก.พ.64 มีการค้นพบผู้ติดเชื้อกว่า 100 ราย โดยได้มีการตรวจเชิงรุก ซึ่งวันนี้ยังตรวจเชิงรุกอยู่ ทั้งนี้ มีข้อสังเกตคือ พ่อค้าแม่ค้ามีการค้าขายหลายตลาด หลายสถานที่ เวลามีการติดเชื้อก็จะทำให้ไปติดเชื้อจุดต่างๆได้อย่างรวดเร็ว กรณีนี้พบว่า ผู้ป่วยรายแรกค้าขายที่จ.สมุทรสาคร และค้าขายที่ปทุมธานีด้วย ซึ่งมีคำถามว่าทำไมถึงมีการติดเชื้อในตลาด ทั้งที่เป็นอาคารในที่แจ้ง แบ่งเป็นล็อกๆ โดยทีมสอบสวนโรคตั้งข้อสังเกตว่า หลังคาค่อนข้างเตี้ย ตรงกลางอากาศไม่ค่อยถ่ายเท และเวลารับประทานอาหารร่วมกันก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และเวลาอากาศร้อนๆ ก็อาจไม่ใส่หน้ากากอนามัย ตรงนี้ต้องไปสอบสวนโรคเพิ่ม ซึ่งก็อาจต้องมีการพิจารณาเรื่องพื้นที่ อากาศถ่ายเท และต้องเคร่งครัดในการค้าขาย อย่างแม่ค้าแม่ขายย้ายไปขายตลาดอื่น เมื่ออีกตลาดปิดก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้จะมีการสอบสวนโรคเพิ่มเติม

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบแม่ค้าแม่ขาย หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจากตลาดพรพัฒน์ มีการเดินทางไปยังแหล่งอื่นๆจนมีการติดเชื้อ โดยขณะนี้พบ 182 ราย(วันที่ 9-13 ก.พ.) โดยปทุมธานี 164 ราย นครนายก 7 ราย เพชรบุรี 3 ราย สระบุรี 2 ราย กทม.2 ราย พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง นครราชสีมา และแพร่จังหวัดละ 1 ราย กรณีจ.นครราชสีมา พบเป็นเด็กอายุ 7 ปี มีแม่ประกอบอาชีพที่ตลาดนั้น และติดเชื้อจากแม่ ประกอบกับไปเยี่ยมญาติที่นครราชสีมาก็ทำให้พบการติดเชื้อ ดังนั้น ท่านใดที่สัมผัสกับตลาดพรพัฒน์ หรือกับแม่ค้าแม่ขาย หรือค้าขายเอง ตั้งแต่ช่วง 9-13 ก.พ. หรือก่อนหน้านั้น 7 วัน หรือหากไม่แน่ใจ มีอาการสงสัยให้รีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 อันนี้สำคัญมาก เพราะหากรีบไปตรวจและพบเชื้อก็จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้

นพ.โอภาส กล่าวถึงกรณีจ.ตาก โดยเฉพาะอ.แม่สอด โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.-14 ก.พ.64 พบผู้ป่วยสะสม 112 ราย ล่าสุดมีการตรวจเชิงรุกอีกที่ชุมชนตลาดสีมอย และตลาดพาเจริญ และตรวจโรงงานต่างๆ รวมทั้งซุ้มเลี้ยงไก่ชน ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย ซึ่งข้อมูลยังเชื่อมโยงกับชาวเมียนมา โดยร้อยละ 10.71 เป็นคนไทย และร้อยละ 89.29 เป็นชาวเมียนมา

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

สมุทรสาครเดินหน้าล้างทำความสะอาดตลาด 22 แห่ง เตรียมเปิด 15 ก.พ.นี้ ส่วนตลาดรถไฟเตรียมเปิดวันที่ 18 ก.พ.นี้

วันที่ 14 ก.พ. 2564 สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดสมุทรสาคร แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยฝ่ายงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของเทศบาลนครสมุทรสาคร ได้นำรถน้ำดับเพลิงที่บรรทุกน้ำคลอรีนเข้มข้น ฉีดพ่นตลาดในพื้นที่ฝั่งมหาชัยอีกครั้ง หลังจากที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.พ.และในวันนี้เป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะเน้นไปที่ตลาดใหญ่ๆ ที่มีผู้มาจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดถนนสุขาภิบาล ตลาดสดมหาชัย และตลาดรถไฟ เป็นต้น ซึ่้งเป็นล้างทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของตลาดซ้ำอีกครั้ง ตามแผนปฏิบัติการล้างตลาด 22 แห่ง ครบจบ 3 วัน ( 12 – 14 ก.พ.64) คืนความมั่นใจให้แก่ประชาชนทั้งผู้ซื้อ ผู้บริโภค และผู้ขาย

ส่วนการเปิดตลาดในวันที่ 15 ก.พ.64 นั้น เบื้องต้นจะเปิดก่อน 21 ตลาด ยกเว้นตลาดรถไฟ ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องการที่จะปิดปรับปรุงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ได้มาตรฐานมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งเรื่องระเบียบ มาตรการ และการจัดทำอุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติม เช่น แผงกั้นหน้าร้าน เป็นต้น โดยตลาดรถไฟจะเลื่อนไปเปิดวันที่ 18 ก.พ. 64 ขณะเดียวกันที่ตลาดรถไฟยังได้มีการแจกบัตรประจำตัวผู้ค้าและแรงงานในแต่ละร้าน ที่ผ่านการตรวจ โควิด-19แล้วไม่พบเชื้อด้วย

ส่วนมาตรการของตลาดในเขตเทศบาลนครสมุทรสาครทั้ง 22 แห่ง ที่จะต้องยึดปฏิบัติอย่างเข้มข้น คือ ผู้ค้า จะต้องมีการลงทะเบียนกับทางเทศบาล มีป้ายชื่อกำกับ ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และมีผลยืนยันไม่พบเชื้อ ตลอดจนต้องสวมหน้ากากอนามัย ถุงมือและอุปกรณ์ ป้องกัน , คนงาน ก็ต้องลงทะเบียน มีป้ายชื่อกำกับ ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และมีผลยืนยันไม่พบเชื้อ ต้องสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงถุงมือและอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงรองเท้าบูท

ขณะที่ผู้ซื้อ ต้องผ่านการคัดกรองก่อนเข้าตลาด ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะจับจ่ายซื้อของในตลาด และต้องเว้นระยะห่าง

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

เทศบาลนครรังสิต แจ้งปิดสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครรังสิต ทั้ง 12 แห่ง ป้องกันโควิด-19 ระบาด

วันที่14 ก.พ.64 เพจเฟซบุ๊ก เทศบาลนครรังสิต โพสต์ข้อความระบุว่า ประกาศเทศบาลนครรังสิต แจ้งปิดสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครรังสิต ทั้ง 12 แห่ง เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 ถึงวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 และให้มาเรียนตามปกติในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

โดยในระหว่างปิดสถานศึกษาให้จัดการเรียนการสอน ออนไลน์ และให้ผู้ปกครองและนักเรียนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด หากมีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกลุ่มผู้มีความเสี่ยง ให้กักตัว และแจ้งเจ้าหน้าที่ หมั่นตรวจสอบข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นระยะ

สถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครรังสิต
- โรงเรียนนครรังสิต สิริเวชชะพันธ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
- โรงเรียนนครรังสิต รัตนโกสินทร์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
- โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
- โรงเรียนนครรังสิต เทพธัญญะอุปถัมภ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
- โรงเรียนนครรังสิต เปรมปรีดิ์ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ
- โรงเรียนเพียรปัญญา และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ สินสมุทร
- ศูนย์พัฒนาเด็กเด็กฯ เอื้ออาทรรังสิต
- โรงเรียนดวงกมล
- โรงเรียนมัธยมนครรังสิต

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

พบคนถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิตในสวนมะม่วง บ้านหว้าเอน หมู่ 8 ต.ศรีมหาโพธิ อ.มหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี คือ นายทวี จิตบุญชื่น อายุ 62 ปี ใกล้ร่างผู้เสียชีวิตพบร่องรอยต้นมะม่วงฉีกขาดและพบรอยเท้าช้างเดินอยู่รอบบริเวณ

จากการสอบถาม นายภานุพงศ์ จิตบุญชื่น อายุ 58 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมายังไม่เห็นพี่ชายกลับบ้าน จึงมาดูที่สวนมะม่วง เห็นรถกระบะพี่ชายจอดอยู่คิดว่าพี่ชายยังอยู่ในสวนจึงร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงเดินหาในสวนมะม่วงกระทั่งพบพี่ชายนอนคว่ำหน้า ตามตัวเปื้อนดินแขนขาหัก นอกจากนั้นในบริเวณรอบๆยังพบรอยเท้าช้างและกิ่งมะม่วงหักร่วงมามามากมาย จึงคาดว่าพี่ชายเสียชีวิตจากการถูกช้างป่าทำร้าย

ด้านเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าฯอ่างฤๅไน ที่เดินทางมาตามรอยช้างป่าเปิดเผยว่า คาดว่าน่าจะเป็นช้างพรายตัวเดียวที่ออกหากินบริเวณนี้เจ้าหน้าที่จะได้ทำการผลักดันกลับคืนป่าต่อไป ส่วนเรื่องช่วยเหลือชาวบ้านหรือผู้เสียชีวิต ไม่ได้รับคำตอบแต่บอกจะดูแลช้างด้วยการป้องกันไม่ให้เข่ามาในพื้นที่

#ช้างป่า #ปราจีนบุรี #อ่างฤๅไน
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

ทำไปทำมาลง 2 แบบ แต่ผมรู้สึกว่าไม่สวยงามดูเสนอข้อมูลไม่ชัดเจน


สู้ของเดิมไม่ได้ พอเจอหน้าโพสต์ ก็นับทราบข้อมูลได้เลย



ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เพราะรูปแบบที่ทำเพิ่มก็เป็นอย่างย่อ ของเดิมก็ชัดเจนแล้ว

เดิม



ใหม่




เมื่อวานจะเอาแบบใหม่มาเสนอ แต่มีคนท้วง ก็เปลี่ยนแบบเดิมมาให้ แต่วันนี้มาลูกผสมคงไม่มช่ลงประชดน่ะครับ

 

นักสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียทบทวนนโยบายการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำบนพื้นที่ภูเขาที่อากาศร้อนขึ้น หลังจากธารน้ำแข็งถล่มเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและทำให้เกิดน้ำท่วมจนกวาดเขื่อนพังไปหนึ่งแห่งและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
.
น้ำท่วมฉับพลันเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในรัฐอุตตราขัณฑ์ทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า สาเหตุมาจากธารน้ำแข็งและหินถล่มขนาดใหญ่ทำให้มีผู้สูญหายในภูมิภาคหิมาลัยมากถึง 200 คน ซึ่งหน่วยกู้ภัยพยายามที่จะค้นหาคนงานก่อสร้างเขื่อนหลายสิบคนที่ติดอยู่ในอุโมงค์เนื่องจากมีเศษซากที่พัดมาจากคลื่นน้ำท่วม
.
นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่าภัยพิบัติดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคที่มีดินถล่มอยู่ทั่วไป แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นเร็วในเทือกเขาฮินดูกูช - หิมาลัยมากกว่าในส่วนอื่นๆ ของภูมิภาค
.
อนิล กุลคาร์นี ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งของสถาบันวิทยาศาสตร์อินเดียในเมืองเบงกาลูรู กล่าวว่าภาวะโลกร้อนและปัจจัยในท้องถิ่น เช่น การตัดไม้ทำลายป่าสำหรับโครงการพัฒนาและกิจกรรมการก่อสร้างขนาดใหญ่อาจมีส่วนทำให้เกิดภัยพิบัติ
.
"การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องมีการพิจารณาใหม่ไม่ใช่เพียงเพราะความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อน แต่เป็นเพราะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่กว้างขึ้น" สุนิตา นาราอิน หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในนิวเดลีกล่าว
.
เธอกล่าวว่า โครงการไฟฟ้าพลังน้ำมูลค่าประมาณ 7,000 เมกะวัตต์กำลังดำเนินการหรือสร้างขึ้นในภูเขาที่เปราะบางของรัฐอุตตราขัณฑ์
.
"โครงการต่างๆ กำลังดำเนินต่อไปในขณะที่อินเดียพยายามที่จะก้าวไปสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาดขึ้นและให้การพัฒนาที่มากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ห่างไกลมากขึ้น แต่ความพยายามดังกล่าวจำเป็นต้องถูกจำกัด เพราะขีดความสามารถในการรองรับของภูมิภาคหิมาลัยเปราะบางซึ่งจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” นาราอิน กล่าวกับมูลนิธิทอมสันรอยเตอร์
.
สำหรับทางออกที่ดีที่สุด? จิกเมท ทักปา เลขาธิการร่วมกระทรวงสิ่งแวดล้อมป่าไม้และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอินเดีย กล่าวว่าการปรับปรุงการจัดหาพลังงานในอินเดียมีความสำคัญต่อสวัสดิภาพของประชากร
.
“เมื่อใดก็ตามที่เกิดภัยพิบัติเช่นนี้ผู้คนก็เริ่มตั้งคำถามกับรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะถามคำถาม แต่ก็ต้องเข้าใจว่าภัยธรรมชาติอยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาล” เขากล่าวกับมูลนิธิทอมสันรอยเตอร์
.
เขากล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนของอินเดียจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนากลยุทธ์การปรับตัวและหลีกเลี่ยงความเสียหาย เช่น การดูแลไม่ให้มีการสร้างบ้านใกล้ริมแม่น้ำ
.
แต่ ราวี โชปรา ผู้อำนวยการสถาบัน Peoples Science Institute ซึ่งทำงานเกี่ยวกับปัญหาน้ำ สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติในอินเดีย กล่าวว่าด้วยต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว การสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำบนภูเขาจึงไม่จำเป็น ไฟฟ้าพลังน้ำที่ผลิตในอุตตราขัณฑ์มีต้นทุนสูงกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เทียบเท่ากันถึงสามเท่า ในยุคนี้ไฟฟ้าพลังน้ำจึงไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ
.
โชปรา กล่าวว่า หลังจากฝนตกหนักในปี 2556 ทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมและดินถล่มซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 5,000 คนในรัฐอุตตราขัณฑ์ คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยศาลฎีกาได้แนะนำว่าห้ามสร้างเขื่อนที่สูงกว่า 2,000 เมตร (6,500 ฟุต) แต่การสร้างเขื่อนยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงการก่อสร้างเขื่อนที่เพิ่งถูกธารน้ำแข็งถล่มและน้ำท่วมฉับพลันเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ด้วย
.
ชารัคจันทรา ลีลี จากศูนย์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาของ Ashoka Trust for Research in Ecology and the Environment กล่าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาสำหรับเทือกเขาหิมาลัยใหม่
.
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคหิมาลัยของอินเดียรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ การขุดอุโมงค์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและการสร้างถนนโดยไม่เลือกปฏิบัติกำลังขยายความเสี่ยงและผลกระทบ” เขากล่าว

อ้างอิง :
• https://reut.rs/3qd8Mvv
• https://bit.ly/3jMGLbH
ภาพ: Bloomberg

 

เตือนห้ามนำน้ำพุโซดา ไปผสมแอลกอฮอล์ หลังแช่เย็น มีสีขุ่น-กลิ่นเหม็น
12 ก.พ. 2564-14:14 น.
อธิบดีกรมฯบาดาล เตือนห้ามนำน้ำพุโซดา ที่ขุดพบไปผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หวั่นอันตราย ให้รอผลพิสูจน์ก่อน ด้าน ผวจ.กาญจน์ โพสต์กลายเป็นสีขุ่น มีกลิ่น

จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจาะบาดาลในพื้นที่หมู่12 บ้านพะยอมงาม ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 4 บ่อ และที่หมู่19 บ้านทุ่งคูณ จำนวน 2 บ่อ โดยพบรสชาติน้ำที่พุ่งออกมาจากบ่อบาดาล หมู่19 ซ่าคล้ายกับโซดา ที่ผ่านมามีประชาชนที่ทราบข่าวได้ไปลองดื่ม ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำตัวอย่างของน้ำไปพิสูจน์ ในห้องแลป เพื่อหาสิ่งปนเปื้อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ

ล่าสุดวันที่ 12 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเดินทางไปยังจุดพบน้ำพุโซดากันเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ชมได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำน้ำกลับไปดื่ม เพราะอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ ว่ามีสารอันตรายเจือปนอยู่หรือไม่ คาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์จะทราบผล

อ่าน : ชาวบ้านบุกชิมน้ำบาดาล เผยซ่าคล้ายโซดาจริง เปรียบอธิบดี เหมือนเทวดามาโปรด
อ่าน : ฮือฮา! พบแหล่งน้ำแร่โซดา รสหวานซ่า ตรวจแล้วปลอดภัย ผสมเครื่องดื่มได้ทันที

นายสิริพงศ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยกระเจา กล่าวว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งว่า ยังไม่อนุญาตให้มาตักน้ำจากแหล่งพุน้ำนี้ไปดื่มกิน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ว่ามีสารหนักสารเบาอะไรปนเปื้อนอยู่ในน้ำบ้างหรือไม่

ขณะนี้ประชาชนกำลังตื่นเต้นกับแหล่งน้ำที่พบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนประหลาดใจ จึงพากันเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ชมได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้นำน้ำกลับไปดื่มกิน หรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า หลังจากทราบผลทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนทราบต่อไป คาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะทราบผล ดังนั้นขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเวรยามเฝ้าแหล่งน้ำพุตลอด 24 ชม. เพื่อดูแลพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รับทราบกรณีมีผู้ลองดื่มน้ำพุโซดา ด้วยความเป็นห่วง โดยระบุว่า ตามที่ได้มีข่าวและทุกท่านได้รับทราบแล้วว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขุดพบแหล่งน้ำใต้ดินจำนวนมหาศาลที่เขตของอำเภอบ่อพลอยติดกับห้วยกระเจา ซึ่งเป็นความหวังสำหรับพี่น้องประชาชนของอำเภอห้วยกระเจาและอำเภอใกล้เคียงว่าต่อไป

ความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เราต้องรอผลการวิเคราะห์ที่กรมทรัพยากรน้ำกำลังดำเนินการ หากสามารถใช้อุปโภคบริโภคหรือการเกษตรได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

อย่างไรก็ตาม ตามที่มีการเสนอข่าวว่ารสชาติคล้ายโซดาและประชาชนบางท่านได้ลองเอามาผสมสุราดื่มหรือดื่มลองชิมดูนั้น ขอให้งดการกระทำดังกล่าว เพราะเมื่อวานนี้ผมได้ให้พี่อ้วนโชเฟอร์ของผมไปสังเกตการณ์และนำตัวอย่างน้ำมาดู ซึ่งเมื่อเก็บไว้ข้ามคืนน้ำเปลี่ยนสีเป็นขุ่น ๆ ออกน้ำตาลเป็นอย่างมากและมีกลิ่นตุ ๆ

จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ที่นำไปดื่มหรือลองของจึงขอให้งดและรอผลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อนว่าจะต้องมีกระบวนการใดๆก่อนที่จะนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้

 

เมื่อลูกจ้างยื่นหนังสือลาออก และนายจ้างให้ลูกจ้างออกจากงานไปทันทีสามารถทำได้หรือไม่

ในหนังสือลาออกของลูกจ้างมักจะเขียนว่าขอลาออกโดยให้หนังสือลาออกมีผลในอีก ๓๐ วันนับแต่วันที่ยื่นหนังสือลาออก

แต่นายจ้างใจร้อน อนุมัติให้ลาออกทันทีก็สามารถที่จะทำได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง

ทั้งนี้ เพราะเป็นการสมเจตนาที่ลูกจ้างจะออกอยู่ก่อนแล้ว นายจ้างจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือค่าชดเชยอกด้วย เพราะไม่ใช่การเลิกจ้าง "แต่หนังสือเลิกจ้างของลูกจ้างนายจ้างจะร่น หรือขยายไม่ได้"

การให้ออกทันทีย่อมเป็นการร่น หรือขยายหนังสือเลิกจ้าง ย่อมถือได้ว่าเป็นการทำให้ลูกจ้างเสียหายจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้าง เท่ากับค่าจ้างจนถึงวันที่ลูกจ้างประสงค์จะออก

ที่มา คำพิพากษาฎีกา 1196-1218/2546

-แจ้งข่า่ว สิ้นสุดการรอคอย หนังสือคุ้มครองแรงงานเล่มสีดำ จะมาประมาณสัปดาห์หน้าครับ

 

เอาคอมพิวเตอร์มาต่อพ่วงกับอุปรณ์นายจ้าง เพื่อทำการค้ากับบุคคลภายนอก นายจ้างเลิกจ้างได้

เคยมีคดีลูกจ้างได้นำเอาคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเวลาทำงานเพื่อทำการค้ากับบุคคลภายนอก พฤติการณ์ดังกล่าวนอกจากจะเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบจากการใช้กระแสไฟฟ้า โทรศัพท์ และอุปกรณ์ของนายจ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ยังเป็นการเบียดบังเวลาการทำงานของนายจ้างอีกด้วย ย่อมทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

เมื่อนายจ้างตักเตือนและสั่งห้ามในที่ประชุมแล้ว ลูกจ้างยังกระทำการเช่นนั้นอีกจนต้องมีการตักเตือนถึง ๕ ครั้ง เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าลูกจ้างละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ(ประจำ) และเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การปฎิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต

นายจ้างจึงสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ทันทีไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา ๑๗ ประกอบ ปพพ. มาตรา ๕๘๓

นอกจากนั้นศาลยังได้วินิจฉัยคดีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต่อไปว่า พฤติการณ์ดังกล่าวนอกจากจะเป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ และเบียดบังเวลาทำงานของนายจ้างทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ยากแก่การบังคับบัญชา หากนายจ้างให้ทำงานต่อไปก็มีแต่จะทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายมากขึ้น นายจ้างจึงย่อมมีเหตุผลที่จะไม่ไว้วางใจให้ลูกจ้างทำงานต่อไป ซึ่งหากปล่อยให้มีการทำงานต่อไปนายจ้างก็จะมีแต่เสียหาย

การเลิกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมให้แก่ลูกจ้างอีก

คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๓๐๗/๒๕๕๒

 

#ประมวลข่าว (14 ก.พ.) สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ ชาวเพจทุกคน เนื่องจากข่าวแผ่นดินไหว เมื่อวานไม่ได้ up ยอดโควิด ขอยกมาวันนี้นะคะ

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

☔️(1) พรุ่งนี้ (วันจันทร์ 15 ก.พ.) ความกดอากาศต่ำกำลังแรงมากพาดผ่านญี่ปุ่น ก่อให้เกิดลมและฝนหนัก จากนั้น 16 ก.พ. ไปอากาศหนาวจะเคลื่อนลงมาปกคลุมญี่ปุ่น ทำให้ฝั่งทะเลญี่ปุ่นหิมะตกหนักถึงหนักมาก

พื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว โปรดเตรียมตัวรับ aftershock และ ลมแรง + ฝน + อากาศหนาว ด้วยนะคะ

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼
(2) ชินคันเซ็นโทโฮคุ จะเปิดให้ใช้ได้ทั้งสาย ต้องใช้เวลาซ่อมประมาณ 10 วัน

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

(3) อนุมัติวัคซีนโควิดของไฟเซอร์อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ คาดเริ่มฉีด 17 ก.พ. เป็นต้นไป

ตู้เย็นที่ใช้เก็บวัคซีนโควิดปลอดภัยจากแผ่นดินไหวทุกที่นะคะ (*´ω`*ﾉﾉ☆ﾊﾟﾁﾊﾟﾁ

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

(4) #โควิด
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มวันนี้:

ยอดเพิ่มวันนี้ +1,364 ราย รวมสะสม 415,945 ราย
เสียชีวิตเพิ่ม +38 ราย รวมสะสม 6,970 ราย
คนอาการหนัก 668 ราย (-33 )
หายแล้วสะสม 382,886 ราย

จังหวัดที่เกินร้อย
โตเกียว 371 ราย

ไซตามะ 131 ราย
คานางาวะ 108 ราย
ชิบะ 108 ราย

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

———
เครดิต:
NHK　https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/data/



#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น

 

เวลาผ่านไปปีเศษตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดูเหมือนคนไทยยังสับสนกับวิธีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศได้ (airborne)ในไทยกลับกลายเป็นข้อมูลเท็จ (ดูรูป)

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาหรือ CDC ให้คำแนะนำป้องกันการติดเชื้อผ่านอากาศ นอกจากการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างแล้ว ยังแนะนำให้อยู่ในที่กลางแจ้ง (outdoor) ที่โล่ง มีลมพัด มีแสงแดด มากกว่าที่ในร่ม (indoor) หลีกเลี่ยงสถานที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ อากาศเย็น ถ่ายเทไม่ดี มีคนอยู่กันอย่างแออัด แนะนำการระบายอากาศในอาคาร (Ventilation) ด้วยการติดพัดลมดูดอากาศออก และติดพัดลมดูดอากาศเข้าพร้อมแผงกรองอากาศ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ (Hepa filter) หรือติดตั้งรังสียูวี C เหนือศีรษะฉายเฉพาะด้านบนของห้อง (UVGI) เพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ หรือปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างแทนถ้าทำได้ ทั้งหมดนี้ทำเพื่อลดจำนวนเชื้อไวรัสที่แขวนลอยในอากาศในห้องนั้นให้น้อยลงเร็วที่สุด (ดูรูป)

นอกจากนี้บางหน่วยงานของไทยยังเน้นป้องกันการติดเชื้อผ่านทางสัมผัสมากเกินไป นำไปสู่การปฏิบัติที่สิ้นเปลือง เสียเงิน เสียเวลา และอาจเกิดอันตรายได้ เช่นการทำบิ๊กคลีนนิ่ง เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนพื้นที่ทั้งใน นอกอาคาร และบนตัวคน ให้คนเข้าอุโมงค์สเปรย์พ่นยาฆ่าเชื้อ จริงๆแล้วการล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเอามือมาแคะจมูก ขยี้ตา และการเช็ดถูทำความสะอาดจุดที่คนสัมผัสบ่อยๆเช่น ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์ ราวบันได โต๊ะ เก้าอี้เป็นต้น โดยใช้น้ำเปล่าผสมน้ำสบู่ ผงซักฟอก หรือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคที่ไม่ทำลายพื้นผิวก็เพียงพอแล้ว

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์วิธีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 (ดูรูป) ดังนี้:

วิธีที่ 1 เป็นวิธีที่แพร่กระจายบ่อยที่สุด โดยผ่านทางหยดละออง (droplets) เวลาผู้ติดเชื้อพูด ไอ จาม เชื้อไวรัสอยู่ในหยดละออง ลอยออกมาในอากาศช่วงเวลาสั้นๆ ลอยเข้าทางจมูก เยื่อบุตาของคนที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในระยะ 1-2 เมตร ก่อนตกลงบนพื้น

วิธีที่ 2 แพร่กระจายผ่านอากาศ (airborne) พบได้ทั้งในโรงพยาบาลเวลาดูดเสมหะ พ่นยา ใส่ท่อหายใจ และนอกโรงพยาบาล พบได้น้อยกว่าวิธีแรก ในบางสถานการณ์เชื้อไวรัสอยู่ในละอองฝอย (aerosol) แพร่กระจายผ่านอากาศ ไกลกว่า 2 เมตร แขวนลอยในอากาศเป็นชั่วโมง เวลาผู้ติดเชื้อไอ จาม ร้องเพลง ตะโกน ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ คนรวมตัวกันมากๆ คนติดเชื้ออาจออกจากสถานที่นั้นไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสยังแขวนลอยอยู่ คนที่อยู่ห่างออกไปเกิน 2 เมตร หายใจเชื้อไวรัสเข้าทางเดินหายใจ วิธีนี้เกิดขึ้นในสนามมวยลุมพินีเมื่อปีที่แล้ว ทำให้คนที่มาชมมวยวันนั้น ติดเชื้อพร้อมกันมากกว่า 50 คน

วิธีที่ 3 ผ่านทางพื้นผิว โดยผู้ติดเชื้อเอามือที่ปิดปากเวลาไอ จาม หลังสั่งน้ำมูก แล้วเอามือนั้นไปสัมผัสกับพื้นผิว เช่นลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์ ราวบันได และผู้ติดเชื้อไอ จาม หยดละอองมีน้ำหนักตกลงบนพื้นผิวเช่นโต๊ะ เก้าอี้ หลังจากนั้นคนทั่วไปเอามือสัมผัสพื้นผิว แล้วเอามือที่เปื้อนเชื้อไวรัสมาขยี้ตา แคะจมูก เชื้อไวรัสเข้าเยื่อบุตา จมูก วิธีที่ไวรัสกระจายผ่านทางพื้นผิว ติดต่อทางอ้อมในชีวิตจริงพบน้อยกว่า 2 วิธีแรกมากๆ เพราะเชื้อไวรัสตายเองเร็วมากหลังออกจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ

 

INNOVATION: อินเดีย ไอเดียกรีนผุดสีทาบ้านจากมูลวัว! ไร้สารเคมี เป็นมิตรแวดล้อม ไร้กลิ่น ราคาถูก ผลิตหลายเฉดสีได้
.
“สีจากมูลสัตว์” อาจจะเป็นสิ่งฟังดูแปลก แต่จริง ๆ แล้วในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ คนโบราณเองก็ใช้สิ่งนี้ในการวาดภาพฝาผนังกันมาก่อน บริษัทหนึ่งในอินเดียตอนนี้ก็เริ่มหันกลับมาใช้วิธีแล้ว เพราะล่าสุด พวกเขาได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่นำมูลวัวมาทำเป็นสีทาบ้าน ออเแกร์นิคของจริง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมี
.
สีนี้เป็นของบริษัท Khadi Prakritik Paint พวกเขานำมูลวัวมาเป็นส่วนประกอบหลักของสี เพราะเชื่อกันว่ามูลวัวมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
.
ที่ผ่านมาอินเดียก็เคยนำมูลวัวมาทำผลิตภัณฑ์บ้างแล้ว ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ยันเครื่องสำอาง หรือสบู่ที่ใช้กันทั่วไป
.
แต่สีใหม่ของบริษัทนี้เป็นสีที่ต่างจากเดิมเพราะเป้าหมายของเขาคือต้องการช่วยชาวนานำมูลวัวที่เขาเลี้ยงมาขายเพื่อหาเลี้ยงชีพตน และแปลงสินค้าออแกร์นิคจากชุมชนนี้ให้เป็นที่ต้องการของทั่วโลก ด้วยราคาที่คุ้มค่า และไม่มีกลิ่น
.
สีนี้ได้รับการรับรองแล้วจาก Bureau of Indian Standards และก็ไม่ใช่ขี้ ๆ ถึงจะทำจากขี้ เพราะมันผ่านการทดสอบแล้วว่า แห้งเร็วกว่าสีอื่นสี่ชั่วโมง และมีผิวที่เรียบเนียนและสม่ำเสมอ สามารถทาได้ทุกผนัง ทั้งผนังภายใน และภายนอกบ้าน และพัฒนาเป็นสีใดก็ได้โดยการผสมสีที่เหมาะสม (สีพื้นของมันคือสีขาว)
.
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังบอกว่าสีมูลวัวยังเป็นฉนวนกันความร้อนธรรมชาติ (Natural Thermal Insulation) ชั้นดีด้วยนะ พออ่านแล้วก็อยากทำมาใช้เลย อยากจะรู้ว่ามันจะไม่มีกลิ่นแบบที่เขาระบุไว้หรือเปล่า
.
Source
1. https://www.facebook.com/GoWasteEd/videos/3431992810246354

2. https://indianexpress.com/.../nitin-gadkari-launches.../

 

TRANSPORT: จังหวัด Yamanashi อนุมัติร่างแผนสร้างทางรถไฟขึ้น"ฟูจิ" ไปยัง Fuji Subaru Line 5th Station
.
แต่ละปีมีผู้คนกว่า 3 แสนขึ้นไปถึงยอดของภูเขาไฟฟูจิ โดยหน้าปีนภูเขาอยู่ในช่วงกรกฎาคม ถึงกันยายน เพื่อจะไปถึงยอดนั้นนักปีนเขามักจะไปเริ่มที่สถานี 5 (Fuji 5th Station) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สูงที่สุด
.
ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะต้องขึ้นรถบัส หรือรถยนต์เพื่อที่จะไปถึงสถานีดังกล่าว อย่างไรก็ตามล่าสุดเราอาจจะมีรถไฟที่พาไปถึงที่นั่นแทน
.
ในการประชุมของจังหวัด Yamanashi ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติร่างคอนเซปเส้นทางรถไฟใหม่ไปยัง Fuji Subaru Line 5th Station โดยเป็นรถไฟรางเบา Light Rail Transit (LRT)
.
โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และภูมิทัศน์จากการใช้รถยนต์ และรถบัส ซึ่งหากแผนนี้สร้างสำเร็จแล้ว อาจจะไม่ให้รถยนต์ หรือบัสขึ้นอีกต่อไป ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน
.
โครงการนี้จะมีค่าก่อสร้างราว 1.4 แสนล้านเยน และค่าโดยสารไปกลับจะอยู่ที่ 10,000 เยน โดยคาดว่าโครางการนี้จะทำให้มีผู้โดยสารกว่า 3 ล้านคนต่อปี
.
อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังไม่ได้อนุมัติก่อสร้าง แต่ได้มีการอนุมัติร่างแผนแล้ว ซึ่งจะมีการศึกษาในการก่อสร้างโครงการรถไฟนี้ต่อไป
.
Source:

https://www.timeout.com/.../mt-fuji-could-be-getting-a...

https://www.youtube.com/watch...

https://www.japan-guide.com/e/e6922.html

https://m.facebook.com/967714813368587/posts/2363230353817019/?d=n

https://goo.gl/maps/kcR4CMJt4vPZxY7c8

 

SPACE : NASA ตามหาเอเลี่ยนด้วยมลพิษที่สร้างขึ้นบนต่างดาว
.
NASA ใช้มลพิษที่อยู่นอกโลกในการตามสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่สามารถสร้างอารยธรรมได้ มลพิษในที่นี้ของ NASA คือ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) มันเป็นก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ หรือหากเกิดโดยธรรมชาติก็เกิดในระดับน้อยมากจากสิ่งมีชีวิต ฟ้าผ่า และภูเขาไฟ
.
บนโลกเรา ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ 76% ล้วนมาจากแหล่งอุตสาหกรรม แต่จากการที่ NASA ใช้ก๊าซนี้ในระดับสูง นั่นอาจหมายความว่า มันมีโอกาสที่บนดาวดวงนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีเทคโนโลยีสูงพอที่จะใช้พลังงานจากฟอสซิลบนดาวดวงนั้น
.
แล้ว NASA พบก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์นี้บนดาวดวงอื่นได้อย่างไร? คำตอบคือจากแสงที่สะท้อนกลับออกมา แต่ละอะตอม แต่ละโมเลกุล แต่ละธาตุในจักรวาลนี้ต่างสะท้อนแสงออกมาในคลื่นความยาวที่ต่างกัน โลกก็สะท้อนแสงออกไปนอกอวกาศเช่นกัน แสงที่สะท้อนออกไปจะเป็นแสงที่เกิดจากธาตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก หรือเข้าใจง่าย ๆ คือ ก็เหมือนกับสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวเราที่มีสีแตกต่างกัน เพราะมันสะท้อนแสงสีออกมาต่างกัน ธาตุแต่ละธาตุก็มีสีที่แตกต่างกันไป
.
แต่การมองแสงที่สะท้อนออกมาจากดาวที่อยู่ห่างไกลในระดับหลายปีแสงก็เหมือนกับคุณอยู่บนสถานีอวกาศแล้วตามหาว่าผู้ชายคนไหนในเชียงใหม่กำลังใส่รองเท้าไนกี้รุ่น air force 1 react อยู่ นั่นแหละคือความยาก
.
แต่การตามหามลพิษบนต่างดาวก็ทำให้เรามีตัวเลือกมากขึ้นในการตามหาสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา และร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ก็จะทำให้เราแน่ใจกับคำถามที่ว่า “เราอยู่ตามลำพังในจักรวาลหรือไม่?”
.
Source :
https://www.nasa.gov/press.../goddard/2021/technosignature

เรียบเรียง : Witit

 

นักศึกษาร่วมมูลนิธิกระจกเงา #เปิดรับบริจาคซื้อเครื่องเป่าใบไม้ มอบให้ชาวบ้าน-อาสาเพื่อสร้างแนวกันไฟ ควบคุมไฟป่าไหม้ลุกลาม!
.
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทำโครงการชื่อ "Blow Leaves Away" ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา เพื่อจัดซื้อเครื่องเป่าใบไม้จำนวน 20 เครื่อง มอบให้กับชาวบ้าน และ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างแนวกันไฟ ควบคุมการลุกลามของปัญหาไฟป่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
.
ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 จนปิดรับบริจาควันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564
.
ร่วมบริจาคได้ที่ https://taejai.com/th/d/blow_leaves_away/
.
"จากสถิติในช่วงกลางปีพ.ศ. 2563 ไฟป่าได้ลุกลามในพื้นที่ภาคเหนือจนเกิดความเสียหายมากกว่า 120,000 ไร่ ซึ่งไฟป่านั้นถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติจากความแห้งแล้ง เมื่อกิ่งไม้แห้งเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟ ประกอบกับกองใบไม้แห้งที่ทับถมจนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ดังนั้นไฟป่ามิใช่เพียงฝีมือมนุษย์อย่างที่สังคมภายนอกอาจเข้าใจ แต่ยังเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำและยากแก่การหยุดยั้งในทุก ๆ ช่วงฤดูกาลที่มาถึง
.
ในการนี้ โครงการอาสาดับไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งมีศูนย์ประจำการที่อยู่จังหวัดเชียงราย ได้ทำงานในด้านการป้องกันไฟป่าร่วมกับชาวบ้านและหลากหลายหน่วยงานในพื้นที่มาแล้วกว่า 4 ปี โดยมี คุณโจ้-ณัฐพล สิงห์เถื่อน ผู้ผ่านการทำงานฟื้นฟูชุมชนหลังภัยพิบัติมาแล้วร่วมหลายเหตุการณ์ ทางองค์กรฯได้ร่วมมือกับชุมชนในท้องถิ่นเพื่อเผชิญกับไฟป่าในทุกๆช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่ขั้นตอนในการป้องกันไฟป่าเมื่อสัญญาณความแล้งมาถึง รวมถึงในช่วงที่ไฟป่าเริ่มลุกลาม จนสิ้นสุดลงในแต่ละปี ซึ่งในขณะนี้ (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564) ไฟป่านั้นได้เริ่มลุกลามอีกครั้ง
.
การทำงานของโครงการอาสาดับไฟป่าฯ นั้น ต้องใช้สรรพกำลังทั้งด้านแรงคน และแรงทุนทรัพย์ในการจัดหาอุปกรณ์โดยจากการสัมภาษณ์กับคุณโจ้-ณัฐพล ผู้นำองค์กร เครื่องเป่าใบไม้นั้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในการจัดการกับไฟป่า แต่กลับมีจำนวนที่ไม่พอเพียง ทั้งนี้เพราะเครื่องเป่าใบไม้นั้นสามารถทำให้อาสาสมัครนั้นสามารถสร้างแนวกันไฟได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้คราดถึง 20 เท่า การใช้เครื่องเป่าใบไม้จึงถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการลุกลามไฟป่า
.
ทั้งนี้ ด้วยขนาดเครื่องที่เล็ก กะทัดรัด และใช้งานได้ง่ายของเครื่องเป่าใบไม้ ทำให้มิใช่เพียงแค่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครเท่านั้นแต่ใช้งานได้ แต่ยังสามารถแจกจ่ายไปให้ชุมชนสามารถดูแลป้องกันพื้นที่ตนเองจากการลุกลามของไฟป่าได้ โดยที่โครงการอาสาดับไฟป่าฯนั้นมีเจตนาในการสร้างสถานีในการจัดการไฟป่าถึง 50 สถานีในพื้นที่ที่ดูแลอยู่ เครื่องเป่าใบไม้จึงเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือสถานีและชุมชนต่างๆในการปกป้องผืนป่าและที่อยู่อาศัยของตนเองจากอัคคีภัยธรรมชาติที่หวนมาเป็นประจำทุกปี
โครงการ Blow Leaves Away จึงประสานงานกับคุณโจ้-ณัฐพล ผู้นำโครงการอาสาดับไฟป่าฯ เพื่อระดมทุนการจัดซื้อเครื่องเป่าใบไม้ จำนวน 20 เครื่องอย่างเร่งด่วน เพื่อส่งมอบให้ทางศูนย์ฯ ได้นำไปแจกจ่ายให้ชุมชนต่างๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญจุดแรกที่อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป
.
โครงการ Blow Leaves Away จึงประสานงานกับคุณโจ้-ณัฐพล ผู้นำโครงการอาสาดับไฟป่าฯ เพื่อระดมทุนการจัดซื้อเครื่องเป่าใบไม้ จำนวน 20 เครื่องอย่างเร่งด่วน เพื่อส่งมอบให้ทางศูนย์ฯ ได้นำไปแจกจ่ายให้ชุมชนต่างๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญจุดแรกที่อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป
.
โดยโครงการนี้ได้เปิดรับบริจาคผ่านทางเทใจ และจะส่งมอบให้ทางมูลนิธิกระจกเงา โดยมีเป้าหมายการสมทบทุนอยู่ที่ 122,000 บาท ในการจัดซื้อเครื่องเป่าใบไม้จำนวน 20 เครื่อง ภายในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2564
.
ทุกท่านสามารถเข้าไปร่วมกันสนับสนุนโครงการได้ที่ https://taejai.com/th/d/blow_leaves_away/
.
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อาสาดับไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา

https://www.facebook.com/volunteerfireproject/

.
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

อรุณรัตน์ ยอดเทพ (เอเชีย)
สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ ม.อัสสัมชัญ
โทร. 0843596142