ติดตามสถานะการณ์

Feb 11 , 2021 คลังดัน 3 วัคซีนเศรษฐกิจ ปั้นไทยเติบโตในปี 64 ชี้ไม่สามารถแจกเงินเยียวยาไปได้ตลอด ต้องฟื้นฟูผู้ประกอบการผ่านนโยบายการคลังไปด้วย
.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังต้องเผชิญโควิด-19 ต่อเนื่องจากปี 2563 แต่เศรษฐกิจปีนี้มีความหวังจากปีที่แล้วที่ไม่มีความหวัง เนื่องจากมีการผลิตวัคซีนได้แล้ว ซึ่งคนไทยจะได้ฉีดวัคซีน หากทำได้เร็วลดการแพร่ระบาด ทำให้มีความหวังว่าโควิดปีนี้จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจน้อยลง
.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะศูนย์กลางการระบาดรอบใหม่รุนแรง มีการติดเชื้อจำนวนมากกว่ารอบแรก การติดเชื้อแต่ละวันยังเป็นหลักร้อยคน แต่เริ่มลดลงเพราะการควบคุมแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ
.
แต่ไทยต้องมีวัคซีนเศรษฐกิจ 3 ตัว เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพ ประกอบด้วย
.
1. วัคซีนเศรษฐกิจระดับประเทศ จีดีพีต้องเติบโตมั่นคง ต่อเนื่องมีคุณภาพ โตเท่าไรไม่สำคัญ เน้นเรื่องคุณภาพ เศรษฐกิจต้องมีความมั่นคง ทุนสำรองสูง ฐานะการคลังแข็งแรง และหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
.
2. วัคซีนเศรษฐกิจระดับภาคการผลิต ภาคบริการ ต้องมีภูมิคุ้มกัน ต้องมีการบริหารความเสี่ยง และมีธรรมาภิบาล
.
3. วัคซีนระดับประชาชน ส่งเสริมให้มีการออมเงินมากขึ้น และสร้างทางเลือกรออมยามเกษียณให้กับประชาชน
.
นอกจากนี้การบริหารเศรษฐกิจปี 2564 รัฐบาลต้องดำเนินการ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
.
1. การเยียวยาและฟื้นฟู ต้องทำให้ทันสถานการณ์ ปีที่ผ่านมามีการเยียวยาประชาชนจากโครงการเราไม่ทิ้งกัน สำหรับปีนี้ก็ดำเนินการมาต่อเนื่อง ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และโครงการ ม.33 เรารักกัน ซึ่งมาตรการเยียวยาทำได้แค่ระยะสั้นเท่านั้น ไม่สามารถเยียวยาไปไม่ได้ตลอด ดังนั้นรัฐบาลต้องทำการฟื้นฟู ช่วยเหลือผู้ประกอบการผ่านนโยบายการเงินการคลัง ไปพร้อมกันด้วย
.
2. การกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตให้มีความชัดเจน ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยต้องเน้นเรื่อง BCG
.
3. การดูแลการระบาดของโควิด-19 และการดูแลรองรับสังคมผู้สูงอายุที่ ขณะนี้ไทยมีผู้สูงอายุ 12% อีก 10 ปี จะเพิ่มเป็น 24% ต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
.
#คลัง #วัคซีนเศรษฐกิจ #Misterban #จีดีพี #เศรษฐกิจ #เติบโต #Misterban

 

#ข่าวด่วน (11 ก.พ.) ลุงโมริ อดีตนายกและประธานจัดงานโอลิมปิกของญี่ปุ่นเผยถึงความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งในและต่างประเทศถึงกรณีการพูดจากดูถูกผู้หญิง

แม้เจ้าตัวจะออกมาแถลงข่าวขอโทษ และขอถอนคำพูด แต่ในงานแถลงข่าวกลับแสดงอารมณ์โกรธนักข่าวทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม

เมื่อวานนี้มีอาสาสมัครโอลิมปิกลาออกเกิน 500 คน (จาก 8 หมื่น) รวมถึงคนวิ่งคบเพลิงจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าหากไม่ลาออก น่าจะมีคนลาออกเพิ่มขึ้นอีก

มีคนเติมเชื้อไฟชื่อ “ลุงนิไค” ไปวันก่อนด้วยค่ะ

ครั้งนี้ลุงโมริและผู้สนับสนุนคงต้านไม่ไหวจริงค่ะ กระแสนานาชาติมาก สถานทูตอียูออกมาทวีตต้านกันหลายประเทศเลย

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ดราม่าโอลิมปิก #ข่าวญี่ปุ่น

https://lin.ee/d80AMoV?mediadetail=1?utm_source=line&utm_medium=share&utm_campaign=none

 

รัสเซียเผชิญกับอากาศที่หนาวจัด จนบรรดาชาวเน็ตได้นำน้ำเปล่ามาสาดในอากาศ จนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งอย่างสวยงาม โดยอุณหภูมิที่รัสเซีย ติดลบกว่า 30 องศาเซลเซียส ขณะนี้จึงมีเทรนด์ที่ฮิตกันอย่างมากในโลกออนไลน์รัสเซียคือ บรรดาวัยรุ่นชาวรัสเซีย ได้นำน้ำเปล่าที่ต้มจนร้อน มาสาดให้กระจายกลางอากาศ เป็นภาพหยดน้ำสวยงามอย่างที่เห็น

#รัสเซีย #อากาศหนาว
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยอาการล่าสุดของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้ทดสอบหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจ และสามารถผู้ว่าฯ หายใจเอง 4 ชั่วโมง ออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงให้เห็นถึงข่าวดีว่าปอดยังทำงานได้ปกติ แม้จะไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

โดยศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ผู้ว่าฯ ยิ้มได้แล้ว ตอนผมไปเยี่ยมก็ยิ้มให้กัน และได้บอกว่าถ้าหายแล้ว ผมจะไปส่งที่สมุทรสาครด้วยตัวเอง แล้วจะพาไปร้องคาราโอเกะด้วย เพื่อให้กำลังใจท่านผู้ว่าฯ โดยตอนนี้ทีมแพทย์ได้ลดยาบางตัวแล้ว ส่วนอาหารให้เต็มที่แล้ว และไม่มีการฉีดยาเพิ่มเติม นับได้ว่าเป็นระยะฟื้นตัว ต้องรอประเมินภาพเอกซเรย์และการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อก่อนย้ายออกจากห้องไอซียู

#ผู้ว่าสมุทรสาคร #โควิด19
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

กรมสอบสวนคดีพิเศษ จับกุมตัว นายดนุเดช แสงแก้ว หรือ นุ หรือ เนเน่ ได้ที่บ้านพัก ซึ่งใช้เป็นสำนักงานเนเน่โมเดลลิ่ง (Nene Modeling) ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลลิ่งเด็กที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย จากการสืบสวนและจับกุมนายดนุเดชฯ ในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพบคลังภาพลามกอนาจารเด็กมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ ซึ่งนับว่าเป็นการได้มาซึ่งภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุด และเกี่ยวพันกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนหลายพันราย ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมากกว่าครั้งใดๆ

นอกจากการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษยังได้มีการประสานกับองค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไร ได้แก่ องค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.), มูลนิธิเอ-ทเวนตี้วัน (A21 Foundation), องค์กร LIFT International, มูลนิธิพิทักษ์สตรี (AAT), TCLS Legal Advocate และศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม เพื่อการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงช่วยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย

#โมเดลลิ่งดัง #เนเน่ #ดีเอสไอ
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

'ไบเดน' ต่อสายคุย 'สี จิ้นผิง' ยกประเด็นสิทธิมนุษยชนกดดันจีน ขณะที่ผู้นำจีนสวนกลับ อย่าสร้างความสัมพันธ์ให้เลวร้ายเพราะจะเป็นหายนะ

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เว็บไซต์บีบีซีรายงานอ้างการเปิดเผยของรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเป็นครั้งแรก โดยทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือกับนายสี จิ้นผิง โดยเฉพาะกรณีต่อชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งกรณีในฮ่องกงและท่าทีต่อไต้หวัน

โดยการต่อสายคุยระหว่างสหรัฐฯ กับผู้นำจีนครั้งนี้ ถูกเลือกให้มีการพูดคุยกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยนายไบเดนได้ทวีตข้อความยืนยันว่า จะเดินหน้าทำงานกับจีนในประเด็นที่มีประโยชน์ต่อพลเมืองอเมริกัน

ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อของจีนได้เปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับจีนเช่นกัน โดยระบุว่าทั้งสองได้แลกเปลี่ยนมุมมองในเชิงลึก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ รวมถึงประเด็นระดับโลกและระดับภูมิภาคอื่นๆ โดยในตอนหนึ่งมีการระบุว่า นายสี จิ้นผิง เอ่ยปากเตือนนายโจ ไบเดนว่า ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายอาจนำไปสู่หายนะระหว่างสองประเทศ

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายจับตาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ภายใต้รัฐบาลของนายโจ ไบเดนว่า จะมีทิศทางเป็นอย่างไร หลังจากในรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนที่นำโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีมาตรการที่แข็งกร้าวกับจีน จนสถานการณ์ตึงเครียด โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายสงครามการค้าต่อกัน

ที่มา https://www.bbc.com/news/world-56021205

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

ศบค. รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ เพิ่มอีก 201 ราย ผู้ป่วยสะสมยืนยัน 24,104 ราย เตรียมตรวจแอนติบอดี้ชาวจังหวัดสมุทรสาครก่อนประชุมหารือมาตรการคลายล็อกสิ้นเดือนนี้

วันที่ 11 ก.พ. 2564 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 201 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 185 ราย จากต่างประเทศ 16 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 80 รายสำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในเขตกรุงเทพมหานครตลอด 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-10 กุมภาพันธ์ 2564 มีดังนี้

• เขตที่ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อ จำนวน 2 เขต
• เขตที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันตั้งแต่ 7 วันที่ผ่านมา จำนวน 34 เขต
• เขตที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 5-6 วันที่ผ่านมา จำนวน 2 เขต
• เขตที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติตต่อกันในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา จำนวน 6 (-1) เขต
• เขตที่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 1-2 ที่ผ่านมา จำนวน 6 (+1) เขต

สำหรับจังหวัดสมุทสาคร ได้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม มีการคัดกรองเชิงรุกทั้งหมด 1,048 แห่ง เป็นโรงงานขนาดใหญ่ 97 แห่ง ขนาดกลาง 223 แห่ง ขนาดเล็ก 953 แห่ง ตลาดและชุมชน นำไปสู่การคัดแยกพื้นที่ที่พบเชื้อ โดยจังหวัดสมุทสาครเตรียมตรวจแอนติบอดี้ในแก่แรงงานข้ามชาติ ในวันที่ 15 ก.พ. วันละ 8 พันราย ที่พบว่ามีความเสี่ยงสูง แต่หากพบว่าเกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้วก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ส่วนมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ ให้รอความชัดเจนสัปดาห์หน้า

แพทย์หญิงอภิสมัย ยังกล่าวด้วยว่า ทางกรมควบคุมโรคระบุว่าโรคติดต่อได้อยู่กับสังคมไทยมานาน เช่นวัณโรคหรือเอดส์ ซึ่งโควิด 19 เป็นโรคใหม่ที่ยังไม่รู้จักกับโรคนี้ดี โดยในระยะยาวต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคนี้ให้ได้ แต่ระบบสาธารณสุขของไทยเข็มแข็ง เปรียบเทียบยอดภูเขาน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ เมื่อพบก็จะต้องกำหนดวางแผนให้ควบคุมได้ เพราะเราทำให้ผู้ติดเชื้อเป็น 0 เลยไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมดูแลและรักษาตามศักยภาพที่เราสามารถทำได้

ส่วนมาตราการตรุษจีนนี้ขอให้ประชาชนต้องตั้งการ์ดสูงเสมอ ให้ทุกคนดูแลตัวเองเฝ้าระวัง นอกจากนี้ยังได้ทิ้งท้ายด้วยภาพน่ารักของรพ.สนามที่เปิดเพลงให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย เป็นการดูแลและทำให้ปลอดภัย คลายกังวล โดยมีเป้าหมายให้กลับบ้านไปพบคนที่รักอย่างมีความสุข

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอาชีพนักบินที่มีผลสำรวจล่าสุดว่า ในตอนนี้มีนักบินเกินครึ่งหนึ่งหายไปจากสายอาชีพนี้แล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับอาชีพนักบินในยุคโควิด-19 วันนี้ workpointTODAY จะสรุปมาให้อ่านกัน

1.) 'กูซ รีครูทเมนท์' (Goose Recruitment) และเว็บไซต์ไฟล์ทโกลบอล (FlightGlobal) สำรวจนักบินเกือบ 2,600 คนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า ในจำนวนนี้มีเหลืออยู่เพียง 43% เท่านั้นที่ยังคงได้รับการจ้างงานและทำการบินอยู่

ขณะที่นักบินที่เหลืออีก 57% ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ ในจำนวนนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น
30% ตกงานแล้ว
17% ถูกพักงาน
6% ทำอาชีพที่ยังเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน
4% ทำอาชีพอื่นนอกอุตสาหกรรมการบิน

2.) สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากสายการบินพาณิชย์ที่ปรับลดพนักงานจำนวนมาก ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถทำการบินได้ โดยตัวเลขจากการสำรวจยืนยันว่า 84% ของนักบินที่ตกงานในช่วงนี้ มีเหตุมาจากภาวะการระบาดของโรคโควิด-19

บรรดานักบินที่ตกงานยังหางานใหม่ยากขึ้น จากเดิมในช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 นักบินเป็นหนึ่งในอาชีพที่หางานใหม่ง่าย เพราะอุตสาหกรรมการบินขาดแคลนนักบิน

3.) ขณะที่นักบินจำนวนมากที่แม้จะยังไม่ตกงาน ก็ต้องเผชิญกับภาวะรายได้ลดลง จากมาตรการของสายการบิน เช่นสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ที่ตัดรายรับของนักบินในบริษัทมากที่สุดถึง 58% เช่นเดียวกับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์และเตอร์กิชแอร์ไลน์ ที่ลดเงินเดือนนักบินลงเพื่อความอยู่รอด

4.) สถานการณ์ในอาชีพนักบินยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินอื่นๆ โดยล่าสุดมีรายงานว่า สายการบินในสหรัฐฯ เตรียมปลดพนักงานอีก 13,000 คน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีแรงงานในอุตสาหกรรมการบินถูกพักงานจากภาวะโควิด-19 ไปแล้ว 19,000 คน

5.) การสำรวจในครั้งนี้ยังพบด้วยว่า คนหนุ่มสาวที่เพิ่งก้าวเข้าสู่อาชีพนักบินมีความเครียดต่อสถานการณ์นี้มากที่สุด โดยพบว่านักบินที่มีอายุน้อยกว่า 24 ปีเกินครึ่งมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ลง ขณะที่เมื่อถามบรรดานักบินว่า มีความรู้สึกเครียดเองใดบ้าง ส่วนใหญ่จะตอบว่า กังวลถึงความมั่นคงในหน้าที่การงานมากที่สุดถึง 47% ตามมาด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคระบาด 25% ขณะที่นักบินราว 10% กังวลเกี่ยวกับการจัดการ

6.) การสำรวจในครั้งนี้ยังสอบถามเกี่ยวกับแง่มุมที่ดีจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนักบินผู้ตอบแบบสอบถามราว 25% ระบุว่า ข้อดีของการเผชิญชะตากรรมในช่วงนี้คือทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น

ที่มา https://www.straitstimes.com/.../over-half-of-worlds...
https://simpleflying.com/pilot-survey-43-percent-flying/
https://www.straitstimes.com/.../american-airlines...

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

'ไบเดน' ประกาศมาตรการกดดันรัฐประหารเมียนมา คว่ำบาตรผู้นำกองทัพ-คนใกล้ชิด-ธุรกิจเชื่อมโยงรัฐประหาร ไม่ให้เข้าถึงกองทุนรัฐบาล

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศมาตรการต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมา ผ่านการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีเนื้อหาคว่ำบาตรผู้นำกองทัพเมียนมาที่มีความเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร โดยจะมีผลถึงบุคคลใกล้ชิด และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศไม่ให้รัฐบาลเมียนมาเข้าถึงกองทุนของรัฐบาลมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 30,000 ล้านบาท โดยมีจุดประสงค์ไม่ให้ผู้นำกองทัพเมียนมาเข้าถึงเงินก้อนนี้ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังยืนยันจะสนับสนุนการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและสิทธิพลเมือง ซึ่งประชาชนชาวเมียนมาจะได้รับประโยชน์โดยตรงต่อไป

การประกาศมาตรการคว่ำบาตรผู้นำกองทัพเมียนมาในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการคว่ำบาตรครั้งแรกของรัฐบาลนายโจ ไบเดน อีกทั้งยังเป็นก้าวแรกในการกดดันกองทัพเมียนมา ซึ่งนายโจ ไบเดน ได้กล่าวในการแถลงข่าว เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี รวมทั้งประธานาธิบดีวิน มินท์ ซึ่งถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พร้อมย้ำให้กองทัพเมียนมาเคารพประชาธิปไตยที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนด้วย

มาตรการกดดันของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากบรรดานักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามมีนักกิจกรรมและผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแสดงความกังวลว่า มาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลกระทบต่อผู้นำกองทัพเมียนมา แต่จะไปส่งผลต่อประชาชนมากกว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้นำกองทัพเมียนมาหลายคน รวมทั้งพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้นำการรัฐประหารครั้งนี้ ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตรไปแล้วตั้งแต่เกิดความรุนแรงต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา เมื่อปี 2562

ก่อนหน้านี้รัฐบาลนิวซีแลนด์ถือเป็นประเทศแรกที่ออกมาตรการกดดันเมียนมา ผ่านการตัดความสัมพันธ์ระดับสูงและแบนการเดินทางของผู้นำกองทัพเมียนมา

ที่มา https://www.bbc.com/news/world-asia-56015749
https://www.aljazeera.com/.../new-arrests-in-myanmar-as...
https://www.abc.net.au/.../new-zealand-suspends.../13137038

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

น้ำมันปาล์มขวดเริ่มขาดตลาด และมีการกักตุนเพื่อขายทำกำไร

วันที่ 11 ก.พ.2564 สถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดเริ่มขาดตลาด ห้างค้าปลีกจำกัดการซื้อน้ำมันปาล์มครอบครัวละ 3 ขวด หลังน้ำมันปาล์มบรรจุขวดราคาแพงขึ้น ร้านค้าตามตลาดสด ร้านธงฟ้า มีการปรับราคาขายน้ำมันปาล์มขวดละ 50-55 บาท โดยร้านค้าส่วนใหญ่รับซื้อมาจากร้านโมเดิร์นเทรดแล้วนำมาขายต่อทำกำไร เนื่องจากปัจจุบันทางกระทรวงพาณิชย์ได้ยกเลิกกำหนดราคาเพดานสูงสุดสำหรับน้ำมันปาล์มขวด 42 บาท และน้ำมันถั่วเหลืองขวด 55 บาทไปแล้ว

ขณะที่รายงานสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมันสดที่เกษตรกรขายได้ ราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากกิโลกรัมละ 3.00-3.50 บาท ในช่วงกลางปี 63 เป็นกก.ละ 7.00 บาท ในช่วงปลายปี 63 และทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง กก.ละ 7.50 บาทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ชาวสวนปาล์มจะมีรายได้จากการขายผลผลิตมากขึ้น

ทั้งนี้ ราคาผลปาล์มน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้นด้วย และอาจมีต่อเนื่องให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในท้องตลาดปรับสูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

10 ก.พ. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วารสาร Environmental Research ได้เผยแพร่งานวิจัย ซึ่งจัดทำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม, มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ และมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน เมื่อวันวานนี้ (9 ก.พ.) ที่ผ่านมา ผลงานวิจัยพบว่าในปี 2018 ผู้คนมากกว่า 8.7 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตจากฝุ่นละอองจากการปล่อยเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งรวมถึงฝุ่นพิษอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วย

ฝุ่นละอองจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินและน้ำมันนอกจากจะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วยังส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% หรือเกือบ 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ในปี 2018

นักวิจัยยังประมาณการว่าในปี 2019 มีผู้เสียชีวิตถึง 4.2 ล้านคนทั่วโลกเนื่องจากมลพิษในอากาศ รวมถึงฝุ่นละอองและควันจากไฟป่าและการเผ้าไหม้ทางการเกษตร

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าฝุ่นละอองอนุภาคขนาดเล็กที่เรียกว่า PM 2.5 ซึ่งเล็กพอที่จะเข้าไปในปอดและส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง เช่น โรคหอบหืด หรืออาจนำไปสู่มะเร็งปอดตลอดจนส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองนำไปสู่การเสียชีวิตในประชาชนบางราย

งานวิจัยยังระบุว่ามลพิษทางอากาศส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์สั้นลงมากกว่า 2 ปี โดยอายุขัยเฉลี่ยของประชากรในเอเชียลดลงถึง 4.1 ปี โดยมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมากถึง 30.7% ในเอเชียตะวันออก, 16.8% ในยุโรป และ 13.1% ในสหรัฐอเมริกา

เมื่อเทียบกับสาเหตุของการเสียชีวิตอื่นๆ มลพิษทางอากาศคร่าชีวิตผู้คนมากกว่าโรคมาลาเรียถึง 19 เท่าในแต่ละปี มากกว่าการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ 9 เท่า และมากกว่าการเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์ 3 เท่า

https://www.theguardian.com/.../fossil-fuels-pollution...

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

วันนี้ เวลา 06.00 น. ได้มีการรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เข้าจับกุมตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดชา (หลงจู๊สมชาย) เจ้าของบ่อนพนันหลายแห่ง ในภาคตะวันออก ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง
.
ซึ่งมีรายงานว่า กำลังนำตัวไปที่ บก.สส.บช.ภ.2 และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รรท.ผบช.ภ.2 จะเดินทางไปสอบสวนด้วยตัวเอง
.
หลังจากนั้น จะนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ส่วนจะแถลงข่าวการจับตัว นายสมชาย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือที่ บช.ภ.2 ชลบุรี จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 203/2564 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 158/28 ถนนราษฎร์บำรุง ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และหมายจับ นายสมชาย จุติกิติ์เดชา
.
โดยผลการแสดงหมายค้นพบตัว นายสมชาย อยู่ที่บ้านดังกล่าว รับทราบเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับของศาลจังหวัดระยองที่ จ.18/ 2564 ลงที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ในข้อหาร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต
.
สำหรับ “หลงจู๊สมชาย” หรือ นายสมชาย จุติกิติ์เดชา เป็นเจ้าของบ่อนระยอง และบ่อนอีกหลายแห่งในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดเชื้อโควิดคลัสเตอร์ภาคตะวันออก ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564
.
โดยจากหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่เชื่อมโยงได้ว่า นายสมชาย มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และรู้จัก “เสี่ยโป้” หรือ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ นักพนันออนไลน์ชื่อดัง ที่เพิ่งถูกรวบตัวไปเมื่อวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000013731
-------------------------------

 

เปิดปูม “หลงจู๊สมชาย” เริ่มจาก “ผี” มีแค่ศูนย์จนกลายเป็นเจ้าพ่อบ่อน
เผยแพร่: 11 ก.พ. 2564 10:12 ปรับปรุง: 11 ก.พ. 2564 10:12


เปิดปูม “หลงจู๊สมชาย” นักธุรกิจสีเทาระดับประเทศ เจ้าพ่อบ่อนการพนันหลายแห่ง ทั้งในจังหวัดระยองและรวมถึงภาคตะวันออก และอีสานบางส่วน เริ่มต้นชีวิตจากศูนย์ จนโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน และโด่งดังยิ่งขึ้นเมื่อกลายเป็นต้นเหตุการระบาดของโควิด-19 ล่าสุด โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้เช้าวันนี้ (11 ก.พ.)

ว่าด้วยหลงจู๊ผู้โด่งดัง ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” นายสมชาย จุติกิติ์เดช เป็นขาใหญ่ในยุทธจักรธุรกิจบ่อนพนันที่ระยองและรวมถึงภาคตะวันออก และอีสานบางส่วน

เส้นทาง “หลงจู๊สมชาย” นักธุรกิจสีเทาระดับประเทศ ที่ถูกกล่าวขานมาเป็นเวลานานในฐานะนักพนัน ตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์ คนในวงการมักเปรียบว่ามาจาก “ผี” เพราะไม่มีอะไร แต่ด้วยความเป็นนักพนัน ใจถึง มีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดระยองสนับสนุน จึงค่อยๆ เติบโตจากคนเดินโพยหวย ขยับมาเป็นเจ้ามือหวย เป็นเจ้าของสถานบริการในเมืองระยอง ทั้งนวดแผนโบราณ คาราโอเกะ ต่อมาเข้าไปพัวพันกับแก๊ง “ล็อกหวย” มีด้วยกัน 3 คน คือ “กลม บางกรวย-ชัย โคกสำโรง” และตัวเขาเองเจ้าของฉายา “ชาย ระยอง” หรือ “ชาย บ้านค่าย”

ช่วงแรกแก๊งหวยล็อกจะเดินสายกระจายแทงเจ้ามือใหญ่ในหัวเมืองต่างๆ และไปสะดุดตอที่เจ้าพ่ออีสาน โดย “เป๊กตั๊ก” เจ้าพ่อหวยเมืองสุรินทร์ เห็นว่าถูกลูกค้านิรนามกินติดต่อกันหลายงวด และสงสัยกลุ่ม “ชาย ระยอง” หรือ “หลงจู๊สมชาย” ในปัจจุบัน จะเป็นตัวการ จึงเข้าแจ้งต่อกองปราบปราม และเป็นที่มาของการเปิดโปงขบวนการ “หวยล็อก” ต่อมามีการดำเนินคดี...แต่ “หลงจู๊ สมชาย” รอดมาได้

หลังข่าวคราวหวยล็อกเงียบไป ชื่อเสียงของ “หลงจู๊สมชาย” กลับโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน และกิจการตู้ม้า ตู้สลอต ทั้งนี้ วงการบู๊ลิ้มว่ากันว่าเขาได้รับการสนับสนุนจาก “นักการเมืองคนดัง” ของจังหวัดนครราชสีมา และนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.คนหนึ่งแถวภาคอีสาน ให้สัมปทานบ่อน ตู้ม้า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 3 ทั้ง จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี และอื่นๆ อีกหลายแห่ง

เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ จ.อุบลราชธานี เงินจำนวน 1 ล้านบาท ของ “หลงจู๊สมชาย” ก็ถูกนำไปสร้างบารมี สร้างฐานสีเทาให้แก่ตัวเอง โดยมีลูกน้องคนสนิทซึ่งแท้จริงเป็นคนโปรโมตบ่อน สวมบทเป็นผู้ใจบุญบริจาค

ด้วยความใจถึง อีกทั้งระยะหลังมักมีข่าวว่า “หลงจู๊สมชาย” มีอาการเพี้ยน เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางอย่าง และอาจเป็นคนใจถึงอยู่แล้ว อีกทั้งมีแรงหนุนจาก “นักการเมืองคนดังภาคอีสาน” ที่ทำงานติดตัวเบอร์ต้นๆ ของขั้วอำนาจในรัฐบาล “หลงจู๊สมชาย” จึงบ่ายหน้าเข้าสู่วงการบู๊ลิ้มเมืองหลวง

ระยะแรกสร้างความปั่นป่วนไม่น้อย เพราะการปล่อยสมุนมือขวาออกป่วน แต่ในที่สุดไปไม่รอด ต้องกลับไปดูแลฐานเดิมคือภาคตะวันออกในหลายพื้นที่ของภาค 2 ภาค 3 จนช่วงหนึ่งถูกระดมปราบปรามจากชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองอย่างหนักหน่วง จากปฏิบัติการทะลายบ่อน RJ ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งทราบกันดีว่าบ่อนแห่งนี้เป็นของ “หลงจู๊สมชาย” ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม

แต่ทว่า ด้วยเส้นสาย และ “นักการเมืองดังอีสานคนใกล้ตัวขั้วอำนาจ” ทำให้ในที่สุด “หลงจู๊สมชาย” รอดตัวเช่นเคย แถมดาบสองที่ฝ่ายมั่นคงเตรียมเชือด ชุดปฏิบัติการของดีเอสไอ ตั้งเป้าขยายผลเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลายคนเชื่อว่านี่คือปฏิบัติการเชือดไก่เพื่อปิดตำนานความยิ่งใหญ่ของ “เจ้าพ่อธุรกิจสีเทา” อย่างแน่นอน

แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความไม่ชอบมาพากลก็เกิดขึ้น โดยคอลัมนิสต์สื่อหลักเริ่มเขียนแขวะปฏิบัติการนี้ โดยให้เหตุผลว่าบ่อนพนันเป็นหน้าที่ของตำรวจก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ถึงมือ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” เพราะควรไปใช้กับคดีต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน จากกระแสตีกลับทั้งที่เป็นเรื่องดีต่อสังคม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ในฐานะคนดูแลกระทรวง ไม่เคยถูกนายกฯ ตำหนิในเรื่องนี้ และเป็นการทำหน้าที่โดยปกติ...

อย่างไรก็ตาม หลัง “สมศักดิ์” ให้สัมภาษณ์ไปไม่กี่วัน 6 ชุดปฏิบัติการดีเอสไอก็ถูกยุบโดยไม่ทราบเหตุผล และปฏิบัติการสยบเจ้าพ่อตะวันออกก็กลายเป็นหมัน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “หลงจู๊สมชาย” เป็นต้นมา กระทั่งเกิดฝีแตกจากกรณีบ่อนระยอง กลายเป็นแหล่งแพร่โควิด-19 ครั้งนี้
https://news1live.com/detail/964000...R4vrzNipO18I8qMIsW8PdIFkds8zp-DEJ3eHZdbDbYaEo

 

SPACE: นักดาราศาสตร์ อาวี โล๊บ จาก สหรัฐฯ เชื่อว่า อูมัวมัวคือยานของมนุษย์ต่างดาว ไม่ใช่แค่ ดาวเคราะห์น้อย
.
หลายคนอาจจะสงสัยว่า“อูมัวมัว” คืออะไร แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างคาด ศาสตราจารย์อาวี โล๊บ ศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในสหรัฐฯ กล่าวว่า “อูมัวมัว” คือ ยานของมนุษย์ต่างดาวที่มาจากนอกโลก แต่ทว่า ชุมชนนักวิทยาศาสตร์กลับไม่สนใจ และคิดว่าอูมัวมัว คือ ดาวเคราะห์น้อย
.
ศาสตราจารย์โล้บ ได้อ้างในหนังสือเล่มใหม่ 'Extraterestrial: The First Sign of Intelligent Life Beyond Earth' หรือ 'มนุษย์ต่างดาว : สัญญาณแรกของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญานอกโลก โดยระบุว่า 'อูมัวมัว' คือ ยานอวกาศที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาสังเกตการณ์โลกของเราเมื่อ 5 ปีก่อน
.
“การที่พวกเราคิดว่า พวกมนุษย์เรามีแค่หนึ่งเดียว, เป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ และได้รับสิทธิพิเศษนั้น ถือเป็นความคิดที่หยิ่งผยอง เพราะความถูกต้องคือ พวกเราไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลย ในจักรวาล มีวัฒนธรรมอื่นๆ ที่เหนือกว่ามากอยู่ที่นั่น และพวกเราจำเป็นแค่ต้องค้นหาพวกมันต่อไป”ศาสตราจารย์โล้บระบุ
.
ทั้งนี้ ทีมนักดาราศาสตร์ที่ฮาวาย ได้ตั้งชื่อวัตถุปริศนาจากนอกสุริยะว่า 'อูมัวมัว' หลังจากพบโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2560 จากกล้องโทรทรรศน์ Pan-STARRS1 ซึ่งนักดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ได้ใช้ค้นหาดูดาวเคราะห์น้อยที่เป็นอันตรายต่อโลก โดยอูมัวมัว เป็นภาษาของชนพื้นเมืองบนเกาะฮาวาย หมายถึง หน่วยลาดตระเวน หรือหน่วยสังเกตการณ์
.
อูมัวมัวถูกจัดให้เป็นวัตถุระหว่างดวงดาวนอกสุริยะ ที่โคจรเข้ามาในระบบสุริยะของเราเป็นครั้งแรก (Interstellar Object) อีกทั้งยังโคจรด้วยความเร็วสูงอย่างผิดปกติขณะเข้ามาในระบบสุริยะของเราเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน โดยเคลื่อนที่ด้วยความเร็วถึง 196,000 ไมล์ต่อชั่วโมง จึงทำให้รอดพ้นจากแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์
.
อย่างไรก็ตาม ในจักรวาลของเรา จะสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ดาวต่างๆหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาทางวิทยาศาสต์กันต่อไป และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะช่วยให้เราเฟ้นหาความจริงได้
Source
https://www.japantimes.co.jp/.../space-aliens-oumuamua.../

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2028647...

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1153027

เรียบเรียง: Popjaneg

 

UNDERWATER: พบปะการังที่ทนทานต่อโลกร้อน แม้มหาสมุทรร้อนขึ้นก็ไม่ฟอกขาว
.
รู้หรือไม่? สีที่เราเห็นของบนปะการังนั้นไม่ใช่สีของปะการังจริงๆ เพราะปะการังนั้นจะอยู่รวมกับสาหร่ายที่เรียกว่า zooxanthellae อาศัยอยู่ในชั้นเนื้อเยื่อของปะการังทำให้สีที่เราเห็นคือสีของสาหร่ายนั้นเอง
.
ปะการังคือระบบนิเวศนึงในท้องทะเลเปรียบเสมือนเป็นป่าในมหาสมุทร เป็นทั้งบ้านและแหล่งอาหาร ของสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งถ้าเกิดปะการังเกิดการฟอกขาวไปจะทำให้มหาสมุทรสูญเสียระบบนิเวศที่สำคัญไปด้วย
.
เนื่องจากในปี พ.ศ. 2558 มีรายงานว่า ปะการังมีการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งที่ Kaneohe Bay ในฮาวายนั้นได้รับผลกระทบอย่างมากโดยที่ปะการังเกือบครึ่งนึงของที่นั้นเกิดการฟอกขาว
.
หลังจากเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังไม่ได้ตายโดยทันที แต่จะขาดพลังงานเสริมที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ปะการังก็จะตายในที่สุด
.
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าปะการังทุกตัวจะเกิดการฟอกขาว นักวิทยาศาสร์จึงเริ่มหาคำตอบว่าอะไรเป็นตัวแปลสำคัญกับการที่ปะการังบางตัวไม่เกิดการฟอกขาว
.
และแล้วหลังจากศึกษาค้นคว้าจึงทำให้พบว่าปะการังที่ฟอกขาวกับไม่ฟอกขาวนั้นมีความแตกต่างกันที่ สาหร่าย (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ร่วมกับมัน
โดยที่แบ่งได้ตามลักษณะของ “ไขมัน”
.
จากการตรวจวิเคราะห์ ทำให้พบว่ามีไขมันสองรูปแบบจากสาหร่ายของปะการัง
คือ อิ่มตัว และ ไม่อิ่มตัว โดยที่ปะการังที่ทนต่อการฟอกขาวจะมีสาหร่ายที่เรียกว่า ไขมันอิ่มตัว และปะการังที่เกิดการฟอกขาวจะมี ไขมันไม่อิ่มตัวอยู่มากกว่าในสาหร่าย
.
การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามใหม่อีกมากมาย เช่นปะการังได้รังสาหร่ายที่แตกต่างกันได้อย่างไร ความแตกต่างนี้สามารถพบเจอได้ที่ฮาวายที่เดียวหรือพบได้ที่อื่นด้วยหรือไม่

Source :
https://www.sciencedaily.com/rel.../2021/02/210208114257.htm

http://www.rspg.or.th/.../semi.../semi_article_19.htm

เรียบเรียบโดย Pichchakorn

 

UNDERWATER: โลกร้อนทำพิษ นักวิทย์เผยน้ำทะเลที่ร้อนขึ้นทำ ฉลามขาวต้องย้ายหนี! หวั่นอันตรายต่อสัตว์ถิ่นอื่น-มนุษย์ "ฉลามไม่ใช่ปัญหา แต่โลกร้อนคือปัญหา"
.
เมื่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ไม่ใช่แค่โลกบนบกที่จะได้รับผลกระทบ โลกใต้น้ำก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
.
งานวิจัยใหม่เผยว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ฉลามขาวย้ายถิ่นไปทางเหนือมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อประชากรสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในที่ใหม่ที่มันย้ายไป
.
ฉลามขาวย้ายถิ่นเนื่องจากอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น มันย้ายไปทางเหนือขึ้น 600 กิโลเมตรจากชายฝั่งแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ สมัยก่อนน้ำในบริเวณนี้เป็นน้ำที่เย็นเกินไปสำหรับพวกมันด้วยซ้ำ
.
ผลจากการที่มันย้ายถิ่นคือ จำนวนประชากรนากทะเลลดน้อยลงถึง 86% เพราะฉลามขาวได้เข้ามาล่ามันไปเกือบหมด
.
ฉลามถือว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ส่วนบนของห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นการที่น้ำในทะเลไม่เหมาะสมกับมันจนทำให้มันต้องย้ายถิ่นจะส่งผลต่อระบบนิเวศใต้ทะเลแน่นอน เพราะมันทำให้ระยะทางระหว่างนักล่ากับเหยื่อ อย่างเช่นระหว่างมันกับนากทะเลที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น หรือปลาแซลมอน เข้ามาใกล้ขึ้น
.
มีความกังวลเช่นกันว่า มันจะขยับมาเรื่อย ๆ จนเข้ามาเผชิญกับมนุษย์ ถึงแม้การโจมตีของฉลายังมีน้อยอยู่ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม
.
Kyle Van Houtan จาก Monterey Bay Aquarium เผยว่า “ฉลามไม่ใช่ปัญหา แต่โลกร้อนคือปัญหา ฉลามกำลังบอกเราว่ามหาสมุทรกำลังเปลี่ยนไป และมันถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่าง”
.
งานวิจัยเผยว่า พวกเขามีเครื่องมือในการวัดความสัมพันธ์ระหว่างฉลามกับอุณหภูมิน้ำทะเลกว่าหลายล้านเครื่องมือ แต่สิ่งที่ได้จากการเฝ้าดูตามชายฝั่งคือ พวกเขามักจะพบฉลามขาววัยรุ่นที่ตัวยาวประมาณ 2.5 เมตรในอ่าว Monterey Bay อยู่บ่อย ๆ ซึ่งปกติฉลามเด็กเหล่านี้เด็กเกินกว่าที่จะปรับอุณหภูมิร่างกายให้เข้ากับน้ำเย็นบริเวณนี้ได้ การที่มันมาที่อ่าวนี้ทำให้เห็นว่าที่ที่เหมาะสมกับมันนั้นยากที่จะหาได้มากขึ้น
.
ซึ่งเหล่าฉลามเด็กเหล่านี้เองที่ล่านากทะเล คาดว่าที่มันกินนากทะเล เพราะมันเพิ่งเริ่มหัดที่จะล่าสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ด้วยความที่นากทะเลเป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ และมีความสำคัญกับชายฝั่งแคลิฟอร์เนียในฐานะวิศวกรตัวจิ๋ว การล่าของมันจึงถือว่ามาทำลายระบบนิเวศในบริเวณ
.
ระบบนิเวศใต้น้ำค่อนข้างถูกรบกวนเนื่องจากการประมงเกินขนาด และมลพิษที่ทั้งจากพลาสติก เสียงเรือ และน้ำมันจากเรือที่รั่วไหล Van Houtan ชี้ว่า “สิ่งมีชีวิตใต้น้ำต้องใช้ทุกอย่างในการช่วยมันมีชีวิตรอด การเพิ่มตัวการสำคัญอย่างน้ำทะเลที่ร้อน หรือฉลามขาวไป ก็เหมือนยิ่งเร่งจุดจบที่แสนเศร้าให้เกิดขึ้น”
.
Source:
1. https://www.theguardian.com/.../climate-crisis-pushing...

 

"ปีฉลูมาถึงแล้วต้องล้างมือบ่อย ๆ และต้องรักษาระยะห่างทางสังคมด้วยนะจ๊ะ” (ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน)

อาร์ทีไอนิวส์ (10 ก.พ.) - ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ได้ร่วมส่งการ์ดอวยพรตรุษจีนกับตัวการ์ตูนแฟนเพจชื่อดัง "lousygirlfriend" (
https://www.facebook.com/Lousygirlfriend/
) เป็นการ์ดอวยพรตรุษจีนที่มีภาพ "lousygirlfriend" กับอาม่าอาเซี๋ย เป็นฝีมือการวาดของนักวาดการ์ตูนที่ใช้นามปากกาว่า "ม๋าจี่" (ㄇㄚˊ幾)

ช่วงปีที่ผ่านมา ผู้นำไต้หวันได้จับมือกับนักวาดการ์ตูนออกการ์ดอวยพรในเทศกาลต่าง ๆ ถึง 3 ครั้ง แสดงให้เห็นว่า ผู้นำไต้หวันให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ภาพวาดการ์ตูนในไต้หวัน อวยพรให้ทุกท่านสุขสันต์ตรุษจีน และสุดท้ายยังได้ขอให้ผู้คนให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดของโควิด 19 "ปีฉลูมาถึงแล้วต้องล้างมือบ่อย ๆ และต้องรักษาระยะห่างทางสังคมด้วยนะจ๊ะ”

 

ตรุษจีนในฮ่องกง เมื่อปี 60 ปีก่อน (ค.ศ. 1961)

 

ฮ่องกงตั้งเป้ากลับมาเปิดสถานที่ต่างๆ 18 กุมภาพันธ์นี้

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021 จะมีมาตรการยืดหยุ่นต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงอนุญาตให้สถานที่ดังต่อไปนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง ได้แก่ สวนสนุก, เกมส์เซ็นเตอร์, สถานเสริมความงาม, โรงภาพยนตร์, สถานที่ออกกำลังกาย

รวมทั้งอนุญาตให้ทานอาหารที่ร้านอาหารในช่วงค่ำได้ ไปจนถึงเวลา 22.00 น. และสามารถนั่งทานด้วยกันเพิ่มขึ้นไม่เกิน 4 คนต่อโต๊ะ

ทั้งนี้ผู้ที่ทำงานที่ร้านอาหารจะต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิดทุกๆ 2 สัปดาห์ และผู้ที่จะใช้บริการต้องใช้แอพฯ “LeaveHomeSafe” หรือทำการลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัว

นอกจากนี้รัฐบาลจะกลับมาให้บริการตามปกติในวันที่ 18 กุมภาพันธ์เช่นกัน โดยผู้ที่จะใช้บริการจะต้องใช้แอพฯ “LeaveHomeSafe” และวัดอุณหภูมิร่างกายเช่นกัน

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
https://www.facebook.com/119537452088669/posts/494989721210105/?d=n

Source : https://www.thestandard.com.hk/.../Government-to-resume...?, https://www.thestandard.com.hk/.../Evening-dine-in...?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

เตือนวันนี้ (11 ก.พ.) ทั่วไต้หวันมีฝนตก ภาคเหนือตกหนักทั้งคืนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และจะตกต่อเนื่องถึง 13 ก.พ. 64 จึงจะเบาบางลง จากนั้นมีเมฆมาก จนถึง 16 ก.พ. นี้ ส่วนภาคกลางและใต้ฝนตกถึงเที่ยงวันนี้ จากนั้นอากาศดีขึ้น ทำให้สภาพอากาศหยุดยาวตรุษจีนปีนี้ ภาคเหนือชื้นแฉะ กลางและใต้อากาศดี และวันเริ่มทำงาน คือ 17 ก.พ.นี้ จะมีลมหนาวกำลังแรงลูกใหม่มาเยือน สำหรับอากาศในวันนี้ อุณหภูมิต่ำสุด 15-18°c สูงสุด 21-27°c...