ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #กองทัพพม่าบุกที่ทำการพรรค_อองซาน_ซูจี

    เมื่อคืนนี้ 9 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า กองทัพพม่าได้บุกจู่โจม และทำลายทรัพย์สินของที่ทำการหลักพรรคสันนิบาติชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ของนาง อองซาน ซูจี ที่กรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของพม่า

    โดยหน้าเพจ Facebook ของพรรค NLD ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ รายงานว่ามีกองทัพพม่าได้ส่งกำลังเข้ามาบุกรุก และ ทำลายทรัพย์สิน ภายในสำนักงานใหญ่ของพรรคเมื่อเวลา 21.30 น. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    แต่ทั้งนี้ภายในพรรคไม่มีสมาชิกคนใดอยู่ และไม่มีรายงานว่ามีเอกสาร หรือทรัพย์สินใดที่ถูกยึดไปบ้าง

    การบุกรุกครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการชุมนุมประท้วงใหญ่ทั่วประเทศของชาวพม่าทั้งในกรุงเนปิดอว์ ย่างกุ้ง และอีกหลายๆเมือง แม้ว่ากองทัพพม่าได้ประกาศเคอร์ฟิวส์ และมีคำสั่งห้ามชุมนุมรวมกลุ่มกันเกิน 5 คนในที่สาธารณะ

    และมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ กับผู้ประท้วงชาวพม่าอย่างรุนแรงแล้วหลายเมือง มีการใช้กระสุนยาง ยิงใส่ผู้ชุมนุมในกรุงเนปิดอว์ และที่เมือง มัณฑะเลย์ ก็ยิงแก๊ซน้ำตาเข้าสลายฝูงชน

    แต่การประท้วงก็ยังคงขยายวงกว้าง และยังมีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ส่วนนางอองซาน ซูจี ก็ยังถูกกักตัวโดยกองทัพ และมีการตั้งข้อหาครอบครองวิทยุสื่อสารที่นำเข้าอย่างผิดกฏหมาย ทำให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของพม่าต้องกักตัวนางอองซาน ซูจี ไว้จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติมจากทางกองทัพ

    ด้วยสถานการณ์ในพม่าที่ยังคงส่อเค้าบานปลาย และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้องค์กรนานาชาติต่างออกมาแสดงท่าทีชัดเจน ให้กองทัพพม่าปล่อยตัวผู้นำรัฐบาลพลเรือน และนำประเทศกลับสู่ครรลองประชาธิปไตยโดยเร็ว

    แหล่งข้อมูล

    https://www.france24.com/en/asia-pa...rty-offices-as-un-slams-unacceptable-violence
    https://www.aljazeera.com/news/2021/2/10/myanmar-military-raids-aung-san-suu-kyis-party-headquarters
    https://www.bbc.com/news/world-asia-56005909
    https://www.ndtv.com/world-news/mya...uarters-national-league-for-democracy-2366938

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลายเป็นปัญหาที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อญี่ปุ่นออกมายอมรับว่ากำลังประสบปัญหาขาดแคลนกระบอกฉีดยารุ่นพิเศษอย่างหนัก ที่จะส่งผลทำให้ฉีดวัคซีน Covid-19 ได้ต่ำกว่าเป้าที่คำนวนไว้ถึง 12 ล้านคน

    ต้นตอของปัญหานั้นเกิดจากญี่ปุ่นได้สั่งจองวัคซีนของบริษัท Pfizer ไว้สำหรับประชากรจำนวน 72 ล้านคน

    ทางบริษัท Pfizer ได้แจ้งว่าเตรียมทยอยส่งวัคซีนให้กับทางญี่ปุ่นแล้ว โดยตัววัคซีนจะบรรจุในขวดแก้วที่สามารถฉีดได้ 6 โดส แต่ต้องใช้กระบอกฉีดยารุ่นพิเศษ ที่เรียกว่า Low Dead Space Syringe หรือ กระบอกฉีดแบบเหลือยาค้างในเข็มน้อย เท่านั้น

    ซึ่ง Low Dead Space Syringe เป็นกระบอกฉีดยารุ่นใหม่ ที่จะช่วยป้องกันเลือดของผู้รับยาย้อนกลับไปในเข็มฉีดยาน้อยกว่ารุ่นเก่า ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV และไวรัสตับอักเสบ B ได้แล้ว ยังช่วยประหยัดยาได้ถึง 0.08 ml

    ซึ่งทาง Pfizer ก็ได้คำนวนขวดบรรจุตามปริมาณที่ฉีดจากกระบอกฉีดยารุ่นพิเศษนี้ ว่า 1 ขวด จะสามารถฉีดได้ 6 เข็ม

    แต่ทว่าญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนกระบอกฉีดยารุ่นพิเศษอย่างหนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ทางญี่ปุ่นก็จำเป็นต้องใช้เข็มฉีดยารุ่นธรรมดา ซึ่งจะทำให้วัคซีน 1 ขวดของ Pfizer จะฉีดได้เพียง 5 เข็มเท่านั้น วัคซีนเข็มที่ 6 จะไม่สามารถฉีดได้ เพราะได้ปริมาณไม่ครบโดส ต้องทิ้งไป

    ก็เท่ากับว่าจำนวนวัคซีนที่จองไว้สำหรับประชาชน 72 ล้านคน จะเหลือฉีดได้แค่ 60 ล้านคนเท่านั้น วัคซีนสำหรับ 12 ล้านคนต้องเหลือทิ้งอย่างสูญเปล่า เพียงเพราะปัญหาเรื่องกระบอกฉีดยาผิดขนาด

    ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เร่งผลิต หรือสั่งซื้อกระบอกฉีดยามาให้ครบตามจำนวนที่ต้องใช้เล่า

    แต่เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหากมาดูข้อมูลของผู้ผลิตกระบอกฉีดยาขนาดใหญ่ ก็จะพบว่า กว่า 80% ของผู้ผลิตและส่งออก อุปกรณ์ฉีดยาของโลกมาจากจีน

    และตอนนี้บริษัทผู้ผลิตของจีนออกมายอมรับตรงๆว่า ทำไม่ออกแล้ว เพราะมียอดจองเข้ามาอย่างมหาศาล

    Shanghai Kindly Enterprise Development Group หนึ่งในผู้ผลิตเข็ม และกระบอกฉีดยารายใหญ่บอกว่าตอนนี้ยอดสั่งซื้อกระบอกฉีดยา ที่รับไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปีนั้น ยาวไปถึงเดือนสิงหาคมแล้ว

    นั่นหมายความว่า ถ้าเพิ่งคิดจะมาสั่งตอนนี้ อาจต้องรอของถึงปลายปี

    นอกจากจะรอคิวนานแล้ว ของยังราคาแพงขึ้นด้วย จากการให้ข้อมูลของ Zhejiang KangKang Medical Devices หนึ่งในผู้ผลิตอีกรายของจีนบอกว่า ราคาของกระบอกฉีดยาในท้องตลาดเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 เท่า จากเดิมชิ้นละ 0.1 หยวน ตอนนี้ขายส่งกันที่ราคา 0.3-0.4 หยวนไปแล้ว

    แต่นอกจากผู้ผลิตจีนแล้วยังมีผู้ผลิตเจ้าอื่นในท้องตลาดอยู่ เช่นในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ

    ซึ่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ก็ผ่านงบมาช่วยอัดฉีดให้กับ Becton Dickinson บริษัทผู้ผลิตกระบอกฉีดยารายใหญ่ของสหรัฐ เพื่อเร่งผลิตให้ทันกับความต้องการ

    แต่ปัญหาคือ การผลิตเจ้ากระบอกฉีดยารุ่นใหม่ Low Dead Space Syringe จะผลิตออกมาได้ช้ากว่ากระบอกฉีดยาทั่วไปมาก

    และจากสัญญาของ Becton Dicken ที่จะต้องส่งมอบกระบอกฉีดยาให้กับรัฐบาลสหรัฐจำนวน 286 ล้านชุดภายในเดือนมีนาคมนี้ ในจำนวนนี้มีเพียง 40 ล้านชุดเท่านั้นที่เป็นกระบอกฉีดยาแบบรุ่นพิเศษสำหรับวัคซีน Pfizer

    ดังนั้น แค่ผลิตให้พอใช้ในประเทศยังแทบเอาตัวไม่รอด ตัดเรื่องที่จะผลิตส่งออกไปได้เลย ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตของจีนก็ออกมาบอกว่า ทั้งสหรัฐ และ อังกฤษ ก็วิ่งมาสั่งจองกระบอกฉีดยาของจีนแล้วเหมือนกัน

    จึงไม่แปลกใจว่าทำไมตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นถึงกำลังปวดหัวกับปัญหาการขาดแคลนกระบอกฉีดยารุ่นพิเศษนี้ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะญี่ปุ่นที่เจอปัญหานี้ แม้แต่ประเทศยุโรปที่สั่งซื้อวัคซีน Pfizer ไปใช้ก็เจอปัญหานี้เช่นเดียวกัน

    ประเทศอื่นเจอปัญหาแล้ว แต่ประเทศเราที่กำลังจะเริ่มโปรแกรมฉีดวัคซีนไม่เกินสิ้นเดือนนี้ เช็คสต็อกกระบอกฉีดยาแล้วหรือยัง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนาจ๊า

    แหล่งข้อมูล

    https://japantoday.com/category/nat...izer-vaccine-in-japan-due-to-syringe-shortage

    https://www.theguardian.com/world/2021/feb/10/japan-pfizer-vaccine-doses-wrong-syringes

    https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-china-syringes-idUSKBN2A20BS

    https://www.globaltimes.cn/page/202101/1214298.shtml

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอนหลับฝันดีครับ

    #ไบเดนเดินเกมรุกฆาต
    #จัดทัพเผชิญหน้าจีน_รัสเซีย2ย่านทะเล

    วันนี้ มีการเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐเข้าประชิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญถึง 2 แห่งในวันเดียว

    ตำแหน่งแรกที่ย่านทะเลจีนใต้ มีคำสั่งให้เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ 2 ลำ ได้แก่ Theodore Roosevelt และ Nimitz ที่รอ Standby อยู่แถวทะเลจีนใต้ใกล้เขตน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทของจีน ให้เดินหน้าซ้อมรบในหลากหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มความพร้อมในการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ

    ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางสหรัฐก็เคยส่งเรือรบ USS John S. McCain มาจอดสมอเฉียดบริเวณหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งโฆษกต่างประเทศของจีน ได้ออกมากล่าวประณามการยั่วยุของสหรัฐว่า เป็นแค่การโชว์พาวให้เด็กมันดู ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย

    มาคราวนี้จัดหนัก จัดเต็มกว่าเดิม กับการซ้อมรบร่วมกันระหว่าง 2 เรือบรรทุกเครื่องบินระดับบิ๊กเบิ้ม พร้อมนาวิกโยธิน และเครื่องบินรบเต็มพิกัด ใกล้เขตข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ที่นับเป็นการเปิดกลยุทธการทหารที่แข็งกร้าวเป็นครั้งแรกในยุคของโจ ไบเดน

    ระลอกคลื่นซ้อมรบกลางทะเลจีนใต้ยังไม่ทันสงบ โจ ไบเดน ก็สั่งลุยต่อ ให้ลูกทัพฟ้าสหรัฐ จัดเครื่องฝูงบินทิ้งระเบิด B-1 Bomber พร้อมกองทหาร 200 นาย ออกเดินทางจากฐานทัพอากาศ Dyess Air Force ในเท็กซัส มุ่งหน้าไปยังฐานทัพ Orland Air Base ที่ประเทศนอร์เวย์ทันที

    และภารกิจที่ได้รับมอบหมายหลังจากนี้ ก็จะเป็นภารกิจสุดโหดที่จะต้องประจันหน้ากับกองทัพเรือของรัสเซียในย่านมหาสมุทรอาร์คติก ที่ขั้วโลกเหนือ

    นี่ก็จะเป็นการส่งสัญญาณเตือนชัดเจน Very loud and clear ถึงมอสโควเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เช่นเดียวกันว่า ต่อจากนี้ไปสหรัฐจะเปิดหน้าท้าชนกับรัสเซีย ด้วยการจัดเครื่องบินรบไปจ่อจมูกถึงขั้วโลกเหนือ

    เจฟ ฮาร์ริแกน ผู้บังคับบัญชากองทัพอากาศกล่าวว่า กองทัพมีความพร้อม และมีศักยภาพที่จะสนับสนุนกองทัพชาติพันธมิตร รุกไล่ฉับไว ให้รู้ว่าพวกเราไม่ได้มาเล่นๆ

    วันเดียวเปิดศึก 2 ทะเล ว้าวซ่าจริงๆ ไหนใครๆก็ว่า ลุงโจ ไบเดน เป็นคนติ๋มๆ เงียบๆไง เป็นคนใจร้อนใช่เล่นนะเนี่ย

    แหล่งข้อมูล

    https://edition.cnn.com/2021/02/08/politics/us-b-1-bombers-norway/index.html

    https://www.9news.com.au/world/us-d...m-norway/1208b506-c072-4870-b802-0a174caab5f7

    https://www.reuters.com/article/us-southchinasea-usa-carriers-idUSKBN2A90I5

    https://www.cpf.navy.mil/news.aspx/130807

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว 36 ครั้งในแปซิฟิกใต้จนถึงขณะนี้และยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    7.9
    6.4
    6.1
    6.1
    6.1
    6.0
    5.7
    5.6
    5.6
    5.6
    5.4
    5.3
    5.3
    5.3
    5.3
    5.2
    5.2
    5.2
    5.2
    5.2
    5.2
    5.1
    5.1
    5.1
    5.1
    5.1
    5.1
    5.1
    5.0
    5.0
    4.9
    4.9
    4.9
    4.9
    4.8
    4.6

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    LIVING: เจ้าหน้าที่สหรัฐเข้าช่วยชีวิตชาวคิวบา 2 คน ติดเกาะร้าง ประทังชีวิตด้วยมะพร้าว หนู และหอย นานกว่า 33 วัน
    .
    หน่วยกู้ภัยชายฝั่งสหรัฐอเมริกา U.S. Coast Guard เข้าช่วยเหลือชาวคิวบา 3 คนที่ติดเกาะ Bahamian island, Anguilla Cay ซึ่งเป็นเกาะร้างไร้ผู้คน โดยพวกเขาประทังชีวิตด้วยมะพร้าว หอย และหนูนานกว่า 33 วัน ขณะที่พวกเขาอยู่ที่นั่น
    .
    "มันยอดเยี่ยมมากเลย ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้อย่างไร ฉันตกใจอย่างมาก พวกเขามีรูปร่างอยู่ในสภาพที่ดี" Lt. Justin Dougherty เผย
    .
    ในขณะที่หน่วยกู้ภัยชายฝั่งทำการบินตรวจประจำเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พวกเขาเห็นชายสองคน และหญิงหนึ่งคนโบกธงบนเกาะที่อยู่ระหว่าง Florida Keys และ Cuba
    .
    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้โยนวิทยุ อาหาร และน้ำลงไปให้สามคนนั้นเมื่อวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเข้ากู้ชีวิตพวกเขาเมื่อวันอังคาร
    .
    พวกเขาเผยกับหน่วยกู้ภัยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเรือล่มเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งสามคนเผยกับ Coast Guard และพวกเขาจึงได้ว่ายน้ำมาที่เกาะแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเขาคือผู้อพยพที่พยายามเข้ามาที่สหรัฐอเมริกาหรือไม่ หรือเพียงแค่พวกเขาเพียงหลงทางในทะเล
    .
    หลังจากที่ได้ถูกช่วยเหลือ ชาวคิวบาทั้งสามคนได้นำตัวมาที่โรงพยาบาลใน Lower Florida Keys แต่ก็พบว่าไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าพวกเขาได้สร้างที่พักชั่วคราวไว้ โดยถือว่าทั้งสามเอาตัวรอดเก่งมาก และโชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปพบตัว
    .
    ดูวิดีโอการเข้าช่วยเหลือได้ที่ https://fb.watch/3zQNjLJboj/

    บริเวณที่พบ Anguilla Cays https://goo.gl/maps/NdgFSwMfgskMTQQC7

    ข่าวการเข้าช่วยเหลือ

    Source:

    https://www.theguardian.com/world/2021/feb/10/cubans-rescued-desert-island-bahamas-florida

    https://edition.cnn.com/travel/arti...L5HkUvm3aB1gRAPG_ovdYOcrM0R74HCVZO7oJhqhq8IWs

    https://fb.watch/3zQNjLJboj/



    https://www.sun-sentinel.com/news/f...0210210-lclatku4cbbkxcmvorprm27omy-story.html

    เรียบเรียง: ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    DISCOVERY: ไบโอเทค สวทช.เผยการค้นพบในไทย ราแมลงชนิดใหม่ของโลก 47 สายพันธุ์ สามารถนำมาขยายผลใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์
    .
    ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เปิดเผยภายในแถลงข่าวงาน NSTDA Beyond Limits: 3 Decades of Impacts (3 ทศวรรษ แห่งความต่อเนื่อง ความสำคัญและผลกระทบ) Episode 1 : เกษตรและอาหาร ว่า ดร.เจนนิเฟอร์ เหลืองสอาด และคณะวิจัย จากทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร (APMT) กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ค้นพบราแมลงชนิดใหม่รวม 47 สปีชีส์ โดยเป็นสกุลใหม่รวม 8 สกุล ถือเป็นการค้นพบราแมลงชนิดใหม่จำนวนมากของโลก
    .
    ราแมลง คือ ราที่ก่อโรคในแมลงและแมง โดยราจะเข้าไปอาศัยในตัวแมลงเพื่อใช้เป็นแหล่งอาหาร ราจะค่อยๆ เจริญเติบโตจนแมลงเจ้าบ้านตายในที่สุด และจะพัฒนาโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ที่เต็มไปด้วยสปอร์งอกบนซากของแมลง สปอร์ราที่มีการพัฒนาสมบูรณ์แล้วก็พร้อมเข้าทำลายแมลงเจ้าบ้านตัวใหม่ต่อไป ราแมลงสามารถพบได้ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ และพื้นที่การเกษตรที่ปลอดสารเคมี
    .
    ไบโอเทค สวทช. ได้ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับราแมลงนานกว่า 25 ปี จากการริเริ่มของ ดร.ไนเจล โจนส์ (Dr. Nigel L.H. Jones) ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติซึ่งเป็นนักกีฏวิทยา ได้สำรวจพบราแมลง Hirsutella citriformis (เฮอร์ซูเทลลา ซิตริฟอร์มิส) ก่อโรคบนเพลี้ยกระโดดในแปลงนาข้าวครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยประเทศไทยมีพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ดร.ไนเจล จึงมีแนวคิดที่จะศึกษาความหลากหลายของราแมลงในประเทศไทย
    .
    ปัจจุบันทีมวิจัยได้มีความร่วมมือกับนักวิจัยจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และมหาวิทยาลัยต่างๆ สำรวจความหลากหลายของราแมลงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีราแมลงมากกว่า 400 ชนิด ประเทศไทยถูกจัดว่าเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายของราแมลงมากแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งจากการศึกษาวิจัยพบว่า ราแมลงบางชนิดมีคุณสมบัติในการสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพระดับห้องปฏิบัติการ และสามารถนำมาขยายผลใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์
    .
    ตัวอย่างความหลากหลายและความโดดเด่นของราแมลงชนิดใหม่ที่พบ 47 สปีชีส์ นี้ เช่น ราในสกุลเมตาไรเซียม (พบมากถึง 21 สปีชีส์ใหม่) และราสกุลบิวเวอเรีย (สปีชีส์ใหม่ที่พบคือ Beauveria mimosiformis : บิวเวอเรีย มิโมสิฟอร์มิส) ซึ่งรากลุ่มนี้สามารถนำมาพัฒนาเป็นสารชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงศัตรูพืช (biocontrol) ซึ่งที่ผ่านมาไบโอเทค สวทช. ได้มีการศึกษาคัดเลือกราแมลงสายพันธุ์ บิวเวอเรีย บาสเซียน่า (Beauveria bassiana) มาพัฒนาเป็นสารชีวภัณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง
    .
    ขณะที่เชื้อราในสกุลเมตาไรเซียม (Metarhizium) เป็นกลุ่มราแมลงที่สามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ โดยในระยะสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ราสร้างสปอร์สีเขียวขึ้นคลุมแมลงเจ้าบ้าน แต่ในระยะสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะสร้างก้านรางอกจากตัวแมลง มีความสามารถก่อโรคบนแมลงได้หลายชนิด เช่น หนอนผีเสื้อ หนอนด้วง ด้วงตัวเต็มวัย ตัวอ่อนจักจั่น จักจั่นตัวเต็มวัย และเพลี้ยกระโดด
    .
    ดังนั้นการค้นพบราเมตาไรเซียม และราบิวเวอเรียชนิดใหม่จำนวนมากในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะค้นหาสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ควบคุมแมลงได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค
    .
    ราแมลง Gibellula pigmentosinum (จีเบลลูลา พิกเมนโตสินัม) ที่ค้นพบใหม่ สามารถสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต้านการสร้างไบโอฟิล์มของแบคทีเรีย ซึ่งมีศักยภาพอาจนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น ใช้เป็นยาปฏิชีวนะเพื่อยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มของแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ในอนาคต
    .
    อีกทั้งยังค้นพบราแมลงชนิดใหม่ในสกุลแบล็กเวลโลไมซีส (Blackwellomyces) และคอร์ไดเซปส์ (Cordyceps) สร้างก้านราสีสดออกจากตัวแมลง พบได้ตามเศษซากใบไม้และขอนไม้ผุ ก่อโรคกับหนอนด้วงและหนอนผีเสื้อ โดยราบางชนิดในสกุลคอร์ไดเซปส์นี้มีการนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์แผนจีน (CTM : Chinese Traditional Medicine)
    .
    ตัวอย่างราแมลงสกุลใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นในกลุ่มที่พบได้ค่อนข้างน้อยคือ ราสกุลนีโอทอร์รูบีเอลลา (Neotorrubiella) ค้นพบใหม่ 1 สปีชีส์ ได้แก่ Neotorrubiella chinghridicola (นีโอทอร์รูบีเอลลา ชิงกริดิโคลา) และในสกุลเพตเชีย (Petchia) อีก 1 สปีชีส์ ได้แก่ Petchia siamensis (เพตเชีย ไซแอมเมนสิส) ที่สำคัญยังมีการค้นพบเชื้อรา Beauveria malawiensis (บิวเวอเรีย มาลาวิเอนสิส) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และพบระยะสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของเชื้อรา Beauveria asiatica (บิวเวอเรีย เอเชียติกา) เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย รวมทั้งยังค้นพบแมลงเป้าหมายของเชื้อรา B. gryllotalpidicola (บิวเวอเรีย กริลโลทัลพิดิโคลา) เพิ่มเติม ได้แก่ หนอนผีเสื้อและด้วง นอกเหนือจากที่เคยศึกษาพบแต่เดิมคือ แมลงกระชอน
    .
    รายชื่อสกุลและสปีชีส์ของราแมลงที่ค้นพบใหม่

    รายชื่อสกุลใหม่รวม 8 สกุล ได้แก่ Keithomyces, Marquandomyces, Papiliomyces, Purpureomyces, Sungia, Yosiokobayasia, Neotorrubiella และ Petchia

    รายชื่อสกุลและชนิดพันธุ์ใหม่รวม 47 สปีชีส์ ได้แก่

    Metarhizium 21 สปีชีส์; Metarhizium biotecense, M. candelabrum, M. cercopidarum, M. cicadae, M. clavatum, M. culicidarum, M. eburneum, M. ellipsoideum, M. flavum, M. fusoideum, M. gryllidicola, M. huainamdangense, M. megapomponiae, M. niveum, M. nornnoi, M. ovoidosporum, M. phasmatodeae, M. phuwiangense, M. purpureonigrum, M. purpureum และ M. sulphureum

    Purpureomyces 2 สปีชีส์; Purpureomyces maesotensis และ P. pyriformis

    Blackwellomyces 4 สปีชีส์; Blackwellomyces aurantiacus, B. roseostromatus, B. calendulinus, B. minutus

    Cordyceps 5 สปีชีส์; Cordyceps brevistroma, C. inthanonensis, C. neopruinosa, C. parvistroma, C. araneae

    Neotorrubiella 1 สปีชีส์; Neotorrubiella chinghridicola

    Petchia 1 สปีชีส์; Petchia siamensis

    Beauveria 1 สปีชีส์; Beauveria mimosiformis

    Gibellula 4 สปีชีส์; Gibellula cebrennini, G. fusiformispora, G. pigmentosinum และ G. scorpioides

    Akanthomyces 3 สปีชีส์; Akanthomyces noctuidarum, A. pyralidarum, และ A. tortricidarum

    Ophiocordyceps 5 สปีชีส์; Ophiocordyceps campes, O. longistromata, O. phuwiangensis, O. krachonicola, O. kobayasii
    .
    Source: ไบโอเทค สวทช.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > มันเป็นตรรกะง่ายๆ อยู่แล้ว เมื่อโลกร้อนขึ้น คนเราจะใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น แต่เราเพิ่งจะมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าหากเราปล่อยให้อุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาโดยไม่รีบแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายของความตกลงปารีส มันจะทำให้การใช้แอร์เพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่าตัว ทำให้โลกยิ่งร้อนขึ้นเป็นวงจรอุบาทว์ที่แก้แทบไม่ได้

    2 > เรายังไม่มีตัวเลขของประเทศอื่นยกเว้นที่บราซิลซึ่งเป็นประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งและเป็นตัวอย่างให้เห็นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับที่อื่นๆ ทั่วโลกได้ ที่บราซิลทุกวันนี้การใช้แอร์คิดเป็นอัตราการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดถึง 14% เพื่อศึกษาเรื่องนี้ทีมงานจากมหาวิทยาลัย Universidade Federal do Rio de Janeiro ในนครริโอเดอจาเนโรจึงจำลองสถานการณ์ใหม่ขึ้นมา

    3 > พวกเขาจำลองสถานการณ์ที่โลกเราจะร้อนขึ้น 1.5 องศา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงในรุ่นของเราและยากจะแก้ไขมากขึ้นทุกที และจำลองว่าหากร้อนขึ้น 2 องศาซึ่งโลกเรายังมีโอกาสป้องกันได้หากจริงจังกับความตกลงปารีสมากกว่านี้ และสถานการณ์ที่ร้อนถึง 4 องศาซึ่งเกิดจากการที่ทุกคนงอมืองอเท้าไม่ยอมแก้ไขอะไร

    4 > แบบจำลองพบว่าถ้าร้อนขึ้น 1.5 องศาจะใช้แอร์มากขึ้น 70% ถ้าร้อนขึ้น 2 องศาจะใช้มากขึ้น 99% และถ้าร้อนถึง 4 องศาจะใช้แอร์มากขึ้นถึง 190%

    5 > เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศใหญ่มีเขตสภาพภูมิอากาศที่หลากหลาย ทางตอนเหนือเป็นเขตร้อนชื้นเหมือนประเทศไทย ยิ่งลงใต้อากาศยิ่งเย็นลงจนถึงใต้สุดจะมีสภาพอากาศคล้ายกับยุโรปตอนใต้ที่ค่อนข้างเย็นสบาย ดังนั้นภาคเหนือจะใช้แอร์หนักมากถึง 328 วันต่อปีซึ่งถือว่าคล้ายๆ กับไทย

    6 > ดังนั้นจะร้อนขึ้นเท่าไรก็ตาม เขตตอนเหนือที่ร้อนแบบประเทศไทยก็จะใช้แอร์ตลอดทั้งปีอยู่ดี แต่ตอนใต้ที่อากาศเย็นสบายจะเริ่มร้อนขึ้นจนคนทนไม่ไหวและต้องหันมาใช้แอร์มากขึ้นหากร้อนขึ้น 4 องศา พื้นที่ภาคใต้จะใช้แอร์มากขึ้นถึง 5 เท่า

    7 > ผลที่ตามมาอีกอย่างคือครัวเรือนในบราซิลทุกๆ 100 ครัวเรือนจะมีแอร์ 96 ยูนิตต่อ 100 ครัวเรือน ในปี 2578 เทียบกับค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 40 ยูนิตต่อ 100 ครัวเรือน การเพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 125% บริษัทผลิตแอร์อาจจะยิ้มเพราะทำรายได้มากขึ้น แต่มันเป็นอะไรที่เลวร้ายต่อโลกหนักมาก

    8 > เพราะการใช้แอร์เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุที่สร้างความเสียหายมาก ยิ่งเราใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้นเท่าไร ปัญหาโลกร้อนจะยิ่งหนักมากขึ้นเท่านั้น มันจะเป็นตัวที่ดูดการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

    9 > ตอนนี้โลกของเรามีห้องเดี่ยวที่ติดแอร์ถึง 1,000 ล้านห้อง หรือประมาณทุกๆ 7 คนบนโลกจะมีแอร์ 1 ยูนิต แต่คาดว่าภายในปี 2593 มีแนวโน้มที่จะมากกว่า 4,500 ล้านยูนิต ซึ่งจะทำให้ทุกคนบนโลกนี้แทบจะมีแอร์กันครบทุกคนเหมือนที่ตอนนี้ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ

    10 > ถามว่ามันไม่ดียังไง? สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่าที่ถ้าทั่วโลกใช้แอร์ขนาดนั้นมันจะกินพลังงานไฟฟ้าประมาณ 13% ของทั้งหมดทั่วโลกและผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2,000 ล้านตันต่อปีในปริมาณที่เท่ากับอินเดียปล่อยออกมาทั้งประเทศ และอินเดียเป็นผู้ปล่อยก๊าซที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

    11 > ลองคิดดูแล้วกันว่าในขณะที่เรารบเร้าให้ประเทศต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซในระดับอุตสาหกรรม แต่การใช้แอร์ของเราก็มีส่วนมากมายกับปัญหาโลกร้อน แต่เราก็ไม่สามารถหยุดใช้มันได้ เพราะโลกร้อนขึ้นจริงๆ มันจึงเป็นเหมือนปัญหางูกินหางที่ยังหาคำตอบไม่ได้

    อ้างอิง
    • "Brazil: Air conditioning equipment days of use will double without climate action". (10-FEB-2021). EurekAlert!
    • "The air conditioning trap: how cold air is heating the world". (19-AUG-2021). Stephen Buranyi. The Guardian.

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNDERWATER: หายากสุดๆ! ชาวประมงสหรัฐฯพบล็อบเสตอร์สีเหลืองพบได้ 1 ใน 30 ล้านตัว ตั้งชื่อ Banana มอบให้กับศูนย์วิจัยทางทะเล
    .
    Marley Babb ชาวประมงล็อบเสตอร์พบล็อบเสตอร์สีเหลืองสุดหายากในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา โดยได้ตั้งชื่อให้มันว่า Banana และบริจาคให้ศูนย์วิจัยทางทะเล University of New England, Marine Science Center
    .
    Lobster Institute, University of Maine ชี้ว่าล็อบเสตอร์สีเหลืองนั้นมีโอกาสพบได้ 1 ใน 30 ล้านตัว ขณะล็อบเสตอร์สีฟ้าสามารถพบได้ 1 ใน 2 ล้านตัว
    .
    Source:

    https://www.une.edu/news/2021/marine-science-center-home-rare-yellow-lobster

    https://edition.cnn.com/2021/02/09/us/rare-yellow-lobster-caught-in-maine-trnd-scn/index.html

    https://umaine.edu/news/blog/2018/0...istics-cited-wmtw-report-rare-yellow-lobster/

    เรียบเรียง: ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    POLLUTION: อากาศพิษฆ่าชีวิต ปี 2018 มลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิล คร่า 8.7 ล้านชีวิตทั่วโลก! หรือ 1 ใน 5 ของการเสียชีวิตทั้งหมด เอเชียหนักสุด ชี้อันตราย วอนเร่งแก้
    .
    นอกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจะส่งผลต่อความหนาของชั้นบรรยากาศโลกทำให้โลกของเราร้อนขึ้นแล้ว มลพิษเหล่านั้นยังเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้คน 1 ใน 5 คนทั่วโลก
    .
    มลพิษทางอากาศจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ส่วนใหญ่หมายถึง การเผาไหม้ของพวกถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ
    .
    ในปี 2018 ตัวเลขของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีประมาณ 8.7 ล้านคน คิดเป็นการเสียชีวิตของผู้คน 1 ใน 5 คนทั่วโลก หรือ 18%
    .
    ซึ่งผลที่ออกมาถือว่าสูงกว่าที่คาดไว้ งานวิจัยจากปี 2019 นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากอากาศด้านนอกอย่างฝุ่น ควันจากไฟป่า ควันจากการเกษตร รวมถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล 4.2 ล้านคน
    .
    แต่งานวิจัยใหม่ที่เชื่อมโยงสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนกับฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Research เมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลับเผยว่า มีกว่า 8.7 ล้านคนที่เสียชีวิตในปี 2018 และเป็นการเสียชีวิตจากมลพิษของเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเดียว
    .
    มลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ก็เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากเชื้อเพลิงฟอสซิล งานวิจัยใหม่นี้ได้ใช้ดาวเทียมและระบบตรวจจับพื้นผิวในการคำนวน PM 2.5 ในอากาศ พวกเขาพบว่าจีน อินเดีย บางส่ววนของสหรัฐตะวันออก ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด
    .
    โดยผลกระทบเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมลพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลในอากาศทั้งนั้น จากการนำผลมาเปรียบเทียบ มลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของผู้คนกว่า 10 ล้านคนในปี 2012 แต่ในปี 2018 ที่ทางการจีนได้ออกมาลดการปล่อยเชื้อเพลิง กว่า 2.4 ล้านคนอยู่รอดต่อทั่วโลก
    .
    งานวิจัยนี้จึงเผยให้เห็นว่า กว่าหลายชีวิตสามารถอยู่ต่อบนโลกได้ถ้ามลพิษในอากาศดีขึ้น แต่ตัวเลขนี้ก็อาจจะคาดเคลื่อนตัวเลขอาจอยู่ระหว่าง -1.8 ล้าน ถึง 14 ล้าน เพราะยังมีการศึกษาเรื่องการระบาดวิทยาของความเข้มข้นของ PM2.5 ที่ค่อนข้างจำกัด
    .
    อย่างไรก็ตาม Karn Vohra นักศึกษาปริญญาเอกจาก University of Birmingham ผู้นำการวิจัยนี้เผยว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระดับความเข้มข้น PM2.5 ที่สูงขึ้นเหล่านี้ควรเป็นแรงจูงใจในการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงการประมาณการของเราต่อความเข้มข้นเหล่านี้”
    .
    “มันเป็นความเร่งด่วนที่จะต้องหันไปหาแหล่งพลังงานที่สะอาดด้วย” งานวิจัยเผย
    .
    เพราะที่รู้ ๆ กัน PM 2.5 ก็เกี่ยวข้องกับระบบการเดินหายใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจทั้งสิ้น ที่ผ่านมา ก็เคยมีกรณีของเด็กผู้หญิงวัย 9 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดกำเริบ เนื่องจากมลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการต่าง ๆ ของโรคหอบหืดของเธอแย่ลง
    .
    นอกจากฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังทำลายสุขภาพของมนุษย์แล้ว วิกฤตสภาพภูมิอากาศก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลทิ้งรอยไว้ และเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของผู้คน ไม่ว่าจะจากเหตุการณ์สภาพอากาศที่เลวร้ายลง หรือความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มีมากขึ้น
    .
    Source
    1. https://www.independent.co.uk/news/uk/home-news/air-pollution-fossil-fuels-deaths-b1799380.html

    2. https://www.theguardian.com/environment/2021/feb/09/fossil-fuels-pollution-deaths-research

    3. https://edition.cnn.com/2021/02/09/world/climate-fossil-fuels-pollution-intl-scn/index.html

    เรียบเรียง: DJ

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FOOD: บริษัทอิสราเอลผุด เนื้อริบอายเพาะในแล็บ! ที่ใช้การพิมพ์แบบ 3 มิติ ไม่ต้องฆ่าสัตว์ หวังลดโลกร้อน
    .
    ด้วยความที่ก๊าซเรือนกระจกกว่าร้อยละ 60 จากทั้งหมดถูกปล่อยมาจากการผลิตผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ที่ผ่านมาจึงเริ่มมีการคิดค้นเนื้อที่โตในห้องแล็ปกันมากขึ้น ล่าสุดถึงคราวของอิสาราเอลที่ผุด “เนื้อริบอาย” แบบเพาะในห้องแล็บ ไม่ต้องฆ่าสัตว์ และใช้แม่พิมพ์ 3 มิติในการผลิต
    .
    เมนูใหม่นี้เป็นไอเดียของบริษัท Aleph Farms ที่ตั้งใจผลิตเนื้อริบอาย 3 มิติ ทำจากเนื้อเยื่อของวัวแต่โตในแล็บชิ้นแรกของโลก โดยปราศจากขั้นตอนการทำร้ายสัตว์ใด ๆ
    .
    พวกเขานำเซลล์หลัก 4 เซลล์ที่ประกอบไปด้วยเซลล์เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ ไขมัน เลือดและเซลล์ค้ำจุนมาจากวัวสองตัว และนำมาทำเป็น “หมึก” ที่ใช้ในการพิมพ์สเต็ก 3 มิติขึ้นมา
    .
    เซลล์พวกนี้จะถูกเลี้ยงผ่านระบบที่คล้ายกับระบบหลอดเลือดของสัตว์ ที่จะทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารปกติจนโตขึ้นมามีรูปร่างเหมือนเนื้อวัวได้
    .
    Aleph Farm เผยว่า การผลิตเซลล์จะไม่มีการทารุณกรรมสัตว์แต่อย่างไร การเอาเซลล์มาก็เหมือนการเอาเนื้อเยื่อมาจากกระพุ้งแก้มของคน สัตว์ผู้ให้เซลล์ไม่ได้ถูกฆ่า เนื้อที่ได้ออกมาก็เป็นเนื้อจริง ๆ จนอาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ลดเนื้อสัตว์เพราะเหตุผลทางสิ่งแวดล้อมได้
    .
    ซึ่งทางบริษัทเคลมไว้ว่า ถึงจะโตในแล็บ เนื้อของพวกเขาก็มีรสชาติเหมือนเนื้อทั่วไป
    .
    บริษัทเชื่อว่าวิธีการใหม่นี้ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญไปสู่การสร้าง 'โลกที่ยั่งยืน เท่าเทียม และปลอดภัยยิ่งขึ้น'
    .
    ปัจจุบันสเต็กที่ปลูกในห้องแล็บมีราคาแพงกว่าอาหารออร์แกนิก เนื่องจากข้อจำกัดของทรัพยากร และความชำนาญการในการสร้าง Aleph จึงหวังว่าพวกเขาจะสามารถยกระดับการผลิตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ตอนนี้ ยังไม่มีการสรุปราคาของเนื้อริบอาย ทางบริษัทคิดว่ากว่าจะทำไปถึงขั้นที่มันวางขายในตลาดได้คงใช้เวลาอีก 2-3 ปี
    .
    อย่างไรก็ตาม ก็มีการถกเถียงกันว่า การคิดค้นเนื้อในห้องแล็บมาอาจเป็นการเบี่ยงประเด็นจากต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่
    .
    Source
    1. https://www.dailymail.co.uk/science...s-laboratory-grown-RIBEYE-STEAK-unveiled.html

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "บ่าง" หรือ พุงจง หรือ พะจง (ในภาษาใต้)
    รูปร่างคล้ายกระรอกบินขนาดใหญ่
    ผิวหนังย่น ตามีขนาดใหญ่สีแดง ใบหูเล็ก
    มีนิ้วทั้งหมด 5 นิ้ว สีขนสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมทั้งน้ำตาลแดง หรือเทา
    .
    ตัวเมียมีสีอ่อนกว่าตัวผู้ หางมีลักษณะแหลมยาว มีพังผืดเชื่อมติดต่อกันทั่วตัว โดยเชื่อมระหว่างขาหน้าและขาหลัง ขาหลังกับหาง ระหว่างขาหน้ากับคอ และระหว่างนิ้วทุกนิ้ว มีนิ้วทั้งหมด 5 นิ้ว โดยที่ไม่มีหัวแม่มือ เล็บแหลมคมมากใช้สำหรับไต่ และเกาะเกี่ยวต้นไม้ มีความยาวหัวและลำตัวโตเต็มที่ราว 34-42 เซนติเมตร หาง 22-27 เซนติเมตร น้ำหนัก 1-1.8 กิโลกรัม
    .
    บ่าง อาศัยและหากินอยู่บนต้นไม้สูง และสามารถอาศัยได้ในป่าทุกสภาพ บ่างเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถเดินบนพื้นดินได้ ออกหากินในเวลากลางคืน โดยตอนกลางวันจะนอนหลับพักผ่อนตามยอดไม้หรือโพรงไม้ กินอาหารจำพวกพืช ได้แก่ ยอดไม้, ดอกไม้ เป็นหลัก
    .
    ที่มา: อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - Kaeng Krachan National Park

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNDERWATER: วาฬช่วย ‘ลดโลกร้อนได้’ ดูดซับคาร์บอนได้อย่างมหาศาล แต่น่าเสียดาย มันกำลังเหลือน้อยลงอย่างมาก
    .
    วาฬโดยเฉพาะสายพันธุ์บาเลน และสเปิร์มเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และร่างกายของพวกมันเป็นที่กักเก็บคาร์บอนจำนวนมากมายมหาศาล อีกทั้งยังเป็นตัวแปรสำคัญในระบบนิเวศ
    .
    นับนานหลายศตวรรษที่มนุษย์เรานั้นได้ล่า และฆ่าวาฬเพื่อน้ำมัน เนื้อ และ กระดูกมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่ช่วง 1000 CE จนมาถึงปัจจุบัน วาฬจำนวนสิบล้านกว่าตัวได้ตายจากไป ซึ่งลดลงเป็นจำนวนประมาณ 66-90%
    .
    และเมื่อวาฬตาย ร่างของมันจมลงสู่ก้นทะเลและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กักเก็บในร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันได้ถูกถ่ายเทพื้นจากผิวน้ำสู่ก้นทะเลลึก ซึ่งก๊าซเหล่านี้จะยังคงอยู่นานเป็นเวลาหลายศตวรรษ
    .
    จากการศึกษาในปี 2010 นักวิทยาศาสตร์พบว่าก่อนการล่าวาฬในเชิงอุตสาหกรรมนั้น จำนวนคาร์บอนจากประชากราฬ(ไม่รวมวาฬสเปิร์ม) จะจมสู่ก้นทะเลจำนวนมากถึง 190,000 ถึง 1.9 ล้านตัน หรือเท่ากับนำรถจำนวน 40,000 ถึง 410,000 คัน ออกจากถนนต่อปี แต่เมื่อคนได้ฆ่าและแปรรูปวาฬเป็นอย่างอื่น คาร์บอนไดออกไซด์ในตัววาฬถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศแทนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล
    .
    Andrew Pershing นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากมหาวิทยาลัยของ Maine คาดว่า ตลอดช่วงการล่าวาฬในศตวรรษที่ 20 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 70 ล้านตัน ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่ง “ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก แต่รถจำนวน 15 ล้านคันก็กำลังปล่อยก๊าซจำนวนเท่านี้อยู่เช่นกัน ซึ่งตอนนี้สหรัฐอเมริกามีรถอยู่ 236 ล้านคันแล้ว” Andrew Pershing กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม วาฬเหล่านี้ไม่ได้มีค่าเมื่อตายแล้วเท่านั้น เพราะมูลที่วาฬสร้างขึ้นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศของโลกเราอย่างไม่น่าเชื่อ โดยปกติแล้ววาฬจะหากินใต้ท้องทะเล และได้ว่ายขึ้นมาผิวน้ำเพื่อทำการถ่ายและหายใจ โดยอุจจาระที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กจะเป็นแหล่งเติบโตอันสมบูรณ์แบบของแพลงก์ตอนพืช (phytoplankton) ถึงแพลงก์ตอนพืชนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่เมื่อนำมาอยู่รวมกันมันสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 40% ซึ่งมากกว่าที่ป่าอะเมซอนจะกักเก็บได้ถึง 4 เท่า
    .
    และการที่จำนวนวาฬหายไปจากท้องทะเลนั้นทำให้ "วาฬเพชฌฆาต" ที่กินสัตว์ทะเลอื่นๆ เป็นอาหาร แม้แต่วาฬต่างสปีชีส์ที่มีขนาดใหญ่กว่า เริ่มไปล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่นนากทะเลแทน ซึ่งถ้าจำนวนของนากทะเลหายไป อาหารของพวกมันอย่างเม่นทะเลจะมีการแพร่กระจายมากขึ้น และนำไปสู่ผลกระทบของการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ของสาหร่ายทะเล (เม่นทะเลมากขึ้นแปลว่าจะมีการบริโภคสาหร่ายหรือแหล่งกักเก็บคาร์บอนมากขึ้น)
    .
    นอกจากนี้เรื่องของคาร์บอน ซากวาฬยังมีประโยชน์ สามารถกลายมาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลลึก ซึ่งหลายชนิดนั้นสามารถพบเจอได้แค่บริเวณซากวาฬเท่านั้น การวิจัยยังคงพบว่า ซากวาฬหนึ่งตัวนั้นสามารถเป็นแหล่งอาหาร และที่อยู่สำหรับสิ่งมีชีวติได้มากถึง 200 ชนิด
    .
    ในปี 2019 International Monetary Fund (IMF) ได้เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวกับประโยชน์ของการนำวาฬกลับสู่ทะเลโดยการใส่ตีมูลค่าวาฬออกมาเป็รเงินดอลล่าร์เพื่อให้นักการเมืองได้มีความเข้าใจ การศึกษาจากรายงานพบว่าเมื่อใส่ตีค่าของคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกกักเก็บโดยวาฬในตลอดช่วงชีวิตของมัน และเงินที่ได้จากการประมงที่ดีขึ้น หรือการท่องเที่ยวแบบ Eco tourism ที่ดีขึ้น มูลค่าของวาฬตัวหนึ่งน่าจะมีมูลค่าเฉลี่ยมากกว่า 2 ล้านดอลลาร์
    .
    โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการศึกษานี้กำลังดำเนินโครงการตีราคาวาฬให้กลายเป็นจริง โดยใช้วิธีการให้ผู้ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะปกป้องวาฬ แทนที่จะนำเงินไปลงทุนกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อที่จะให้ระดับ carbon footprint ของพวกเขาเป็นกลาง
    .
    สรุปได้ว่า วาฬนั้นเป็นทั้งตัวแปรสำคัญในห่วงโซ่อาหารและยังสามารถเป็นส่วนช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศด้วยการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ 33 ตัน ต่อตัว อีกทั้งการศึกษาของ IMF ยังได้กล่าวว่าการปกป้องวาฬต้องกลายเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดเพื่อการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในตอนนี้
    .
    แต่ช่างน่าเศร้าที่ปัจจุบันนี้ วาฬใหญ่จำนวน 6 จาก 13 สายพันธุ์ ตกไปอยู่ในสัตว์จำพวกใกล้สูญพันธุ์และมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ทั้งๆที่ได้มีการคุ้มครองดูแลมาโดยตลอดนับสิบปี

    sources
    1. https://www.bbc.com/future/article/20210119-why-saving-whales-can-help-fight-climate-change

    2. https://www.worldwildlife.org/species/whale

    เรียบเรียง: buras

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวระดับลึก 2 ครั้งทางตอนใต้ของหมู่เกาะฟิจิ 02-10-2021 UTC
    ---
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.6 . ความลึก 545.6 กม. ทางตอนใต้ของหมู่เกาะฟิจิ 02-10-2021 UTC
    2021-02-10 17:53:00 (UTC)
    พิกัด 23.509 ° S 179.678 ° W
    ความลึก 545.6 กม
    ---
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.8 . ความลึก 576.2 กม. ทางตอนใต้ของหมู่เกาะฟิจิ 02-10-2021 UTC
    2021-02-10 17:30:24 (UTC)
    พิกัด 22.807 ° S 179.760 ° W
    ความลึก 576.2 กม
    ---

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "เยอรมันประกาศขยาย Lockdown"

    ถึงแม้ว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อของเยอรมันจะเริ่มชะลอตัวในระดับนึงแล้วแต่ก็ยังประมาทไม่ได้ และในที่สุดทางรัฐบาลก็ได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาของมาตรการ Lockdown

    ซึ่งการประกาศนี้ได้ส่งผลให้การ Lockdown ของเยอรมันนั้นจะถูกขยายต่อไปจนไปถึงเดือนมีนาคมคือวันที่

    "07.03.21" (ไวกว่าข้อมูลที่ได้รับในตอนแรก)

    โดยสามารถสรุปมาตรการที่มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ได้ดังนี้

    **มาตรการที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเข้ามา**

    - ขยายมาตรการออกไปจนถึงวันที่ 07.03.21

    - จะพิจารณาอนุญาตให้เปิดร้านค้าได้ในเขตที่มีการติดเชื้อ 7 วันติดต่อจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ หรือ 7 Tage-Inzidenz ต่ำกว่า 35 ต่อประชากร 100,000 รายลงไป (การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับรัฐและเมืองขอให้เช็คอีกครั้งนึง)

    - อนุญาตให้ร้านทำผมสามารถเปิดได้ตั้งแต่วันที่ 01.03.21 โดยต้องรักษามาตรการอย่างเคร่งครัด

    - อาชีพครูจะได้รับพิจารณาในการฉีดวัคซีนในอันดับต้นๆ เพราะเนื่องจากยากต่อการที่จะเว้นระยะกับเด็กๆ แต่จะไม่มีการบังคับให้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

    - แต่ละรัฐจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า Kindergarten หรือ โรงเรียน ที่ไหนจะสามารถเปิดได้ (เมืองไหนที่เปิดได้น่าจะต้องมีประกาศครับ)

    - เฉพาะรัฐ Berlin ได้มีการวางแผนที่จะเปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 22.02.21 เป็นต้นไป(แต่ขอให้รอประกาศอีกครั้ง)

    - ทางภาครัฐมีความกังวลเป็นอย่างมากต่อไวรัสกลายพันธุ์ ขอให้ประชาชนทุกคนไม่ประมาท

    ***มาตรการเดิมที่ยังใช้คงใช้งานต่อไป***

    - ในพื้นที่ๆ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 200 ต่อประชากร 100,000 รายเป็นระยะเวลา 7 วันนั้นจะไม่สามารถเดินทางเกินกว่าระยะทาง 15 km ถ้าไม่มีเหตุผลที่จำเป็น อาทิ เพื่อการทำงาน หรือเหตุฉุกเฉิน

    - ออกมาตรการให้ทำงานที่บ้านของทั้งบริษัทและหน่วยงานราชการให้มากขึ้น โดยขอความร่วมมือกับผู้ว่าจ้างทุกหน่วยงานว่าในส่วนงานไหนที่สามารถทำงานที่บ้านได้ขอให้ทำที่บ้าน และถ้าจำเป็นต้องไปนายจ้างต้องเป็นผู้จัดหาหน้ากากให้

    - ประชาชนต้องใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ โดยจะเป็น OP(หน้ากากทางการแพทย์ปกติ), FFP-2, KN95 หรือ FFP-3 ก็ได้ ในการเข้าร้านค้า อาคาร ในสถานที่ๆกำหนด และระบบขนส่งสาธารณะทั้งประเทศ

    - สถานที่ทางศาสนา เช่น วัดหรือโบสถ์ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และขอให้รวมถึงงดการร้องเพลงในโบสถ์

    - ขอความร่วมมือบริษัทหรือผู้ว่าจ้างให้ปรับเรื่องของเวลาของการเข้าออกงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นอาจจะเข้าหรือเลิกงานไม่พร้อมกัน เพื่อไม่ให้มีการแออัดกัน

    - ถึงแม้ว่าจะเกิดการล่าช้าของการส่งมอบวัคซีน แต่ทางภาครัฐก็จะจัดการให้ดีที่สุด

    - ขอความร่วมมือไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หรือ Hotspot โดยไม่มีเหตุจำเป็น

    - การพบปะกันแบบส่วนตัวจะสามารถพบปะกันได้เพียงแค่หนึ่งคน จากอีกครัวเรือนเท่านั้น (เด็กต่ำกว่า 14 ไม่นับ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกครับ)

    - ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนมีความอดทนและขอให้พบปะสำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และขอให้อยู่บ้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    - เพิ่มความถี่ในการตรวจเชื้อและมาตรการของบ้านพักคนชรา อย่างน้อยจนกว่าทุกคนในนั้นจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จึงจะทยอยผ่อนคลาย

    - รัฐบาลจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือร้านค้าหรือบริษัทที่ได้รับผลกระทบให้เร็วยิ่งขึ้น (Update คือตอนนี้เริ่มมีทยอยๆ ได้รับกันแล้วครับ)

    - ผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงจะต้องทำการตรวจเชื้อ 2 รอบ โดยหลังการตรวจครั้งแรกไม่ว่าบวกหรือลบจะต้องกักตัวทันทีและตรวจอีกรอบก่อนออกจากการกักตัว

    - ผู้ปกครองสามารถขอวันหยุดพิเศษ โดยใช้เหตุผลว่าต้องหยุดเพื่อดูแลบุตรได้ 10 วัน และสำหรับผู้ปกครองคนเดียวจะสามารถขอได้สูงสุด 20 วัน

    - สั่งปิดร้านค้าเกือบทุกชนิดยกเว้น: ร้านค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค, ร้านขายยาและเวชภัณฑ์, การให้บริการทางการแพทย์, หรือไปรษณีย์เป็นต้น (ข้อมูล Update ตามด้านบน)

    - ร้านอาหารเปิดให้บริการได้แค่มารับที่ร้านหรือส่งอาหารเท่านั้น (ข้อมูล Update ตามด้านบน)

    - Kindergarten จะเปิดให้สำหรับผู้ปกครองที่มีอาชีพบางอาชีพ อาทิ หมอ, พยาบาล, ตำรวจ และพนักงานดับเพลิงเป็นต้น และจะมีกฎแยกย่อยเพิ่มเติมไปในแต่ละรัฐ

    - สถานที่สันทนาการต่างๆ ยังคงถูกปิด เช่น Fitness, Gym, คาสิโน, สวนสนุก, โรงละคร และโรงภาพยนตร์เป็นต้น (Update ข้อมูลทางด้านบน)

    - มาตรการ Curfew หรือการห้ามให้คนออกนอกบ้านในระยะเวลาที่กำหนดยกเว้นจะมีเหตุผลที่เพียงพอซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ

    - การดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ (ขึ้นอยู่กับรัฐ)

    "ยังสู้กันต่อไป ใครที่ได้รับผลกระทบพ่อบ้านเป็นกำลังใจให้นะครับ เราทำมาดีแล้วครับ "

    "วันประชุมมาตรการครั้งถัดไปคือวันที่ 03.03.2021 ครับ"

    #พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German #Lockdown

    ที่มาของข้อมูล Bundesregierung :



     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    02-10-2021 ภูมิภาค หมู่เกาะ Loyalty เกิดแผ่นดินไหว 43 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
    ---
    USGS แสดงให้เห็นว่าภูมิภาค หมู่เกาะ Loyalty มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 43 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ณ เวลา 21:45 น. 02-10-2021 EST
    แผ่นดินไหว กำลังดำเนินการต่อไป

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสำรวจแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 12 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พบแหล่งน้ำพุธรรมชาติลักษณะพิเศษมีรสซ่าคล้ายน้ำโซดา รสชาติออกหวานนิด ๆ ซึ่งไม่เคยพบที่ใดมาก่อนในประเทศไทย
    .
    จากการตรวจคุณสมบัติของน้ำเบื้องต้นโดยห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ จ.สุพรรณบุรี พบว่า มีค่า พีเฮช หรือค่าความเป็นกรดด่างอยู่ที่ 6.75 คุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำธรรมดามาก ไม่เจอสารพิษใดๆ ปนเปื้อน นอกจากนี้ ยังพบปริมาณไบคาบอเนตสูง คุณสมบัติดังกล่าวนี้ ตรวจสอบในนิตยสาร เมดิคอลเฮล พบว่า เป็นผลดีกับผู้ป่วยเบาหวาน หากดื่มในปริมาณที่พอเหมาะสม
    .
    ด้านนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่พบแหล่งน้ำบาดาลไม่น้อยกว่า 500 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นน้ำสะอาด โดยผลการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำพุโซดาจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พบแคลเซียม 120 mg/l แมกนีเซียม 130 mg/lโปแตสเซียม 9 mg/l โซเดียม 76 mg/l ไบคาร์บอเนต (โซดา) 1,540 mg/l และคลอไรด์ 4 mg/l
    .
    สำหรับ อ.ห้วยกระเจาเป็นพื้นที่แห้งแล้งอย่างมาก มีชื่อติดอยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งทุกปี โดยปริมาณน้ำที่พบนั้น สามารถแจกจ่ายให้ชาวบ้านในพื้นที่รอบได้ 11 หมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตรอีก 3,000 ไร่ ต่อไป อ.ห้วยกระเจาจะไม่แล้งอีกต่อไป
    .
    นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผอ.สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า พื้นที่ที่พบแหล่งน้ำแร่โซดานี้อยู่ในบริเวณรอยแตกของชั้นหินแปรที่อยู่ลึกลงไปจากพื้นดิน 303 เมตร เมื่อเจาะลงไปถึงพบน้ำพุ่งขึ้นมากกว่า 50 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งพบบ่อน้ำแร่ลักษณะเดียวกันนี้ 2 บ่อ ในบริเวณที่ใกล้กัน
    .
    สาเหตุที่น้ำมีรสชาติดังกล่าวน่าจะมีสาเหตุจากหลายองค์ประกอบ เช่น หินอัคนี หรือหินร้อน ที่ทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น คือ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีหินปูน ซึ่เมื่อโดนความร้อนก็จะคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาสะสมในน้ำ เมื่อเจาะน้ำจึงพุขึ้นมาได้เอง รวมทั้งมีรสซ่า อมหวาน เหมือนน้ำโซดาที่บรรจุขวดขาย
    .
    หลังจากนี้ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะทำระบบการกระจายน้ำ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ได้นำไปอุปโภคบริโภค และใช้สำหรับการเกษตร เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าปริมาณน้ำมีมากพอสำหรับการแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงใช้ในช่วงฤดูแล้ง

    อ้างอิง https://bit.ly/2MXQGiB
    https://bit.ly/3aQuhfi
    เครดิตคุณภาพ : Thairath

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภายหลังจากเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า Joe Biden ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำสั่งคว่ำบาตรรอบใหม่สำหรับพม่าแล้ว โดยเรียกร้องให้ผู้นำทางทหารสละอำนาจพร้อมปล่อยตัวเหล่าผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD)
    .
    คำสั่งดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯสามารถกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเหล่าผู้นำทางทหารของพม่าได้ทันที ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ร่วมกันทางธุรกิจ
    .
    และในสัปดาห์หน้าทางสหรัฐฯจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าคณะรัฐประหารสามารถเข้าถึงเงินทุนของรัฐบาลพม่าที่ถือครองในสหรัฐฯกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 30,000 ล้านบาท) ได้
    .
    Biden ยังกล่าวอีกว่า “เราจะควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวด เราจะอายัดทรัพย์สินที่เป็นของสหรัฐฯและเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลพม่า แต่อย่างไรก็ตามเราจะยังคงให้การสนับสนุนเรื่องสุขภาพและด้านอื่นๆที่เป็นประโยชน์โดยตรงกับชาวพม่า”
    .
    นาย Antony Blinken รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้ทางการพม่าหยุดใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงโดยทันที หลังจากที่วันก่อนมีการเปิดฉากใช้ “กระสุนจริง” เข้าสลายการชุมนุม
    .
    สหรัฐฯมีแนวโน้มจะพุ่งเป้าไปที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด “Min Aung Hlaing” ซึ่งเป็นผู้นำในการทำรัฐประหาร รวมถึงบริษัทของกองทัพพม่าที่ประกอบด้วย Myanmar Economic Holdings Limited และ Myanmar Economic Corp ที่มีการลงทุนในธนาคาร อัญมณี ทองแดง ระบบโทรคมนาคม และเสื้อผ้า
    .
    แม้จะมีการสลายการชุมนุมด้วยวิธีที่แข็งกร้าวจากตำรวจและกองทัพ แต่ผู้ประท้วงในพม่าก็ยังคงเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านการรัฐประหารต่อไปในหลายเมือง และสถานการณ์ยังมีแนวโน้มจะยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายได้ประเมินว่าอาจนำไปสู่การ “นองเลือด” ในที่สุด
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : https://cn.reuters.com/article/us-m...rD4inYy-iyQXImyihesWMt4qEQeBMtKdGhqhJZ-Wxla34
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    BRIEF: “กลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้ว” ชั้นโอโซนกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง หลังจากถูกสาร CFC ทำลายมายาวนาน
    .
    ถึงแม้ว่าสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดูจะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แต่อย่างน้อยวันนี้ เราเพิ่งมีข่าวดีใหม่มาบอก เพราะนักวิทยาศาสตร์พบว่า ชั้นโอโซนได้กลับมาฟื้นฟูแล้ว หลังจากถูกสาร CFC ทำลายมาอย่างยาวนาน
    .
    การค้นพบครั้งนี้เป็นข่าวดีต่อมวลมนุษยชาติ หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์พบว่าชั้นโอโซนค่อยๆ ปรับตัวกลับมาเป็นปกติมากขึ้น เมื่อมีการหยุดการปล่อยสาร CFC หรือคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ออกสู่ชั้นบรรยากาศ อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานการตรวจวัดชั้นบรรยากาศ (Atmospheric measurements) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ.2018 ว่า พบการแอบลักลอบการปล่อยสาร CFC ทางฝั่งตะวันออกของจีน ในขณะที่ประเทศอื่นทั่วโลกได้ทยอยหยุดการใช้สาร CFC กันแล้ว
    .
    เนื่องจากโลกเราต้องรับแสงจากดวงอาทิตย์ ซึ่งมีรังสี UV ตามมาเป็นของแถมด้วย ชั้นโอโซนจึงมีหน้าที่ในการช่วยกรองรังสี UV ไม่ให้ตกกระทบลงมายังโลกโดยตรง และรังสี UV นี้นี่เอง ที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่บนพื้นผิวโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มนุษย์อย่างเราๆ เนื่องจากรังสี UV ส่งผลกระทบต่อ DNA โดยตรง และอาจทำให้เกิดอาการผิวไหม้ จนอาจเป็นปัจจัย ที่เพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังในระยะยาว
    .
    สาร CFC ถูกใช้อย่างเป็นวงกว้างในตู้เย็น และสารขับดันในกระป๋องสเปรย์ โดยมนุษย์ตระหนักได้ว่า มันส่งผลต่อชั้นบรรยากาศอย่างโอโซน เมื่อราวทศวรรษที่ 1980 ก่อนจะมีการแบนการใช้สาร CFC เมื่อ ค.ศ.1987 ภายใต้ข้อตกลงในพิธีสารมอนทรีออล ซึ่งมีหลายประเทศทั่วโลกลงนามเพื่อเลิกการใช้สารดังกล่าว
    .
    ในทางเดียวกัน มีรายงานผลการวิจัยเมื่อ ค.ศ.2019 ว่ามีอัตราการใช้ CFC ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สืบเนื่องจากการแบนการใช้สาร CFC ที่เป็นรูปธรรมในช่วง ค.ศ.2010 อย่างไรก็ดี กลับมีผลการวิจัยใน ค.ศ.2018 ว่า ความเข้มข้นของ CFC บนชั้นอากาศ ดันไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ สร้างความสงสัยให้พวกเขาว่า เพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่มีการแบนการใช้ CFC แล้ว แต่ความเข้มข้นของมันบนชั้นโอโซน กลับไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว
    .
    “นั้นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เราอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ลูค เวสเทิร์น (Luke Western) หนึ่งในทีมนักวิจัยเรื่องชั้นบรรยากาศกล่าว “งานวิจัยที่ผมเข้าไปร่วมด้วยพบว่า การปล่อย CFC หลักๆ โผล่มาจากบริเวณตะวันออกของจีน” อย่างไรก็ตาม เวสเทิร์นกล่าวว่า สถานการณ์การฟื้นฟูของชั้นโอโซน “กลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้ว”
    .
    เวสเทิร์นและทีมวิจัย ตั้งศูนย์วัดค่าชั้นบรรยากาศอยู่ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งผลการตรวจวัดของพวกเขา สอดคล้องกันกับผลขององค์กรตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Investigation Agency หรือ EIA) และนักข่าวด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า CFC ในจีนถูกในโพลียูรีเทนโฟม หรือฉนวนกันความร้อนตระกูลโพลิเมอร์ ถูกผลิตออกมาในรูปแบบน้ำยาเคมีเหลว ซึ่งสามารถนำไปฉีดพ่นเพื่อติดตั้งที่พื้นผิว ก่อนจะเปลี่ยนสภาพเป็นของแข็ง โดยมันถูกใช้เป็นจำนวนมากในจีน ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบจำนวนการใช้ที่แน่ชัด เพราะมีการแอบลักลอบใช้งานเป็นจำนวนมาก
    .
    “และเราพบว่า ใน ค.ศ.2019 ค่าก๊าซเรือนกระจกตกลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับ ค.ศ.2013 ตั้งแต่เราเคยเห็นตัวเลขเหล่านี้” เวสเทิร์นกล่าวเสริม ในขณะที่เขาชี้ว่า ชั้นโอโซนทั่วโลกกลับมามีสภาพที่ดีขึ้น แต่โอโซนบริเวณจีนกลับยังดูไม่ดีขึ้น “ในช่วงท้ายศตวรรษนี้ เราควรจะเห็นการฟื้นฟูของชั้นโอโซนกลับไปยังระดับที่เราเคยเห็นใน ค.ศ.1980”
    .
    .
    อ้างอิงจาก

    https://www.bbc.com/news/amp/science-environment-56014092...

    https://www.pca.state.mn.us/.../chlorofluorocarbons-cfcs...

    https://www.nature.com/articles/s41586-019-1193-4

    #Brief #TheMATTER
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัคซีนรัสเซีย ทางเลือกสำหรับวัคซีน COVID-19
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    Published 9/02/21
    ในขณะที่วัคซีนชั้นดีจาก็บริษัทยักษ์ใหญ่ของยุโรปและอเมริกา ได้ถูกจับจองไว้เกือบหมดแล้วโดยประเทศอเมริกา อังกฤษ และประเทศร่ำรวย แม้แต่ยุโรป EU เองก็มีปัญหาอย่างมากในการดิ้นรนที่จะได้มาซึ่งวัคซีนชั้นดีเหล่านี้ในเวลาอันรวดเร็ว
    การเร่งฉีดวัคซีน COVID-19 ของ อังกฤษ อเมริกา อิสราเอล ก็เริ่มเห็นผล คนติดเชื้อ COVID-19 ได้เรื่มลดลง ที่อเมริกาจากจำนวนคนที่ติดเชื้อต่อวัน 250,000 คน ลดลงเป็นจำนวน 100,000คนต่อวัน ที่อังกฤษลดลงเป็น 16,000 คนต่อวันจากที่เคยสูงถึง 40,000 คนต่อวัน
    จากการศึกษาพบว่าถ้าวัคซีน 2 พันล้าน dose แรก มีประสิทธิผล 80% จะช่วยรักษาชีวิตคนในประเทศร่ำรวยจาก COVID 19ได้ 33% ดังนั้นอเมริกาและอังกฤษ และ EU จึงจองโควต้าวัคซีนชั้นนำไว้เกือบหมดแล้ว
    ประเทศที่ไม่สามารถจัดหาวัคซีนชั้นดีเหล่านี้ได้ก็มีทางเลือกสองทางคือ ทางที่หนึ่งคือการรอและใช้มาตรการที่รัดกุมในการควบคุมไวรัส ทางเลือกที่สองจัดหาวัคซีนจากจีน อินเดีย รัสเซีย หรือ Covax องค์กรจัดหาวัคซีนของ WHO
    เมื่อต้องเลือกวัคซีนชั้นสองจากจีน อินเดีย หรือรัสเซีย จากข้อมูลที่มีอยู่ เราควรเลือกวัคซีนจากชาติไหน
    วัคซีนจากจีน ความจริงพัฒนาวัคซีน COVID 19จากหลายๆบริษัท วัคซีนจีนที่กล่าวถึงมากที่สุดคือ Sinovac เพราะเป็นวัคซีนจีนที่จะใช้ในหลายๆประเทศรวมทั้งไทย ปัญหาของวัคซีน Sinovac ก็คือข้อมูลที่ยังไม่โปร่งใส และประสิทธิภาพที่ต่ำประมาณ 50% แม้แต่คนจีนเองก็ยังลังเลที่จะใช้ Sinovac วัคซีน หลายๆคนบอกว่ารอวัคซีนจากตะวันตกดีกว่า เป็นเหตุผลที่ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนตำ่ ทั้งๆที่ผลิตวัคซีนได้เอง ในต้นเดือนกุมภาพันธ์จีนฉีดวัคซีนไปแค่ 32 ล้าน dose จากป ระชาชน 1.4 พันล้านคน
    วัคซีนจีน จาก Sinovac และSinopharm เป็นวัคซีนแบบเก่า ใช้ inactivated virus คือทำให้ virus อ่อนแรงแล้วนำมาฉีดในคน
    การศึกษาพบว่า ภูมิคุ้มกัน antibody ที่สร้างขึ้นหลังจากได้วัคซีน Sinovac 28วัน ต่ำกว่าปริมาณ antibody ในคนที่ได้รับเชื้อ COVID-19
    วัคซีน Sputnik V จากรัสเซียซึ่งประธานาธิบดี Putin เคยประกาศให้ใช้ก่อนที่จะทำการทดลองให้เสร็จสมบูรณ์ตามมาตรฐานของสากล ทำให้ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในระยะแรก
    แต่ข้อมูลล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ Lancet พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีน Sputnik V ให้ประสิทธิภาพถึง 91.6% ใน Trial คนไข้ 20,000 คน ดีเทียบเท่าวัคซีนจากตะวันตก และดีกว่าวัคซีนจากจีน
    ในขณะนี้มี 20 ประเทศให้การรับรองวัคซีนรัสเซีย รวมทั้ง ฮังการี สาธารณรัฐเช็ก และที่กำลังจะรับรองมี บราซิล อินเดีย แม้แต่ EU ซึ่งกำลังมีปัญหาในการจัดหาวัคซีนจากบริษัทชั้นนำก็พิจารณาจะใช้วัคซีน Sputnik V นายก Angela Merkel บอกว่าจะยินยอมให้ EU 27 ประเทศใช้วัคซีน Sputnik เมื่อผ่านการพิจารณาจาก FDA ยุโรป
    ฮังการีได้สั่งวัคซีน Sputnik แล้ว 2 ล้าน doseและได้ส่งมอบแล้ว 40,000 dose
    ในขณะนี้มี 30 ประเทศที่จะซื้อหรือผลิตวัคซีนรัสเซีย
    แต่ปัญหาก็คงอยู่ที่กำลังการผลิต รัสเซียรับปากว่าจะให้ฟรีวัคซีน 146ล้าน dose เพื่อผลทางการเมือง วัคซีน Sputnik V จะผลิตนอกรัสเซียในบราซิล เกาหลีและอินเดีย และ เตอร์กี รัสเซียหวังว่าจะผลิตวัคซีน Sputnik ได้ 700 ล้าน dose ในปีนี้
    ประเทศลาตินอเมริกันซึ่งมีการระบาดอย่างหนักจาก COVID-19 และมีปัญหาเรื่องการจัดหาวัคซีนได้ตกลงใช้วัคซีนจากรัสเซียเช่น เม็กซิโก อาเยนติน่า เวเนซุเอลา ปารากวัย ตกลงจะใช้วัคซีนรัสเซีย
    และประเทศในอัฟริกา เช่น Guinea , Central Afarica, Zimbamwe, Ivory Coast ก็เลือกจะใช้วัคซีนรัสเซีย
    ในเอเชียมีเพียงฟิลิปปินส์ที่สั่งวัคซีน Sputnik จำนวน 25 ล้าน dose
    อิหร่านเริ่มใช้วัคซีน Sputnik จากรัสเซียและจะผลิตวัคซีน Sputnik ในเดือนเมษายน
    ข้อดีของวัคซีน Sputnik V ก็คือสามารถเก็บในตู้เย็นธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเก็บใน super freezers ทำให้สะดวกในการเก็บและขนส่ง
    สำหรับวัคซีนจากอินเดียมีวัคซีนที่ผลิตเองสองบริษัท Institute of vaccine of India ประกาศว่าสามารถผลิตวัคซีน COVID-19 ได้ 500 ล้าน dose ต่อเดือน ปกติอินเดียผลิตวัคซีน 60%ให้ชาวโลก ประสิทธิภาพของวัคซีนอินเดียคงต้องคอยดูต่อไป แต่วัคซีนอินเดียก็ยังมีข้อสงสัยในการอนุมัติของ FDA อินเดีย
    Covax ได้จัดหาวัคซีนได้แล้ว 300 ล้านdose จากที่วางแผนไว้ 2 พันล้าน dose ในจำนวนนี้เป็นวัคซีนอินเดีย 200 ล้าน dose
    จากข้อมูลที่มีมาถึงปัจจุบันทำไปทำมา วัคซีน Sputnik จากรัสเซียดูจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวัคซีนจากจีนและอินเดีย สำหรับประเทศที่ไม่สามารถเสาะแสวงหาวัคซีนจากตะวันตก
    แต่สถานการณ์การกลายพันธ์ของ Covid ใน South Afarica ก็ทำให้วัคซีนจากตะวันตกอาจใช้การไม่ได้ดี จนรัฐบาล South Afarica ต้องล้มเลิกการใช้วัคซีน Astrazeneca เพราะมีข้อมูลว่าใช้ไม่ได้ผลสำหรับไวรัสกลายพันธ์ ทั้งๆที่ได้เสียเงินจองไปแล้ว อาจต้องเสียเงินฟรีหรือรออีก 6-7 เดือนสำหรับวัคซีนที่ Astrazeneca ที่จะปรับใหม่ให้ใช้กับไวรัสกลายพันธ์
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร









     

แชร์หน้านี้

Loading...