ติดตามสถานะการณ์

03.02.21

(สรุป) แถลงข่าว เรื่อง สถานการณ์โคโรน่าไวรัส ใน ประเทศนอร์เวย์

วันพุธที่ 03.02.21 เวลา 14.00 น. มีผู้เข้าร่วมการแถลงข่าว 4 ท่านคือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม Monica Mæland
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Bent Høie
ผู้อำนวยการสถาบัน FHI Bjørn Guldvog
Camilla Stoltenberg จาก สถาบัน FHI

1.รมต.ยธ Mæland กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาล ยังไม่มีการตัดสินใจประกาศใช้ เคอร์ฟิว ในประเทศนอร์เวย์ แต่อย่างใด และ ข้อเสนอของ รัฐบาล ได้รับการคัดค้านเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนจาก Helsedirektoratet ให้ประกาศใช้ เคอร์ฟิว ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป และ เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นอร์เวย์ จะไม่ไปอยู่ที่จุดนั้น

2.รมต.ยธ Mæland กล่าวว่า จากวันที่ 23-30 มค. จำนวนผู้ที่เดินทางมานอร์เวย์ ลดลงครึ่งหนึ่ง โดยลดลงจากนักเดินทางมากกว่า 3,000 คน ต่อวัน เหลือน้อยกว่าวันละ 1,500 คน ภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากที่ รัฐบาล ประกาศปิดพรมแดน

3.รมต.สธ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 08.02.21 เป็นต้นไปจะมีการอนุญาตให้ #เฉพาะ ผู้อยู่อาศัยในสถานพยาบาล ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็ม แล้ว สามารถพบญาติใก้ลชิดที่มาเยี่ยมได้ เนื่องจาก ผู้สูงอายุ จำนวนมากอาศัยอยู่กับ ข้อจำกัดที่เข้มงวด เกี่ยวกับการห้ามญาติมาเยี่ยมมาเป็นเวลานานแล้ว และ พนักงานของสถานพยาบาลได้ปฏิบัติตามกฎการควบคุมการติดเชื้อหลายประการอย่างเข้มงวดเช่นกัน และตลอดเวลาเวลาที่ ญาติ มาเยี่ยม สถานพยาบาล ยังคงต้องมีมาตรการ ควบคุมการติดเชื้อ ที่เข้มงวดตามเดิม

4.รมต.สธ Bent Høie เตือนว่า เรายังไม่ควรเปิดสังคมเร็วเกินไป และ เราไม่สามารถบอกได้ว่า การระบาดแพร่ระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นที่ใด ตัวเขาเองให้ความสำคัญกับการระบาดใน Ulvik และ Halden นี่เป็นการเตือนว่า ไวรัส สามารถโจมตีเราได้อย่างไม่คาดคิด และ แพร่กระจายได้รวดเร็วมาก

5.ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า ประเทศเดนมาร์ก กำลังจัดทำ พาสปอร์ตวัคซีน ซึ่งจะช่วยให้เดินทางไปทำธุรกิจต่างๆได้ง่ายขึ้น สำหรับ นอร์เวย์ ยังไม่ได้มีการตัดสินใจในเรื่องนี้

6.ผอ.FHI Bjørn Guldvog กล่าวว่า แนวโน้มโดยรวมของสถานการณ์การแพร่ระบาดใน ประเทศนอร์เวย์ ดูเหมือนจะดีขึ้น ในระดับเทศบาลหลายแห่ง เมื่อเร็ว ๆ นี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดลงอย่างช้าๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 291 รายจาก ทั่ว ประเทศนอร์เวย์ แต่ เนื่องจากการแพร่ะระบาดใน Østlandet รวมถึง พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธ์ ในเทศบาลอื่นๆ ทำให้เรายังต้องมีการเฝ้าระวังต่อไป

7.ได้ตรวจพบการแพร่ระบาดของ ไวรัสกลายพันธุ์ ใน Hardanger รวม 4 เทศบาลโดยรอบ Hardangerfjord ,Vestland ทำให้ เทศบาลต้องประกาศมาตรการเข้มงวดหลายประการ รวมถึงโรงเรียน และ โรงเรียนอนุบาล 5 แห่งจะปิดให้บริการ ส่วนที่เหลือจะอยู่ใน มาตรการระดับสีแดง

-------------------------
Credit Bent Høie
Holde avstand - รักษาระยะห่าง
Holde deg hjemme hvis du er syk - อยู่บ้านเมื่อคุณป่วย
Holde hendene rene - ล้างมือบ่อยๆ
Holde nede antall personer du møter - หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมาก


สรุปแถลงข่าว + มาตรการต่างๆ ย้อนหลัง ของปี 2021
https://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk


#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


ที่มา เวปไซต์รัฐบาล Regjeringen /NRK :
https://www.regjeringen.no/.../apner-for-mer.../id2831315
https://www.nrk.no/.../hoie_-det-blir-lov-a-klemme-igjen...

 

03.02.21

สืบเนื่องจาก นอร์เวย์ ปิดพรมแดน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทำให้ แรงงานต่างชาติหลายคนต้องตัดสินใจเลือกว่า จะกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัว หรือ จะเลือกงาน - เฉพาะใน อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เพียงอย่างเดียว แรงงานจำนวนราวๆ 70,000 คนจำเป็นต้องเลือกระหว่าง ครอบครัวและที่ทำงาน

1.Jimmy Lindkvist ชาวสวีเดน ทำงานที่ Hydro Extrusions Magnor, Eidskog แม้จะใช้เวลาเพียง 15 นาที ในการข้ามพรมแดนจาก นอร์เวย์ ไปยังบ้านของเขาที่อยู่ใน Eda ฝั่ง สวีเดน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่บ้านได้ หลังจากพรมแดนปิด เรื่องนี้นำไปสู่สถานการณ์พิเศษสำหรับ เขาและ แรงงานต่างชาติหลายคนที่ยังอยู่ในนอร์เวย์

2.Lindkvist กล่าวว่า เขาเข้าใจสถานการณ์ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ครอบครัวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของชายแดนนอร์เวย์ จะต้องอยู่โดยไม่มีเขาเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ และ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากหลายคนมี ครอบครัวที่มีลูกเล็ก ๆ และไม่ใช่ทุกคนที่ยังมีโอกาศได้ทำงานในเวลาเดียวกัน

Lindkvist และเพื่อนร่วมงานชาวสวีเดนมีทางเลือกว่าจะอยู่บ้านกับครอบครัวในสวีเดน หรือ ตกลงที่จะอาศัยอยู่ชั่วคราวในนอร์เวย์

3.ที่ Hydro Extrusions พนักงานมากกว่า 20 % อาศัยอยู่ในสวีเดน Morten Bråten CEO ของบริษัท กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าปวดหัวกับการปิดพรมแดนและบริษัทมียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก มีพนักงานชาวสวีเดน 9 คน จาก 21 คน เขารู้สึกดีใจมากที่หลายคนบอกว่าพวกเขาเต็มใจที่จะอาศัยอยู่ชั่วคราวในนอร์เวย์ เพื่อให้บริษัทยังสามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ ขณะนี้ฝ่ายบริหาร กำลังมองหาแรงงานทดแทนชั่วคราว

4.ทางด้าน ผู้อำนวยการ NHO ใน Innlandet มีความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจชุมชนแม้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การควบคุมการแพร่ระบาด แต่บริษัทต่างๆก้ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจทำให้ฝ่ายผลิตต้องหยุดทำงาน

5.ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างเพียงอย่างเดียว คาดว่า มีแรงงานต่างชาติราว 60,000-70,000 คนและประมาณครึ่งหนึ่งเป็น ชาวสวีเดน ผลที่ตามมาของการปิดพรมแดนสำหรับอุตสาหกรรมนี้จะหมายถึงความล่าช้าและการหยุดชะงักในโครงการก่อสร้างรวมถึงการผลิตวัสดุก่อสร้างอีกด้วย ขณะนี้อุตสาหกรรมต่างๆกำลังดำเนินการเพื่อให้ แรงงานต่างชาติ ทุกคนสามารถเดินทางไปทำงานได้อีกครั้ง และ รัฐบาล จะเริ่มพิจรณาเรื่องนี้ใหม่ในสัปดาห์หน้า

6.Lindkvist รู้สึกสงสัยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต หากกฎข้อบังคับปัจจุบันยังคงมีผลบังคับใช้เป็นเวลานาน เขาอาจต้องพิจารณาใหม่ว่าจะเลือกงานหรือครอบครัว เขาคิดถึงครอบครัวและไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่บ้านเช่นกัน

.....................................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk


#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Ann-Kristin Mo : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/.../jobb-eller-familie-er-valget-for...

 

03.02.21

"ข่าวนี้ยาวหน่อยแต่เนื้อหาดีมากค่ะ"

Mikkel Dagestad วัย 31 ปี ที่อาศัยอยู่ใน Henningsvær , Nordland เลือกที่จะเป็นผู้ว่างงาน มากกว่าที่จะทำงานใน อุตสาหกรรมประมง เนื่องจากได้รับค่าจ้างน้อยกว่าเงิน dagpenger ที่เขาได้รับจาก NAV

1.ฤดูกาลจับปลาหน้าหนาว ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ใกล้เข้ามาแล้วบวกกับผลกระทบของการปิดพรมแดนทำให้ขาดแคลนแรงงานต่างชาติ Mikkel Dagestad เป็นหนึ่งในผู้ว่างงานจำนวนหลายพันคน ที่ถูก permitter เนื่องจาการแพร่ระบาดของโคโรนา และได้รับเงิน dagpenger จาก NAV

2.Dagestad ได้รับคำแนะนำจาก NAV ให้สมัครงานในตำแหน่งคนงานตามฤดูกาลที่แผนกคัดแยกปลา เมื่อเขาติดต่อไป ก็มีโรงงาน 2 แห่งเสนอให้ทำงานให้เขา ในฐานะ คนงานประมงที่ไม่มีประสบการณ์ เขาจะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 184 Kr ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นค่าจ้างสุทธิสำหรับ การคัดแยกปลา

3.นอกจากนี้ข้อเสนอที่เขาได้รับนั้นเรียกว่า "สัญญา 0 ชั่วโมง" ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่ได้รับการประกันเงินเดือนประจำ และ ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ บางวันอาจมีการทำงานล่วงเวลาที่ยาวนาน หรือวันต่อๆมาอาจไม่มีงานเลย แต่เขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอที่จะถูกเรียกไปทำงาน
*ตั้งแต่วันที่ 01.01.2019 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงของ arbeidsmiljøloven เกี่ยวกับการจ้างงานถาวร ซึ่งหมายความว่าพนักงานจะต้องได้รับการรับรองอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ดังนั้นจึงต้องระบุขอบเขตของงานในสัญญาจ้าง และ กฎใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับสิ่งที่เรียกว่า "สัญญาศูนย์ชั่วโมง - nulltimers-kontrakter " ค่ะ แต่ในปัจจุบัน ยังคงมีบางบริษัทที่ยังใช้ระบบนี้อยู่"

4.หลังจากที่รู้รายละเอียดของงาน Dagestad เข้าใจเป็นอย่างดีว่า เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าปลาจะมาถึงโรงงานเมื่อใด แต่ความไม่แน่นอนในเรื่องของเวลาการทำงานนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นในค่าจ้าง ผิดกับงานชนิดอื่นๆ ที่แม้ว่าจะทำงานด้วยค่าจ้างรายชั่วโมงจะต่ำ แต่ก็มี % การทำงานที่คง รวมถึงมีเงื่อนไขสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยอีกด้วย

5.Dagestad ทำงานใน ร้านกาแฟ และยังทำงานเป็นคนเลี้ยงผึ้งในช่วงฤดูร้อน กล่าวว่า ในช่วงที่โคโรนาระบาดเขาถูกปลดออกจากงาน 80% ค่าจ้างรายชั่วโมงของงานนี้ น้อยกว่าเงิน dagpenger ที่ NAV จ่ายให้เขาเสียอีก แม้ว่าการจ่ายเงินของ โรงงานปลา นั้นค่อนข้างแย่ แต่เมื่อเขาไม่มีงานทำเขาก็ควรจะรับงานนี้ไว้ เพราะการอยู่เฉยๆเพื่อรับเงินช่วยเหลือนั้นมันดูไม่ดีเอาเสียเลย

6.เพราะเหตุใด อุตสาหกรรมประมง จึงจ่าย ค่าจ้างที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในนอร์เวย์มากนัก? Dagestad คิดว่าเงินเดือนที่เหมาะสมควรจะใกล้เคียงกับ 220 Kr ต่อชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับเงินเดือนเฉลี่ยที่ 47,000 Kr ก่อนหักภาษี เมื่อเปรียบเทียบกับร้านกาแฟที่เขาทำงานอยู่ แม้กระทั่งแรงงานไร้ประสบการณ์ ก็ยังได้ค่าจ้างที่ดีกว่า พนักงานในแผนกคัดเลือกปลาอยู่ดี

จากการคำนวณของเขาเองค่าจ้างรายชั่วโมงก่อนเลิกจ้างคือ 301 Kr เขาได้รับ Dagpenger คือ 216 Kr ในขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงที่แผนกคัดเลือกปลาคือ 184 Kr

7.ทางด้าน Robert Eriksson CEO ขององค์กรธุรกิจ Sjømatbedriftene กล่าวว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องราวที่ Dagestad บอกเล่า แต่ อุตสาหกรรมประมงนั้น มีการกำหนดค่าจ้างตามข้อตกลงระหว่าง NHO (สหภาพแรงงานแห่งนอร์เวย์) และ LO (สมาพันธ์สหภาพแรงงานแห่งนอร์เวย์) นอกจากนี้เรายังไม่คิดว่า อุตสาหกรรมการประมง จะจ่ายเงินน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ บริษัทที่เป็นสมาชิกของเราระบุว่าพวกเขามีค่าจ้างและเงื่อนไขการทำงานที่สามารถปรับขึ้นได้ และ อัตราค่าจ้างที่ Dagestad บอกเล่านั้น เป็นปรกติของ ค่าแรงเริ่มต้นสำหรับ บุคคลที่ไม่มีทักษะ
* ในข่าวมีตัวอย่างค่าจ้างของแต่ละสาขาอาชีพค่ะ สามารถเข้าไปดูได้ค่ะ*

8.ทางด้าน Cathrine Stavnes หัวหน้าของ NAV ใน Nordland กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ได้ยินว่ามีคนปฏิเสธงานในสภาวะเช่นนี้ โดยพื้นฐานแล้ว NAV คาดหวังว่าจะมีบริษัทซักแห่งยอมรับคนเข้าทำงาน ในสถานการณ์ที่คุณถูกปลดออกจากงาน NAV ไม่มีการประเมินที่เข้มงวดเช่นเดียวกับที่เคยมีตามปกติ หากคุณตกงานอย่างสิ้นเชิงไม่แน่ใจว่า Nav จะยอมรับการปฏิเสธการเข้าทำงานหรือไม่

.....................................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk


#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Susanne Skjåstad Lysvold : Journalist
Benjamin Fredriksen : Journalist
Emil H. Indsetviken : Journalist
Kristin Skjefstad Isaksen : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/.../mikkel-ble-tilbudt-lavere-lonn-pa...

 

#จีน ปฏิเสธ “รู้เห็นเป็นใจ” #รัฐประหารพม่า คนวงในเผย มินอ่องหล่ายแจ้ง #หวังอี้ เรื่องโกงเลือกตั้ง สหประชาชาติปิดประตูหารือคว่ำบาตร แต่ยังตกลงกันไม่ได้

วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ไม่เป็นความจริงที่ว่าจีนสนับสนุนหรือรับรู้ในทางลับต่อรัฐประหารใน #เมียนมา จีนหวังว่าฝ่ายต่าง ๆ ในพม่าจะแก้ปัญหาความแตกแยกภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยทางการเมืองและสังคม
.
กระแสข่าวเรื่องจีนรู้ล่วงหน้าต่อการยึดอำนาจในพม่า เกิดขึ้นเพราะ 20 วันก่อนเหตุรัฐประหาร นายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เดินทางเยือน #พม่า และพบกับนางอองซานซูจี ประธานาธิบดีวินมินท์ รวมทั้งพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย นายทหารผู้ทำการรัฐประหาร และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในพม่าขณะนี้
.
ผู้ใกล้ชิดในการหารือระหว่างหวังอี้-มินอ่องหล่าย เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่า ผบ.สส.พม่าได้แจ้งกับรมต.ต่างประเทศจีนว่า การเลือกตั้งมีการทุจริต ซึ่งนายหวังอี้ได้ตอบเพียงว่า กองทัพควรมีบทบาทที่ “ถูกต้อง” และสร้างสรรค์เชิงบวกต่อประเทศ จีนหวังว่ากองทัพจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

นี่คือสิ่งที่ รมต.ต่างประเทศจีนพูดกับผู้นำทหารพม่า แต่ไม่รู้ว่ามินอ่องหล่ายจะตีความว่าได้ส่งสัญญาณรัฐประหารให้ฝ่ายจีนรับรู้หรือไม่ ? กองทัพพม่าอ้างว่า การประหารภาวะฉุกเฉินเป็นการ “พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” เพราะรัฐธรรมนูญพม่าเปิดช่องให้ถ่ายโอนอำนาจการปกครองประเทศมาสู่ผู้นำทหารได้ในกรณีที่เกิดเหตุวิกฤตในประเทศ
.
สหประชาชาติยังไม่มีมติคว่ำบาตร จีน-รัสเซียยื้อ
.
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังหารือแบบปิดลับ ตามข้อเสนอของอังกฤษถึงเหตุรัฐประหารในพม่า ผู้ที่อยู่ในที่ประชุมระบุโดยไม่เปิดเผยตัวว่า ผู้แทนจากยุโรปได้เตรียมร่างแถลงการณ์ฉบับหนึ่งที่เรียกร้องให้ “ฟื้นคืนประชาธิปไตยในพม่า”
.
ร่างแถลงการณ์นี้ถือว่า “แรง” พอตัว เพราะมีการประณามการกระทำของกองทัพพม่า พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจีและผู้ที่ถูกจับกุมตัวไปทั้งหมด ทูตเอสโตเนีย ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมสนับสนุนร่างแถลงการณ์นี้ และให้เดินหน้ากดดันคณะทหารของพม่า

แต่การออกแถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงจำเป็นต้องมีมติเอกฉันท์จากสมาชิก 15 ประเทศ แต่จีนและรัสเซียบอกว่าต้องส่งแถลงการณ์ไปให้รัฐบาลของตนพิจาณาก่อน ทำให้ยังไม่สามารถออกแถลงการณ์ได้ในขณะนี้
.
คาดว่ารัฐบาลจีนที่ใกล้ชิดกับทุกฝ่ายในพม่า และมีผลประโยชน์มากมายมาเนิ่นนานจะเลือก “ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” ไม่ยอมให้สหประชาชาติประณามหรือคว่ำบาตรต่อพม่า.

 

#ญี่ปุ่น รับรองแก้ไขกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ ลงโทษทั้งบุคคลและธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรับมือ #โควิด

ผู้ติดเชื้อที่ปฏิเสธการรักษาหรือกักตัวมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 เยน (ราว 150,000 บาท)
.
ผู้ที่ไม่แจ้งเส้นทางการติดเชื้อหรือไม่ให้ข้อมูลมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 เยน (ราว 100,000 บาท)
.
ร้านอาหารและธุรกิจที่ไม่ร่วมมือลดเวลาทำการ มีโทษปรับไม่เกิน 300,000 เยน (ราว 100,000 บาท)
อ่านเพิ่มเติมที่ https://mgronline.com/japan/detail/9640000011219

 

ผู้เชี่ยวชาญ #ญี่ปุ่น เผยสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อ #โควิด มากที่สุด คือ ร้านอาหาร สถานออกกำลังกาย ร้านกาแฟ และโรงแรม
อ่านรายละเอียดที่ https://mgronline.com/japan/detail/9640000009062

 

#ลมฟ้าอากาศ (4 ก.พ.) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศว่าในวันนี้ลมฤดูใบไม้ผลิแรก หรือ “ฮารุอิจิบัง 春一番” พัดเข้าเขตคันโตแล้ว เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

เคยเร็วที่สุดคือ 5 ก.พ. 1988



#ความรู้รอบเอว
แบบไหนถึงจะเรียก ลมฤดูใบไม้ผลิแรก ฮารุอิจิบัง 春一番
พัดหลังวันริกชุน-วันชุนบุน春分 (วันที่กลางวันกลางคืนเท่ากัน)
เช่น ปีนี้ถ้าพัด 3 ก.พ. เรียกลมฤดูใบไม้ผลิแรก ฮารุอิจิบัง 春一番 ถ้าพัดก่อนวันที่ 3 ก.พ. เรียก “ลมแรง” เฉย ๆ
ต้องมีความกดอากาศต่ำในทะเลญี่ปุ่น
 ลมกระโชกแรงจากทางใต้ (ความเร็วสูงสุดในโตเกียวเกิน 8.0 m/s ขึ้นไป) และ อากาศอุ่นขึ้น

คืนนี้หนาวนะคะ โปรดระวังเป็นหวัด

関東地方で「春一番」吹く　過去最も早い発表に - ウェザーニュース https://weathernews.jp/s/topics/202102/030105/
Source: WeatherNews

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ลมฟ้าอากาศ #ฮารุอิจิบัง

 

เตือน !!! 7 – 10 ก.พ. 64 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุม !!!
เตือน!!! ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เฝ้าระวัง ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ !!!
ส่วนวันนี้(4กพ.64) 24 ชม.ข้างหน้า ต่อเนื่องถึงวันที่ 6 กพ. อากาศจะเย็นลง อุณหภูมิลด1-2 องศา ปีนี้หนาวดีแท้ๆ แม้ไม่หนาวหนัก แต่หนาวนานนะ ว่ามั๊ย!!!
อยู่ที่ไหน ฝนตกแดดออก บอกต่อข้อมูล แจ้งเหตุ เตือนภัยกันได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม...สวัสดี ในวันที่อุณหภูมิลด ขอรับ กระผ้ม!!!

 

1 > นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบกิ้งก่าสายพันธุ์ใหม่ตัวเล็กจิ๋วในป่าฝนทางตอนเหนือของมาดากัสการ์ มันได้ชื่อว่า "กิ้งก่านาโน" เพราะมีขนาดประมาณเมล็ดทานตะวัน และสามารถยืนได้พอดีกับปลายนิ้วของมนุษย์ ด้วยขนาดเท่านั้นมันอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดในโลกเท่าที่เคยพบมา

2 > กิ้งก่านาโนมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brookesia nana หรือ B. nana มันมีขนาดเล็กมากจนนักวิทยาศาสตร์คิดว่าพวกมันจะอยู่รอดได้ด้วยอาหารจำพวกไรและแมลงหางดีดซึ่งล่าได้ตามเศษใบไม้บนพื้นดิน

3 > จากการวัดจากหัวจรดหางพบว่าตัวผู้มีความยาวน้อยกว่า 14 มม. และตัวเมียมีความยาว 19 มม. นักวิจัยที่นำโดย Frank Glaw ชี้ว่า ขนาดที่เล็กจิ๋วรวมถึงแหล่งที่พบพวกมันยังที่มีพื้นที่เล็กๆ ทำให้พวกมันไม่ถูกค้นพบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้

4 > กิ้งก่าจิ๋วนี้มีลิ้นที่ตวัดออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนกระสุนเช่นเดียวกับกิ้งก่าอื่นๆ เพื่อใช้ในการจับเหยื่อ พวกมันจะออกหากินในเวลากลางวันและแล้วหลบเข้าไปในที่ปลอดภัยตามใบหญ้าในเวลากลางคืน

5 > ถ้าหากสัตว์นักล่าตัวใหญ่กว่าเข้ามาใกล้ๆ ในความมืด มันจะรู้ได้จากความเคลื่อนของก้านหญ้า กิ้งก่านาโนจะรู้ได้ถึงอันตรายเมื่อถึงจุดนั้นมันจะปล่อยตัวเองให้ตกลงไปบนพื้นซึ่งมีเศษใบไม้ทับถม

6. > จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์พบเห็นมันแค่เพียง 2 ตัว ตัวผู้หนึ่งตัวและตัวเมียอีกหนึ่งตัว ซึ่งแต่ละตัวถูกจับได้ในปี 2555 ในสถานที่เดียวกัน ระหว่างการเดินทางสำรวจเทือกเขาโซราตาของมาดากัสการ์ที่หนาวเย็นและมีฝนชุก

7 > เนื่องจากมันมีแค่ 2 ตัวและพบที่เดียวกันทำให้เรามีความรู้ที่จำกัดมากเกี่ยวพับพวกมัน และทำให้ยากที่จะประเมินการกระจายตัวและสถานะการอนุรักษ์ของสัตว์ชนิดนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ

8 > ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลว่าในเวลาไม่นานหลังจากเปิดเผยเรื่องนี้ กิ้งก่านาโนอาจถูกขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในสถานะวิกฤต และพวกมันอาจถูกระบุว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กสุดด้วยแล้วมันยิ่งพิเศษเกินกว่าจะสูญเสียไป

9 > ตอนนี้นักวิจัยยังแค่คาดการณ์ว่ากิ้งก่านาโนตัวนี้อาจถือเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดในโลก คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดของมันคือสายพันธุ์กิ้งก่า Brookesia micra ที่พบในมาดากัสการ์เหมือนกันเมื่อปี 2555 โดยมันเล็กขนาดยืนบนหัวไม้ขีดไฟได้และตอนนั้นถูกประกาศว่าเป็นกิ้งก่าชนิดที่เล็กที่สุดในโลก

10 > National Geographic ที่รายงานการค้นพบนี้บอกว่าการที่พบมันแค่ 2 ตัวก็อาจเป็นไปได้ว่ากิ้งก่าตัวอื่นๆ ในสายพันธุ์นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าได้เช่นกัน

11 > นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าเมื่อใดที่สัตว์ตัวเล็กแบบนี้จะโตเต็มวัยอย่างแท้จริง และอันที่จริงนักวิทยาศาสตร์รู้อยู่แล้วว่ากิ้งก่าในวงศ์นี้มีแนวโน้มที่จะมีเพศเมียตัวใหญ่และตัวผู้ตัวเล็กกว่า

12 > แต่โชคดีที่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ส่งตัวเมียไปตรวจด้วยเครื่อง Micro-CT scan เขาพบหลักฐานยืนยันคือไข่ในรังไขแสดงว่ามันเป็นตัวเต็มวัย และขนาดเต็มวัยก็เล็กเท่านี้

ข้อมูลจาก
• Jason Bittel. (FEBRUARY 1, 2021). "New chameleon species may be world’s smallest reptile". National Geographic.
• Glaw, F., Köhler, J., Hawlitschek, O. et al. Extreme miniaturization of a new amniote vertebrate and insights into the evolution of genital size in chameleons. Sci Rep 11, 2522 (2021). https://doi.org/10.1038/s41598-020-80955-1

 

ครม.เห็นชอบให้กรมศุลกากร และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดให้มีระบบการตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวดให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน เพื่อป้องกันการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย หรือการสำแดงเท็จ
.
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รับทราบมาตรการการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นผู้เสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
.
เห็นชอบให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดเงื่อนไขการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว เพื่อควบคุมชนิดและปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ โดยกำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ ได้ยกเลิกการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำ 428 รายการ โดยออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 ประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์
.
เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อจำกัดในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้ามาเป็นปริมาณมากเกินศักยภาพการรองรับของโรงงานและเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบมีไม่เพียงพอ
.
เมื่อตรวจสอบไม่ครบทุกตู้คอนเทนเนอร์ทำให้การลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่ไม่เป็นไปตามที่กำหนดเข้ามาในประเทศ รวมทั้งไม่มีระบบการตรวจสอบเส้นทางการนำเข้าจากท่าเรือถึงโรงงานรับกำจัดตามที่แสดงในใบขออนุญาต ดังนั้นให้กรมศุลกากร และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดให้มีระบบการตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวด
.
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดกฎหมายหรือการสำแดงเท็จ ระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 6 เดือน
.
ด้านการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ พบว่าสถานที่รับคืนขยะอิเล็กทรอนิกส์และงบประมาณในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์มีจำกัด จึง
ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (อปท.) กรมการปกครอง และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดสถานที่รับคืนขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประชาชนและนำไปจัดการอย่างถูกต้อง
.
และจัดทำระบบการติดตามตรวจสอบและรายงานผลเพื่อกำกับดูแลให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง โดยให้สนับสนุนด้านงบประมาณ บุคลากร และสถานที่ในการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ฯลฯ
.
อ่านมติ ครม.ฉบับเต็มในข้อที่ 17 ได้ที่ https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/38803

 

ในสถานการณ์ที่ไฟป่ากำลังเริ่มลุกลาม จุดความร้อน (Hotspot) กำลังแดงฉานบานสะพรั่งทั่วพื้นที่ภาคเหนือและหลายจังหวัด ล่าสุด ครม.เพิ่งทราบว่าแผนยังร่างไม่เสร็จ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 รวม 3 ครั้ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ

1. การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 เรื่อง การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต

1.1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกข้อบังคับต่าง ๆ ได้แก่ 1) ข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากวงแหวนรัชดาภิเษกขยายเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก และ 2) ข้อบังคับหรือระเบียบตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เพื่อห้ามรถบรรรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป เข้ามาในพื้นที่ชั้นในของ กทม. ในวันคี่ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนวันคู่ให้เข้ามาได้ตามช่วงเวลาที่กำหนด

1.2 กรมการขนส่งทางบกตรวจวัดควันดำอย่างเข้มงวดกับรถโดยสารทุกคัน โดยเพิ่มชุดตรวจเป็น 50 ชุด ใน 50 เขตของ กทม.
1.3 กรมโรงงานอุตสาหกรรมตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง หากพบว่า ไม่เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนด สั่งให้ปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือสั่งหยุดการประกอบกิจการ

1.4 กทม. แก้ไขปัญหาการจราจรจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยกำกับให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากไม่ปฏิบัติตามให้ระงับการก่อสร้างและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง

1.5 จังหวัดต่าง ๆ (ยกเว้น 9 จังหวัดภาคเหนือ) ออกเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นควบคุมการเผาขยะมูลฝอย หญ้า พืชไร่ พืชสวน ตอซังข้าว หรือสิ่งอื่นใด และเข้มงวดในการควบคุมยานพาหนะใช้งานอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง - ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และบังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในอำนาจอย่างเข้มงวด

#มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯคือ
- ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็น Single command
- ให้หน่วยงานต่าง ๆ สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน
- ให้ ทส. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านวิชาการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาลงนาม

2. การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เรื่อง ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ใน กทม. และปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน

2.1 ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ใน กทม. และปริมณฑล ดังนี้
2.1.1 มาตการเพิ่มเติม ระยะเร่งด่วน (ปี 2563) เช่น สนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ/รถยนต์ไฟฟ้า หรือทางเลือกอื่นที่ไม่ก่อมลพิษ ตรวจจับรถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้งหรือมีการถอด Catalytic Converter หรือ DPF และให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติงานจากบ้าน

สำหรับระยะกลาง-ระยะยาว (ปี 2563 -2567) ได้แก่
1) ภาคคมนาคมขนส่ง (เช่น กำหนดค่าปรับและบทลงโทษกรณีที่มีการถอด DPF ออกจากรถยนต์สร้างระบบ Citizen Watch ให้ประชาชนรายงานป้ายทะเบียนของรถควันดำและพิจารณาการเข้าน้ำมันที่มีมาตรฐานยูโร 5 จากต่างประเทศมาใช้ในระยะสั้น)
2) ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง (เช่น ห้ามเผาในพื้นที่เขตชุมชนเด็ดขาดและมีบทลงโทษกับผู้ก่อมลพิษทางอากศ)

3) ภาคอุตสาหกรรม (เช่น รายงานข้อมูลการระบาย การปลดปล่อย และเคลื่อนย้ายมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและเพิ่มมาตรการควบคุมแหล่งกำเนิดจากอุตสาหกรรมและตึกสูงใน กทม.ที่ใช้ Boiler)

4) ด้านการเงินการคลัง (ลดหย่อนภาษีหน้ากากอนามัยเครื่องฟอกอากาศ รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสนับสนุนการลดภาษีให้กับสถานประกอบการที่ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ)

5) ด้านการศึกษาวิจัย (ศึกษาการใช้เครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างง่ายสำหรับรายงานข้อมูลให้กับประขาขน) และ 6) ด้านสาธารณสุขและอนามัย (เช่น สำรองหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ และส่งสริมให้โรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงมีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องเรียน)

2.1.2 การสื่อสารประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความตระหนกและร่วมมือในการลดฝุ่นละออง
2.1.3 นโยบายสาธารณะ ดำเนินมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และข้อเสนอจากคณะอนุกรรมการด้านวิชาการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศที่มีผลกระทบต่อประชาชน

2.2 ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคเหนือ 9 จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน โดยให้ดำเนินการตามนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือปี 2563 ส่วนมาตรการและแนวทางที่เสนอเพิ่มเติมสรุปได้ ดังนี้
2.2.1 มาตรการเพิ่มเติม ระยะเร่งด่วน (2563) เช่น วางแผนการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ และการจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า

สำหรับระยะกลาง-ระยะยาว (ปี 2563-2567) เช่น 1) ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง (เช่น ส่งเสริมให้มีตลาดเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับเก็บเกี่ยวและจัดการแปลงแทนการเผา และเพิ่มส่วนต่างราคารับซื้ออ้อยไฟไหม้และอ้อยสด) 2) ด้านการเผาในที่โล่งในพื้นที่ป่าไม้และชุมชน (เช่น ให้บริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ ส่งเสริมงานวิจัยพื้นที่ต้นแบบในการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และมาตรการห้ามเผาควรทำควบคู่กับการจัดระเบียบการเผา)

และ 3) ด้านการเงินการคลัง (พิจารณายกเว้นภาษีสำหรับเงินที่บริจาคให้กับเจ้าหน้าที่และจิตอาสาในการดับไฟป่า)

2.2.2 ให้สื่อสารประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้เกิดความร่วมมือในการลดฝุ่นละออง
2.2.3 ดำเนินมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และข้อเสนอจากคณะอนุกรรมการด้านวิชาการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศที่มีผลกระทบต่อประชาชน เช่น การทำเกษตรปลอดการเผา และสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรปลอดการเผา

#มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯคือ
- ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”*
- เห็นชอบข้อเสนอเพิ่มเติมแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ใน กทม. และปริมณฑล ภาคเหนือ 9 จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควันและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
- ให้ ทส. โดยกรมควบคุมมลพิษและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนโยบายสาธารณะต่อไป

[หมายเหตุ : * ทส. ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ มุ่งให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นกรอบดำเนินการในภาพรวมสำหรับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่วิกฤต โดย ทส. จะดำเนินการตามร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ต่อไป #ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างแผนปฏิบัติการฯ (พ.ศ. 2563) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ]

3. การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 เรื่อง การเสริมสร้างการรับรู้เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 สู่สาธารณะ
3.1 แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงวิกฤต ปี 2563-2564 ประกอบด้วย

1) การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากการจราจร
2) การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากอุตสาหกรรมและการแก้ไขปัญหาจากการเผาในที่โล่ง

และ 3) ข้อเสนอด้านกฎหมายในการรับมือวิกฤตฝุ่นละออง ทั้งนี้ การดำเนินการในช่วงวิกฤตฝุ่นละออง PM2.5 แบ่งตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ โดยระดับที่ 1-3 ให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ส่วนระดับที่ 4 (ค่า PM2.5 มีค่ามากกว่า 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ให้เสนอ กก.วล. พิจารณาและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

3.2 ข้อเสนอด้านการสื่อสารสร้างการรับรู้เรื่อง PM2.5 ต่อสาธารณชน เพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความข้าใจเรื่องฝุ่นละออง PM2s ต่อสาธารณะ ประกอบด้วย
1) แผนการประชาสัมพันธ์และสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเน้นฝุ่นละออง PM2.5

และ 2) กลไกการขับเคลื่อนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เช่น การมีศูนย์ข้อมูลฝุ่นละออง PM2.5 และการสร้างช่องทางการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ภายใต้ กก.วล. เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชน

#มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯคือ
- เห็นชอบข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองฯ และข้อเสนอด้านสื่อสารสร้างการรับรู้ฯ

ขอบคุณภาพ: Nikom Putta

 

1 > The Greta Thunberg Effect (ผลสะเทือนจากเกรต้า) คือสิ่งที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วง 2 - 3 ปี มันคือผลลัพธ์จากการที่ผู้คนรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเกรต้า ธันเบิร์ก และทำให้พวกเขาหันมาสนใจกับปัญหาโลกร้อนมากขึ้น แต่ The Greta Thunberg Effect เป็นแค่การตั้งข้อสังเกต ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน

2 > จนกระทั่งมีการศึกษาใหม่ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ในวารสารวิชาการด้านจิตวิทยา Journal of Applied Psychology จากการทำแบบสอบถามและวิเคราะห์สถิติชาวอเมริกัน จำนวน 1,303 คน พบว่า "พลังของเกรต้า" ทำให้ผู้คนในสหรัฐอเมริกามีส่วนร่วมในการลงมือแก้ไขปัญหาการด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้น

3 > นักวิจัยขอให้ผู้ตอบแบบสอบถามจัดอันดับหัวข้อสองสามหัวข้อ เช่น พวกเขาคุ้นเคยกับเกรต้าแค่ไหน แล้วอุดมการณ์ทางการเมืองของพวกเขาเป็นอย่างไร พวกเขาคิดไหมว่าพลเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อรัฐบาลและธุรกิจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ และพวกเขาสนับสนุนนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศมากเพียงใด

4 > ในท้ายที่สุดนักวิจัย พบว่า การทำความคุ้นเคยกับตัวตนและเรื่องราวของเกรต้า ธันเบิร์ก กระตุ้นให้คนทุกช่วงวัยเกิดความตั้งใจในการร่วมกันแก้ปัญหาตามอุดมการณ์ของเกรต้า ผู้วิจัยเชื่อว่าสิ่งนี้บ่งชี้ว่าเกรต้าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการกระทำร่วมกันระหว่างบุคคลทุกวัยไม่ใช่แค่ Gen Zers ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกับเธอ

5 > นอกจากนี้ นักวิจัยพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างความชอบและทำตามเกรต้าในหมู่ผู้ที่ชอบการเมืองแบบเสรีนิยม แต่ที่น่าสนใจก็คือความสัมพันธ์นี้ยังปรากฏอยู่ในกลุ่มอนุรักษ์นิยมด้วย นักวิจัยจึงเชื่อว่า "พลังของเกรต้า" ได้แทรกซึมไปทุกมิติทางการเมืองไม้เว้นแม้แต่กลุ่มที่มักตั้งแง่กับปัญหาโลกร้อน

6 > ถามว่า "พลังของเกรต้า" ที่เปลี่ยนใจของผู้คนคืออะไร? Sophie Hirsh นักข่าวด้านสิ่งแวดล้อมบอกว่า มันเกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นใครบางคนที่ยังเด็กมากแต่พูดตรงไปตรงมาเกี่ยวกับวิกฤตสภาพอากาศ เด็กคนนี้ยังล่องเรือข้ามมหาสมุทรเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางทางอากาศที่เป็นมลพิษ เธอยังกล่าวสุนทรพจน์ที่น่าทึ่งต่อหน้าผู้นำระดับโลกและอื่นๆ อีกมากมาย

7 > ในตอนนี้เกรต้ายังสนับสนุนผู้ประท้วงสภาพภูมิอากาศของนักศึกษารุ่นเยาว์ในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนามอย่างเปิดเผยเพื่อต่อต้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหวุงอัง 2 ในเวียดนาม นักศึกษาในเอเชียคัดค้านโรงไฟฟ้าโดยกล่าวว่าการเพิ่มโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะส่งผลร้ายแรงต่อคนรุ่นต่อไป

8 > ในวิดีโอทวีที่เผยแพร่โดยกลุ่ม Fridays for Future สาขาญี่ปุ่นที่เกรต้าก่อตั้งขึ้นเธอได้ประกาศการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อแคมเปญ No Coal for Our Future ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อหยุดการระดมทุนไปยังโรงไฟฟ้าถ่านหิน เกรต้ายังบอกกับผู้ประท้วงของนักศึกษาในเอเชียว่าพวกเขาทุกคนกล้าหาญมากและโปรดรักษาความกล้าหาญนี้ไว้และอย่ายอมแพ้

9 > โครงการนี้เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นตรงที่รัฐบาลเวียดนามได้ขอให้ Mitsubishi Corp จากญี่ปุ่นก่อสร้างโรงงานดังกล่าวเพื่อต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนพลังงานในแต่ละวันในฮานอย และโรงไฟฟ้าถ่านหินจะมีค่าใช้จ่ายในการสร้างน้อยกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือก๊าซธรรมชาติเหลว แต่มันจะสร้างมลภาวะที่เลวร้าย โรงงานพลังไฟฟ้าถ่านหินจึงเป็นศัตรูของนักเคลื่อนไหวทั่วโลก แต่รัฐบาลเวียดนามยังสวนทางกระแสต่อต้านนี้

10 > ระหว่างการประชุม WEF ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เกรต้ายังสะท้อนถึงปัญหาโลกร้อนที่ผู้นำโลกได้แต่พูด แต่ลงมือทำคนละอย่างว่า "หากมีเพียงผู้นำที่ดีพอที่จะลงมือปฏิบัติจริงตามที่กล่าวสุนทรพจน์ ... ตอนนี้เราก็จะพ้นจากอันตรายไปแล้ว"

ข้อมูลจาก
• Sophie Hirsh. (JAN. 28 2021). "Scientific Study Proves That the "Greta Thunberg Effect" Is Real". Green Matters.
• Mette Larsen (February 2, 2021). "Greta Thunberg encourages Asian student protesters to speak up against Vietnamese coal plant". ScandAsia.
ภาพจาก Twitter Greta Thunberg

 

ภายหลังประชาชนใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กว่า 50 คน ร้องเรียนว่าโรงงานน้ำตาล บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด อ.พิมาย ก่อมลพิษเสียงดัง ควันดำและฝุ่นจากกากอ้อย ทั้งกลางวันและกลางคืน ล่าสุดสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11(สสภ.11/นครราชสีมา) กรมควบคุมมลพิษ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าฯ นครราชสีมา ได้เป็นประธานประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบร่วมกับผู้แทนฝ่ายต่างๆ ได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา ดังนี้
.
1. ให้ สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา และ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา รายงานผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดในรายงาน EIA เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
.
2. ให้ สสอ.พิมาย ตรวจคัดกรองสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และประสานรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่มาให้บริการตรวจสุขภาพของประชาชนกลุ่มที่มีความเสี่ยง โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด
.
3. สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา จะออกคำสั่งให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขการจัดเก็บและขนส่งกากอ้อย รวมทั้งกรมโรงงานให้ตรวจวัดคุณภาพอากาศหลังปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จ
.
4. คพ.จะตรวจสอบคุณภาพอากาศ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และรายงานผลการตรวจสอบให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมาทราบ
.
5. ให้โรงงานทำแผนแก้ไขปัญหาและแผน CSR ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564
.
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อม คพ.โดย สสภ. 11 ซึ่งเป็นหน่วยงานในพื้นที่จะต้องติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด ดูแนวทางการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มจุดตรวจวัดทั้งอากาศ เสียง และกลิ่น ตามแนบท้าย EIA แนวทางการทำ Buffer ที่ไม่กระทบชุมชน และแนวทางการเทกองกากชานอ้อย ให้คำปรึกษาการทำแผน CSR และการช่วยเหลือเยี่ยวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ได้รับผลกระทบ
.
สำหรับหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมกับรองผู้ว่าฯ ประกอบด้วย กอ.รมน. อำเภอพิมาย สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา สนง.สาธารณสุขอำเภอพิมาย ผู้แทนบริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด อบต.หนองระเวียง ตำรวจภูธรอำเภอพิมาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

 

1 > ปกติแล้วแคปซูลกาลเวลา (Time capsule) จะเก็บสิ่งของที่เป็นความทรงจำยุคปัจจุบันเอาไว้และจะถูกฝังไว้เพื่อรอการมาขุดค้นอีกนานหลายปีหลังจากนั้น เพื่อให้คนในอนาคตหรือตัวเราในวันหน้าได้กลับมาสัมผัสกับเรื่องราวในอดีตที่เก็บไว้ภายในอีกครั้ง ประเด็นก็คือแคปซูลกาลเวลาต้องถูกฝังทิ้งไว้นานมาก บางครั้งถูกทิ้งจนลืมข้ามยุคสมัย

2 > เมื่อปี 2562 สมาชิกของเรือตัดน้ำแข็งของรัสเซียที่ชื่อ 50 Years of Victory รวมกันเก็บความทรงจำเอาไว้ในแคปซูลกระบอกโลหะแล้วพวกเขาฝังมันไว้ในก้อนน้ำแข็งเมื่อไปถึงขั้วโลกเหนือ ด้วยความตั้งใจที่จะให้แคปซูลนี้ถูกพบในอนาคต ซึ่งไม่ใช่อนาคตอันใกล้แน่ๆ เพราะมันอยู่ในก้อนน้ำแข็งตลอดกาลที่ไกลถึงขั้วโลกเหนือ

3 > แต่เรื่องเหลือเชื่อและน่าวิตกก็เกิดขึ้น เมื่อแคปซูลซึ่งบรรจุจดหมาย รูปถ่าย เมนู และจุกไวน์ ถูกพบขณะลอยน้ำทะเลอยู่ในเขตดันกัล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์ซึ่งห่างจากจุดที่ถูกฝังในน้ำแข็งไกล 3,700 กิโลเมตรในเวลาเพียงสองปีต่อมา ซึ่งถูกพบโดยนักโต้คลื่นชื่อ คอเนอร์ แมคคลอรี่ ที่บอกกับสื่อท้องถิ่นว่าตอนแรกเขานึกว่ามันเป็นระเบิดซะอีก

4 > Donegal Daily สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เพื่อนของเพื่อนแมคคลอรี่ที่เป็นชาวรัสเซียช่วยแปลภาษรัสเซียที่สลักไว้บนแคปซูลและบอกว่าเป็นแคปซูลกาลเวลา เขาจึงเปิดและพบข้อความในภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษจากการสำรวจขั้วโลกของเรือ 50 Years of Victory

5 > จดหมายฉบับหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษลงวันที่ 4 สิงหาคม 2562 กล่าวว่า “ทุกสิ่งรอบตัวถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เราคิดว่าเมื่อถึงเวลาที่จดหมายนี้ถูกพบ คงไม่มีน้ำแข็งในอาร์กติกอีกแล้ว” แต่ปรากฎว่าสิ่งที่เขียนไว้ในจดหมายมาเร็วกว่าที่คาดจนน่ากลัวว่าโลกของเรากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

6 > หลังจากรู้ว่ามันคืออะไรแมคคลอรี่จึงติดตามผู้เขียนจดหมายคนหนึ่งซึ่งปรากฎว่าเป็นบล็อกเกอร์และผู้ใช้อินสตาแกรมชาวรัสเซียในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่รู้จักกันในชื่อ Sveta พวกเขาจึงติดต่อผ่าน Zoom ซึ่ง Sveta เปิดเผยว่า ลูกเรือและผู้โดยสารคิดว่าอาจมีการค้นพบแคปซูลในอีก 30 หรือ 50 ปีข้างหน้าและแสดงความตกใจที่มันถูกพบได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

7 > เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้สอนให้เรารู้ว่าปัญหาโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่จะเกิดอีกนานหรือเราตายไปแล้ว แต่มันคือเรื่องที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ และเอาเข้าจริงมันเกิดอยู่ทุกวัน เพียงแค่เราจับต้องมันไม่ได้เหมือนแคปซูลกาลเวลาชิ้นนั้นเท่านั้นเอง

ข้อมูลจาก
• Rachel Maluaghlin. (November 2, 2020). "Incredible North Pole Time Capsule Washes Up On Donegal Shore". Donegal Daily.

 

WEVO สื่ออาสา รายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดไฟป่ากำลังลุกไหม้เป็นแนวยาวในพื้นที่บ้านแม่ตาด หมู่ที่ 1 ต.ห้วยทราย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
.
เบื้องต้นแกนนำชุมชนแจ้งว่า กำนันตำบลห้วยทราย ได้ประสานขอรถดับเพลิงเทศบาลมาเตรียมความพร้อมแล้ว แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไฟกำลังไหม้ลงมาจากบนเขา

 

อินคา เทอร์น (Inca tern) เป็นนกนางนวลสุดเจ๋งแห่งอเมริกาใต้ มีลักษณะเด่นตรงที่มันเป็นนกที่มีหนวด! จึงตกเป็นเป้าสายตาของผู้ที่พบเห็น เป็นนกทะเลมีสีสันสวยงาม ส่วนใหญ่มีสีเทา หางสีดำยาวเป็นแฉก เท้าพังผืดมีสีแดงสด
.
ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของมันก็คือหนวดซึ่งมีสีขาวที่งอกงอนออกมาจากแต่ละด้านเหนือมุมปากของมัน ซึ่งมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย แต่หนวดของพวกมันจะเริ่มเฟิ้มให้เห็นเมื่อย่างอายุประมาณสองปี นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ความยาวของหนวดมันบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพของนก หมายถึงยิ่งยาวยิ่งมีสุขภาพที่แข็งแรง
.
ชื่อของมันมาจากการอาศัยอยู่ในช่วงเดียวกับที่อาณาจักรอินคาโบราณในอเมริกาใต้เคยปกครองนั่นเอง
.
ประชากรอินคา เทอร์น ถูกคุกคามเนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น แมว หนู สิงโตทะเล แร้ง เหยี่ยว และนกชนิดอื่น รวมถึงการจับปลามากเกินไปโดยมนุษย์ โดยเฉพาะปลากะตักและปลาขนาดเล็กอื่น ๆ ที่เป็นอาหารของพวกมัน ซึ่งนกน้อยอินคา เทอร์นจะใช้วิธีการดำน้ำลึกและการจุ่มผิวน้ำเพื่อหาอาหาร รวมทั้งไล่เศษซากจากสิงโตทะเล โลมาและเรือประมงอีกด้วย
.
การลดลงของปริมาณปลาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชากรนกชนิดนี้ลดลง หากมนุษย์แย่งมันกินหมดนกอินคาก็อาจสูญพันธุ์ได้
.
ภัยคุกคามอีกประการหนึ่งคือการเก็บขี้ค้างคาวบนเกาะต่างๆ ที่มากเกินไป จะกระทบต่อถิ่นอาศัยของนก แต่ยังโชคดีที่รัฐบาลเปรูได้จัดตั้งเขตสงวนเพื่อปกป้องนกทะเลเหล่านี้
.
คำถามก็คือ นกอินคา เทิร์น ชื่อวิทยาศาสตร์: Larosterna inca ตกอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์หรือไม่? คำตอบคือครั้งหนึ่งเคยมีนกนางนวลอินคาหลายล้านตัว แต่ตอนนี้เหลือนกทะเลชนิดนี้เพียง 150,000 ตัว พวกมันไม่ได้ใกล้สูญพันธุ์ แต่ถูกระบุโดย IUCN (International Union of Conservation for Nature หรือสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ) ว่า "ใกล้ถูกคุกคาม" เนื่องจากปริมาณปลาที่เป็นอาหารของมันลดลงนั่นเอง
.
ปัจจุบันนกอินคาฯ อาศัยอยู่ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของชิลีและเปรู โดยจะพบได้ใกล้กับบริเวณน้ำที่เย็นจัดของ Humboldt Current ซึ่งเป็นเขตระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
.
"ชายฝั่งเปรูเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจในการชม Inca Terns และนกทะเลอื่น ๆ เช่น Boobies เปรูและ Guanay Cormorants" ไมค์ พาร์ รองประธาน American BIRD CONSERVANCY กล่าว
.
แน่นอน น้อยคนจะมีโอกาสไปเยือนถิ่นอาศัยของนกนางนวลอินคาที่ชิลีและเปรู แต่คุณสามารถเห็นมันได้ในสวนสัตว์ทั่วโลก อาทิ สวนสัตว์บรองซ์ (นิวยอร์ก)
สวนสัตว์บริสตอล (อังกฤษ) สวนสัตว์โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) สวนสัตว์ลินคอล์นพาร์ค (ชิคาโก, อิลลินอยส์)
.
การคุกคามนกด้วยปัจจัยต่างๆ เป็นเหตุผลให้องค์กรพัฒนาเอกชนในเปรูได้ผลักดันให้รัฐบาลสร้างเขตอนุรักษ์แห่งชาติ Guano Islands และ Capes เพื่อปกป้องที่อยู่อาศัยของนกนางนวลอินคาเทิร์นในปี 2009 ตลอดจนสร้างอาณานิคมเพาะพันธุ์สิงโตทะเลบนเกาะขี้ค้างคาว จำนวน 28 เกาะและตามหน้าผาบริเวณแนวชายฝั่งอีกด้วย
อ้างอิง :
https://bit.ly/3cC00Du
https://bit.ly/3jcQt6U
https://bit.ly/2MMwqjM
ภาพ:
https://bit.ly/3pJ22Ft
https://bit.ly/3oMiLpY

 

เต่ามะเฟืองน้อยรังที่ 9 คลอดแล้วจ้า ทะยอยลงทะเลกันรัวๆ ไปเรียบร้อย เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 โดยศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟืองหาดบางขวัญ สำนักงาน ทช.ที่6 (พังงา) และศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบนได้ช่วยกันจับลงทะเล จำนวน 65 ตัว
.
นอกจากนั้นช่วยขุดลูกเต่ามะเฟืองในหลุมที่แข็งแรงไปปล่อยเพิ่มได้อีก 7 ตัว รวมที่ปล่อยลงสู่ทะเล 72 ตัว ยังต้องอนุบาลและรอปล่อยอีก 9 ตัว รวมฟักเป็นตัวจากรังนี้ทั้งหมด 81 ตัว
.
ยังมีไข่ที่มีตัวอ่อน 2 ฟองที่ต้องนำไปอนุบาลในตู้ ICU Box เพื่อกระตุ้นการฟัก ส่วนที่เหลือเป็นลูกเต่ามะเฟืองตายแรกเกิด 19 ตัว ไข่ไม่ได้รับการผสม 14 ฟอง และไข่ลม 27 ฟอง รวมเป็นจำนวนไข่ที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางรวมทั้งสิ้น 143 ฟอง ซึ่งรังนี้แม่เต่าขึ้นมาวางไข่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม2563 ซึ่งเป็นรังที่ 9 ของฤดูกาลนี้
.
#เต่ามะเฟือง #หาดบางขวัญ #พังงา

 

DESIGN: คอลเกตผุดแปรงสีฟันเปลี่ยนหัวได้ ตัวด้ามสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต หวังช่วยลดขยะพลาสติกมหาศาล
.
แปรงสีฟันพลาสติกเมื่อใช้จนหมดสภาพ ก็จะถูกทิ้ง และกลายมาเป็นขยะมหาศาลของโลก ย่อยสลายนาน ส่งปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม คอลเกตซึ่งขายแปรงสีฟันไปทั่วทุกที่บนโลก ก็ได้มีความพยายามที่จะลดขยะพลาสติก
.
โดยได้เปิดตัวแปรงสีฟัน Keep ที่ดูเหมือนจะเป็นแปรงธรรมดา แต่ตัวด้ามของมันนั้นทำจากอลูมิเนียมที่สามารถใช้ได้ตลอดชีวิตเลย และเราสามารถเปลี่ยนหัวที่เป็นพลาสติกได้เมื่อมันหมดสภาพแล้ว
.
ซึ่งการเปลี่ยนเพียงหัวแปรง แทนที่จะเปลี่ยนทั้งด้ามก็ถือเป็นการลดขยะพลาสติกไปได้อย่างมากเลยทีเดียว และหากว่าส่วนหัวสามารถรีไซเคิลได้ก็จะถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากๆ
.
ถือเป็นไอเดียท่ีดีที่ผู้ผลิตพยายามเปลี่ยนแปลงและรับผิดชอบต่อมลพิษที่ก่อขึ้น โดยก่อนหน้านี้คอลเกตเองก็ได้ออกแปรงสีฟันที่ทำวัสดุจากไม้ไผ่อีกด้วย
.
Source:

1. https://www.fastcompany.com/.../millions-of-toothbrushes...

2. https://www.prnewswire.com/.../colgate-keep-reduces-small...

เรียบเรียง: ร่มธรรม ขำนุรักษ์

 

UNDERWATER : วาฬสีน้ำเงินใกล้สูญพันธุ์ในชิลี กำลังถูกคุกคามจากเรือประมงยักษ์ นับ 1,000 ลำต่อวัน
.
จากการศึกษาพบว่า วาฬสีน้ำเงินซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สามารถมีน้ำหนักได้มากถึง 150 ตัน และมีความยาวของลำตัวได้มากถึง 30 เมตร กำลังถูกคุกคามจากการโดนเรือชน เนื่องจากเรือเข้ามาในแหล่งอาหารของมันเป็นจำนวนมาก
.
ในทุก ๆ วันจะมีเรือที่แล่นผ่านปาตาโกเนียในชิลีซึ่งเป็นบริเวณแหล่งอาหารที่สำคัญของมันเป็นจำนวนกว่า 1,000 ลำต่อวัน
.
โดยนักวิทยาศาตร์ที่ทำการวิจัยพบว่า 83% ของเรือที่ผ่านบริเวณนั้น เป็นเรืออุตสาหกรรมการเลี้ยงปลาแซลมอนที่มีอยู่อย่างกว้างขว้างใน ปาตาโกเนียที่อยู่ทางตอนเหนือของชิลี
.
กรมประมงของชิลีได้ทำการติดตามวาฬสีน้ำเงินและเรือ โดยใช้ดาวเทียม ทำให้ระบุบริเวณที่เรืออาจจะชนกับวาฬได้
.
โดยจากที่ Rodrigo Hucke-Gaete ผู้นำโปรเจคและการเขียนการศึกษานี้เผยว่า การสำรวจในพื้นที่ได้แสดงถึงว่าการหาอาหารของวาฬสีน้ำเงินเป็นกิจกรรมหลักที่ทำให้มันมีแนวโน้มที่จะถูกชนโดยเรือประมง โดยเฉพาะตอนกลางคืน ตอนที่วาฬสีน้ำเงินนั้นอยู่ใกล้กับผิวน้ำ เพราะอาหารหลักของวาฬสีเงินนั้นจะลอยขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ เช่น เคยและอื่นๆ
.
นักวิทยาศาสตร์ ได้เรียกร้องให้อุตสาหกรรมการประมงมาร่วมมือกันเพื่อวางมาตรการป้องกันหลีกเลี่ยงการชนที่ร้ายแรงและอาจจะทำให้วาฬเสียชีวิตได้อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปีก่อนๆ
.
Source :
1. https://www.theguardian.com/.../blue-whales-threatened-by...

 

DISCOVERY: เผยซากฟันดึกดำบรรพ์ ที่อาจเป็นของลูกผสมข้ามสายพันธุ์ โฮโมเซเปียนส์-นีแอนเดอร์ทัล
.
ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษได้นำซากฟันดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบเมื่อปี ค.ศ. 1910 และ 1911 ที่ Jersey เกาะเล็ก ๆ ที่เป็นดินแดนปกครองตนเองภายใต้อธิปไตยของสหราชอาณาจักร กลับมาศึกษาอีกครั้ง และพบว่าลักษณะของฟันนั้นไม่ได้เป็นของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลอย่างเดียวแต่เป็นฟันมนุษย์ปัจจุบันที่เรียกกันว่าโฮโมเซเปียนส์ด้วย
.
จากการศึกษาครั้งแรก ผลของซากฟันนี้เป็นของมนุษย์ชาวนีแอนเดอร์ทัล แต่เมื่อนำกลับมาศึกษาอีกครั้งโดยใช้เทคโนโลยี TC Scan ที่สามารถสแกนหารายละเอียดที่ลึกกว่าเทคโนโลยีในปี 1910 กลับพบหลักฐานว่าซากฟันนี้เป็นของมนุษย์ข้ามสายพันธ์ุระหว่างโฮโมเซเปียนส์และนีแอนเดอร์ทัล
.
ถิ่นฐานของชาวมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของยุโรปถึงไซบีเรียเมื่อ 400,000 ปีที่แล้ว และได้สูญพันธุ์หมดสิ้นไปเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่มนุษย์โฮโมเซเปียนส์ หรือมนุษย์ในปัจจุบัน ได้เริ่มเข้าปักหลักที่ทวีปยุโรปจากทวีปแอฟริกา
.
หัวหน้าทีมวิจัย Professor Chris Stringer จาก London's Natural History Museum ได้ระบุว่า มนุษย์สองสายพันธุ์นี้อาจเคยอาศัยอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันในบางส่วนของทวีปยุโรปเป็นเวลาประมาณ 5,000 ปี เป็นอย่างต่ำ
.
ถึงแม้ว่าซากฟันทุกชิ้นที่ค้นพบนั้นมีลักษณะบางอย่างของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลแต่ก็ยังมีลักษณะบางประการที่เหมือนของมนุษย์โฮโมเซเปียนส์มากกว่า ทำให้เข้าใจได้ว่าเจ้าของฟันนั้นมีมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล-มนุษย์โฮโมเซเปียนส์เป็นบรรพบุรุษ
.
อีกอย่าง นักวิจัยคาดว่าซากฟันชิ้นนี้อายุราว 48,000 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาการสูญพันธุ์ของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว
.
ดังนั้น ผลจากการนำซากฟันมาศึกษาอีกครั้ง และหลักฐานดีเอ็นเอของชาวแอฟริกาทางตอนใต้ของซาฮาร่าที่มีดีเอ็นเอของมนุษย์ชาวนีแอนเดอร์ทัลอยู่อาจทำให้มั่นใจได้ว่า คำว่า ‘สูญพันธุ์อย่างหมดสิ้น’ อาจจะใช้ไม่ได้กับมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลอีกต่อไป เป็นไปได้มั้ยว่าแทนที่มนุษย์ชาวนีแอนเดอร์ทัลจะค่อย ๆ ตายสาบสูญไป พวกเขากลับเลือกที่จะอยู่และซึมซับเข้ากับมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เพื่อการอยู่รอดหรือไม่
.
Source:
1. https://www.bbc.com/news/science-environment-55882130

เรียบเรียง: buras