ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    สนามแม่เหล็กโลกกำลังมีวันที่เลวร้ายจริงๆ Cygnets ที่มีสภาพอากาศอวกาศหลายรายการไม่ทำงาน
    และจากการรายงานข้อมูลว้าว ...
    K23A9jvUopWluIjHQGB59MCPxnliK_z5eHvbshvJk_3I&_nc_ohc=topJQZ9jKUMAX8ToyWm&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    THE Magnetosphere of the Earth is having a really, really bad day. Many space weather cygnets are down.
    And of the ones reporting data, Wow...
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    สัญญาณของการบิดแม่เหล็กอย่างรุนแรง
    3zbcIiZb1wN4xshGi0Gbu2K3hWuj32aTn9Q_elpGKtVG&_nc_ohc=isDl7Ow67KwAX-rnsym&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    Signs of severe magnetic twist.

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️⚠️ #ราคาน้ำมันดิบติดลบ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ⚠️⚠️
    vVUbX6UqtgrG0NAgN_ywUEpSm1-2Gbr33ShqguoX8ZCI&_nc_ohc=F-bchOXXJDwAX-vxKJm&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    คุณไม่ได้ตาฝาดไปนะครับ... หากใครสามารถไปรับน้ำมันดิบได้ที่ Texas ในสหรัฐในเดือนหน้านี้ #คุณจะได้แถมเงินกลับมาด้วย เพราะราคาน้ำมันดิบ WTI ตอนนี้นั้นเพิ่งปิดการซื้อขายไปที่ -37.63 เหรียญต่อบาร์เรลหรือ -306% #เป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และทุกท่านที่ถือกองทุนน้ำมันอยู่ต้องระวังให้ดีนะครับ (รายละเอียดด้านล่าง)

    เป็นการอัพเดทต่อเนื่องจากทางเพจนะครับ ถ้าใครติดตามเพจเราอยู่แล้วจะเข้าใจที่ได้ยินข่าวนี้นะครับ เพราะว่าเราได้อธิบายกลไกของตลาดน้ำมันส่งมอบ Futures อยู่ตลอดแล้ว

    คืนนี้นั้นจะเป็นคืนสุดท้ายที่ผู้ค้าน้ำมันในสหรัฐนั้นสามารถมาซื้อขายน้ำมันดิบกำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคมกันได้ และปัญหานั้นมีอยู่ว่าผู้ขายน้ำมันในสหรัฐนั้นไม่มีคนมารับซื้อต่อเลย ! ไม่ว่าจะเป็นเพราะไวรัสโควิดหรือด้วยเหตุที่ผู้ซื้อนั้นไม่มีถังพอที่จะนำน้ำมันไปเก็บได้แล้วนั้น ทำให้ไม่มีใครเข้าไปรับซื้อน้ำมันจากผู้ขายเลย

    ทางด้านผู้ขายนั้นจึงต้องลดราคาลงมาจนถึงขั้นราคาติดลบแล้ว... เพื่อที่จะได้เป็นแรงจูงใจพอให้คนช่วยมารับน้ำมันไปหน่อย อย่างน้อยก็ในปริมาณที่ได้ผลิตไว้แล้วสำหรับการส่งมอบในเดือนหน้านี้ (เพราะทางผู้ผลิตก็ไม่มีถังเหลือแล้ว)

    นี่เป็นตัวอย่างที่สำคัญที่เราพยายามจะบอกว่า... #เมื่อถังน้ำมันนั้นเต็ม... ราคาน้ำมันอาจหล่นได้อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

    เราเคยเขียนบทความอธิบายไปแล้วเรื่อง "Flatten the Oil Curve" หรือการที่โอเปกนั้นไม่ได้พยายามที่จะลดกำลังการผลิตเพื่อทำให้ปริมาณน้ำมันในปัจจุบันนั้นไม่ล้นตลาด แต่โอเปกเพียงพยายามลดให้เพียงพอกับแค่ไม่ให้ถังน้ำมันโลกนั้นล้น เพราะเมื่อถังน้ำมันทั่วโลกนั้นล้น.. ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เดียวกับ WTI นี้ ที่ราคาอาจจะลดลงมาอย่างมหาศาลได้.. ต้องติดตามดูว่าโอเปกจะ Flatten Curve สำเร็จไหม

    ราคาของ WTI ส่งมอบเดือน May นี้จะไม่กระทบราคาน้ำมันที่อื่นๆในโลก

    ถึงแม้ราคาน้ำมันในสหรัฐจะติดลบสำหรับเดือนนี้ แต่ในเมื่อถังน้ำมันที่อื่นๆในโลกยังไม่เต็ม ราคาน้ำมันดิบในที่อื่นๆของโลกก็ยังไม่โดนกระทบมากนัก เพราะเราไม่สามารถนำน้ำมันออกมาจากสหรัฐได้เพราะปริมาณท่อนั้นมีจำกัดทำให้ราคาของ WTI นั้นไม่สะท้อนตลาดโลก

    ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสิงคโปร์และในทะเลหนือ (ฺBrent) นั้นราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากในคืนนี้ แต่ถ้าหากว่าปัญหานี้ยังไม่สามารถแก้ได้ในเดือนหน้า ราคาก็อาจจะส่งผลกระทบต่อที่อื่นของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ

    #ราคาน้ำมันในประเทศไทยนั้นไม่ได้รับผลกระทบนะครับ เพราะเราไม่ได้ไปซื้อราคาน้ำมัน WTI ที่ส่งมอบในเดือนนี้ เราซื้อจากที่อื่นๆของโลก

    ทุกท่านที่ถือ #กองทุนน้ำมันผ่านธนาคารหรือบลจ. ไทยนั้น ต้องระวังให้ดี

    เราได้เขียนบทความออกไปเตือนก่อนหน้านี้แล้วเช่นกันว่า กองทุนน้ำมันต่างๆนั้นต้องทำการเปลี่ยนหรือ Roll สัญญาก่อนหมดอายุ โดยปกติแล้วกองทุนเหล่านี้จะทำการขายสัญญาเดือนแรกทิ้งและไปซื้อเปลี่ยนเป็นเดือนสองกัน 3 วันก่อนสัญญาหมดอายุ

    ทางเราจึงหวังว่ากองทุนเหล่านี้ได้ขายสัญญาออกไปหมดแล้ว... แต่หากกองทุนที่ท่านถืออยู่นี้ยังขายไม่หมดและต้องไปขายสัญญาด้วยราคาติดลบ... ก็อาจจะมีผลกระทบต่อหน่วยลงทุนของท่านอย่างใหญ่หลวงแน่ๆครับ

    ถึงแม้ยังไม่มีข่าวออกมา... แต่ทางเรากำลังสงสัยว่าคนที่ขายสัญญาเหล่านี้อาจจะเป็นกองทุนก็ได้เพราะว่าในเดือนที่ผ่านมานี้มีเงินของกองทุนไหลเข้ามาหลายเท่ามากอย่างที่ได้รายงานไป อาจทำให้พวกเขายังไม่สามารถขายออกไปหมดทันเวลาจริงๆครับ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงที แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆ ที่อาจออกมาก่อนสื่ออื่นๆได้ครับ ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คุณไม้่ได้ตาฝาดและแอดก็ไม่ได้เมานะครับ... ราคาน้ำมันดิบกำลังตกเหวจริงๆ WTI ลบ -90% วันนี้จนหล่นลงมาเหลือเพียง 1 เหรียญต่อบาร์เรลเท่านั้น... ราคานั้นลงมาต่ำที่สุดในรอบ 100 ปี !
    SyyTPI3IptW2XpASY76fKYWbtnm6BeX3FMhvJFmEkbOL&_nc_ohc=0lkOhKQbNWEAX9Cj-J8&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่กำลังส่งมอบกันที่ Texas สหรัฐนั้น... ตอนนี้กำลังมีมูลค่าเพียง 0.20 บาทต่อลิตร ... หากคำนวนด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.5 บาท (1 บาร์เรล = 159 ลิตร) และนี่ก็เป็นราคาที่เราสามารถเข้าไปรับซื้อหรือขายน้ำมันได้จริงๆ #แต่น่าเสียดาย ที่คนทั่วโลกไม่มีวิธีเหลือแล้วที่จะไปรับน้ำมันที่นั้น ถังและท่อขนส่งออกมานั้นเต็มล้นไปหมดแล้ว... #ทำให้ราคานี้จะไม้มีผลกับประเทศเรา



    หากจะลองมองย้อนไปนั้นราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคยต่ำขนาดนี้มาก่อนก็เพียงแค่ 3 ปีครับนั้นคือ

    ปี 1915 เคยอยู่ที่ 0.4 เหรียญ
    ปี 1931 เคยอยู่ที่ 0.62 เหรียญ
    ปี 1967 เคยอยู่ที่ 2.92 เหรียญ

    #ไม่ต้องพยายามหาข่าว นะครับ ว่าทำไมราคาน้ำมันดิบถึงโดนเทขายหนักขนาดนี้ ?? เพราะวันนี้ไม่ได้มีข่าวอะไรมากไปกว่าเดิมที่ กลุ่มผู้ผลิตยังคงเดินหน้าผลิตน้ำมันกันเต็มที่ก่อนจบสิ้นเดือนนี้ (เดือนหน้าจะร่วมกันลดกำลังการผลิตตามสัญญา) การใช้น้ำมันทั่วโลกยังไม่กลับคืนมาเพราะไวรัสโควิด ทั้งคู่เป็นผลให้ถังน้ำมันทั่วโลกกำลังเต็ม...

    #นี่คือเรื่องที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว และราคาน้ำมันดิบเกรดอื่นๆในโลกของเรานั้นก็ไม่ได้ขยับมาก ทาง Brent นั้นลดลงไปประมาณเหรียญกว่าๆเท่านั้นเอง

    แต่ทำไมราคาน้ำมัน WTI ถึงโดนเทขายหนัก ?

    วันนี้เราได้ลงไปถึง 2 บทความที่อธิบายไปแล้วนะครับ ว่าทำไมราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน May'20 นี้ที่กำลังโดนเทขายอย่างบ้าคลั่ง หลักๆเพราะการใช้น้ำมันที่หดหายไปในสหรัฐกว่าครึ่งเพราะสัญญาส่งมอบเดือนนี้นั้นกำลังจะหมดอายุสัญญาพรุ่งนี้แล้วราคาจึงขาดสภาพคล่อง คนขายต้องหนีตายในการพยายามกดราคาขายลงมา (รายละเอียดในคอมเม้นท์)

    ทำให้ถึงราคา WTI นี้จะลงหนักแต่ก็ #จะไม่กระทบกับชีวิตพวกเราเลย ไม่ได้กระทบกับราคาน้ำมันในปั๊มของเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประกอบการของบริษัทน้ำมันในบ้านเรา #เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจไปนะครับ

    แต่การที่ราคาน้ำมันลงมาจนเหลือหลักเดียวและกำลังมีจุดส่งมอบบางจุดในแคนาดาที่ราคากำลังจะติดลบแล้วนั้น... #เหลือเชื่อจริงๆครับ จึงต้องมาโพสต์ให้ทุกท่านทราบ

    หากเรามองย้อนกลับไปนั้นในปี 2010-2014 นั้นราคาน้ำมันเคยยืนอยู่เหนือ 3 หลัก หรือเกิน 100 เหรียญต่อบาร์เรลอยู่ถึง 5 ปีติดต่อกัน ! จนกระทั่งเกิดการผลิตเชลล์ออยบูมขึ้นมาในสหรัฐ

    แต่ต่อจากนั้นในปี 2015-2019 นั้น ถัดมาอีก 5 ปี เราก็ยังเห็นราคาวิ่งเหนือ 2 หลักอยู่บนกรอบที่ 50-70 เหรียญเป็นหลัก ไม่เคยหลุดไปจากนี้มาก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเข้ามากดดันตลาด...

    แต่วันนี้ราคานั้นกลับลงมาเหลือหลักเดียวแล้ว กว่าราคา WTI จะลงมาเทรดที่หลักเดียวนี้เรา ต้องย้อนเวลากลับไปมากกว่า 50 ปี เลยทีเดียว ! โดยหากสหรัฐยังไม่แก้ปัญญาสต็อกน้ำมันล้นโดยเร็ว เราอาจจะต้องเห็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปิดตัวไปอีกเป็นจำนวนมาก...

    เรียกได้ว่าเป็น #Unprecedented Time หรือเวลาที่ไม่เคยคาดคิดมากๆ ทางเราจะลิงค์บทความหลักๆที่อธิบายว่าทำไมเหตุการณ์นี้ถึงเกิดขึ้นไว้ในคอมเม้นท์นะครับ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงที แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆ ที่อาจออกมาก่อนสื่ออื่นๆได้ครับ ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⏰ พลังของเวลาในยามที่ราคา WTI ติดลบ -40% ? และมูลค่าที่แท้จริงของน้ำมันนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ ?
    rQXdcft-j0GX1lpnUzj6TsnTncjG3_jDXnCN2Q7aGnQq&_nc_ohc=Fccu2iht6nkAX_VvOJ3&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.png
    วันนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ติดลบ -40% ตลาดน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสหรัฐกำลังเผชิญกับราคาที่ลดลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 1982 หากใครขายน้ำมันดิบ WTI สัญญาส่งมอบเดือนพฤษภาคมนี้ (May'20 Contract) ไปเมื่อวานที่ราคา 18 เหรียญต่อบาร์เรล วันนี้คุณก็สามารถซื้อน้ำมันก้อนนั้นกลับคืนมาได้ที่ราคา 10 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว ผ่านไปวันเดียวสามารถทำกำไรได้มูลค่ากว่า 50% !

    แต่นั้นไม่ใช่ #พลังของเวลา ที่เราอยากมาเขียนเล่าในวันนี้ครับ

    เพราะเวลาที่เรายกตัวอย่างไปเมื่อกี้นั้นคือสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน นับเวลาจากการขายจนกว่าจะมาซื้อกลับนั้นเวลาได้ผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว... ไม่มีใครรู้ว่าก่อนที่เวลาจะผ่านไปมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ราคาอาจจะไม่ได้ปรับตัวลดลงมาก็ได้ อาจจะปรับขึ้นแทน

    เวลาที่ผมอยากมาเขียนถึงในวันนี้คือจุดเวลาในช่วงเวลาเดียวกัน #แต่กำลังมองไปถึงเวลา 2 จุดในอนาคตที่ต่างกัน ซึ่งมันทรงพลังมากและก็สร้างความสับสนมากในตลาดการซื้อขายของโลกเรา

    มาถึงตรงนี้แล้วใครงงอย่าเพิ่งหยุดอ่านนะครับ... #ความสนุกกำลังจะเริ่มจากจุดนี้เป็นต้นไปครับ และความเข้าใจจะกระจ่างออกมาเอง



    ในคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทุกท่านเห็นว่าติดลบ -40% อยู่นั้นคือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่จะส่งมอบกันในเดือนพฤษภาคม (May'20 Contract) ที่ได้หล่นลงมาที่ระดับ 10 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว ในขณะที่ในเวลาเดียวกันนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่จะส่งมอบกันในเดือนมิถุนายน (Jun'20 Contract) นั้นกำลังซื้อขายอยู่ที่ 22 เหรียญ หรือมีราคาสูงกว่าถึง 2 เท่า

    2 สัญญานี้ทุกอย่างแทบจะเหมือนกันหมด... จุดที่ส่งมอบของน้ำมัน ปริมาณที่ต้องส่งมอบ และคุณภาพของน้ำมันที่ต้องส่งมอบนั้นเหมือนกันทุกๆอย่าง สิ่งที่ต่างกันมีอยู่แค่สิ่งเดียวนั้นคือ #เวลา ในการส่งมอบ

    หากคุณต้องการจะสั่งซื้อน้ำมันในตอนนี้ เพื่อให้มาส่งให้คุณใช้ได้ในเดือนพฤษภาคม คุณจะสามารถสั่งซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าถ้าคุณสั่งให้น้ำมันมาส่งในเดือนมิถุนายนถึงครึ่งนึงเลยทีเดียว...

    ⚠️⚠️⚠️ เอ๊ะ... มันเป็นไปได้อย่างไร ? ทำไมสั่งซื้อให้มาส่งเร็วราคาถึงได้ถูกกว่า ? ปกติเวลาเราสั่งซื้อของ Online ผ่าน Lazada หรือ Shopee นั้นยิ่งเราอยากได้รับของเร็วราคาจะยิ่งแพงกว่าไม่ใช่หรือ ?

    ใช่แล้วครับ โดยปกติแล้วราคาสินค้าทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น ยิ่งมาส่งเร็วราคาจะยิ่งแพง เพราะว่าของทุกสิ่งที่เราสามารถใช้งานได้จะมี Convenience yield หรือผลผลิตที่เราสามารถใช้ได้จากการมีของสิ่งนั้นอยู่ ยิ่งถ้าเราได้ของมาอยู่ในมือเราและสามารถนำไปใช้ได้ทันที เราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้กับมูลค่าเพิ่มที่เราสามารถนำไปไปใช้ประโยชน์ได้ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา .... น้ำมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน หากเรามีน้ำมันอยู่ในมือตอนนี้ เราก็สามารถนำไปเผาเป็นพลังงาน นำไปขับรถได้โดยทันที...

    ใช่ครับแต่นั้นคือ #ในยามปกติ ครับ...

    แต่การที่ราคาน้ำมันทุกวันนี้เป็นแบบนี้นั้น ชี้ให้เห็นชัดแล้วว่า #ตลาดน้ำมันนั้นไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติเลย !

    ไวรัสโควิดนั้นทำให้การใช้น้ำมันในสหรัฐนั้นหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว ! ในขณะที่การผลิตน้ำมันยังลดไปไม่มาก ทำให้มีน้ำมันเหลือล้นเกินออกมาเรื่อยๆทุกๆวัน โดยในเวลานี้นั้นสต็อกน้ำมันในประเทศสหรัฐนั้นแทบจะเต็มไปหมดทุกที่แล้ว

    เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันที่ทำให้ถังน้ำมันที่เต็มทั่วประเทศนั้น ได้ส่งผลให้ Convenience Yield สำหรับน้ำมันนี้กลับกลายเป็นติบลบ ผู้ขายนั้นไม่สามารถทำอะไรกับน้ำมันที่อยู่ในมือได้แล้วอีกต่อไป นำไปเผาเป็นพลังงานก็ไม่มีใครใช้ อยู่ในมือก็ไม่เกิดประโยชน์ ที่จัดเก็บก็แทบไม่เหลือ ผู้ขายจึงต้องเร่งที่จะลดราคาให้กับคนที่จะสามารถมารับนำของออกไปจากสต็อกในระยะสั้นได้รีบมารับทันที ส่วนใครที่จะมารับของได้แค่ในเดือนถัดไปนั้นทางผู้ขายยังเชื่อว่าสถานการณ์อาจจะยังดีขึ้น การใช้น้ำมันอาจจะกลับมาใหม่ ถึงวันนั้นอาจจะมีผู้รับซื้อมากขึ้น อาจจะพอมีที่เก็บน้ำมันเพิ่มขึ้น จึงยังไม่ได้ลดราคาขายในเดือนหน้าๆลง

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ราคาน้ำมันซื้อขายล่วงหน้าจึงอยู่ในรูปแบบ Contango อย่างที่เราได้พูดกันบ่อยๆ #คือราคาในปัจจุบันถูกกว่าในอนาคต

    และสภาพตลาดที่ไม่ปกตินี้ WTI ก็ยังโดนแรงกดดันจากการที่น้ำมันที่จะส่งมอบกันในเดือนพฤษภาคมทั้งเดือนนั้น กำลังจะถูกปิดสัญญาการซื้อขายกันเป็นวันสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ! หลังจากวันพรุ่งนี้ไปราคาน้ำมันดิบที่ผู้ขายสามารถขายออกไปได้เร็วที่สุดจะกลายเป็นเดือนมิถุนายนแทน เพราะฉะนั้นหากใครคำนวนปริมาณสต็อกตัวเองแล้วรู้ว่าจะต้องล้นแน่ๆในเดือนหน้า #นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณในการขายแล้ว เป็นที่มาให้คนรุมขายน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพฤษภาคมนี้ลงถึง -40% ภายในวันเดียว

    แล้ว #พลังของเวลา มันคืออะไร ? ⏰

    พลังของเวลาที่ผมอยากบอกคือ ในประเทศสหรัฐวันนี้หากใครสามารถมีที่จัดเก็บน้ำมันในปริมาณที่มากพอได้ หากคุณไปรับซื้อน้ำมันส่งมอบในเดือนพฤษภาคมนี้ (ที่ 10 เหรียญ) และในเวลาเดียวกันก็ไปทำสัญญาขายส่งมอบในเดือนมิถุนายนในเวลาเดียวกันนี้ (ที่ 22 เหรียญ)

    และหากคุณนำน้ำมันที่จะมาส่งในเดือนพฤษภาคมนี้จัดเก็บอยู่ในถังของคุณ... และไม่ต้องทำอะไรอีกเลย... ปล่อยให้เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน... และนำน้ำมันนั้นออกไปส่งมอบในเดือนมิถุนายนตามสัญญา คุณก็จะสามารถทำกำไรได้ 22 - 10 = 12 เหรียญ ไปฟรีๆ

    โดยจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราเพิ่งยกตัวอย่างนี้จะต่างกับเคสข้างต้น เพราะเราได้ทำการซื้อขายของสองรายการนี้ในเวลาเดียวกัน เราไม่ได้รอให้เวลาผ่านไปก่อนแล้วค่อยนำน้ำมันนั้นกลับไปขาย เพราะราคาอาจจะถูกลงเรื่อยๆจนเราขาดทุนก็เป็นได้ แต่เราต้องทำรายการซื้อขายทั้ง 2 นั้นในเวลาเดียวกันถึงจะมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างนี้

    เวลาที่ผ่านไปเฉยๆนั้นก็ทำให้มูลค่าของนั้นเพิ่มขึ้นได้แบบไม่มีความเสี่ยง !

    พลังของเวลานั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ ⏰

    1️⃣ โดยในยามตลาดปกติ หากการมีของอยู่ในมือนั้นทำประโยชน์ได้ ราคาของปัจจุบันก็จะแพงกว่าในอนาคต เราเรียกรูปแบบนี้ว่า #Backwardation ใครก็ตามที่มีของในมือจะได้เปรียบ เพราะสามารถขายของได้แพงกว่าปกติ

    ตัวอย่างในเคสนี้ที่เราอยากยกก็คือราคาของสิ่งที่ขาดตลาดมากๆ อย่างเช่น #หน้ากากอนามัย ยิ่งของขาดตลาด Convenience Yield ยิ่งสูง การมีของอยู่ในมือได้ในวันนี้ย่อมมีราคาแพงกว่าของที่มาส่งในอนาคต ผู้ที่มีของอยู่ในมือจึงได้เปรียบไปเต็มๆอย่างที่เราเห็นกันว่าราคาหน้ากากวันนี้นั้นแพงมาก แต่หากเราจะทำการขายราคาหน้ากากที่เราจะรับส่งมอบกันในปีหน้า เชื่อว่าราคาจะไม่สูงเหมือนทุกวันนี้แน่ๆ คงไม่มีใครยอมจะซื้อของในราคาวันนี้หากของจะมาส่งในปีหน้า

    2️⃣ แต่ในทางกลับกันหากราคาของในปัจจุบันนั้นถูกกว่าในอนาคต เราเรียกรูปแบบนี้ว่า #Contango ใครก็ตามที่มีที่เก็บหรือถังเก็บของก็จะได้เปรียบ อย่างที่เราได้ยกตัวอย่างน้ำมันไปแล้วว่า เพียงแค่ท่านจัดเก็บไว้เฉยๆและรอเวลาผ่านไปก็จะสามารถทำกำไรได้แล้ว

    เหตุผลที่อยากมาพูดถึงพลังของเวลานี้

    หลังจากวันนี้ไปเวลาที่ผู้คนพูดถึงตลาดน้ำมันหรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ใหญ่ๆแล้วนั้น ทุกๆคนจะไม่ได้เพียงแค่ถามแล้วว่า #ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ? แต่ทุกๆคนจะถามเพิ่มขึ้นด้วยว่า #แล้วราคานี้ส่งมอบเดือนไหน ?

    โลกของเรานั้นไม่เคยเจอภาวะน้ำมันล้นตลาดที่หนักขนาดนี้มากว่า 30-40 ปีแล้ว ส่วนต่างของราคาส่งมอบในแต่ละเดือนนั้นไม่เคยต่างกันมากขนาดนี้ จนผู้คนที่อยู่นอกตลาดนั้นจะไม่เคยสังเกตุถึงราคาที่ต่างไปในช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายสัญญาในแต่ละเดือน แต่เวลาในการส่งมอบของในแต่ละเดือนนั้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์มากๆมาตลอด แม้ว่าผู้คนที่บริโภคน้ำมันอยู่จะไม่ได้ใส่ใจหรือไม่รู้ว่าโดนกระทบอยู่ก็ตาม

    แต่วันนี้ผมดีใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และเชื่อว่าทุกๆท่านจะเริ่มเข้าใจถึงกลไกของเวลาและกลไกของราคาน้ำมันอย่างแท้จริง

    มูลค่าของน้ำมันที่แท้จริง

    ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เรากำลังพูดถึงราคาน้ำมันกันอยู่นั้น เรากำลังพูดถึงราคาน้ำมันดิบที่กำลังจะส่งมอบกันในเดือนเร็วๆนี้กันอยู่ ราคาน้ำมันที่เราสามารถนำมาใช้ได้ในวันนี้เลย แต่นั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงมูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงๆ

    เช่นในวันนี้นั้นราคาน้ำมันที่แท้จริงอาจจะไม่ได้ถูกเหมือนราคาที่ข่าวประกาศ เพราะสัญญาที่ส่งมอบของน้ำมันดิบเดือนหลังๆของ Brent นั้น ยังไม่มีสัญญาไหนที่หล่นลงมาต่ำกว่า 30 เหรียญเลย ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของน้ำมันนั้นคงไม่ใช่ราคาที่เราเห็นในข่าวประกาศมันอาจจะยังแพงกว่านั้นอยู่ก็เป็นได้

    ผมจะขอยกอีกตัวอย่างในทางกลับกันละกัน ในวันที่โรงแปรรูปน้ำมันของซาอุถูกยิงระเบิดเมื่อปีที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบ Brent ที่หลายท่านอาจเห็นการประกาศจากข่าวออกมาดีดขึ้นไปสูงถึง 75 เหรียญ แต่ถามว่านั้นคือมูลค่าที่แท้จริงของราคาน้ำมันไหม ?

    นั้นก็ไม่ใช่ครับ นั้นเป็นเพียงราคาน้ำมันที่จะส่งมอบกันในเดือนใกล้สุด หากเราจะซื้อน้ำมันในช่วงเวลานั้นที่กำลังเกิดการระเบิดกันอยู่เลย แต่เราขอให้น้ำมันนั้นมาส่งมอบอีก 2-3 เดือนให้หลัง เราก็จะยังซื้อได้ในราคาไม่เกิน 60 เหรียญ หรือแปลได้ง่ายๆว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นไปแพงถึง 70 เหรียญนั้นเป็นเพียงราคาน้ำมันของคนที่ต้องการให้ส่งมอบเร็วๆนี้เลย ซึ่งจะแพงกว่าราคาน้พมันที่แท้จริงอยู่แล้วเพราะในเดือนนั้นการผลิตที่โดนปิดไปทำให้ไม่มีน้ำมันมาส่งมอบ ราคาของเดือนนั้นก็ย่อมที่จะสูงกว่ามูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงเป็นธรรมดา

    70 เหรียญคือราคาน้ำมันของเดือนนั้นไม่ใช่ราคามูลค่าของน้ำมันที่แท้จริง

    แล้วมูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงคือที่เท่าไหร่ ?

    ถ้าจะตัดผลกระทบของสภาพตลาดที่ขาดตลาดหรือล้นตลาดในระยะสั้นออกไปจากราคาอย่างสิ้นเชิง เราควรให้เวลาตลาดพยายามกลับมาสมดุลตัวเองอีกครั้ง เช่นเราให้เวลา 1 ปี

    ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ราคาน้ำมันดิบ Brent ในช่วงที่รับส่งมอบในอนาคตหลัง 1 ปีนั้นยังไม่เคยหลุดกรอบ 40-50 เหรียญมาโดยตลอดเลย ไม่ว่าราคาน้ำมันจะดีดขึ้นไปสูงถึง 70 เหรียญ หรือลงมาต่ำถึง 20 เหรียญอย่างที่เราเคยเห็นกัน แต่ราคาซื้อขายล่วงหน้าของตลาดน้ำมันหลังทุกคนคิดว่าตลาดจะกลับมาสมดุลแล้วไม่เคยหลุดกรอบนี้เลยที่ 40-50 เหรียญ

    ทำให้เราเชื่อว่ามูลค่าของราคาน้ำมันที่แท้จริงจะต้องไม่หลุดไปจากกรอบนี้ หากต้องตัดสภาพตลาดที่โดนกระทบจากการต้องส่งมอบในระยะสั้นออกไป

    แต่มูลค่าที่แท้จริงในอนาคตจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนนั้น เราก็ต้องจับตากับผลกระทบที่มีต่อตลาดน้ำมันที่แท้จริง การเปลี่ยนแปลงไปของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปของการใช้ระยะสั้นจากไวรัสระบาด หรือการขาดตลาดจากแหล่งขุดเจาะระเบิด โครงสร้างพื้นฐานของราคาที่จะเปลี่ยนไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเข้ามาทดแทนการใช้น้ำมันของพลังงานทางเลือกอื่นๆ การเข้ามาของรถ EV ประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือการจับมือกันของกลุ่มผู้ผลิตในระยะยาวว่าจะอยู่คงกระพันไปได้นานแค่ไหน

    หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามทุกท่านที่เขียนเข้ามาให้กระจ่างขึ้น และหวังว่าเราจะช่วยอธิบายกลไกการซื้อขายราคาน้ำมันของโลกให้พอเข้าใจได้ง่ายขึ้นบ้างครับ

    ฝากกด Like ให้แอดมิน กด Share ให้เพื่อนๆหรือ Comment เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อได้เลยนะครับ

    #OilTradingKP


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ติดลบ -20% ราคาส่งมอบเดือนพฤษภาคมได้หล่นลงมาที่ระดับ 14 เหรียญต่อบาร์เรล ! ลงมาต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1999 ! แต่นักลงทุนไม่ต้องตกใจกันไปนะครับเพราะว่าราคาน้ำมันส่งมอบสัญญานี้นั้นไม่ได้กระทบอะไรกับชีวิตพวกเราเลย
    717zI8OBd_w7uQegWfXGC5HXyxB66wTkcyIILbw0MExi&_nc_ohc=XylP1GXYRFYAX-XZK_r&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png
    หลายๆท่านที่เปิดเช็คราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้ #อาจจะมีเรื่องให้ตกใจได้อยู่ 2 ประเด็น

    1️⃣ หากท่านเปิดมาเห็นราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ 14 เหรียญ อาจจะตกใจที่ราคา -20%

    2️⃣ หากท่านเปิดมาเห็นราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ 24 เหรียญ อาจจะตกใจที่ราคาทำไมดีดจากวันศุกร์ขึ้นไปถึง 6 เหรียญ !

    ไม่ต้องตกใจนะครับทางเราได้ทำคลิปและเขียนบทความมาอธิบายไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วไว้ว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น ท่านใดอยากเข้าใจในรายละเอียดรบกวนลองเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ใน comment ที่เราแปะไว้ให้ได้เลยครับ

    แต่วันนี้เราอยากมาสรุปให้ฟังถึงประเด็นสำคัญว่า

    1️⃣ เหตุการณ์นี้จริงๆแล้วเกิดขึ้นทุกๆเดือน มันเป็นช่วงรอยต่อในการเปลี่ยนสัญญาระหว่างเดือนส่งมอบใกล้ที่สุดไปเดือนถัดไป

    2️⃣ แต่เดือนนี้เหตุผลที่ราคา WTI เดือน May นั้นต่างกับ WTI เดือน June เหลือเกิน เป็นราคาที่ต่างที่สุดในรอบ 20 ปี (ความ Contango ชันสุดรับตั้งแต่ปี 1999) นั้นเพราะถังน้ำมันดิบของ WTI ใน Texas นั้นกำลังล้นจนเต็มอย่างไม่มีที่เก็บแล้ว ราคาส่งมอบเดือนใกล้จึงจำเป็นต้องลดราคาลงมาอย่างหนัก

    3️⃣ ในขณะที่ราคาเดือนส่งมอบที่ 2 อย่าง June นั้นผู้ขายยังพอมีความหวังว่าความต้องการใช้อาจจะเพิ่มมากขึ้นกว่าวันนี้ และยังมีเวลาขายอีกถึงเดือนกว่าๆ จึงยังไม่ต้องเร่งลดราคาลงมา

    4️⃣ การที่เดือนส่งมอบใกล้ คือ WTI เดือน May นี้โดนเทขายหนักถึง 20% ก็เพราะว่าหากผู้ขายไม่ลดราคาขาย ไม่มีถังเก็บ ก็ต้องหยุดการผลิตไป หลายๆฝ่ายจึงพยายามที่จะขายให้ได้ไม่ว่าจะด้วยราคาต่ำเท่าไหร่

    คราวนี้มาดูประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเราบ้างนะครับ

    1️⃣ ราคาน้ำมันดิบ WTI เดือน May ที่ลงมา 20% นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันในประเทศเราเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประกอบการของบริษัทน้ำมันในบ้านเราเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจหรือคิดว่าตลาดน้ำมันในบ้านเราจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนะครับ

    2️⃣ ในขณะที่ตลาดส่งมอบน้ำมันทั่วโลกอื่นๆวันนี้ไม่ว่าจะเป็น Brent หรือ Dubai วันนี้ปรับตัวลงเล็กน้อยเท่านั้นไม่ถึง 1 เหรียญต่อบาร์เรล

    3️⃣ แนวโน้มราคาน้ำมันในอนาคตนั้นคงจะยังโดนกดดันอยู่ในระยะสั้น จนกว่าการใช้จะกลับมาจากการ Lock Down ทั่วโลกของไวรัสโควิด หรือต้องรอการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกให้เริ่มมีผลในต้นเดือนหน้าครับ และทางเราจะคอยอัพเดทให้เรื่อง กดติดตามหรือ See First กับเราไว้ได้เลยครับ

    ใครสนใจเรียนรู้รายละเอียดลองกดดูได้ในคอมเม้นท์ถึงบทความและคลิปก่อนๆเลยครับ

    ฝากกด Like และ Share ให้ด้วยหากบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

    วันนี้เราจะมาเจาะลึกตลาดน้ำมันในสิงคโปร์กันบ้างนะครับ หลายท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่าราคาน้ำมันในไทยนั้นอ้างอิงมาจากตลาดสิงคโปร์

    แต่วันนี้เราจะมาลงรายละเอียดกันว่า #กลไกการซื้อขายน้ำมันในสิงค์โปร์นั้นมันต่างกับทางตะวันตก อย่าง WTI และ Brent อย่างไร ? เขามีวิธีกำหนดราคากันอย่างไร ? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาที่ประกาศออกมาเป็นราคาที่เหมาะสมไหม ? หรือว่าบางทีมันอาจจะแพงเกินจริงไปได้ไหม ???

    วันนี้จึงอยาก #อธิบายให้ทราบกันจนกระจ่างเลยครับ ท่านใดเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด Like ให้แอดมิน กด Share ให้เพื่อนๆได้ทราบด้วย หรือ Comment เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เลยนะครับ

    ทำไมราคาน้ำมันในไทยนั้นต้องอ้างอิงมาจากสิงคโปร์ ?

    คำถามนี้จริงๆทุกท่านสามารถหาคำตอบได้ทั่วไปจากอินเตอร์เน็ตเลยนะครับ เพราะมีคนเขียนอธิบายไว้เยอะมากแล้ว แต่เราจะลองมาตอบคำถามแบบง่ายๆไม่วิชาการกันดูละกันครับ เหตุผลมีอยู่ว่า

    1️⃣ ราคาที่เรากำลังอ้างอิงในสิงคโปร์นั้น #ไม่ใช่ราคาน้ำมันในปั๊มของสิงคโปร์นะครับ อย่าเข้าใจผิดไปเชียว

    ราคาน้ำมันที่เรากำลังอ้างอิงนั้นคือตลาดซื้อขายกลางในสิงคโปร์ เป็นจุดที่เรือน้ำมันจากทุกประเทศในภูมิภาคในเอเชียวิ่งเข้ามาบรรจบกันเพื่อทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายน้ำมันในแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบหรือน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเบนซินและดีเซล หากใครมีน้ำมันเกินก็นำมาขายได้ที่สิงคโปร์นี้ ใครขาดน้ำมันอะไรก็มารับซื้อจากตลาดสิงคโปร์นี้ ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นตลาดราคากลางของเอเชียที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะมีผู้เล่นจากทั่วทุกมุมของเอเชียนำของเข้ามาซื้อขายกันตลอดเวลา (เดี๋ยวเราจะมาเจาะรายละเอียดตรงนี้กัน)

    2️⃣ เพราะว่า #ไทยเรายังต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างชาติอยู่ เป็นส่วนใหญ่ - เรายังไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองในปริมาณที่มากพอจึงต้องพึ่งการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่มากกว่า 80%

    3️⃣ เนื่องจากว่าเราขาดน้ำมันดิบเราก็เลยต้องไปนำเข้าจากตลาดต่างประเทศมาและ #ตลาดที่ใหญ่และใกล้เคียงที่สุดก็คือสิงค์โปร์ - เช่นเดียวกับประเทศอื่นในเอเชียที่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) จากตลาดสิงค์โปร์ยังเป็นต้นทุนหลักในของโรงกลั่นในภูมิภาคและในบ้านเราอยู่ แม้ว่าในช่วงหลังๆนี้เราจะพยายามเปลี่ยนการนำเข้าจากมาจากภูมิภาคอื่นเข้ามามากขึ้นตามระดับราคาโลกที่เปลี่ยงแปลงไป แต่น้ำมันดิบดูไบยังเป็นต้นทุนเกินอยู่กว่า 50%

    4️⃣ ถ้าเราจะไม่ทำการกลั่นน้ำมันดิบกันในประเทศเอง - หากเราจะ #สมมุติว่าเราไม่มีโรงกลั่น และต้องนำเข้าน้ำมันเบนซินและดีเซลจากต่างชาติมาเติมใส่ปั๊มในประเทศเราให้ได้ใช้กัน ตลาดสิงค์โปร์ก็คือต้นทุนราคาที่เราต้องนำเข้ามาอยู่ดีและนั้นก็จะเป็นต้นทุนของปั๊มเรา ทำให้ราคาก็จะไม่ต่างอะไรมากกับราคาที่โรงกลั่นเราขายอยู่ดี จริงๆแล้วราคาของโรงกลั่นเรายังถูกกว่าด้วยซ้ำเพราะการนำเข้าน้ำมันดิบนั้นถูกกว่าน้ำมันสำเร็จรูปหลายเท่า เพราะสามารถขนถ่ายได้ในปริมาณมากและไม่ต้องไปเสียค่าจ้างจากการกลั่นให้ประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นราคาขายในประเทศที่อิงกับตลาดสิงค์โปร์นี้จึงเป็นราคากลางที่เหมาะสม

    5️⃣ สิงค์โปร์ก็เป็นเมืองท่าประตูทางผ่านจากจะวันออกกลางสู่เอเชียที่เป็นหลักที่สุด #จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญนี้ ทำให้เขาสามารถตั้งตัวขึ้นมาเป็นจุดซื้อขายน้ำมันหลักๆได้ - เพราะอย่างที่เรียนว่าไม่ใช่แค่เพียงประเทศไทย แต่หลายๆประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองนั้นก็กำลังต่างก็ต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง และทุกๆเส้นทางของแต่ละประเทศนั้นต้องมีสิงคโปร์อยู่ระหว่างกลาง

    ขอไม่ลงรายละเอียดไปมากกว่านี้แล้วนะครับ เพราะหากใครสนใจรายละเอียดเพิ่มก็ลองสรรหาคำอธิบายในเน็ตได้เลยครับ

    วิธีการซื้อขายราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) นั้นต่างจาก Brent และ WTI อย่างไร ?

    มาเริ่มเข้ารายละเอียดของกลไกกันเลยครับ ! อย่างแรกเลยคือ ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI นั้นซื้อขายอยู่ที่ตลาด Futures Exchange ในตะวันตก (รายละเอียดอ่านได้จากบทความเมื่อคืนนี้เดี๋ยวแนบไว้ให้ใน comment) ส่วน Dubai นั้นไม่มีตลาด Exchange นะครับ อย่าเข้าใจผิดว่า Dubai นั้นเทรดในตลาด Exchage ของ Singapore Simex นะครับ ผมได้ยินหลายท่านถามเข้ามาเช่นนี้จึงต้องขอเคลียร์ให้กระจ่างตรงกัน

    เราสามารถดูราคาน้ำมันดิบชนิดต่างๆได้ที่ไหน ?

    ราคาน้ำมันดิบที่เป็น Futures Exchange นั้นราคาจะดูได้ง่ายหน่อย ไม่ว่าจะเปิดไปที่เว็บข่าวสารหลักๆอย่าง Bloomberg + Reuters + Investing.com ก็สามารถดูได้เลย เพราะข้อมูลจากตลาด Exchange นั้นมีการซื้อขายให้ดูได้กันตลอดทั้งวัน หรือสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บของตลาดนั้นโดยตรงอย่าง Brent ที่เทรดในตลาด ICE และ WTI ที่เทรดในตลาด Nymex ก็จะมีรายงานให้เห็นเลยในเว็บ

    แต่ทางด้านราคาน้ำมันดิบ Dubai นั้นจะมีระบบซื้อขายที่ต่างกัน ทั้งราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบในภูมิภาคของเราจะไม่ได้ใช้ราคา Futures Exchange เป็นหลัก แต่ราคาจะถูกกำหนดโดย Platts ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลการซื้อขายน้ำมันแล้วนำมาประเมินราคาประกาศออกมารายวัน วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ทำให้เราจะไม่สามารถเห็นราคาน้ำมันดิบดูไบหรือราคาน้ำมันสำเร็จรูปของสิงคโปร์ วิ่งขึ้นลงรายวันได้ตลอดเวลาเหมือนกับ Brent และ WTI ถ้าใครอยากหาข้อมูลนั้นต้องเข้าไปหาในเว็บของ Platts หรือตามเว็บอื่นๆที่นำราคาที่ใกล้เคียงมาแสดงอีกที เพราะว่าราคาโดยตรงของ Platts นั้นจะมีค่าลิขสิทธิ์ที่แพงมาก

    ทำไมน้ำมันดิบในเอเชียเรานั้นถึงยังไม่มีระบบการซื้อขายแบบตลาด Futures ?

    ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่แค่ยังไม่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียเรา และทาง Platts ก็พยายามช่วยควบคุมดูแลกลไกราคาให้เป็นกลางที่สุดอยู่เสมอ ผู้ค้าน้ำมันในเอเชียเราจึงยังชินและเลือกการซื้อขายแบบนี้เป็นหลักอยู่ (ต้องย้ำว่าเป็นผู้ซื้อขายในเอเชียทั้งหมดนะครับ ไม่ใช่ว่าไทยเราเป็นคนเลือกเอง เราแค่ทำตามกลไลตลาดที่ทุกคนนิยมที่สุดเพื่อให้ได้ราคาอ้างอิงที่ดีที่สุด)

    ในเอเชียนั้นยังมีตลาดน้ำมันดิบโอมาน (Oman) และเซี่ยงไฮ้ (Shang Hai) อีกสองแห่งที่ใช้ระบบฟิวเจอร์ซื้อขายและรับส่งมอบน้ำมันกันจริงๆ แต่ทั้งสองก็ยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณการซื้อขายให้สูงพอที่จะทำให้ทั้งสองตลาดกลายมาเป็นราคาพื้นฐาน (Benchmark) ของเอเชียเข้ามาทดแทนดูไบได้

    ในปีนี้ทางด้านตลาด ICE ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดน้ำมัน Futures ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ตลาดที่ Brent เทรดอยู่) ก็ได้พยายามเข้ามาเจาะตลาดซื้อขายในเอเชียแข่งกับ Platts โดยการประกาศการเปิดตัวสัญญาน้ำมันดิบ Murban - ICE Futures Abu Dhabi (IFAD) ตลาดฟิวเจอร์ใหม่ในเอเชียนี้ (ตามที่เราได้เคยเขียนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว) น่าจะเริ่มซื้อขายกันกลางปีนี้ เราคงต้องมาติดตามชมกันว่าจะทำได้สำเร็จและมีคนหันมาใช้กันมากขึ้นเช่นน้ำมันดิบ Brent หรือไม่ ? และตลาดเอเชียจะเริ่มผันตัวไปอ้างอิงราคาน้ำมัน Murban ที่ซื้อขายกันเป็น Futures กันมากขึ้นด้วยหรือป่าว

    แล้ว Platts ใช้วิธีอะไรในการกำหนดราคาน้ำมันในสิงคโปร์ให้แฟร์และสมดุลที่สุด ?

    ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันหรือสินค้าอะไรก็ตาม.. อะไรคือราคาซื้อขายที่แฟร์ ? ที่เหมาะสม ? และสมดุลที่สุด ?

    #ราคาที่เหมาะสมที่สุดนั้น ก็น่าจะเป็นราคาที่ผู้ซื้อจำนวนมากพร้อมที่จะรับซื้อ และผู้ขายจำนวนมากพร้อมที่จะยอมขายใช่ไหมครับ ? มันคงจะเป็นราคาตลาดที่สมดุลที่สุด

    แต่เนื่องจากปริมาณการซื้อขายน้ำมันดิบในเอเชียนั้นต่างจากตะวันตก เรานำเข้ากันมาจากตะวันออกกลางกันทีละล็อตใหญ่ๆ ขนใส่เรือน้ำมันดิบขนาดใหญ่เข้ามาในภูมิภาค ไม่ได้ซื้อขายกันเป็นล๊อตเล็กๆอย่างในสหรัฐหรือว่ายุโรป ทำให้จำนวนการซื้อขายหรือ Transactions ของเรานั้นไม่ได้เยอะมากเท่าทางตะวันตก ทำให้เราไม่สามารถซื้อขายกันเป็นตลาด Futures ที่เปิดทั้งวันได้เพราะสภาพคล่องเราอาจจะไม่ได้สูงได้ทั้งวัน และพอสภาพคล่องไม่สูงราคาที่ซื้อขายกันก็อาจจะไม่แฟร์ เพราะผู้ขายอาจต้องยอมขายในราคาที่ถูกเพราะไม่ได้มีผู้ซื้ออยู่ในตลาดเยอะ ณ เวลานั้น

    ทาง Platts นั้นจึงต้องหาวิธีใหม่ที่จะทำอย่างไรให้ผู้ซื้อผู้ขายทั้งหมดในเอเชียมากำหนดราคาซื้อขายรายวันกันได้โดยให้มีสภาพคล่องสูงที่สุด ทาง Platts จึงได้ตั้งเวลาการซื้อขายขึ้นมาที่เรียกว่า Platts Window คือจะกำหนดเวลาให้ผู้ซื้อและผู้ขายน้ำมันดิบและสำเร็จรูปชนิดต่างๆ เข้ามาทำการซื้อขายน้ำมันกันได้ในตลาดกลาง ทุกๆวันจันทร์-ศุกร์เวลา 16.00 - 16.30น. ของสิงคโปร์ครับ เพื่อให้สภาพคล่องทั้งหมดนั้นมารวมกันอยู่ในเวลาสั้นๆนี้และมีประสิทธิภาพในการวัดราคาที่สมดุลสูงสุด (เรียกได้ว่านัดเวลาเข้ามาประมูลกันทุกวันเลย ทุกคนจะได้เข้ามาพร้อมๆกัน)

    ทุกคนเข้ามาพร้อมๆกันแล้วราคาจะแฟร์และสมดุลอย่างไร ? ราคาจะโดนปั่นได้ไหม ?

    วิธีการที่จะพยายามทำให้ราคานั้นแฟร์ที่สุดก็จะคล้ายๆกับที่ตลาด Futures Exchange พยายามใช้กับ Brent และ WTI ที่ได้อธิบายไปในบทความก่อนครับ โดย Platts ใช้วิธีการว่าหากใครก็ตามที่ต้องการเข้ามา เสนอซื้อ (Bid) หรือ เสนอขาย (Offer) ในช่วง Singapore Window นั้น จะต้องรับส่งมอบน้ำมันตามเกรดนั้นจริงๆตามที่ Platts กำหนด จะไม่มีใครสามารถเข้ามาซื้อขายราคาต่างๆเพียงเล่นๆได้ ต้อง #มีประสงค์ที่จะรับน้ำมันไปในระดับราคานั้นจริงๆ

    การทำแบบนี้นั้นทำให้ยากที่ราคาจะโดนปั่นได้ เพราะบริษัทน้ำมันต่างๆ ที่เข้ามาร่วมซื้อขายนั้นต้องพร้อมที่จะรับน้ำมันไปในราคาที่เสนอจริงๆ

    #ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A อาจต้องการปั่นราคาน้ำมันเบนซินขึ้น จึงเข้าไปตั้งราคาเสนอซื้อไว้สูงมากเกินกว่าสภาพความเป็นจริงของตลาด บริษัท B หรือ C ที่มีน้ำมันชนิดนี้ในมือก็สามารถนำออกไปขายให้ บริษัท A ที่ราคาที่ Bif เข้ามานั้นได้จริงๆ และบริษัท A ก็ต้องยอมไปรับของและจ่ายเงินตามราคาที่เคยเสนอซื้อไว้จริงๆ ตามวันส่งมอบที่กำหนด ทำให้หากใครจะปั่นราคาที่สูงไปก็จะมีผู้เล่นอื่นจ้องที่จะเอาของมาขายทำกำไรอยู่เสมอ ก็จะกลายเป็นความเสี่ยงต่อผู้ปั่นคนนั้นได้

    Platts จึงคิดว่ากลไกนี้สมบูรณ์ที่สุดแล้วในการใช้กำหนดราคา #เพราะคงไม่มีใครกล้าเข้ามาเสนอราคาสุ่มสี่สุมห้าได้ครับ

    แล้วราคาที่เราอ้างอิงในสิงค์โปร์นั้นมาจากไหน ?

    เมื่อเสร็จสิ้น Platts Window นี้ในในทุกๆวันแล้ว Platts ก็จะมาตรวจสอบดูว่าในช่วง 16.00 - 16.30น. นี้ มีการซื้อขายน้ำมันชนิดต่างๆ ที่ราคาไหนบ้าง และเอาราคาเหล่านั้นมาคำนวน #และประกาศเป็นราคา Mean of Platts Singapore (MOPS) หรือ #เป็นราคาน้ำมันที่เราใช้หน้าโรงกลั่น ที่หลายคนคงได้ยินกันจนชินนั้นเองครับ จะประกาศทุกวันทำการสำหรับทุกๆผลิตภัณฑ์ทุกๆเกรดน้ำมันอย่าง ดูไบ เบนซิน ดีเซล น้ำมันเตา แนฟทา และน้ำมันอื่นๆอีกหลายชนิด

    โดยในรายละเอียดนั้นหากมีรายการซื้อขายหรือ Transaction ที่ทาง Platts คิดว่าไม่เหมาะสม ทาง Platts ก็จะสามารถตัดรายการนั้นออกมาโดยไม่นำมาคำนวนเป็นราคาตอนปิดวัน ทาง Platts นั้นทราบดีว่าราคาน้ำมันที่เขาประกาศออกมาทุกเย็นนั้นกำลังมีความสำคัญและกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันทั่วทุกภูิภาคมาก เขาจึงพยายามคอยระวังและสอดส่องให้ราคาที่ประกาศนั้นเป็นกลางเสมอ และเขารู้ตัวว่าหากราคาไม่เป็นกลางสุดท้ายแล้วผู้ซื้อขายก็อาจจะไม่ไว้ใจในการใช้ราคานี้อ้างอิงอีกต่อไป

    อย่างงี้แปลว่าถ้าเราต้องการซื้อขายนำเข้าหรือส่งออกน้ำมันในภูมิภาคเรา เราต้องซื้อแค่ในตลาด Platts สิงคโปร์เวลา 16.00 - 16.30น. เท่านั้นหรือ ?

    ไม่ใช่นะครับ ผู้ซื้อผู้ขายน้ำมันสามารถทำการซื้อขายกันได้ตลอดเวลาเมื่อไหร่และที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ว่าราคาที่ซื้อขายกันนอกเวทีที่ Platts กำหนดขึ้นมานั้น Platts จะไม่ได้นำมาคำนวนในราคารายวันของ MOPS เพราะ Platts ไม่ได้เป็นคนยืนยันราคาในการซื้อขาย และอาจจะมีการซื้อขายที่ราคาไม่สมดุลกับตลาดได้ (ราคาสูงหรือต่ำจนเว่อกันเกินไป) ทำให้ดีลข้างนอกเหล่านี้จะไม่ได้นำมาคำนวนและมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันบ้านเราครับ

    ส่วนราคาซื้อขายที่ทำกันนอกตลาด Platts นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการตกลงแค่ราคา Premium หรือส่วนต่างจากราคาพื้นฐาน (Benchmark) ที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันเองก่อนส่งมอบ แต่เมื่อถึงวันส่งมอบแล้วส่วนใหญ่ราคาที่ซื้อขายกันก็จะไปอ้างอิงจากราคาที่ Platts ประกาศออกมารายวันเพิ่มด้วยอยู่ดีครับ (ราคาเต็มคือราคา Premium + ด้วยราคาประกาศ Platts)

    ทุกท่านเคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า เรือน้ำมันต่างๆในอ่าวของสิงค์โปร์นั้นมันจะเยอะไปไหนกัน ? (รูปที่แนบไป)

    หลายท่านที่เคยไปสิงค์โปร์มาอาจจะสงสัยว่าเรือน้ำมันเหล่านี้นั้นจะเยอะไปไหน เค้าไม่ห่วงภาพลักษณ์ของหาดเลยหรือ ? ท่าเรือสิงค์โปร์นอกจากจะเป็นท่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยังมีเรือน้ำมันของบริษัทต่างๆ ที่ลอยลำอยู่เต็มไปหมด

    เหตุผลก็เพราะว่าพวกเขาลอยไว้เอาไว้พร้อมที่จะเข้าไปซื้อขาย ส่งมอบในตลาด Platts ที่เพิ่งอธิบายไปนี่เหละครับ เพราะถ้ามีผู้ซื้อคนไหนมีความพยายามดันราคาให้สูงเกินไป บริษัทอื่นๆก็พร้อมที่จะนำน้ำมันทั้งหายเหล่านี้เข้าไปขายในราคานั้น (เพราะคนขายก็ต้องมีของพร้อมส่งมอบจริงๆด้วย)

    ถามว่าสิงคโปร์ห่วงภาพลักษณ์ของหาดไหม ? คงห่วง แต่ห่วงไม่เท่ากับโอกาสในการทำกำไรและทำให้ตลาดน้ำมันนั้นเสรีและมีผู้เล่นมากพร้อมที่สุดครับ



    หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามทุกท่านที่เขียนเข้ามาให้กระจ่างขึ้น และหวังว่าเราจะช่วยอธิบายกลไกการซื้อขายราคาน้ำมันของโลกที่ซับซ้อนให้พอเข้าใจได้ง่ายขึ้นบ้างครับ

    ฝากกด Like ให้แอดมิน กด Share ให้เพื่อนๆหรือ Comment เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อได้เลยนะครับ

    #OilTradingKP


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโลก ราคาน้ำมันติดลบ !!
    ut-r9r42fxUTKmeUnoC0Xaqsg9Std_QDdvNnItjLToiq&_nc_ohc=f_r70aUD66EAX8Otorr&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    ตอนนี้ที่แคนาดา มีการซื้อขายน้ำมัน ในราคาติดลบ แล้ววว โดยที่หลายประเทศตอนนี้ไม่มีที่เก็บน้ำมันกันแล้ววว บ้าไปแล้วนะเนี่ย

    ทรัมป์ทำไรอยู่อ่ะ เงียบเลยนะ อุตสาหกรรมน้ำมัน สหรัฐ จะเป็นยังไง? คิดแต่ว่าจะพิมพ์เงินแก้ปัญหาหรือไง!

    ตอนนี้ซาอุ รัสเซีย ยังนอนหลับกันอยู่เลย!! ตื่นๆ

    ในต่างประเทศตอนนี้เป็นข่าวใหญ่มากๆ ทั้งใน investing CNBC Reuters

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนี้บริษัทต่อ GDP ตอนนี้ทั่วโลกได้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งช่วงโควิด-19 รัฐบาลแต่ละประเทศก็ต้องกู้เงิน เพื่อแจกเงินให้กับประชาชน และต้องอุ้มบริษัทเอกชนมากมายภายในประเทศ
    8s2zaSfLo7q2xAjS56XBEoj0jV0E_Uejss06EM-UqVy3&_nc_ohc=Hii1_j046o4AX9mvamx&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    และเอกชนก็เช่นกัน ต้องแบกกับภาระหนี้มหาศาล ทั้งบริษัทเล็ก หรือใหญ่ และตอนนี้ยังไม่มีรายได้เข้ามาเลย

    ที่กล่าวมาว่า วันนี้เราเตรียมตัวพร้อมกันหรือยัง ? ทุกคน กับ อนาคตอาจจะเกิดวิกฤตใหญ่อีกครั้ง การงานเรามั่นคงหรือยัง ? มีเงินเก็บไว้ฉุนเฉิน 3-6 เดือนแล้วหรือยัง ? ภาระหนี้ต่อเดือน เราคุมอยู่มั้ย ? มีรายได้เสริมหรือป่าวถ้าเกิดบริษัทล้มละลาย ?

    ภาวะเงินฝืด กำลังจะมาที่ทุกคนในโลกจะจับจ่ายกันน้อยลง การจ้างงานก็จะน้อยลง คนตกงานจะมากขึ้น เหมือนครั้งอดีตๆ ที่ผ่านมา

    ถ้าเกิดนานขนาดนั้น เราจะใช้ชีวิตกันยังไง ? มีเงินกินข้าวหรือป่าว ?
    อยากจะให้ทุกคนเตรียมตัวกับตัวเองนะคับ รีบจัดการหนี้ที่ไม่จำเป็นออกไป เศรษฐกิจไทยเราเองปีนี้ GDP เราจะตกถึง 5-7% เลยนะ ตกมากกว่าวิกฤตที่ผ่านมาซะอีก

    ตอนต้มยำกุ้ง GDP เราดิ่ง -7.6% เลยนะ

    หวังว่าโพสนี้จะเตือนทุกคนไว้นะคับ และรู้ไว้ในใจ อยากจะให้ช่วยกันเตรียมพร้อมนะคับ ขนาดตอนนี้โควิด-19 คนตกงานแค่ 1 เดือน ก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คนไม่มีกินกันเลย กระทบทุกคน

    แบ่งเงินสำรองไว้ ไม่ใช่ลงทุน 100% เลยกันด้วยนะคับ



     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เป็นบุญตา ที่ราคาน้ำมัน WTI ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
    ไม่เคยมีการที่ราคาตกหนักเท่านี้มาก่อน

    จริงๆมันคือ สิ่งที่ควรกังวลนะ -99.56% ในวันเดียว เหลือ $0.08 ตลาดหุ้น SET เราขึ้นได้ เพราะสถาบันกองทุนเอาแต่ดันตลาดขึ้นทุกวัน จนทำให้เราไม่รู้สถานการณ์ที่เป็นจริงของตอนนี้

    ราคาตอนนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันเดือนต่อไป ถูกแรงเทขาย อีกด้วย เพราะกลัวจะดิ่งอีก

    ตอนนี้ WTI June 2020 ยังอยู่ที่ $22.51 ตก -10.23%

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คัดข่าว

    เหตุเกิดที่สเปน #Spain
    คนขับรถแท็กซี่คนนึงซึ่งชอบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

    มาวันหนึ่ง เขาได้รับโทรศัพท์ให้มารับผู้ป่วยที่โรงพยาบาล

    พอมาถึง ทั้งคุณหมอ พยาบาล ต่างปรบมือขอบคุณหัวใจอันยิ่งใหญ่ของเขา พร้อมยังมีซองเงินเป็นสินน้ำใจอีกด้วย
    CR TW #motorwars
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor
    safe_image.php?d=AQCrDhGiL8P3Y31A&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs3.reutersmedia.jpg
    'สหรัฐ-ออสเตรเลีย' รวมพลังกดดัน'จีน'
    : ทุกประเทศยังคงเดินหน้าควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อย่างหนักหน่วง หลายประเทศจำนวน ผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงบ้างแล้ว จึงเริ่มมีการพิจารณาเรื่องการเดินหน้าเศรษฐกิจอีกครั้ง ในสหรัฐก็ไม่แตกต่างจากที่อื่นอาจพิเศษตรงบ้างที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงวิจารณ์จีน อยู่อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ออสเตรเลียก็มีความเห็นไปในทำนองเดียวกัน

    "ไวรัสน่าจะถูกหยุดยั้งได้ตั้งแต่ในจีน ก่อนเริ่มไปที่อื่น แต่ก็หยุดไม่ได้จนเสียหาย กันไปทั้งโลก" ทรัมป์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันของทำเนียบขาว เมื่อวันเสาร์ (18 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นกระสุนนัดล่าสุดในสงครามน้ำลายระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก ที่ความสัมพันธ์ตึงเครียดลงทุกวันท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรนาระบาด ไม่หวั่นคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญที่ว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้จำเป็นต้องใช้ความร่วมมือมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาจัดการ

    "ถ้าเป็นความผิดพลาด พลาดก็คือพลาด แต่ถ้าหากเป็นความรับผิดชอบ ที่รู้ดีอยู่แล้วล่ะก็ แน่นอนต้องรับผลที่ตามมา" ทรัมป์กล่าวโดยไม่ได้ระบุว่าสหรัฐจะทำอะไรกับจีนต่อไป

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์และ เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวหาว่าจีนไม่โปร่งใสหลังเกิดเหตุไวรัสโคโรนาระบาดที่เมืองอู่ฮั่น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สัปดาห์ก่อนถึงกับ ระงับเงินช่วยเหลือองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) จากข้อกล่าวหา "เข้าข้างจีน" นับตั้งแต่ไวรัสระบาดรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่งปะทะคารมกันหลายรอบ ทรัมป์เอง ตอนแรกก็ยกยอจีนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสียเลิศหรูว่ารับมือการแพร่ระบาดได้ดี แต่เขา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงกลับเรียกเชื้อโรคนี้ว่า "ไวรัสจีน" ช่วงไม่กี่วันหลังทรัมป์ยิ่งใช้วาจา รุนแรงมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่จีนบางราย กล่าวหาว่าต้นกำเนิดไวรัสมาจากกองทัพสหรัฐ พวกเขาก็ปฏิเสธอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง

    นักวิจารณ์ในสหรัฐมองว่า แม้จีนจะรับมือ การระบาดไม่ดีในช่วงแรกๆ และยังต้องแสดงความโปร่งใสว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทรัมป์ ก็พยายามเอาเรื่องจีนมากลบเกลื่อน ข้อบกพร่องของตนเองในการรับมือการแพร่ระบาด และฉวยโอกาสที่ชาวอเมริกันเกิดความรู้สึกต่อต้านจีน สร้างความได้เปรียบสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีวาระ 2 ในปีนี้

    แต่ในเวลาเดียวกันทำเนียบขาว ตระหนักดีว่า หากความขัดแย้งร้อนแรงเกินไปอาจเกิดกระแสตีกลับ บุคลากรทางการแพทย์ อเมริกันขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนตัว (พีพีอี) ที่สหรัฐต้องพึ่งพาจีนสูงมาก และทรัมป์ก็อยากให้ข้อตกลงการค้าที่เจรจากันยากเย็นแสนเข็ญเป็นไปตามแผน เขาจึงต้องย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ดำเนินไปด้วยดีมาโดยตลอด เห็นได้จากจีน ตกลงซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ความสัมพันธ์เริ่ม มีปัญหาตั้งแต่ไวรัสระบาด

    คำถามขณะนี้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ที่จีนต้องตอบในทัศนะทรัมป์คือ "เป็น ความผิดพลาดที่เกินควบคุม หรือจงใจทำ ซึ่งสองเรื่องนี้แตกต่างกันมาก"

    ทรัมป์ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับรายงานข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาของสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์นิวส์ว่า เป็นไปได้ที่ห้องทดลอง ไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่นพัฒนาไวรัสตัวนี้ ขึ้นมา ตามโครงการระบุตัวไวรัสเพื่อการรับมือ ของรัฐบาลจีน กรณีนี้ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลของตนก็พยายามหาคำตอบว่าไวรัสหลุดมาจากห้องทดลองในจีนจริงหรือไม่

    ย้อนกลับไปล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นที่ทางการจีนสนับสนุน ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า ไวรัสอาจสังเคราะห์หรือเผลอหลุดมาจากห้องทดลองแห่งใดแห่งหนึ่ง ของสถาบัน

    เท่านั้นยังไม่พอ ผู้นำสหรัฐยังสงสัยถึงยอดผู้เสียชีวิตในจีน ที่เพิ่งปรับยอดใหม่เมื่อวันศุกร์ (17 เม.ย.) เพิ่มยอดผู้เสียชีวิตในอู่ฮั่น อีก 1,300 คน หรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เป็นยอดที่ยังไม่ได้นับ แต่ปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่การปกปิดตัวเลขอย่างที่ถูกกล่าวหา

    ปัจจุบันสหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา มากที่สุดกว่า 720,000 คน เสียชีวิตกว่า 37,000 คน แม้แต่เดบราห์ เบิร์กซ ผู้ประสานงาน คณะทำงานไวรัสโคโรนาทำเนียบขาว ผู้ไม่ได้ มีทัศนคติทางการเมืองแบบเดียวกับทรัมป์ ก็อดตั้งคำถามกับข้อมูลของจีนไม่ได้

    เธอแสดงแผนภูมิชี้ว่า อัตราการเสียชีวิต ต่อประชากร 100,000 คนของจีนนั้นต่ำกว่าประเทศยุโรปและสหรัฐมาก เป็นตัวเลขที่ "ไม่จริง" และจีนมีความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

    และในโอกาสการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ ทรัมป์ยังใช้การแถลงข่าวเรื่อง ไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาว โจมตีโจ ไบเดน ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งโดยกล่าวถึงผลงานที่ไบเดน หรือที่เขา เรียกว่า "โจผู้หลับใหล" ทำกับจีนสมัยเป็น สมาชิกวุฒิสภาและรองประธานาธิบดี แน่นอนว่าทรัมป์ย้ำถึงนโยบายการค้าที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับปักกิ่ง ระบุว่า หากไบเดน ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ก็ถึงทีที่จีน และประเทศอื่นๆ ต้องมายึดสหรัฐ ไปอย่างแน่นอน

    ออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ออกมากดดันจีนเรื่องการรับมือการ แพร่ระบาด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วานนี้ (19 เม.ย.) มาริส เพย์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียเผยกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า เธอกังวลเรื่องความโปร่งใสของจีน ออสเตรเลียยืนยันอย่างเด็ดขาด จำต้องมีการตรวจสอบอิสระเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา

    ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียระบุว่า วานนี้ออสเตรเลียมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 คน ยอดรวมอยู่ที่ 6,586 คน เสียชีวิต 71 คน ถือว่าจัดการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีก่อนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล อัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มไม่ถึง 1% เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศมาก

    เสียงเรียกร้องจากรัฐมนตรีต่างประเทศให้เปิดสอบสวนเรื่องการแพร่ระบาด เกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับคู่ค้าที่สำคัญที่สุดกำลังตึงเครียด ออสเตรเลียเคยกล่าวหาจีนว่า เข้าแทรกแซงกิจการภายใน และเพิ่มอิทธิพลในเขตแปซิฟิกจนเลยเถิด

    "ดิฉันไว้วางใจจีนเสมอมา ที่กังวลคือ ความโปร่งใส และต้องการสร้างหลักประกันว่า เราสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเปิดเผย" รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียย้ำ ส่วนข้อกล่าวหาของทรัมป์ที่ว่า ดับเบิลยูเอชโอเข้าข้างจีนนั้น เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรเลียก็วิจารณ์ ทำนองเดียวกันว่า การรับมือของ ดับเบิลยูเอชโอไม่ได้ช่วยโลกเลย

    "ที่เราทำได้ดีก็เพราะเราตัดสินใจ ด้วยตนเองในฐานะประเทศหนึ่ง" รัฐมนตรีสาธารณสุขย้ำ สะท้อนถึงความไม่ไว้ใจจีน ที่กระทบไปถึงดับเบิลยูเอชโอด้วย

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
    www.reuters.com
    https://www.reuters.com/article/us-...WX9vWSjZm54mHMgvqPfr3Wwv7Xb1APzbdgDub_G5SAptw
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor

    ⏰ พลังของเวลาในยามที่ราคา WTI ติดลบ -306% ?
    แล้วมูลค่าที่แท้จริงของน้ำมันนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ ?
    -xngT4xJdkd_OiC3Kz05xukOt2aYYRyebWDNCJgonRb5&_nc_ohc=P8nxOsrq2-4AX9Tpfl3&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    วันนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ติดลบ -306% ตลาดน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสหรัฐกำลังเผชิญกับราคาที่ลดลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 1982 หากใครขายน้ำมันดิบ WTI สัญญาส่งมอบเดือนพฤษภาคมนี้ (May'20 Contract) ไปเมื่อวานที่ราคา 18 เหรียญต่อบาร์เรล วันนี้คุณก็สามารถซื้อน้ำมันก้อนนั้นกลับคืนมาได้ที่ราคา 10 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว ผ่านไปวันเดียวสามารถทำกำไรได้มูลค่ากว่า 50% !

    แต่นั้นไม่ใช่ #พลังของเวลา
    ที่เราอยากมาเขียนเล่าในวันนี้ครับ

    เพราะเวลาที่เรายกตัวอย่างไปเมื่อกี้นั้นคือสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน นับเวลาจากการขายจนกว่าจะมาซื้อกลับนั้นเวลาได้ผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว... ไม่มีใครรู้ว่าก่อนที่เวลาจะผ่านไปมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ราคาอาจจะไม่ได้ปรับตัวลดลงมาก็ได้ อาจจะปรับขึ้นแทน

    เวลาที่ผมอยากมาเขียนถึงในวันนี้คือจุดเวลาในช่วงเวลาเดียวกัน #แต่กำลังมองไปถึงเวลา 2 จุดในอนาคตที่ต่างกัน ซึ่งมันทรงพลังมากและก็สร้างความสับสนมากในตลาดการซื้อขายของโลกเรา

    มาถึงตรงนี้แล้วใครงงอย่าเพิ่งหยุดอ่านนะครับ... #ความสนุกกำลังจะเริ่มจากจุดนี้เป็นต้นไปครับ และความเข้าใจจะกระจ่างออกมาเอง



    ในคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทุกท่านเห็นว่าติดลบ -306% อยู่นั้นคือราคาน้ำมันดิบ WTI ที่จะส่งมอบกันในเดือนพฤษภาคม (May'20 Contract) ที่ได้หล่นลงมาที่ระดับ 10 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว ในขณะที่ในเวลาเดียวกันนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่จะส่งมอบกันในเดือนมิถุนายน (Jun'20 Contract) นั้นกำลังซื้อขายอยู่ที่ 22 เหรียญ หรือมีราคาสูงกว่าถึง 2 เท่า

    2 สัญญานี้ทุกอย่างแทบจะเหมือนกันหมด... จุดที่ส่งมอบของน้ำมัน ปริมาณที่ต้องส่งมอบ และคุณภาพของน้ำมันที่ต้องส่งมอบนั้นเหมือนกันทุกๆอย่าง สิ่งที่ต่างกันมีอยู่แค่สิ่งเดียวนั้นคือ #เวลา ในการส่งมอบ

    หากคุณต้องการจะสั่งซื้อน้ำมันในตอนนี้ เพื่อให้มาส่งให้คุณใช้ได้ในเดือนพฤษภาคม คุณจะสามารถสั่งซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าถ้าคุณสั่งให้น้ำมันมาส่งในเดือนมิถุนายนถึงครึ่งนึงเลยทีเดียว...

    ⚠️⚠️⚠️ เอ๊ะ... มันเป็นไปได้อย่างไร ? ทำไมสั่งซื้อให้มาส่งเร็วราคาถึงได้ถูกกว่า ? ปกติเวลาเราสั่งซื้อของ Online ผ่าน Lazada หรือ Shopee นั้นยิ่งเราอยากได้รับของเร็วราคาจะยิ่งแพงกว่าไม่ใช่หรือ ?

    ใช่แล้วครับ โดยปกติแล้วราคาสินค้าทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น ยิ่งมาส่งเร็วราคาจะยิ่งแพง เพราะว่าของทุกสิ่งที่เราสามารถใช้งานได้จะมี Convenience yield หรือผลผลิตที่เราสามารถใช้ได้จากการมีของสิ่งนั้นอยู่ ยิ่งถ้าเราได้ของมาอยู่ในมือเราและสามารถนำไปใช้ได้ทันที เราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้กับมูลค่าเพิ่มที่เราสามารถนำไปไปใช้ประโยชน์ได้ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา .... น้ำมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน หากเรามีน้ำมันอยู่ในมือตอนนี้ เราก็สามารถนำไปเผาเป็นพลังงาน นำไปขับรถได้โดยทันที...

    ใช่ครับแต่นั้นคือ #ในยามปกติ ครับ...

    แต่การที่ราคาน้ำมันทุกวันนี้เป็นแบบนี้นั้น ชี้ให้เห็นชัดแล้วว่า #ตลาดน้ำมันนั้นไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติเลย !

    ไวรัสโควิดนั้นทำให้การใช้น้ำมันในสหรัฐนั้นหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว ! ในขณะที่การผลิตน้ำมันยังลดไปไม่มาก ทำให้มีน้ำมันเหลือล้นเกินออกมาเรื่อยๆทุกๆวัน โดยในเวลานี้นั้นสต็อกน้ำมันในประเทศสหรัฐนั้นแทบจะเต็มไปหมดทุกที่แล้ว

    เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันที่ทำให้ถังน้ำมันที่เต็มทั่วประเทศนั้น ได้ส่งผลให้ Convenience Yield สำหรับน้ำมันนี้กลับกลายเป็นติบลบ ผู้ขายนั้นไม่สามารถทำอะไรกับน้ำมันที่อยู่ในมือได้แล้วอีกต่อไป นำไปเผาเป็นพลังงานก็ไม่มีใครใช้ อยู่ในมือก็ไม่เกิดประโยชน์ ที่จัดเก็บก็แทบไม่เหลือ ผู้ขายจึงต้องเร่งที่จะลดราคาให้กับคนที่จะสามารถมารับนำของออกไปจากสต็อกในระยะสั้นได้รีบมารับทันที ส่วนใครที่จะมารับของได้แค่ในเดือนถัดไปนั้นทางผู้ขายยังเชื่อว่าสถานการณ์อาจจะยังดีขึ้น การใช้น้ำมันอาจจะกลับมาใหม่ ถึงวันนั้นอาจจะมีผู้รับซื้อมากขึ้น อาจจะพอมีที่เก็บน้ำมันเพิ่มขึ้น จึงยังไม่ได้ลดราคาขายในเดือนหน้าๆลง

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ราคาน้ำมันซื้อขายล่วงหน้าจึงอยู่ในรูปแบบ Contango อย่างที่เราได้พูดกันบ่อยๆ #คือราคาในปัจจุบันถูกกว่าในอนาคต

    และสภาพตลาดที่ไม่ปกตินี้ WTI ก็ยังโดนแรงกดดันจากการที่น้ำมันที่จะส่งมอบกันในเดือนพฤษภาคมทั้งเดือนนั้น กำลังจะถูกปิดสัญญาการซื้อขายกันเป็นวันสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ! หลังจากวันพรุ่งนี้ไปราคาน้ำมันดิบที่ผู้ขายสามารถขายออกไปได้เร็วที่สุดจะกลายเป็นเดือนมิถุนายนแทน เพราะฉะนั้นหากใครคำนวนปริมาณสต็อกตัวเองแล้วรู้ว่าจะต้องล้นแน่ๆในเดือนหน้า #นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณในการขายแล้ว เป็นที่มาให้คนรุมขายน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพฤษภาคมนี้ลงถึง -306% ภายในวันเดียว

    แล้ว #พลังของเวลา มันคืออะไร ? ⏰

    พลังของเวลาที่ผมอยากบอกคือ ในประเทศสหรัฐวันนี้หากใครสามารถมีที่จัดเก็บน้ำมันในปริมาณที่มากพอได้ หากคุณไปรับซื้อน้ำมันส่งมอบในเดือนพฤษภาคมนี้ (ที่ 10 เหรียญ) และในเวลาเดียวกันก็ไปทำสัญญาขายส่งมอบในเดือนมิถุนายนในเวลาเดียวกันนี้ (ที่ 22 เหรียญ)

    และหากคุณนำน้ำมันที่จะมาส่งในเดือนพฤษภาคมนี้จัดเก็บอยู่ในถังของคุณ... และไม่ต้องทำอะไรอีกเลย... ปล่อยให้เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน... และนำน้ำมันนั้นออกไปส่งมอบในเดือนมิถุนายนตามสัญญา คุณก็จะสามารถทำกำไรได้ 22 - 10 = 12 เหรียญ ไปฟรีๆ

    โดยจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราเพิ่งยกตัวอย่างนี้จะต่างกับเคสข้างต้น เพราะเราได้ทำการซื้อขายของสองรายการนี้ในเวลาเดียวกัน เราไม่ได้รอให้เวลาผ่านไปก่อนแล้วค่อยนำน้ำมันนั้นกลับไปขาย เพราะราคาอาจจะถูกลงเรื่อยๆจนเราขาดทุนก็เป็นได้ แต่เราต้องทำรายการซื้อขายทั้ง 2 นั้นในเวลาเดียวกันถึงจะมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างนี้

    เวลาที่ผ่านไปเฉยๆนั้นก็ทำให้มูลค่าของนั้นเพิ่มขึ้นได้แบบไม่มีความเสี่ยง !

    พลังของเวลานั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ ⏰

    1️⃣ โดยในยามตลาดปกติ หากการมีของอยู่ในมือนั้นทำประโยชน์ได้ ราคาของปัจจุบันก็จะแพงกว่าในอนาคต เราเรียกรูปแบบนี้ว่า #Backwardation ใครก็ตามที่มีของในมือจะได้เปรียบ เพราะสามารถขายของได้แพงกว่าปกติ

    ตัวอย่างในเคสนี้ที่เราอยากยกก็คือราคาของสิ่งที่ขาดตลาดมากๆ อย่างเช่น #หน้ากากอนามัย ยิ่งของขาดตลาด Convenience Yield ยิ่งสูง การมีของอยู่ในมือได้ในวันนี้ย่อมมีราคาแพงกว่าของที่มาส่งในอนาคต ผู้ที่มีของอยู่ในมือจึงได้เปรียบไปเต็มๆอย่างที่เราเห็นกันว่าราคาหน้ากากวันนี้นั้นแพงมาก แต่หากเราจะทำการขายราคาหน้ากากที่เราจะรับส่งมอบกันในปีหน้า เชื่อว่าราคาจะไม่สูงเหมือนทุกวันนี้แน่ๆ คงไม่มีใครยอมจะซื้อของในราคาวันนี้หากของจะมาส่งในปีหน้า

    2️⃣ แต่ในทางกลับกันหากราคาของในปัจจุบันนั้นถูกกว่าในอนาคต เราเรียกรูปแบบนี้ว่า #Contango ใครก็ตามที่มีที่เก็บหรือถังเก็บของก็จะได้เปรียบ อย่างที่เราได้ยกตัวอย่างน้ำมันไปแล้วว่า เพียงแค่ท่านจัดเก็บไว้เฉยๆและรอเวลาผ่านไปก็จะสามารถทำกำไรได้แล้ว

    เหตุผลที่อยากมาพูดถึงพลังของเวลานี้

    หลังจากวันนี้ไปเวลาที่ผู้คนพูดถึงตลาดน้ำมันหรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ใหญ่ๆแล้วนั้น ทุกๆคนจะไม่ได้เพียงแค่ถามแล้วว่า #ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ? แต่ทุกๆคนจะถามเพิ่มขึ้นด้วยว่า #แล้วราคานี้ส่งมอบเดือนไหน ?

    โลกของเรานั้นไม่เคยเจอภาวะน้ำมันล้นตลาดที่หนักขนาดนี้มากว่า 30-40 ปีแล้ว ส่วนต่างของราคาส่งมอบในแต่ละเดือนนั้นไม่เคยต่างกันมากขนาดนี้ จนผู้คนที่อยู่นอกตลาดนั้นจะไม่เคยสังเกตุถึงราคาที่ต่างไปในช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายสัญญาในแต่ละเดือน แต่เวลาในการส่งมอบของในแต่ละเดือนนั้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์มากๆมาตลอด แม้ว่าผู้คนที่บริโภคน้ำมันอยู่จะไม่ได้ใส่ใจหรือไม่รู้ว่าโดนกระทบอยู่ก็ตาม

    แต่วันนี้ผมดีใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และเชื่อว่าทุกๆท่านจะเริ่มเข้าใจถึงกลไกของเวลาและกลไกของราคาน้ำมันอย่างแท้จริง

    มูลค่าของน้ำมันที่แท้จริง

    ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เรากำลังพูดถึงราคาน้ำมันกันอยู่นั้น เรากำลังพูดถึงราคาน้ำมันดิบที่กำลังจะส่งมอบกันในเดือนเร็วๆนี้กันอยู่ ราคาน้ำมันที่เราสามารถนำมาใช้ได้ในวันนี้เลย แต่นั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงมูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงๆ

    เช่นในวันนี้นั้นราคาน้ำมันที่แท้จริงอาจจะไม่ได้ถูกเหมือนราคาที่ข่าวประกาศ เพราะสัญญาที่ส่งมอบของน้ำมันดิบเดือนหลังๆของ Brent นั้น ยังไม่มีสัญญาไหนที่หล่นลงมาต่ำกว่า 30 เหรียญเลย ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของน้ำมันนั้นคงไม่ใช่ราคาที่เราเห็นในข่าวประกาศมันอาจจะยังแพงกว่านั้นอยู่ก็เป็นได้

    ผมจะขอยกอีกตัวอย่างในทางกลับกันละกัน ในวันที่โรงแปรรูปน้ำมันของซาอุถูกยิงระเบิดเมื่อปีที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบ Brent ที่หลายท่านอาจเห็นการประกาศจากข่าวออกมาดีดขึ้นไปสูงถึง 75 เหรียญ แต่ถามว่านั้นคือมูลค่าที่แท้จริงของราคาน้ำมันไหม ?

    นั้นก็ไม่ใช่ครับ นั้นเป็นเพียงราคาน้ำมันที่จะส่งมอบกันในเดือนใกล้สุด หากเราจะซื้อน้ำมันในช่วงเวลานั้นที่กำลังเกิดการระเบิดกันอยู่เลย แต่เราขอให้น้ำมันนั้นมาส่งมอบอีก 2-3 เดือนให้หลัง เราก็จะยังซื้อได้ในราคาไม่เกิน 60 เหรียญ หรือแปลได้ง่ายๆว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นไปแพงถึง 70 เหรียญนั้นเป็นเพียงราคาน้ำมันของคนที่ต้องการให้ส่งมอบเร็วๆนี้เลย ซึ่งจะแพงกว่าราคาน้พมันที่แท้จริงอยู่แล้วเพราะในเดือนนั้นการผลิตที่โดนปิดไปทำให้ไม่มีน้ำมันมาส่งมอบ ราคาของเดือนนั้นก็ย่อมที่จะสูงกว่ามูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงเป็นธรรมดา

    70 เหรียญคือราคาน้ำมันของเดือนนั้นไม่ใช่ราคามูลค่าของน้ำมันที่แท้จริง

    แล้วมูลค่าของน้ำมันที่แท้จริงคือที่เท่าไหร่ ?

    ถ้าจะตัดผลกระทบของสภาพตลาดที่ขาดตลาดหรือล้นตลาดในระยะสั้นออกไปจากราคาอย่างสิ้นเชิง เราควรให้เวลาตลาดพยายามกลับมาสมดุลตัวเองอีกครั้ง เช่นเราให้เวลา 1 ปี

    ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ราคาน้ำมันดิบ Brent ในช่วงที่รับส่งมอบในอนาคตหลัง 1 ปีนั้นยังไม่เคยหลุดกรอบ 40-50 เหรียญมาโดยตลอดเลย ไม่ว่าราคาน้ำมันจะดีดขึ้นไปสูงถึง 70 เหรียญ หรือลงมาต่ำถึง 20 เหรียญอย่างที่เราเคยเห็นกัน แต่ราคาซื้อขายล่วงหน้าของตลาดน้ำมันหลังทุกคนคิดว่าตลาดจะกลับมาสมดุลแล้วไม่เคยหลุดกรอบนี้เลยที่ 40-50 เหรียญ

    ทำให้เราเชื่อว่ามูลค่าของราคาน้ำมันที่แท้จริงจะต้องไม่หลุดไปจากกรอบนี้ หากต้องตัดสภาพตลาดที่โดนกระทบจากการต้องส่งมอบในระยะสั้นออกไป

    แต่มูลค่าที่แท้จริงในอนาคตจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนนั้น เราก็ต้องจับตากับผลกระทบที่มีต่อตลาดน้ำมันที่แท้จริง การเปลี่ยนแปลงไปของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปของการใช้ระยะสั้นจากไวรัสระบาด หรือการขาดตลาดจากแหล่งขุดเจาะระเบิด โครงสร้างพื้นฐานของราคาที่จะเปลี่ยนไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเข้ามาทดแทนการใช้น้ำมันของพลังงานทางเลือกอื่นๆ การเข้ามาของรถ EV ประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือการจับมือกันของกลุ่มผู้ผลิตในระยะยาวว่าจะอยู่คงกระพันไปได้นานแค่ไหน

    หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามทุกท่านที่เขียนเข้ามาให้กระจ่างขึ้น และหวังว่าเราจะช่วยอธิบายกลไกการซื้อขายราคาน้ำมันของโลกให้พอเข้าใจได้ง่ายขึ้นบ้างครับ

    ฝากกด Like ให้แอดมิน กด Share ให้เพื่อนๆหรือ Comment เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อได้เลยนะครับ

    Cr : OilTradingKP

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor
    &h=282&url=https%3A%2F%2Fapi.time.com%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F04%2Fsingapore-oil-tankers.jpg

    บริษัทค้าน้ำมันยักษ์ใหญ่สิงคโปร์ ส่อล้มละลาย
    : บลูมเบิร์ก รายงานว่า บริษัท ฮินเหลียงเทรดดิ้ง (Hin Leong Trading) ยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจซื้อขายน้ำมันระดับตำนาน (Legendary) ของสิงคโปร์ ได้ยื่นฟ้องขอป้องกันการล้มละลาย โดยผู้บริหารสารภาพว่าบริษัทได้ปิดบังข้อมูลผลขาดทุนถึง 800 ล้านดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (Oil Futures)

    รายงานระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮินเหลียง แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของผลกระทบในธุรกิจค้าน้ำมันระดับโลกมากขึ้น รวมไปถึงกำลังจะกลายเป็นผลกระทบที่รุนแรงครั้งใหม่ล่าสุดต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในสิงคโปร์

    ทั้งนี้ หนึ่งในผู้บริหาร บริษัทฮินเหลียงเทรดดิ้ง ชี้แจงว่า บริษัทได้ขายน้ำมันที่กลั่นแล้วไปหลายล้านบาร์เรล เพื่อนำเงินมาค้ำประกันเงินกู้จากธนาคารที่ปัจจุบันเป็นหนี้อยู่ประมาณ 3.85 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าปัจจุบันยังมีหนี้ค้างชำระถึง 4.05 พันล้านดอลลาร์

    เมื่อต้นเดือนเม.ย. บริษัทมีทรัพย์สินสุทธิเพียง 714 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ยังมีช่องว่างระหว่างหนี้เดิมกับทรัพย์สินอยู่ถึง 3.34 พันล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ฮินเหลียง และโอเชียนแทงเกอร์ส บริษัทในเครือ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อขอป้องกันทรัพย์สินจากเจ้าหนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของฮินเหลียงมีมากกว่า 20 แห่งซึ่งอาจกระทบในวงกว้างต่อสถาบันการเงิน

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/876969…

    time.com
    https://time.com/5824038/hin-leong-...C_Xqz7azVyquUsvIBcNqDsPEfPYTyaCyM_zfJ2TwRHO7g
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาได้ทวีตข้อความติดต่อกันสามครั้ง ด้วยข้อความว่า...

    "ปลดปล่อยมินเนโซตา! ปลดปล่อยมิชิแกน!
    และปลดปล่อยเวอร์จิเนีย! "
    vu5dcKaK1FTF0SNuw5xyPNs9nSjN051kgaMvaPkP2oh1&_nc_ohc=LYDZtrcHIzcAX_zuCas&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขาต้องการเรียกร้องให้ประชาชนทั้งในรัฐมินเนโซตา รัฐมิชิแกนและรัฐเวอร์จิเนีย ออกมาต่อต้านมาตรการ Lockdown ของผู้ว่าการรัฐ ว่าด้วยการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส (COVID-19)

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความกังวลว่ามาตรการ Lockdown ในหลายรัฐจะทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและอาจต้องใช้เวลาฟื่นฟูนานอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัว เขากล่างถึง ผู้ว่าการรัฐฯ ควรยกเลิกมาตรการ Lockdown ปล่อยให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศชาติสามารถเดินหน้าต่อไปได้

    President Donald Trump of the United States has a tweeted 3 consecutive With the message that :..

    LIBERATE MINNESOTA!, LIBERATE MICHIGAN!
    and LIBERATE VIRGINIA! .

    He wants to demand that peoples in both the states of Minnesota, Michigan and Virginia. Came out against the Lockdown measures of the Governor On preventing the spread of the Virus (COVID-19).

    The President Donald Trump is worried that Lockdown in various state will ruin the U.S. economy and may take many years to revive. He states that the Governor Should cancel the lockdown measures Let peoples come out to live and work as normal. So that the country's economy can continue to move forward.
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ล่าสุด น้ำมันดิบ WTI ติดลบ -306%]

    Forex Investor Trader Survivor
    oquest.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F03%2Ffalling-price-of-oil-concept_M1aA1-oO-1024x762.jpg
    น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.6 ต่ำสุดในรอบ 18 ปี กังวลอุปสงค์ลด อุปทานล้นตลาด

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปีนับตั้งแต่ต้นปี 2545 เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ทรุดตัวลง เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับผลผลิตน้ำมันปริมาณมากทั่วโลก และพื้นที่จัดเก็บน้ำมันที่ลดน้อยลง

    สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 8.1% ปิดที่ 18.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2545 และในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 19.7%

    สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 28.08 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ร่วงลง 10.8% ในรอบสัปดาห์นี้

    ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ทรุดตัวลง ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่สต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

    สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานระบุว่า วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง 29 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่ประเทศต่างๆ พากันออกมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

    โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 9.7 ล้านบาร์เรล/วันนั้น ถือว่าน้อยเกินไป และยังไม่มากพอที่จะช่วยชดเชยผลกระทบของอุปสงค์น้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

    โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงร่วงลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เนื่องจากสต็อกน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานน้ำมันในตลาดโลกแล้วก็ตาม

    นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากการขาดพื้นที่เก็บสต็อกน้ำมัน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า จะกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันออกมา มากกว่าจะเสี่ยงรอส่งมอบสัญญาน้ำมันที่ไม่สามารถหาสถานที่จัดเก็บได้

    ที่มา https://www.infoquest.co.th/2020/13347
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor

    "แอฟริกา"อาจกลายเป็น ศูนย์กลาง"โควิด-19" แห่งใหม่
    : องค์การอนามัยโลกกังวลว่า ทวีปแอฟริกาที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมกันมากกว่า 1,000 คน จะกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาแห่งใหม่ ด้วยเงื่อนไขทั้งด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุข
    =282&url=https%3A%2F%2Fassets.weforum.org%2Feditor%2FSH1hIJaJNVpnGaukXcf_-yGwr1VoH62mWhM0TGLnU6w.png
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ว่าพญ.มัตชิดิโซ โมเอติ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ประจำทวีปแอฟริกา กล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกาฬทวีป ว่าโดยทั่วไปแล้วชาวแอฟริกันส่วนใหญ่ไม่เดนิทางออกต่างประเทศมากนัก อาจด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

    อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดเข้าสู่ทวีปแอฟริกามาได้นานระยะหนึ่งแล้ว และแพร่ระบาดในพื้นที่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากระบบสาธารณสุขในทวีปที่ส่วนใหญ่ยังต่ำกว่ามาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการแพร่ระบาดมักเดิดในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง พบมากในแอฟริกาใต้ ไอวอรีโคสต์ จึงมีความเสี่ยงสูงมาก ว่าทวีปแอฟริกาจะกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่

    ทั้งนี้ รายงานโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจสหประชาชาติแห่งแอฟริกา ( ยูเอ็นอีซีเอ ) คาดการณ์ว่า "ในสถานการณ์เลวร้ายน้อยที่สุด" การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทวีปแห่งนี้อาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 300,000 คน แต่ "ในสถานการณ์เลวร้ายมากที่สุด" อาจมีผู้เสียชีวิต 3.3 ล้านคน และผู้ป่วยสะสมมากกว่า 1,200 ล้านคน และแม้ประชาชนปฏิบัติตามแนวทางระยะห่างทางสังคม "อย่างเคร่งครัดที่สุด" จำนวนผู้ป่วยสะสมอาจมากถึง 122 ล้านคน

    อนึ่ง อียิปต์เป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกา ที่มีการยืนยันการพบผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้พบการแพร่ระบาดในอย่างน้อย 56 ประเทศและดินแดนในภูมิภาค มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 1,031 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 20,000 คน และได้รับการรักษาหายแล้วเกือบ 5,000 คน โดยประเทศที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือแอฟริกาใต้ อย่างน้อย 3,034 คน ส่วนแอลจีเรียมีผู้เสียชีวิตสะสะสมมากที่สุด อย่างน้อย 367 คน

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/foreign/769814

    เพิ่มเติม
    - แอฟริกาใต้เผยสถิติผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่ม 251 ราย ยอดสะสมทะลุ 3,034 ราย : https://www.ryt9.com/s/iq38/3116272

    - UN วอนนานาชาติลงขัน 1 แสนล้านดอลล์ช่วยแอฟริกา หวั่นโควิดคร่าชีวิต 3 แสนราย : https://www.ryt9.com/s/iq29/3116213
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor

    ไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์'ระดมทุนปล่อยกู้สู้โควิด-19
    : กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เร่งผลักดัน เงินทุนช่วยเหลือนานาประเทศรับมือ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสุขภาพจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
    ttps%3A%2F%2Fstorage.googleapis.com%2Fafs-prod%2Fmedia%2F3e6b8c92afae42ad855100e6a4786115%2F3000.jpg
    สำนักข่าวเอเอฟพี สรุปเงินทุนที่ 2 สถาบันการเงินในกรุงวอชิงตันพร้อมให้ ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกไว้ดังนี้

    - การปล่อยกู้ปกติ
    ไอเอ็มเอฟมีเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เตรียมปล่อยกู้ให้กับสมาชิกทุกประเทศ คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการใหญ่เผยว่า ข้อมูลถึงวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ตามเวลา สหรัฐ สมาชิก 102 ประเทศจาก 189 ประเทศ ขอกู้เงินมาแล้ว ในจำนวนนี้ 50 ประเทศจะได้ รับเงินภายในสิ้นเดือน เม.ย. ส่วนเวิลด์แบงก์ มีแผนให้ความช่วยเหลือ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 15 เดือนข้างหน้า

    - ความช่วยเหลือฉุกเฉิน
    เมื่อเร็วๆ นี้ไอเอ็มเอฟเพิ่มวงเงินความช่วยเหลือฉุกเฉิน 2 เท่ามาอยู่ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์ ผ่าน 2 เครื่องมือ ได้แก่ อาร์เอฟไอ (Rapid Financing Instrument) ที่ปล่อยกู้ ให้กับสมาชิกทุกประเทศ และอาร์ซีเอฟ (Rapid Credit Facility) เป็นเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยสำหรับสมาชิกรายได้ต่ำ ซึ่งไอเอ็มเอฟ จะปล่อยเงินช่วยเหลือ 2 โครงการนี้ อย่างรวดเร็วให้ไปใช้แก้ปัญหาฉุกเฉิน เช่น การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

    - การบรรเทาภัยพิบัติ
    ไอเอ็มเอฟได้ออกแบบกองทุน ซีซีอาร์ทีเสียใหม่ มอบเงินช่วยเหลือบรรเทาหนี้ให้กับประเทศที่ยากจนและเสี่ยงที่สุดที่มีหนี้คงค้างกับไอเอ็มเอฟ เพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติรวมถึงด้านสาธารณสุข
    ไอเอ็มเอฟเคยใช้เครื่องมือนี้ดูแล กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน มาแล้วในปี 2557 ช่วงที่อีโบลาระบาด คณะกรรมการไอเอ็มเอฟ เห็นชอบพักชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือนให้กับ 25 ประเทศที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับ ซีซีอาร์ที ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะขยายเวลาออกไปอีก ในโอกาสนี้จอร์จีวาเรียกร้องให้บริจาคเงินเข้ากองทุนมากขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดี เธอกล่าวว่า อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนีรับปากช่วยเหลือรวม 600 ล้าน ดอลลาร์

    - กองทุนลดความยากจน
    กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟยัง เรียกร้องเงินบริจาคเพิ่มเติมอีก 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ มาเสริมกองทุนลดความยากจนและสร้างการเติบโต (พีอาร์จีที) ที่ให้เงินกู้ผ่อนปรนแก่ประเทศรายได้ต่ำ
    จอร์จีวากล่าวว่า ตอนนี้ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และแคนาดารับปากว่าจะให้รวมแล้ว 70% ส่วนสหรัฐ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังกล่าวว่ากำลังพิจารณา

    - สินเชื่อระยะสั้น
    ประเทศที่ไม่เข้าเกณฑ์สินเชื่อผ่อนปรน ไอเอ็มเอฟเพิ่งอนุมัติเงินกู้ระยะสั้นแบบใหม่ "พีแอลแอล" ช่วยเหลือประเทศที่มีนโยบายจัดการกับความเสียหายจากไวรัสโคโรนาได้ดี ประเทศที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์กู้ได้เป็นเวลา 6 เดือน, 1 ปี หรือ 2 ปี

    - เงินทุนโครงการภาคสนาม
    เวิลด์แบงก์ตั้งใจใช้เงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 15 เดือนข้างหน้าในหลายประเทศ เช่น เอธิโอเปีย อัฟกานิสถาน เฮติ เอกวาดอร์ อินเดีย มองโกเลีย และ ทาจิกิสถาน เพื่อเสริมทรัพยากรทางการแพทย์ รับมือวิกฤติโรคระบาดเฉียบพลัน และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

    ที่ผ่านมาเวิลด์แบงก์อนุมัติเงินทุน เร่งด่วนให้กับโครงการใน 25 ประเทศรวม 1,900 ล้านดอลลาร์ อีก 1,700 ล้านดอลลาร์ให้กับ 40 ประเทศ

    เดวิด มัลพาส ประธานเวิลด์แบงก์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า โครงการดังกล่าวเน้นปฏิบัติการเป็นวงกว้าง รวดเร็ว เพื่อประเทศยากจนที่สุดโดยเฉพาะ คาดว่า ภายในสิ้นเดือน เม.ย.จะมีโครงการเกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ใน 100 ประเทศ และเตรียมเดินหน้าจัดหาเงินทุนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนช่วยนานาประเทศรับมือวิกฤติ

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
    apnews.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...