ติดตามสถานะการณ์

(Apr 8 ) ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ WHO ให้ความสำคัญจีนมากเกินไป: ประธานาธิบดี Trump ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์องค์การอนามัยโลก (WHO) ผ่าน Twitter ว่าที่ผ่านมา WHO ให้ความสำคัญกับประเทศจีนมากเกินไป รวมทั้งที่ผ่านมายังให้คำแนะนำที่ผิดพลาดว่าทุกประเทศยังควรเปิดพรมแดนต่อไป และสหรัฐฯ ตัดสินใจถูกที่ปิดพรมแดนไม่ให้คนจากจีนเดินทางเข้าสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ยังกล่าวโจมตี US Health Department ด้วยว่าผู้ตรวจการทำเอกสารรายงานเท็จว่าโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ขาดแคลนอุปกรณ์ในการป้องกันที่จำเป็นต่อการรักษา

อย่างไรก็ตาม นาย Stephane Dujarric โฆษกสหประชาชาติ ออกมาปฏิเสธข้อวิจารณ์ดังกล่าว พร้อมกับชี้แจงว่าทาง WHO ได้พยายามอย่างหนักในการให้ความช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งผ่านการอบรม การส่งอุปกรณ์ในการรักษา ทั้งนี้ ในระยะหลัง WHO เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นว่าตัดสินใจออกข้อแนะนำแก่ประเทศต่าง ๆ โดยพึ่งพาข้อมูลจากจีนเป็นหลัก

นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Trump ได้แถลงว่าสามารถหาข้อตกลงกับบริษัท 3M ในประเด็นการจัดหาหน้ากาก N95 ได้เรียบร้อย โดยทางบริษัท 3M จะนำเข้าหน้ากาก N95 จากต่างประเทศเดือนละ 55 ล้านชิ้น เป็นเวลา 3 เดือน รวม 166.5 ล้านชิ้น จากแหล่งผลิตในจีนเป็นหลักและจะไม่นำเข้ามาจากแหล่งผลิตในทวีปยุโรป รวมทั้งอนุญาตให้บริษัท 3M ส่งออกหน้ากาก N95 ที่ผลิตในสหรัฐฯ ไปยังแคนาดาและกลุ่มประเทศละตินอเมริกาได้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ทางบริษัท 3M ได้เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 35 ล้านชิ้นต่อเดือน และวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคต

ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ (active cases) รวม 354,324 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในรัฐนิวยอร์ก 132,968 ราย คิดเป็นร้อยละ 38 ของจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ทั้งหมด แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มชะลอลงทั้งในระดับประเทศ และรัฐนิวยอร์ก แต่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มในรัฐนิวยอร์กปรับสูงสุด โดยอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในรัฐนิวยอร์กและภาพรวมสหรัฐฯ ยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 4 และ 3.2 ตามลำดับ

Source: BoTSS

- Trump blames WHO for getting coronavirus pandemic wrong, threatens to withhold funding:

https://www.cnbc.com/2020/04/07/tru...emic-wrong-threatens-to-withhold-funding.html

 

วันนี้ทางสมาคมโรคติดเชื้อ
ขอชี้แจงเรื่อง การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อลงบนตัวบุคคลหรือสถานที่ เพื่อฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัส ดังนี้ครับ

https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=0HbN!67!1!!651!koVNCBLI
สำหรับการทำความสะอาดที่แนะนำครับ

 

สมาคมโรคติดเชื้อ เตือนฉีดพ่นยาฆ่าโควิด-19 ไม่ได้ผล เสี่ยงทำเชื้อฟุ้งกระจาย
สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย เตือน การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัส "โควิด-19" ไม่ได้ผล เสี่ยงทำเชื้อฟุ้งกระจาย อันตรายต่อคน ไม่ควรทำเด็ดขาด
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

Apr 11, 2020 ภูเขาไฟอนัค กรากะตัว อินโดนีเซีย ระเบิดครั้งใหญ่ผ่านมา 24 ชั่วโมง ดังไกลกว่า 150 กิโลเมตร ไม่มีการเตือนสึนามิ

ศูนย์วิทยาภูเขาไฟและบรรเทาธรณีพิบัตภัย แห่งอินโดนีเซีย ได้เปิดเผยภาพวงจรปิดการระเบิดของภูเขาไฟ อนัค กรากะตัว ซึ่งเกิดการระเบิดขึ้น 2 ครั้งในวันศุกร์ที่ 10 เมษายน ครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.58 น. และครั้งที่ 2 เกิดเมื่อเวลา 22.35 น. (ตามเวลาในอินโดนีเซีย) การระเบิดเกิดขึ้นครั้งที่ 3 ในช่วงสายของวันนี้ ผลจากการระเบิดทำให้เกิดลาวาปะทุไหลลงเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทำให้เถ้าถ่านพุ่งทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า 14.3 ก.ม. ไม่เพียงเท่านั้นแรงระเบิดภูเขาไฟอนัค กรากะตัว ทำให้เกิดเสียงดังได้ยินถึงกรุงจาการ์ตาซึ่งอยู่ห่างถึง 150 ก.ม. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังคงติดตาม และประเมินสถานการณ์ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงเวลาในขณะนี้ โดยประกาศระดับเตือนภัยอยู่ที่อันดับ 2 จากทั้งหมด 4 อันดับ

ทั้งนี้ ภูเขาไฟดังกล่าวเคยเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2018 ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่บริเวณเกาะชวา และเกาะสุมาตรา ส่งผลให้เกิดการทำลายล้างบ้านเรือนและประชาชน โดยมีผู้เสียชีวิต 437 คน ภูเขาไฟอนัค กรากะตัว เกิดขึ้นมาเป็นผลจากการระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟกรากะตัวในปี 1883 หรือปี 2426 หรือเมื่อ 137 ปีผ่านมา ถูกจัดให้กลายเป็นมหาธรณีพิบัติภัยครั้งประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นมากถึง 36,500 คน การระเบิดอย่างรุนแรงในครั้งนี้ ได้ปล่อยสารซัลเฟอร์ออกมามีปริมาณมากถึง 20 ล้านตัน ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก ทำให้อุณหภูมิของโลกลดลง 1.2 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานถึง 5 ปีติดต่อกัน

#ภูเขาไฟระเบิด #อินโดนีเซีย #misterban #btimes #volcano #eruprion

 

ยุโรปเชื่อ เสาสัญญาณ 5g ทำโควิดระบาด
.
เสาสัญญาณ 5G ในหลายประเทศในยุโรป กำลังเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกประท้วงในยุโรป ทำให้เสาสัญญาณ 5G หลายแห่งถูกเผาทำลาย อย่างล่าสุดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการเผาเสาสัญญาณ 5G หลายแห่ง เพราะพวกประท้วงกล่าวหาว่าปล่อยรังสีทำร้ายผู้คนให้ไม่สบาย
โดยแนวคิดนี้เริ่มต้นในอังกฤษเมื่อหลายหลายคนเชื่อว่า เสาสัญญาณ 5g ที่มาจากจีนสัมพันธ์กับการระบาดทำให้มีการเผาในกฤษก่อนจะลามไปทั่วยุโรป

 

ฟิลิปปินส์ สั่งห้ามบุคลากรทางการแพทย์ไปทำงานตปท.
.
รัฐบาลฟิลิปปินส์ มีคำสั่งห้ามบุคลากรทางการแพทย์ ไปทำงานต่างประเทศช่วงโควิด-19 ระบาด รัฐบาลฟิลิปปินส์ ประกาศคำสั่งห้ามบุคลากรทางการแพทย์ ไปทำงานต่างประเทศช่วงโควิด-19 ระบาด ทั้งนี้ในแต่ละปีจะมีบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงพยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขอื่นๆชาวฟิลิปปินส์ เดินทางไปทำงานต่างประเทศกว่า 13,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและยุโรป เนื่องจากมีรายได้ที่สูงกว่าการทำงานในฟิลิปปินส์ การเดินทางไปทำงานต่างประเทศของบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในฟิลิปปินส์ขึ้นโดยเฉพาะในภาวะวิกฤตโควิด-19หลังทราบคำสั่งดังกล่าวของรัฐบาล ชาวฟิลิปปินส์ กว่า 10,000 คน ร่วมกันลงชื่อในเว็บไซต์แห่งหนึ่งเพื่อประท้วงคำสั่ง โดยอ้างเหตุผลว่าจะทำให้รายได้เข้าประเทศหายไปจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนคำสั่งดังกล่าว และให้ชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปจากการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศวันละ10ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 300 บาท

 

เรือนรับรองแรงงานกัมพูชา ที่ จ.อุดรมีชัย ซึ่งทางทหารกัมพูชาไปรับแรงงานตกค้างมาจากด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เป็นชุดแรกที่ต้องเข้ากักตัว 14 วัน ก่อนหน้านั้น กักตัวที่ชุมชน #เขมร #โควิด cr tw #can_nw

 

จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากเชื้อ “โควิด-19” ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20,071 คนแล้ว ส่งผลทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก แซงหน้าอิตาลีที่มียอดผู้เสียชีวิต 19,468 คน

#PPTVHD36 #ช่อง36 #COVID #โควิด #COVID19 #โควิด19 #เราจะไม่ทิ้งกัน

 

นครพนมพบโควิด-19 รายที่ 2 พริ้ตตี้สาวกลับจากภูเก็ต กักตัวกลุ่มเสี่ยงแล้ว
นครพนมพบผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 2 เป็นพริตตี้สาวกลับจากภูเก็ตเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เพิ่งมีอาการ 10 เม.ย.ลิ้นไม่รู้รส โดยโชคดีเข้ารับการกักตัว ทีมคัดกรองลงพื้นที่ ควบคุมเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 3 คน
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ไทเป‼️ สั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนไม่มีกำหนด ป้องกันไวรัสแพร่กระจาย

จากเดือนก่อนมีกฎออกให้สถานที่ท่องเที่ยวยามราตรี เช่น ไนท์คลับ ผับ บาร์ ปิดชั่วคราวเป็นเวลา2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น

หลายแห่งได้ปิดตัวเองเนื่องจากไม่มีบุคคลมาเที่ยว บางแห่งยังคงเปิดอยู่และไม่ได้ทำตามกฎที่ออกและไม่กี่วันมานี้ รองผู้ว่าไทเป ฮวังซานซาน ได้นำกำลังคนตรวจสถานที่เที่ยวยามราตรีต่างๆในเขตซิ่นอี้ 6 แห่ง
AI Nightclub、IKON、CHESS、KLASH、M-TAIPEI、WAVE。และมีคนบอกว่า，AI、 KLASH ยังคงแอบเปิดทำการ ทำให้เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบ

กฎใหม่ออกมาว่า สถานที่เหล่านี่บางแห่งไม่ทำตามกฎ และก่อให้เกิดการรั่วไหลการแพร่กระจายโรค (ไม่กี่วันมานี้ พบสาวนั่งเริงค์ติดเชื้อโคโรนา) ทำให้กรมควบคุมโรคออกกฎ ห้ามสถานที่ยามราตรี ประเภค ไนท์คลับ ผับ บาร์ เปิดดำเนินธุรกิจ ไม่มีกำหนด (ปิดไม่มีกำหนด)

นี่คงเป็นเหตุผลที่สาวไทยหลายคนรีบกลับกันตอนนี้

สาวไทยหลายคนนอกจากใช้วีซ่า 14 วัน แอบมาค้าประเวณีแล้ว บางคนก็แอบทำงานผิดกฎหมายตามผับ บาร์ เป็นสาวดริ้งค์ด้วย
ขอบอกว่า วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียนระยะสั้น ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นแอบทำถือว่าผิดกฎหมายทั้งสิ้น มีคนไทยไม่น้อยถูกจับส่งกลับไทย

https://www.google.com.tw/amp/s/www.cna.com.tw/amp/news/firstnews/202004095007.aspx

 

#สรุปประเด็นสำคัญ จากการประชุม G20 ด้านพลังงานและประชุมโอเปกรวมกันใน 2 คืนที่ผ่านมา

1️⃣ การลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกนั้นยังไม่ได้รับการตกลงกันอย่างเป็นทางการซะทีเดียว เป็นการตกลงกันในเบื้องต้นว่าทุกประเทศในกลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะลดการผลิตลง 23% เท่าๆกันหมด แต่ยังติดอยู่แค่ประเทศเดียวคือเม็กซิโกที่ยังไม่ยอมตกลง

2️⃣ การลดการผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรนั้นจะทำการลดเป็นขั้นบันไดอย่างที่ได้เคยกล่าวไป (จาก 10 ล้านบาร์เรลต่อวันเริ่มในเดือนหน้า และลดลงเป็น 8 และ 6 ล้านตามลำดับ) โดยอ่านได้จากบทความก่อนหรือดูตัวเลขรายละเอียดโควตาแยกของแต่ละประเทศได้จากตารางในคอมเม้นท์

3️⃣ ทางรัสเซียตัวแปรสำคัญ หลังจากที่ประธานาธิบดี ปูติน ได้ต่อสายตรงไปถึงทั้งทรัมป์และเจ้าชายซาอุ คิดว่าไม่ว่าประเด็นของเม็กซิโกจะเป็นอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลดกำลังการผลิตนี้จะเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะทุกๆประเทศเห็นตรงกันว่าไม่มีทางออกอื่นแล้ว คงจะถอยกันหมดยาก

4️⃣ การประชุม G-20 นั้นไม่มีรายระเอียดเรื่องที่ว่าแต่ละประเทศนอกกลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะลดกำลังการผลิตเท่าไหร่ เพราะไม่ได้มีการถกกันในเรื่องนี้ แต่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเสถียรภาพของราคาน้ำมันนั้นมีความสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจของโลก (หลายประเทศมีรายได้หลักจากการขายน้ำมัน) และเชื่อว่าตัวเลขที่ทางโอเปกเสนอมาให้ลดที่ 5 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้นน่าจะเป็นไปได้ที่จะลดร่วมกัน

และทางกลุ่มจะทำการประชุมกันต่อไปวันนี้อีกหนึ่งวัน

5️⃣ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แถลงหลังจากการประชุม G20 จบลงว่า สหรัฐได้ตกลงจะช่วยทางเม็กซิโกลดการผลิตแทนจริงๆ แต่ขึ้นอยู่กับทางกลุ่มโอเปกแล้วว่าจะยอมรับเงื่อนไขนี้หรือไม่ และทางด้านสหรัฐจะช่วยร่วมลดการผลิตแบ่งออกเป็น 2 วิธี

1) ลดตามกลไกของตลาดเอง (ไม่มีโควตา) แต่โดยรวมแล้วเชื่อว่าจะมีกำลังการผลิตหายไป 2-3 ล้านบาร์เรลต่อวัน

2) อีกทั้งทางสหรัฐยังจะใช้คลังน้ำมันสำรองหรือ SPR เข้ามาช่วงพยุ่งตลาดด้วย โดยอาจจะไม่ใช่การลดกำลังการผลิตซะทีเดียวแต่จะเก็บตรงเข้าคลังสำรองทำให้ไม่มีน้ำมันไหลออกมาเข้าตลาด (คล้ายกับการลด)

6️⃣ จับตามองการประกาศ OSP ของทางซาอุดิอาระเบียในวันนี้ ว่าจะเป็นราคาที่ลดหรือเพิ่มมากขึ้นน้อยเพียงใด จะเป็นสัญญาณบอกถึงความตั้งใจในการลดกำลังการผลิตของทางซาอุ

การลดครั้งนี้เพียงพอที่จะทำให้น้ำมันไม่ล้นตลาดอีกต่อไปหรือไม่ ?

ไม่เพียงพอแน่ๆครับ ตอนนี้ในเคสที่ดีที่สุดคือทางกลุ่มผู้ผลิตจะลดรวมกัน 10+5 = 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่การใช้น้ำมันในเดือนเมษายนนั้นได้หายไปมากกว่า 1/3 ของการใช้โลกหรือที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว

แต่การลดในครั้งนี้นั้นจะช่วยบรรเทาไม่ให้สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกนั้นเต็มเร็วจนเกินไป เพราะนั้นคือสิ่งที่โอเปกกลัว ถ้าหากถังน้ำมันทั่วโลกเต็มนั้นหมายความว่าผู้ผลิตจะขายของไม่ออกหรือต้องขายของที่ราคาถูกมากอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (รายระเอียดเรื่องนี้ลองฟังในคลิปอธิบายในเพจได้ครับ)

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เรื่อง supply แล้ว แต่จะกลับไปที่ demand

การ Lock Down การเปิดประเทศ การกลับมาใช้น้ำมันตามปกติของประเทศต่างๆในโลกนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? นั้นคือคำถามที่สำคัญที่สุด ในเวลานี้นักวิเคราะห์ต่างๆยังมองว่าการใช้น่าจะกลับมาเกือบเป็นปกติได้ภายในสิ้นไตรมาสที่ 3 ซึ่งอาจจะค้านสายตาหลายๆฝ่ายที่กำลังติดตามข่าวเรื่องไวรัสโควิดอย่างมากว่าอาจจะดูเร็วไป

คงต้องติดตามกันต่อไปครับ แต่ถ้าการใช้เริ่มกลับมาภายในไตรมาสที่ 3 จริงและทางกลุ่มโอเปกยังลดกำลังการผลิตตามแผนอยู่ ตลาดจะเริ่มตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วผลกระทบของการประชุมต่อราคาจะเป็นอย่างไร ?

เรายังไม่เห็นผลกระทบต่อราคาน้ำมันเต็มๆเพราะตลาดน้ำมันนั้นปิดเมื่อวานนี้จากวันหยุด Good Friday จะเปิดตลาดอีกทีวันจันทร์ แต่อย่างที่เรารายงานไปเมื่อวานว่าตลาด Future Brent ที่ Moscow นั้นรับรู้ข่าวโดยรวมไปในทิศทางลบอยู่ กลายเป็นการ Sell On Fact เพราะว่าไม่ได้มีการลดอะไรที่มากมายไปกว่าที่ทางตลาดคาด

และการลดการผลิตครั้งนี้ยังจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไม่ใช่เดือนนี้ ทำให้เดือนเมษายนทั้งเดือนนี้เรายังจะมีน้ำมันล้นตลาดอยู่ ประกอบกับการไม่ยอมรับข้อตกลงของเม็กซิโกก็ทำให้ตลาดหวั่นๆอยู่เช่นกันว่าดีลทั้งหมดนี่อาจจะล่ม

อย่างไรก็ตามทางเรามองว่าการร่วมตกลงของเหล่าผู้ผลิตนั้นเป็นข่าวดีต่อราคาน้ำมันโดยรวม เราไม่น่าจะเห็นราคาน้ำมันลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนอีกแล้วแม้ว่าจะมีแรงเทขายในระยะสั้น เว้นแต่ว่าสถานการณ์ไวรัสโควิดยังไม่ดีขึ้นและเราต้อง Lock Down ทั่วโลกไปจนถึงสิ้นปี

ทำให้ทั้งตลาดน้ำมันและตลาดหุ้นตอนนี้กำลังกลับไปโฟกัสที่จุดเดียวกันคือเรื่องของการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งของโลกเราครับ ทุกๆอย่างเป็นไปตามกำหนดได้หรือไม่ ? ถ้าได้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ก็จะทยอยปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP

 

Setiawan

เสียงแปลก ๆ ในท้องฟ้าของมอนดรากอน ในประเทศสเปน วันที่ 11 เมษายน 2563
Strange sounds in the sky of Mondragon in Spain April11 2020

 

หลายคนสงสัยว่าสภาพอากาศที่ร้อนระอุ แดดแรงจ้าอย่างประเทศไทยและอีกหลายประเทศเขตร้อนจะมีส่วนช่วยทำให้การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ไม่รุนแรงเท่าแถบยุโรป อเมริกา หรือจีนที่มีอากาศหนาวกว่าหรือเปล่า คำตอบคืออาจจะมีส่วนนะครับ เพราะเค้ามีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่สนับสนุนแนวความคิดนี้

- ทีมนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ ( MIT ) ตีพิมพ์บทความในวารสารออนไลน์ SSRN เผยข้อมูลว่า 90% ของการติดเชื้อโรคโควิด-19 เกิดขึ้นในภูมิภาคที่มีอุณหภูมิ 3-17 องศา ในขณะที่ประเทศที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาขึ้นไป จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยกว่าประมาณ 6% ของกรณีทั้งหมดทั่วโลก
- งานวิจัยล่าสุดของคณะแพทย์ชาวจีนที่เผยแพร่ในคลังเอกสารวิชาการออนไลน์ด้านแพทยศาสตร์ medRxiv.org
ระบุว่าอุณหภูมิ ความเร็วลม และความชื้นสัมพัทธ์ในแต่ละพื้นที่ มีความเกี่ยวข้องกับอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

- รายงานที่จัดทำโดยบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านระบาดวิทยา Ausvet ชี้ว่าบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะพบกรณีการติดเชื้อโรคโควิด-19 ต่ำกว่า

- ผลการศึกษาในอดีตพบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสโรคซาร์ส ที่ใกล้เคียงกับไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้โรคโควิด-19 พบว่าไวรัสจำพวกนี้มีพฤติกรรมการแพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เช่นในกรณีของสหราชอาณาจักร ที่มักจะพบการระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม - เมษายนของทุกปี

งานวิจัยเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศมีความหวังว่าสถานการณ์อาจดีขึ้นเมื่อหน้าร้อนมาถึงแต่ยังไงก็ตามเค้าบอกว่างานวิจัยเหล่านี้เป็นการศึกษาโดยใช้ข้อมูลในอดีตของเชื้อ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่ง COVID - 19 เป็นโรคที่อุบัติขึ้นใหม่ ตอนนี้จึงยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอที่จะบอกได้ว่ามันจะส่งผลกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงในฤดูต่าง ๆ อย่างไรบ้าง

อ้างอิงจาก :
https://www.bbc.com/thai/international-52042630

 

สาวทอมคิดว่าตัวเอง ติดโควิดฯ กักตัว-เครียดจัด โดดหอพักสาหัส
สาวทอม ทำงานเป็นรปภ.หน่วยราชการที่ระยอง มีอาการปวดหัว ปวดท้อง ไปหาหมอที่รพ. ได้รับคำแนะนำให้กักตัวเอง 14 วัน ผ่านไป 3 วัน เกิดเครียดหนัก แอบขึ้นบนดาดฟ้าหอพักกระโดดลงมา บาดเจ็บสาหัส
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

1. ชักดาบผ่านดอลล่าร์คริปโต
มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้วเกือบทุกมิติในสหรัฐอเมริกาที่จะรับมือกับวันที่เศรษฐกิจจะไม่ได้รับการอุดหนุน(subsidy)อีกต่อไปจากการให้จีนผลิตสินค้าราคาถูกให้บริโภค และการยืมเงินอนาคตมาใช้ ตอนที่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในปี 2017 เขารู้ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไร แต่เขาไม่คิดว่าปัญหามันจะเลวร้าย เพราะว่าพวกนักการเมืองในกรุงวอชิงตัน ดีซี รวมท้ังนักการเงินและนักธุรกิจทุกคนเอาแต่ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีใครคิดเพื่อส่วนรวม ถ้าไม่ทำก้อนขนมเค้กให้ใหญ่ขึ้น จะไม่พอสำหรับทุกคนที่จะอยู่ได้ ทรัมป์พยายามปั่นหุ้น และลดภาษีทั้งกระดานเพื่อแก้ปัญหาด้วยการทำให้ขนมเค้กใหญ่ขึ้น แต่มันเป็นการซื้อเวลาเพียงระยะสั้น เพราะว่าโมเดลของการให้จีนผลิตสินค้าให้บริโภคหรือChina tradeมาถึงทางตัน เนื่องจากจีนไม่ต้องการเป็นบริวารประเทศของดอลล่าร์อีกต่อไป หลายประเทศทั่วโลกต้องการปลดแอกออกจากอิทธิพลดอลล่าร์เหมือนกัน เพราะว่าเวลาขายสินค้า ขายน้ำมัน หรือทำธุรกรรมต่างๆที่ต้องใช้ดอลล่าร์ จะต้องทำเคลียริ่งผ่านระบบธนาคารที่กระทรวงการคลังของสหรัฐสามารถสอดส่องได้ นอกจากนี้ การใช้นโยบายแซงชั่นของสหรัฐทำให้ประเทศต่างๆที่ค้าขายผ่านเงินสกุลดอลล่าร์ถูกมัดมือมัดเท้า ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อิหร่าน เวเนซุเอลล่า คิวบา ซาอุดิ อาราเบียฯลฯ ทำให้จีนและหลายประเทศต้องการใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลล่าร์ในการค้าขาย หรือทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะถูกสหรัฐหาเรื่องแซงชั่นเมื่อใด ธนาคารกลางของประเทศต่างๆเร่ิมทิ้งดอลล่าร์และตุนทองคำมากขึ้น เมื่อจีนหันหลังให้China tradeกับสหรัฐเพื่อไปสร้างโครงการเส้นทางสายไหมใหม่แทน นั้นเป็นสัญญานว่าเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคและภาคการเงินของสหรัฐเป็นหลักกำลังจะสิ้นสุดลง สินค้าที่คนอเมริกันจะบริโภคต่อไปจะมีราคาแพงขึ้น ด้วยเหตุนี้สหรัฐต้องลดดอกเบี้ยลง เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินลดลง แต่ดอกเบี้ยลดสำหรับวอลล์สตรีทที่กู้ได้2%ในปีที่แล้ว ส่วนประชาชนถูกชาร์จบัตรเครดิตในอัตราดอกเบี้ย17% การขยายตัวของเครดิตและการเพิ่มปริมาณเงินของUS Federal Reserveที่ผ่านมาทำให้ฟองสบู่ทางการเงิน และเงินเฟ้อเพ่ิมในอัตราอย่างน้อย8%-10%ต่อปี ไม่ใช่1%-2%ตามตัวเลขของทางการ เมื่อหนี้ที่มากมายมหาศาลไม่สามารถไปต่อไปได้ บวกกับดอกเบี้ยที่กดลงมาต่ำติดดินเป็นเวลานานทำให้เกิดกับดักสภาพคล่อง (liquidity trap)และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา วิกฤติการเศรษฐกิจและการเงินที่ตามมาจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงินแบบยกเครื่องล้างหนี้ ประเด็นคือจะปรับก่อนที่ระบบจะพัง หรือว่าจะปรับหลังจากที่ระบบพังแล้ว บังเอิ๊ญบังเอิญการระบาดของโคโรนาไวรัสในช่วงเวลานี้เป็นข้ออ้างที่ดีเพื่อที่จะปรับลดปลดหนี้ ด้วยการชัตดาวน์เศรษฐกิจไปเลย แล้วโยนบาปไปให้โคโรนาไวรัสว่า ทำให้เศรษฐกิจล่มจมโดยในไตรมาสที่2คาดว่าจีดีพีสหรัฐจะติดลบ30% แล้วให้ธนาคารกลางสหรัฐพิมพ์เงินไม่อั้นเพื่ออุ้มระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วน โดยที่วอลล์สรีทและบริษัทใหญ่ๆจะได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนประชาชนทั่วไปแทบที่จะไม่ได้อะไรเลย ต้องตกงานตัวเลขตอนนี้อยู่ที่15ล้านคน และอัตราว่างงานอาจจะสูงถึง25%หรือมากกว่า คนอเมริกันไม่มีเงินจ่ายหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ หนี้สินเชื่อบ้านที่อาจจะมีการผิดนัดชำระสูงถึง30% ตอนนี้ฉากใหญ่ของโคโรนาไวรัสอยู่ที่นิวยอร์ค นิวยอร์คที่เป็นศูนย์กลางของการระบาด ผู้คนพากันสงสารคนนิวยอร์คที่โชคร้ายที่สุดจากการระบาดของโคโรนาไวรัส แต่มองในอีกแง่หนึ่ง มันช่วยกลบเกลื่อนความจริงที่แสนจะแนบเนียนว่า พวกนักการเงินของนิวยอร์ค หรือวอลล์สตรีทล้มบนฟูก เพราะว่าได้เงินอุ้มมากที่สุดจากFederal Reserve Bank of New Yorkที่สามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ส่วนคนอเมริกันที่อยู่เมืองหรือรัฐอื่นๆแทบที่จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลืออะไรเลย เหมือนกับเพลงNew York New Yorkของแฟรงค์ ซิเนตร้าที่มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า:

New York, New York
I want to wake up in that city
that doesn't sleep
And find I am king of the hill
top of the heap
My little town blues
They are melting away

นิวยอร์ค นิวยอร์ค
ฉันอยากจะตื่นนอนในเมืองนั้น
เมืองที่ไม่เคยหลับไหล
และพบตัวเองเป็นราชาแห่งเนินเขา
อยู่จุดสูงสุดบนกองซาก
เมืองเล็กๆที่แสนเศร้าของฉัน
มันกำลังละลายหายไป

12/4/2020

 

2. ชักดาบผ่านคริปโตดอลล่าร์
ถ้าเราเป็นหนี้แบงก์50ล้านบาท แล้วเบี้ยวหนี้ เราจะถูกเช็คบิลจนเดือดร้อนอยู่ไม่ได้ ถ้าเราเป็นหนี้แบงก์5,000ล้านบาท แล้วเบี้ยวหนี้ แบงก์จะเดือดร้อน และจะพยายามหาทางเจรจาประนอมหนี้กับเรา ระบบการเงินของสหรัฐมีหนี้สูง4,000%ต่อจีดีพี แถมมีการพิมพ์ดอลล่าร์มืดอีกต่างหาก$21ล้านล้านให้เพนตากอนใช้ผ่านบัญชี2 ถ้าสหรัฐเบี้ยวหนี้โลกจะลุกเป็นไฟ

เหมือนกับเนื้อเพลงNew York New York ที่สหรัฐเจริญรุ่งเรืองเหมือนราชาบนเนินเขา (King of the hill) แต่เนินเขานั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นกองซากหนี้ (Top of the heap)

สหรัฐก่อหนี้มหาศาลโดยไม่คิดที่จะใช้หนี้คืนอยู่แล้ว มีแต่จะก่อหนี้ใหม่ไปจ่ายหนี้เก่า แต่สหรัฐจะคุยโม้ว่า จะไม่มีวันผิดนัดชำระหนี้ เพราะว่าUS Federal Reserveสามารถพิมพ์ดอลล่าร์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลกมาจ่ายหนี้ได้ไม่จำกัด จะทำอย่างนี้ได้ดอกเบี้ยต้องลดลงอยู่ระดับ0% ทำให้กระทรวงการคลังสหรัฐสามารถออกบอนด์ที่เกือบจะฟรีมากู้หนี้เพื่อใช้จ่ายงบประมาณที่ขาดดุลมหาศาล หรือกู้หนี้ใหม่ด้วยดอกเบี้ยเกือบแตะ0%มารีไฟแนนซ์หนี้เก่าที่ดอกเบี้ยสูงกว่า ตามทฤษฎีถ้าเกมการเงินดำเนินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สหรัฐจะล้างหนี้ได้โดยพิมพ์เงินดอลล่าร์กงเต๊กมาจ่ายหนี้ดอลล่าร์กงเต๊ก แต่คนที่ซวยคือคนอเมริกันที่ใช้แรงงานหรือชนชั้นกลาง รวมท้ังเจ้าหนี้ เพราะว่าค่าเงินดอลล่าร์จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆเนื่องจากเงินเฟ้อจากการที่มีการปั๊มดอลล่าร์กงเต๊กออกมาในปริมาณที่มากเกินไป ที่ผ่านมาทุกประเทศต้องยอมตามเกมการเงินของสหรัฐที่เรียกได้ว่าเป็นระบบแชร์แม่ชะม้อย (Ponzi scheme) ที่อยู่ได้ด้วยการก่อหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่าไปเรื่อยๆ ถ้าหนี้ใหม่ไม่มาระบบจะพังคลืนลงมาเหมือนปราสาทที่ต่อด้วยไพ่ทีละใบ ถ้าโลกมีมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียว สหรัฐอาจจะลากหนี้ต่อไปได้ เพราะถ้าประเทศใดไม่ยอมรับดอลล่าร์กงเต๊ก จะมีกองเรือรบสหรัฐมาแวะมาจอดขอจิบกาแฟ ก็ต้องยอมกัน แต่เนื่องจากเวลานี้มีจีน รัสเซีย อิหร่านขึ้นมาคานอำนาจไม่ยอมรับดอลล่าร์กงเต๊กอีกต่อไป ทำให้ต้องมีการเร่งเครื่องการปรับโครงสร้างหนี้ หรือการลักดาบหนี้ในรูปแบบที่แนบเนียน

การระบาดของโคโรนาไวรัสเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะทำให้เกิดการชักดาบหนี้ ผ่านการชัตดาวน์เศรษฐกิจก่อน เมื่อมีการชัตดาวน์ก็ต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ตามมา หรือไม่ก็ชักดาบหนี้ไปเลย มันดูไม่น่าเกลียด มันเนียนไปด้วยซ้ำ เพราะว่าทุกๆประเทศก็มีปัญหาโคโรนาไวรัสกันเหมือนกัน ต้องชัตดาวน์ รวมท้ังต้องชะลอการจ่ายหนี้ ยังไม่ทันไร คณะทำงานของยูเอ็น ที่มีตัวแทนของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหนี้ชะลอการเรียกหนี้คืนจากประเทศที่ยากจน หรือประเทศที่กำลังพัฒนาระดับต่ำ เพราะผลพวงของไวรัสจะทำให้ประเทศเหล่านี้ไม่มีเงินงบประมาณเพียงพอในการดูแลเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุข แต่สหรัฐมีหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อประเทศต่างๆต้องชะลอการจ่ายหนี้ ทำไมสหรัฐจะปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องทำ

ลองเปรียบเทียบดูกันง่ายๆระหว่างสหรัฐที่มีประชากร320ล้านคน มีจีดีพี$21ล้านล้าน กับไทยที่มีประชากร70ล้านคน มีจีดีพี$500,000ล้าน เศรษฐกิจสหรัฐใหญ่กว่าไทย20เท่า แต่สหรัฐกลับใช้เงินอุ้มเศรษฐกิจภาคโควิดมากกว่าไทยมาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยยามวิกฤติโควิดจะใช้เงินประมาณ2.3ล้านล้านบาท หรือระหว่าง$60,000-$70,000ล้าน โดยรัฐบาลลุงจะกู้เงินภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปแทรกแซงในตลาดการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพ แต่ไม่น่าจะใช้เงินทองอะไรมาก ไม่เหมือนกับธนาคารกลางสหรัฐมีการปล่อยกู้ให้ระบบแบงก์ของวอลล์สตรีทไปแล้ว$9ล้านล้านตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว งบดุลของเฟดเพิ่มขึ้น$2ล่้านล้านในช่วง1เดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ$6.1ล้านล้าน งบดุลที่พองโตเกิดจากการพิมพ์ดอลล่าร์เปล่าๆเข้าไปซื้อตราสารการเงินต่างๆเกือบทุกประเภทเข้ามาเป็นทรัพย์สินในบัญชีของเฟด ก่อนวิกฤติ2008 งบดุลของเฟดอยู่ที่$900,000ล้านเท่านั้น นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ออกมาตรการอุ้มเศรษฐกิจทั้งยวง$6.2ล้านล้าน และอาจจะมีก๊อก2 หรือก๊อก3ตามมาถ้าเอาเศรษฐกิจไม่อยู่ มันเทียบกันไม่ได้ระหว่างสหรัฐกับไทยที่มีปัญหาหนักเหมือนกันแต่สเกลน้อยกว่าสหรัฐมากแบบแทบไม่ต้องเปรียบเทียบ

ดอลล่าร์กงเต้กจะอยู่อย่างไรต่อไปให้ดูงบดุล และการปล่อยกู้สภาพคล่องดอลล่าร์ของธนาคารกลางของสหรัฐเป็นหลัก ในวิกฤติ2008 เฟดพิมพ์ดอลล่าร์เปล่าๆออกมาเพื่อปล่อยกู้$26ล้านล้านเพื่อประคับประคองระบบการเงินสหรัฐและยุโรป ตัวเลขนี้เป็นความลับสุดยอด กว่าจะเปิดเผยมาก็ต้องรอหลายปี ทำให้งบดุลเพิ่มจาก$900,000ล้านเป็น$4.5ล้านล้านเมื่อการทำคิวอียุติลงในปี 2013 แต่เฟดไม่สามารถปล่อยทรัพย์สินที่ซื้อเข้ามาในพอร์ตกลับคืนสู่ตลาดได้ เพราะว่าจะทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น และสภาพคล่องตึงตัว ทำให้ตลาดหุ้นทรุด จึงลดงบดุลได้เพียง$700,000ล้านโดยประมาณลงไปอยู่ที่$3.7ล้านล้านในปี2019 ในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา สภาพคล่องแบงก์วอลล์สตรีทมีปัญหาทำให้เฟดต้องเข้าไปเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้งบดุลเฟดเด้งกลับมาอยู่ระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนคือ$6.1ล้านล้าน การปล่อยกู้ของจะอุตหลุดเหมือนเขือนแตก แต่ตัวเลขจริงๆจะไม่มีคนนอกทราบได้ ที่รู้คือวิกฤติ2020จะใหญ่กว่าวิกฤติ2008หลายเท่า ด้วยเหตุนี้งบดุลของเฟดอาจจะพุ่งทะลุ$10ล้านล้านก็ได้ในการซื้อตราสารการเงินเข้ามาในพอร์ตเพื่ออุ้มฐานะการคลังของรัฐบาลและอุ้มแบงก์และบริษัทเอกชน ส่วนการปล่อยกู้ต้องมากกว่า$26ล้านล้านในรอบที่แล้วไปจนถึง$50-$60ล้านล้านก็ได้ ใครจะรู้

เมื่อเฟดลากต่อไม่ไหว ประเทศอื่นจะไม่เอาด้วย จึงต้องสร้างเงื่อนไขไม่ให้ประเทศไหนไปไหวเหมือนกัน เหมือนนิทานอีสปเรื่องหมาหางด้วน เพราะเฟดเป็นเซ็นเตอร์ทางการเงิน ประเทศอื่นๆเป็นบริวารรายล้อม (peripherals) หรือเปรียบเทียบเหมือนเฟดเป็นนิวยอร์ค ที่เหลือเป็นเมืองเล็กๆที่กำลังถูกเผาไหม้ คล้ายกับเนื้อร้องเพลงNew York New Yorkที่ว่า:

"And I am king of the hill
top of the heap
My little town blues
They are melting away

ฉันเป็นราชาแห่งเนินเขา
อยู่สูงสุดบนกองซาก
เมืองเล็กๆที่แสนเศร้าของฉัน
มันกำลังละลายหายไป"

ถ้าลากต่อไปไม่ไหว ก็ต้องยกเลิกดอลล่าร์กระดาษ แล้วหันมาใช้ดอลล่าร์ดิจิตัล หรือดอลล่าร์คริปโตแทน โดยสมบูรณ์แบบ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร?

12/4/2020

 

Setiawan

ภูเขาไฟ # Karangetang สุลาเวสีเหนือ, ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเช้าวันที่ 12 เมษายน 2563
#Karangetang volcano North Sulawesi, Indonesia this morning April12 2020

 

ช่วงนี้สงสัยครับ ในเฟสบุ๊คทำไมชอบมี..รับคำท้า...และลงรูป หรือทำอะไรกัน...งง... เกิดอะไรขึ้น...ตามความเห็นส่วนตัว... คนเราสามารถทำอะไรก็ได้ตามความสบายใจของเรา ที่ไม่ไปเดือดร้อนคนอื่นๆ...ผมเองก็ยังทำเลย ซึ่งผมก็คิดว่าสำหรับบางคนมองว่าไร้สาระแต่ก็เป็นสิ่งที่เราพอใจอยากทำก็ทำ

1. มีคนเคยบอกผมว่า การที่มีผู้กระทำไม่ดีกับผม จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่มา เพราะการทำร้ายผมถือว่าเป็นบาปมาก เห็นเขาว่าเป็นผู้มีบุญสูงสุดในโลก (น่าจะโดนหลอก) และจะนำภัยที่น่ากลัวมาสู่มนุษย์ ซึ่งผมก็เลยอธิษฐานจิตว่า เพื่อให้ผมพ้นจากภัยที่ถูกมนุษย์จ้องทำร้าย และถ้าผมเป็นผู้มีบุญสูงสุดก็ขอให้เกิดภัยพิบัติตามคำทำนาย เพื่อลงโทษมนุษย์ ซึ่งผมจะโดนมนุษย์เล่นงานก่อน หรือมนุษย์จะโดนบาปที่ก่อขึ้นจัดการก่อนก็สุดแล้วแต่โชคชะตา ซึ่งผมก็รู้ว่ามันไม่จริงเพราะผม ไม่ใช่ผู้มีบุญสูงสุดในโลก แต่ก็อธิษฐานจิตตามแต่ความพอใจ

2. ผมชื่นชอบการเป็นพระโพธิสัตว์ที่ช่วยเหลือผู้อื่น ตอนแม่ผมอยู่ชอบบอกผมว่ามีคนบอกเขาว่าเขาเป็นลูกศิษย์เจ้าแม่กวนอิม ผมเลยอยากทำสิ่งดีๆ ให้ผม ผมก็เลยเลือกวันและเวลาที่ไม่มีใครใช้ร่วมกัน และในอดีต และช่วงเวลานั้น และต่อไปในอนาคตก็ไม่น่าจะมีใครทำอีก มาทำการอาบน้ำเพื่ออธิษฐานจิตต่อพุทธเจ้า เพื่อขอรับหน้าที่เป็น ธรรมมิกราช เพราะผมเชืีอว่า ธรรมมิกราช ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด แต่เป็นหน้าที่นึง ที่มีผู้ปราถนาและตั้งใจ ที่จะขอรับหน้าที่นี้ ต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผมก็ทำเพราะผมเองก็อยากทำ และก็ไม่ได้คิดว่าผิด เพราะไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน

3. คนเรามีความเป็นเสรี อย่าให้สิ่งใด ทึ่ได้รับการสั่งสอน บอกกล่าวกันมา เอามาปิดกั้นใจตนเอง จิตเราเองเป็นอิสระ เราจะรู้ว่าเราเองเป็นอิสระ ทุกสิ่งนั้นย่อมไม่อาจกักขังเราได้ เราเป็นผู้เหนือจากโลก เพราะโลกไม่อาจครอบงำเงา

 

#ภูเขาไฟ 15 ตัวบันทึกการระเบิดในคืนเดียว

ในคืนวันศุกร์โลกรู้สึกประหลาดใจโดยการปะทุของภูเขาไฟอินโดนีเซีย anak krakatau (ลูกชายของ krakatoa) อย่างที่มันถือว่าเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ทรงพลังที่สุดใน orb

จากรายงานแรกภูเขาไฟโยนลาวาและขับไล่เมฆแอชขนาดใหญ่ที่สูงถึง 15 กิโลเมตร

นอกจากนี้ชีพจร eruptive ของ #krakatoa สร้างซีรีส์ของการเคลื่อนไหวของศพทำให้ประชากรตกใจถึงจุดของการทิ้ง quarantines ไว้ข้างหลังและย้ายออกไปจากสถานที่ที่อันตราย

และนั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ทันทีพลังงานที่ออกจาก colossus อินโดนีเซียจะเปิดใช้งานที่เรียกว่า "เข็มขัด แปซิฟิก หรือ แหวน ของ ไฟ" สายไฟที่รวมประเทศอื่นๆเช่นญี่ปุ่นและแม้แต่เม็กซิโก

เมื่อคืนกว่า 15 ภูเขาไฟเข้าสู่กิจกรรมที่อยู่ภายในเข็มขัดของไฟท่ามกลางพวกเขาที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาค #popocatépetl ใน #เม็กซิโกและหนึ่งใน #fuego ใน #กัวเตมาลา

ตามการค้นพบภูเขาไฟผู้ที่บันทึกกิจกรรมเมื่อคืนท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินโดย #covid19:

klyuchevskoy ใน kamchatka หนัก ash ที่ความสูง 6 เมตร
shiveluch ใน kamchatka เขาไล่แอชภูเขาไฟที่ระดับความสูง 36000 ฟุต
อาโซ, เซ็นทรัลคิวชู
kuchinoerabu-จิมตั้งอยู่ในเกาะริวกิว
sakurajima ตั้งอยู่ในคิวชูญี่ปุ่น
แม่, en halmahera, อินโดนีเซีย
krakatoa ตั้งอยู่ในช่องแคบซุนดา, อินโดนีเซีย
merapi, เซ็นทรัลจาวา, อินโดนีเซีย มันออกคอลัมน์ ash ที่โรสถึงระดับความสูง 6 เมตร
semeru ตั้งอยู่ในจาวาตะวันออกอินโดนีเซีย
dukono ตั้งอยู่ใน halmahera เขาปล่อยแอชภูเขาไฟ
kerinci ในสุมาตรา
popocatépetl ในเซ็นทรัลเม็กซิโก ที่ 22:15 การระเบิดถูกบันทึกไว้ว่าคอลัมน์ eruptive ที่สร้างขึ้นใกล้กับสูง 1 กิโลเมตรและการปล่อยเศษไส้ในช่วงสั้นๆ
sangay, เอกวาดอร์ เขาไล่ออกจากแอชที่ความสูง 5 เมตร
sabancaya ตั้งอยู่ในเปรู ภูเขาไฟปล่อย ash ที่ถึงความสูง 7 เมตร
สโนวี่แห่ง chillán ตั้งอยู่ในชิลี

ข้อมูล | การค้นพบภูเขาไฟ

 

#ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงทำให้เกิดวิกฤติด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดวิกฤติด้านเศรษฐกิจไปทั่วทุกมุมโลกด้วย เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เป้าหมายหนึ่งของหลายประเทศจึงคือการพยายามลดจำนวนผู้ตกงานจากวิกฤตินี้ให้มีน้อยที่สุด
.
โดยหนึ่งในมาตรการที่หลายประเทศใช้ ก็คือการที่รัฐบาลเข้าไปช่วยจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างให้กับพนักงานในองค์กรต่างๆ ในระยะสั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้องค์กรต่างๆ ยังสามารถจ้างพนักงานต่อไปได้โดยไม่ต้องไล่ออก
.
ไปดูกันว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีมาตรการเช่นนี้ ให้เงินสนับสนุนกับบริษัทต่างๆ มากน้อยแค่ไหน และช่วยเหลือในระยะเวลายาวนานแค่ไหนและในเงื่อนไขใด