ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200321_230057.jpg

    (Mar 21) ทรัมป์คุมพรมแดนเม็กซิโก ขณะที่นิวยอร์กและ แคลิฟอร์เนียมีการออกคำสั่งให้ประชาชนกว่า 40 ล้านคนอยู่บ้าน: ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แถลงยกระดับมาตรการการควบคุมพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกวันนี้ โดยจะไม่อนุญาตให้มีการเดินทางที่ไม่จำเป็น (non-essential travel) ระหว่างพรมแดนสหรัฐฯและเม็กซิโก ซึ่งเป็นมาตรการลักษณะเดียวกับที่ประกาศใช้กับการควบคุมพรมแดนแคนาดาก่อนหน้านี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวไม่กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวว่าทางเม็กซิโกก็จะให้ความร่วมมือในการเพิ่มความเข้มงวดในการเดินทางข้ามพรมแดนรวมทั้งจะพิจารณาระงับเที่ยวบินเข้าจากยุโรปด้วยเช่นกัน

    ด้านนาย Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกคำสั่งให้ประชาชนกว่า 40 ล้านคนอยู่บ้าน และอนุญาตให้เดินทางเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยรัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นรัฐแรกที่ประกาศมาตรการขั้นสูงเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวออกมาหลังจากบาง county ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้มีมาตรการที่เข้มงวดไปบ้างแล้ว อาทิ การห้ามชุมนุมหรือรวมตัวกันเกินกว่า 10 คน หรือการใช้มาตรการ shelter at home ไปก่อนหน้า อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวยังไม่มีกำหนดระยะเวลา แต่เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลประมาณ 8 สัปดาห์ โดยนาย Newsom ประเมินว่าในระยะ 8 สัปดาห์นี้จะมีผู้ติดเชื้อปรับเพิ่มขึ้นถึงประมาณร้อยละ 56 ของคนที่อาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย

    ขณะที่นาย Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้ออกคำสั่งบังคับใช้มาตรการ “New York pause” ซึ่งมีลักษณะเดียวกับรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวคือ ให้ธุรกิจที่ไม่จำเป็น (non-essential businesses) ปิดดำเนินการ และให้ประชาชนทั้งหมด (100%) อยู่บ้าน ธุรกิจที่ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกเรียกค่าปรับ โดยมีผลตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม เป็นต้นไป ภายใต้มาตรการดังกล่าว ธุรกิจที่จำเป็นอย่างโรงพยาบาล ร้านขายของ ร้านขายยา และระบบขนส่งมวลชนยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ และประชาชนยังสามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน อาทิ การออกกำลังกาย การซื้อของใช้และอาหารที่จำเป็น ได้ นอกจากนี้ นาย Cuomo ได้พยายามขอให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่มีความสามารถปรับมาผลิตถุงมือ หน้ากากอนามัย รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยที่เร่งตัวขึ้น

    ท่ามกลางความเห็นที่ขัดแย้งกับนาย Bill de Blasio นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ที่ต้องการให้ผู้ว่าการรัฐฯ ยกระดับไปใช้มาตรการ shelter-in-place ซึ่งนาย Cuomo ไม่เห็นด้วยและคิดว่ามาตรการดังกล่าวจะสร้างความตื่นตระหนกจนเกินไป

    Source: BoTSS

    เพิ่มเติม
    - น้ำมันลงแรง,ดาวโจนส์ร่วง900จุด ไวรัสโควิด-19ยังหลอกหลอนตลาด: https://mgronline.com/around/detail/9630000028508

    - นิวยอร์ก-แคลิฟอร์เนีย'ชัตดาวน์ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871876

    - Stay-at-home orders in major states mark next phase of U.S. coronavirus crisis: https://www.reuters.com/article/us-...phase-of-u-s-coronavirus-crisis-idUSKBN21729V
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนตอบโต้กรณีมีคนปล่อยข่าวลือว่า "ของที่ผลิตจากมีเชื้อไวรัส" โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า "คนที่พูดแบบนี้ ก็อย่าใช้หน้ากากอนามัย, ชุดป้องกันเชื้อโรคและเครื่องช่วยหายใจจากจีน" บอกได้เลยว่าเป็นการตอบโต้ที่ดุเดือดทีเดียว

    นอกจากเนื้อหาในคลิปแล้ว ทาง 人民日报 (People's Daily) สื่อจีน ยังอธิบายในกรณี ว่า ตอนนี้มีบางคนปล่อยข่าวลือไปทั่วโลก ซึ่งจีนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะตอนนี้หลายประเทศต่างรอการช่วยเหลือและสั่งซื้อสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการต่อสู้COVID-19จากจีน ในฐานะที่จีนคือผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก

    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวดีจากจีน ตอนนี้ทางจีนเริ่มทดสอบ "วัคซีน COVID-19 ทางคลินิก กับกลุ่มทดลองที่เป็นชาวเมืองอู่ฮั่น อายุระหว่าง 18-60ปี" แล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม2563ที่ผ่านมา

    .

    อ้ายจงมีข่าวดีมาบอกครับ คือตอนนี้ทางจีนเริ่มทดลองวัคซีนCOVID-19 กับกลุ่มทดลองแล้วนะ โดยกลุ่มผู้ทดลอง ที่เป็นอาสาสมัคร จะเป็นพลเมืองจีนที่มีทะเบียนบ้าน-อยู่อาศัยระยะยาว ในเขตอู่ชาง,หงซาน และย่านทะเลสาบตงหู (East lake - 东湖风景区) อายุ 18-60ปี ซึ่งจะมีการคัดกรองและตรวจร่างกายเพื่อเลือกคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทดลองรับการฉีดวัคซีน

    หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว จะมีการเฝ้าระวัง 14วันหลังได้รับวัคซีน เพื่อดูผลข้างเคียง และดูว่ามีประสิทธิภาพรวมถึงมีความปลอดภัยเพียงใด โดยทางการจีนได้จัดเตรียมที่พักเอาไว้ให้สำหรับกลุ่มผู้รับวัคซีน

    และภายใน 6เดือน ทางทีมแพทย์ จะติดตาม Follow up กลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนอยู่ตลอด เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน ทางเพจอ้ายจงก็จะพยายามFollowติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน

    สำหรับการทดลองทางคลินิกในครั้งนี้ ถือเป็นเฟส1-การทดลองเริ่มแรก ดังนั้นคนที่รับวัคซีนจึงยังมีจำนวนไม่มาก ซึ่งตามข้อมูลที่ระบุในสื่อ เผยว่า "มีจำนวน 108คน โดยจะแบ่งเป็น 3กลุ่ม กลุ่มละ36คน ซึ่งแบ่งตามจำนวนโดสของวัคซีนที่ได้รับ ได้แก่ โดสต่ำ,โดสกลางและโดสสูง"

    อ้ายจงอ้างอิงจาก

    - 人民日报 (People's Daily)
    https://m.weibo.cn/2803301701/4484963058031408

    - 头条新闻
    https://m.weibo.cn/1618051664/4485000571568719

    - 环球时报 (GlobalTimes)
    https://m.weibo.cn/1974576991/4484925358737142

    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #covid19

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลาก่อน Compass Airlines สายการบินขนาดเล็กประกาศปิดตัวถาวร สะท้อนภาพธุรกิจการบินล่มสลาย

    Rick Leach ซีอีโอ ระบุว่า ความท้าทายของสถานการณ์ในรอบนี้ทำให้เราจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งที่ยากที่สุด นั่นคือการหยุดดำเนินกิจการอย่างถาวร

    อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะยังดำเนินการไปจนสิ้นสุดเดือนมีนาคมนี้

    ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์และคาดการณ์ไว้แล้วว่า ในอีก 2 เดือนนับจากนี้ ธุรกิจสายการบินทั่วโลกส่วนใหญ่จะล้มละลาย กรณีของ Compass แม้จะเป็นสายการบินขนาดเล็ก แต่ได้สะท้อนภาพของธุรกิจสายการบินที่กำลังจะพังทลายลงในไม่ช้าจากวิกฤตไวรัสระบาดทั่วโลกในรอบนี้

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การปิดห้าง 22 วัน จะทำให้คนกลับภูมิลำเนาครั้งมโหฬาร /โดย ลงทุนแมน
    ระหว่างที่คนกำลังทำอะไรไม่ถูกกับการปิดห้าง 22 วัน
    เจ้าของห้างกำลังเลือกว่าร้านไหนจะถูกปิด ร้านไหนยังให้เปิด
    พนักงานกำลังถูกบอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ
    แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ
    การที่ห้างทั่วทุกแห่งในกรุงเทพมหานครโดนปิด จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอาจไม่แพ้เทศกาลสงกรานต์

    รัฐบาลเปลี่ยนเทศกาลสงกรานต์ให้เป็นวันทำงาน เพื่อจุดประสงค์ให้ไม่คนกลับภูมิลำเนาไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้าย

    แต่ใครจะไปคิดว่าการปิดห้างทั่วกรุงเทพมหานคร 22 วัน นี่แหละ คือการทำให้ทุกคนกำลังวางแผนเตรียมตัวกลับบ้านครั้งใหญ่

    ในเมื่อนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง
    แถมในเมืองก็มีค่าครองชีพ ทั้งค่าเช่าที่พัก ค่ากิน ที่แพงกว่าต่างจังหวัด
    ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็จะกลับบ้าน..

    คำถามที่สำคัญคือ รัฐบาลได้เตรียมวางแผน ไม่ให้คนออกจากรุงเทพมหาครแล้วหรือยัง?

    แล้วสงกรานต์ที่สั่งให้เป็นวันทำงาน ทำไปเพื่ออะไร?
    จากเดิมที่ห้างเปิด
    คนก็ระมัดระวังกันสุดๆ
    ห้างแทบร้างอยู่แล้ว

    สรุปแล้วสิ่งที่รัฐบาลกำลังต้องเจอก็คือ

    เตรียมพบกับคนที่เคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนาครั้งใหญ่ เร็วๆนี้..
    และนี่คือสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    สวัสดีประเทศไทย

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รับมืออย่างไรกับ COVID-19 เมื่อต้องออกนอกบ้าน
    - ไม่พลาดวิดีโอความรู้จาก ลงทุนแมน ที่ youtube.com/longtunman -

    FB_IMG_1584807653497.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โควิด-19 ในอังกฤษ กำลังลำบาก /โดย ลงทุนแมน
    เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลไทยก็ได้ประกาศว่า คนที่จะสามารถเข้าประเทศได้นั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์ และยังต้องมีประกัน COVID-19 วงเงิน 3 ล้านบาท

    เรื่องนี้ก็ทำให้คนไทย โดยเฉพาะในอังกฤษนั้นตื่นตัวเป็นอย่างมาก และพากันไปยื่นเรื่องขอใบรับรองแพทย์ที่สถานทูตไทยตั้งแต่วันที่ 18 ช่วงค่ำที่ผ่านมา

    ประเทศอังกฤษ จากจุดมุ่งหมายที่ใฝ่ฝันของคนไทยหลายคน
    กลายเป็นประเทศที่หลายคนเตรียมหนี
    ทำไมถึงเกิดขึ้น ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    เรื่องนี้ เริ่มมาจากสัญญาณไม่ดีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
    รัฐบาลอังกฤษเริ่มแสดงความกังวลต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    และความกังวลว่าจะไม่สามารถรับมือกับผู้ป่วยได้ทั้งหมด
    จึงได้ประกาศเป้าหมายที่จะทำให้เกิด Herd Immunity ขึ้น

    ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้คนในประเทศตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และมีหลายฝ่ายได้เตือนการกระทำในครั้งนี้

    แล้ว Herd Immunity คืออะไร?

    Herd Immunity หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ มีความหมายว่า เวลาที่เกิดโรคระบาด เราไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กับทุกคน เพื่อให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกัน

    แต่ต้องฉีดให้กับประชากรในสัดส่วนที่มากพอเพื่อที่จะลดการแพร่ระบาด และทำให้โรคค่อยๆ หายไปในที่สุด

    ซึ่งอธิบายให้เห็นภาพก็คือ เวลาเราไม่สบาย เราอาจจะแพร่เชื้อไปให้เพื่อน ส่วนเพื่อนก็จะแพร่เชื้อต่อๆ ไปอีก

    แต่หาก เพื่อนเรามีภูมิคุ้มกัน เพื่อนก็จะไม่สามารถแพร่ต่อไปได้ การระบาดของโรคก็จะลดลงในที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีวัคซีน เพื่อมาสร้างภูมิคุ้มกันโรค COVID-19 โดยตรง
    แต่ภูมิคุ้มกันเหล่านี้ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองเมื่อได้รับเชื้อ

    ขณะนี้ อังกฤษมีประชากรทั้งหมดประมาณ 66 ล้านคน
    มีการคาดการณ์ว่า ต้องมีประชากร กว่า 60% หรือประมาณ 40 ล้านคนที่ได้รับเชื้อและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ เพื่อจะทำให้ Herd Immunity นั้นประสบความสำเร็จ

    จากสถิติของโรค COVID-19
    80.9% มีอาการไม่รุนแรงเหมือนไข้หวัด
    13.8% มีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หายใจหอบเหนื่อย
    4.7% มีอาการวิกฤตคือ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว อวัยวะล้มเหลว ติดเชื้อในกระแสเลือด
    2% มีอาการถึงเสียชีวิต

    ซึ่งปกติผู้ป่วย COVID-19 จะมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 4%
    หากมองในแง่ดี มีข้อมูลว่าอัตราการเสียชีวิตต่ำสุดประมาณ 0.7% (อ้างอิงจาก อัตราการเสียชีวิตในพื้นที่เขตอื่นๆ ในจีน)

    ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ตัวเลขเท่านั้น
    แต่เวลานี้ ก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่า อังกฤษจะเอาจริงแค่ไหน
    และปัจจุบันก็ยังมีมาตรการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

    ซึ่งไม่แน่ว่า ต่อไปอังกฤษอาจจะต้องปิดประเทศเหมือนประเทศอื่นๆ และใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นก็เป็นได้

    แต่เรื่อง Herd Immunity คงไม่ใช่เรื่องเดียวที่สร้างความกังวลให้กับทั้งชาวไทย หรือแม้แต่คนอังกฤษเองที่อาศัยอยู่ที่นั่น

    ยังมีเรื่องของระบบสาธารณสุขของอังกฤษ ที่อาจไม่ได้พร้อมเหมือนประเทศอื่นเท่าไรนัก
    หรือหากมองในมุมคนไทยก็คือ การเข้าถึงการรักษานั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก และไม่ได้สะดวกรวดเร็วเหมือนในไทย

    แล้วระบบสาธารณสุขของอังกฤษนั้นเป็นอย่างไร?

    หลายคนอาจจะมองว่าอังกฤษมีระบบการดูแลด้านสุขภาพดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ความจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    หากเปรียบเทียบกับในยุโรป อังกฤษเอง มีสัดส่วนงบประมาณทางด้านสาธารณสุข น้อยกว่า ทั้ง เยอรมนี ฝรั่งเศส หรือสวีเดน เสียอีก

    โดยงบประมาณที่น้อยกว่าจะสะท้อนไปถึงจำนวนทรัพยากร เตียง แพทย์ พยาบาล ที่น้อยลงไปด้วย อย่างในเยอรมนีมีจำนวนพยาบาลต่อประชากรสูงกว่าอังกฤษถึง 2 เท่า

    นอกจากนี้จำนวนผู้สูงอายุในอังกฤษยังเพิ่มสูงขึ้น
    ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุเหล่านี้ก็สูงตามไปด้วย

    และที่สำคัญคือ จำนวนบุคลากรไม่เพียงพอต่อความต้องการ
    ดังนั้น การจะเข้ารักษา เวลาในการรอคิว ทุกอย่างจึงดูเป็นเรื่องที่ใช้เวลาและไม่ได้ง่ายดายเหมือนประเทศอื่น

    ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า สถานการณ์ในอังกฤษจะเป็นอย่างไร
    จะมีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิด Herd Immunity ตามเป้าหมายหรือไม่
    พรีเมียร์ลีก จะกลับมาแข่งได้วันไหน
    และที่สำคัญ ลิเวอร์พูลจะเป็นแชมป์หรือไม่..

    การระบาดของ COVID-19 ในครั้งนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรมากขึ้นว่า ระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศนั้นๆ เป็นอย่างไร

    ประเทศที่ดูโชคดีที่สุดคงจะเป็นประเทศที่ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงทีมากที่สุด

    และหลังจากวิกฤตในครั้งนี้จบลง หลายๆ ประเทศคงต้องมีการประเมิน และพัฒนาระบบสาธารณสุขของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมกับการเกิดโรคระบาดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    เพราะแน่นอนว่า เชื้อโรคจะวิวัฒนาการตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นอยู่เสมอ
    ซึ่งทำให้ “สงคราม” ระหว่าง มนุษย์กับเชื้อโรค จะไม่พบกับคำว่า “สิ้นสุดลง”
    อย่างน้อยก็ตราบเท่าที่มีโลกใบนี้อยู่..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://pidst.or.th/userfiles/62_Community%20immunity.pdf
    -https://www.bbc.com/news/health-50290033
    -https://www.ft.com/content/38a81588-6508-11ea-b3f3-fe4680ea68b5
    -https://www.ft.com/content/e4f4fef8-669f-11ea-800d-da70cff6e4d3
    -https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-12/johnson-s-u-k-virus-strategy-needs-people-to-catch-the-disease
    -https://www.bbc.com/thai/51969378
    -https://www.worldometers.info/coronavirus/coronavirus-symptoms/

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จักรวรรดิแอซเท็ก (Aztec Empire) คือ จักรวรรดิที่ตั้งอยู่บริเวณประเทศเม็กซิโกในปัจจุบัน มีเมืองหลวงที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ

    ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ ปกครองประชากรกว่า 5 ล้านคน นับถือเทพเจ้า และมีการบูชายัญด้วยเลือด และหัวใจของมนุษย์

    ชาวแอซเท็กใช้เมล็ดโกโก้แทนเงินตรา เนื่องจากเป็นสิ่งที่หายาก และมีค่า ชนชั้นสูงผู้ร่ำรวยจะนำเมล็ดที่มีค่านี้บูชาเทพเจ้า และบ่อยครั้งจะนำมาต้มกินเป็นช็อกโกแลต

    ช็อกโกแลตที่เรากินทุกวันนี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากยุโรป

    ต้นกำเนิดที่แท้จริงมาจาก ชาวแอซเท็ก ซึ่งทำให้โกโก้ และช็อกโกแลตแพร่เข้าสู่ทวีปยุโรป

    แต่ช็อกโกแลตก็ยังไม่ใช่สิ่งที่นักรบชาวสเปนหมายตา
    สิ่งที่ชาวสเปนหมายตา และมีค่าเทียบเท่าเครื่องเทศ ก็คือ ทองคำ

    นอกจากอาวุธปืน ดาบเหล็กกล้า และเสื้อเกราะ
    สิ่งที่ชาวสเปนนำมาทวีปนี้ด้วย คือ ไข้ทรพิษ

    โรคติดต่อร้ายแรงชนิดนี้ กลายเป็นอาวุธชั้นดี ที่สังหารชาวพื้นเมืองอเมริกาถึงเกือบ 3 ใน 4
    จำนวนประชากรพื้นเมืองอเมริกา จาก 40 ล้านคน ในช่วงปี ค.ศ.1500
    ลดเหลือเพียง 10 ล้านคน ในปี ค.ศ.1550

    นักรบชาวสเปนจึงสามารถพิชิตจักรวรรดิแอซเท็คได้อย่างง่ายดาย ทำให้ได้ทองคำเป็นจำนวนมหาศาลจากท้องพระคลัง และดินแดนของจักรวรรดิแอซเท็คทั้งหมดตกเป็นของสเปน..

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 17 รายวันนี้! รวม 273 ราย
    ....ข้าราชการจะกลับไปทำงานที่บ้านอีกครั้ง 23 มีนาคมนี้

    วันนี้ฮ่องกงได้ออกมาแถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 17 ราย โดยมี 10 ราย มีประวัติการณ์เดินทางไปต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เปรู โบลิเวีย และสิงคโปร์

    Dr Chuang Shuk-kwan หัวหน้าสาขาโรคติดต่อของศูนย์คุ้มครองสุขภาพ เผยว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะมีเพิ่มขึ้นอีก เพราะพบอีก 20 รายที่มีผลติดเชื้อจากการตรวจเบื้องต้น

    ในจำนวนผู้ติดเชื้อ 17 รายมีเด็กวัย 20 เดือนรวมอยู่ด้วย โดยได้ร่วมงานแต่งงานวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งพ่อแม่เด็ก และเจ้าบ่าวก็ได้รับการยืนยันติดเชื้อเช่นกัน

    ทั้งนี้ ได้มีการประกาศให้ข้าราชการกลับไปทำงานที่บ้านอีกครั้ง เริ่มจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ รวมทั้งจะปิดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายใต้ Leisure and Cultural Services Department ซึ่งรวมถึง สนามกีฬากลางแจ้ง, ศูนย์ออกกำลังกาย, พิพิธภัณฑ์ 4 แห่งและห้องสมุด 7 แห่ง

    นอกจากนี้ยังได้เลื่อนการสอบ DSE ไปเป็นวันที่ 24 เมษายน 2020 และยกเลิกการสอบ Chinese and English-language oral examinations และโรงเรียนทุกแห่งยังคงปิดต่อไป

    Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...rus-hong-kong-civil-servants-return-work-home, https://www.scmp.com/news/hong-kong...71/coronavirus-toddler-among-17-new-confirmed

    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong #ไวรัสโคโรน่า #โควิด19

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สืบเนื่องจากประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 กำหนดให้คนไทยที่เดินทางออกจากฮ่องกงและมาเก๊ากลับประเทศไทยแสดงหนังสือรับรองของสถานกงสุลใหญ่ฯ ควบคู่กับใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) ต่อสายการบินเพื่อใช้ในการออกบัตรโดยสาร

    สถานกงสุลใหญ่ฯ มีความห่วงใยคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ที่อาจจัดหาหนังสือรับรองของสถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่ทันกำหนดบินกลับไทย
    **ในการนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563 สถานกงสุลใหญ่ฯ จะเปิดหน่วยบริการพิเศษชั่วคราว ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ระหว่างเวลา 06.00 - 09.30 น. (บริเวณ counter check-in สายการบิน Cathay Pacific) และระหว่างเวลา 15.30 - 20.30 น. (บริเวณ counter check-in ของสายการบินไทย) เพื่อเป็นจุดขอรับหนังสือรับรองของสถานกงสุลใหญ่ฯ โดยขอให้คนไทยที่จะบินกลับวันพรุ่งนี้ นำหนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และใบรับรองแพทย์มาที่จุดให้บริการด้วย**

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

    FB_IMG_1584808210901.jpg

    Ray Dalio ได้ออกมาแชร์ความเห็นเรื่องหลายๆรัฐบาลในโลกนี้กำลังอาจ #ปกปิดสถานการณ์ความรุนแรงของไวรัสโควิด ในแต่ละประเทศ ด้วยความหวังดีและไม่ต้องการให้เกิดการตื่นตระหนก

    “เข้าใจได้ที่รัฐบาลหลายประเทศอาจปิดความจริงเรื่องไวรัสระบาด เพราะความจริงนั้นอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและอาจมีผลเสียหายมากกว่าตัวไวรัส แต่ในขณะเดียวกันในยามวิกฤตแบบนี้นั้นผู้คนกลับกำลังต้องการที่ยึดเหนี่ยวและแหล่งข้อมูลที่พึ่งพาได้มากที่สุด” Ray Dalio เจ้าของกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกล่าว

    Ray ได้ออกมาแชร์ว่าสถานการณ์ของไวรัสทั่วโลกนั้นได้รุนแรงไปมากกว่าที่หลายรัฐบาลประเมินไว้ตั้งแต่แรก การควบคุมนั้นเกิดขึ้นได้ยากกว่าที่เนื่องจากข้อมูลของไวรัสตัวนี้ในหลายประเทศยังน้อยอยู่และช่วงเวลาที่ไวรัสยังไม่ออกอาการถึงหลายวันนั้นทำให้ควบคุมได้ยากกว่าโรคก่อนๆ

    "มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับรัฐบาลหลายๆประเทศที่จะเลือกบอกความจริง เพราะผลกระทบนั้นมีใหญ่หลวงทั้งสองด้านไม่ว่าจะเลือกที่จะบอกหรือไม่บอก หากเป็นตัวผมผมคงเลือกที่จะเปิดเผยความจริงทุกอย่าง แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ความเห็นของผม มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากจริงๆ (It's a close call)" Ray กล่าว

    การเปิดเผยความจริงในทีเดียวในขณะที่ประเทศยังไม่พร้อมจะรับมือนั้นย่อมส่งผลเสียหายแน่นอนอยู่แล้ว ดูได้จากเหตุการณ์ในบ้านเราที่เริ่มเกิดการกักตุนข้าวของหรือการแห่ออกจากบ้านทำให้ยิ่งเกิดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้มากขึ้นอีก และหากใครได้ดูหนังเรื่อง Contangion จะเห็นได้ว่าการเกิดจราจลจริงๆอาจจะรุนแรงกว่านี้เยอะ นั้นจึงอาจเป็นเหตุผลที่ผู้นำหลายๆประเทศกำลังพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

    ผู้นำหลายๆประเทศตอนนี้ไม่ได้สู้อยู่แค่ #สงครามกับไวรัสอย่างเดียว แต่ยังต้องนึงถึง #ความสงบของบ้านเมือง #ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และยังมีความเสี่ยงอีกหลายแง่มุมที่เรายังนึกไม่ถึง เชื่อว่าผู้นำทุกๆคนในโลกย่อมจะพยายามเลือกทางที่ดีและสมดุลที่สุดกับทุกๆอย่าง (ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ตอนนั้น) แต่ทุกทางเลือกย่อมมีความเสี่ยง คงไม่สามารถกันทุกๆปัญหาได้หมดเพราะศึกนั้นมีหลายด้านมาก

    เป็นกำลังใจให้กับผู้นำทั้งโลกให้ช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้โดยที่เกิดความเสียหายน้อยที่สุดครับ

    สุดท้ายนี้ Ray ได้มาแชร์ความกังวลเกี่ยวกับเรื่อง #ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ว่าเขาเป็นห่วงยิ่งนักที่วิกฤตนี้อาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องไวรัส แต่อาจกลายมาเป็น #วิกฤตการเงิน ที่ใหญ่กว่าที่เราเคยเจอมา เพราะตอนนี้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกนั้นได้ลดลงมาต่อที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว

    หากผลกระทบจากไวรัสทำให้หลายๆกิจการเริ่มขาดทุน เริ่มไม่มีเงินส่งชำระหนี้ จะทำให้มีผลกระทบลูกโซ่ไปถึงธนาคารและประชาชนทุกๆคนได้ ทำให้ปัญหาไวรัสจะกลายเป็น #ปัญหาเรื่องหนี้เสีย ระดับโลกแทน

    Ray กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับทางเพจและนักลงทุนทุกๆท่านครับ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดที่รวดเร็ว ให้กดไลค์ที่โพสต์หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

    ที่มา: Linkedin ของ Ray Dalio (แนบในคอมเม้นท์)

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

    FB_IMG_1584808338897.jpg

    ⚠️ ด่วนนนนน ⚠️ สหรัฐเตรียมปรับแผนแจกเงินช่วยเหลือเรื่องไวรัสระบาดเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็น 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10% ของ GDP ประเทศเลยทีเดียว


    Larry Kudlow ที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาวได้ออกมารายงานเวลาคืนวันเสาร์ของไทยเราว่า ทางรัฐบาลทรัมป์กำลังเตรียมปรับแผนแจกเงินช่วยเหลือขึ้น 2 เท่า จากแผนเดิมที่จะมีการแจกเงินสดให้ประชาชนคนละ 1,000 เหรียญ เป็นวงเงินรวมกว่า 1-1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ วันนี้ทางรัฐบาลมีแผนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ได้มีรายละเอียดว่าเพิ่มจำนวนต่อคนหรือไม่

    จึงรีบมาแชร์ให้ทุกท่านทราบเพื่อที่จะได้รับมือกับช่วงตลาดเปิดวันจันทร์นะครับ !

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดที่ทันท่วงที ให้กดไลค์ที่โพสต์หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มันเกิดอะไรกันขึ้น?
    ทำไมอยู่ๆ ราคาน้ำมันร่วงดิ่งเหวในพริบตา
    .
    นอกจากโลกเราจะต้องเจอกับ
    สงครามการค้า (Trade war)
    สงครามไวรัส (COVID-19)
    นี่เรายังต้องมาเจอกับสงครามราคาน้ำมันกันในเวลาเดียวกันนี่อีกเหรอ?
    .
    มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
    แล้วมันจะจบยังไง?
    .
    วันนี้ผมจะมาสรุปง่ายๆด้วยรูป
    ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
    .
    #SherStockHolmes
    #OilTradingKP
    .
    ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
    เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

    FB_IMG_1584808588304.jpg

    เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง Dow Jones และ S&P ลงไปปิด -4.5% ทั้งๆที่เปิดตลาดที่บวกและลงมาเทรดติดลบเล็กน้อยตลอดทั้งวัน แต่ความกังวลว่าสถานการณ์ไวรัสระบาดจะแย่ลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทำให้นักลงทุนรีบเทขายปิดความเสี่ยงไว้ก่อน...

    เพราะเราอาจไม่เหลือทางออกแล้วหากยังไม่มีวัคซีน นอกจากการ #ปิดทุกๆประเทศในโลก ที่มีการติดเชื้อ

    ตลาดหุ้นสหรัฐและหลายๆประเทศในโลกเปิดตลาดบวก เนื่องจากทุกๆธนาคารกลางในโลกได้งัดทุกๆมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอออกมาหมดแล้ว อัตตราดอกเบี้ยทั่วโลกนั้นอยู่ในจุดที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์แล้ว รัฐบาลทั่วโลกช่วยกันอัดเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินมากเกินกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว (3,000,000,000,000 เหรียญ !)

    แม้แต่ในประเทศไทยของเราเองก็ได้มีการลดดอกเบี้ยฉุกเฉินไปถึงสองครั้งแล้วนับตั้งแต่ไวรัสระบาด รวมถึงครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ที่แบงค์ชาติจัดการประชุมเร่งด่วนและลงมติเอกฉันท์ให้ลดดอกเบี้ยลงมา 0.25% มาสู่ระดับ 0.75% และเร่งเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากตลาดมูลค่ารวมกว่า 120,000 ล้านบาทไปแล้วในอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อชะลอการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ และเพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยไว้
    (น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SET ดีด +83 จุดจนติดเพดาน Limit ไปเมื่อวานนี้)

    แต่แล้วทุกๆ #ความพยายามก็ยังไม่เป็นผล เมื่อการระบาดของไวรัสยังลุกลามกว่าที่หลายๆฝ่ายคาดการณ์ไว้ และเป็นสิ่งที่การอัดฉีดเงินไม่สามารถช่วยได้

    โดยเฉพาะที่สหรัฐที่การแพร่ระบาดอาจจะน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกและมีสัดส่วน GDP สูงเกินกว่า 15% ของโลก ! จนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐโดนเทขายมาปิดลบที่ -4.5% ก่อนปิดตลาดไปในที่สุด

    ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดทั่วโลกนั้นทะลุเกิน 10,000 ชีวิตแล้ว และตัวเลขผู้ติดเชื่อล่าสุดเช้าวันจันทร์นี้อยู่ที่ 256,689 ราย

    แต่หากมาเจาะดูรายละเอียดตามในกราฟที่ 1) ในคอมเม้นท์ จะเห็นได้ว่าตัวเลขการติดเชื้อ (นับตั้งแต่หากมีคนติดเกิน 100 คนในประเทศ) ที่นำมากราฟนั้นหากยิ่งชันก็จะยิ่งอันตรายเพราะแปลว่าการโตของผู้ติดเชื้อยังคงสูงขึ้นรายวันอยู่

    ทางกลุ่มประเทศทางเอเชียนั้นไม่ได้น่าเป็นห่วงแล้ว เพราะเส้นทุกๆเส้นนั้นแทบจะเป็น Flat แม้แต่เส้นของอิหร่านที่เคยดูชันอย่างน่ากลัววันนี้ก็เริ่มลดความชันลงมาเยอะแล้ว

    แต่ทางกลุ่มประเทศยุโรปนั้นกลับเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แม้ความชันของประเทศอิตาลีนั้นจะลดลงเรื่อยๆแล้วเพราะปิดประเทศอย่างสมบูรณ์ แต่ทางเสปน ฝรั่สเศส และ อังกฤษนั้น กลับยังชันขึ้นอย่างน่ากลัว

    ทางสหรัฐนั้นน่ากลัวสุด ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังไม่มากเท่ากับหลายประเทศในยุโรปแต่ความชันของกราฟนั้นแทบจะนำมาเลย ทางนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า หากทางสหรัฐไม่คิดจะจำกัดการแพร่กระจายอย่างจริงจัง #ด้วยเรทการติดเชื้อในตอนนี้ อาจมีชาวสหรัฐที่ติดเชื้อสูงถึงครึ่งประเทศ ! ภายในเวลา 2 อาทิตย์

    และนั้นเป็นสิ่งที่ตลาดกังวลเพราะทางออกตอนนี้แทบจะไม่มีทางออกเหลือแล้ว และไม่ว่าทางไหนก็จะมีผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจโลกอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น

    1️⃣ พยายามปิดประเทศตะวันตกทั้งหมดและกันไม่ให้ผู้คนออกจากบ้านด้วย อย่างที่ทางจีนและอิตาลีทำแล้วได้ผล ทางอังกฤษก็อาจเริ่มใช้มาตรการนี้กับกรุงลอนดอน และทางสหรัฐก็อาจเริ่มใช้กับบางเมือง

    แต่การทำแบบนี้ยังไงก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะงักและขาดการใช้จ่ายอย่างรุนแรง การใช้น้ำมันหายไปเกือบหมด หลายบริษัทอาจต้องปิดตัวลงและเศรษฐกิจโลกคงติดลบมหาศาล

    2️⃣ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ แล้วยังพยายามใช้ชีวิตกันตามปกติแบบระมัดระวัง หากเกิการผิดผลาดขึ้นผลกระทบในระยะยาวนั้นอาจจะยิ่งหนัก หากสหรัฐมีผู้ติดเชื้อเกือบครึ่งประเทศจริงภายในเวลาสองเดือน เชื่อเลยว่า #ตลาดหุ้นยังลงไปได้ อีกประมาณ 50% !

    คงต้องมาติดตามกันอย่างใกล้ชิดจริงๆ ตลาดตอนนี้จะผันผวนแน่ๆเพราะกำลังมีหลายๆสิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้และการอัดฉีดเงินก็อาจไม่ได้เป็นทางออก เพียงแต่จะยิ่งเข้ามาเพิ่มความผันผวนในระยะสั้นหากตัวเลขของผู้ติดเชื้อยังไม่ชะลอลง

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดที่รวดเร็ว ให้กดไลค์ที่โพสต์หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

    FB_IMG_1584808729116.jpg

    วันนี้มีบทหนึ่งจากหนังสือ "Leader Eat Last" โดย Simon Sinek ที่เหมาะกับยุคไวรัสระบาด และวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมา จึงอยากนำมาแชร์ใน #สาระเบาๆเสาร์อาทิตย์ ครับ

    Bob Chapman เป็น CEO ของโรงงานผลิตขนาดใหญ่แห่งนึงในสหรัฐชื่อ Barry-Wehmiller ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ทางบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักทำให้พวกเขาสูญเสีย Order จากลูกค้าไป 30% ในชั่วข้ามคืน โดยคำสั่งซื้อจากลูกค้าเหล่านี้นั้นมีความสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบริษัทโรงงานผลิต...

    พวกเขาจะไม่สามารถจ้างงานพนักงานอีกหลายพันชีวิตได้อีกต่อไป...

    ดั่งการบริหารงานทั่วไปในบริษัทต่างๆ ทางกรรมการบริษัทและผู้บริหารได้รีบรวมตัวกันในวันรุ่งขึ้นเพื่อหารือเรื่องอนาคตของบริษัท พวกเขาคำนวนตัวเลขกันอย่างชาญฉลาดแล้วพบว่า พวกเขาต้องหาทางประหยัดเงินอีก 10 ล้านเหรียญเพื่อที่บริษัทถึงจะอยู่รอดได้...

    และทางที่เหมาะสมที่สุดที่ทุกๆบริษัทใช้กันในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนั้นคือการปลดพนักงานกว่า 20% ของบริษัท...

    แต่ Bob Chapman ผู้เป็น CEO กลับปฏิเสธความเห็นของที่ประชุม เขาจะไม่ยอมให้พนักงานในบริษัทเค้าต้องตกงานในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด

    Bob ไม่เชื่อเรื่องการนับหัว (Head Count) ของบริษัทเพื่อความอยู่รอด Bob เชื่อว่าการนับหัวใจ (Heart Count) และความสามัคคีของบริษัทนั้นสำคัญยิ่งกว่า

    วันรุ่งขึ้นทาง Bob จึงได้ออกนโยบายใหม่ โดยให้พนักงานทุกคนตั้งแต่เลขานุการ พนักงานในโรงงาน ผู้บริหาร จนรวมถึงตัว CEO เองด้วย บังคับให้ทุกๆคนใช้เวลา 1 เดือนในการลาพักร้อนแบบที่ไม่ได้รับเงินเดือน โดยพวกเขาสามารถเลือกเวลาในการลาได้ตามที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องลาติดกันหรือลายาว จะลาแบบไหนนั้นไม่ได้มีกฎตายตัว ขอเพียงแค่ตกลงกันเองได้ภายในแผนกว่าอยากหยุดวันไหนกัน

    "It's better that we should all suffer a little than any of us should have to suffer a lot" Bob กล่าวถึงนโยบายนี้

    โดยแปลความหมายได้ว่า "มันดีกว่าที่เราทุกคนจะแบ่งความทุกข์ทรมานของพวกเราร่วมกันคนละน้อย ดีกว่าที่พวกเราคนใดคนหนึ่งจะต้องทุกข์ทรมานอย่างมากมายอยู่ตัวคนเดียว"

    แผนของ Bob นั้นได้ผลดีเป็นอย่างมาก

    เมื่อพนักงานทุกคนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปกป้องจาก CEO ว่าจะไม่มีใครที่ต้องตกงาน การทำงานในองค์กรก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เกิดการไว้วางใจและให้ความร่วมมือกันมากขึ้น

    และผลที่ออกมาก็ไม่มีใครคาดคิด เกิดการแลกวันลากันเองระหว่างเพื่อนพนักงาน คนที่ไม่ลำบากมากและพอจะรับเงินน้อยลงได้กลับยอมลางานให้นานขึ้น เพื่อให้คนที่มีฐานะลำบากกว่าได้มาทำงานมากขึ้นและรับเงินเพิ่มไป สุดท้ายแล้วมีผู้ขอยอมลาเพื่อไม่รับเงินเดือนให้บริษัทประหยัดเงินได้มากขึ้น จนสุดท้ายแล้วทางบริษัทสามารถประหยัดได้สูงถึง 20 ล้านเหรียญ สูงมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้อีก

    ........

    และนี่ก็คืออีกหนึ่งบทจากหนังสือ "Leader Eat Last" ของ Simon Sinek หนังสือที่ได้รวมข้อคิดของการเป็นผู้นำที่ดีนั้นไม่ต้องมีทฤษฎีอะไรมากมาย เพียงแค่ผู้นำเป็นผู้ที่เสียสละและสิ่งอื่นๆที่ดีในทีมจะตามมาเอง ท่านใดสนใจอยากอ่านบทอื่นๆเพิ่มเติมก็ลองดูโพสต์ที่เราแนบมาให้ในคอมเม้นท์ได้นะครับ

    หวังว่าเรื่องที่นำมาแชร์นี้จะมีประโยชน์และเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านได้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดี, นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ขอลดเงินเดือน 30% ของเงินเดือนปกติ เป็นเวลา 4 เดือน

    'เงินเดือนพวกเราจะขอส่งคืนไปเพื่อใช้สำหรับ ค่าใช้จ่ายในสถาการณ์ COVID-19'
    'เราจะแบ่งปันความเจ็บปวดกับประชาชน"

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Hfocus

    คาดอีก 30 วัน ไทยจะป่วยโควิด-19 แตะ 3.5 แสนคน ตาย 7 พัน ถ้าไม่ "ล็อคดาวน์ทันที"

    แต่ถ้าล็อคดาวน์ทันที คนไทยจะป่วย 2.4 หมื่นคน ตาย 485 คน

    FB_IMG_1584809168297.jpg

    https://www.hfocus.org/content/2020/03/18737

    #โคโรนาไวรัส #โรคระบาด #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.เคาะมาตรการย้ายผู้ติดเชื้อ ‘โควิด-19’ อาการไม่รุนแรงไปพักในโรงแรม

    สธ.จับมือโรงเรียนแพทย์วอนประชาชนร่วมมือทำ social distancing อย่างจริงจังเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนทางการแพทย์มีความพร้อมเต็มที่ เน้นพิเศษพื้นที่ กทม.เพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 80% ของทั้งประเทศ เคาะมาตรการย้ายผู้ติดเชื้อที่อาการไม่รุนแรงไปพักอยู่ในโรงแรม เบื้องต้นโรงแรมบางกอกพาเลสยกห้องให้ 350 ห้องแล้ว ส่วนเครื่องช่วยหายใจยืนยันว่ามีเพียงพอ

    https://www.hfocus.org/content/2020/03/18738

    #โคโรนาไวรัส #โรคระบาด #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเทศที่เกาะเส้น 33% มีเยอะเลย
    นั่นหมายถึงผ่านไปทุกๆ 8 วัน
    ถ้าคุมไม่อยู่ ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มไปอีกทีละ
    จาก 100 กลายเป็น 1000
    ผ่านไปอีก 8 วัน จาก 1000 กลายเป็น 10,000
    ผ่านไปอีก 8 วัน จาก 10,000 กลายเป็น 100,000
    ผ่านไปอีก 8 วัน จาก 100,000 จะกลายเป็น 1,000,000
    ...

    # ไทยตอนนี้อยู่ราวๆ 23.83%
    และกำลังเข้าสู่ มาตรการควบคุมที่เข้มขึ้น
    เพื่อให้ถอยห่างเส้น 33% ออกไปให้มากที่สุด
    .
    # ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฮ่องกง
    ทำการควบคุมได้ดี ห่างจากเส้น 33% ออกไปได้
    .
    (สิงคโปร์ ฮ่องกง ไปเห็นจาก source ไหนสักที่ผ่านตา)
    .
    # อิตาลี ที่ยอดสะสมมากๆๆๆก็จริง
    และอยู่ระหว่างยอด 10,000 ไป 100,000 ราย
    หากเกาะเส้น 33%
    อิตาลี ผ่านไป 8 วัน ก็จะเข้าสู่ 100,000 ราย
    แต่ช่วงหลังมานี้ อิตาลีค่อยๆ หนีจากเส้น 33% ออกไปได้
    ซึ่งมีแนวโน้มว่าดีขึ้น
    คือ แทนที่จะ 8 วัน ก็จะขยายออกไปมากกว่า 8 วัน
    กว่าจะถึง 100,000 ราย
    .
    เพียงแต่ยอดที่มากนั้น ทางการแพทย์เข้ารักษาไม่ทัน
    เลยจะมีคนตายได้เยอะทีเดียว
    .
    # แล้วสำหรับไทย อยู่ตรงไหน?

    บางสำนักข่าวไปเอา อัตราของจีนมา คาดการณ์ของไทยบ้าง
    หรือ เอาอัตราประเทศทางยุโรปมา คาดการณ์ของไทยบ้าง
    แน่นอนว่า เราจะเอาอัตราระบาด
    ของประเทศมาใช้กับอีกประเทศไม่ได้

    ทางยุโรป อยู่เกาะ 33% กันเยอะเลย
    ของไทยอยู่ที่ 23.83% ณ ตอนนี้
    มาได้อย่างไร? แล้วจากค่านี้
    ทุกๆกี่วัน ของไทยถึงจะเพิ่มไป x10 เท่าตัว กันหล่ะ?
    FB_IMG_1584811324844.jpg FB_IMG_1584811327303.jpg
    (ไว้ตอนหน้าค่อยมาไขคำตอบกัน
    เพื่อนๆจะได้กะได้ว่า ประมาณวันนี้จะเพิ่มไปเท่าไหร่ได้แล้ว
    หากไม่มีการควบคุมที่ดีขึ้น )

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมถึงต้อง "เส้น 33%"
    --------------------------

    ที่แท้มาจาก การแปลงกราฟ
    เป็นกราฟแบบ แกน Y ใช้ log ฐาน 10
    FB_IMG_1584811560910.jpg
    แล้วให้มองว่า
    "ทุกๆ 8 วัน ยอดผู้ติดเชื้อ
    จะเพิ่มไป จาก 100 เป็น 1000
    ผ่านไป 8 วัน จาก 1,000 เป็น 10,000
    ผ่านไป 8 วัน จาก 10,000 เป็น 100,000 "
    ..

    ซึ่งสมการ แกน Y เป็น log นี้มีสมการ
    คือ 0.125 * X + 2

    เมื่อ ยกกำลัง 10 คืน
    จาก แกน Y เป็น log ก็จะกลายเป็น กราฟปกติ ตัว s
    ซึ่งจะมีสมการคือ

    Y = 100 * 10^(0.125 * X)

    หรือ
    Y = 100 * 1.333521432163324^ X

    ค่า 1.333521432163324
    จึงเป็นที่มาของ หลังจากเกิน 100 ราย

    ให้พิจารณาว่า
    ถ้า เพิ่มไปทีละราวๆ 33%
    แสดงว่า ทุกๆ 8 วันจะเพิ่มแบบ จาก 100 เป็น 1000
    พอผ่านไป 8 วัน จาก 1,000 เป็น 10,000
    พอผ่านไป 8 วัน จาก 10,000 เป็น 100,000

    นั่นเอง
    นั่นคือ ที่มาของเส้น 33% นับจากเมื่อครบ 100รายแรกไป

    -------------------------------------------------------
    # ณ ขณะนี้เมืองไทย
    เพิ่มช่วงท้ายๆ หลังจากวันที่ 15มีนาคม
    ที่ยอดพึ่งแตะหลัก 100
    จะมีอัตราเพิ่มอยู่ราวๆ 23.83%

    # หากไทย หรือประเทศไหนไปแตะใกล้ เส้น 33%
    หมายความว่าทุกๆ 8 วันยอดติดเชื้อจะเพิ่มไปอีก x 10 เท่าตัว

     

แชร์หน้านี้

Loading...