ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

กั๊กๆๆๆ

ถ้า บวช เพราะเหตุ นี้ ชัดเลย ว่า ไม่เคยมีวาสวนา
ทางพุทธ แม้แต่ปลายก้อย

มันเป็น ลัทธิถือผี อะฮับ

ได้ ผ้าเหลืองไปห่ม ด้วยเหตุคือ ถือผี

อันนี้ ป๋มก็ขอ ถอน การเล็งเห็ง วาสนา บักโงบะ
มีกับ สมมติสงฆ์ประเภทใดประเภทหนึ่งมา โลดดดด

เพราะชัดว่า บวชด้วยผีส่งมาเกอะ

เหลือ กตัญญู อย่างเดียว

หาก รำเลิก กตัญญูบ่อยๆ ก็จะเป็น ทรพา ไป

 

ไหนๆ ก็ไหน

ทางอีสาน พระป่า ท่านเล่ากัน

จะมี คนโบราณ ทางอีสาน อยู่เผ่านึง ถือ วรรณะ อายุ

เพราะ อายุเท่านี้ๆ จะต้อง สวมผ้าแบบนี้ๆ

พอ ชนเผ่านั้น เห็น ผ้าเหลือง ก็ เออะ ดี

ก็เพิ่มเข้าไปว่า ถ้าอายุเท่านี้ๆ ให้ เอาจีวร มาสวม

( ทางพุทธศาสนา เรียกว่า ปลอมบวช ถือผี )

ซึ่ง หลวงปู่มั่น ท่านทราบ แต่ พระป่า เล่าว่า ท่าน
ไม่เข้าไปแก้ เพราะ เรื่องนี้มันเป็น ประเพณี ชนเผ่า
แก้ยาก ผู้เฒ่าต้องวางอุเบกขา แล้วปล่อยให้มาบวช
(ซึ่งจะมีเรื่อง กลับบ้านไปทำกับข้าว ทำอาชีพ
เลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว )

พระป่าเล่าว่า บางครั้ง คนสวมผ้าเหลือง ก็เป็น
แม่เฒ่าก็มี

 

บวชได้3วันจึงรู้ว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์แล้ว

หลังจากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจปฏิบัติสมาธิจิตตภาวนา สวดมนต์

โดยเริ่มจากได้หนังสือของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ชื่อหนังสือหน้าปกเขียนว่า "วิชชาธรรมกายเบื้องต้น"

ใช้เวลาอ่านไปทีละบทแล้วไปปฏิบัติตามให้เห็นตามนั้นก่อนแล้วค่อยมาอ่านบทต่อไป(แต่เราใช้คำบริกรรมพุทโธ)

ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ3เดือนก็เข้าถึงเอกัคคตาจิต หลังจากออกจากสมาธิจิตก็ภาวนาเอง พิจารณาแยกกาย แยกธาตุแยกขันธ์เอง..

ส่วนแนวทางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เราเพิ่งมาศึกษาและปฏิบัติตาม ช่วง4-5ปีหลังนี้เอง ใช้เวลาเร่งความเพียร2ปี พร้อมทั้งทำงานไปด้วย จนสุดท้ายถึงวันข้ามฝั่งเข้าถึงภาวะพุทธะแต่กว่าจะข้ามได้ต้องม้างกาย ระเบิดกาย ข้ามความตายมานับครั้งไม่ถ้วน

ถ้าจะเปรียบกับสายมโนมยิทธิ เราลำบากกว่ามาก เปรียบฟ้ากับเหว

แล้วอยู่ๆวันนึงพวกท่านจะมารบเร้าเร่งเร้าให้เรารีบปฏิบัติ มันยุติธรรมกับเราแล้วหรือ..

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้

เรื่อง "รบเร้า" มันเป็นอะไรที่ บักโงบะ ตื่นเช้ามา
จะต้อง อ้างว่ามี ทำบ่อยๆ จนติดเป็น นิสัย เป็น
พฤติกรรม

ป๋มก็เลย ปล่อยเลยตามเลย

การระเบิดกาย อะไรนั่น ก่อนพระพุทธองค์จะตรัส
พุทธศาสนา เขาก็มีสอนกันอยู่ก่อนแล้ว

พระศาสดาตรัสไว้ เดียรถียนอกศาสนา ก็สามารถ
ละสักกายทิฏฐิได้ ละกายได้

แต่ โสดาปฏิมรรค ไม่เกิด คนละเรื่องกัน

ซึ่ง สำหรับประเทศทอย ยิ่ง ไปกันใหญ่ เอาเรื่อง
ระเบิดกายไปเป็น อรหัตถมรรค ...ยิ่งโอ้ละพ่อ
พอทำได้ ก็เลยหันมา กล่าวหาศาสดาว่า ไมกล้า
พอรับคำท้าภาคดำ ภาคขาว ไม่รู้เรื่อง หญิงซ้าย
ชายขวา สอนเฮีย กว่า สาวก ตดแปดน้ำ

 

เปนไง ฮับ

ทุกข พอทนไหว ไหม

ปรารภเองน๊า ว่าอยากได้ ปริยัติ ไว้ สอบ ทาน

ทั้ง สอบบบบบ

ทั้ง (ทัด)ทาน

ถ้ารู้ คุณ และ โทษ ของ ปริยัติไม่ไหว
ก็ปรารภ อ้อม สุนิสา ซะ

แล้วไป ยาไส้ ตกเป็นทาส ........

 

เดี๋ยวขึ้นเขารอบหน้าเราจะเรียนกับหลวงพี่ไปด้วย

พระหลวงพี่มีความรู้ทางปริยัติมากพอสมควร เราเรียนเงียบๆตามแบบฉบับของเรานี่แหละ ตรงกับเราดี เหมาะกับเราที่สุด

ปี63เราว่าจะขึ้นเขาบ่อยๆ ใช้เวลาแต่ละช่วงอยู่บนเขานานๆ



ปล. ขึ้นเขาแล้วคงห่างเนต มีเวลาปฏิบัติเร่งความเพียรจริงๆซะที

 

เอาเป็นว่าปีนึงที่ผ่านมาเราเข้ามารายงานตัวกับพวกท่าน

ต่อไปก็ให้เป็นไปตามวาสนาบารมีก็แล้วกัน

 

แถม....

 

อ้อลืมบอกเรื่องพระพุทธรูปปรางค์ต่างๆ อีกปรางค์นึงใช้หัวแม่มือแตะนิ้วนาง(ปัจจุบันไม่เห็นมีแล้ว) หมายความว่า เมตตาบารมี

ทุกปรางค์มีพระธรรมพระไตรปิฏกอยู่ในนั้น

ทุกท่าอยู่ในวงกสินของพระพุทธเจ้า..

 

พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมก็เช่นเดียวกัน พระไตรปิฏกทั้ง45เล่ม รวมอยู่ในพระพุทธรูปองค์เดียว

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล..

 

วันนี้ปลดบ่วงกรรมจบไปอีกหนึ่ง..โล่งไปเยอะ

ไม่ต้องทำอะไรเลยให้เวลาช่วยปลดบ่วงนั้น

หน้าที่เรามีเพียง "ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม"

 

เมื่อปฏิบัติธรรมอยู่อย่างนั้น

ในกาลต่อไปก็ "สมควรแก่"

เมื่อสมควรแก่แล้ว ก็แก่เต็มที่ให้สมควรรับ "ผล"..

 

โปเก...ม่อง ออกส่ปีชี ใหม่แว้ว

จับกันได้ รึจยังก์

ไม่ สิ้นสงสัย ให้กำหด รู้

มะใช่ให้ ไล่ หนัทุกข์ ไปจมอดีก

หากมะพร้อมในปักจุดบัง

ก้แปลว่า คนไล่ยังมะตื่น
ยังแพ้ วาทะตน เปนทาส
น้ำคำ กลัวจำมะได้ว่าพูดไร

 

สวัสดีปีใหม่ด้วยนะท่านพระครูเล่าปัง

เอาน่าค่อยเป็นค่อยไป ยังไงก็ 12:00 น.

 

ก้าวช้าๆจะได้ปลอดภัย จบกิจอย่างสวยงาม555555