อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๖๗ : ยันต์ทำน้ำมนต์

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 กันยายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,212
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +26,348
    67.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๖๗ : ยันต์ทำน้ำมนต์

    การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกรูปทุกนาม เพราะว่าร่างกายเป็นรังของโรค ถ้าป่วยไม่นับว่าแปลก ถ้าไม่ป่วยซิเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์...!

    ความเจ็บป่วยส่วนใหญ่เกิดจากเศษกรรมปาณาติบาต คือไป ฆ่าคน - ฆ่าสัตว์ ไว้มากในชาติก่อน เกิดมาชาตินี้เศษกรรมตามมาสนอง ก็ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ๆ...

    อาตมาเขียนอย่างนี้ เป็นการยืนยันการเกิดการตายแล้วไม่สูญ และการระลึกชาติเป็นของทำได้จริง ใครจะว่าอาตมาสอนให้คนงมงายก็เชิญ...

    น่าสมเพชบรรดานักบวชทรงสมณศักดิ์ใหญ่โตทั้งหลาย ที่ออกมาพูดปาว ๆ ว่า การเที่ยวนรก–สวรรค์ การระลึกชาติ เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงกัน...

    พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ชัดเจน ถ้าท่านทำทิพจักขุญาณให้เกิดขึ้นได้ การระลึกชาติ เที่ยวนรก–สวรรค์ ก็เป็นเรื่องกล้วย ๆ กล้วยสุกงอมซะด้วยซิ...

    แต่ท่านทำกันไม่ได้ จะด้วยความโง่ของท่านเอง หรือวาสนาบารมีไม่พอก็ไม่ทราบได้ ท่านก็ออกมาประกาศปาว ๆ ว่า “ไม่มี – ไม่จริง – งมงาย – หลอกลวง ฯลฯ” อาตมาก็ไม่ทราบว่าท่านห่มผ้าเหลืองมาได้อย่างไรกันคนละ ๕๐-๖๐ ปี มีตำแหน่งใหญ่โตจนปานนี้ แต่มากล่าวตู่พระพุทธวจนะ ทำตนเป็นเดียรถีย์ไปได้...!

    ในเมื่อไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แล้วจะมาบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาทำไม...? หรือว่าลาภสักการะและยศศักดิ์สรรเสริญทั้งหลายทำให้ท่านบวชอยู่ได้ อย่างนั้นท่านก็เป็นได้แค่เปรตหรือสัตว์นรก ที่อาศัยผ้าเหลืองปกปิดความชั่วของตน เพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเท่านั้น...

    อดนอกเรื่องไปไม่ได้ เพราะข่าวคราวในระยะนี้มีแต่ทางลบ อาตมาเป็นคนเลือดร้อน แม้จะบวชก็ติดนิสัยฆราวาส อดจะปาก (กา) เสียไม่ได้ สงสัยจะเป็นสันดานติดตัวมาจากชาติก่อน (นั่น...เอาซะให้พอ) ใครทนอ่านไม่ได้ก็วางซะก็แล้วกัน...

    เขียนนอกเรื่องมากไปจริง ๆ วกกลับมาเรื่องเจ็บป่วยอีกที อาตมาเคยป่วยหนักแบบปางตายแค่ไม่กี่ครั้ง แต่โอกาสหน้าคงมีสถิติเพิ่มขึ้น ตอนนี้เอาแค่ที่เคยเป็นก่อน...

    เริ่มจากหวัดเขมร (มัยโคพลาสม่านิวมอเนีย) ติดมาตอนอยู่ชายแดนตาพระยา สลบไป ๒ วัน ๒ คืน ความจริงก็ไปหาหมอเสนารักษ์ แต่เขามีแค่ยาแก้ปวดสีชมพู อนาถแท้... ท.บ.ไทย...!

    อาการเลยทรุดหนัก กว่าจะทุเลาก็เกือบครึ่งปี เป็นซะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เพิ่มมาอีกโรค ๑ โรค คุณโชติกา บุญ – หลง หลานของหลวงปู่มหาอำพัน (คนนี้คุยกับเทวดาทุกวัน) จะเอาไปยกเครื่องให้ แต่อาตมาปล่อยเลยตามเลย จะได้ตายเร็ว ๆ น่ะ...!

    ต่อมาก็กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท เดินวนเป็นปูขาเกไปเลย เดือดร้อนญาติโยมทั้งหลายที่ให้การสงเคราะห์ กลัวหลวงตาแก่จะตายเร็ว พาไปหาหมอซะแทบทั่วเมืองไทย บทจะหายกลับหายด้วยมือหมอนวดจับเส้นซะนี่...!

    ล่าสุดเป็นไวรัสลงตับ แรก ๆ นึกว่าไข้หวัด กว่าจะรู้ตัวก็เป็นซะหนักแล้ว เจ้าประคุณเอ๋ย...แค่หายใจยังเหนื่อยเลย...มันให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการแบกขันธ์ห้าจริง ๆ ฉันน้ำหวานจนขวดกองเป็นภูเขาเลากา กว่าจะทุเลาเล่นเอาสองเดือนกว่า ตัวเหลืองเป็นมนุษย์ทองคำไปเลย...!

    นั่นเป็นการป่วยที่นับว่าหนักจริง ๆ ชนิดไปเดินวนที่ตำหนักพระยายมมาแล้ว แต่ท่านเห็นว่ายังไม่สมควรจะตาย เพราะตายตอนนี้จะลงขุมตื้นไป เลยปล่อยให้มาสะสมความเลวต่อ ถึงเวลาจะได้พุ่งหลาวไปตรงเลย ไม่ต้องตัดสินให้เสียเวลา..!

    ทีนี้มากล่าวถึงโรคประจำตัว อาตมาเป็นโรคภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยก็จับไข้ เป็นได้อาทิตย์ละสอง-สามหน จนเป็นเพื่อนกับอาการไข้ สามารถขอเวลานอกเพื่อทำงานก่อนได้ หลังงานค่อยว่ากันใหม่ สนุกดีเหมือนกัน...

    การเจ็บไข้ได้ป่วยมีคุณมหาศาล เพราะทำให้ทรงมรณานุสติกรรมฐานได้ดี แต่ไอ้การที่จะตายก็ไม่ตายนี่ซิ... ช่างทรมานเหลือร้าย ฉะนั้น...ถ้าเลือกได้อาตมาก็ไม่ขอป่วยหรอก (กลัวตายละมั้ง...?) แล้วทำอย่างไรล่ะที่จะไม่ป่วย...?

    ก็มีอยู่วันหนึ่ง “หลวงพ่อ” ท่านเล่าให้ฟังว่า “พระ” ท่านมาขอให้เป็นหมอรักษาโรค หลวงพ่อบอกว่าตัวเองป่วยจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ ให้เป็นหมอแล้วใครจะเชื่อ อีกอย่างคือไม่ชอบทำอะไรยาก ๆ จึงไม่ขอเป็นหมอจะดีกว่า...

    ต่อรองกันไปต่อรองกันมา ในที่สุดหลวงพ่อก็กราบเรียนว่า “ถ้ามีน้ำมนต์ที่รักษาโรคได้ทุกชนิดก็จะยอมเป็นหมอ” คือทำทีเดียวไม่ยุ่งยาก ใครมาก็แจกน้ำมนต์ให้ หายไม่หายก็ช่าง “พระ” ท่านว่า “ต้องการแบบนั้นก็เอา...ตามใจคุณ”

    “พระ” ท่านมอบหมายให้พระสารีบุตรมหาเถระ เป็นองค์สอนวิธีทำน้ำมนต์ พระมหาเถระท่านกล่าวว่า “เคยบอกวิธีให้ไปนานแล้ว แต่เธอลืมไปเอง” แล้วทบทวนความจำว่า เมื่อปีนั้น วันเวลานั้น ๆ เคยสอนเอาไว้แล้ว...

    “หลวงพ่อ” ทบทวนดูก็นึกออกว่าเคยทำให้เขาไปจริง ๆ แต่ทำให้เฉพาะตัวไม่เป็นสาธารณะ และเขียนอักขระผิดไปหนึ่งตัวด้วย แต่ตอนนั้นพระมหาเถระบอกว่าไม่เป็นไร ถึงผิดก็มีอานุภาพเช่นกัน แต่คราวนี้ต้องแก้ให้ถูก...

    “หลวงพ่อ” ท่านจดวิธีทำมา ต้องใช้แผ่นทองคำหกแผ่น แผ่นเงินหกแผ่น หนักอย่างน้อยแผ่นละ ๑ บาท เขียนยันต์ลงอักขระแล้วปลุกเสกตามวิธีการ จึงจะใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรคได้...

    อาตมาพอทราบเรื่องก็อยากได้ตามประสาคนกิเลสมาก เงินที่มีอยู่ถึงจะพอซื้อแผ่นทอง – แผ่นเงิน แต่มันเป็นเงินที่ญาติโยมทำบุญมา จะมาใช้เปะปะได้อย่างไร...?

    ตัดใจว่าถ้าเราสมควรได้มันก็ได้เอง ถ้ามีคนถวายเงิน-ทองเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็จะทำ ถ้าไม่มีก็สบายไม่ต้องเหนื่อย ถ้าจะให้เอาเงินสงฆ์ไปใช้ส่งเดชเป็นไม่เอาด้วยแน่...

    พอดีได้พบกับน้าเล็ก (อาจารย์จารุวรรณ ศรีแสงจันทร์) น้าเล็กถวายของขวัญปีใหม่เป็นสร้อยคอทองคำ ๕๐ สตางค์ ก็เลยบอกกับน้าเล็กว่าขอเอามาใช้ในงานนี้ น้าเล็กอนุญาตให้ด้วยดี...

    เมื่อญาติโยมทราบ ก็ถวายทั้งเงิน-ทองและเงินสด คิดแล้วเกินจำนวนที่ต้องการไปมาก อาตมาจึงแจ้งให้ทราบว่า ถ้ามีเหลือจะร่วมในงานหล่อพระต่อไป ทุกคนก็โมทนาด้วย...

    ติดต่อทางร้านให้รีดแผ่นเงิน-แผ่นทองให้ ตอนนั้นทองแท่งราคาบาทละ ๔,๗๐๐ ร้านค้าเล่นโขกซะบาทละ ๖,๐๐๐...! เออ...ทีเอ็งข้าไม่ว่า ถึงทีข้าบ้างอย่าโวยก็แล้วกัน แน่ะ...อาฆาตซะด้วย...!

    พอได้แบบยันต์มาจากพระเดชพระคุณ “หลวงพ่อ” ก็เขียนเป็นการใหญ่ กะว่าเขียนเสร็จจะขอความกรุณา “หลวงพ่อ” ให้ท่านช่วยเสกให้ ปรากฏว่าท่านให้เสกเองครับ...!

    อิติปิ โสฯ. สวากขาโตฯ. สุปฏิปันโนฯ. ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ เหนื่อยแทบขาดใจ เข็ดจริง ๆ คุณเอ๋ย... แถมไม่มั่นใจตัวเอง เอาไปเข้าพิธีใหญ่ที่ “หลวงพ่อ” ทำในวิหารร้อยเมตรอีกครั้ง เอาให้ชัวร์ปึ้กไปเลย...!

    ในพิธีมีเหรียญยันต์ทำน้ำมนต์ ๓๐,๐๐๐ เหรียญด้วย ครั้งแรก “พระ” ท่านให้ทำแค่ ๑,๐๐๐ เหรียญ ท่านบอกว่ากำลังใจคนไม่เท่ากัน เดี๋ยวคนที่เอาไปใช้เปะปะจะไม่มีผล แต่ “หลวงพ่อ” ต่อรองตามเคย จนได้มา ๓๐,๐๐๐ เหรียญ คนศรัทธาจะได้เช่าซื้อตามอัธยาศัย...

    ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ เวลา ๑๘.๐๐ น. เริ่มพิธี “พระ” ท่านเมตตาเป็นพิเศษ เป่ายันต์ทำน้ำมนต์รักษาโรคติดกระหม่อมให้ทุกคนในพิธีด้วย อาตมารู้สึกหนังศีรษะถูกขึงสี่มุมตามรูปยันต์ ตึงเปรี๊ยะเลย จึงอธิษฐานจิตเพื่อญาติโยมและลูกสาวทั้ง ๕ คนด้วย...

    น้ำมนต์และเหรียญรุ่นนี้ มีผู้นำไปรักษาโรคได้ผลมากต่อมาก แม้แต่เป็นมะเร็งก็หาย แต่ว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจคนใช้จริง ๆ บางคนเช่น จุ๊บ (เบญจพร วิบูลย์พันธุ์) เป็นหวัดนิดหน่อย กินน้ำมนต์เป็นโอ่งยังไม่หายเลย...!

    อาตมาเองหลังเข้าพิธีแล้ว ก็ปลุกยันต์อยู่ทุกวัน อาการโรคภูมิแพ้รู้สึกดีขึ้นมาก หลังพิธีตั้งแปดเดือนจึงเป็นหวัดหนหนึ่ง แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย...

    น้ำฝน (มณีรุ่ง) ลูกสาวคนเล็ก ไปเที่ยวป่าทองผาภูมิ ถูกผึ้งป่าต่อยมือบวมเป็นกะโล่ เอาเหรียญรุ่นนี้แปะไว้นาทีกว่า ๆ ก็หายเป็นปกติ นับว่าอัศจรรย์มาก...!

    คนนำเหรียญไปใช้ต้องสวดมนต์ทุกวัน ซึ่งเท่ากับบังคับให้ภาวนานั่นเอง เวลาภาวนา จิตจับภาพยันต์ก็เป็นกสิณ นึกถึงบารมีพระเป็น พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ก็เท่ากับเจริญกรรมฐานทุกวัน เป็นความดีที่สูงยิ่ง แบบนี้ใครว่างมงายไม่มีในพุทธศาสนา ก็ปล่อยเขาฉลาดไปคนเดียวเถอะ อาตมาขอทำแบบโง่ ๆ อย่างนี้แหละ สบายใจดี...

    ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    หมายเหตุ :
    เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙ อาตมาถูกบีบคอให้ทำเหรียญทำน้ำมนต์ จำนวน ๓,๐๐๐ เหรียญ เพื่อให้ญาติโยมไว้ใช้รักษาโรคที่หมอแผนปัจจุบันรักษาได้ยาก กลายเป็นว่าต้องมาทำทั้งที่ตนเองก็ป่วยอยู่ทุกบ่อยเช่นกัน...!

    ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...