เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า น้ำที่ประกอบด้วยโมเลกุลของไฮโดรเจนกับออกซิเจน จะมีความว่องไวต่อพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามากที่สุดในบรรดาสารอื่น ๆ และน้ำยังน่าจะเป็นสื่อให้กระบวนการทางชีสภาพของมนุษย์มีน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ เกิดปฏิกิริยาตอบโต้กับพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กภายนอกร่างกาย เช่น จากสนามแม่เหล็กโลกซึ่งเชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลที่ห่อหุ้มรอบร่างกายมนุษย์บนโลกได้อีกด้วย

ด้วยนัยยะนี้ ร่างกายมนุษย์จึงขาดน้ำไม่ได้

และ....

นัยยะของการหลั่งน้ำสิโนทก ก็อาจมีนัยที่เป็นแรงดึงดูดกระแสกุศลความดีที่ฝากเอาไว้ในสนามพลังงานจักรวาลเอาไว้เพื่อนำมาใช้เมื่อถึงเวลาก็ได้ค่ะ

เห็นไหมคะว่าตรงกับที่ท่านกล่าวคือ...

พระพุทธองค์ ตรัสว่า สภาพธรรมที่มีอรรถรส
เกาะกุม หน่วง เหนี่ยวได้ นั่นคือ สภาวะ ธาตุน้ำ

 

5555 ยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ ภาษาใหม่ แต่ความหมายไม่เปลี่ยนไป ต่างตรงความหมายของภาษา เพราะสัจธรรมไม่ว่าอย่างไรก็คือสัจธรรมค่ะ

 

แม่ชี ตก เคมี ฟิสิกส์ หรอ

ก้ พูดอยู่ว่า ธาตุน้ำ หรือ บาลี อาโปธาตุ
ในทางธรรมะ ไม่ได้แปลว่า H2O คนละเรื่อง

ถ้าแปล อาโปธาตุ เปน พันธเคมี จะใกล้เคียงสุด

 

พุทธศาสนา มี ศัพท์ ธรรมนิยาม ที่ลึกซึ้ง

แม่ชี เลิกเรียนแบบ เด็กปัญญาอ่อน
แล้ว ซื่อตรงต่อ ธรรม..จะดีกว่า

แต่นะ

เชื่อว่า แม่ชี เปน กาโบท นอกศาสนา
มาเพื่อบิดเบือนคำสอน

อาโปธาตุ ไปกล่าวตื้นๆ เปน H2O แท้ๆ

 

เรากำลังกล่าวถึงพลังงานที่มีแรงดึงดูดนะค่ะ

เมื่ออาโปธาตุมีสภาวะเกาะกุม หน่วงเหนี่ยว ถ้าตามนัยยะของการหน่วงเหนี่ยวของธาตุทั้งสี่มาประชุมกัน ก็เลยเปรียบเหมือนเป็นพลังงานคลื่นความถี่กระแสแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีแรงดึงดูดอนุภาคให้มารวมตัวกัน นัยยะประมาณนี้น่ะ

ถ้า ธาตุ ก็คือ พลังงาน

ไม่รู้ว่าเข้าใจตรงกันไหม! ที่ได้เช่นนี้เพื่อจะให้เข้าใจตรงกันว่า แล้วอะไรล่ะที่ธาตุทั้งสี่มาประชุมกันจึงเกิดวัตถุตัวตนขึ้นมา จิตยิ้มเข้าใจว่าอย่างนี้ จึงเปรียบอาโปธาตุ เหมือนกับคลื่นความถี่ไฟฟ้าที่เป็นกระแสดึงดูด งงไหม! ชักเบลอแล้ว สมองไม่ทำงานแล้วค่ะ

 

อ้ะ อ้ะ ยุ่งกันนัก
อาโป คือธาตุที่มีลักษณะไหล ในร่างกายมนุษย์มี น้ำดี เสมหะ หนอง เลือด เหงื่อ น้ำมันข้น น้ำตาน้ำมันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ และน้ำมูตร

 

จิตสามารถสร้างหรือสั่งงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ โดยเฉพาะผู้ฝึกมาดี แต่อย่าไปบัญญัติว่าจิตคือสนามแม่เหล็กพลังงานไฟฟ้าเลย จะเก่งเกินศาสดา โดยเฉพาะถ้าเป็นแม่ชีพุทธ ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะท่านแจกแจงใว้ทุกนัยยะแล้ว

 

ก็กำลังหานะคะเมื่อความมีวัตถุตัวตนเกิดขึ้นมา เนื่องด้วยการประชุมของธาตุทั้งสี่ และอะไรเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธาตุทั้งสี่มาประชุมกันคะ

 

ถี

นู๋ไม่ยู้
ต้องถามจานปังฮับ

 

องค์ธรรมิกราชา คือ ราชาแห่งธรรม ยิ่งใหญ่กว่าธรรมทั้งปวง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในคิริมานนทสูตร ที่พระพุทธองค์ตรัสว่าให้ พระธรรมเป็นตัวแทนตถาคต และกึ่งยุคพุทธกาลนี้ ตามพุทธทำนาย ก็คือ แสงสว่างได้ส่องลงมายังโลกอีกครา นั่นคือองค์ธรรมมิกราชา หรือพระยาธรรมิกราช ที่เป็นศูนย์รวมแห่งธรรมโลกุตระ นั่นเองนะค่ะ

 

ขอความเห็นแนค้า กรรมของพวกใชัมนต์ดำทำลายผู้อื่นคืออะไรคะ
และหนักหนาสาหัสแค่ไหนน้อ...

 

คำว่า ธาตุ ในทาง พุทธศาสนา ก้ หมายถึง สิ่งๆนึง
ที กำหนดชื่เฉพาะ เรียกได้

เช่น คำว่า นิพพาน เปน ชือเฉพาะ คำหนึ่ง บาลี
เขาก้เขียนตามไวยากรณ์บาลีว่า นิพพานธาตุ

ธาตุ แบบ ชีหนาสันตี! ไปแปลเปน สิ่งในตาราง
ธาตุเคมีหัวกรวย!!!

 

ท่านสงบโดนหรือคะ

 

ไม่ใช่ธาตุเคมีค่ะ

โลกธาตุ

ธาตุที่หมายถึง พลังงาน ที่เป็นตัวขับเคลื่อน ตัวหมุนวนเวียน

สังขตะธรรม กับ อสังขตะธรรม ที่สองอย่างนี้มีนัยยะที่แตกต่างกัน

 

เคยได้ยิน ลิงติดตัง ไหม...

มันเปนหนี้หัวโต....เอ้ย ไม่ใช่

หมายถึง ลิงโดนหลอกให้ล้วงเอาถั่วที่
วางเหยื่อล่อไว้ในกะลามะพร้าว โดยทา
ยางเหนียวไว้

พอมันแก้ไข มือมันก้กำ สิ่งที่ตนเหน
ว่าอยู่ในอำนาจ ปล่อยไม่เปน

มันได้ถั่วในมือไหม ก้ ต้องบอกว่า ได้

แต่.....อย่าไปถามว่า เขาจะได้รับอะไร

ให้ ถอยออกมาดูสภาพ สัตว์ที่ข้องใน
อุปทานขันธ์......

มันจะหนีใคร ช่วยใครได้ไหม

 

ทำไมฟ้าดินให้จิตยิ้มเกิดมาอาภัพนัก แล้วอย่างนี้จะหาอาจารย์ได้อย่างไร? ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็แสนธรรมดานัก

 

ตก ไวยากรณ์ ภาษา มนุษย์ หรอ ฮับ

ก้ พูดอยู่ว่า ธาตุ เปนคำบาลี เปนหน่วยนับ คำศัพท์

คนตาดี นี่ประกอบด้วย คำสามคำ

หากเปนบาลี คือ ประกอบด้วย ธาตุ 3 ธาตุ

 

ธาตุในพระพุทธศาสนา

คำว่า ธาตุ หมายถึง สิ่งที่มีอยู่เดิม หรือ สิ่งที่เป็นต้นเดิม เป็นสภาพที่รักษาคุณสมบัติเดิมของตนเองไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปรหรือเสื่อมสิ้นไปตามกาลเวลาที่ล่วงไป ๆ

หมายความว่า เดิมมีคุณภาพอย่างไร ก็คงมีคุณภาพอย่างนั้นอยู่เสมอ เช่น ธาตุดิน ก็ย่อมรักษา ความแค่นแข็ง ของตัวเองไว้ ไม่กลับกลายหรือเสื่อมเป็นธาตุอื่น … ธาตุน้ำ ก็ย่อมรักษา ความเอิบอาบ เหลวและไหล ไว้ตลอดกาล ไม่กลับกลายเป็นธาตุไฟไปได้ ดังนี้เป็นต้น

มีพระบาลีในวิภังคสูตร ว่าไว้ดังนี้ “ฉ ธาตุโย อยํ ปุริโส” แปลว่า “ในรูปร่างกายของคนเรานี้ มีธาตุอยู่ ๖ ธาตุ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ(จิต) ซึ่งประชุมปรุงแต่งให้เป็นรูปร่างกายอยู่ได้ ถ้าขาดธาตุใดธาตุหนึ่งไปเสีย รูปร่างกายนี้ก็ย่อมวิปริต พิกล พิการ แตกทำลายลงได้”

ทั้งนี้หมายความว่า ธาตุทั้ง ๖ แต่ละธาตุ ต่างก็รักษาคุณภาพของตัวเองไว้ตลอดทุกกาลสมัย ไม่มีการเสื่อมสูญ หรือที่เรียกว่า ไม่ตกอยู่ในอำนาจพระไตรลักษณ์เลย ส่วนรูปร่างกายซึ่งเกิดจากธาตุทั้ง ๖ มาประชุมพร้อมกันนั้น ย่อมต้องปรวนแปรไปจากเดิมตามกาลเวลาที่ล่วงไป ไม่อาจตั้งอยู่คงที่ได้

กล่าวคือ รูปร่างกาย ตกอยู่ในอำนาจ พระไตรลักษณ์ ไม่ว่าเป็นรูปชนิดใดก็ตาม ซึ่งเรียกว่า ไม่เที่ยง (อนิจฺจํ) เป็นทุกข์ (ทุกฺขํ) ไม่ใช่ตัวตน (อนตฺตา) จัดเป็น ธาตุผสม.

※ ธรรมประทีป ๙ ธรรมะภาคปฏิบัติ โดย อ.ไชยทรง จันทรอารีย์ หน้า ๔๑-๔๒

 

พระพุทธองค์ ก้ ตรัสพระธรรม ไว้มากมาย

เรียน ตามที่ พระองค์ทรงแสดง ให้ซื่อตรงต่อธรรม
ก้ไม่เสียเวลา

นี่เล่น กาโบท หวัง ปลอกลอก สัทธรรม เปน
สัญญา ความจำ แบบ รัตโน หมุนๆ ก้โดนเขา
หลอกให้กลายเปน คิดสะตัง จานลาย

 

สู้สู้ฮับ