เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

อาจารย์ดาราแฟร์ บอกเพียงว่ามาเกิดที่ประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่ามาเกิดเป็นใคร หรือเกิดจังหวัดอะไร ตัวผมก็ไม่กล้าถามอะไรไปมากกว่านี้ กลัวจะเป็นการเปิดเผยความลับสวรรค์ มากเกินไปน่ะครับ

 

ถ้าจะเปลี่ยนยุคให้เงินหมดค่าจริง ๆ ต้องเล่นทั้งโลก

 

มันก็น่าคิดนะ
เปลี่ยนเป็นยุคพระศรีหรือท่าน?

ไม่ต้องใช้เงิน

 

ถ้าให้เราทายเล่นๆ..หรือจะเป็นเณรกร

 

เอ๊ะ วันนี้วันที่ เจ็ด แล้วสินะ น่าจะเลยแล้วด้วยมั้ง ไม่ใช่ 7 มกรานะ เพราะยังไม่ถึง

ระวังเพ่งโทษคนอื่นมาก ๆ ฌานจะเสื่อม การปฎิบัติไม่เกิดผล เหมือนอย่างที่เราเป็นอยู่เด้อ

 

เรื่องที่น่าสนใจ :: พระโอวาทจากพระแม่องค์ธรรม........

พุทธญาณ แสงทิพย์อริยธรรม

" ปลายวาระ ๓ มหันตภัยใหญ่
บัญชาเปิดประตูฟ้า
ถ่ายทอดวิถีธรรมสู่ครัวเรือน
เร่งตามหาผู้มีบุญ กลับคืนเบื้องบน"

--- แปล ---- เมื่อถึงปลายยุคที่ ๓ คือ ธรรมกาลยุคขาว หมายถึง ยุคหลังกึ่งพุทธกาล พระสมณโคดม...เบื้องบนจะเมตตา นำพาผู้มีบุญทั้งหมดที่ลงมาทำงานต่างๆ อยู่บนโลกมนุษย์ ให้กลับสู่สรวงสวรรค์แดนนิพพาน ดั่งเดิม.... เป็นช่วงเวลาที่ "หลักสัจจะธรรม" สามารถเข้าสู่ทุกครัวเรือน ทุกถิ่นฐานบนโลกมนุษย์ …ภารกิจที่สำคัญที่สุด คือ การตามหาผู้มีบุญจำนวนมากบนโลกมนุษย์ และมอบ "หนทางปฏิบัติสัจจะ" เพื่อให้หลุดพ้นจากโลกมนุษย์ เพื่อให้กลับสู่สรวงสวรรค์แดนนิพพานได้

- ช่วยสัตว์โลกได้พ้นจากวายุ อัคคีภัย
- รวบรวมศาสตร์ทั้งหลายให้คืนสู่หลักธรรมเดียวกัน
- ชุมนุมทุกลัทธินิกายศาสตร์ บรรจบพบกันในยุคสาม

--- แปล ---- ภารกิจยิ่งใหญ่ของผู้ที่จะมาช่วยโลกมนุษย์ ที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน คือ การนำสัตว์โลก หมายถึงผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ได้ทันในยุคหลังกึ่งพุทธกาล คือ ปัจจุบัน (ต้นปี ๒๕๕๐) ให้รอดพ้นจากสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล ...โดยจะต้องรวบรวมศาสนา ลัทธิ และศาสน์ต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว ให้มาปฏิบัติบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน คือ ความจริง คือ "หลักสัจจะธรรม"...ซึ่งจะต้องเผชิญกับระยะเวลาที่สั้น และจำกัด ก่อนที่จะเกิดภัยจากมนุษย์ที่สะสมมาจากอดีตถึงปัจจุบัน... หลังผ่านพ้นภัยจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปแล้วจึงจะเข้ายุคใหม่ คือ ยุคศิวิไลซ์ หรือ ยุคพระศรีอารย์ที่โลกอุดมสมบูรณ์เหมือนอดีตกาล ดั่งสรวงสรรค์

1. ธรรมกาลยุคเขียว ใช้สัญลักษณ์ "ใบบัวสีเขียว" โดยมีพระพุทธทีปังกร--> ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่มพระราชา,กษัตริย์ เรียกว่าเป็น "เวลาแห่งความรุ่งเรืองของพุทธจิต"ได้พุทธบุตรสองร้อยล้าน พ้นเวียนว่ายได้ นิพพาน

--- แปล ---- ทีปังกร คือ ชื่อพระพุทธเจ้าองค์แรก ในรอบช่วงระยะเวลากาลนี้...ในยุคนั้นผู้มีสติปัญญาที่พอจะเรียนรู้ธรรมได้ดี จำกัดอยู่ในวงแคบเพียงชนชั้นผู้นำ คือ ราชา กษัตริย์

2. ธรรมกาลยุคเแดง ใช้สัญลักษณ์ "ดอกบัว" โดยมีพระศากยมุนีพุทธเจ้า--> ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่มนักบวช เรียกว่าเป็น "ความเบ่งบานของพุทธจิต" ได้ฉุดช่วยพุทธบุตรได้อีก สองร้อยล้าน กลับคืนนิพพาน

--- แปล ---- ในยุคต่อมานี้ ผู้มีสติปัญญาที่จะเรียนรู้ธรรมได้ เริ่มขยายวงกว้างถึง เข้าถึงกลุ่มนักบวช ที่พยายามค้นหาหลักสัจจะธรรม ความจริง … ยุคนี้ หมายถึงยุค พระสมณโคดม ในช่วงก่อนกึ่งพุทธกาล

3. ธรรมกาลยุคขาว ใช้สัญญลักษณ์ "รากบัวสีขาว" โดยมีพระศากยมุนีศรีอารยเมไตรย--> จิตแห่งเมตตาที่เปี่ยมด้วยความรัก ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่ม ฆราวาส เรียกว่าเป็น "เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวพุทธจิต" (10,800 ปี ) ยังคงเหลือ เก้าพันสองร้อยล้าน ยังหลงทะเลทุกข์ สายธรรมจะปรกโปรดอย่างกว้างขวางสู่สามัญชนทั่วไป (ก่อนหน้านั้นมีพระพุทธเจ้า 7พระองค์ลงมาดูแลโลก และอีก3 องค์หลังลงมาเก็บงานขั้นสุดท้ายบนโลกมนุษย์..)

ยุคนี้ถือเป็นยุคขาว แต่เป็นยุคที่ยังไม่เต็มที่หรือพร้อมสมบูรณ์ เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุคแดงกับยุคขาว(เนื่องจากผ่านรอบ60,000ปีมาแล้ว) ยุคนี้เป็นเวลาแห่งการแยกขาวออกจากดำ มีการสะสางเกิดเภทภัยมากมายไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท หรือคิดว่าผลกรรมมีน้อย ต้องเร่งรีบบำเพ็ญสร้างกุศลกันให้มากขึ้น

--- แปล ---- ในยุคนี้หมายถึงยุค หลังกึ่งพุทธกาล ที่ "หลักสัจจะธรรม" จะถูกประกาศและปรากฏไปทั่วในหมู่ฆราวาส เพราะโลกเริ่มความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มนุษย์สามารถติดต่อกันได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันต่อหน้า เป็นยุคที่การกระทำของพระศรีอารย์จะปรากฏขึ้นมา โดยการจัดสรรจากเบื้องบน เพื่อมาสานต่อพุทธศาสนาของพระสมณโคดมที่หักกลางให้มั่นคงต่อไปจนสิ้นสุดพุทธกาล ๕๐๐๐ ปี...

โดยจะนำ "หลักสัจจะธรรม" ความจริงมาประกาศให้มวลมนุษย์ได้รู้ถึงความจริงใน "เหตุผลของการเวียนว่ายตายเกิด" บนโลกมนุษย์ …ปัจจุบัน (ต้นปี ๒๕๕๐) คือ กำลังเข้ายุคพระศรีอารย์....เมื่อ "สัจจะ" การปฏิบัติเป็นหนทางพ้นทุกข์ ได้ถูกประกาศออกไปทั่วโลก...สิ่งนี้ คือ สิ่งที่จะเป็นเครื่องแบ่งแยกมนุษย์ คือ พวกที่เชื่อและปฏิบัติตาม กับ พวกที่ไม่เชื่อและพยายามต่อต้าน...

โดยมี ดินฟ้าอากาศ ช่วยจัดสรรเมื่อถึงเวลาเหมาะสม คือ เมื่อข้อมูลจาก ผู้นำสาร ถูกส่งออกกระจายไปทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว....ดังนั้น การสื่อสารในยุคนี้รวดเร็วมาก การกระจายข่าวจะเร็วมาก จึงไม่ควรประมาทในคำเตือนของ ผู้นำสารจากเบื้องบน เวลาที่จะให้ตัดสินใจเชื่อ และเวลาที่เหลือในการปฏิบัติ "สัจจะ" จึงน้อย...เบื้องบนจึงพยายามเตือนไม่ให้ประมาท ความลังเลสงสัย และทิฐิ จะทำให้สูญเสีย............

........ เวลา ไม่ทันได้ปฏิบัติ "สัจจะ" จากเบื้องบน

"อนุตรธรรม" มิใช่ศาสนาหรือลัทธิศาสตร์ใดๆ แต่เป็นสัจธรรมของฟ้าดิน เป็นธรรมชาติอันเที่ยงแท้ เป็นหลักหรือรากฐานของทุกชีวิต เพื่อการบำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นได้โดยตรง หรืออย่างน้อยก็มิให้จิตใจหลงใหลเสื่อมทรามลง

--- แปล ---- อนุตรธรรม คือ โลกุตตระธรรม ธรรมเที่ยงเหนือโลก นั้นเอง....เพียงแต่ละยุค แต่ละถิ่นฐานจะใช้ภาษาเรียกให้ดูสวยงามไพเราะเหมาะสม แตกต่างกันออกไป

เพื่อให้เข้าใจเหมือนกัน จึงต้องทำความเข้าใจใหม่ในสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เคยเรียนรู้กันมา ดังนี้

โลกุตตระ คือ...อะไร

องค์โลกุตตระ…….
คือ พระไตรปิฎก.......เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
คือ ผู้ที่อยู่เหนือโลก.......เหนือ หลักสัจจะธรรม
คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด.......รอบครอบจักรวาล
คือ มนุษย์เหนือโลก…….เมื่อปรากฏเป็นมนุษย์ ทุกหนึ่งหมื่นปี
คือ บรมาจารย์.......สั่งสอน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
คือ ผู้ที่นำพา.......ให้มนุษย์ผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้พบ หลักสัจจะธรรม
คือ ผู้ที่ส่งมอบ สัจจะ.......ให้กับ ผู้ที่ถูกกำหนดให้มีสติของพระพุทธเจ้าได้พิจารณา
คือ ผู้อยู่เหนือชะตาลิขิต.......จึงไม่มีมนุษย์ผู้ใดล่วงรู้ ในการมา
คือ ตัวอักษร.......หลังจากละสังขาร จากไป
คือ พระไตรปิฎก.......หลักธรรมของโลกุตตระ นำสัตว์ให้หลุดพ้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร " แปล

ที่มา http://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&No=362619

 

อนุตตธรรมมารดา พระผู้สร้าง
เป็นใหญ่พอๆ กับสิ่งสักดิ์สิทธ์ ของท่านจิตยิ้ม

อิอิ

 

ถ้าเราจำไม่ผิด...ท่านดาราแฟร์บอกว่า..ทุกวันพระใหญ่ประตูมิติจะเปิด...นั่นเป็นวันขนดวงจิตข้ามฝั่งหรือข้ามยุคนั่นเอง

 

พวกเขาเป็นใหญ่ในโลกธาตุ
มองมนุษย์เหมือนมด
จะลบทิ้ง ง่ายมาก

แต่เขาไม่ทำ เพราะเป็นมารดา
ของสัพพสิ่ง ทุกอย่างแก้ไขได้

 

เหตุผล 7 ประการ ที่พระศรีอาริยะเมตไตรย ต้องจุติมาปรากฏตัวในรูปของมนุษย์


พระศรีอาริยะเมตไตรย จะอวตาร (Incarnation) ลงมาปรากฏตัวในรูปของมนุษย์ ในพระพุทธศาสนานี้ ก็เนื่องด้วยเหตุผล 7 ประการคือ

(1) เหตุด้วยกรรมวิบากที่พระศรีศากยะมุนีโคดม กับพระศรีอาริยะเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้สร้างบารมีผูกเวรกันมาในอดีตชาติ

(2) เหตุด้วยจะสนธิศาสนาพระโคดม กับพระศรีอาริยะเมตไตรยให้สัมพันธ์สืบต่อไปในอนาคต

(3) เหตุด้วยจะเปิดเผยบารมีทั้งหลาย มีทานบารมีและศีลบารมี เป็นต้นให้ปรากฏแก่โลก เพื่อประวัติศาสตร์ และตัวอย่างแก่มนุษย์ในเรื่องพุทธภูมิ เหมือนดังพระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้กระทำไปแล้ว

(4) เหตุด้วยจะบำราบปราบอธรรม คือคนชั่วร้าย ให้กลับตัวและวางศีลธรรมอันวิเศษให้แก่โลกใหม่ ในทำนอง “กฤตยุค” ซึ่งบริบูรณ์ด้วยศีลธรรม

(5) เหตุด้วยจะสงเคราะห์ฝูงมนุษย์ที่ยากไร้อนาถา ด้วยสมบัติบรมจักร เพื่อให้มนุษย์สมบูรณ์พูนสุข ด้วยเครื่องอุปโภค บริโภคสม่ำเสมอกัน

(6) เหตุด้วยจะชำระความมัวหมองของบรรดาพุทธบริษัท ซึ่งกำลังเสื่อมชำรุดหรือกิ่วคอดเหมือนคอสากอยู่นี้ ให้เจริญถาวรสืบต่อไปจนสิ้นสุดพระพุทธศาสนา

(7) มูลเหตุกรรมวิบาก ซึ่งได้ผูกเวรสืบกันมาในอดีตชาตินั้น ปรากฏชัดในตำนาน “อธิษฐานดอกบัว” กล่าวไว้ดังนี้:-

อ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

 

ห้ามมันไม่ได้หลอกท่าน

 

ภัยไม่รุ่นแรงก็ฝืมีอท่านพระศรีนั่นแหละ

 

ความจริงเราไปเร่งวันภัยพิบัติ พระศรีเลยต้องรีบลงมาเกิดด้วย พระเจ้าก็เลยมาเร่งผมให้คิดอะไรใหม่ๆ ไวๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหลอกที่เห็นพระศรีเป็นดอกเห็ด เพราะทั้งหมดเป็นแค่ตัวปลอม พระศรีโคลน เพราะตัวจริงนิ่งเป็นใบ้

 

ใช่ครับ ห้ามยาก ยิ่งคนที่ยังไม่ต้องการตัดทางโลก และมีทิฐิอย่างผมนี่ยิ่งห้ามยากใหญ่

คนส่วนใหญ่ ต้องการตัวอย่างที่ดีเพื่อแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติ เพื่อให้มีกำลังใจในการปฏิบัติตาม

ผมรู้มากแต่ไม่ใช่คนดี งั้นก็เอาตัวเองเป็นอุทาหรณ์ให้เขาก็แล้วกัน ไม่งั้นถ้าไม่ได้พูดสิ่งที่ตัวเองคิด มันอึดอัด

 

มิน่าเล่า....จึงมีคนคิดว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริย์กันมากจังเลย ที่แท้ก็มาเป็นเป้าหลอก ให้ฝ่ายมารทั้งหลายเข้าใจผิดนี่เอง พระยาธรรมตัวจริงจะได้ปลอดภัย...เข้าใจแล้วครับ

 

มนุษย์ทั่วไปชอบสำคัญตนมั่นหมายว่าตนนั้นสำคัญกว่าผู้อื่น. ดีกว่าเด่นกว่า ยกตนข่มท่านจึงต้อวหาผู้รูคอยขนาบหรือชี้แนะไม่งั้นจะหลงเข้าข้างตนเองได้

 

ยังไม่มีอาจารย์พุทธภูมิน่ะสิครับ

พุทธภูมิกับสาวก เรียนอันเดียวกัน แต่เรียนไม่เหมือนกันนะ

สาวกเรียนเพื่อหลุดพ้นเร็ว ๆ พุทธภูมิเรียนเพื่อให้รู้ละเอียด รู้ลึก รู้แจ่มแจ้ง ไม่ใช่แค่ในทางธรรม แต่เป็นทางโลกด้วย

บางครั้งต้องเรียนรู้เรื่องชั่ว ๆ บ้าง เพื่อให้เข้าใจว่ามันเป็นยังไง

ลงนรกกันไป แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเลือกแล้ว

 

คนโบราณว่าสุนัขขี้ไม่ต้องมีคนยกหาง จะเป็นโน่น นี่นั่นแต่คิดเอาฝันเอา นึกว่ามีผู้รู้บอก เฃาเรียกอยากมีตัวตน อยากสำคัญมั่นหมาย

 

ก็เรื่องปกติธรรมดาของคนไม่ใช่เหรอ คนไม่รู้ก็ต้องทำไปตามประสาคนไม่รู้

 

พระศรีตัวจริงจะให้ได้ระดับเดียวกับซุปเปอร์แมน รึโงกุนเลยรึไง ถึงต้องเตรียมแผนการณ์อะไรมากมาย ไหนจะเลี้ยง กว่าจะโต กว่าจะใช้งานได้ ต้องบวชอีกรึเปล่า รึเป็นเด็กอัฉริยะว่าไปอย่าง