เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

อิอิ ผมว่า เขาเป็นถึงธรรมิกราช ก็คงฉลาดอยู่มากทีเดียว

 

เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า

 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ธรรม-ชาติ

กระผมอยากรู้เรื่องดาวนิบิรุนะครับ ว่าตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่
และที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ดาวนิบิรุจะมาถึงโลกในกลางปีนี้
เป็นจริงหรือเปล่าครับ และมันจะทำให้คนบนโลกนี้ ต้องลอยเคว้งคว้างในอากาศเป็นจริงหรือเปล่าครับ

 

คนเรา ถ้าไม่มีใจอยากที่จะหลุดพ้น รู้ธรรมชาติไป ก็ไม่ช่วยอะไร บางคนก็ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติที่ตนรู้แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง มอมเมาคนอื่นทำให้คนยิ่งงมงายเข้าไปใหญ่ก็มี
ไม่ต้องหาไกล นักโฆษณา นักธุรกิจ นักทฤษฎีสมคบคิดในโลก พ่อค้าแม่ขาย เจ้าของกิจการที่ไม่มีจริยธรรม มีเยอะแยะ

ถ้าคิดจะช่วยคนให้หลุดพ้น ก็ต้องทำให้ใจเขาอยากหลุดพ้นก่อน

เพราะ
"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ"

 

การนำความลับของผู้อื่นมาเปิดเผย
โดยที่เขามิอนุญาต
เขาเรียกว่า ประจาน
และการประจานผู้อื่น ถือว่าเป็นการก่อเวร
ไม่เป็นการมี สัมมาวาจา
ท่านสงบคงเข้าใจดี

 

เริ่มเข้าเนื้อหาที่มีใจความสำคัญ ประมาณนาทีที่ 18
คำบรรยายใต้คลิป
พระยาธรรมิกราช คือ ผู้เปิดเผยพระธรรมวินัยออกสู่ชาวโลกอย่างครบถ้วน
พระยาธรรมิกราช คือ ผู้ยึดถือธรรมเป็นใหญ่กว่าสิ่งใดๆ
พระยาธรรมิการาช ได้ยินว่า จะมาปรากฏในยุคเช่นนี้

(คำบรรยายใต้คลิปน่าจะเป็นความเชื่อของทางวัดสามแยก แต่ก็เป็นความเชื่อที่ดี)

ผู้ฟังควรใช้วิจารณญาณในการฟัง อะไรเห็นว่าถูกก็ฟัง อะไรเห็นว่าไม่ถูกก็พิจารณาตามความรู้นะครับ

 

เราต้องขออภัยต่อท่านด้วย..ต่อไปเราจะไม่ทำอีก...นี้คือสัจจะจากเรา

 

+++ สวัสดีครับ คุณ เกษม

+++ ช่วง 2-3 วันมานี้ ใช้ภาษาว่า "ฝัน" ก็แล้วกันนะ
+++ ก็ "ฝัน" ว่า มีดาวนพเคราะห์ "แปลก ๆ" อยู่ดวงหนึ่ง
+++ สีออก "แกมเขียวเหลืองหม่น ๆ" ลอยอยู่นอก Kuiper belt
+++ แทบจะเป็น "อิสระ" จากแรงโน้มถ่วง "ชั้นกลาง" จากดวงอาทิตย์
+++ แต่ยังอยู่ "ข้างใน Arc Bow ของดวงอาทิตย์"
+++ "ฝัน" ตรงนี้ ก็น่าจะเป็น คำถามของ คุณ เกษม นั่นแหละ
====================================
*** หมายเหตุ Arc Bow คือ ขอบเขตของ อุณหภูมิ+ความดัน ภายใต้สนามพลังหนึ่ง ๆ (มิติ/ภูมิ Dimension)
*** มี Density (หยาบ/ละเอียด) ภายใน ที่แตกต่างออกไปจาก "ภายนอก Arc Bow (เนื้ออวกาศภายนอก)"
*** Arc Bow นี้ สามารถ "เห็น" ได้จากการ "เคลื่อนตัว" ของใจกลาง สนามพลังนั้น ๆ (ในที่นี้ คือ ดวงอาทิตย์)
*** เป็นสภาวะของ "สนามพลังที่เคลื่อนตัว เสียดสีกับ เนื้ออวกาศ" จนเห็นเป็น "แนวขอบเขตสนามพลัง" ได้

*** คำศัพท์ว่า Arc Bow นี้ ผมยืมภาษาของ NASA หรือพวก International Space Station (ISS) มาใช้
*** ถ้าไม่ "หยิบ" ภาษาของ NASA ออกมาใช้ เกรงว่า จะสื่อภาษา "ยากส์..." จนไม่รู้เรื่องก็เป็นได้
*** หากผมจะใช้ภาษาว่า "เปรียบเสมือน ไข่ขาวของไข่ดาว ที่กำลังเคื่อนตัวไปบน กะทะแทฟล่อน ขณะ ไม่ทอด"
*** โดยใจกลางของมันเป็น "ไข่แดง" มีไข่ขาวเป็น Arc Bow มันก็ "ยังไม่คล้าย" อยู่ดี ก็จะใช้ภาษา ปนกันไปนะ
====================================

+++ หากเจ้าดาวดวงนี้ คือ "นิบิรุ" (ถ้าใช่นะ) มันอยู่ใกล้กับ "หลุมดำ" ไปทาง "ทิศเหนือ" ของระบบสุริยะ
====================================
*** หมายเหตุ "ทิศเหนือของระบบสุริยะ" เป็นคำศัพท์ที่ทาง "กลุ่มฝึก" ใช้สื่อ ระบุชี้ แนวเคลื่อนตัวของระบบเฉย ๆ
*** เป็นคำศัพท์เฉพาะของกลุ่มฝึกเฉย ๆ ไม่เกี่ยวกับใคร ดังนั้น "ให้เข้าใจตรงนี้ไว้ก่อน" ก็แล้วกันนะ
*** โดยใช้ลักษณะที่ Arc Bow เคลื่อนไปทางทิศใด ทิศนั้น "เรียกทิศเหนือ" เพื่อระบุ "ทิศทางการเคลื่อนตัว เท่านั้น"
====================================
+++ ให้เข้าใจ "ภาพโดยรวม" เสียก่อนนะ ว่า ระบบสุริยะของเรา เคลื่อนตัวไปตาม "ปีกของกาแลคซี่ (Galaxy arms)"
+++ ทิศทางของ Galaxy arms ย่อมเคลื่อตัวเข้าหา "หลุมดำ" โดยมี แรงดึงดูดทุกอย่างที่ประกอบเป็น Galaxy เข้าไป

+++ เจ้าดาวดวงนี้ "โย้ไปทางทิศเหนือ" ดังนั้น กระแสแรงดึงดูดจากหลุมดำ จะมีอิทธิพล "ฉุดรั้ง" มันเอาไว้เป็นบางส่วน
+++ รวมทั้ง อิทธิพลจาก กระแสไหลของ Galaxy arms ทั้งยวง ที่ตีวงโค้ง ไหลเทเข้าสู่หลุมดำด้วย
+++ ขนาดของมันเท่า "กำปั้น" เมื่อเทียบกับโลกซึ่งเท่ากับ "หัวไม้ขีด" และ "เนื้อมวล" ของมันหนาแน่น Density มากกว่าโลก
+++ หากกล้องโทรทัศน์ดาราศาสตร์ ยังมองไม่เห็นมัน ณ ขณะนี้ ก็ให้ทราบไว้ก่อนว่า มันยังอยู่ห่างออกไป "หลายเดือนแสง"

+++ โอกาสที่มันจะ "โคจรหวลย้อนกลับคืนมา" ในระยะใกล้ ๆ กับวงโคจรของโลกนั้น
+++ ในชั่วชีวิตมนุษย์อันสั้น ๆ แถว ๆ 100 ปีนั้น ไม่น่าจะได้พบเห็นมัน

+++ ประโยคนี้ เป็นแค่การ "เปรียบเทียบ" ระหว่างสนามพลังแม่เหล็กของดวงดาวเฉย ๆ
+++ ว่า "ถ้า..." เอามันมาไว้ใกล้ ๆ กัน มัน "อาจจะ" ถึงระดับทำให้ "คนบนโลกนี้ ต้องลอยเคว้งคว้างในอวกาศ" ได้
+++ ตรงนี้เป็น "ภาษาเปรียบเทียบ ของ อิทธิพล" แรงโน้มถ่วงของมันเฉย ๆ เท่านั้น นะครับ

 

คนที่ออกมาเผยแพร่เรื่องดาวนิบิรุส่วนใหญ่ ไม่ใช่นักดาราศาสตร์ หรือนักวิทยาศาสตร์ หรอกครับ ส่วนใหญ่จะเป็น นักเอเลี่ยนวิทยา นักโบราณคดีที่มีข้อสันนิษฐานแปลก ๆ นักทฤษฎีสมคบคิด มากกว่า

นักทฤษฎีสมคบคิด คือพวกที่ปักใจเชื่อ ในสิ่งที่ ยังไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า แล้วหาเหตุผลมาสนับสนุนสิ่งที่ตนเชื่อว่ามันต้องมีอยู่ ทำให้ข้อมูลนั้นมันดูน่าเชื่อถือขึ้นมา
หรือไม่ก็แค่ เสนอความคิด ความคิดหนึ่งที่ฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นมา 1 เรื่อง โดยที่มันอาจจะไม่ใช่ความจริงเลย แล้วหาเหตุผลอื่นมาสนับสนุนเพื่อให้แนวคิดที่นำเสนอในครั้งแรกน่าเชื่อถือครับ

 

ทฤษฎีสมคบคิด

ทฤษฎีสมคบคิด (อังกฤษ: Conspiracy Theory) คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไปมีข้อเท็จจริงประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่ามีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการจะไม่ใช้อ้างอิง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณก่อนที่จะเชื่อเรื่องนั้นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่จะดูแล และกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ

เดิมพบได้ในคอลัมน์เล็กๆ ของหนังสือพิมพ์ประเภทแทบลอยด์ในต่างประเทศ ปัจจุบันพบได้มากในฟอร์เวิร์ดเมล เว็บไซต์ส่วนบุคคล และบล็อกต่างๆ

ตัวอย่างของทฤษฎีสมคบคิด[แก้]

• ข้อกล่าวหาเรื่องมนุษย์คนแรกเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องลวง
• ฮิตเลอร์ และ เอลวิส เพรสลีย์ ยังไม่ตายแต่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักตัวไป
• โลกจะแตกในปี... เพราะจะมีกลุ่มอุกกาบาตขนาดใหญ่เข้ามาในวงโคจร
• ปริศนาการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี้...เป็นต้น

https://th.wikipedia.org/wiki/ทฤษฎีสมคบคิด

 

เอ้า พูดแบบนี้ บารมีเต็ม แว้ว....

ยากส์ ตรงที่ กำหนดรู้ (ทุกข์) นี่แหละ

พูดปากเปียกปากแฉะ แฉลบโหม้ด!

โดยเฉพาะ เครื่องแก้ว ....พระป่าราชรี
ถึงกลับกล่าวว่า

"เองพกผ้าขาวเข้านิพพาน ไปด้วยนะ"

 

งง ครับท่าน ผมแค่พูดไปเรื่อยของผมเอง

 

มันเข้าเป้า โดย ไม่ต้องเจตนา

หาก ยังเจตนาอยู่ แปลว่า ฉวยตามความคิด

แต่ถ้า แพลม ออกมาแล้ว ไม่มีความรู้สึก
ว่าเปน เจ้าของคำพูด เจ้าของความคิด

ก้จะไม่เครียด ไม่ต้อง สรรสร้าง คำใหม่

สามารถ ใช้ตรงตามตำรา ได้โดยไม่ต้อง
อ่านตำรา

จะ อุมามิ ชนิด หอมรากผัดชี

 

ขำนักเอเลี่ยนวิทยา 55 เดวนี้ za ดูพูดจามีเหตุมีผลมากขึ้นนะ เมื่อหลายปีก่อนยังว่าเพี้ยนๆ อยุ่เลย เปลี่ยนไปในทางที่ดี

 

หลวงพ่อ ปม. ปมช.

เคยปรารภว่า พุทธภูมิ บารมีเต็ม แต่ถ้าขณะ
นั้น พระพุทธเจ้าไม่ปรากฏ วืดพยากรณ์.....เต็ม แว๊บๆ
เดี๋ยวก้เสื่อมอีก...

เวลาเสื่อม ก้ จะเหมือน คนภาวนาไม่เปน

จึงมีตกนารก ได้เสมอ

พระเตมีย์ ที่ว่า สิบชาติสุดท้าย ก่อนมา
เปนเตมีย์ นั่นพึ่ง ผ่านนารก มา สดๆร้อนๆ

จึงยอมจมูกแหว่ง หูแหว่ง คอแหว่ง ดีกว่า
กลับไปอีก.... (ตอนคอจะแหว่ง บังเอิญ
ของเก่า วิชชาสามลบหนึ่ง ฝื้นพอดี เลย
รอด)

นะ

ตอน บารมีเต็มเนี่ยะ มะนาว ก้ มะนาว เถอะ
โดนตืบ ตาย คา วัยสิบ หมด

จะมา สบคบคิด อิงศัพท์แสง สันติ รับประทาน ลูกเดียว

 

น้งซิง น้งแคระ

น้งซิง น้งแคระ

ออ อ้อ...เอย

 

กลายเป็นกระทู้ 3 ช่าไปเเล้ว รับยากลับที่ของเเต่ละคนเถอะ

 

เรื่องตัวลอยต้องหาเชือกผูกไว้กับเสาบ้าน ที่เหลือแล้วแต่ดวง ไปหาต้นตอโลกหยุดหมุน กับดาวนิบิรุก่อนเถอะ

 

หากจิต ของท่าน ไม่ส่งออกนอก
ฤทธิ์อภิญญา ก็จะไม่เกิด
ควบคุมจิตให้อยู่แต่ในร่างกายนี้ให้ดี
ให้ตรงอยู่ตรง ศูนย์กลางกาย ให้ได้ ยิ่งดี
อย่างนี้ถูกต้องตามหลักวิปัสสนา

 

นี่คือคาถาที่เราใช้ล้างหน้าทุกเช้า ก็คือ

พระพุทธล้างหน้า
พระธรรมล้างทุกข์
พระสงฆ์เพิ่มสุข
ยาตรายามดี
สวัสดีมีชัย
อิติปิโสภควา

แล้วก็เอามือตบท้ายทอย สามครั้ง
ครั้งละคาถา แล้วท่องว่า
(ตบครั้งที่หนึ่ง) มะอะอุ
(ตบครั้งที่สอง) มะอะอุ
(ตบครั้งที่สาม) มะอะอุ