มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ยกมาทำไม "คุณมโนผมเอง" แล้วยังจะตอแหล "ยกของสูงมาใช้" ยกตัวอย่างให้อีกรอบ "เอามีดมาแทงเขา และยังขอให้เขายกโทษให้เสร็จแล้วก็บอกว่าเขาพูดไม่เพราะเลย" ปัญญาอ่อนหรือเปล่า ?

และที่ยกมาน่ะ "จริตของพระท่านไม่มีในผมและไม่มีในคุณเพราะท่าน ไม่ขี้มโน และท่านไม่ตอแหล"

 

"ยังจะทำเป็นตอแหล" โดยการยกวิดิโอมาทั้งๆที่มึงไปด่าเขา "คุณมาเธอร์" ช่างทำตนได้สม "ตัวเมีย" จริงๆเลย

ด่าเขาเสร็จ แต่ดันบอกจะอโหสิให้ และยังจะยกพระท่านมาเพื่อจะอ้างเรื่องปากหวาน โดยที่ "เอ็งเริ่มด่าชาวบ้านก่อน" และยังต่อด้วย "แอ้บพรหมวิหาร 4" "ทั้งๆที่ไปด่าชาวบ้านก่อน" อย่าเอาสันดาน "อีตัว" มาใช้เลย "เพราะผมต้องการให้คุณขอโทษก็จบ ไม่ใช่มาแอ้บ" เพราะ "ตอแหลรับความจริงไม่ได้" ทั้งๆที่มโนจนด่าชาวบ้านเขาก่อน

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...ผู้ยังไม่ถึงอรหันต์จึงยังหนีกรรมตนเองไม่พ้น...แม้แต่อรหันต์ยังต้องรับกรรมจนถึงที่สุด...
...ขนาดคนที่มาทำหน้าที่ยังมาหาเรื่องกันอยู่...ขนาดรู้ดีว่าหน้าที่สำคัญแค่ไหน...มันก็ยังหนีไม่พ้นกิเลสในใจ...แล้วแผ่นดินไทยไฉนจะพ้นกรรม
...ถ้าไม่หยุดก็เหมือนยิ่งเร่งให้ภัยมา


...เข้าใจนะทุกคนนนน...

 

ช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ "กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนองผล"

 

ใครส่งมาคงเป็น "กรรมส่งมาเอง" นั่นแลไม่ต้องรอนาน รอบนี้ไวจนน่าตกใจ รอบที่แล้วตาบอดไปทีแล้ว "เพราะการปรามาส" ยังไม่เข็ดหลาบ ก็ขอให้ "เป็นไปตามกรรมครับ" สาธุ

 

ท่านอณูธาตุ...เห็นข้อความที่เราฝากไว้มั๊ย..ต่อไปก็ฝึกแยกคำก่อนแปลนะ...หรือไล่ดูข้อความของเมื่อเช้านี้...เราได้บอกวิธีไว้นิดหน่อย

 

ท่านซาลาเปา..
...ในส่วนของเราที่ทางเวปเขาให้ลงโฆษณา..ถ้าท่านสามารถลงให้เราได้ก็ให้ท่านลงไปเลยนะ..ทุกอย่างเป็นของท่าน
...เราอนุญาต...

 

"ไม่ผิดตรงไหนก็เอ็งมาด่าข้านี่ไม่ผิดเลย ยังจะตอแหลอะไรอีก?" และอย่าโยงไปยังเพศแม่ "ผมด่าคุณตัวเมียตัวเดียว อย่างคุณไม่ใช่เพศแม่อย่าลากเอาคนอื่นมาโดนด่าด้วยๆทั้งๆที่ผมด่าคุณคนเดียว" และอีกอย่าง "ผมตีหรือผมพูดความจริงก็แยกให้ออกอีก" ก็เห็น "ทุกคนก็มาแบบเดียวกับคุณนั่นแหละแถไปเรื่อยๆ ละพอตอบไม่ได้ก็มาหาว่า อันธพาล"

ส่วน "อุปโลกน์เรื่องลงนรกน่ะใช่ ผมก็เล่นด้วยเพราะมีคนบอกว่า หาเพื่อนสองคนไม่เจอหรอก คุณพิมพ์อะไรมาผมตอบกลับเรื่องนั้นน่ะแหละ"

และอย่า"มโนมากไป" สนทนากับคุณซัลแล้วยังไง ? "คือเรื่องทั้งหมดคือคุณมาด่าผมไง ขออนุญาติใช้คำไม่สุภาพนะ คือมึง งงอะไรใช้ชีวิตมาตั้ง 40 กว่าปีแล้ว แล้วมึงมาด่ากูเนี่ย แล้วบอกกูไม่มีพรหมวิหารมึงบ้าอะป่าว?" รับยาช่องสองได้นะ ท่าทางสมองจะไปหมดแล้ว

"และผมไม่เคยตั้งตนเป็นอาจารย์ผมไม่เคยหาศิษย์ แต่ถ้าอันไกนผิดและผมรู้ว่าผิดผมจะบอก"


ถ้าจะเถียงกับตัวเมียอย่ามึงคงอีกนานอะเอาความจริงไปกินนะ
1.หาหลักฐานมาผมหาศิษย์ตอนไหน หามาให้ได้นะ
2.ที่บอกว่าผมไม่พิจารณานี่ไม่พิจารณาอะไร? พรหมวิหาร 4 มึงอย่สกระแดะพูดทั้งๆที่มึงหาเรื่องกูนะเนี่ย อย่าปัญญาอ่อน
3.มึงด่าครอบครัวกู แต่กูด่าแค่ "ตัวเมีย" อย่างมึง กูยังไม่ตอบโต้เลยนะ ละยังจะชักมหาสมุทรมากี่สายอะ? "ไหนอะพรหมวิหาร 4 ของมึง ด่าครอบครัวกูเนี่ย? ก็สมแล้วที่เป็น "ตัวเมีย" อย่ามึงอ้างว่าเพศแม่ไม่ได้เพราะมึงไม่ใช่คงเข้าใจนะ? และ "สตรีที่มึงด่าว่ากูครอบครัวกูในเม้นท์ที่แล้วๆอะก็แม่กูไง สรุปคือ"มึงอ้างสิทธ์เพศแม่ แต่มึงด่าทั้งแม่กูและครอบครัวกูนี่มันอะไร? กูก็อุตส่าห์ เฉย ปล่อยผ่านเม้นท์นั้นละนะ ไหนอะ "เมตตาของมึง(เพ่งโทษผู้อื่น) กรุณา(ด่าและแซะคนอื่นได้แต่พอโดนด่ามั้งต้องเล่นละครชักแม่น้ำ) มุทิตา(ยินดีที่ตัวเองได้ด่าคนอื่นและพอไม่ตอบโต้ก็ดีใจพอกูตอบโต้หน่อยละมาชักแม่น้ำ) อุเบกขา(เลือดเย็นในการตอแหลเฉยไม่มีที่ติแถได้ไม่อายปาก) ครบเลยว่ะ "อืมๆพรหมวิหาร 4 ของมึงกูไม่อยากได้
5.และการให้เกียรติภูมิธรรมที่มึงตอแหลมาอะ มันเสียเวลา "มึงหัดให้เกียรติตัวเองบ้าง อย่าเอาสันดานของสัตว์ตัวเมียมาใช้ ไม่ต้องให้เกียรติชาวบ้านหรอก"
6.เพราะอยู่กับความจริงที่ผมถามไม่ได้จึงต้อง "งัดปริญญามาโชว์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ" คือผมไม่ได้อยากรู้อะนะ แต่เข้าใจว่าอยากบอกเพราะ "แถ" จนจะตันอยู่แล้ว

 

ท่านเพลงพรายพิญ...หากเราเคยล่วงเกินท่านไม่ว่าทางใด..จากอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติและปัจจุบันขณะ...เราขอขมาต่อท่าน...และขอให้ท่านจงอโหสิให้แก่เราด้วย..เรามันโง่..เรามันความรู้น้อย..และหากท่านจะเมตตาขอโปรดรับเราเป็นศิษย์..ได้โปรดสั่งสอนสิ่งใดเราผิดขอท่านจงแนะนำเรา...

ที่ผ่านมาเราไม่รู้...
หากสิ่งไหนเรารู้เราวาง...

 

คิดถึงท่านดาราแฟร์...อยากร้องไห้จัง...ท่านดาราแฟร์เราคิดถึงท่าน
...มาแล้ว...น้ำตา

 

...วุ่นวายไม่เลิก...

 

"ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม" นี่แหละความจริงของสัจธรรมนี้ "ผู้มีปัญญาย่อมเห็นตามจริง

เรื่องทั้งหมดเริ่มด้วยการ "แซวกันทั้งหมด" ซึ่งจะขอตัดการแซวกันแบบโง่ๆไปก่อน ข้ามมาตรง



จากข้อความนี้ซึ่งมีคน "ที่บอกว่าตนมี พรหมวิหาร 4 ลบไปแล้ว" (พร้อมรูปภาพอ้างอิง)

"นางมารอื่นอวตาร ข้ามิรู้ พวกนางชอบมาก Copy ข้า
แต่ที่เลียนไม่ได้ คือ ปัญญา ของข้า บารมีข้า

บางคนที่หายไป เพื่อนเก่าท่านทั้งสองนั้น เขาอยู่ในดินแดนที่ท่านไปไม่ถึง
ส่งความปรารถนาดีให้พวกเขาจะดีกว่านะ


ข้าจะไล่ลบ แล้วนะ ภัสดาพระอาทิตย์จะไม่พึงใจ รวมถึงบุตรทั้งหลายของข้า
ที่ข้าสนทนากับพวกท่าน ไม่สมควร"

ซึ่งนี้คือข้อความในนั้น

และผมก็ตอบไปตามในภาพและต่อมา


"คนที่อ้างว่าดีนักดีหนาก็ตอบมาว่า"
"ท่านไม่มีวันรู้นะว่าข้า คือใคร

แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นใคร แค่นั้นล่ะ

พวกมนุษย์นี้ ไม่รู้ก็เดามั่ว 555

ข้า เป็น ป้า ท่านได้แล้ว อาวุโสแล้ว"

(รูปอ้างอิง)

และเธอจึงตอบมาว่า

โอเค "ด่าว่าผมปลายแถว" อืมรับทราบ แซวได้ไม่ว่ากัน

ก็เลยแซวกลับไปว่าตกนรกนะนั่น มาถึงก็ด่าผมซะแล้ว แต่โอเคถือว่าแซวกันขำๆไม่ว่ากัน

และเธอก็ตอบผม จากที่ผมตอบคุณผู้รู้สงบ จากการแซวด้วยประโยค

"ไม่น่ากลัวหรอกครับ "แต่ต้องระวังเวลาหลับเผื่อพี่สาวเขาจะมาแอบข่มขืนนะครับ" ฮาๆ"

อืมแซวกันขำๆ ลากเข้ามา "เรื่องธรรมซะแล้ว"
ผมจึงตอบไปว่า

หลังจากนั้น "เธอ" ก็โพสท์ข้อความนี้ขึ้นมา

อ่าวแซวกันขำๆ จนเลยเถิด "เป็นการแช่งกันซะแล้ว" ทั้งๆที่ ตัวเองก็ "ด่า" ผมมาตั้งหลายประโยคแล้ว โอเค "มีพรหมวิหาร 4" ครบมาก

ผมจึงตอบไปว่า

เธอจึงตอบมาว่า

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ถ้าได้อ่านแล้ว จงหาหลักฐานให้ถูกต้อง

1.หินถามทางคืออะไร? มาจากไหนหาหลักฐานมาทีครับ พิสูจน์ความบริสุทธ์กันไปเลย แล้วไอ้คอมเม้นท์ที่ "เพื่อนสองคนอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก" ใครกัน "โยนหินถามทาง"

1.5 ต่อมาหินที่สอง "ในประโยคข้างล่างของคนแถ" ["ท่านไม่มีวันรู้นะว่าข้า คือใคร
แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นใคร แค่นั้นล่ะพวกมนุษย์นี้ ไม่รู้ก็เดามั่ว 555 ข้า เป็น ป้า ท่านได้แล้ว อาวุโสแล้ว"] อืมผมก็ไม่รู้นั่นแหละ แล้วสรุป "ใครโยนหินวะนั่น?

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.แล้วด้วยประโยคต่อมา

"ไร้ซึ่ง EQ ข้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ที่ว่าเพราะเจ้าทำ "ทำเกินตัว"
แค่ไอ้อภิญญาเล็กๆน้อยๆ นิมิต หรือ ความเข้าใจในข้อธรรมบางอย่างของเจ้าน่ะ
ไม่ได้หมายความว่า เจ้าจะเก่งกว่าผู้อื่นนะ
การกระทำของเจ้าบ่งบอกการอบรมพื้นฐานครอบครัวในวัยเด็กของเจ้านี้ น่าสงสารนะ
เจ้าเป็นผู้มีปัญญา ควรจะเรียนรู้อะไรได้ดีกว่านี้"

-นั่นสิ "ผมทำอะไร ?" แซวกันไปมาๆ แล้วไปๆมาๆ "ใครด่าใครก่อน" กันแน่ ? แล้วไอ้ "อภิญญาเล็กๆน้อยๆ บลาๆ" คือที่คุยกันมาตอนนี้ "เจ้เปิดมาว่า"


-"นางมารอื่นอวตาร ข้ามิรู้ พวกนางชอบมาก Copy ข้า
แต่ที่เลียนไม่ได้ คือ ปัญญา ของข้า บารมีข้า
บางคนที่หายไป เพื่อนเก่าท่านทั้งสองนั้น เขาอยู่ในดินแดนที่ท่านไปไม่ถึง
ส่งความปรารถนาดีให้พวกเขาจะดีกว่านะ
ข้าจะไล่ลบ แล้วนะ ภัสดาพระอาทิตย์จะไม่พึงใจ รวมถึงบุตรทั้งหลายของข้า
ที่ข้าสนทนากับพวกท่าน ไม่สมควร"


ตามด้วย

-""ท่านไม่มีวันรู้นะว่าข้า คือใคร

แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นใคร แค่นั้นล่ะ

พวกมนุษย์นี้ ไม่รู้ก็เดามั่ว 555

ข้า เป็น ป้า ท่านได้แล้ว อาวุโสแล้ว"

"อภิญญาเล็กๆน้อยที่ปรากฏก่อนเลยคือ อภิญญาของเจ้นั่นแหละ" อืมเจ้เล่นโชว์อภิญญาก่อนเลยจัดไป



ตามด้วยประโยคของเจ้


-"ครูบาอาจารย์เจ้า ท่านก็ไม่ได้หวังให้เจ้า อวดตน
และใส่ใจกับ เนต โลกออนไลน์ มากกว่าทางสงบ
ปฏิปทาของเจ้ายังห่างไกล ด้วยจิตขาด พรหมวิหารสี่เป็นที่ตั้ง
ถ้าสงบได้เมื่อไร เจ้าจะรู้เอง ว่า เส้นผมบังภูเขา เป็นอย่างไร
และเรื่องนรกน่ะ ข้าก็ลงนรกเพราะไม่ให้ บุตรทำปิตตุฆาต ฆ่าลูกชายตายเพื่อไม่ให้ฆ่าพ่อกับแม่และน้อง การเสียสละตกนรกแบบนี้ ข้าไม่ได้มุสา และมาบอกทุกท่านว่า
อย่าไปตัดสินความใคร อจินไตยใคร แบบคนตาบอดคลำทาง
หรือเด็กน้อยเขวี้ยงหิน มันจะส่งผลในอนาคต
นี้ข้าเมตตา เพราะเห็นว่าข้ามีลูก เป็นมารดา เป็นแม่คน ทั้งทางโลก ทางอุปการะ ทางทิพย์
การสนทนากับพวกเจ้า มิใช่เพื่อสนุกแบบผู้หญิงเริงโลกียเสพย์
แต่เป็นแบบ มารดาเห็นบุตร ย่ายายเห็นหลาน
นี้คือฐานะข้าที่มาสนทนาด้วย
ส่วนไอ้หนังฝรั่ง นี้คือรูปงานกุศล ก็เคยแต่งแบบนี้ในงานแฟนซีการกุศล ข้าก็ไม่ได้มุสาOKมั้ย
เป็นงานแฟนซีการกุศลเพื่อรักษาเด็กโรคมะเร็ง พวกเขาอยากเห็น ฮีโร่ เป็นครั้งสุดท้ายก่อน คีโม ฉายรังสี บ้างตายจาก บ้างทรมาน ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
ข้าไม่โกรธเจ้าหรือใครหรอกนะ
และ ข้าไม่ใช่ มาร แต่ทางของข้ากับพวกเจ้า คนละทาง และมิควรมากล่าวโทษกัน"


-แล้วผมอวดตรงไหนวะเนี่ย ? ผมแค่มาบอก "วิธีทำ" ลองย้อนไปอ่านๆเอาเลยนะ และถ้า "คิดว่าการแสดงธรรมเป็นการอวดตน" ก็สมควร "ลงนรกได้แล้ว" และ "ครูบาอาจารย์บลาๆ คือเอาตรงๆผมมา บอกวิธีทำเพื่อ "เผยแพร่ธรรมเนี่ยแหละ" ส่วนการปฏิบัติของผม ผมก็ทำของผมไป อยู่แล้ว โดยคุณไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นแม้แต่น้อย แต่ที่คุณแสดงความเห็นเพื่อแสดงถึงความ"มโนเอาเอง" ก็แค่นั้นแหละ และ "ผมไม่เคยบอกว่าใครเก่งไม่เก่ง ผมเคยบอกแค่ "ใช่ และ ไม่ใช่" และผมยังให้วิธีตรวจคำตอบไปด้วยเพราะ "ผมรู้ในสิ่งนั้น" แล้ว นี่ใช่เผยแพร่ธรรมไหม? ถ้าสิ่งไหนผมไม่รู้ "ผมก็ไม่ตอบ" นี่แหละความจริง

"ปฏิปทาของเจ้ายังห่างไกล ด้วยจิตขาด พรหมวิหารสี่เป็นที่ตั้ง
ถ้าสงบได้เมื่อไร เจ้าจะรู้เอง ว่า เส้นผมบังภูเขา เป็นอย่างไร"
-และด้วยประโยคนี้ "กลายเป็นมาโชว์เหนือซะงั้น ว่าผม "ขาดพรหมวิหาร 4" อืม โดนด่าไปตั้ง 3 รอบแล้ว(ด่าผมตรงๆด้วย) แต่ผมแซว(ไม่มีประโยคไหนสามารถเรียกว่า "ด่า" ได้สามารถย้อนกลับไปดูได้นอกจากประโยคเดียวคือ "ที่แซวว่าแอบไปหา") เรื่องแซวหากไม่ชอบ ผมยอมรับว่าผมผิดจริงผมขอโทษด้วย แต่ "สำหรับเรื่องอื่น" นั้นไม่ได้ "เพราะคุณโกหกตอแหล"อย่างเห็นได้ชัด โดยการบอก "ผมขาดพรหมวิหาร" แต่อุเบกขากับการด่าของคุณไปสามรอบแล้ว แต่ "คนที่มีพรหมวิหาร" ใส่เอาๆ และ "ผู้ที่ปฏิบัติไม่ได้ตามที่ตนกล่าวอ้าง(พรหมวิหาร 4)" กลับสอน "ผู้ที่กำลังอุเบกขา" ว่าให้สงบ ??? แล้วจะรู้เองว่าเส้นผมบังภูเขาเป็นอย่างไร อืมผมรู้แล้ว รู้ว่าถ้ายังแถอีกกูด่าแล้วนะ


-ข้อความแถต่อมา

และเรื่องนรกน่ะ ข้าก็ลงนรกเพราะไม่ให้ บุตรทำปิตตุฆาต ฆ่าลูกชายตายเพื่อไม่ให้ฆ่าพ่อกับแม่และน้อง การเสียสละตกนรกแบบนี้ ข้าไม่ได้มุสา และมาบอกทุกท่านว่า
อย่าไปตัดสินความใคร อจินไตยใคร แบบคนตาบอดคลำทาง
หรือเด็กน้อยเขวี้ยงหิน มันจะส่งผลในอนาคต
นี้ข้าเมตตา เพราะเห็นว่าข้ามีลูก เป็นมารดา เป็นแม่คน ทั้งทางโลก ทางอุปการะ ทางทิพย์
การสนทนากับพวกเจ้า มิใช่เพื่อสนุกแบบผู้หญิงเริงโลกียเสพย์
แต่เป็นแบบ มารดาเห็นบุตร ย่ายายเห็นหลาน
นี้คือฐานะข้าที่มาสนทนาด้วย

-เอาง่ายๆ เรื่องนรกอะคือ "พยายามขุดมาเพื่อสร้างภาพให้รู้ว่า" [กูไม่มุสานะ] ทั้งๆที่มึงด่ากู และสอนกูเรื่องพรหมวิหาร 4 ที่มึงไม่มีเนี่ยนะ ใครกันแน่วะ "มุสา" และต่อมาด้วยประโยคชอทเด็ดที่ทำเอา "เพลงพราย" หน้าแตกหมอไม่รับเย็บคือ "อย่าไปตัดสินความใคร อจินไตยใคร แบบคนตาบอดคลำทาง" แต่เอ็งเริ่มประโยคมาหลังจากการแซว "ด้วยการตัดสินว่าเพื่อน 2 หน่อ ไปไหนก็ไม่รู้ "ต่อด้วยประโยคเนื้อความว่า" "ข้ารู้ข้าเป็นกูรูว่าท่านเป็นใคร แต่ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นใคร" อื้อหือ" อย่าไปตัดสินความใคร อจินไตยใคร อ่าวนี่มันอจินไตยชัดๆ ไหงตอแหลหมอไม่รับเย็บยังงี้ละ ? ละยังโชว์เหนือมาตัดสินผมว่า "อภิญญากากๆเสียด้วย" โอเคกากก็ได้ ผมไม่มโนเหมือนเจ้หรอกครับ และเจ้จึงต่อด้วย "นี่เข้ามาตอบเพราะเมตตานะ" อ่อคือ "คุณมึงมาตอบนี่มีความกรุณามากกกกกกกกกกก" เปิดมาด้วยการ"ด่าชาวบ้าน"เสียแล้ว และเปิดมาด้วย "แช่งชาวบ้านเสียแล้ว" โอ้โห "เมตตาได้สุดยอด จะแถไปไหนวะผมไม่เข้าใจ และยังปิดท้ายด้วยประโยค "ที่มาคุยด้วยอะฟีลลิ่งแบบมารดาเห็นบุตร" โอ้โห "คือจะโชว์ฐานะเลยว่าตูเนี่ยผ่านน้ำร้อนมาก่อนควรฟังนะ" ด้วยการ "ด่า" เลย อืมและตอนหลังมีอ้างชูใบปริญญาด้วย ฉะแล "ทำให้ได้รู้สัจธรรมแล้วว่า [อายุ] และ [การศึกษา] ไม่ได้ช่วยให้ใคร [ฉลาด] ขึ้นเลย"

และก็ต่อด้วย "การตอแหลเป็นแม่พระทั้งๆที่มาด่าผม"

มึงอโหสิกรรมใคร ? มึงเข้าใจอะไรผิดอะป่าว ? กูอะต้องอโหสิให้มึง นี่มันละครน้ำเน่าชัดๆ ได้ผมเริ่มเดือดแล้ว ตอแหลชิบหายเลย แต่ก่อนจะตอบประโยคนี้ ผมตอบกลับประโยคที่แล้วก่อน

เพราะคุณมาด่า "ครอบครัวผม" ซึ่งผมผิดเองแคปไว้ไม่ทัน แต่เอาเถอะเรื่องนี้ถือว่าตกไป แต่มึงยังจะตอแหลอีกนานไหม ผมจึงไม่รอช้าตอบ

เสร็จแล้วก็ยกพระไตร

ว่าพระอานนท์สุภาพ(นี่คือจุดประสงค์หลักของเธอ)และเคารพภิกษุผู้ใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ "ไม่มีการพูดคุยเรื่องได้เรียนธรรมมาก และแสดงธรรมโดยพิสดาร และ สายธรรมโดยพิสาร และเพ่งพิจารณาธรรม และอยู่ใกล้กับพระพุทธเจ้า" ดังนั้นทุกข้อในนี้ตัดไปเหลือแต่ประโยค "สำคัญ" เท่านั้น

-แล้วไอ้สุภาพเนี่ยมันหมายความว่ายังไง ? สุภาพหมายถึง พูดเพราะ? หรือหมายถึง ไม่ด่าชาวบ้านกันแน่ ? แต่สำหรับ "ความจริง" สุภาพคือการ"ไม่ด่าชาวบ้าน" เพราะ"ชาวบ้านก็คุยกันมึงกูไม่มีใครโกรธใคร" ขณะที่ "การใช้ภาษาสูงๆเพื่อด่าชาวบ้าน" มันแสดงถึงความไม่สุภาพ(ตอแหล) อย่างสูง ส่วนการเคารพภิกษุผู้ใหญ่ คือมึงก็ไม่ใช่ภิกษุและยังตอแหลอีกก็เชิญตามสบาย

ดังนั้น "ที่ยกมาเพลงพราย" ทำไม่ได้ ปี้มาแปะก็เท่านั้น

ผมจึงตอบไปว่า

หลังจากนั้นก็ยกวิดีโอมา "ตอแหลต่อไป"

และต่อมาก็เป็น สาธุกับคาถา และ จิ้งเหลนเข้าบ้าน โดยมโนว่าใครส่งมา

ผมจึงตอบไปว่า

และ

ปล.จริงๆยังมีต่อแต่เห็นคนเสือก และ คนไม่รู้ห่าอะไรเลย "มองโลกโดยการเห็นแค่ "สิทธิมนุษย์ชน" โดยแบ่ง ชายและหญิง

--------------------------------------------------------------------------------------------------

และสำหรับคน "เสือก" ที่ไม่รู้ห่าอะไรเลย "มึงลองมาโดนปรักปรำหน้าด้านๆบ้างไหม?" อย่าได้แต่ทำตัวหล่ออยู่ข้างนอก "กูไม่เห็นมึงจะทำอะไรเลย โชว์ภูมิว่าคนนู้นควรทำไม่ควรทำ "มึงสอนวิธีปฏิบัติชาวบ้านบ้างนะ 00000"

และสำหรับ "ผู้ร่วมอนุโมทนา(ยินดีด้วย)" ขอให้ "เจริญในทิษฏิ(ความเชื่อ)" ที่ดำรงอยู่ "ไปเรื่อยๆนะครับ" สาธุ

"เพียงเพราะ "เขาไม่ได้รู้อะไรเลย" จึงมาคอมเม้นท์มั่วๆซั่วๆไป "ไม่พิจารณาอย่างถ่องแท้ก็เห็นกันอยู่ผมแคปมาให้ดูแล้วนะ "ว่าใครด่าใคร" จึงมาโชว์หล่อหวังยอดไลค์ ยอดอนุโมทนา ด้วยการเสนอความเห็นว่า "ไม่ดี" ทั้งๆที่ไม่เคยจะช่วยใครเลย "รอเข้ามาตอนที่จะได้หล่อ" เท่านั้น "และเป็นทุกครั้ง" เนื่องด้วย "ยังปฏิบัติไม่ถึงไหนไม่เห็นตามจริง และ ไม่เห็นความจริง" ไปเห็นด้วยทั้งๆที่ "ขัดกับข้อวัตรพื้นฐาน" [ก็ยังประมาท] สูตรเดิมครับที่คุณเคยมา "หล่อ" กับผมรอบนึงแล้ว ก็เอาธรรมที่สอนผม "สอนตัวเองให้ได้ก่อนครับ" และแถมด้วยผมมา EDIT เพิ่มแล้วนะ สิ่งที่คุณพิมพ์มาทั้งหมด "มันเข้าคุณหมดเลยนะ คุณ 0 ห้า" "ที่คุณทำน่ะใช่ความอ่อนน้อมไหม? พิจารณาเอาเองเห็นผิดเป็นถูกจึงมาเสนอทิษฏิอย่างงั้นอย่างงี้" "นี่น่ะหรือ [ผู้ปฏิบัติธรรม?]" ยังปฏิบัติธรรมก็ไม่ถึงไหนสอบตกในธรรม แหม่ทำไมสิ่งที่คุณพิมพ์มามันตรงกับอาการของคุณหมดเลยนะครับ ให้ระวังให้มากจะได้ไม่ "วิปลาศ(รับรู้ไม่ตรงตามจริง)" นะครับ

 

ถ้าได้อ่านกันแล้ว "ทั้งผู้อนุโมทนา และ ผู้เสือก" ก็คงเห็น "ตามจริง" กันแล้วนะครับ ว่าอะไรเป็นอะไร "เพราะตัดสินด้วย ความเชื่อ ไม่ยอมมองตรงตามความเป็นจริง" ถึงได้ "โดนหลอก" ด้วยข้อความสวยหรู ขนาดนี้ "เป็นยังไงบ้างครับ สัจธรรมตามจริง" ที่ปรากฏ ไม่มีบิดพริ้ว "ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า" เห็นกันอยู่ตำตา ทำไมถึง"โดนมโน(ความคิด)" เล่นงานกัน ?

นี่แหละ ผมเทศน์ "สัจธรรม"(ความจริง) ให้แล้ว "หวังว่าจะได้ดวงตาเห็นธรรม" ไม่ตัดสินสิ่งใดตาม "ความเชื่อ และความคิด" พิจารณา "ตามจริง" มันเป็นยังไงมันก็เป็นอย่างนั้น มันก็แค่นั้นแหละ "ความเชื่อของพวกคุณมาจาก[ที่ผมด่าว่าตัวเมีย]" ซึ่งแน่นอน "ผมใช้คำแรงไปด้วยโทสะนี่คือความจริง" แต่ "พวกคุณกลับเห็นผิดเป็นถูกด้วย แค่ศัพท์มันแรงไปทั้งๆที่ความจริงมันปรากฏอยู่แล้วว่าใคร ตอแหล" ผมไม่ริเป็นอาจารย์นะ "แต่ลองเอาข้อความทั้งหมดให้อาจารย์ของท่านๆ หรือพิจารณาตามจริงดู" แล้วจะรู้เองว่าใคร "สอบตกยกแผง" นะครับ

 

นี่แหละ "การตรวจสอบหลักฐาน" หามาให้ครบหมดแล้ว "ไม่ใช่ [คิด]เอาเองว่าใครถูกผิดโดยไร้หลักฐาน" มันจะต่างอะไรกับ "ลุงยิงเด็ก เพราะเด็กไปล้อมรถคุณลุง แต่ความจริงคือคุณลุงขับรถปาด" นะครับ ให้พึงระวังให้มาก "เพราะที่สังคมไทยมันเป็นเช่นนี้ เชิดชูคนชั่ว(ไม่ทั้งหมดแต่ส่วนใหญ่) ก็เพราะคนแบบพวกคุณนั่นแหละ"

 

ทุกท่านถ้าได้ระบายแล้ว..ก็พอแล้ว..
...ต่อไปก็ให้ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเอง..ให้รับผิดชอบในส่วนที่ตนทำได้...สิ่งที่พวกท่านทุกคนมีที่เรียกว่า "อภิญญา" นั้นมันมีประโยชน์ต่อหน้าที่ของพวกท่าน และทุกท่านเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้มาทำหน้าที่..

....สิ่งที่ท่านมีหากทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์มันก็ไร้ค่า และ หากนำไปใช้ในทางไม่มีประโยชน์ก็มีแต่ก่อโทษให้กับตนเอง..
"อภิญญา" เราไม่มีอย่างพวกท่าน....เราเพิ่งแจ้งแก่ใจตนวันนี้แหละว่าทำไมอาจารย์เราจึงไม่ให้เราเอามาใช้ และยังเก็บซ่อนไว้ไม่ให้เจอง่ายๆอีก..เราขอบคุณครูบาอาจารย์เรา...ท่านรักเราเหมือนลูกแท้ๆ

...ถ้าทุกท่านได้ระบายจนพอใจแล้วก็วางมันลงแล้วกลับไปจับเอาหน้าที่ตนมาทำมารับผิดชอบให้ดี..
...เรามาเกิดครั้งนี้เรามาทำงานให้พระพุทธศาสนา...เรามาสร้างพระพุทธศาสนาให้สวยงามเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งพุทธกาล

...ทุกท่านก็เช่นเดียวกันพวกเรามาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ฝากไว้ให้แก่โลกใบนี้จวบจนอายุพระศาสนา...ทุกท่านควรภูมิใจและตั้งใจทำหน้าที่...
...มิตรภาพและความสามัคคี...จงมีให้มากเพื่องานของพวกเรา...


ทุกคนคือเพื่อนเกิดแก่ตาย
ทุกคนคือมิตรสหายร่วมอุดมการณ์
ทุกคนทนทุกข์แบกสังขาร
ทุกคนควรสร้างพระขึ้นในใจ

พอเถิดกัลยาณมิตรของเราทุกคน...

 

สมเด็จฯ
โตพรหมรังสีท่านชี้แนะ
การทำวัตรเช้า เย็นมีคุณค่ามาก
จริงๆ ฮับ
การติดข้องเรื่องอื่นๆ แทบไม่มีค่า
อะไรเลยฮับ

 

ผมยังไม่รู้ว่าท่านเป็นตัวจริงหรือเปล่า
ดังนั้น
ตอนนี้ผมได้แต่คิดในใจว่า อะไรของท่านเนี่ย..

ครับ

 

...ถ้าแชร์เพลงเป็นนี่คงแชร์ไปแล้ว...ว่าไง
ดีเจซาลาเปา.
มนต์แคน แก่นคูณ
....เปลี่ยนบรรยากาศ



...ค่าโฆษณาจ่ายแล้ว...

 

คุณซาตานไม่ได้ตั้งตนเป็นอาจารย์ผม ผมยกคำว่าอาจารย์ให้เขาเอง เพราะเขาอดทนชี้แนะให้ผมจับกายเวทนาได้ครับ

 

เราเข้าใจค่ะ เราก็เป็นเคยอย่างท่าน เราจะสะท้อนกลับ ถ้า..เราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง และเราก็เป็นมากด้วย แต่..ตอนนี้เราได้สำนึกเสียแล้วค่ะ

การทำลายความรู้สึกความมีคุณค่าในตนเองของผู้อื่น มันเสมือนเป็นการทำลายสะพานความเชื่อมโยงจิตใจของกันและกันให้ขาดสะบั้นลง มนุษย์ที่ต้องการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้อื่น จะต้องไม่คิดกระทำมิดีมิร้านสะพานนี้โดยเด็ดขาด จงมุ่งรักษาสะพานนี้ไว้และดูแลมันให้แข็งแกร่งเสมอ

ถ้าตัวเราไม่มอบความอดกลั้นให้เขาไป ทันทีที่พบว่าเขากระทำไม่ถูกต้องต่อตัวเรา ด้วยการกระทำร้าย ๆ ตอบ หรือปิดโอกาสของเขาด้วยการเลิกคบกันตัดขาดกัน นอกจากความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ความไม่พอใจของเรามันไม่ได้เกิดจากการกระทำไม่ถูกต้องของเขาอย่างเดียว แต่มันเกิดจากการที่เราอยากให้เขากระทำมันให้ถูกต้องต่อตัวเราด้วยมิใช่หรือ?

ถามตนเองว่า เราจะดับความไม่พอใจของตนได้หรือไม่ หากได้เปิดโอกาสให้เขากระทำถูกต้องต่อตัวเราในครั้งหน้าได้โดยไม่รีบตัดขาดจากกันด้วยการกระทำไม่ถูกต้อง ตอบแทนเขาไปเสียก่อน ไหน ๆ เขาได้กระทำผิดต่อเราแล้ว ยินยอมให้เขาได้ใช้เวลาพิจารณาการกระทำของตัวเขาเองสักระยะหนึ่ง เพื่อเขาจะได้มีเวลากระทำให้ถูกต้องกว่าในครั้งต่อไปไม่เหมาะสมกว่าหรือ? เพราะมันเป็นความต้องการสูงสุดของเราอยู่แล้ว

จิตยิ้มนำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อพิจารณาค่ะ จิตยิ้มเคยเป็นมาก่อน ถ้าเข้าไปถามในหัวใจของเราจริง ๆ แล้วดูเหมือนว่าเราเพียงแค่สะท้อนกลับให้เรารู้เห็นหรือรู้สีกสำนึก แต่ความจริงไม่ใช่เลยค่ะ จิตวิญญาณแท้จริงเราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เพราะรู้ว่าเราต้องก่อเวรกรรมและเป็นอุปสรรคต่อจิตวิญญาณของตัวเราแน่แท้ และถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เราควบคุมคนอื่นไม่ได้ให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ เราก็ต้องมิต้องตัดขาดต่บุคคลที่กระทำไม่ถูกต้องต่อตัวเราไปตลอดกาลนานเลยหรือคะ

นิยามการให้อภัย คือ

"การยอมรับในความแตกต่างกันของบุคคลอื่นต่อตัวเราโดยไม่คิดที่จะไปเปลี่ยนแปลงตัวเขาด้วยพลังอำนาจที่เรามีอยู่ หากจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเขา เราต้องหันมากระทำกับตนเองแทนเพื่อช่วยให้เขาเปลี่ยนแปลงไปตามเราเท่านั้น" สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ค่ะ

เราไม่ได้ว่าใครถูกใครผิดนะคะ เพราะเรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนมากที่ชี้ว่าใครถูกใครผิด มีแต่เขาเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าเคยเข้าประเด็นที่ตนเองเป็นมาก่อน พอเรารู้แล้วจึงอยากนำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมากล่าวบอกกันเพื่อพิจารณาค่ะ