มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

คนละเรื่องครับผม
จิตรจักรวาล กับ พระพุทธศาสนา คนละเรื่องครับ

มีการถกเถียงมาสักพักใหญ่ๆครับ
แต่ผมบอกว่า ไม่ใช่ ครับ
เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ครับ พระสัทธรรมปฏิรูปครับ
คุณดาราแฟร์ ถามสักพัก ก็น่าจะมีคนเข้ามาอธิบายครับ

 

- ครับ..
ขอบคุณมากครับ.
แต่หากว่า"จิตหลอกจิตนี่ซิ"สำคัญครับ.

 

หืม ? หาให้คนอื่นผิดลองอ่านสิใครกันผิด ? ตัวเองก็พิมพ์มาเองนะมรึงอะ หรือตาไม่มี ? ช่ีอมันก็แค่ล้อกอินผมเจอคนปัญญาอ่อนที่ รับความจริงไม่ได้พูดอย่างงี้หลายคนละ ผมพูดถูกไหมก็เห็นกันอยู่ คำในเม้นท์เอ็งก็พูดเองแท้ๆ สตออะหล่อน ไม่เข้าใจอะคนปฏิบัติเขามีแต่รู้ตามจริง แล้วสตอนี่มาไงอะ?

แล้วก็ถูกต้อง "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"
"มารที่ทำลายพุทธศาสนาอะนะ"

 

- ครับ.
- ขอบคุณมากครับ.
- ดาราแฟร์ เข้าใจใน"สัทธรรมปฎิรูปครับ.
เพราะซับซ้อนละเอียดอ่อนด้วยครับ.

 

อะแน่นอนคนอื่นเห็นผิดดิ เนี่ยสอนลามไปถึงพระอรหันต์อ้าง สุญญตา ผิดไหม? ควายยังรู้

อีกคนบอกแมลงสาบฆ่าได้ สัตว์ต่างๆ ฆ่าได้เลย ไม่ติดกรรม แถมยังเจือกบอกไม่มีกรรมอีก ผิดไหม? ควายยังรู้?

อีกคนบอกนั่นนี่บอกตูละกูรู เหมือนเอ็งเลยวะ แถมยังนั่งทางในชำนาญ แบบเอ็งด้วย. แต่! ยังไม่ข้ามนิวรณ์? ถ้ากำลังสมาธิระดับแบบของเอ็งๆมันเห็นได้อะ มันจะมีวิชชาสามไปทำเผือกอะไรวะ? ผิดไหม? ควายยังรู้อีกนั่นแหละ

แล้วก้มโนไปยันนู่นนี่มรึง อะเห็นแซวกูเล่น มรึงมี ทศพลญาณเรอะ? เห็นกายคนอื่นเขาด้วยอะ?

นอกจากโง่แล้วพลีกายถวายความโง่อีกนะ น่าสมเพชชิบหายเลยวะ

 

หืม? ก็ถ้ามองผมเช่นนั้น? ผมก็พูดไปแน่นอนผมมีโทสะ เพราะควายอย่างคุณนี่ละ ? ละก็บอกว่าต่อกรให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ? ตรงไหน? อนุสาสนีย์? แปลไทยเป็นไทยที "สิ่งที่ผมพิมพ์ไปน่ะความจริงล้วนๆ" มีแต่คนโง่แบบเอ็งนั่นแล ที่"รับความจริงไม่ได้"

 

ใช่มีคำใดบ้างละ ที่ตกหล่นไปใน มิจฉาทิษฏิ อ้างถึงนู่นสัจธรรม อ้างถึงนู่นโนพระธาตุ อ้างถึงนู่นจิตจักรวาล นอกพุทธไปหลายกิโลแล้วลูกเอ๋ย การทำใฟ้คนอื่นหลงมีโทษมห้นต์นะ เห็นบอกไม่รู้จริงก็อย่าโพสต์ แต่ก็เห็นว่ามรึงกำลังโพสต์อยู่นะเนี่ย? สรุปจะยังไง?

 

เรื่องหลวงพ่อฤษีลิงดำนั้น ผมยังไม่ได้ชี้ชัดนะครับว่าท่านได้ไปปรามาส
เป็นแต่เพียงพิมพ์เสริมแง่ป้องกันเพิ่มเติมหนะครับ

เรื่องพระจักรพรรดิ ผมก็ยังมีความเชื่ออยู่ว่าเกี่ยวกับพุทธภูมิ
ถึงคำทำนายที่มีคนแต่งขึ้นมาจะตรงกับท่านซาลิแวนหรือไม่ ก็น่าศึกษาและลองไปเป็นดูนะ

ผมเองปราถนาพุทธภูมิและก็มองว่าอนาคตหากยังไม่ทิ้งปณิธานก็ต้องผ่านเรื่องพระจักรพรรดิ
คือมีอะไรให้ผมเป็นผมก็ลองเป็นมันให้หมดนั้นหละครับ

นรกผมก็ต้องลง สวรรค์ผมก็ต้องมีได้ขึ้นบ้างหละ พระจักรพรรดิก็จะเป็น
เกิดมาแล้วในจักรวาล ก็เอาให้มันสุดๆกันไปเลยละกัน อิอิ

 

เห็นตื้นลึกกระแสจิตใช่ไหมที่อ้าง ? ไอ้ทศพลญาณมรึงก็ตู่กูเอาเองใช่มะมีตูพูดไหมว่าเป็นถ้ามีไปแคปมาอินี่ยังจะแถไปได้เรื่อยๆไอ้ห่า

ละบอกกูเดินจิตตามไม่ได้สื่อความหมายยังไม่เข้าใจไหนเลย?

แล้วอีตัวไหนอ้าง "อนุศาสนีย์วะไอ้สัด?" โคตรตอแหลเลยวะ

มึงจะเข้าไปดูกระแสจิตแล้วยังไง? ข้างในมันมีกระแสอยู่แล้วกันทุกคน เพราะกระแสมันส่งออกได้ตลอด ดูแล้วมันได้อะไร ? ตั้งมั่นอยู่ภายในที่ มันก็ทำเป็นฌานแล้วยังไง?มึงก็พูดเองด้วยนะว่าตั้งมั่นภายใน

แล้วที่บอกว่ากูต้องการให้คนอื่นทราบธรรมของตนใช่ไหม ? ใช่อันนี้ เพราะมึงยังแยกกายเวทนา(ความรู้สึกตัว)ไม่ได้เลยเนี่ย แล้วมึงจะรู้ได้ยังไงว่ากายมึงสวย?ที่บอกว่าญานห่าเหวอะไรนั่นแหละ? โคตรแปลก ละแถมยังบอกอีกกาย คนเลว(อกุศลกรรม)แบบนั้นนี่รูปลักษณ์บ่ดี มึงรู้เรอะ ในเมื่อมรึงยังไม่รู้เลยว่าไอ้กายที่เปลี่นนอะกายไหน แล้วกายเวทนารูปร่างแบบไหน ไหนบอกดิ้

 

คุณจิตผมรอคุณอยู่นะเรามาเสวนาคุยกันฉันท์เพื่อนสัก 2-3 ปีในกระทู้นี้เอาจนเบื่อหน้ากันไปเลยดีกว่า หุหุ

 

ผมว่าเขาเมายาครับ ได้รับไม่ครบ dose ก็เป็นฉะนี้แล โทรเรียกรถพยาบาลแพร้บครับ ฮาๆ

ปล.กดเศร้าทำไมครับคุณจิต สนใจไปทรงจิตท่าน ว. หน่อยไหมละครับจะได้หายเศร้า ฮาๆ
ปล2.ดีครับที่กดหัวเราะผมคุยกับคุณได้สนุกมากเลยตั้งแต่ซู้ดกาวไปครับฮาๆ

 

ผมน้อมเอาพระจักรพรรดิมาใส่ตัวนานแล้วแหละครับ

นั่นทำให้ผมมีนิสัยไม่ชอบยอมใครด้วยส่วนหนึ่ง เรื่องไม่ยอมใครนี่ไม่ยอมมานานแล้วแหละ แต่เมื่อเอาพระจักรพรรดิมาใส่ตัวนี่ยิ่งไม่ค่อยจะยอม มาใจเย็นเอาช่วงหลัง ๆ มานี่ แต่ขนาดใจเย็นแล้วก็ยังไม่ค่อยจะยอมน่ะนะครับ
นอกจากนั้นก็พยายามศึกษาธรรมะ และภาวนา

แต่ก็ทำได้แค่ทำให้ตัวเองฉลาดขึ้นนิดหน่อย (ผมฉลาดขึ้นเพราะพยายามไขปริศนานกยางด้วยนะ แต่ก็คิดว่ายังฉลาดไม่พอที่จะเป็นพระจักรพรรดิอยู่ดีแหละ) และสติดีขึ้นนิดนึง

เท่านั้นแหละ

 

ตอนนี้ขุ่นแม่ชี เปลี่ยนคลาสเป็นร่างทรงแล้วครับแถม จิตที่ทรงเป็นถึงระดับ "อภิมหาก๊อด" เลยนะครับนั่น สุดยอดกว่าตำหนักทรงไบรอัน โอคอนเน่อร์เยอะครับ

 

ที่จริงแล้วจะย้ำมาเสมอว่า คำกล่าวนี้มิใช่ลัทธิ หรือ ศาสนาใหม่ใด ๆ เลย เป็นกฎเกณฑ์สากลจักรวาล เป็นความรู้ใหม่มาเติมเต็มทุกศาสนาเท่านั้นค่ะ และที่ตนเองเชื่อมั่นอย่างนั้น เพราะคำนี้ขอยืนยันไม่ใช่ความรู้ส่วนบุคคล ภาษาที่สื่อรับได้งดงามละเอียดลึกซึ้ง เป็นภาษาของธรรมชาติที่สื่อมาให้ทุกคนที่เปิดใจรับกว้าง จากองค์ธรรมโลกุตระ หรือ พระธรรมิกราชาค่ะ

แม้ว่าจะเกิดภัยพิบัตินี้ ผู้ที่จะมาทำหน้าที่สำคัญท่านก็ต้องรับธรรมจากศูนย์ธรรมโลกุตระเช่นเดียวกัน จิตยิ้มมั่นใจค่ะว่า ถ้าเป็นธรรมของบุคคลใดบุคคหนึ่ง ที่ไม่สามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่นำมาหรอกค่ะ ที่เป็นภาษากลาง ๆ ก็ เพราะต้องการสื่อให้ทุกชาติทุกภาษาได้รับรู้เกี่ยวกับความเป็นไปความจริงของตนเอง แบบองค์รวมไม่แบ่งแยกภาษาหรือศาสนา บุคคลใดที่เปิดกว้างและเข้าใจจะรับรู้ได้ เพราะทุกจิตวิญญญาณนั้นย่อมเสมอกันด้วยสภาวะจิตเดียวกัน แต่ที่ต่างกัน คือ กิเลสและกรรมเท่านั้น ที่ทำให้มนุษย์จึงมีความแตกต่าง

คำว่า ลัทธิ กับศาสนา แตกต่างกันอย่างไร? คำนี้น่ารับฟังมาก.....

ลัทธิ คือ ความเชื่อในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง อันเป็นความเชื่อที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ อาจจะเป็นลัทธบูชาไฟ ลัทธิของความเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และมีกลุ่มชน ก่อตั้ง เป็นลัทธิในความเชื่อนั้นครับ

ศาสนา หมายถึง คำสั่งสอน ซึ่งเป็นคำสั่งสอน จาก ความคิด หรือ ความเชื่อของผู้ใดผู้หนึ่ง ที่แสดงแนวคิดนั้น จนมีผู้เชื่อ คำสอนนั้น จนเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นศาสนา

ดังนั้น ศาสนา จึงกว้างกว่า ลัทธิ แต่ ทั้ง ศาสนา และ ลัทธิ ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสัจจะความจริง ไมไ่ด้หมายความว่า หากเป็นลัทธิจะเป็นสิ่งที่จริง หรือ ไม่จริงก็ได้แต่ ศาสนา ที่เป็น คำสั่งสอนทั้งหมด จะต้องเป็นสิ่งที่จริงครับ

ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้คำพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็น ลัทธิ ศาสนา ความจริงก็ต้องเป็นความจริงแม้ไม่ได้เรียกชื่อว่า ศาสนาเลย แต่ สิ่งใดที่กล่าวความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ที่สามารถพิสูจน์ได้ และเป็นความจริงที่กำลังมีอยู่ แม้ไม่กล่าวว่า เป็นศาสนา เป็น ลัทธิแต่ก็คือ คำสอนที่ถูกต้อง เพราะเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ด้วยปัญญา และเป็นเหตุ เป็น
ผลตามความเป็นจริงครับ ขออนุโมทนา

https://www.dhammahome.com/webboard/topic/20276

อย่างพระพุทธศาสนา มีการกล่าวเกี่ยวกับผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานไว้ ก็นำมารู้ใหม่นี้มาขยายให้กว้าง โดยไม่ได้ขัดแย้งกับศาสนาใด ๆ เลย

อย่างคำว่า มนุษย์สมดุล

คือ ปัญหาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานหรือเกี่ยวกับเรื่องคน มักจะทำลายความสมดุลในจิตใจของเราอยู่เป็นประจำ

ความสมดุลในจิตใจ หมายถึง สภาวะจิตที่นิ่งสงบเสมือนน้ำบริสุทธิ์ที่บรรจุอยู่ในแก้วใส ซึ่งวางนิ่ง ๆ อยู่บนโต๊ะโดยไม่มีลมเป่าหรือมีใครมาเขย่าโต๊ะในอันที่จะเป็นเงื่อนไขให้น้ำกระเพื่อมแต่อย่างใด

จิตมนุษย์ในสภาวะที่สมดุล จะบ่งบอกไปด้วยการ ว่างไปจากอารมณ์รู้สึกด้านลบทั้งปวง โดยอารณ์ด้านลบดังกล่าวเกิดจากการสั่นสะเทือนด้วยเหตุใน 3 กรณี ดังนี้

๑.ความอยาก
๒.ความไม่อยาก
๓.ความไม่รู้ว่าอยากหรือไม่อยาก

ถ้าเกิดการสั่นสะเทือนทั้ง 3 กรณีที่ว่านี้ขึ้นเมื่อใด มนุษย์จะกลายเป็นคนจิตไม่ว่างจากการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกด้านลบเมื่อนั้น

ดังนั้น คำว่า"จิตไม่ว่าง" ก็ย่อมหมายถึง สภาวะจิตที่กำลังสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกที่เป็นความอยาก หรือความไม่อยาก หรือไม่รู้ว่าอยากหรือไม่อยากอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้ จนนำไปสู่การสะเทือนทางอารมณ์แบบต่าง ๆ ตามการขับเคลื่อนของความรู้สึกทั้งสามแบบนั้น

มนุษย์จะเรียกความรู้สึกทั้งสามแบบดังกล่าวนี้ว่า "กิเลส"

มนุษืเรียกอารมณ์แบบต่าง ๆ อันเกิดจากการขับเคลื่อนของกิเลสสามแบบนั้นว่า "ตัณหา"

มนุษย์เรียกอาการที่แสดงออกหรือการกระทำใด ๆ ด้วยกายสังขารของตนว่า "พฤติกรรม"

ก็แบ่งแยกเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาตญาณ พฤติกรรมที่เกิดจากกิเลสตัณหา และพฤติกรรมที่เกิดจากจิตสำนึก เป็นต้น

มนุษย์ที่สมดุล 6 ประการ

๑.เป็นผู้รู้ตื่น อันหมายถึง การรู้ตัวหรือรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกนึกคิดตนเองในทุกขณะจิต

๒.เป็นผู้ตื่นรู้ อันหมายถึง การรู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกนึกคิดผู้อื่นในทุกอริยาบถ

๓.เป็นผู้เบิกบาน อันหมายถึง การยอมรับความจริงด้านลบทั้งของตนและผู้อื่นได้เสมอ

๔.เป็นผู้เปลี่ยนแปลง อันหมายถึง การเลือกที่จะปรับปรุงตนเองเพื่อการเปลี่ยนแปลงผู้อื่น

๕.เป็นผู้นำ อันหมายถึง การเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างตนเองและผู้อื่น

๖.เป็นผู้ให้ อันหมายถึง การมอบความรักและเมตตาให้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไขได้เสมอ

นี่คือคุณสมบัติทั้ง 6 ซึ่งเป็นโครงสร้างทางจิตวิทยาของมนุษย์ยุคพลังงานใหม่! นี้ก็เป็นเหตุ เป็นผล ที่พิสูจน์ด้วยปัญญาอันเป็นเหตุ เป็นผล ได้นะค่ะ

 

พุทธ+จริต = (จิต/ธาตุรู้/ญาณ/สติ) + (จริต/ขันธ์5)
ก็จะพอสังเกตได้นะครับว่า การเดินมาในเส้นทางปัญญาก็เริ่มจากการ
แยก จิต กับ ขันธ์5 ได้หนะครับ แยกโดยธรรมชาติของมันเอง
โดยไม่ต้องไปดัดแปลงทางจิตก่อน
ทางแรกเริ่มก็คือการ รู้สึกตัวทั่วถึงทุกอิริยาบถทั่วทั้งร่างกาย แล้วเดี๋ยว ธาตุรู้ นั้นจะคล่อยๆ
ปลีกตัวออกมาของมันเอง ลมหายใจเข้าออกนั้นเป็นส่วนของความรู้สึก
แต่ธาตุรู้นั้น จะนั่งหายใจอยู่ หรือ ไม่หายใจ ก็จะรู้ เป็นรู้ที่ไม่ต้องพึ่งธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ
เมื่อเป็นคนละธาตุกัน มันจึงไม่ติดพันหรือเกี่ยวข้องหรือมีปัญหาอะไรๆกับธาตุ 4
ไม่หายใจในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ตายแล้วนะครับ ก็นั่งนอนแบบปกตินี้หละครับ
เพียงแต่ว่าไม่มีลมหายใจผ่านทางรูจมูกแต่เพียงแค่นั้น จึงเป็น รู้ที่ไม่ต้องอาศัยลม
แต่ก็ไม่หลงลืมลมหายใจ หรือ สิ่งที่เคยผ่านมาและผ่านไปหนะครับ

การใช้จิตเดินปัญญาที่มีในขันธ์5 อันนี้คือน้อมเดินตามความเป็นจริงว่าขันธ์5 นี้มันเป็นอย่างไร
การศึกษาเรื่องพระจักรพรรดิ ก็เป็น สัญญาขันธ์ เรามีสัญญาขันธ์มาอย่างไร
แล้วเราก็ค่อยๆเดินตาม จากเพียงแค่สัญญาขันธ์ ก็สามารถทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้โดยลำดับเอง

ส่วนพอน้อมเดินตาม แล้วกลายไปเป็นคนไม่ยอมฟังใคร
อันนี้ คงจะเป็นที่ ถือทิฐิ และ นิสัยส่วนตัวแล้วนะครับ

ทิฐิมานะ เมื่อใครไปติดอยู่ ก็เป็นลองใครไม่ได้หรอกครับ
หากตรูไม่ไปเป็นที่หนึ่ง หละก็ต้องไปเป็นผู้นำผู้อื่นแต่เพียงเท่านั้น

แยกให้ออกระหว่าง พุทธจริต กับ ทิฐิมานะ

อ่อนน้อมถ่อมตน เพราะแยก จิตกับขันธ์5 ได้
มีวิชาความรู้/สัญญาขันธ์ แต่ไม่ยึดเอามาเป็นตัวเป็นตน

กับถืออยู่ใน ทิฐิมานะ ว่า ตนมีในขันธ์5 ขันธ์5มีในตน มีวิชาความรู้/สัญญาขันธ์
ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งสำคัญเอาเป็นตัวเป็นตนว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร
หากถึงคราวจะถ่อมตน ก็เพียงแต่ถ่อมไปแต่ทางคำพูดแต่เพียงแค่นั้น

อันนี้ผมช่วยเสริมข้อสังเกตเฉยๆครับการน้อมไปในเรื่อง พระจักรพรรดิ
ไม่ได้เกี่ยวกับการที่จะต้องยอมใครไม่ได้ หรือ รับฟังใครไม่ได้หรอกครับ

 

ลองเจอตัวจิตยิ้มจริงก็ได้ค่ะ ไอ้ที่ว่าตนเอง รู้ ๆ อยู่นะ หายหมดคุยไปไม่เป็นเลยค่ะ นี่เป็นสัญญาณของสำคัญตน ก็คงไม่ใช่นะคะ

 

สำหรับหลายท่านที่กล่าวว่ายังไม่ได้อะไรเลยจากกระทู้นี้ เอาอย่างนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าใครไม่เชื่อ!! ขณะนี้มีพระโพธิสัตว์ที่ท่านรับองค์ธรรมจากศูนย์ธรรมอยู่ คิดว่าน่าจะมีหลายคน และ การที่จิตยิ้มกล่าว ผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาทำหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนาร่วมกับองค์ธรรมมิกราชา ก็คือ ผู้ที่ปราถนาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายนั่นแหละค่ะ อย่ารอช้าเลยนะคะ เป็นโอกาสอันดีในการสร้างบารมี

การรอคอยใครสักคนถ้าสิ่งนั้น คู่ควรสมค่ากับการรอคอยเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่เราก็ไม่อาจสามารถควบคุมได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ ณ ขณะนี้เวลานี้ เราสามารถจะเป็นในสิ่งนั้นรอไปก่อนเลยก็ได้ค่ะ คือ การสร้างบารมีพาคนทำดีเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาสั่งสมบารมีและบริวารที่จะติดตามไปในศาสนา คิดว่าน่าจะดีที่สุดค่ะ ณ ขณะนี้ จขกท.คิดว่าอย่างนั้นไหมค่ะ

 

พิสูจน์สิ

 

หายหมดครับ ขนาดผมไม่ได้เจอจริงยังมึนเลย คุณแสดงธรรมได้สุดยอดมากครับยอมรับ

ไอ้ที่ว่าตนเองรู้ๆอยู่เนี่ย หายหมดครับ คุยไปไม่เป็นเลย เพราะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว พูดภาษาไทยหรือเปล่าละนั่น ฮาๆ นี่แลเป็นสัญญาณของการ"วิปลาศ"ซะแล้ว ก็คงใช่นะครับ

ปล.แก้ภาษาให้ตรงตามอาการแล้วนะครับ

 

สำหรับหลายท่านที่รู้กันอยู่ว่าไม่ได้อะไรจากกระทู้นี้ เอาอย่างนี้แล้วกันครับ "ดมกาวคนละกระปุก รับรองคุยกันรู้เรื่องครับ ฮาๆ"
อย่างที่บอกให้อย่ารอเลย ให้รีบสร้างบารมีซะเนี่ย มันคือการทำให้ชาวบ้านเชื่อตรงไหนอ่ะ ? มันเป็นการพิสูจน์เรอะ งง?

เอาง่ายๆที่ชักมหาสมุทรมามันเกี่ยวอะไรกับธรรมของเอ็งวะเนี่ย เห้อ ผมไปสูดกาวแปปจะได้คุยกันรู้เรื่องนะครับ