กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

เดี๋ยวคืนนี้ผมฝันก่อนว่าจะเป็นยังไง จะมาอีกมั้ย อิอิ

 

เสียใจด้วย
มาบอกลานั่นหละ
ประมานวันที่ ๗ จะพอคาดได้
ว่าไปภูมิดีระดับไหน
ช่วงนี้อยู่ในสั่งเสียในเรื่องที่ค้างคาอยู่
ปล คุณย่าดูผอมสูงโปร่งไหม ถามเฉยๆ

 

สมบัติของพระเจ้าชัยๆที่เก็บในหีบ
นั้นหละครับ นึกภาพครึ่งวงกลมคว่ำปิดอยู่กับพื้นในแนวขนาน
ข้างๆตรงขอบสองด้านมีคล้ายๆทรงปีกเครื่องบินที่งอขึ้น
ทำมุม ๔๕ องศากับพื้น

ครึ่งวงกลมคือบังตาปกติ
แต่แหลมๆคือเคลื่อนที่ได้
กรณีที่ไม่ใช่เจ้าของเก่า
หรือคนที่ไม่เหมาะที่จะเห็น
และครอบครอง (^_^)

 

นัยยะคือฟังอ่านแล้ว
จบในตัวของมันเอง
ไม่ต้องคิด วิเคราะห์ ตีความ
พวกนี้เป็นสภาวะ ^_^
ส่วนลูกกลมๆไว้โม้วันหลัง
เกี่ยวกับอะตอม ที่ไม่ใช่
มีเฉพาะ นิวเคียสและอิเลคตรอน
ตามgoogleแน่นอน

 

ขอแสดงความเสียใจ

ขอให้ดวงวิญญาณสู่สุคติภูมิ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 7 ลำดับที่ #131
nopphakan said:

จาตุฯ เป็นสวรรค์ชั้นแรกครับ
ความหมายคือ
กำลังไปได้สูงสุดไม่เกินนั้นครับ
เหตุหนึ่งเพราะอยู่มานานครับ
ไม่ใช่ว่าตายแล้วอยู่เลยนะครับ
คนละแบบกัน
คือในระดับภูมิจาตุฯ
กับระดับเดียวกับโลกว่าไปกำลังบุญ
ไม่ต่างกันมาก จะต่างๆตรงเครื่องแต่ง
กายที่จาตุฯอาจจะสวยกว่าครับ
แล้วใครที่ตายแบบเคยทำบุญมาบ้าง
แต่ไม่ได้มาก ส่วนมากชั้นนี้
จะมีครูบาร์อาจารย์ที่ฝากๆกันมารับครับ


ส่วนความสามารถทางเสียง
แล้วแต่ว่าใครเคยสะสมมาครับ
บางคนไม่ฝึกเลยก็เกิดได้ครับ

ถ้าทั่วไปจะให้เกิดคือ ต้องเป็นคน
ที่ตัดเรื่องนามธรรม เรื่องสัมผัสกับ
พลังงานงานต่างๆได้ดี
และเป็นคนที่ไม่สงสัย ในเรื่อง
เสียงแปลกๆที่ได้ยินต่างๆครับ
กับไม่ค่อยติด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญครับ


ท้ายนี้ แถมๆ
ปล.เสียงจากดวงหลายสีนั้น
เป็นลักษณะของพลังงานอย่างหนึ่งของจิต
ถ้าเราอยู่ใกล้ในระยะเมตรหนึ่ง
จะพอรู้สึกได้ว่ามีแรงดึงดูดด้วยครับ
ระยะนี้มีกำลังพอที่จะทำให้
เราขยับตัวไม่ได้นะครับ

สีที่เห็นบอก ว่าตอนเป็นคนนั้น
มีความสามารถ ในการรักษาคนได้
แบบที่สามารถดึงพลังงานจากภายนอก
มาหนุนในการรักษาร่วมด้วยได้ด้วย
(ภายนอกไม่ใช่แค่พลังงานจักรวาล
หรือร้อนเย็นอย่างเดียวนะครับ)
เพียงแต่ตอนนี้ คงเฝ้าสมบัติ
อยู่แถวๆนั้นหละครับ

**สีนั้นหละครับเป็นเหตุทำให้วนเวียน
นอกจากจะบอกสิ่งที่จิตสะสมมาครับ

-------------------------------------------
-------------------------------------------

Tips & Tricks ที่นำมาลงเช้าวันนี้
(คือส่วนหนึ่งของชีวิตหลังความตาย)
ไม่ใช่นำมาลงแบบ *ลัดคิว*
แต่จะเรียงลงตามลำดับ *ตามคิว*
จึงเป็นความบังเอิญที่ "ยิ่งกว่าบังเอิญ"

 

ถ้าผอม สูงโปร่ง แต่ไม่สูงมาก คือย่าทวดคะ ย่าอุ้ย
ย่าทวดเป็นแม่ของคุณย่าคะอาจารย์
ก่อนหน้านี้ เจนฝันถึงย่าทวด 1ครั้ง
ผมสั้นหยิกหยักศก ผมหงอกทั้งหัว ผิวขาวนวล

ส่วนคุณย่า หลังค่อม เจนเลยไม่รู้ว่าย่าสูงมั้ยคะ
ถ้าเทียบกับเจนที่สูง154 ย่าเท่าๆเจนเลยคะตอนหลังค่อม
ถ้าหลังตรง คงสูงเกือบ160 แน่ๆคะอาจารย์

 

ขอบคุณมากคะอาจารย์9 หนูหวังรอย่ามาบอกหวย
ย่าชอบเล่นหวยมาก

 

อือท่านคงมารับกัน
เอ้างี้นะกรณีคุณย่า
เอาว่าถ้าท่านมีอะไรที่ท่านหวงมาก
อยู่ไหม หากุศโลบายบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง
ลูกหลานจะช่วยดูแลเต็มที่ อะไรที่ท่านห้าม
ไว้กับของสิ่งนั้นให้ทำตามไปก่อน
อย่างไรก็ได้อย่าให้ท่านห่วงเป็นอันขาด
พอเข้าใจเนาะ. ส่วนย่าทวด
บอกท่านว่าไม่ต้องห่วงอะไรอีกสบายใจได้
เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศล
ปล ย่าบอกให้ได้ภายใน ๒ ถึง ๓ วันนี้นะ ^_^

 

อันนี้คือเรื่องจริงแน่นอนคะอาจารย์9
เจนเคยนิ่งอึ้ง กับการเจอลูกไฟดวงกลมนี้มาแล้ว
ระยะห่างกันไม่ถึง2เมตรด้วย

 

อาจารย์คะ เจนนึกไม่ออก ตรงข้อนี้

แล้ว ที่ย่าบอก ให้ได้ ภายใน2-3วัน เจนตื่นเต้นคำนี้มาก
หมายถึงอะไรหรอคะอาจารย์
ศิษย์ไม่รู้ อิอิ

 

หมายถึงบอกตามที่ได้แนะนำไปเน้อ

 

อ่อ ~~~~~~~
เข้าใจแล้วคะอาจารย์
รับแซ่บคะ
ให้เจนจุดบอกย่า ตามที่อาจารย์กล่าวไว้

พรุ่งนี้เผาแล้ว
วันนี้เจนจะจุดธูปบอกกล่าวย่าคะอาจารย์

 

เจ๊ง ฮือๆ

 

@nopphakan

แล้วถ้าเป็นเคสนี้ล่ะครับ ตายไปเจ็ดวัน มาเข้าฝันคนในบ้าน ว่า ขอเข้ามาเอากรรไกรไปใช้ในโลกโน้น แบบนี้ พอจะเทียบเคียงได้กับ ภพภูมิไหนครับ

 

กึ่งเทพ กึ่งเทวดา ได้หมด

 

อ้อ ไม่เกินชั้น 1 นี่เอง

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 7 ลำดับที่ # 133
nopphakan post


"...ถ้าเค้าให้มาเอา
คือเค้าจะเปลี่ยนภูมิแล้วนั่นหละ
กรณีนี้ไม่เป็นไรหรอก
ทำแล้วอุทิศบุญไป
เราได้บารมีด้วย..."

------------------------------------
------------------------------------

(ความเดิม...จากที่ *เจน*)
ฝันและสงสัยประมาณดังนี้...

"...ปี 59 ที่ผ่านมา ฝันว่ามีชายให้ไปขุดสมบัติ
ฝันถึง3ครั้ง
ฝันครั้งที่ 1 เจอเหรียญเงินโบราณ
ฝันครั้งที่ 2 ชายคนเดิม ขุดมาเจอถุงเหรียญพระเครื่อง
ฝันครั้งที่ 3 (1-1-60) ได้ขุดตรงสวน ที่เจนเจอดวงลูกไฟตอนเด็กๆ ระบุชัดเจนว่าที่ไหน ชายที่มาเข้าฝันบอกให้ไปขุดเอาของของตัวเองขึ้นมานะ ขุดเจอกำไลแขนพญานาคหันหน้าเข้าหากัน อีกอันเป็นกำไลเงินมีพระนั่งสมาธิอยู่ตรงกลาง ชายคนนี้ใส่โจงกระเบน ไม่สวมเสื้อ มีผ้าโพกหัว เขาบอกเป็นชายภูไกจะไปแล้ว แล้วเขาก็รีบลงเรือไปกับคนแต่งตัวคล้ายกัน
จากนั้นก็ไม่ฝันอีกเลย
ปล....ไม่กล้าไปขุด กลัวผีหลอก...."

 

ทั่วๆไปปกติ ในวัตถุมันมีแรงดึงดูด มีกระแสพลังงาน
บ้างเรียกแรงเฉยๆ อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว มีน้อยมีมากก็แล้วแต่
และมันก็ดึงดูดเข้าหากันปกติอยู่แล้ว
ภายใต้แรงโน้มถ่วง..เราเรียกแรงโน้มถ่วงนี้ว่า
กาวิตรอน ซึ่งมันยัง
ไม่สามารถตรวจจับได้ ที่พอมองเห็นได้ มักจะเป็นรูปทรงกลม
เปรียบเหมือนที่ดวงจันทร์หมุนรอบโลก
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ อะไรประมาณนี้

พวกนี้ ในลักษณะที่เป็นวงกลม ถึงจะมองภาพได้ชัด
เพราะว่า ยังพอมองเห็นการหมุนและการเคลื่อนที่
ของมันได้ภายใต้แรงโน้มถ่วง เอาวงกลม ๒ ก้อนมาวาง
และเอาก้อนสี่เหลื่ยม ๒ ก้อนมาวาง ภายในแรงโน้มถ่วงเดียวกัน
เราจะเห็นการเคลื่อนที่ของวงกลมได้ดีกว่า แม้จะรู้ว่า
ในสี่เหลื่ยมมันก็มีแรง พอมองภาพออกไหม


คุ้นๆไหม ในวงกลมมีศูนย์กลาง มันคล้ายๆสลัก
คือมันทำให้วงกลมเคลื่อนนี้ แต่ตัวมันไม่เคลื่อนไปไหน......
ซ่อนอยู่รอบๆกายเรา บ้างก็เรียกว่า จิต ซึ่งแล้วแต่จะให้คำจำกัดความ


เพียงแต่ในระบบกระแสพลังงาน
ในจักรวาลนี้ มันก็จะมีทั้ง
ที่ผลักกัน(ที่เห็นแล้วไม่ถูกธาตุ หรือไม่ชอบหนังหน้ากัน)
และดึงดูดกัน(ที่เหมือนคุยถูกคอ ถูกธาตุอะไรก็ว่าไป)
ทางวิทย์คือกรณีที่เป็นวัตถุ
คือ การแลกเปลี่ยนอนุภาคของโปรตรอนระหว่างวัตถุกับวัตถุ
สังเกตุว่า มันเพิ่มสนามพลังได้ เช่น ถูกธาตุ กลายเป็นถูกคอ พอนึกออกไหม
ไม่ถูกธาตุกลายเป็น คิดไม่ดี คิดทำร้ายกัน พอเห็นภาพอีกเนาะ

ส่วนที่เป็นแรงพวกนี้เป็น กิริยาของ อนุภาค บัวซอง
ซึ่งมันมีความสามารถในการเพิ่มสนามพลังได้
(ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หรือการคิดไม่ดีต่อกัน)
แต่ที่ชาวโลกรู้จักกันดี ของอนุภาค บัวซอง
เรารู้จักในนามของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
หรือสนามแรงโน้มถ่วง ที่ทำให้เรายืนได้บนโลกใบนี้
เพราะมันเห็นในภาพรวมได้ดีกว่า........

เนื่องจาก กิริยาปกติ ของอนุภาค บัวซอง
ในเรื่องความสามารถในการเพิ่มสนามพลังได้
บ้านเราเรียกจึงง่ายๆว่า
พวกมีกำลังจิต ทางจีนเรียก จอมยุทธ ห่มเหลืองเกจิ
ในหนังเรียก พวกเจได พวกธิส ก็ว่ากันไป
ส่วนใครจะมีความสามารถในการรวบรวมแรงได้มากกว่ากันก็สุดแล้วแต่
แต่ทางวิทย์ เรียก แรงคู่ควบ หรือคำว่าแรง หรือ อนัตกิริยา
บ้านเราเรียกว่า กำลังจิต อภิญญา ความสามารถพิเศษ อะไรประมาณนี้หละ

แต่ในทางละเอียด มันคือการที่ อิเลคตรอนในวัตถุมันถูกจับได้
เพราะนิวเคียส ในอะตอม ซึ่งเป็นผลมาจาก โปรตรอนระหว่าง
วัตถุทั้ง ๒ มันแลกเปลี่ยนอนุภาคซึ่งกันและกันปกติ เขียนให้งงเล่น
นึกไม่ออก ทางปฏิบัติ เรียก การที่จิตจับอะไรบางอย่างได้
(คือ ที่นิวเคียสในอะไรตอม มันจับอิเลคตรอนได้)
เลยส่งตัววิญญานออก
ไปเชื่อมกระแสภายนอก(แลกเปลี่ยนโปรตรอนซึ่งกันและกัน)
หรือการที่มีวิญญานภายนอกส่ง(โปรตรอนภายนอกส่งมาแลกเปลี่ยนกันโปรตรอนภายใน)เข้ามาเชื่อมกัน.....


ถ้าคิดอะไรไม่ออก
ทั่วไป เราจะรู้ว่า อะตอม ประกอบไปด้วยนิวเคียสที่มันอยู่ตรงกลาง
หรือเป็นศูนย์กลางอะตอม และ อิเลคตรอนเนาะ ตามGoogle

เอาประมาณนี้ หละ โม้มากยิ่งงง
ส่วนตัวไม่ค่อยรู้เรื่องทางวิทยาศาสตร์อะไรด้วย
เอาประมาณนี้หละเนาะ พอขำๆ....

 

ขอบคุณครับ...ท่านอจ.นพ
คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางวิทย์
ยังตอบได้เข้มข้นขนาดนี่

...ผมยอมรับว่า
"กว่าจะหายงง ต้องบรรจงอ่านทีละวรรค"
แต่สุดท้ายก็เป็นเช่นที่ท่านอจ.กล่าวไว้...

"...เพียงแต่ในระบบกระแสพลังงาน
ในจักรวาลนี้ มันก็จะมีทั้ง
ที่ผลักกัน(ที่เห็นแล้วไม่ถูกธาตุ หรือไม่ชอบหน้ากัน)
และดึงดูดกัน(ที่เหมือนคุยถูกคอ ถูกธาตุอะไรก็ว่าไป)

ไม่เอาแล้วหละวิทย์*ไร้อารมณ์*
ขอเป็นประเภทลี้ลับ ปาฎิหาริย์
ตื่นเต้น*เร้าอารมณ์*...ดีกว่าเนาะ