เรื่องเด่น นักสำรวจ ถ้ำหลวง ชี้ข้อมูลสำคัญ เชื่อจะช่วยทีมฟุตบอล 13 ชีวิตได้ทัน!

ถ้ำหลวง / จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหายเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมานายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สำนักงานพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 รับแจ้งว่ามีผู้ที่พากันเดินทางเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลายคนแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย โดยพบรถจักรยานรองเท้าบริเวณทางเข้าถ้ำ

โดยตลอดวันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ระดมค้นหา โดยส่งทีมนักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปในถ้ำตลอดทั้งวัน ท่ามกลางการเอาใจช่วยและรอฟังข่าวจากญาติ



ทั้งนี้ สมาชิกเฟซบุ๊ก Anukoon Sorn-ek หนึ่งในผู้ที่เคยเข้าไปสำรวจถ้ำดังกล่าว ได้เผยแพร่แผนที่ของถ้ำพร้อมข้อมูลว่า “ข้อมูลสำคัญสำหรับทีมค้นหาและช่วยเหลือเด็กสูญหายในถ้ำนะครับ ถ้ำนางนอนหลวงเป็นถ้ำที่มีทางเข้าออกทางเดียว ระบบระบายอากาศไม่ดี ถ้าจะใช้วิธีการสูบน้ำออกควรตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ด้านนอก ไม่งั้นปริมาณ Co2 ภายในถ้ำจะสูงขึ้นทำให้การช่วยเหลือทำได้ยากและมีความเสี่ยงมากขึ้นนะครับ ตำแหน่งที่คาดว่าเด็ก ๆ น่าจะอยู่(ตำแหน่งวงกลมสีแดง) ลึกที่สุดบริเวณปลายสุดของ Show cave น่าจะประมาณไม่เกิน 1 กม.จากปากถ้ำ



ถ้าเลยนี้ไป Section ด้านในที่เป็นเส้นทางเข้า Monk’s series เส้นทางแคบและซับซ้อนหาเจอยากมาก คิดว่าคนทั่วไปไม่น่าหาเส้นทางเข้าไปด้านในได้ครับ อีกอย่างในช่วงเวลานี้ ถ้าเด็ก ๆ ถอดรองเท้าและวางเป้ไว้ แสดงว่าพื้นถ้ำมีน้ำท่วมออกมาถึงด้านนอกแล้วแต่ยังไม่ลึกมาก นั่นหมายถึง Section ด้านในจะมีน้ำท่วมแล้ว มีโคลนมากเขาคงไม่เข้าไปลึกมากครับ



อาจจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่าง ไฟฉายดับ หรือไฟฉายมีน้อยเลยหาทางออกจากถ้ำไม่ได้และระดับน้ำขึ้นซะก่อน ส่วนอันตรายที่สุดสำหรับทีมดำน้ำที่จะดำเข้าไปเป็น Section แรกที่ผมวงสีน้ำเงินเอาไว้ เนื่องจากเส้นทางเข้าแคบต้องมุดเข้าไปและน้ำจะอัดผ่านช่องนี้ออกมา อันตรายสำหรับทีมที่ดำน้ำขาออกแต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้วเส้นทางด้านในจะกว้างขึ้นสามารถเดินได้ครับ ข้อมูลเผื่อทีมช่วยเหลือจะนำไปใช้ในการวางแผนได้นะครับ



สำหรับวิธีการช่วยเหลือ ต้องทำให้พื้นที่น้ำที่ท่วมเพดานถ้ำลดลงก่อน ด้วยลักษณะของถ้ำนางนอนหลวงลำธารที่เกิดขึ้นในถ้ำไม่ได้เกิดจากการไหลมาจากด้านนอก แต่เกิดจากฝนตกบนต้นน้ำและไหลซึมตามรอยแตกเข้ามา เวลาน้ำในถ้ำเริ่มขึ้นจะลงค่อนข้างยาก วิธีดีที่สุดจะต้องสูบน้ำออกให้มากกว่าปริมาณน้ำเข้า เราต้องคำนวนปริมาณน้ำที่ไหลในลำธารในถ้ำว่ามีปริมาณกี่ ลบม.ต่อวินาที และระดมเครื่องสูบน้ำให้ปริมาณ

น้ำสูบออกมากกว่าปริมาณน้ำธรรมชาติ พื้นที่ส่วนเพดานถ้ำที่จมอยู่ถึงจะลด แต่ต้องไม่มีปริมาณฝนตกบนภูเขามาเพิ่มปริมาณน้ำในถ้ำอีก ดังนั้นต้องรีบสูบน้ำออกในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ช่วยเหลือ อย่าสูบน้ำออกโดยไม่มีหลักการครับ เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมันกลายเป็นเวลาที่สูญเปล่า ตอนนี้ประมาณ 36 ชม.หลังคนเข้าไปติดค้างอยู่ด้านใน เขายังรอดชีวิตและรอการช่วยเหลืออยู่ครับ

ไม่รู้ว่าข้อมูลของผมจะถึงมือผู้บัญชาการเหตุการณ์ไม๊ ได้แต่ภาวนาให้นำไปใช้ในการช่วยเหลือครับ”

ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1257304

 

13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง แม่ร่ำไห้ภาวนา หวังลูกปลอดภัย ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทาง

เจ้าหน้าที่เร่งระดมช่วยนักบอลเด็กเชียงราย 13 ชีวิตรวมโค้ช ติดในถ้ำวนอุทยานถ้ำหลวงฯ อ.แม่สาย ข้ามวันยังไม่รู้ชะตากรรมหวังยังรอดชีวิตหลังพบรอยเท้าตะกุยขึ้นไปบนเนินห่างจากจุดน้ำท่วมสูง ระบุในถ้ำมีธารน้ำไหล ทั้งเป็นช่วงฝนตก คาดเจอน้ำหลากท่วมฉับพลันขวางจนกลับออกมาไม่ได้ เร่งช่วยเหลือทั้งคืนทั้งวัน

ทีมประดาน้ำกู้ภัยร่วมเพราะระดับน้ำเพิ่มขึ้นไหลแรงและเย็นมาก ทั้งการติดต่อประสานยากลำบาก เพราะถ้ำลึกและกำแพงหินมีความหนามาก เผยทั้งหมดเข้าไปเที่ยวหลังซ้อมเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่าย ตกเย็นผู้ปกครองติดต่อลูกหลานไม่ได้ แจ้งค้นหา จนท.เดินลึกถึง 3 ก.ม.ไม่พบตัว


ติดถ้ำ – นักฟุตบอลเยาวชน 12 คนและโค้ชอีก 1 คน ติดอยู่ภายในถ้ำวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย นานข้ามวัน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยระดมเข้าค้นหาช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.

ขณะที่ผู้ปกครองเด็ก เป็นลมไปหลายรอบ โดยแม่นักบอลเด็ก ถึงกับร่ำไห้ หลังเข้าสู่วันที่ 3 ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือเด็กนักฟุตบอลและโค้ชรวม 13 ชีวิต ที่อยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เผยว่า แม่ยังมีความหวัง ว่าลูกจะปลอดภัย ขอดลบันดาล เจ้าป่าเจ้าเขา ขอให้เปิดทางให้ด้วย ลูกหนูทำผิดไปแล้ว แม่เป็นห่วง จนเป็นลม คิดว่าตอนนี้ ลูกอาจจะนั่งกอดกันอยู่ ยังมีความหวังว่าลูกจะปลอดภัย





ส่วนแม่อีกคน บอกว่า ห่วงลูกไม่ได้กินอะไรหลายวัน แต่เชื่อว่า ลูกเป็นนักฟุตบอล ต้องแข็งแรง ต้องอดทน ตอนนี้ได้แต่ภาวนา ให้ลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย

โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา หน่วยซีล ของกองทัพเรือ สำรวจสภาพเส้นทางภายในถ้ำหลวง เพื่อวางแผนการค้นหา ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีเส้นทางยาวกว่า 10 กม. เจ้าหน้าที่เชื่อทั้ง 13 คน น่าจะติดอยู่บริเวณโถงกลาง ห่างจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 3 กม. ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำไหลผ่านในถ้ำ แต่น้ำที่ขึ้นสูง เต็มไปด้วยซอกหินและมีดินโคลนลงมาปิดทับทางเข้า ทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้



(ค้นหาข้ามวันข้ามคืน ยังไม่เจอ 13 ชีวิต นักเตะ-โค้ช เปิดไลฟ์สดก่อนหายยกทีมถ้ำหลวง(คลิป))

cr.สำนักข่าวไทย

ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1258547

 

ผบ.มทบ.37 ยันยังไม่พบ 13 ชีวิตในถ้ำหลวงฯ วอนคนไม่เกี่ยวออกนอกพื้นที่ งดจุดธุปเทียน ระบุควันเข้าถ้ำทำออกซิเจนลด เร่งดำน้ำเอาโคลนออกเพื่อเปิดปากถ้ำ ส่ง จนท.บางส่วนอุดช่องกันน้ำเติมในถ้ำ


เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) กล่าวถึงความคืบหน้าการค้นหา ทีมฟุตบอลเยาวชนพร้อมโค้ช รวม 13 คน ที่หายเข้าไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทั้งหมดเดินเข้าไปลึก ประกอบกับเกิดฝนตกทำให้น้ำท่วมปิดทางเข้าออก ช่วงแรกเจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดทีมประดาน้ำของกู้ภัยเข้าไปค้นหา แต่ไม่ชำนาญและมีน้ำขุ่น จึงให้ทีมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือซีล เข้ามาเสริม

ขณะนี้มีการตั้งกองอำนวยการร่วม มีทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการทำงาน ประกอบด้วย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย( กกล รส.) จ.เชียงราย กกล.รส.มทบ 37 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย และมูลนิธิหน่วยกู้ภัยต่างๆ ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าเด็กๆ รู้วิธีเอาตัวรอดจากน้ำท่วมได้ เพราะมีบางคนเคยเข้าไปเที่ยวในถ้ำแล้ว และมีประสบการณ์เอาตัวรอดจากน้ำท่วม ซึ่งถ้ำหลวงฯ มีความยาว 7 กิโลเมตร ภายในมีเนินคล้ายสันดอนที่สูงกว่าระดับน้ำในถ้ำ

• อ่านข่าว : ‘หน่วยซีล’ลุยถ้ำหลวงหา13นักเตะ-โค้ชสูญหาย พบรอยบนผนังถ้ำ ชาวเน็ตชี้เบาะแส
• อ่านข่าว : ‘กลาโหม’ เร่ง ‘หน่วยซีล’ ตาม13นักเตะ-โค้ช หายถ้ำหลวง เผยทั้งหมดอาจยังอยู่! (คลิป)
• อ่านข่าว : หน่วยซีล บุกถึงจุดที่ไม่เคยมีใครไปถึง ข่าวดีพบเบาะแสเพิ่ม เร่งหาอย่างมีความหวัง
• อ่านข่าว : สัญญาณที่ดี หน่วยซีลนำออกซิเจนพกพาเข้าถ้ำหลวง ลุ้นช่วย 13 ชีวิต

“ขณะนี้ยังไม่พบทั้ง 13 คน แต่ขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง และขอให้คำมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายจะพยายามค้นหาเด็กๆ และโค้ชให้เจอโดยเร็วที่สุด ตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามดำน้ำเอาดินโคลนออกเพื่อเปิดปากถ้ำให้กว้าง นอกจากนี้ยังส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งขึ้นไปบนภูเขา เพื่ออุดน้ำที่จะไหลมาเติมภายในถ้ำด้วย แต่ฝนยังตกต่อเนื่องบนเทือกเขารอยต่อระหว่างไทย-เมียนมา” ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 กล่าวว่า


ขอบคุณภาพจากไทพีบีเอส

“ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พยายามดูแลให้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกจากพื้นที่ปฏิบัติงาน และอยากขอความร่วมมืองดจุดธูปเทียนใกล้พื้นที่บริเวณปากถ้ำ เพราะจะทำให้ควันลอยเข้าไปในถ้ำ ส่งผลให้อากาศ หรือออกซิเจนในถ้ำน้อยลง อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้นำเครื่องเติมอากาศของปภ. เข้าไปในถ้ำ เพื่อเติมอากาศให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ภายใน และยังจัดตั้งหน่วยแพทย์ โดยความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลเชียงราย กับ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช นอกจากนี้ทางมทบ.37 ยังจัดชุดครัวสนาม สำหรับประกอบอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงวางระบบการสื่อสารทางทหาร เนื่องจากในพื้นที่ติดต่อลำบาก” พล.ต.บัญชา ผบ.มทบ.37 กล่าว


บรรยากาศบริเวณหน้าถ้ำมีประชาชนจำนวนมาก

ลำเลียงอาหารเข้าไปในถ้ำ

ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1259087

 

แม้ว่าหน่วยซีลจะหยุดการปฏิบัติหน้าที่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลากลางคืนค่อนข้างเป็นไปด้วยความลำบาก ล่าสุด ผู้ว่าฯเชียงราย เผย เตรียมนำเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าสูบน้ำออกจากถ้ำหลวง หลังจากหน่วยซีลไม่สามารถเข้าถึงตัวเด็ก และโค้ชได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงต่อเนื่อง


เตรียมสูบน้ำจากถ้ำช่วยนักฟุตบอลและโค้ช หลังน้ำท่วมสูงต่อเนื่อง

วันนี้(25 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การค้นหาและให้ความช่วยเหลือนักฟุตบอล และ โค้ชรวม 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนมาเป็นเวลากว่า 2 วัน

โดยแผนการสูบน้ำออกจากถ้ำได้เริ่มนำกลับมาพูดคุยอีกครั้ง หลังจากที่หน่วยซีลไม่สามารถเข้าถึงตัวเด็ก และโค้ชได้ เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูงขึ้นต่อเนื่อง จนล่าสุดปิดถ้ำบริเวณกิโลเมตรที่ 3 ไปแล้ว



ดังนั้น คืนนี้ทั้งหน่วยซีล-หน่วยกู้ภัย จึงได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่กลับไปพักผ่อนทั้งหมด เพื่อที่จะหาวิธีเพื่อสูบน้ำออก โดยใช้เครื่องสูบน้ำไฟฟ้า เพราะเครื่องสูบน้ำแบบน้ำมันไม่สามารถใช้ได้ เพราะจะทำให้อากาศด้านในถ้ำเป็นพิษ

แต่มีอุปสรรคว่า ถ้าหากจะสูบน้ำโดยใช้ไฟฟ้า ต้องเดินสายไฟเข้าไประยะทางอย่างน้อย 3 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้สายไฟที่ใหญ่และกันน้ำด้วย ในขณะที่ฝนยังตกหนักอย่างต่อเนื่อง เพิ่มปริมาณน้ำอยู่ตลอดเวลา



ล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า คืนนี้จะใช้เครื่องสูบน้ำไฟฟ้า 2 เครื่องสูบน้ำในถ้ำออก ขณะนี้รอการไฟฟ้านำสายไฟฟ้าแบบกันน้ำมาเพิ่มอีก 1 กิโลเมตร เพื่อติดตั้งระบบ คาดว่าจะถึงในอีก 1 ชั่วโมง และได้ประสานชลประทานจังหวัดเชียงรายปล่อย และสูบน้ำอ่างเก็บน้ำหนองน้ำพุ 2 อ่าง ที่อยู่ข้างล่างถ้ำ พื้นที่ 100 ไร่ ออกให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำในถ้ำไหลออกไป



ขอบคุณที่มา
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/83953

 

ปริมาณน้ำในถ้ำหลวงเพิ่มสูงขึ้น หน่วยซีลตัดสินใจส่ง 4 มนุษย์กบมือดีที่สุด มุดน้ำไปพร้อมสายโทรศัพท์สนาม เดินตามหาเด็กและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ทั้ง 13 คน ในช่วง 500 เมตรถึงโถงใหญ่…


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 มิ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นหานักฟุตบอลเยาวชน ทีม “หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย” ซึ่งหายตัวไปพร้อมกับโค้ช รวม 13 คน ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พื้นที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเกิดน้ำหลากจนน้ำปิดปากถ้ำ โดยเริ่มมาตั้งแต่หัวค่ำวานนี้ (23 มิ.ย.) จนถึงวันนี้ มนุษย์กบของกองทัพเรือพบร่องรอยของเด็กและโค้ชทั้ง 13 คน ทั้งรอยมือและเชือกสีฟ้าที่ตกอยู่ หลังจากเข้ามุดถ้ำสำรวจในช่วงเช้า



โดยมนุษย์กบ ซีล ทร.ไทย ได้ขุดตะกอนทรายที่ปิดทางถ้ำไปยังที่ดอนในถ้ำด้านซ้ายได้แล้ว โดยจากการเดินเท้าสำรวจลึกไป 1 กิโลเมตร พบว่า อากาศภายในถ้ำจุดนี้เบาบางมาก แม้จะตะโกนเรียกแล้ว ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงต้องมุดน้ำกลับออกมาก่อน เพราะเกรงว่าอากาศจะหมด ก่อนที่จะมาประชุมวางแผนใหม่

เบื้องต้นจากการประเมินล่าสุดคาดว่าเด็กๆ จะไปอยู่ตรงที่เรียกว่า พัทยาบีช ที่อยู่ห่างจากจุดที่ซีลเดินสำรวจประมาณ 500 เมตร ตรงนั้นมีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นเนินสูง และมีแอ่งน้ำลึกอยู่ที่ปลายทาง คาดว่านักเรียนและโค้ชทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่จุดนี้



ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 30 นาย นำกำลังไปสำรวจพื้นที่บริเวณภูเขาเป็นแหล่งที่น้ำไหลผ่านเข้าถ้ำ พร้อมนำดินและหินปิดช่องทางน้ำไหล 4 จุด ส่วนทหาร มทบ.37 รับหน้าที่ไปสำรวจปลายถ้ำเพื่อหาจุดเซาะร่องเพื่อให้น้ำในถ้ำไหลออกพร้อมเป่านกหวีดเป็นสัญญาณให้ความช่วยเหลือ

สำหรับแผนการสำรวจล่าสุด ซีล ทร.ไทยคัดเอามนุษย์กบจาก 18 คน เอามือดีที่สุด 4 นาย มุดถ้ำลงไปอีกรอบพร้อมทั้งเดินสายโทรศัพท์สนามเพื่อติดต่อสื่อสารกับภายนอก ส่วนอีก 14 นายจะรออยู่ที่สามแยกปากถ้ำ เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือต่อไป โดยสถานการณ์น้ำในถ้ำล่าสุด ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นจนอาจเป็นอุปสรรค โดยตรงสามแยกน้ำท่วมระยะทางยาวขึ้นจาก 15 เมตร เป็น 20 เมตร ความกว้าง 10 เมตร ลึก 5 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่เตรียมสูบน้ำระบายออกมา โดยนำเอาเครื่องสูบน้ำ 4 ตัว เข้าไประบายน้ำออกมาแล้ว ขณะที่หลังจากมนุษย์กบ 4 นายมุดน้ำไปพร้อมลากสายโทรศัพท์สนามเพื่อสื่อสาร ปรากฎว่า ใช้การไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับทีมด้านในได้เช่นกัน.



ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1317442

 

25 มิถุนายน 2561


8,106


“นักภูมิศาสตร์” เผย เคยสำรวจถ้ำหลวงนางนอนเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ช่วงเวลานี้น้ำท่วมทุกปี หากฝนตกน้ำในถ้ำบางช่วงจะท่วมมิดเพดาน เผยอาจมีโอกาสรอดถ้าอยู่โถงใหญ่

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. สมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า Anukoon Sorn-ek ซึ่งเป็นนักภูมิศาสตร์ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความระบุว่า จากประสบการณ์ที่เคยสำรวจถ้ำหลวงครั้งแรกเมื่อ 26 ปีที่แล้ว พบว่าถ้ำมีความลึกประมาณ 6 กิโลเมตร หลายส่วนของถ้ำมีเพดานต่ำ น้ำท่วมทุกปี และบางส่วนน้ำจะท่วมจนมิดเพดานระยะทางยาวเป็นร้อยเมตร พื้นที่บางส่วนของถ้ำ สามารถใช้เป็นทางลัดหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากเด็ก ๆ อยู่โถงด้านใน จะมีโอกาสรอดชีวิตเพราะมีที่สูงพอให้หลบน้ำท่วมได้ แต่หากอยู่ในพื้นที่ช่วงกลางถ้ำ จะไม่มีพื้นที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญสำหรับทีมค้นหาและช่วยเหลือเด็กสูญหายในถ้ำนะครับ ถ้ำนางนอนหลวงเป็นถ้ำที่มีทางเข้าออกทางเดียว ระบบระบายอากาศไม่ดี ถ้าจะใช้วิธีการสูบน้ำออกควรตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ด้านนอก ไม่งั้นปริมาณ Co2 ภายในถ้ำจะสูงขึ้นทำให้การช่วยเหลือทำได้ยากและมีความเสี่ยงมากขึ้นนะครับ ตำแหน่งที่คาดว่าเด็ก ๆ น่าจะอยู่ (ตำแหน่งวงกลมสีแดง) ลึกที่สุดบริเวณปลายสุดของ Show cave น่าจะประมาณไม่เกิน 1 กม.จากปากถ้ำ ถ้าเลยนี้ไป Section ด้านในที่เป็นเส้นทางเข้า Monk’s series เส้นทางแคบและซับซ้อนหาเจอยากมาก คิดว่าคนทั่วไปไม่น่าหาเส้นทางเข้าไปด้านในได้ครับ อีกอย่างในช่วงเวลานี้ ถ้าเด็ก ๆ ถอดรองเท้าและวางเป้ไว้ แสดงว่าพื้นถ้ำมีน้ำท่วมออกมาถึงด้านนอกแล้วแต่ยังไม่ลึกมาก นั่นหมายถึง Section ด้านในจะมีน้ำท่วมแล้ว มีโคลนมากเขาคงไม่เข้าไปลึกมากครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่าง ไฟฉายดับ หรือไฟฉายมีน้อยเลยหาทางออกจากถ้ำไม่ได้และระดับน้ำขึ้นซะก่อน ส่วนอันตรายที่สุดสำหรับทีมดำน้ำที่จะดำเข้าไปเป็น Section แรกที่ผมวงสีน้ำเงินเอาไว้ เนื่องจากเส้นทางเข้าแคบต้องมุดเข้าไปและน้ำจะอัดผ่านช่องนี้ออกมา อันตรายสำหรับทีมที่ดำน้ำขาออกแต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้วเส้นทางด้านในจะกว้างขึ้นสามารถเดินได้ครับ ข้อมูลเผื่อทีมช่วยเหลือจะนำไปใช้ในการวางแผนได้นะครับ



สำหรับวิธีการช่วยเหลือ ต้องทำให้พื้นที่น้ำที่ท่วมเพดานถ้ำลดลงก่อน ด้วยลักษณะของถ้ำนางนอนหลวงลำธารที่เกิดขึ้นในถ้ำไม่ได้เกิดจากการไหลมาจากด้านนอก แต่เกิดจากฝนตกบนต้นน้ำและไหลซึมตามรอยแตกเข้ามา เวลาน้ำในถ้ำเริ่มขึ้นจะลงค่อนข้างยาก วิธีดีที่สุดจะต้องสูบน้ำออกให้มากกว่าปริมาณน้ำเข้า เราต้องคำนวนปริมาณน้ำที่ไหลในลำธารในถ้ำว่ามีปริมาณกี่ ลบ.ม.ต่อวินาที และระดมเครื่องสูบน้ำให้ปริมาณ น้ำสูบออกมากกว่าปริมาณน้ำธรรมชาติ พื้นที่ส่วนเพดานถ้ำที่จมอยู่ถึงจะลด แต่ต้องไม่มีปริมาณฝนตกบนภูเขามาเพิ่มปริมาณน้ำในถ้ำอีก ดังนั้นต้องรีบสูบน้ำออกในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ช่วยเหลือ อย่าสูบน้ำออกโดยไม่มีหลักการครับ เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมันกลายเป็นเวลาที่สูญเปล่า ตอนนี้ประมาณ 36 ชม.หลังคนเข้าไปติดค้างอยู่ด้านใน เขายังรอดชีวิตและรอการช่วยเหลืออยู่ครับ ไม่รู้ว่าข้อมูลของผมจะถึงมือผู้บัญชาการเหตุการณ์ไม๊ ได้แต่ภาวนาให้นำไปใช้ในการช่วยเหลือครับ



ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Anukoon Sorn-ek ที่ระบุว่าเป็นนักภูมิศาสตร์ ยังเผยว่า ตอนนี้ข้อมูลของผมจะถึงมือผู้บัญชาการเหตุการณ์แล้วภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยครับ ขอบคุณ Martin Illis นักสำรวจถ้ำจากอังกฤษที่ส่งข้อมูลแผนที่ถ้ำมาใช้ในการค้นหา และ Vern Unsworth ผู้เชี่ยวชาญเส้นทางในถ้ำนางนอนหลวงที่พาทีมออกค้นหาผู้ติดอยู่ในถ้ำ



ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Anukoon Sorn-ek, สถานีตำรวจภูธร แม่สาย


ขอบคุณที่มา
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/805758

 

“ชัยพร ศิริไพบูลย์” ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำ นักธรณีวิทยา เผยโอกาสรอดของทีมฟุตบอลเด็ก-โค้ช13ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง จ.เชียงราย ชี้ในอดีตตนเคยเข้าไปสำรวจมาแล้ว


จากกรณีมีเด็กนักฟุตบอลและโค้ชผู้ฝึกสอน รวม 13 คน หายเข้าไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน วนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมานายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวงฯ สำนักงานพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 รับแจ้งมีผู้ที่พากันเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลายคน แล้วไม่กลับออกมา โดยพบรถจักรยานรองเท้าบริเวณทางเข้าถ้ำ

ล่าสุด วันนี้ (25 มิ.ย.) นายชัยพร ศิริไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำ นักธรณีวิทยา เคยปฏิบัติงานกรมทรัพยากรธรณี ได้ให้ข้อมูลว่า


13ชีวิต ทีมนักฟุตบอล ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ณ.ขณะนี้

ตนได้เคยขึ้นสำรวจถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน และพบว่า ทางกายภาพของถ้ำจะมีโถงพื้นต่ำ กับโถงพื้นสูงอยู่สลับกัน โดยจุดโถงพื้นทรายทาอยู่ด้ายซ้ายของปากถ้ำ ที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า ทั้ง 13 คน น่าจะอยู่จุดนั้น มีความสูงต่ำจากปากถ้ำ 6-8 เมตร ถ้าหากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอีก 1 เมตรจากฝนตกเมื่อคืน ทั้ง 13 คน ยังคงอยู่บนโถงเนินทรายได้ แต่ขณะเดียวกัน หากทั้ง 13 คนไม่ได้อยู่โถงเนินทรายนี้ ถัดโถงน้ำที่ท่วม ซึ่งเป็นจุดรอยต่อ ยาวประมาณ 800 เมตร เป็นโถงสูงเช่นกัน ซึ่งในช่วงน้ำท่วม ทั้ง 13 ชีวิต อาจปีนป่ายหนีน้ำไปอยู่ที่สูงได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ยังระบุอีกว่า ความสูงด้านในถ้ำมีระยะประมาณ 400-500 เมตร และด้วนเป็นถ้ำอายุหลายร้อยปี มีซากฟอสซิลที่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ ส่งผลให้อากาศออกซิเจนน้อย แต่กระแสน้ำที่ไหลผ่าน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซค์ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งวิธีการสูบน้ำทำได้ แต่ต้อง ติดตั้งหัวเครื่องจักรดีเซล เดินเครื่องอยู่ปากถ้ำ แล้วใช้วิธีต่อสายยางยาวเพื่อสูบน้ำ สามารถทำได้ แต่ห้ามติดตั้งหัวเครื่องจักรภายในถ้ำเด็ดขาด ไม่เช่นนั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง



ส่วนโอกาสรอดชีวิตของ 13คน ผู้เชี่ยวชาญมีความมั่นใจว่า หากทั้ง 13 คนอยู่บนโถงสูง เพื่อหนีน้ำ และหาอากาศหายใจ มีโอกาสรอดชีวิตสูง


บริเวณปากถ้ำหลวง จ.เชียงราย ขอขอบคุณภาพจากไทยพีบีเอส

แต่ถ้าหาก ไปหลบในโถงพื้นต่ำ ซึ่งในถ้ำมีโถงพื้นต่ำอีกหลายจุด ที่น้ำไม่ท่วม จะมีโอกาสเสี่ยงทั้ง 13คนสลบ จากการสูดคาร์บอนไดออกไซค์เข้าไปจำนวนมาก เพราะในถ้ำ คาร์บอนไดออกไซค์ จะลอยจากพื้นสูงระดับเข่าจนถึง2 เมตร ซึ่งแต่ละโถง คาร์บอนไดออกไซค์ลอยสูงไม่เท่ากัน แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า ตามสัญชาติญาณคนเพื่อเอาตัวรอด จะปีนหาที่สูง เพื่อหนีน้ำและหาอากาศหายใจ ส่วนตัวยังเชื่อว่า 13ชีวิต ยังปลอดภัยแต่อาจจะอ่อนเพลียเพราะขาดอาหาร

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เจี๊ยบ พรทิพย์ ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ทีวี

ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1259590

 

ขอให้ปลอดภัยครับ