เรื่องเด่น เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน เรื่องพระขทิรวนิยเรวตเถระ ผู้เห็นภัยในการครองเรือน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 7 กันยายน 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน เรื่องพระขทิรวนิยเรวตเถระ ผู้เห็นภัยในการครองเรือน

    1115-พลังจิต.jpg



    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเรวตเถระ ผู้อยู่ที่ป่าสะแก ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 98 นี้

    เรวตะเป็นน้องชายคนเล็กของพระสารีบุตรเถระพระอัครสาวกเบื้องขวา โดยเป็นน้องชายเพียงคนเดียวในบรรดาน้องชายและน้องสาวของพระสารีบุตร ที่ยังมิได้บรรพาอุปสมบทเป็นภิกษุหรือภิกษุณี บิดามารดาของเรวตะจึงต้องการให้เรวตะสืบสกุล เพราะเห็นว่า “อุปติสสะบุตรของเรา ละสมบัติประมาณเท่านี้บวชแล้ว ยังชักชวนน้องสาว 3 คน น้องชาย 2 คน ให้บวชด้วย เรวตะผู้เดียวเท่านั้นยังเหลืออยู่ ถ้าอุปติสสะจักชักชวนเรวตะให้บวชเสียแล้ว ทรัพย์ของเราประมาณเท่านี้ก็จักฉิบหาย วงศ์สกุลจักขาดศูนย์ เราจักผูกเรวตะไว้ ด้วยการอยู่ครองเรือน แต่ในกาลที่เขายังเป็นเด็กเถิด” เรวตะจึงถูกจับให้แต่งงานกับหญิงแรกรุ่นคนหนึ่งเมื่อตอนที่อายุเพียง ๗ ปี ในวันแต่งงานเรวตะได้พบหญิงชราอายุ 120 ปี มีความคิดว่า มนุษย์ทุกคนต้องชราภาพไปเช่นเดียวกันนี้ ดังนั้นเขาจึงเกิดความเบื่อหน่ายที่จะอยู่เป็นฆราวาส และหนีออกจากบ้านไปยังวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พำนักของภิกษุ 30 รูป ภิกษุเหล่านี้ได้รับการขอร้องจากพระสารีบุตรตั้งแต่แรกแล้วว่า ให้ทำการบรรพชาเรวตะเป็นสามเณรได้หากเรวตะมาขอร้อง ดังนั้นพระภิกษุเหล่านี้จึงได้บรรพชาเรวตะเป็นสามเณรและได้รายงานเรื่องนี้ให้พระสารีบุตรได้ทราบ

    สามเณรเรวตะครั้นบรรพชาแล้ว ก็เรียนกัมมัฏฐานจากภิกษุเหล่านั้น แล้วออกเดินทางไปอยู่ที่ป่าไม้สะแกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดออกไปไกลถึง 30 โยชน์ ในระหว่าง 3 เดือนภายในพรรษา สามเณรเรวตะก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล พระสารีบุตรเถระได้ทูลลาพระศาสดาจะไปเยี่ยมสามเณรเรวตะ แต่พระศาสดาตรัสว่าพระองค์จะเสด็จไปด้วย ดังนั้นพระศาสดาจึงได้เสด็จไปที่ป่าไม้สะแกนั้นพร้อมด้วยพระสารีบุตรเถระ พระสีวลีเถระ และพระภิกษุอื่นๆอีก 500 รูป

    การเดินทางครั้งนี้ต้องไปไกลมาก ถึง 30 โยชน์ และหนทางก็ทุรกันดารมากด้วย ซึ่งต้องผ่านที่ซึ่งไม่มีมนุษย์พำนักอาศัย แต่เหล่าเทวดาทั้งหลาย ที่ให้ความเคารพนับถือพระสีวลีเถระ ได้มาคอยถวายความดูแลแด่พระศาสดาและภิกษุทั้งหลายตลอดเส้นทาง และในระยะทางทุก 1 โยชน์นั้น พวกเทวดาได้มาเนรมิตกุฎีที่พักแรมและอาหารถวาย ตลอดเวลาที่เดินทางไปวันละ 1 โยชน์ เมื่อสามเณรเรวตะทราบว่าพระศาสดาและภิกษุเหล่านี้เดินทางมาก็ได้ตระเตรียมการต้อนรับ โดยการใช้อำนาจฤทธิ์เนรมิตวัดและกุฎีที่พักที่งดงามมากสำหรับเป็นที่ประทับของพระศาสดา และภิกษุ 500 รูป และได้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆถวายในช่วงที่ทรงประทับอยู่นั้น

    ในตอนเสด็จกลับ พระศาสดาได้ทรงเดินทางวันละ 1 โยชน์ และก็ได้รับการถวายการดูแลจากพวกเทวดา เช่นเดียวกับตอนขาไป ได้เสด็จกลับถึงวัดบุพพารามที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองสาวัตถีเมื่อตอนสิ้นเดือน เมื่อไปถึงกรุงสาวัตถีแล้วพวกภิกษุได้ไปฉันภัตตาหารที่บ้านนางวิสาขา หลังจากที่พระภิกษุฉันภัตตาหารแล้ว นางวิสาขาได้สอบถามถึงสภาพที่อยู่ของสามเณรเรวตะกับภิกษุทั้งหลาย ซึ่งภิกษุแต่ละกลุ่มให้คำตอบไม่เหมือนกัน เมื่อถึงตอนที่พระศาสดาเสด็จมาฉันภัตตาหารที่บ้าน นางวิสาขาก็ได้ทูลถามเพื่อหาข้อเท็จจริงจากพระศาสดา

    พระศาสดาจึงได้ตรัสตอบด้วย พระธรรมบท พระคาถาที่ 98 นี้ว่า

    คาเม วา ยทิวารญเญ
    นินฺเน วา ยทิวา ถเล
    ยตฺถารหนฺโต วิหรนฺติ
    ตํ ภูมิ รามเณยฺยกํฯ

    ไม่ว่าจะในบ้าน หรือในป่า
    ไม่ว่าที่ลุ่ม หรือที่ดอน
    พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ในที่ใด
    ที่นั้นเป็นที่น่ารื่นรมย์.


    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น

    21314366_485024888520629_1364316053356562651_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กันยายน 2017
  2. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,689
    ค่าพลัง:
    +5,779
    สาธุ อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...