เรื่องเด่น พระอรหันต์ที่เกิดจากสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีจำนวนเท่าไหร่ สายที่ไม่มีพระอรหันต์เลย ไปเรียนทำไม?

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 14 มีนาคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1489460826681.jpg

    การไปเรียนกับคนไม่รู้ ก็เหมือนกับคนตาบอดสอนคนตาบอด พวกที่ไม่รู้คือคนตาบอด ต้องไปเรียนกับคนที่รู้ สมัยนี้เราไม่รู้ว่าใครรู้หรือไม่รู้ ถ้าไปเจอคนป้อนอาหารผิด แทนที่จะเอาอาหารมาป้อน ดันเอายาพิษมาป้อน เบื้องต้นอย่างน้อยเราต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีปฏิบัติอย่างไร หลังจากนั้นเราค่อยไปเรียนกับผู้อื่น ผู้อื่นที่เราไปเรียนเราต้องศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติผู้สอนด้วยว่าเขาเรียนมาจากที่ไหน สถิติคือคนที่เรียนจบจากเขานี้มีกี่คน เหมือนกับสถาบันการศึกษา เราก็ต้องไปเลือกดูว่าสถาบันนี้เป็นอย่างไร มีคนเรียนจบกี่คน ได้ดิบได้ดีกันกี่คน

    นี่ก็พูดเปรียบเทียบให้ฟัง อย่างปัจจุบันนี้ที่เรารู้จักกันก็คือ สายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านก็มีสถิติให้เราวัดดูได้ พระอรหันต์ที่เกิดจากสายหลวงปู่มั่น มีจำนวนเท่าไหร่ การที่จะรู้ว่ามีพระอหันต์หรือไม่ ก็เวลาท่านตายไป กระดูกของท่านจะกลายเป็นพระธาตุ ถ้ากระดูกกลายเป็นพระธาตุก็แสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ก็ต้องไปเรียนกับสายที่มีพระอรหันต์เยอะๆ สายที่ไม่มีพระอรหันต์เลย ไปเรียนทำไม? แต่คนไม่รู้กัน คนไม่รู้จักเลือกโรงเรียน หรือถูกคนที่ไม่รู้ด้วยกันมาลากจูงไป ก็เลยไม่ได้ไปเรียนที่ถูกสถาบัน ถูกที่

    แล้วอีกอย่างบางคนก็ไม่อยากจะเรียน เพราะการเรียนแต่ละสถาบันของพระพุทธศาสนานี้ก็มีหลายระดับ ระดับอนุบาล ระดับประถม ระดับมัธยม ระดับอุดมศึกษา บางทีคนที่เขาไม่สนใจเรียนระดับอุดมศึกษาเขาก็ขอเอาแค่ระดับอนุบาล ก็แค่ทำบุญใส่บาตร ใส่บาตรที่ไหนเขาก็ได้บุญแล้ว เขาก็มีความสุขแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปเลือกมาก แต่คนที่ต้องการขั้นอุดมศึกษานี้ เขาจะเลือก เหมือนเราเลือกมหาวิทยาลัย เราก็ต้องไปศึกษาหาดูว่ามหาวิทยาลัยไหนผลิตบัณฑิตออกมา แล้วบัณฑิตที่จบมาไปทำงานทำการได้ดิบได้ดีมากน้อยเพียงไร

    นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราอยากเรียนระดับภาวนา ระดับมรรคผลนิพพานนี้ เราก็ต้องไปเรียนกับพระอริยะเจ้าทั้งหลาย พระสุปฏิปันโนทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระ ฆราวาสไม่ค่อยมี นี่ก็เป็นวิธีที่เราจะเลือกครูเลือกอาจารย์กัน..

    ..เราเองก็ได้ไปแสวงหาสถาบัน วัดป่าที่มีปฏิบัติอย่างเดียว สถานที่สงบ สงัด วิเวก ที่ท้าทายต่อการเจริญปัญญา ปัญญาก็คือไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ถ้าอยู่ในที่ปลอดภัยมันจะไม่เห็นไตรลักษณ์ มันต้องไปอยู่ในที่อันตรายมันถึงจะเห็นไตรลักษณ์ โอ้ร่างการไม่เที่ยงหน่อ มันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ใกล้กับสิงสาราสัตว์ต่างๆ มันต้องไปพิสูจน์ธรรม ว่าใช้ได้ผลมั๊ย ดับความทุกข์ได้มั๊ย ก็เลยต้องไปแสวงหาวัดป่า ครูบาอาจารย์องค์ไหนก็ได้ ขอให้ท่านสนับสนุนในเรื่องการปฏิบัติ ไม่มีการก่อสร้าง ไม่สร้างโบสถ์ ไม่สร้างถาวรวัตถุ ไม่สร้างอะไรต่างๆ ให้เน้นแต่การปฏิบัติภาวนาอย่างเดียว เราก็โชคดีได้ทราบว่าวัดป่าของหลวงตามหาบัว (วัดป่าบ้านตาด) เป็นวัดที่เน้นแต่การปฏิบัติภาวนา เราก็เลยขออนุญาตท่าน แล้วขึ้นไปอยู่ไปปฏิบัติที่นั่น

    พอได้ไปอยู่วัด เราก็ได้ยินได้ฟังคำสอนที่ละเอียดละออมากกว่าคำสอนที่ได้จากตำรา ท่านมีอุบายวิธีหลากหลายที่ไม่มีในตำรา พอได้จากครูบาอาจารย์ วิธีการทรมานกิเลสด้วยวิธีการต่างๆ นั่งนานๆ เดินนานๆ อดอาหาร มีความเคร่งครัดในธุดงควัตร ฉันมื้อเดียว ฉันในบาตร ไม่รับอาหารหลังจากกลับมาจากบิณฑบาตแล้ว อยู่ในป่า ถือผ้าบังสกุล เหล่านี้จะเสริมในการปฏิบัติภาวนา อันนี้ก็ได้รับประโยชน์จากการที่ได้ไปอยู่ไปศึกษาจากผู้สอนที่ท่านได้ปฏิบัติมาแล้ว มันก็ทำให้การปฏิบัตินี้คืบหน้า แล้วก็ไม่หลงทาง

    นี่คือลักษณะของการไปเรียนกับคนตาดี รู้หมด รู้ทุกอย่าง รู้วิธี รู้ทางที่จะไปถึงพระนิพพานจะไปอย่างไร แล้วอุปสรรคที่ขวางกั้นมีอะไรบ้าง ทุกขั้นมีอุปสรรคเหมือนมีอะไรมาหลอกมาล่อให้เราหลงได้ ขั้นสมาธิก็จะให้เราหลงติดอยู่กับสมาธิ ขั้นปัญญาก็จะให้เราหลงกับการพิจารณาเลยแบบไม่มีขอบไม่มีเขต พิจารณาทางด้านปัญญาจนฟุ้งซ่านขึ้นมา มันมีอะไรที่คนที่ไม่ปฏิบัติจะไม่รู้ ถ้าคนที่ปฏิบัติแล้วไปเจอปัญหาต่างๆเหล่านี้ ไปเล่าให้คนที่เขาผ่านมาแล้ว เขาจะรู้ แล้วก็จะชี้แนะวิธีแก้ได้อย่างง่ายดาย ว่าทำอย่างนี้สิ ทำอย่างนั้นสิ ก็จบแล้ว เพราะทำตามที่ท่านพูดใว้ก็สบาย ไม่ต้องมา งง ไก่ตาแตก ว่าเป็นอะไร อาจจะแก้ได้ แก้ไม่ได้ ก็อาจเสียเวลาไปนาน หรือแก้ไม่ได้ถ้าปัญญาตัวเองไม่แหลมคมพอ

    นี่คือประโยชน์จาการที่ได้เรียนจากคนที่ปฏิบัติจริงรู้จริงเห็นจริง เราก็ต้องศึกษาดู การที่เราจะรู้ว่าคนเหล่านี้รู้จริงเห็นจริงหรือไม่ เราก็ต้องศึกษามาส่วนหนึ่งก่อน ว่าเขาสอนตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนหรือเปล่า แล้วเราก็ต้องได้ปฏิบัติบ้าง พิสูจน์ว่าวิธีที่เขาสอนได้ผลหรือไม่ ถ้าเราไม่รู้อะไรเลยก็ต้องเชื่ออย่างเดียว ถ้าไปได้ครูผู้รู้จริงเห็นจริงก็โชคดีไป ถ้าไปได้ครูที่ไม่รู้จริงเห็นจริงก็ซวยไป

    พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
    ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
    วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
    วันที่ 6 กรกฎาคม 2559
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 10
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 3
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • เศร้า เศร้า x 1
    • ดูรายการ
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,242
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,108
    ค่าพลัง:
    +70,447
    คำพูดบางคำในกระทู้นี้ เมื่อนำไปพูดต่อๆไป เสี่ยงเหลือเกินที่จะก่อกรรมให้กับตนเองและฯลฯ เพราะ พระผู้ปฏิบัติดี มีในทุกสาย พิจารณา มหาพิจารณา และประสพการณ์ จะทำให้ทราบว่า ควรจะวางตัวอย่างไร
     
  3. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ผู้สงสัยควรอ่านเรื่องพระโปฐิละจาก อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มรรควรรคที่ ๒๐
     
  4. นักบุญภาคอีสาน

    นักบุญภาคอีสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2008
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +334
    ผมเห็นด้วยกับท่านเจ้าของความคิดเห็นนี้ในเรื่อง พระผู้ปฎิบัติดี มีในทุกสายครับ และไม่แยกด้วยว่า พระ หรือ ฆราวาส เพราะพุทธศาสนามีในทุกแบบ ทั้งมหาญาณ หินญาณ แม้แต่ ไทย พม่า หรือ ลาว พระในต่างประเทศหลายๆที่ แนวการปฎิบัติธรรมเนียมก็ต่างกันออกไป(ตามภูมิวัฒนธรรม) แต่ก็ปรากฎคุณธรรมในพระหรือฆราวาส ในหลายๆที่เช่นเดียวกัน

    แต่ถ้าตัววัดภูมิธรรมเน่นเรื่องพระธาตุ ในต่างแดน ต่างนิกายก็มีปรากฎพระธาตุ ของทั้งพระ และ ฆราวาส ให้เห็นอยู่มาก(จากที่ไปพบมา) ส่วนเรื่องสายนั้น สายนี้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องความคิดที่คับแคบ หรือ เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เทศหรือผู้พูดเท่านั้น ที่เอาทัศนะยึดความเป็นคตินิยมส่วนตัว มาวัดขอบเขตของการปฎิบัติ จำกัดเฉพาะสาย ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าไม่มีสาย

    อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในจุดนี้ครับ
     
  5. ดอกพุดซ้อน

    ดอกพุดซ้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +54
    ท่านอาจารย์ก็เทียบทางสถิติให้แล้วในเรื่องปริมาณและจำนวน มีทุกสายก็เอาปริมาณและจำนวนมาเทียบเอาความคิดความรู้สึกมาเทียบก็มโนฟุ้งไปอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ตีขลุม ให้คุ้มคลั่งไป
     
  6. sazukia007

    sazukia007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +711
    คนดีมีเยอะคับ บางทีท่านถูกธรรมแต่ไม่ถูกใจเราก็จะตีว่าไม่ดีได้เหรอ ชื่อว่าการปฏิบัติดีทั้งนั้น คนที่ทำเท่านั้นถึงรู้ว่าดี

    เพราะคนเรามีความคิดเอนเอียงได้ง่ายต้องพิจารณาเอา ปฏิบัติสายใหนก็ดีเพราะทางไปมีหลายทางเลือกที่เราชอบ และมีทุนพอ
     
  7. นาธิยะ

    นาธิยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +56
    ตอนปี2525ผมได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่องที่ จ.เชียงใหม่ตอนนั้นเรียนจบพอดีและชอบไปกราบไหว้พระสายป่า และชอบพูดติดปากว่า"สายหลวงปู่มั่นๆ"จนไปพูดต่อหน้าหลวงปู่สิม โดยพูดกับเพื่อนต่อหน้าท่าน ท่านตำหนิว่า"ไม่ควรพูด เพราะถ้าหลวงปู่มั่นท่านได้ยิน ท่านจะดุเอา" ท่านเมตตาสอนว่าพระไม่มีสาย และหลวงปู่มั่นก็ไม่นิยมให้เรียก
    หลวงปู่มั่นบอกหลวงปู่สิมว่า ท่านบวชมา 2 ครั้งสมัยก่อนต้องบวชกับพระเจ้าคณะ ภาคอีสานส่วนใหญ่พระปกครองจะเป็นธรรมยุติท่านจึงได้บวชธรรมยุติ แต่ถ้าตอนนั้นได้บวชมหานิกาย ท่านบอกว่าท่านก็จะไม่เปลี่ยน ซึ่งตอนหลังหลวงปู่สิม ท่านบอกผมว่า"พอหลังๆหลวงปู่มั่นก็ไม่ให้ศิษย์ที่มาปฎิบัติกับท่านเปลี่ยนนิกายอีก บวชนิกายไหนก็อยู่ปฎิบัติได้ เช่น หลวงพ่อชา เป็นต้น"
     

แชร์หน้านี้

Loading...