ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ที่จริงก็พยายามไล่อ่านกลับไปอยู่
    แต่ถามเพิ่ม ให้แน่ใจดีกว่า เพราะมีระดับของภาษาเพื่อแยกความชัดเจนของรายละเอียดในคำนั้นๆ ค่อนข้างมาก

    +++ ผมพยายาม "ใช้ภาษาให้ตรงกับอาการ ที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด" ดังนั้น การใช้ภาษาของผม จะเป็นการ "ชี้ตรง ๆ" ไปที่ แหล่ง หรือ อาการ ที่เกิดของมัน

    กายทิพย์ คือ

    +++ กายทุกชนิด "ที่ไม่ใช่กายหยาบ" และยังมีสภาพเป็น "ขันธ์ หรือ ธาตุ" ดำรงค์อยู่

    ... กายเวทนา ต่างจากกายจิต(รูปละเอียด) ขนาดไหน

    +++ กายเวทนาเป็น "นามกาย" ส่วนกายจิตเป็น "รูปกายละเอียด" ตรงนี้ ระบุภาษาในหมวด มหาสติปัฏฐาน 4 โดยมี

    +++ กายเนื้อ = กายานุปัสสนา = รูปกายหยาบ
    +++ กายเวทนา = เวทนานุปัสสนา = นามกายหยาบ
    +++ กายจิต = จิตตานุปัสสนา = รูปกายละเอียด
    +++ กายธรรมารมณ์ = ธรรมานุปัสสนา = นามกายละเอียด

    +++ หากผู้ใดฝึก มหาสติโดยมี กายหนึ่งใดเป็น "วิหารธรรม" ได้ ก็จะรู้จัก "กายในกาย" ที่นอนเนื่องทับซ้อนอยู่ด้วยกัน จากนั้นจึงเลือกที่จะฝึก กายหนึ่งใดเป็น "เครื่องอยู่" ก็จะรู้จัก "กายและคุณสมบัติของกายนั้น ๆ" ซึ่งมีความสัมพันธ์ไปกับ "กฏแห่งกรรม และ กฏเกณฑ์ของภพภูมิต่าง ๆ"

    กายจิตมีแต่ตัวรู้หรือ..? ใช่พวกตาทิพย์ไหม..? กายจิตเดินทางโดยมีรูปไหม..?

    +++ ในกระทู้นี้ กายจิตคือกายจิต เป็นทั้งกายที่อยู่ในสภาวะทิพย์ ไม่ได้มีแต่ลูกกะตา (แต่ไม่มีสติรู้ตัว) ที่เห็นเท่านั้น แต่มี มือทิพย์ เท้าทิพย์ อาหารทิพย์ เครื่องแต่งกายทิพย์ (ลิเก สไบ งิ้ว สูทเนคไท้ ต่าง ๆ) สรุปคือ "เป็นทั้งตัวเหมือน โลกหยาบ" นั่นแหละ แต่ไปมาด้วยจิต มีการทำงานเหมือน ผู้วิเศษ เนรมิตได้ตามปรารถนา ไปมาและอยู่ในธาตุต่าง ๆ ได้ทั้ง ดินน้ำลมไฟ "อยู่ในที่นี้คือ อยู่ ข้างใน หรือจะเรียกว่า สิงอยู่ข้างใน ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือจะเรียกว่า เอา ดินน้ำลมไฟ เป็นกาย ก็ได้" แล้วแต่การใช้ภาษา ตามสดวก

    +++ กายจิต เป็น "อจินไตย" ของผู้ที่ไม่รู้จัก และจะอธิบายให้จบสิ้นไม่ได้ เพราะความเป็น "รูป" สามารถแปรปรวนไปได้ไม่รู้จบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผสมผสานกับ สัญญาจิต + สังขารจิต เข้าด้วยกันแล้ว มันสามารถแปรปรวนไปได้ตลอดเวลา ยาวนานนับ อสงไขย

    +++ ตัวรู้ หรือ ผู้รู้ ในกระทู้นี้ คือ "ตัวดู" เพราะอาการของมัน เป็นอาการที่ "ดูที่ไหน เห็นที่นั่น แต่คิดว่ารู้" อยู่ตลอดเวลา บางครั้งผมเรียกมันว่า "ตัวรู้มากยากนาน" และตัวนี้แหละที่ หลวงตามหาบัว กล่าวไว้ว่า "พบจุดหย่อมแห่งผู้รู้ที่ไหน ก็ให้รู้ไว้ว่า ชาติภพอยู่ที่นั่น" และตัวนี้แหละที่เป็น "ตัวกูของกู" และเป็น "อัตตาจิต" แต่สภาพจริง ๆ ของมันแล้วคือ มันเป็น "ธรรมารมณ์" ในยามที่ฝึก มหาสติปัฏฐาน โดยใช้กายนี้เป็นเครื่องอยู่ ก็จะเรียกมันว่า "กายธรรมารมณ์" แต่หากจะนับตาม ปฏิจจะสมุปบาท แล้ว ตัวนี้แหละคือตัว "อวิชชา" นั่นเอง

    เวลาฝันว่าได้คุยกับใครก็ไม่รู้โดยก็ไม่เห็นตัวเองด้วยไม่เห็นตัวเขาด้วยคือรู้ว่ามีใครคุยกับตัวเองอยู่แต่ตัวเองก็ไม่มีตัวกายคุยกับใครก็ไม่รู้.

    +++ ตรงนี้ ของประโยคนี้ เป็น "ตัวพูดมากของเรา คุยกับ ตัวพูดมากตัวอื่น" (วจีจิตตะสังขารขันธ์) เป็น "จิตสื่อสารทางเสียง" หากจะใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ก็คือ "มีแต่ ปากกับหู เท่านั้น" ที่เป็นทิพย์ ในขณะที่อย่างอื่นไม่ยอมเป็น ดังนั้น "ไม่ใช่ กายทิพย์ และ ตาทิพย์" คงถึง "บางอ้อ" กันตรงนี้แล้วนะว่า อาการอะไรคืออะไร

    แต่คุยกันในนิมิตหนึ่งที่กำลังฉายภาพให้ดู.. เช่นมีภาพขึ้นมา

    +++ ตาในสภาพทิพย์ เพิ่งจะโผล่มาตรงนี้เอง ก่อนหน้านั้นมีแต่ "ปาก กับ หู" ทิพย์ เท่านั้น

    เราถามเขาว่าคืออะไร เขาตอบว่าคืออะไร.. ในภาพนั้นๆ.. แบบนี้คือ... นิมิตที่เกี่ยวกับกายจิตไหม?..

    +++ ต้องรู้ก่อนว่า ในขณะนั้น "ตา หู จมูก ลิ้น กาย" มีครบอาการ 32 หรือไม่ ถ้าหากมีครบ นั่นคือ "กายทิพย์" หากมีไม่ครบตรงไหน ก็ให้ถือว่า "พิการ" ตรงนั้น โดยถือว่า "มีได้แค่ไหน ก็ ทิพย์ได้แค่นั้น" เท่านั้นเอง

    กายจิต(รูปละเอียด)รวมไปถึงอรูปด้วยไหม?

    +++ กายจิต เป็นได้แค่ กามาวจร กับ รูปาวจร เท่านั้น ไปไม่ถึง อรูปาวจร ยกเว้น อรูปพรหมบางท่าน ที่มีขีดความสามารถในการ "สร้างขันธ์" ได้เท่านั้น จึงจะ สร้างกายจิต มาให้เห็นได้

    ..กายธรรมารมณ์ คือ...? พวกอรูปหรือ.. อยู่กับธรรมมารมณ์คือ..?

    +++ นามกายละเอียด เป็น อรูปาวจร ตัวกายเป็น ธรรมารมณ์

    แล้วนามกายล่ะ..ความหมายขนาดไหน..?

    +++ กายเวทนา เป็นนามกายหยาบ อยู่ใกล้ชิดติดกับ ภูมิของโลกมนุษย์มากที่สุด
    +++ กายธรรมารมณ์ เป็นนามกายละเอียด อยู่ห่างจาก ภูมิของโลกมนุษย์มากที่สุด

    +++ ควรอ่าน "ทบทวนโพสท์นี้" สัก 2-3 รอบ ก็จะทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น ให้ถือว่า "หลัก ๆ ของการใช้ภาษาในกระทู้นี้" เป็นการใช้ภาษาในหมวด "มหาสติปัฏฐาน 4"
    +++ ยกเว้น ในส่วนภาษาของผู้ฝึกในทางขากลับ (สติระดับ 9) ก็จะใช้ภาษาในหมวด "มหาปัฏฐาน" (เหตุปัจจโย) ซึ่งจะต่างกันออกไป นะครับ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ฮื่อ.... ตรงนี้ผม please มาตั้งแต่เดือน มกราคม ปี 2013 แล้วนะครับ "จิตมารภาค 2" ลองกดย้อนกลับไปดูอีกที ก็จะชัดเจนขึ้นอีกมาก......

    http://palungjit.org/threads/เกิดอา...งสมาธิเป็นเพราะอะไร.345077/page-5#post7253363
     
  3. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    ค่ะคุณเมิล ความสนุกสนานกลับมาเหมือนเดิม ให้ลองสังเกตุดูดีๆนะ เมื่อก่อนเราสนุก แต่เราจะยังไม่รู้ว่าเราสนุก เพราะเรากำลังมัวสนุก พอหายจากอาการสนุกแล้วถึงรู้ว่าสนุก หลังจากฝึกสติแล้ว เวลาเราสนุก แต่มีสภาวะรู้ ก็เลยกลายเป็นว่า เวลาสนุก เรารู้ว่าสนุก แต่ที่กำลังสนุกอยู่น่ะไม่ใช่เรา งง ไหมคะ
     
  4. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679

    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ ที่อธิบายให้ความกระจ่าง ภาษาตรงกับอาการเป๊ะและชัดเจนมากค่ะ ตอนแรกที่เห็นตัวเองคุยสนุกสนานกับทุกคนได้ ก็ยัง งงๆ อยู่น่ะค่ะ เพราะปกติจะเป็นคนไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เลยเกิดความสับสนว่า ฝึกมาตั้งนานทำไมกลายเป็นคนแบบนี้ เห็นตัวเองคุยสนุกสนานหัวเราะกรั๊กๆ เห็นแล้วมันไม่ใช่เราเลยน่ะค่ะ เพราะเราจริงๆมันนิ่งเฉย ไม่นึก ไม่คิด ไม่ปรุงแต่ง ไม่รู้สึก ไม่พูดจาอะไร

    การที่ได้เห็นความชัดเจนของสองสิ่งนี้อยู่รวมกันแต่แยกกันอยู่ เลยทำให้เกิดความสับสน ความสับสนตรงนี้น่าจะเป็นอุปสรรคทำให้เดินจิตต่อไม่ได้ เพราะมัวแต่หยุดอยู่กับสับสน ก็เลยต้องวางการฝึกไว้ก่อน ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ทั้งสองสิ่งนี้มันอยู่รวมกันในตัวเราเพียงแต่แยกกันอยู่เท่านั้นเอง อืม เห็นตรงนี้แล้วทำให้นึกถึงประโยคหนึ่งที่ว่า " ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง " ไม่ทราบว่าตรงนี้เข้าใจถูกต้องไหมคะ
     
  5. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ชัดเจนมากคะ ตอนนั้นอ่านก็ไม่ได้ความเข้าใจเหมือนตอนนี้
    เมิลขอนำไปแปะไว้ใน facebook ของเมิลนะคะ ขอบคุณพี่มากคะ

    จำความฝันเมื่อคืนฝันได้ว่า กำลังถูกจับโยนลงมาจากที่สูง แต่ระลึกได้ว่านี่กำลังฝันอยู่ นี่ไม่ใช่เหตุการ์จริง เมิลก็เลยสลายตัวที่กำลังจะจับเมิลโยนลงมา ...

    แล้วก็ฝันต่อ 23 มาหรือเปล่าไม่รู้งวดนี้ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2014
  6. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เมิลเข้าใจคะ เมื่อก่อนเราเป็นส่วนหนึ่งรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เราย่อมไม่รู้อาการเหล่านี้
    ตอนนี้ทุกอย่างแยกส่วนกันอยู่ เราจึงรู้อยู่ ความชัดเจนของอาการต่าง ๆ มันชัดมาก จนเอ๊ะ ว่ามันใช่หรือนี่
    เพราะอาการเหล่านั้นอยู่กันคนละส่วน กับส่วนที่รับรู้ ไม่ได้มีอิทธิพลของสิ่งเหล่านั้นครอบงำมาถึงเลย
    อาการมันจะต่างกับสติทรงญาณ (สติระดับ 5) ตรงที่ตอนนั้นมันจะทึบ ๆ ความรุ้สึกเหมือนถูกกั้นอยู่
    ทำให้เข้าใจว่าใครต่อใครก็ติดอยู่ในนี้แหละ อาการตรงนั้นมันสบายก็จริง เพราะเหมือนมีความเป็นปึกแผ่นอยู่ อารมณ์ไม่เข้ามา
    แต่ตอนนี้ที่อยู่กับสภาวะรู้ มันจะแจ่มใสกว่า มันไม่ทึบ
    ชีวิต ณ ตอนนี้ มีทางเลือกละ สวยเลือกได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2014
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ขอบคุณมากจ๊ะ เข้าใจได้ในเจตนาการสื่อแต่ละระดับดีค่ะ :cool:
    เผื่อแวะมาอ่าน ก็จะทำความเข้าใจได้ง่ายในความหมายที่ต้องการสื่อสาร:cool:
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้แหละที่เรียกว่า "รู้ธรรมเฉพาะหน้า" และ ธรรมเฉพาะหน้านั้น คือ "สนุก" ก็เลยกลายเป็น "ตั้งกายตรง ดำรงค์สติมั่น (ปัฏฐาน) รู้สนุกเฉพาะหน้า" ตรงนี้เป็นเฉพาะของผู้ที่ฝึก "มหาปัฏฐาน" โดยการทำ อธิปติปจฺจโย (สภาวะรู้ ปักหลัก เป็นอธิบดี แห่งสภาวะธรรมทั้งมวล) ได้เท่านั้น และ ไม่มีกรรมฐานกองใดที่จะมาถึงตรงนี้ได้ ตรงนี้ผูกขาดด้วย "มหาปัฏฐาน" (เหตุปัจจโย) แต่เพียงอย่างเดียว

    +++ "มหาปัฏฐาน" เป็นคัมภีร์ที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ว่า จะสูญสิ้นเป็นคัมภีร์แรก เพราะเป็นคัมภีร์ที่ละเอียดลึกซึ้ง สุขุมคัมภีร์ภาพด้วยปัจจัยแห่งปรมัตถธรรม ธรรมในมหาปัฏฐานนี้ ถ้าจะนับรวมกันทั้งหมดก็มีจำนวนถึงหลายโกฏิ ตามหลักฐานกล่าวว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงพิจารณาพระอภิธรรม 7 คัมภีร์อยู่นั้น เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์ที่ 1 คือ ธัมมสังคณี จนถึงคัมภีร์ที่ 6 คือ ยมก มาตามลำดับมิได้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ต่อเมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์ที่ 7 คือ "ปัฏฐาน" จึงได้เกิดรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายถึง 6 สี (หรือที่เรียกว่า ฉัพพรรณรังสี)

    +++ อีกประการหนึ่ง คำว่า "พิจารณา" ในที่นี้คืออะไรกันแน่ คำว่า "พิจารณา" นี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก "การเดินจิตแต่เพียงอย่างเดียว" เท่านั้น ดังนั้นไม่ว่า ครูบาอาจารย์ใดก็ตาม หาก "ใช้ภาษาที่ไม่ตรงตามอาการที่สภาวะธรรมนั้น ๆ เกิดขึ้นแล้ว" ถือได้ว่าเป็นการ "ตัดมรรคตัดผล" แก่ศิษย์ของตนแบบตรง ๆ เลยทีเดียว

    +++ ส่วนคำว่า "เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์ที่ 7 คือ "ปัฏฐาน" จึงได้เกิดรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายถึง 6 สี (หรือที่เรียกว่า ฉัพพรรณรังสี)" นั้น หาก "เดินจิต" อยู่ใน "ปัฏฐาน" ตรงนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้ได้อย่างชัดเจนเองว่า "6 สี" นั้นเป็นแค่เพียง สีหลัก เท่านั้น สีย่อย ๆ ที่แตกชั้นซ้อนทับกันอยู่เป็นชั้น ๆ นั้น "นับไม่ถ้วน" และทั้งหมดขึ้นกับ สถานการณ์และสภาวะแวดล้อม "แห่งปัจจุบันขณะ" ในขณะนั้น ๆ ด้วย

    +++ "มหาปัฏฐาน เป็นคัมภีร์ที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้ว่า จะสูญสิ้นเป็นคัมภีร์แรก" ดังนั้น "ใครฝึกได้ ก็ให้รีบ ๆ ฝึกไว้ซะ" ก่อนที่จะไม่มีใครได้ฝึกอีกตลอดชั่วกาลนาน ส่วนผู้ที่ทำได้แล้ว ก็ให้ทำให้ขำนาญ ทำให้ละเอียด ก็จะชัดแจ้งได้ว่า "รังสี" แต่ละชั้นนั้นคืออะไร ตรงนี้มีแต่ผู้ที่ทำได้เท่านั้นจึงรู้ นะครับ
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ "ไม่สำรวม ไม่เป็นหัวตอ ไม่ใช่นักปฏิบัติ" ใช่หรือเปล่า หึ ๆ ๆ ๆ... "สูงสุด กลายเป็น สัตว์ประหลาด" หรือ "สูงสุด กลับสู่ สามัญ" อันไหนถูกต้อง ก็เลือกกันเอาเองก็แล้วกัน ง่ายดี แล้วอย่าลืมว่า "ผู้เบิกบาน" หายไปไหน

    +++ มันจะถูกต้องได้ก็ต่อเมื่อรู้ว่า "สภาวะรู้ ไม่ได้พูด ส่วน สภาวะพูด ไม่ได้รู้" (ไอ้ตัวพูดมาก) ตรงนี้แหละที่ map ตรง ๆ ไปที่ "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง" เท่านั้น
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ได้เลย ตามสะดวก

    +++ ทีหลัง เอามันมาทำกับข้าวไปเลย จบเรื่อง

    +++ ไม่มีอะไรไม่ถูกหรอก ถูกเสมอแน่นอน ระหว่าง "มันโดนเรากิน กับ เราโดนมันกิน " เพราะ "อาการกิน" มีอยู่แน่นอน 555.......
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการใดที่ยัง "มีสภาพของธาตุ" อาการนั้น "ไม่ใช่สภาวะรู้" ตรงนี้จะชัดเจนได้ก็ต่อเมื่อ "เห็นการกำเหนิดของธาตุได้เท่านั้น" และการเห็นตรงนี้ได้ ก็ต้อง "เห็นอณู" ก่อน นอกนั้น ไม่มีทาง

    +++ เลือกได้ แต่ไม่จำเป็นต้อง "แพง" นะ
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ OK ครับ
     
  13. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    คะพี่จะรีบฝึกคะ แล้วจะรู้ชัดในรังสีแต่ละชั้น - อันนี้ต้องเริ่มฝึกสังเกตจากตรงไหนบ้างคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2014
  14. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
     
  15. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ว่าจะเลิกถามล่ะ เพราะเกรงใจ
    แต่อีกสักหน่อยก็ดี
    ทำไมคนเรา ถึงฝันเห็นอนาคตได้(เอาแบบจริงนะ ไม่ใช่แนวจิตวิทยาผสมคาดเดาไปเรื่อย)
    บางครั้งทำไมเหมือนภาพอนาคตจริงๆ
    บางครั้งทำไมเป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ต้องตีความ..
    ทำไมถึงฝันว่าใครคิดกับเราอย่างไรได้ เจโตขั้นอ่อนๆ หรือแค่อุปาทาน
    กายฝัน ต่างจากกายเวทนาขนาดไหน
    ขอบคุณมากมายจ๊ะ(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2014
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จริง ๆ แล้ว ตรงนี้ "พ้นการสังเกตุไปแล้ว" เพราะการสังเกตุเป็นการทำงานของ "ตัวดู" ซึ่งกลายสภาพไปเป็น "กิริยาจิต" (เปลวเทียน) ไปเรียบร้อยแล้ว

    +++ เพียงแต่ ทำ "อธิปติปจฺจโย" ให้เป็นนิสัย จากนั้นก็จะละเอียดไปเรื่อย ๆ แล้วจึงจะเห็นการแตกตัว "เป็นชั้น ๆ" อยู่ถัดจากเปลวเทียนออกไปเรื่อย ๆ ตรงนี้ จะเข้าใจ (แบบทางโลก) ได้ก็ต่อเมื่อ ถอนจิตออกมาแล้วเท่านั้น เพราะในขณะที่ทำตรงนี้ (พิจารณา มหาปัฏฐาน) จะไม่มีการให้ความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ว่า "มีแต่ตัวพูดมาก" (ตัวปฏิสัมภิทาญาณ) เท่านั้น ที่ออกไปแปลความหมาย "เป็นล่าม" ทำหน้าที่แห่งความเข้าใจอยู่ข้างนอก อีกชั้นหนึ่ง นอกเปลวเทียน (มันเคยแยกตัวออกจากเมิลมาแล้ว ดังนั้นก็เข้าใจในวรรคนี้ได้ ไม่ยากนะ)
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ 555... เอิ๊ก ..... เมื่อฝึกแล้ว ย่อมกลับกลายมาเป็น คนธรรมดาตามธรรมชาติที่แท้จริง ดังนั้น "คนที่ยัง ไม่ธรรมดา" ย่อมมอง "คนธรรมดา" เป็น ติงต๊อง ก็ได้ เพราะ "ความธรรมดา ย่อมสวนทางกับ ความไม่ธรรมดา ของชาวโลก" นั่นแหละ แต่รวมความแล้ว "ใครอยู่ในทุกข์ และ ใครออกจากทุกข์" ตรงนี้แหละ ตือ เครื่องตัดสิน
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ แสดงว่ายังไม่ได้ "ตามไปดู" ในเรื่อง "จิตมารภาค 2" เพราะใน จิตมารภาค 2 ตรง "หมายเหตุ 3" ได้เฉลย ตอบคำถามเหล่านี้ไว้เกือบหมดแล้ว รวมทั้ง "รายละเอียด" ที่เป็นบ่อเกิดของ อาการที่ถามมาด้วย

    +++ ลอง "ตามไปดู" เรื่อง "จิตมารภาค 2" ก่อน รับรองได้ว่า "ได้คำตอบทั้งหมด ที่ถามมา" จากลิ้งค์นี้ นะครับ

    http://palungjit.org/threads/เกิดอา...งสมาธิเป็นเพราะอะไร.345077/page-5#post7253363
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ยกมาศึกษาร่วมกัน ขอบคุณจ๊ะ

    "จิตมาร" ภาคที่ 2
    โดยคุณธรรม-ชาติ

    --------------------------------------------------------------------------------

    การเกิดของจิต โดยใช้ภาษาตามอาการของจิต

    การเกิดของจิตเริ่มจาก

    1. ความไม่รู้การเกิดขึ้นแห่ง ปรากฏการณ์ ของ อารมณ์ (ธรรมารมณ์ ในมหาสติปัฏฐาน 4)(แดนเกิดของ ตัวดู)(อวิชชา)
    2. ธรรมารมณ์ จึงเริ่มเกิดการรวมตัว (การเริ่มต้นของสังขาร)(พลังจิตเริ่มก่อตัว)
    3. การรวมตัว กลายมาเป็น ตัวดู (การอุบัติของ วิญญาณขันธ์ที่ 5 อายตนะตัวที่ 6)(อัตตาจิต)(ตัวกู)(ผู้รู้)

    หมายเหตุ 1 ตัวดู เมื่อเกิดการจางคลาย มันจะกลายเป็น ธรรมารมณ์ ขนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องการรวมตัวและการกระจายพลังงาน อันมีผลกระทบต่อความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนา ตรงนี้คุณ จิตวิญญาณ เคยมีประสพการณ์มาแล้ว

    4. ตัวดู ดูได้ทั้ง นามและรูป (เช่น ดูวัตถุ ดูจิต ดูความรู้สึก เป็นต้น)(จิตกระพริบทุกครั้งที่ตัวดูทำงาน เรียกว่า กิริยาจิต ภายใน)
    5. นามรูป สามารถจำแนกการรับรู้ออกมาได้ 6 ช่องทาง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
    6. การรับรู้ทั้ง 6 ช่องทาง จะเกิดการกระทบ (อาการ วูป หรือ แว็ป ที่รับมาจาก ภายนอก)
    7. การกระทบ วูปแว็ป จากภายนอก ก่อให้เกิดความรู้สึก (รู้ เข้าใจ เกลียด กลัว สุข ทุกข์ สื่อสาร เจโตปริยะญาณ)

    หมายเหตุ 2 ยามใดที่ การกระทบวูปแว็ปจากภายนอก หากไม่ละเอียดเพียงพอ หรือ ถูกตัวดูตรึงเอาไว้ ก็จะปรากฏเป็น ภาพหรือเสียง ซึ่งเป็นการสื่อสารด้วยการเห็นและได้ยิน ซึ่งหยาบกว่าการสื่อสารด้วยความเข้าใจ

    8. ความรู้สึก ก่อให้เกิด ความชอบไม่ชอบ (ตัณหา)
    9. ความชอบไม่ชอบ ก่อให้เกิด อาการติดใจ รวมถึงความตั้งใจ เรียกว่า อุปาทาน (นิสัยเริ่มต้นที่นี่)(การกำหนดภูมิ เริ่มต้นที่นี่)
    10. ติดใจที่ไหน ย่อมระลึก รวมทั้ง อฐิษฐาน ถึงที่นั่น เรียกว่า ภพ (เริ่มต้นที่นี่)(ความจำ คำอฐิษฐาน ระลึกชาติ วาสนาบารมี)
    11. ระลึกถึงที่ไหน ตัวดูย่อมไปที่นั่น ไปจุติที่นั่น (ชาติ ต่อไป)

    หลังจาก เกิด แล้วย่อมมี แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ สุข ต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของปัจจุบันขณะ ซึ่งต้องใช้ กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน เพื่อการเรียนรู้สภาพหลังการเกิด ส่วนการเรียนรู้ สภาพก่อนการเกิด ดังที่กล่าวมาแล้วข้างบนนั้น จากข้อ 8-11 มักจะอยู่ในขั้นตอนของการฝึก เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ส่วน 4-7 มักจะอยู่ในขั้นตอนของการฝึก จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน และจากข้อ 1-3 จะอยู่ในการฝึกของ ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน

    หมายเหตุ 3 ตาทิพย์ หูทิพย์ ที่เห็นอดีตอนาคต ล้วนเกิดจาก วาสนาบารมีเก่าที่จะต้องไปรับ รวมทั้งคำอฐิษฐานเก่า หรือ กรรมเก่าที่จะต้องไปชดใช้ ทั้งสิ้น ทั้งของตนเองและผู้อื่น ดังนั้นจะงดไว้เพราะมันยืดเยื้อเกินไป และเป็นเรื่องของวงจรอันเป็นสัมพันธภาพของ จิตรวมหมู่ (อิทับปัจจัยยตา ในระดับกลุ่มจิต) นะครับ
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ต้องยอมรับว่า วันนี้ไปสนุกอยู่กับกระทู้นึง พวกจิตสัมผัสอะไรนี่ล่ะ
    เพราะความฝันเมื่อสองคืนก่อน เป็นเชิงสัญลักษณ์เตือนล่วงหน้าแล้ว
    พอเมื่อวาน ตื่นมาก็งงๆ ว่าหมายถึงสิ่งใด.. พอเห็นกระทู้นั้น ก็เลยบางอ้อ..
    วันนี้ ก็เลยพลอยเล่นไป.. เพราะตัวจริงกวนทีนกว่าในฝันมากมาย..
    ไม่ดีเลยนะเนี่ยย.

    แต่เมื่อคืนก็ฝันนะ ดูต่อเนื่องกับคืนก่อนเทียว
    เพราะเหาะมาพร้อมกับผ้าผืนนึง พอคลี่ผ้าออกมา เป็นลายธงชาติไทย
    มาถึงบางอ้อ ตอนนี้อีกล่ะ..

    ที่ว่าเชิงสัญลักษณ์ เพราะในฝันจะเหาะจะลอยได้ ตลอด
    ไม่เห็นถอดกายทิพย์กะเขาได้จริงจัง สักที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...