ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เชื้อที่ทำให้คุณมีสิทธิ์สอบติดเป็นมารตนหนึ่ง !!!

    [​IMG]

    ถาม – กรรมอะไรทำให้เทวดาเป็นมาร สงสัยว่าทำไมขวางทางคนอื่นเป็นอาชีพแล้วยังได้เป็นเทวดาอยู่อีก?

    ตอบ - ข้อที่อยากให้ทุกท่านได้สังเกตก่อนอื่นใด ก็คือบุญนั้นไม่ได้พามาแต่ความรู้สึกด้านดีประการเดียว แต่มักพ่วงพาเอาความถือตัว เห็นตนเองวิเศษสูงส่งเหนือใครๆมาด้วย แล้วที่สุดก็ลงเอยด้วยความประมาท ฉันเป็นพระเอกแล้ว มีบุญกองภูเขาแล้ว ยิ่งใหญ่เหนือความผิดทั้งปวงแล้ว ดูเบาบาปผิดเล็กๆน้อยๆ สำคัญว่าไม่เป็นไร ทำไปไม่มีทางร่วงหล่นสู่นรกขุมไหนๆอีกแล้ว ลองถามตัวเองเถิด ถ้าหากทำบุญมากๆแบบครบวงจรแล้วความคิดข้างต้นแวบๆวาบๆขึ้นมาบ้างหรือเปล่า ถ้าเคยก็ขอให้สังวรระวังเถิด เพราะนี่แหละเชื้อที่ทำให้คุณมีสิทธิ์สอบติดเป็นมารตนหนึ่ง!

    ความประมาทนั้น เป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายที่ธรรมชาติจะดึงคนดีให้ตกต่ำ ยิ่งบุญมากขึ้นเท่าไหร่ เครื่องล่อให้ประมาทก็จะยิ่งใหญ่เป็นเงาตามตัวมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่แปลกถ้าใครรู้สึกว่าตนเองและพรรคพวกสูงส่งเหนือมนุษย์ ก็มีแนวโน้มจะดูถูกดูแคลนผู้คน อยากให้ใครๆตกอยู่ใต้อำนาจตน และไม่อยากให้ใครได้ดีเกินตน

    อันที่จริงอัตตามานะอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ใครเป็นมารขึ้นมาหรอก สิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งหรือเทวดาตนหนึ่งกลายเป็นมารอย่างสมบูรณ์แบบคือการตั้งความเชื่อไว้ผิด ชนิดที่นำไปสู่การก่อกรรมขัดขวางความเจริญ หรือห้ามความสำเร็จอันเป็นประโยชน์สุขของผู้อื่น

    นี่ไม่ใช่การตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกันในลักษณะฝ่ายค้านทางการเมือง เพราะฝ่ายค้านเป็นฝ่ายค้านก็เพราะเลือกตั้งแพ้ จึงต้องตั้งข้อแม้ต่างๆนานาให้ดูเป็นตรงข้ามกับรัฐบาลเข้าไว้ ใจจริงๆอาจมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือตัดคะแนนรัฐบาลแบบคู่แข่งชิงชัยกันเท่านั้น ไม่ได้มีใครถูกแท้หรือผิดถาวรแบบพระเอกกับผู้ร้ายเสมอไป วันดีคืนดีอาจส่งเสริมรัฐบาลได้ถ้าภาพลักษณ์ออกมาเป็นบวกแก่ตน

    สำหรับมารของจริงจะไม่เป็นฝ่ายค้าน แต่ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามในลักษณะผู้ก่อการร้ายอย่างโจ๋งครึ่มเลยทีเดียว คือทำทุกวิถีทางไม่จำกัดรูปแบบ ไม่ว่าบั่นทอนกำลังใจ ข่มขู่คุกคามขวัญ ดลใจให้อยากประพฤติผิด บังใจให้ลืมสิ่งที่ควรทำ ตลอดจนกระทั่งทำลายล้างกันตรงๆด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ขอเพียงขัดขวางไม่ให้ใครบรรลุเป้าหมายสูงสุดของศาสนาได้เป็นพอ ถ้ายังไม่คลุกวงในหรือคร่ำหวอดกับการศาสนาจริงจัง คุณจะยังไม่รู้จักหรือนึกไม่ถึงว่ามีรูปแบบการขัดขวางที่พิสดารได้ปานนั้น

    ถ้ายังแปลกใจว่าทำไมเทวดายังคิดพิเรนได้ ก็ขอให้พิจารณาจากความจริงบนโลกนี้ที่เห็นๆกัน เช่นแต่ละศาสนาจะมีคนดีๆที่ไม่เห็นด้วย อาจต่อต้าน หรือกระทั่งทำลายล้างกันอยู่จริง เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากเขาจะติดนิสัยเช่นนั้นไปยังภพอื่นภูมิอื่น ในมนุษยโลกมีพฤติกรรมแบบใดได้ บนเทวโลกและพรหมโลกก็มีพฤติกรรมแบบนั้นได้เช่นกัน เพราะมนุษย์ย่อมจากโลกนี้ไปสู่ภาวะที่สอดคล้องกับนิสัยเดิม ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก!

    ใครดื้อ ใครไร้เหตุผล ใครใช้อารมณ์จนขาดสามัญสำนึกไปตลอดชีวิต ก็ย่อมละโลกนี้เพื่อไปสู่ความเป็นเช่นนั้นอย่างยืดยาวหาที่จบยาก เนื่องจากภูมิมนุษย์นั้นธรรมชาติให้ไว้เป็นโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเอง จะกระทำตัวตนแบบหนึ่งๆให้เข้มข้นถึงที่สุดก็ได้ หรือปรับเปลี่ยนรื้อถอนตัวตนแบบหนึ่งๆด้วยการแลกชีวิตทั้งชีวิตก็ได้ ส่วนภพภูมิอื่นๆ โดยเฉพาะที่โตเลยโดยไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ผ่านการขัดเกลา ไม่มีตัวเลือกให้ตัดสินใจเป็นอื่นนั้น ย่อมปักใจอยู่กับสิ่งที่วิบากกรรมหยิบยื่นมาวางไว้ตรงหน้าอย่างเดียว เช่นถ้าเคยชินกับความเป็นผู้ขัดขวาง เขาย่อมไปสู่ความเป็นสหายในภพของผู้ขัดขวางตั้งแต่อุบัติจนถึงอายุขัย

    มาดูกันครับ ว่าเหตุใดมนุษย์ที่มีสามัญสำนึกติดตัวกันดีๆทุกคนจึงหลงผิดไปเป็นฝ่ายมาร ทั้งนี้ตกลงกันก่อนว่าเรากำลังคุยกันเกี่ยวกับมารของศาสนาพุทธอย่างเดียว มารของศาสนาอื่นไม่พูดถึง แต่โดยหลักการก็คล้ายคลึงกัน คือใครต่อต้านความเชื่อแบบใดก็เป็นมารประจำความเชื่อแบบนั้นๆ

    ๑) เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ผิด แต่ประพฤติถูกบางส่วน

    หมายถึงคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อในการใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร เลื่อมใสการเกื้อกูลสังคม หรือกระทั่งศรัทธาในสันติสุขและการมีเมตา ทว่าไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบาก ไม่เชื่อว่านิพพานมีจริง อาจจะเพราะได้รับการปลูกฝังให้เชื่อแบบนั้นมาแต่เล็ก หรืออาจจะเพราะโตแล้วคิดเอง คาดคะเนแล้วปักใจเข้าข้างตัวเองอย่างเหนียวแน่น แถมยังขยายความเห็นผิดของตนให้กว้างไกลออกไป ผ่านรูปแบบการถกเถียง ถากถาง กล่าวโจทก์โพนทะนาด้วยเจตนาให้คนทั้งโลกหมดความเชื่อถือ หรือกระทำพุทธศาสนาให้หมดความชอบธรรมที่จะตั้งอยู่ กรรมที่เผยแพร่ศาสนาตนด้วยวิธีย่ำยีศาสนาอื่นในวงกว้างนี้แหละตัวการสำคัญอันจะทำให้เป็นมาร

    ที่บุคคลประเภทนี้มีโอกาสไปสวรรค์ ก็เพราะความดีที่เขาทำได้น้ำหนักเกินความชั่วที่เขาก่อ แต่หากครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญได้น้ำหนักแค่พอดีกับบาป ตายแล้วจะไปเป็นอสูร ซึ่งจัดเป็นพวกครึ่งเปรตครึ่งเทพ คอยรบกวนทั้งมนุษย์และเทวดาที่ใฝ่ดีตามแนวทางของพระพุทธศาสนา อาจจะในรูปของการทำร้ายตรงไปตรงมา ดังเช่นเมื่อครั้งพุทธกาลมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เดินจงกรมอยู่กลางแจ้ง มารก็เข้าไปรบกวนท้องไส้ท่านให้รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆถ่วงอยู่ แต่ท่านรู้ทันด้วยญาณ จึงเกลี้ยกล่อมโดยเล่าให้ฟังว่าอดีตชาติท่านก็เคยประพฤติตนเป็นมารอย่างนี้แหละ แต่พอพ้นจากภพของมารก็ต้องลงไปเสวยมหันตทุกข์ หมกไหม้อยู่ในมหานรกนานแสนนาน ไม่คุ้มกันเลย (ตัวท่านเองในครั้งอดีตเป็นญาติเก่ากับมารที่มารบกวนท่านในชาติสุดท้ายเสียด้วยครับ ถึงมีสายสัมพันธ์ที่เปิดช่องให้มารบกวนกันได้)

    ๒) เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ถูกส่วนหนึ่ง แต่เห็นผิดอีกส่วนหนึ่ง

    หมายถึงกลุ่มคนที่ศรัทธาในกรรมวิบากระดับให้ทานและรักษาศีล เชื่อว่ากรรมมีผล เชื่อว่าทำดีย่อมมีสุคติเป็นที่หวัง แต่น่าเสียดายยังเห็นผิดเกี่ยวกับนิพพานและวิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงนิพพาน ลำพังความเห็นผิดเงียบๆอยู่คนเดียวก็ไม่กระไรนัก แต่หากเกิดเป็นขบวนการจัดตั้ง พยายามล้มล้างแนวความเห็นที่ถูกต้องเกี่ยวกับมรรคผลนิพพานดั้งเดิม อันนี้ก็ต้องกลายไปเป็นพลพรรคมารกันโดยไม่รู้ตัว

    อย่างไรก็ตาม พวกนี้จะเป็นมารแบบผู้ดีขึ้นมาหน่อย คือเวลารบกวนจะไม่มาในลักษณะการของทำร้ายกันดื้อๆ แต่จะมาในรูปของการดลใจในสมาธิ เช่นทำให้พระซึ่งมีบุญมากๆหลงเห็นนิมิตบางอย่าง ได้ยินเสียงบางอย่าง แล้วบังเกิดความเชื่อมั่นว่านั่นคือการบรรลุถึงมรรคถึงผล โดยมากเป็นดอกบัวบานหรือนิมิตพระพุทธรูปที่มีเสียงระฆังกังวานสดใส หรือคำรับรองว่าเช่นนี้เป็นมรรคผลที่ถูกต้องแล้ว

    นอกจากนั้น ปัจจุบันยังมีอรหันต์ดิบเกิดขึ้นเยอะ กล่าวคือปฏิบัติธรรมแล้วเกิดมหาอุเบกขา รับผัสสะกระทบแล้วเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สาทางกาม ก็เข้าใจว่าตนหมดกิเลส เป็นพระอรหันต์แล้ว ทั้งๆที่เป็นอำนาจสมาธิหรืออำนาจของศีล ๘ ที่แข็งแรงเท่านั้น อีกพวกหนึ่งเกิดปรากฏการณ์บางอย่างทางจิตครั้งเดียว เช่นเกิดความว่างหายเฉียบพลันซึ่งคล้ายคลึงกับปรากฏการณ์มรรคผลของจริง ก็พลัดหลงไปเข้าใจว่าตนเป็นพระอรหันต์ ทั้งที่กิเลสยังอยู่ครบ ยังโลภอยากสะสมสมบัติ ยังเกิดราคะอยากร่วมเพศ ยังเกิดโทสะหงุดหงิดรำคาญใจ และยังสำคัญตนไปต่างๆนานาว่ารู้เห็นเยี่ยงผู้วิเศษ ใครเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง จะฟังแต่ครูบาอาจารย์ที่ให้รางวัลเขา แต่งตั้งให้เขาเป็นพระอรหันต์เท่านั้น

    พวกนี้ไปเกิดเป็นเทวดาได้เพราะบุญซึ่งทำจริงๆตลอดชีวิต แต่พอเป็นเทวดาก็มักมีความพอใจประกาศตนว่าเป็นพระอรหันต์ มาสนทนากับมนุษย์ผู้มีญาณ หรือผ่านมนุษย์ผู้มีเป็นร่าง ก็จะต้องการให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนหมดกิเลสแล้ว บางครั้งก็มีวิธีบังคับ หรือวิธีสำแดงตนแปลกๆได้พิสดาร สุดที่มนุษย์ธรรมดาๆจะแข็งขืนไม่ยอมศิโรราบให้

    เทวดาพวกนี้จะบรรยายสภาพของนิพพานไปต่างๆนานาสารพัด โดยรวบรัดคือเป็นดินแดนอันสงบสุข หาความทุกข์มิได้ ซึ่งที่แท้ก็คือภพหนึ่งของเทวโลกหรือพรหมโลกเท่านั้น และจะปฏิเสธนิพพานแบบไร้นิมิต ไร้ที่ตั้ง เห็นเป็นของน่าเบื่อ ไม่มีตัวตนให้สนุกอีก โดยไม่เฉลียวคิดถึงแก่นสารที่แท้จริงว่าการไร้สภาพปรุงแต่งให้เกิดดับนั่นเอง คือบรมสุข คือความสงบอันเป็นที่สุดทุกข์

    ๓) เป็นมารเพราะตั้งความเชื่อไว้ถูก แต่ปรามาสผู้ทรงคุณ

    หมายถึงคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าใจ ‘ทฤษฎี’ ทางพุทธศาสนาถูกต้อง ทั้งในหลักกรรมวิบาก และในหลักวิธีพ้นทุกข์พ้นอุปาทานอย่างเด็ดขาด แต่พวกเขาเพียงทรงจำไว้ ไม่ปฏิบัติตนตามหลักการที่พระพุทธเจ้าสอนให้ตลอดสาย ผู้ใกล้ชิดจะรู้ดีและเห็นคาตาหลายครั้ง ว่ายังเป็นผู้ตระหนี่ มีอาการเล็งโลภ โกหกโดยปราศจากความละอาย ตลอดจนหลงตัวหลงตนเกินธรรมดา

    ยิ่งศึกษามาก ทรงจำมาก ก็ยิ่งเกิดความทะนงมาก กลายเป็นอยากเพิ่มอัตตาเยี่ยงผู้มีปัญญาคิดอ่านแตกฉานยิ่งๆขึ้นไป และอยากให้ใครๆมองว่าตนรอบรู้ทรงภูมิเป็นที่หนึ่ง ซึ่งพออัตตาใหญ่ ทางหลุดพ้นจากอุปาทานก็เล็กลง คิดถึงมรรคผลนิพพานแล้วท้อใจ คือไม่ใช่แค่เห็นว่ามรรคผลนิพพานเข้าถึงได้ยาก แต่เห็นว่าเป็นของเข้าถึงไม่ได้เลยในชีวิตของตน และเมื่อตนเข้าถึงไม่ได้ ก็แปลว่าคนอื่นทั้งโลกจะต้องไม่มีความสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน

    พวกที่เข้าข่ายจะต้องกลายเป็นมารเต็มขั้นนั้น ได้แก่ภิกษุซึ่งมีหน้าที่สอนธรรมะในชั้นเรียน เพราะภิกษุเป็นผู้ตกลงกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่ตอนบวชว่าจะเข้ามาทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง ถ้ามาประกาศเสียเองว่ามรรคผลนิพพานทำไม่ได้แล้ว ก็เท่ากับทรยศต่อพระพุทธเจ้า เท่าที่ทราบมา บางคนเป็นถึงเปรียญชั้นสูงๆ แต่เอ่ยกับปากว่ายุคนี้อย่าหวังฌาน อย่าหวังมรรคผล ขอให้บำเพ็ญบารมีเพื่อไปเอาดีในยุคพระศรีอารย์กัน นี่เป็นคำพูดที่สืบๆกันมา ตอนแรกเป็นคำพูดคนอื่น แต่พอพูดบ่อยๆก็กลายเป็นคำพูดและความฝังใจเชื่อของตนเองไป

    วิธีหว่านล้อมแบบมารซึ่งแยบยลที่สุด คือแฝงมาในรูปของคนที่ถูกต้องที่สุด คนรู้ดีที่สุด สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเขาหลงทางมีอย่างเดียว คือภาพรวมของเขาไม่สนับสนุน ไม่ให้กำลังใจใครได้ไปถึงนิพพาน ตรงข้ามกลับคะยั้นคะยอให้ใครๆเห็นมรรคผลนิพพานเป็นเรื่องยากเกินเอื้อม ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก บั่นทอนกำลังใจกันทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นตรงข้ามกันทุกอย่างกับลีลาของพระพุทธเจ้า

    พวกนี้บางทีเคารพพระพุทธเจ้า แต่บางยุคก็อยู่ในฐานะผู้รักษาสืบทอดพระธรรมวินัยเป็นตัวอักษร ทว่าพลาดไปร่วมขบวนการตัดต่อ เติมแต่ง กล่าวตู่พุทธพจน์ ทำให้คนหลงเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัส ทั้งที่ท่านไม่ได้ตรัส อันนั้นแหละการประพฤติเข้าสู่ความเป็นพลพรรคมาร อาจจะระดับเสนาธิการหรือระดับบริวารย่อยๆ ขึ้นอยู่กับบารมีในทางดีที่สั่งสมไว้

    สำหรับกรรมที่จะทำให้เป็นราชาแห่งมาร หรือที่เรียก ‘พญามาร’ นั้น โดยมากจะมีบารมียิ่งใหญ่เกินธรรมดา เช่นสามารถเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาหรือลัทธิความเชื่อดีๆ พาคนไปสวรรค์ได้ด้วยตนเอง แต่หลงผิด บิดเบือนพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า หรือกระทั่งพาคนหลงทาง เข้าใจว่านิพพานและหลักการเข้าถึงนิพพานในพระไตรปิฎกเป็นของปลอม วิธีที่ตนเพิ่งค้นพบด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะถูกต้อง พวกนี้อาจหลงผิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือหลงผิดเพราะอัตตามานะ อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (ซึ่งกรรมดีแต่หนหลังที่เคยช่วยมหาชนจำนวนมาก ก็ส่งแรงหนุนให้ได้สำเร็จใกล้เคียงกับที่ปรารถนาเสียด้วย)

    ไม่ว่าจะระดับราชา เสนาธิการ หรือบริวารแวดล้อม เมื่อตั้งความเห็นไว้เสียแล้วว่าตนถูกที่สุด คนที่เชื่อต่างจากตนจึงเป็นคนผิด ฉะนั้นแม้เมื่อพบผู้ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรง สามารถละกิเลสได้จริงๆ แทนที่จะชื่นชมยินดีมีมุทิตาจิตไปกับความผ่องใสของพวกท่าน ก็กลับจะขัดเคือง หมั่นไส้ไม่อยากเห็นฝ่ายตรงข้ามก้าวหน้าเกินตน ซึ่งก็จะนำไปสู่การจ้องจับผิด เห็นตนมีอภิสิทธิ์ในการไล่เบี้ยความรู้ผู้อื่น ผิดเล็กผิดน้อยเอามาด่าได้ราวกับเป็นอาชญากร หรือแม้เขาไม่มีความผิดเลย ก็พูดสันนิษฐานต่างๆนานา ชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อชี้นำคนอื่นให้เห็นว่าเขาผิดจนได้ สืบไปสืบมา ต้นตอที่แท้จริงคือเขาไม่ต้องการให้ใครเป็นฝ่ายถูก หากไม่ได้ยอมรับนับถือเขา หรือได้หลักความรู้ความเชื่อมาจากเขา

    ถึงขั้นหนึ่งพวกนี้อาจกล่าวเท็จได้โดยปราศจากความละอาย พูดธรรมะด้วยความนุ่มนวล แต่น้ำเสียงมีแรงอัดของโทสะเจืออยู่ เวลาระเบิดความโกรธออกมามีความกดดันสูง มีความรั้นชนิดหัวชนฝา เปลี่ยนจากมีเหตุผลที่สุดไปเป็นขาดเหตุผลอย่างที่สุด แม้แต่หน้าตาก็สลับจากสว่างใสไปเป็นหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็ว

    กล่าวมาทั้งหมดคงเห็นสรุปได้ประการหนึ่งคือ มารไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองเป็นมาร ตรงข้าม พวกเขาอาจนึกว่าตนเป็นฝ่ายพระเอกด้วยซ้ำ มีแต่ ‘กรรม’ ของเขาที่จะแสดงในตัวเองว่าเขาเป็นใคร อยากตั้งข้อสังเกตว่าพระพุทธเจ้าท่านยอมรับว่าเทวดาฝ่ายมารมีจริง แต่ท่านก็ตรัสถึงน้อยมาก และทุกที่ที่ตรัสถึง ก็จะแสดงให้เห็นว่าถ้ามนุษย์ยังมีสติสัมปชัญญะ ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้กันทุกคนครับ

    ดังตฤณ

    ที่มา www.dungtrin.com/prepare/archieve/prepare052.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2013
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความหมายของ"กรงเล็บทั้ง 7 ทั้งจิกทั้งขยุ้มทั้งวันทั้งคืน"

    [​IMG]

    "กรงเล็บทั้ง 7 ทั้งจิกทั้งขยุ้มทั้งวันทั้งคืน" หมายถึง มหันตภัยในปฏิบัติการชำระโลก อันเป็นภัยพิบัติที่เกิดจาก 7 ปัจจัยต่อไปนี้

    (1) ธรณีพิโรธ

    (2) มหาอุทกภัยแบบฉับพลัน เพราะฟ้าถล่มดินทลาย แกนโลกเอียงเสียศูนย์

    (3) มหาวาตภัย ระดับไต้ฝุ่น และทอร์นาโด

    (4) มหาอัคคีภัยประลัยกัลป์ (ภูเขาไฟระเบิด แล้วมีลูกไฟนรกจากลาวา ตกลงมาจากฟ้า ทำให้เกิดไฟไหม้บ้านเรือนและแนวป่าพร้อมกันทั่วโลก รวมทั้งอัคคีภัยที่เกิดจากฟ้าผ่า)

    (5) ควันพิษจากสารเคมี-เถ้าถ่าน-แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และภัยจากออกซิเจนเจือจางสุดๆ จนต้องแย่งกันหายใจ

    (6) ภัยจากอากาศหนาวเย็นสุดๆ จนโลกทั้งใบและทุกสรรพสิ่งแทบจะเป็นน้ำแข็ง

    (7) เทหวัตถุและอุกกาบาตจะพุ่งลงมาจากฟ้า ก่อคลื่นยักษ์สึนามิและทำให้โลกเสียการทรงตัว(แกว่ง)

    *****สิ่งเหล่านี้ คือ ภัย 7 สิ่งที่พวกเธอต้องเผชิญ*****

    (ป.วิสุทธิปัญญา)
    25-11-2011

    ที่มา www.facebook.com/Visudhipunya/posts/233404156725417
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ยอดพร้าว

    ยอดพร้าว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +92
    เหมือนวัดหนึ่ง ที่เป็นข่าวรึเปล่านะ [​IMG][​IMG]
     
  4. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    29 ก.ค. 56 ความเหมือน

    abyss1@gmail.com

    28/7/2556

    ถึง: twana@me.com, อิสรา แจ่มใส

    สค กย นี้หล่ะค่ะ น้ำมาหลายทิศเลย ส่วนเขื่อนยังไม่แน่ค่ะ เค้าให้ระวังเรื่องตายหมู่ด้วย เริ่มมาสักพักแล้ว เมืองนอกนี่เห็นชัดมากค่ะ

    Sent from my HTC

    ป้าไม่อยู่เสียหลายวัน ไปแอ่วเหนือมาจ้า พบแม่เฒ่าที่เชียงแสน เธอก็ว่าน้ำท่วมกรุงฯ แน่ แต่บอกว่า เขาไม่ให้พูดวันเวลา แต่เพื่อนที่อุดร บอกว่า ปลายสิงหาถึงกันยา มา แน่ มาแรงด้วย ป้าเองยังไม่มีสัญญานเรื่องนี้เลย คุณเค มีบ้างไหม

    คิดถึงเสมอ

    ป้าทวานา

    นี่คือความเหมือนของเดือน อย่างไรก็ดีขอให้เฝ้าดูถ้ามีข่าวออกถึงความรุนแรงขอให้หาทางป้องกัน หาทางหนีทีไล่และขยับขยายครอบครัวไปสู่ที่ปลอดภัย

    ขอบคุณทุกข่าวสาร

    เคอิสรา
     
  5. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    29 ก.ค. 56

    ภพภูมิ ภูมิโลก ตกศูนย์
    ต้องพยุง ดวงจิต ขึ้นสูง
    หรือชอบ ตามจิต ที่จูง
    ต่ำศูนย์ ขาดทุน บุญนำ

    เคอิสรา
     
  6. montep

    montep Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +64
    -ขอให้ความเห็น

    ผมว่าคุณK_97ก็ให้ความเห็นดีน่ะครับ ทำไมพวกคุณๆถึงพูดไม่ดีถึงคุณK_97มากมาย และยาวนานขนาดนั้น เหตุการณ์ทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนแปลงกันได้
     
  7. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    -- ไม่มีมารที่ถาวร --
     
  8. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    นี่แค่เริ่มต้นเหนือ เริ่มแล้ว มีดินสไลด์ อาคารเรียนราคา เป็นล้านๆ พัง แสดงว่าฝนหนักพอควร สังเกตุง่ายช่วงสิงหา/กันยา ถ้าฝนตกภาคเหนือมากๆน้ำท่วมไล่มาเป็น จว. ถึงพิษณุโลกแล้ว คนที่อยู่ภาคกลางเตรียมตัวไว้ได้ ไม่มีเหลือ และคลองระบายน้ำด้านตะวันตกกะด้านตะวันออกยังไม่ได้ขุดมัวแต่ทะเลาะกันเรื่องจะกู้เงินมาทำ ด้านตะวันออกขอให้ดูที่เขื่อนชายขอบเขาใหญ่ให้ดี เขตต่อเพชรบรูณ์เลยซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำป่าสักก็มีฝนตกมากพอควรในช่วงนี้ ถ้าช่วงสิงหากันยามีพายุเข้าตามคาดการณ์ของกรมอุตุฯ ก็คงน่าเตรียมการ ตอนนี้แค่หย่อมต่ำมาใกล้ประเทศไทย กับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังแค่นี้ อ่วมไปเยอะโดยเฉพาะด้านตะวันตก แถบ กทม.ด้านตะวันออก เริ่มสะสมน้ำไว้รอน้ำเหนือแล้ว
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ให้อ่าวพร้าวเกาะเสม็ดเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล

    [​IMG]

    ผู้ว่าฯระยองประกาศให้อ่าวพร้าวเกาะเสม็ดเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล หลังน้ำมันดิบกว่า 3 พันลิตรทะลักเกยชายหาด ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ พร้อมประกาศห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ สั่งระดมกำลังทหารช่วยขจัดคราบน้ำมันโดยด่วน

    เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงายว่า จากสถานการณ์ท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้วใต้ทะเล ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงสู่อ่าวไทยเกือบ 70 ตัน หรือประมาณ 70,000 ลิตร ห่างจากชายฝั่งท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 10 ไมล์ทะเล หรือ 18 กม. ส่งผลให้น้ำมันแพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีระยะทางยาว 1.5 ไมล์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุจนขณะนี้เวลาผ่านไป 48 ชั่วโมง กองทัพเรือและบริษัทผู้เกี่ยวข้อง ได้กู้วิกฤตนำเรือออกวางบูมปิดล้อมคราบน้ำมัน ไม่ให้ตีแผ่เป็นวงกว้าง พร้อมกับฉีดน้ำยาคุมเพื่อสลายคราบน้ำมัน จนขณะนี้พบน้ำมันดิบได้สลายตัวเหลือเพียง 5 % หรือประมาณ 3,500 ลิตร จากสถานการณ์ขณะนี้ มีคลื่นลมแรงยากต่อการควบคุม ทำให้น้ำมันเข้าเกยชายหาดเกาะเสม็ด จ.ระยอง เป็นที่เรียบร้อยตามคาดการณ์


    ล่าสุด เวลา 10.00 น.พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 ได้สั่งการให้ พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 และหัวหน้าฝ่ายอำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 และ น.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้อำนวยการ กองยุทธการ จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ ทำการบินสำรวจความเสียหาย การกระจายตัวของคาบน้ำมัน พร้อมส่งเรือหลวงแสมสาร เรือหลวงบางปะกง เรือตรวจการณ์ 82 และกำลังพล เข้าให้การช่วยเหลือในการควบคุม และสลายคราบน้ำมัน ส่วนบนชายฝั่งมี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และนายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 เข้าสำรวจภาคพื้นดิน และควบคุมการปฏิบัติ

    จากภาพสำรวจทางอากาศพบกลุ่มน้ำมันได้เคลื่อนตัวเข้าเกยชายหาดเกาะเสม็ด บริเวณอ่าวพร้าว และอ่าวขาม ม.4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง มีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร คราบน้ำมันมีความหนา 20 - 30 ซม.ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 เมตร มีลักษณะเป็นสีดำหนา ตีแผ่เป็นวงกว้างในลักษณะคล้ายฟิล์มบาง ๆ กำลังเคลื่อนตัวเข้าปิดล้อมตัวเกาะ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสกัดกั้นอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้คราบน้ำมัน เข้าไปกระทบสภาพแวดล้อมชายฝั่งของอ่าวอื่น ๆ

    ด้านนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ขณะนี้เกาะเสม็ดได้ประกาศบริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1 อบต.เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วัน ในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาด เบื้องต้น น้ำมันมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำจนกว่าเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนนักท่องเที่ยวได้ทะยอยกันเดินทางกลับบ้าน

    นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้บริษัทฯใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัด เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:49 น.

    เชียงรายวิกฤติ ดินภูเขาถล่ม 20 หมู่บ้านถูกตัดขาด

    [​IMG]

    เชียงรายวิกฤติฝนตกหนัก ทำให้ดินภูเขาถล่มลงมาปิดถนนในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ชาวไทยภูเขากว่า 20 หมู่บ้านต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทางอบต.ต้องเร่งนำเครื่องจักรไปเปิดเส้นทาง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดเวลา

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าว จ.เชียงราย รายงานสถานการณ์ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ว่า ได้เกิดน้ำท่วมขังในชุมชนเขตเทศบาลนครเชียงราย ถนนย่านเศรษฐกิจ มีน้ำท่วมขัง และไหลเข้าบ้าน ทำให้การจราจรติดขัด การขับขี่เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะผู้ปกครองและเด็กนักเรียนในชั่วโมงเร่งด่วน บางรายติดอยู่บนถนนกว่า 30 นาที เนื่องจากการระบายน้ำไม่ทัน บางแห่ระดับงน้ำสูงเกินกว่า 30 ซม. ส่งผลให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงราย ได้ออกเร่งทำการระบายน้ำ ด้วยการเดินเครื่องสูบน้ำออกนอกตัวเมืองเชียงรายตลอดเวลา เนื่องจากยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

    นายวรญาณ บุณราช นอภ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ได้เกิดเหตุการณ์ดินภูเขาบนยอดดอยสูง บนถนนสายบ้านแสนเมืองโก – บ้านเล่าลิ่ว เส้นทางเชื่อมติดต่อกันระหว่าง ต.เทอดไทย และ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีดินสไลด์ลงมาบนผิวถนน ทำให้ปิดทับเส้นทางการสัญจร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ชาวไทยภูเขากว่า 20 หมู่บ้าน ที่ต้องเดินทางมาเรียนหนังสือ รับราชการ ทำงาน และนำสินค้าเกษตรลงมายังพื้นที่ราบ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

    นายวรญาณ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ อบต.แม่สลองใน และ อบต.เทอดไทย ได้จัดหาเครื่องจักรกลเข้าเปิดหน้าดิน เพื่อกู้สภาพถนนให้ใช้การได้ แต่มีอุปสรรคที่ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินภูเขามีการสไลด์ตัวตลอดเวลา เสี่ยงต่อการลื่นไถลลงข้างทางที่เป็นหุบเหวลึก และยังมีรายงานตลอดว่า เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากจากยอดดอยสูงหลากมาตามพื้นที่ต่างๆ เข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บางหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ซึ่งก่อสร้างด้วยดินลูกรังแปรสภาพเป็นทะเลโคลน ไม่สามารถเดินทางด้วยรถทุกชนิด

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:23 น.

    หารือเตรียมซ่อมสะพานมอญสรุปขาด 100 เมตร

    [​IMG]

    เตรียมซ่อมแซมสะพานมอญแห่งสังขละบุรี หลังพบว่าเสียหายขาดประมาณ 100 เมตร ประสานวิศวกรตรวจสภาพและคำนวนค่าใช้จ่ายในการบูรณะ ด้านชาวบ้านและทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ช่วยกันรื้อซากไม้และสิ่งปฏิกูลที่ลอยมาติดไต้สะพานออกเพื่อลดแรงปะทะ

    ความคืบหน้ากรณีน้ำป่าไหลบ่าในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีและได้พัดพาสิ่งปฏิกูลพร้อมทั้งท่อนไม้ กิ่งไม้พร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยมกราดลงสู่แม่ซองกาเลีย ส่งผลให้สะพานมอญ ความยาวขนาด 800 เมตร พังยุบตัวลง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ความคืบหน้าในเรื่องนี้ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ก.ค. นายชาธิป รุจนเสรี นายอำเภอสังขละบุรี ได้เดินทางเข้าหารือกับเจ้าอาวาสวัดวังวิเวการาม โดยได้ข้อสรุปว่า จะให้วิศวกรเดินทางมาตรวจสอบ พร้อมทั้งคำนวณค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ในส่วนของสะพานที่พังเสียหายสำหรับความเสียหายของสะพานที่ได้ถูกน้ำพัดพังจาก 20 เมตร ขยายเป็นทางยาวประมาณ 100 เมตร โดยนายอำเภอสังขละบุรี ได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้านทั้งสองฝั่งรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ประมงอำเภอ อส. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี ให้ช่วยกันรื้อซากไม้สิ่งปฏิกูลที่ลอยมากกับน้ำที่มาติดกับตัวสะพานออกไป ทั้งนี้ เพื่อที่จะลดแรงปะทะที่เกิดกับตัวสะพานส่วนความความเสียหายที่เกิดขึ้น

    ขณะเดียวกัน นายภูวพล รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายก อบต.หนองลู พร้อมด้วยสมาชิก อบต. ได้เดินทางเข้าตรวจสอบความเสียหายพื้นที่ ปรากกว่ามีสะพานปูนบ้านห้วยกบ หมู่ที่ 4 ที่จะมุ่งไปสู่บ้านปะไลโหนก ได้ถูกน้ำป่าพัดพังลงมา ทำให้ถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้และเกิดดินสไลด์ในพื้นที่เดียวกันเป็นทางยาวกว่า 100 เมตรรวมทั้งสะพานชูแหละ หมู่ 5 บ้านเวียคาดี้สะพานถูกน้ำพัดขาด ชาวบ้านกว่า 25 หลังคาเรือน ไม่สามารถออกมาสู่โลกภายนอกได้

    ขณะเดียวกัน องค์การบริหารส่วนตำบลหนองลู ได้อพยพชาวบ้าน หมู่ที่ 4ประมาณ 20 ครัวเรือนมาอาศัยอยู่ที่วัดห้วยกบ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาตลอดโดยผลสรุปความเสียหายในเบื้องต้น เกิดความเสียหายใน 2ตำบล คือ ต.ไล่โว่ และ ต.หนองลู บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1,000 คน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 156,000บาท พร้อมทั้งได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อรับการช่วยเหลือต่อไป

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:47 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  10. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    30 ก.ค. 56

    นิมิต ติดเช้า เล่าเรื่อง
    ขับเครื่อง รถไฟ ไปไกล
    ได้เห็น ผู้คน มากมาย
    ร่วมไป ทั้งขบวน ชวนกัน

    ความหมาย ผู้คนจำนวนมากจะเดินทางไกล

    เคอิสรา
     
  11. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    30 ก.ค.56

    สองวันนี้ได้ทะยอยเก็บสินค้าที่วางกับพื้นให้สูงขึ้นห้าสิบเซนต์ เผื่อถ้ามีน้ำหลากลงมาและแผ่เข้ามาถึงหรือไหลมาตามท่อระบาย แทงขึ้นมาตามพื้นปูน ปีที่น้ำท่วมดอนเมืองก็เกิดลักษณะเช่นที่ว่า

    เมื่อคืนไปหาลูกสาวคนโต ถามถึงเรื่องประกันภัย(ได้ประกันต่อเป็นปีที่สอง) ปี54 ได้ค่าเสียหายมาหนึ่งแสน

    แฟนสาวของเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวดอนเมือง เมื่อวานได้มาซื้อสินค้าที่ร้าน ได้ถามถึงที่มาของข่าวน้ำจะหลากลงมา เขาบอกว่าศูนย์แจ้งข่าวเขาจะส่งข่าวให้ทราบกันทั่วประเทศ

    ทางศูนย์ดอนเมืองได้เตรียมเรือเครื่องสำรองไว้สองลำ ผมบอกพื้นที่ๆห่างแม่น้ำไม่น่าห่วง ควรห่วงพื้นที่ติดแม่น้ำ

    ร้านอาหารที่เปิดไว้ เขาบอกจะหารถแม็คโครมาโกยดินทำคันดิน

    เคอิสรา
     
  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    คนน่านวิตกหนัก ดินสไลด์ ถนนทรุดระนาว-เตือน 6 ชุมชนเมืองย้ายของด่วน

    [​IMG]
    สภาพถนนเส้นทาง 1148 ท่าวังผา จ.น่าน - เชียงคำ จ.พะเยา ถูกน้ำกัดเซาะถนนเสียหาย ผู้ใช้ถนนสายดังกล่าวต้องใช้ความระมัดวังเป็นพิเศษ

    น่าน - เทศบาลเมืองน่านส่งรถติดเครื่องขยายเสียงประกาศเตือนชาวบ้าน 6 ชุมชนริมน้ำน่านเก็บข้าวของขึ้นที่สูงด่วนเตรียมรับมือน้ำน่านทะลัก ขณะที่ชาวบ้านหลายพื้นที่วิตกหนัก หลังเกิดดินสไลด์-ถนนทรุดระนาว แขวงการทางฯ สั่งปิดทางขึ้นดอยภูคาชั่วคราวแล้ว

    วันนี้ (30 ก.ค.) นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีฯ ได้นำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงประกาศแจ้งเตือนประชาชนบ้านริมแม่น้ำ 6 ชุมชน ได้แก่ บ้านภูมินทร์, บ้านท่าลี่, บ้านพวงพะยอม, บ้านดอนศรีเสริม, บ้านพญาภู และบ้านสวนตาล ให้เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นที่สูง และติดตามฟังข่าวสารการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด

    พร้อมกับประสาน พล.ต.ชีวัน โหละบุตร ผบ.จังหวัดทหารบกน่าน นำกำลังทหารเข้าช่วยชาวบ้านขนย้ายข้าวของหนีน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 6 จุดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่จะไหลมาจากทางสายเหนือเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ

    นายกเทศมนตรีเมืองน่านกล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่จุดวิกฤตแล้ว น้ำได้ไหลเข้าจุดที่การสร้างพนังกั้นน้ำยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งมีหลายจุดที่จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วม แต่ก็ถือเป็นการทดสอบพนังกั้นน้ำที่กำลังสร้าง โดยเฉพาะจุดที่สร้างเสร็จตลอดริมน้ำน่านที่มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร และขอให้ประชาชนช่วยตรวจสอบบริเวณที่สร้างเสร็จแล้วจุดไหนที่ยังมีความบกพร่องน้ำยังสามารถเล็ดลอดเข้าได้เพื่อจะได้เข้าไปแก้ไข

    อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องยังทำให้เกิดดินสไลด์ ถนนทรุดหลายจุด โดยเฉพาะเส้นทางไปสู่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จนแขวงการทางน่านที่ 2 ต้องประกาศปิดเส้นทางชั่วคราว พร้อมกับนำเครื่องจักรเข้าซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนแล้ว

    นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า ถนนเส้นทาง 1148 ท่าวังผา จ.น่าน-เชียงคำ จ.พะเยา ถูกน้ำกัดเซาะถนนเสียหาย ผู้ใช้ถนนสายดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

    ขณะที่ชาวบ้านป่าเลา หมู่ที่ 6 ต.พระพุทธบาท อ.เชียงกลาง จ.น่าน กำลังหวาดวิตกกับสภาพดินที่ทรุดตัวกัดเซาะแนวตลิ่ง โดยเฉพาะที่บ้านนางจันทร์ดี นิลคง บ้านเลขที่ 153 หมู่ที่ 6 น้ำป่าจากลำห้วยหุยได้กัดเซาะจนทำให้ดิน-เสาบ้านทรุดลง หลังจากเล้าไก่ และคอกหมูที่อยู่ริมห้วยถูกน้ำพัดหายไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นผนังปูนบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้เกิดรอยร้าว จนเกรงจะไม่ปลอดภัยต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติใกล้เคียงแทน พร้อมๆ กับเร่งหาไม้ไผ่มาทำพนังกั้นตลิ่งริมลำห้วยหุย หวังช่วยต้านแรงน้ำระดับหนึ่ง

    ชาวบ้านบอกว่า การขุดลอกแม่น้ำน่านทำให้กระแสน้ำไหลเร็วจนเกิดการเซาะตลิ่งและเข้าท่วมบ้านเรือน ไร่นา วอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำ ซึ่งขอมาหลายปีก็ยังไม่ได้

    ด้านนายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ร่วมกับเทศบาลตำบลพระพุทธบาท อ.เชียงกลาง ได้เข้าสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือ เร่งจัดสรรงบประมาณมาช่วยซ่อมแซม

    ขณะที่เขตเมือง น้ำจากลำน้ำน่านเริ่มทะลักเข้าสู่ชุมชนที่อยู่ริมน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านพญาภูน้ำเอ่อล้นจากบริเวณที่การก่อสร้างพนังกั้นน้ำริมน้ำน่านยังไม่แล้วเสร็จเข้าสู่ย่านชุมชนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเทศบาลเมืองน่านได้นำกระสอบทรายไปอุดบริเวณดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่น้ำก็ยังทะลักเข้ามาเรื่อยๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2556
     
  13. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ผู้ว่าฯ อยุธยาสั่ง จนท.ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด หวั่นท่วมซ้ำ

    นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และสำนักโครงการชลประทานจังหวัดฯ ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ถึงแม้จะยังไม่มีผลกระทบกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ตาม
    ทั้งนี้ พบว่าวันนี้มวลน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์อยู่ที่ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอบางบาล ต่ำกว่าตลิ่ง 3.80 เมตร อำเภอบางไทร ต่ำกว่าตลิ่ง 3 เมตร ขณะที่เขื่อนพระรามหกยังไม่ปล่อยน้ำลงมายังแม่น้ำป่าสัก อย่างไรก็ตามไม่ได้นิ่งนอนใจต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
    ส่วนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัด นายวิทยา กล่าวว่า มีโครงการก่อสร้างและยกระดับถนนเป็นคันกั้นน้ำถนนสายบ้านเกาะ-สถานีรถไฟ และสาย อบต.บ้านเกาะ-อบต.หันตรา พร้อมเสริมแบริเออร์สูง 1 เมตร ระยะทาง 7.754 กิโลเมตร
    พร้อมกันนี้ จังหวัดยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ตำบลหันตรา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผู้ว่าฯประจวบเตรียมรับเสด็จในหลวง-ราชินี

    [​IMG]

    ประจวบคีรีขันธ์เตรียมความพร้อมรับเสด็จในหลวง-พระราชินี แปรพระราชฐาน ณ วังไกลกังวล หัวหิน ขณะที่ตำรวจเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 500 นาย ถวายความปลอดภัย

    วันนี้(29ก.ค.56)นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอำเภอหัวหิน เทศบาลเมืองหัวหิน ตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจทางหลวง แขวงการทางหัวหิน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่จะแปรพระราชฐานมาประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อย่างสมพระเกียรติ

    ขณะที่เทศบาลเมืองหัวหิน และแขวงการทางหัวหิน ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ การประดับธงชาติ และธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ทั้ง 2 พระองค์ บริเวณเกาะกลางถนน ตั้งแต่ท่าอากาศยานหัวหิน มาจนถึงบริเวณหน้าวังไกลกังวล หัวหิน รวมทั้งประดับไฟบริเวณหน้าวังไกลกังวล และบริเวณสวนไม้ดัดเกาะกลางถนน ทั้งที่เป็นรูปช้าง และกระต่าย เพื่อให้สมพระเกียรติ

    นอกจากนี้ เทศบาลเมืองหัวหิน จัดเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดชายหาดหัวหิน ตลอดจนพื้นที่โดยรอบเขตพระราชฐานวังไกลกังวล รวมทั้งโครงการพระราชดำริที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบของเทศบาลเมืองหัวหิน

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ แม้จะยังไม่มีหมายกำหนดการที่ชัดเจนแจ้งมา แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าวว่าทั้งสองพระองค์ จะเสด็จแปรพระราชฐานมา ณ วังไกลกังวล ต่างปิติยินดี เป็นอย่างยิ่ง ต่างเฝ้ารอการเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ วังไกลกังวล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

    ทางด้านพล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์) ได้เรียกประชุมตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมการด้านการถวายความปลอดภัย และการจัดการจราจรในเส้นทางขบวนเสด็จฯ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากพื้นที่ใกล้เคียงมาเสริมกับสถานีตำรวจภูธรหัวหิน อีกอย่างน้อย 200 นาย คาดว่าจะใช้กำลังพลเกือบ 500 นาย โดยเฉพาะในส่วนของการจัดการจราจร ได้วางแผนเรื่องจุดจอดรถของประชาชนที่รอเฝ้ารับเสด็จฯแล้ว อย่างน้อย 11 จุด ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอ

    สำนักข่าว TNN 29 ก.ค. 56, 11.42 น.

    ที่มา TNN24
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุหมุนถล่ม"ฉวาง"หลังคาบ้านปลิวว่อน

    [​IMG]

    ลมพายุหอบโครงหลังคาบ้าน-ร้านค้าอ.ฉวาง นครศรีฯ วอดหลายหลัง ไฟฟ้าดับระนาว

    เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 30 ก.ค. นายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุลมพายุหมุนพัดถล่มบ้านเรือนราฎรและร้านค้าได้รับความเสียหายจำนวนมากบริเวณริมถนนสายบ้านส้อง-ฉวาง หมู่ 2 ต.ห้วยปริก จึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ อปพร.และตำรวจ สภ.ฉวาง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร้านค้าริมถนนถูกลมพายุหมุนพัดถล่มจนโครงหลังคาเหล็กและแผ่นสังกะสีปลิวว่อนกระจายไปทั่วบริเวณ และยังพบแผ่นสังกะสีจำนวนมากถูกลมพายุหอบไปติดค้างบนเสาไฟฟ้าริมถนนจนเสาไฟฟ้าหักโค่น 1 ต้น อีกทั้งพบหลังคาบ้านพังเสียหายนับสิบหลัง ทำให้ไฟฟ้าในพื้นที่ ต.ห้วยปริกดับทั้งตำบล ใช้เวลานานกว่าชั่วโมง จึงจะจ่ายกระแสไฟให้ชาวบ้านได้

    น.ส.นิศากร มโยสงค์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 362 หมู่ 2 ต.ห้วยปริก เจ้าของร้านค้าที่เสียหายมากที่สุด กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุท้องฟ้ามืดครึ้มจากนั้นภายใน 5 นาทีก็เกิดลมพายุหมุนพัดถล่มอย่างแรงหอบเอาโครงหลังคาเหล็กลอยสูงขึ้นบนฟ้าอย่างน่าหวาดเสียวและแผ่นสังกะสีถูกพัดปลิวว่อนไปทั่ว ตนและคนงานในร้านต่างวิ่งหลบในที่ปลอดภัยจนพายุสงบลงก็พบร้านค้าถูกลมพายุพัดถล่มเสียหายจำนวนมากดังกล่าว โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:01 น.

    น้ำท่วมตายรัฐบาลเยียวยาศพละ 2.5 หมื่นเจ็บ 3 พัน

    [​IMG]

    ศูนย์เตือนภัยฯจับตา 25 ลุ่มน้ำเฝ้าระวังปัญหาน้ำท่วม ด้านรัฐบาลสั่งเยียวยาคนตาย ได้ 2.5 หมื่นเจ็บ 3 พัน

    เมื่อวันที่ 30 ก.ค ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ประกาศแจ้งเตือนว่าขณะนี้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีมรสุมลมฝนพัดผ่านโดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ,เชียงใหม่ ,เชียงราย ,พะเยา ,ตาก ,เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์ นอกจากนี้ให้ชาวชุมชนตามแนว 25 ลุ่มแม่น้ำเสี่ยงภัยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่ายังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่โดยเฉพาะใน 7 จังหวัดคือ ตาก น่าน สกลนคร กาญจนบุรี เชียงราย พะเยา และปราจีนบุรี โดยเฉพาะ จ.ตาก ระดับน้ำในแม่น้ำเมยยังน่าเป็นห่วงเพราะระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำล้นไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่เทศบาลนครแม่สอด 9 ตำบลจมน้ำทันที โดยเฉพาะบางพื้นที่ชุมชนบางแห่งระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร ดินสไลด์ลงมาทับขวางถนนหลายสาย

    นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีฯปภ. ระบุว่า ที่ จ.น่าน มีน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 4 อำเภอ 9 ตำบล ,จ.สกลนคร น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก 17 ตำบลใน อ.พังโคน ,บ้านม่วง และ อ.โพนนาแก้ว ,จ.เชียงราย น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.เทิง ,เวียงแก่น และ อ.เวียงเชียงรุ้ง ,จ.พะเยา น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน อ.เชียงคำ 6 ตำบล 62 หมู่บ้าน ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี น้ำป่าได้ซัดสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย (สะพานอุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญ) ขาดเป็นระยะทางยาว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ประกาศห้ามใช้สะพานแล้ว พร้อมกับเร่งซ่อมเป็นการด่วน โดยผู้ประสบภัยแจ้งสายด่วนนิรภัยมาได้ที่ 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการช่วยเหลือต่อไป

    ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานการประชุมครม.วันนี้ ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือและอีสาน ว่าขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบเรื่องนี้และห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย จึงสั่งการให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ตรวจราชการในแต่ละพื้นที่ เข้าไปดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิดและเร่งด่วน

    ส่วนกรณีโรงเรียนใน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานทรัพย์ในการก่อสร้างโรงเรียนนั้น กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติเงิน 5 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนขึ้นมาใหม่ ขณะนี้ทางวิศวกรกำลังอยู่ในขั้นตอนการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้าง โดยโรงเรียนนี้จะมีขนาด 9 ห้องเรียน และสามารถรองรับนักเรียนได้ 200-300 คน คาดว่าใช้เวลาสร้าง 6 เดือน

    รองโฆษกฯระบุอีกว่า ขณะที่การช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับประชาชนที่เสียชีวิต รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าทำศพรายละ 25,000 บาท ถ้าผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้เพิ่มอีก 25,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นเบื้องต้นรัฐบาลจะช่วยเหลือ 3,000 บาท สำหรับคนไร้ที่อยู่รัฐบาลได้จัดที่อยู่ชั่วคราวพร้อมอาหารให้ อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ไร้ที่อยู่อย่างถาวร มีแต่เฉพาะผู้อพยพชั่วคราวเท่านั้น

    สรุปความเสียหายน้ำท่วมภาพรวมดังนี้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมีทั้งสิ้น 7 จังหวัด 24 อำเภอ ได้แก่ จ.ตาก กาญจนบุรี น่าน เชียงราย พะเยา สกลนคร และ จ.ปราจีนบุรี โดยมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน 20,819 ครัวเรือน สำหรับความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างสาธารณประโยชน์ ขณะนี้ยังสำรวจไม่เสร็จสิ้นเพราะน้ำยังลดไม่หมด หากน้ำลดแล้วทางราชการจะเข้าสำรวจต่อไป ส่วนการช่วยเหลือการขนย้ายผู้หนีน้ำ กรมบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้าไปช่วยเหลือโดยส่งเรือท้องแบน 21 ลำ เครื่องสูบน้ำและเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้สาเหตุของน้ำท่วมเกิดขึ้นเพราะ 1.ฝนตกเกิน 100 มิลลิลิตรต่อวัน 2.ประชาชนตัดไม้ทำลายป่าทำให้ป่าไม่สามารถอุ้มน้ำได้ และ3.ประชาชนตั้งบ้านเรือนกีดขว้างทางน้ำไหล

    รองโฆษกฯ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าและการตั้งบ้านเรือนกีดขวางเส้นทางน้ำ นอกจากนี้จะทำให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลและมักใช้ประเด็นโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทมาเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อขัดขวางโครงการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลตระหนักถึงแผนบริหารจัดการน้ำดังกล่าว รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย และภาคส่วนร่วมมือร่วมใจป้องกันปัญหาล่วงหน้า

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2556 เวลา 22:31 น.

    พบปลาตายเกยตื้นหาดเสม็ด เร่งใช้สารเคมีกำจัดน้ำมัน

    [​IMG]

    พบปลาตายเกยตื้นจำนวนมาก ชายหาดอ่าวพร้าว คพ.ชี้พีทีทีฯ ขออนุมัติใช้สารกำจัดคราบน้ำมันแล้ว 3.2 หมื่นลิตร หวั่นใช้เกิน 48 ชม.อันตราย เตรียมวัดค่าสารก่อมะเร็งอ่าวพร้าวเกินมาตรฐาน รอสถานการณ์คลี่คลายสำรวจความเสียหายใต้ทะเล แนะหน่วยงานรัฐ -ชาวบ้าน-เอกชนรวบความเสียหายส่งกรมเจ้าท่าฟ้อง นักวิจัยขั้วโลกใต้หวั่นสัตว์ทะเลเป็นหมันจากคราบน้ำมัน

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ก.ค. มีรายงานความคืบหน้าการกำจัดคราบน้ำมันที่อ่าวพร้าว หมู่ 4 ต.เพ อ. เมือง จ. ระยอง ว่า เจ้าหน้าที่พบสัตว์ทะเล ตายเกยตื้นริมหาดแล้วจากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นปลาหางเหลืองและหอยขาวจำนวนมาก ตัวโตหนักเกือบกิโลกรัม ขณะผู้เกี่ยวข้องนำไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดแล้ว

    ด้านน.ส.พรศรี มิ่งขวัญ ผอ.ส่วนแหล่งน้ำทะเล สำนักจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า กรมฯได้รับประสานให้จัดทำแบบจำลองทางคณิตศาตร์ในเรื่องการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน ซึ่งเราก็คาดการณ์ถูกต้องว่าคราบน้ำมันจะเคลื่อนตัวไปยังเกาะเสม็ด โดยแจ้งเตือน 4 ครั้ง แต่คงเป็นเหตุสุดวิสัยที่บริษัทพีทีทีโกลบอลฯ ไม่สามารถจำกัดวงล้อมของคราบน้ำมันได้ เนื่องจากมีปัจจัยอื่นคือกระแสลมที่แรงมาก

    ทั้งนี้กรมฯเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการอนุมัติให้ใช้สารกำจัดคราบน้ำมัน เท่าที่ทราบตั้งแต่เกิดเหตุบริษัท พีทีที โกลบอลได้รายงานมาว่าใช้สารกำจัดคราบน้ำมันไปแล้ว 3.2 หมื่นลิตร โดยสารที่ใช้คือ Oil SILICON NSTYPE2/3 ซึ่งสารกำจัดคราบน้ำมันนั้นมีหลายชนิด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ลดสารที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมให้ต่ำลงแล้วและได้รับการยอมรับในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การใช้สารกำจัดคราบน้ำมันจะมีประสิทธิภาพในช่วงที่น้ำมันรั่วไหลออกมาจากแหล่งกำเนิดไม่เกิน 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นแล้วน้ำมันจะแปรสภาพ ไม่แนะนำให้ใช้สารกำจัดคราบน้ำมันต่อ และควรใช้สารหรือวิธีการอื่นในการกำจัด

    ด้านนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้สภาพของอ่าวพร้าว ของอุทยานเขาแหลมญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เหมือนกับทะเลโคลนทั้งหาด ระหว่างนี้มีหลายฝ่ายช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดอย่างเต็มที่ ทั้งการสูบ ดูด และการซับน้ำมันออก ทั้งจากน้ำทะเล ชายหาด พื้นทราย และก้อนหินออกมาให้เร็วที่สุด โดยพื้นทรายที่อ่าวพร้าวนั้น เป็นทรายแน่น ถูกน้ำมันเคลือบลงในพื้นทรายประมาณ 1 ซม. แต่หากมีคลื่นซัดน้ำที่ยังปนเปื้อนน้ำมันเข้ามา โอกาสที่ทรายจะถูกปนเปื้อนเพิ่มขึ้นก็มีอีก ดังนั้น ที่ต้องทำคือ จัดการกับน้ำมันในน้ำให้หมดไปก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดการกับทราย และก้อนหินที่เปื้อนคราบน้ำมัน โดยนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทส. กำชับให้เร่งจัดการขจัดคราบน้ำมันภายใน 15 วัน

    “สำหรับทรัพยากรใต้ทะเลที่จะต้องเสียหาย ได้คุยกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่องการลงไปสำรวจใต้ทะเลในพื้นที่ที่มีคราบน้ำมัน ขณะนี้ยังทำไม่ได้ เพราะคลื่นแรงสูงถึง 3 เมตร อีกทั้งคราบน้ำมันก็ยังหนาอยู่ ต้องรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้ก่อนถึงลงไปสำรวจได้ ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายนั้น เบื้องต้นกรมเจ้าท่าจะเป็นเจ้าภาพในการฟ้องร้อง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปสำรวจความเสียหาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่แต่ละหน่วยงานใช้ในการดำเนินงาน เช่น ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยง ส่วนภาคเอกชน และชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายก็ต้องรวบรวมข้อมูลให้กรมเจ้าท่า เพื่อฟ้องร้องต่อไป"นายวิเชียร กล่าว

    อธิบดี คพ. กล่าวอีกว่า น้ำมันดิบก็เหมือนน้ำมันทั่วไป ซึ่งมีสารอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น ไฮโดรคาร์บอน ที่เป็นสารก่อมะเร็ง เราจึงเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปฟื้นฟูอ่าวพร้าว ซึ่งขณะนี้มีกลิ่นเหม็นมาก โดยในวันที่ 31 ก.ค.นี้ คพ. จะนำเครื่องมือตรวจสอบว่าเกินมาตรฐานหรือไม่ และจะสามารถปฏิบัติงานได้กี่ชั่วโมงจึงจะไม่กระทบต่อสุขภาพ และเจ้าหน้าที่ต้องไม่สัมผัสกับน้ำมันโดยตรง นอกจากนี้ คพ. ได้ให้คำแนะนำทางวิชาการเกี่ยวกับน้ำมันที่สูบขึ้นมาว่าต้องกำจัดอย่างไรจึงจะถูกวิธี และไม่ให้ไปปนเปื้อนกับสิ่งแวดล้อมอย่างอื่นด้วย

    ด้านรศ.ดร.สุชนา ชวนิตย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิจัยหญิงคนแรกของไทยที่ไปทำวิจัยในดินแดนขั้วโลกใต้เมื่อปี 2552 กล่าวถึงกรณีการฟื้นฟูระบบนิเวศของทะเลที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ดว่า คราบน้ำมันติดบริเวณชายหาดบริเวณโขดหินต่างๆ เมื่อเกาะติดอยู่นานเข้าจะส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำประเภทหอยบริเวณโขดหินเป็นอันดับแรก ส่วนคุณภาพของน้ำเองหากภายใน 1 สัปดาห์ยังไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม สัตว์น้ำชนิดต่อมาคือปู ปลา กุ้ง จะได้รับผลกระทบเพราะขาดออกซิเจน ในส่วนปะการังที่ต้องการแสงในการเจริญเติบโตเมื่อน้ำมีสีดำก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

    ส่วนกรณีที่กังวลเรื่องสารเคมีในน้ำมันที่ ตกค้างในอาหารทะเลนั้น ดร.สุชนา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสารตกค้างในทะเลนั้นว่าอยู่ในระยะไหนถ้ามีคราบน้ำมันอยู่ในระยะผิวน้ำโอกาสที่จะไปตกค้างในห่วงโซ่อาหารที่เรากินอาจมีน้อย หากน้ำมันอยู่ใต้น้ำ โอกาสที่สัตว์เหล่านั้นจะสะสมคราบน้ำมันในตัวจะมีเยอะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ กรณีสะสมปริมาณมาก เมื่อรับประทานอาหารทะเลเหล่านั้นเข้าไปก็ได้รับสารเคมีที่อยู่ในน้ำมันด้วย แต่ทั้งนี้สารเคมีที่อยู่ในน้ำมันนั้นอันดับแรก จะส่งผลให้สัตว์ทะเลเจริญเติบโตช้าลง และเป็นหมัน ตัวอย่างเช่นปะการังแม้ไม่ตายลงจากคราบน้ำมันแต่อาจไม่สืบพันธุ์ ดังนั้นภายใต้มาตรการฟื้นฟูระบบนิเวศภายหลังการจัดการคราบน้ำมันแล้ว ต้องติดตามผลการฟื้นฟูในระยะยาว คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เพราะระบบนิเวศบางชนิดเติบโตช้า ยกตัวอย่าง ปะการังใน 1 ปีเติบโตแค่ 1 ซม.ดังนั้นการติดตามแค่ 1 ปีไม่เห็นผล ขณะที่ประเทศอื่นที่เคยเจอเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลใช้เวลาติดตามผล 2-3 ปีและถึง 5 ปีด้วยซ้ำ

    ส่วนที่มีการโพสต์ลงในโลกออนไลน์เพื่อขอรับบริจาคเส้นผมไปช่วยกำจัดคราบน้ำมันนั้น ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การใช้เส้นผม ดูดซับคราบน้ำมัน มีความเป็นไปได้ แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ดีนัก โดยเส้นผมที่รวมกันเป็นขยุ้ม และมีรูพรุน ทำให้มีพื้นผิวกว้าง และเส้นผมจะติดน้ำมันดีกว่าน้ำ จึงดูดน้ำมันได้ แต่เมื่อเทียบกับวัสดุอื่นที่ทำมาเพื่อการนี้ จะมีคุณสมบัติการดูดซับที่ดีกว่า

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2556 เวลา 14:28 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  16. คนลึกลับ

    คนลึกลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +216
    หลังวันที่ 10 สิงหาคม 2013 ในเดือนนี้จะมีสายน้ำไหลย้อน หรือพสุธาสะเทือนในไทย หลัง สิงหาเป้นต้นไป พิบัติภัยเริ้มบรรเลงเพลงพิน อุบัติภัย วาตภัย ธรณีพิโรจน์ สงคราม ภัยเศรษฐกิจจากนานๆประเทศทั่วโลกจะโหมโรง ปลายปีนี้น้ำใหญ่ในที่เก็บจะไหลกรุงเทพอ่วม ไล่ไปเรื่อย 2 ปี สงครามใหญ่บังเกิด เชิด กลองเริ่มรัว....... โหมโรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2013
  17. mzbot

    mzbot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2012
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +963

    กล้าระบุวันขนาดนี้ ระวังนะท่าน คนในห้องนี้หัวรุนแรงซะด้วย พลาดมางานเข้านะจ๊ะนายจ๋า
     
  18. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    นี่ยังไม่นับ "แก๊งค์ปาหิน" ด้วย นะท่าน

    ห้องนี้...เจ้าที่แรงจริง...ขอบอก [​IMG]
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เซี่ยงไฮ้ร้อนจัดในรอบ 140 ปี สังเวยแล้ว 10 ศพ

    [​IMG]

    นครเซี่ยงไฮ้ในจีนเผชิญคลื่นความร้อนสูงสุดในรอบ140ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ศพ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า นครเซี่ยงไฮ้เผชิญคลื่นความร้อนอย่างรุนแรง ด้วยอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นที่สุดในรอบไม่ต่ำกว่า 140 ปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ศพ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนตกอยู่ในการครอบคลุมของคลื่นความร้อน ทำให้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนออกมาเตือนเกี่ยวกับอุณหภูมิสูงถึง 41 องศาเซลเซียสในหลายมณฑลทางตะวันออกและทางตอนกลางของประเทศเมื่อวันพุธ

    นายเหล็ง กวงหมิง โฆษกศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ศพ แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ขณะที่ นักพยากรณ์อากาศในนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า อุณหภูมิกำลังสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจถึง 40 องศาเซลเซียสในจัตุรัสประชาชน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ความกดอากาศสูงค่อนข้างร้อน และการที่ไม่มีฝนตกลงมาเลย ทำให้เกิดคลื่นความร้อนมากเป็นประวัติการณ์

    ทั้งนี้ ประชาชนหลบร้อนด้วยการเข้าไปอยู่ในร้านค้าหรือสถานีรถไฟใต้ดินที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ หรือพยายามคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำในสระหรือแม่น้ำ ส่วนเมื่อวันอังคาร อุณหภูมิในนครเซี่ยงไฮ้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน แต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว อุณหภูมิในนครเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ 40.6 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่า 40.2 องศาเซลเซียสในปี 2477 และสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกเป็นสถิติเมื่อปี 2416

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 เวลา 13:10 น.

    เผยสงครามอัฟกันพลเรือนตายเพิ่มร้อยละ 23

    [​IMG]

    ประชาชนในอัฟกานิสถานเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของฝ่ายความมั่นคงอัฟกันในการดูแลคุ้มครองชีวิตพลเรือน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า การสูญเสียชีวิตของพลเรือนในสงครามอัฟกานิสถานได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 เนื่องจากกลุ่มตาลีบันโหมโจมตี และการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่างฝ่ายต่อต้านกับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล ตัวเลขดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นตรงกันข้ามกับปี 2555 ที่ลดลง ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า กองทัพอัฟกานิสถานจะสามารถคุ้มครองชีวิตพลเรือนได้หรือไม่ ขณะที่ กองกำลังทหารขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้นำโดยสหรัฐจะถอนตัวออกไปจากสงครามปราบตาลีบัน 12 ปีในอัฟกานิสถาน

    ยูเอ็นเอเอ็มเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนภารกิจของสหประชาชาติในอัฟกานิสถานระบุว่า ผลของสงครามระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 1,319 ศพ บาดเจ็บ 2,533 คน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 ยูเอ็นเอเอ็มเอแจ้งต่อไปว่า จำนวนพลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทั้งสิ้นร้อยละ 14 และตัวเลขผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็นทั้งสิ้นร้อยละ 28

    นอกจากนี้ การตายของพลเรือนร้อยละ 74 มีสาเหตุมาจากการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรง และร้อยละ 9 มาจากกองกำลังที่สนับสนุนรัฐบาลอัฟกัน แต่อีกร้อยละ12 เป็นผลมาจากการสู้รบทางภาคพื้นดินของสองฝ่าย

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 เวลา 14:42 น.

    ฮอนดูรัสประกาศภาวะฉุกเฉิน ไข้เลือดออกระบาด

    [​IMG]

    ไข้เลือดออกแพร่ระบาดอย่างหนักในฮอนดูรัส มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้ว 16 ราย ล้มป่วยมากกว่า 12,000 คน อาการหนักอาจถึงตายได้ 1,800 ราย ทางการฮอนดูรัสต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมให้คำมั่นเดินหน้ากำจัดยุง ตัวพาหะนำโรค

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเตกูซิกัลปา ประเทศฮอนดูรัส เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า รัฐบาลฮอนดูรัสประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากไข้เลือดออกระบาด ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 16 รายในปีนี้ และมีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกแล้วมากกว่า 12,000 ราย ซึ่งจะมีอาการไข้สูงและปวดเมื่อยร่วมด้วย เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กว่า 1,800 ราย อาการน่าเป็นห่วง เสี่ยงที่จะมีอาการเลือดออกภายใน และเสียชีวิตได้

    รัฐบาลให้คำมั่นว่า จะเดินหน้ากำจัดยุงลาย ที่เป็นพาหะแพร่เชื้อไข้เลือดออก ซัลวาดอร์ ปีเนดา รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า กว่าครึ่งหนึ่งของเขตเทศบาลในฮอนดูรัส พบผู้ป่วยไข้เลือดออกในปีนี้ ส่วนการระบาดของไข้เลือดออกที่เลวร้ายที่สุดในฮอนดูรัส เกิดขึ้นในปี 2553 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 83 คน

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือฮู พบว่า อัตราการเกิดโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ฮูระบุว่า ผู้ติดเชื้อระหว่าง 50-100 ล้านคน เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในกว่า 100 ประเทศ ทำให้ประชากรโลกเกือบครึ่งหนึ่ง ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคนี้

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:29 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ประทับวังไกลกังวล 1 สิงหาคมนี้

    [​IMG]

    ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช พรุ่งนี้ (1 สิงหาคม 2556) เวลา 16.00 น. เพื่อแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ทางสำนักพระราชวังแจ้งมายังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ทั้งนี้ นายวีระ ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จฯ แล้ว โดยให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ประดับธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของทั้ง 2 พระองค์ ตั้งแต่ท่าอากาศยานหัวหินถึงบริเวณหน้าพระราชวังไกลกังวล พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯ เพื่อถวายความจงรักภักดีในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาที่อำเภอหัวหินหลายหมื่นคน

    ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดก็เตรียมจัดจุดจอดรถให้ประชาชนที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ แล้วอย่างน้อย 11 จุด ซึ่ง พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ได้เรียกประชุมตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อจัดการจราจรในเส้นทางขบวนเสด็จฯ พร้อมกับเตรียมมาตรการถวายความปลอดภัย

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ที่มา www.kapook.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...