เหตุการณ์ใน-นอกโลก VS ภัยธรรมชาติ และupdate พายุสุริยะ

.

 

.

 

ยังเหลือ Sunspot 1765 ไว้ให้พอคิดถึง

.

 

พลังงานของ M.1.3 Flare ที่เกิดขึนเมื่อวันที่ 5 มิย 56 จากจุดดับ 1762 จะเดินทางมาถึงโลกวันนี้ แต่ผลกระทบคงไม่มาก



.

 

มั่นใจหรือท่านว่าไม่มาก ลองออกแดดดูสิครับ มะเร็งมีคืนแน่ๆ ร้อนแสบผิวหนังมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่สุดในสามโลก ตั้งแต่เกิดมาเป็นคน

 

ใช่ ครับ เป็นเกราะป้องกันรังสีที่ดี

สำหรับไปใช้ในอวกาศ

แต่คนใส่สร้อยคอทองคำเดินตามทุ่งเวลาฝนฟ้าคะนอง
ก็มีโอกาสโดนฟ้าผ่าสูงเช่นกัน นะครับ...อิอิอิอิอิ

 

ต้องขอโทษท่าน mzbot ด้วยนะครับที่ทำให้เข้าใจผิด ผมหมายถึง การเปรียบเทียบเชิงตัวเลข ของเหตุการณ์ ในช่วงปัจจุบัน เมื่อ วันที่ 1 มิย. Kp = 6 ( G2 ) วันที่ 7 มิย. Kp = 6 ( G2 ) ส่วนวันนี้ 9 มิย. Kp ไม่น่าสูงมากนัก ซึ่ง นับถึง ณ ปัจจุบันนี้ Kp สูงสุดเท่ากับ 2 ครับ

เรื่องออกแดดแล้วแสบร้อนมาก กว่าที่เคยเป็น เหมือนกับว่าอนุภาครังสีมันผ่านเข้ามาบรรยากาศผิวโลกได้มากขึ้น ช่วงเมย. พค. ที่ผ่านมา แม้แต่อยู่ในบ้านทั้งวันก็ยังแสบคันผิวเลย ต้องอาบน้ำ วันละหลายครั้ง เพิ่งเจอในปีนี้ ผมเดินดูนกกลางแดด มา 15 ปี ปีนี้ต้องหลบเขาเลยครับ

.

 

เอาโลกซักสองโหลใส่ลงไปคงยังไม่เต็มมั่งน่ะ :boo:

 

อีกไม่กี่วัน ก็จะหันมาให้โลกเราได้ตะลึงแน่ ท่าน kiatp123


.

 

.

 

อยากให้ดวงอาทิตย์ หน้าใสแบบนี้ทุกวัน







.

 

Fireball and Aurora

Below is a great image submitted by Mike Taylor who captured this image during the early hours of June 10th in Branch Pond, Maine.

"After a great couple hours of photographing time lapses of the Milky Way in a dark field at high elevation (those images are forthcoming) I drove down to Branch Pond to shoot some star trails and the 'other end' of the Milky Way. Little did I know that I would be treated to this – I had seen some green airglow earlier in the night but it was not this striking. The faint hint of the purple aurora was also great to see (my camera picked it up better than my eye of course) but the obvious thing that caught my eye was the incredible fireball of a meteor that streaked across the sky just as I started shooting. If you look closely you can see magenta/purple & green coloring in the tail of the meteor. The orange glow on the horizon is light pollution coming from some local businesses and farms - and the slight cloud cover is reflecting all of these colors at once. This is the first frame of a 45 minute time lapse .. LUCKY!"

 

ตัวข้าพเจ้าเองรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ

สุดท้ายต้องการคำตอบเดียวกัน

แม้ว่าคำอธิบายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คำตอบที่ต้องการค้นหาคือ มนุษย์มาจาก
ไหนกันแน่ จักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร มีจุดจบแบบใด และที่อื่นๆในจักรวาล มีสิ่ง
ดำรงชีพเช่นมนุษย์ หรือไม่ นั้นเป็นคำตอบที่ทุกคนต้องการ

การศึกษาเรื่องจักรวาล คงไม่ต้องการที่โต้แย้งข้ามระบบคำอธิบาย ด้วยความเมา
มันหรือความเก่งกาจอันไร้สาระ ที่ไม่ได้เกิดจากแนวคิดของตน โดยการยึดถือค่า
นิยมอ้างนักทฤษฎี นักปรัชญาต่างๆทั่วโลก เพื่อให้ผู้สนใจมีความเชื่อถือ

ในความเป็นจริงสมมุติฐานนักทฤษฎี นักปรัชญา ก็ไม่ได้ถูกต้องเสียทั้งหมด ความ
สำคัญดังกล่าวนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่เป็นจริงแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้อง ว่าเชื่อใน
เหตุผลใด

นักฟิสิกส์ คงไม่สนใจคำอธิบายแบบอื่น นอกจากข้อพิสูนจ์ด้วยหลักฐานที่มั่นคง
ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ส่วนนักปรัชญาศาสนา หรือนักเทววิทยา อาจจะปฏิเสธ
ความก้าวหน้าที่เข้าใจล่าช้า ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุอาจมีข้อพิสูนจ์ทางสัจจะ
ธรรม ทางธรรมชาติหรือสัมผัสวิธีการเฉพาะตน และเข้าใจด้วยตนเองเป็นลักษณะ
พิเศษแต่อธิบายไม่ได้ ส่วนนักดาราศาสตร์ คงเชื่อคำตอบ ที่มองเห็นด้วยตาเป็น
หลักเกณฑ์ และ สิ่งดำรงชีพที่ไม่ใช่มนุษย์บนโลก อาจมองคำอธิบายจักรวาล
ทั้งหมดล้าหลัง ยกเว้นของตนเองซึ่งถูกต้องกว่า

โดยหลักสากล มนุษย์ต้องยอมรับกฎเกณฑ์ที่ประจักษ์ เฉพาะทางวิทยาศาสตร์
ในสมการและการทดลองที่ต้องถูกต้องทั้ง 2 ประเด็นเป็นประกันหลักการที่มั่นคง
ส่วนความแตกต่างในความคิด ความเชื่อ จากสมมุติฐานเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ทราบ
แต่เราจละเลยคำอธิบาย แนวทางแบบอื่นๆไปทั้งหมดเลยหรือ แม้ว่าจะไม่เป็นดัง
แนวคิดที่มีเหตุผลเช่นที่เราเชื่ิอ

สมมุติว่าบุคคลใดก็ตาม หากมีความรู้เห็นแจ้งด้านฟิสิกส์ พร้อมกับเข้าใจปรัชญา
ศาสนาและเทววิทยา พร้อมมีความรู้ในเรื่องอวกาศ ดาราศาสตร์ อาจเข้าใจภาพ
รวมจักรวาล ในทุกคำอธิบาย แทบจะไม่มีข้อปฎิเสธโดยส่วนตัวก็เป็นได้

แต่จะมีกี่คนจะสามารถอธิบาย ให้ผู้คนหมู่มากได้เข้าใจได้ง่ายๆ ตามแนวคิดที่ตน
เข้าใจ เพราะฉะนั้นการโต้แย้งถือว่าเป็นเรื่องปกติสามัญของสังคมโลกทุกแขนง
เพื่อหาคำตอบเดียวกันเท่านั้น

บางส่วนจาก Conception of the Universe - 2

 

จากเฟศ อ.ก้องภพ อยู่เย็นครับ

วันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมาปริมาณจุดดับที่ผิวดวงอาทิตย์โดยรวมลดลงอยู่ระดับต่ำสุดและเกิดการขยายตัวของจุดดับเกิดขึ้น นอกจากนั้นยังมีพลังงานแพร่กระจายออกมาเป็นมุมกว้างระดับปานกลาง ทิศทางเดียวกับโลก จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 14 มิถุนายน เวลา 15 UT +/- 10 ชั่วโมง ผู้ที่สนใจสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงบนโลกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 มิถุนายน ครับ

ข้อมูลเพิมเติมของเหตุการณ์เพิมเติมมีดังนี้

- ปริมาณจุดดับที่ผิวดวงอาทิตย์
ESA Daily Sun Spot Number

- วิดิโอภาพถ่ายดวงอาทิตย์มุมกว้าง โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/06/11/ahead_20130611_cor2_512.mpg

- โมเดลลมสุริยะความหนาแน่นสูง จะผ่านโลกไปในวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 12 UT
http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=533469582

- วิดิโอจุดดับขยายตัวที่ผิววันที่ 12 มิถุนายน http://sdo.gsfc.nasa.gov/assets/img/dailymov/2013/06/12/20130612_1024_4500.mpg

- ปฏิกริยาดวงอาทิตย์ที่ผิวในวันที่ 12 มิถุนายน ถ่ายที่ความยาวคลื่น 193 A http://sdo.gsfc.nasa.gov/assets/img/dailymov/2013/06/12/20130612_1024_0193.mpg

 

น้ำก็ท่วมใต้หลายที่ ฝนก็ทำท่าจะมาเยอะ แต่เงียบมากมายครับ สงสัย เอือมสุดๆกันแล้ว เฮ้อ

 

ผม sunny430 ขอเเสดงความเสียใจกับพี่ falkman ด้วยครับ

 

จากเฟซ อ.ก้องภพ อยู่เย็น ครับ

สำหรับทุกท่านที่สนใจลางบอกเหตุเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุในระยะสั้นในเชิงเจาะลึก ขอให้ติดตามสังเกตการขยายตัวหรือหดตัวของปริมาณจุดดับบนดวงอาทิตย์ นอกเหนือจากการสังเกตปฏิกริยาดวงอาทิตย์มุมกว้างเพียงอย่างเดียวครับ เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ผิวแบบฉับพลันเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งอย่างสม่ำเสมอในรัฐจักรดวงอาทิตย์ 11 ปี ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีปฏิกริยามุมกว้างมาประกอบ ซึ่งจะสังเกตได้จากกรณีศึกษาในวันทื่ 10-14 มิถุนายน ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณจุดดับลดลงต่ำสุด และมีการขยายตัวอย่างชัดเจนระหว่างวันที่ 6-9 และ 13-14 มิถุนายน
-ปริมาณจุดดับ: ESA Daily Sun Spot Number
-การขยายตัวของจุดดับดวงอาทิตย์ วันที่ 6-9 มิย Helioviewer.org - Solar and heliospheric image visualization tool
-การขยายตัวของจุดดับดวงอาทิตย์ วันที่ 13-14 มิย http://sdo.gsfc.nasa.gov/assets/img/dailymov/2013/06/14/20130614_1024_4500.mpg

ตามประสบการณ์ผมนั้นการสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิวดวงอาทิตย์ จะเป็นลางบอกเหตุที่ชัดกว่าการสังเกตุภาพถ่ายมุมกว้างจากดวงอาทิตย์ในช่วงที่ความสว่างพลาสม่ารอบๆดวงอาทิตย์อยู่ในระดับต่ำ แต่จะหาดูข้อมูลได้ยากกว่าและมีเวลาแจ้งเตือนล่วงหน้าที่สั้นโดยเฉลี่ยได้ประมาณ 1 ถึง 1.5 วัน โดยจะเน้นการสังเกตที่ภาพคลื่นไหวที่ผิวดวงอาทิตย์ ที่ความยาวคลื่น 193 A หรือ 4500 A เป็นหลัก จากลิงค์นี้ครับ (SDO - Solar Dynamics Observatory/)

ถ้าเปรียบเทียบกับกรณีศึกษาในอดีต ตัวอย่างได้แก่
- การขยายตัวของจุดดับในวันที่ 8-10 มกราคม พศ 2553 Spaceweather.com Time Machine ซึ่งจะสัมพันธ์กับแผ่นดินไหวที่เฮติ ขนาด 7.0 ริตเตอร์ ในวันที่ 12 มกราคม 2553 (2010 Haiti earthquake - Wikipedia, the free encyclopedia)
- การขยายตัวของจุดดับในวันที่ 3-5 มกราคม พศ 2556 Spaceweather.com Time Machine ซึ่งจะสัมพันธ์กับแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริตเตอร์ ในวันที่ 5 มกราคม 2556 ครับ

 

อัพเดทข้อมูล 18-06-2013 09.30 น.


โดยรวม ณ. เวลานี้ มีจุดดับเกิดเพื่มขึ้นเรื่อยๆ ค่าสนามแม่เหล็กโลกเบี่ยงใต้ที่ -4.5 nT ความเร็วของลมสุริยะต่ำอยู่ที่ 274 กม./วินาที ค่า Kp. อยู่ที่ระดับ 1 มีการปะทุที่ระดับ C




จุดดับในเวลานี้



จุดดับ 1775 อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ยังคงขยายตัวในโครงสร้างและมีความซับซ้อนของแม่เหล็ก NOAA ประเมินค่าเกี่ยวกับโอกาส 20% สำหรับการปะทุระดับ M มีโอกาส 5% และมีโอกาสเล็กน้อยสำหรับการปะทุระดับ X




:Solar_Region_Summary: 2013 Jun 17
# Region Location Sunspot Characteristics
# Helio Spot Spot Mag.
# Num Lat.,CMD Long. Area Extent class count class

1768 S12W85 355 260 7 DKO 7 B
1770 S14E16 253 80 2 HSX 1 A
1772 S20E15 255 100 9 DAI 17 B
1773 N04E37 232 90 7 DAI 13 B
1774 S18E31 239 80 4 CSO 3 B
1775 S26E48 222 380 7 DKO 9 BD

หลุม Coronal Hole กำลังหันมายังโลก

 

เกิดการปะทุขนาด C.8.4 จากจุดดับ 1776 เมื่อเวลา 09.54 UTC ตรงกับ 16.54 น. ประเทศไทย