ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เกี่ยวกับกรณีที่สถานทูตสหรัฐออ<WBR></WBR>กเตือน ฟังสดได้ที่ http://www2.mcot.net/radio/<WBR></WBR>1005.html หรือฟังรายการย้อนหลังได้ที่ คลื่นข่าว FM 100.5 News Network

 

13 ม.ค. 55

เทียบญาณ เหมือนกัน เช่นกัน
ระวัง สองผนัง จะแตก
ตัวกอ และตอ ก็แยก
กวาดแหลก พี่น้อง ระวัง

ถ้าว่าง ควรขึ้น ขึ้นก่อน
ช่วยผ่อน ความเสี่ยง เอาไว้
รถรา จะวิ่ง ว่องไว
ไม่ตาย อยู่ตาม ทางไป

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

ลุง k-97 ตัวกอ และ ตอ หมายถึง ชื่อเขื่อนเหรอคะ ควรขึ้น........คนในกรุงเทพใช่หรือเปล่าคะ หรือจังหวัด ที่ใกล้กับสองผนัง งง จังเลย..........

 

สนับสนุนข้อมูลจากพี่เกษมครับ เรื่องการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 มีโอกาสเป็นไปได้สูงครับ เนื่องจากผมได้ติดตามข้อมูลต่างๆแล้วนำมาพิจารณาโดยองค์รวมดังนี้ เนื่องจาก สหรัฐวางนโยบายมาทางโซนบ้านเรา ตลอดจนมีการขยับขุนทหารพร้อมอาวุธยุปโธปกรณ์ต่างๆไปประจำการตามประเทศพันธมิตรต่างๆมากขึ้นเพื่อที่จะปิดล้อมจีน แล้วแสร้งทำเป็นหน้าตาดูดีต่อชาวโลก แต่ข้างหลังถือมีดหรือซุกมีด พร้อมที่จะจ้วงแทงเราได้เสมอ ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเก่าเมื่อประมาณเดือนสองเดือนที่ผ่านมา สงคราโลกครั้งที่3เริ่มแล้วแต่จะเป็นสงครามตัวแทนก่อน จากวันนั้นถึงวันนี้ 13 มกราคม 2555 เริ่มเห็นชัดขึ้น หลายๆส่วนก็ขยับแบบแปลกๆ เมื่อวันที่ 1 มค 2555 ปีใหม่ไปทำบุญที่สนามหลวง วัดพระแก้ว เขมร พม่า เต็มไปหมด คนไทยน้อยมาก ฝรั่งหัวแดงน้อยมากจนนับหัวได้เลย ผมสงสัยว่ามันมีอะไรแบบแปลก เขมร พม่า ส่วนใหญ่จะเป็นชายฉกรรจ์ มีร่างกายที่ดูแล้วแข็งแรงผิดกับคนทั่วไป มองหน้าเหมือนนักรบ แกล้งเข้าไปชน เหมือนเขาจะเอาเรื่อง ผมมองทอดสายตาไปที่ตาเขาเหมือนนักรบ มากันเป็นกลุ่มๆ ผมพิจารณาเห็นเช่นนั้น ครับนี้จะเป็นข้อมูลเก่าๆจากผู้จัดการออนไลน์ครับ จากวันนี้มองย้อนกลับไปกลับมาพิจารณาทำให้เห็นและรู้ชัดมากขึ้นครับ

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top><TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top>สหรัฐฯประกาศเบ่งกล้ามอวดศักดาในเอเชีย (ตอนแรก)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE><o> </o>
<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 0.75pt; mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; BACKGROUND: #cccccc; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; HEIGHT: 0.75pt"><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" oreferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><vath o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></vath><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=Picture_x0020_1 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="http://www.manager.co.th/images/blank.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1025"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.png" o:title="blank"></v:imagedata></v:shape><o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 30pt; mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; HEIGHT: 30pt; BACKGROUND-COLOR: transparent"><TABLE class=MsoNormalTable style="mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">โดย ไบรอัน แมคคาร์แทน<o></o>
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">3 ธันวาคม 2554 23:59 น.<o></o>
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">

<v:shape id=Picture_x0020_4 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 12.75pt" alt="http://www.manager.co.th/images/blank.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1026"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.png" o:title="blank"></v:imagedata></v:shape><o></o>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top>

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top> (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

US muscle manifesto for Asia
By Brian McCartan
23/11/2011

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหรัฐฯปรากฏตัวอย่างคึกคักในเอเชีย ทั้งด้วยการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำและการตระเวนเยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการหลายรอบหลายครา วอชิงตันยังอาศัยทั้งกลไกทางการทูตเคียงคู่ไปกับการรุกทำแต้มทางการทหารอย่างต่อเนื่อง มาประกาศเน้นย้ำถึงคำมั่นสัญญาของตนที่จะกลับเข้ามามีปฏิสัมพันธ์อีกคำรบหนึ่งในภูมิภาคแถบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอีกด้านหนึ่ง จีนกลับแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยท่าทีค่อนข้างสงบเสงี่ยม ซึ่งดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่าอาจจะไม่ทันระวังตั้งตัว หรือไม่ก็เกิดความกังวลว่าถ้าแสดงอะไรออกไปมาก ก็อาจกลายเป็นการผลักดันพวกประเทศที่อ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้รายอื่นๆ ให้วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของสหรัฐฯ อย่างแนบแน่นขึ้นไปอีก

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *

ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้ผลักดันยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิกของตนให้คืบหน้าไปอย่างน่าตื่นใจ ทั้งด้วยการออกเดินสายตระเวนไปในภูมิภาคแถบนี้อย่างเอิกเกริกเกรียวกราวของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทั้งจากการที่สหรัฐฯเข้าร่วมการประชุมซัมมิตของเอเชีย-แปซิฟิกหลายๆ รายการอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้มีการโน้มน้าวให้เห็นไปว่า การปรากฏตัวเหล่านี้คือความพยายามที่จะขยายการค้าและค้ำจุนเศรษฐกิจอเมริกันที่กำลังอยู่ในภาวะชะงักงัน แต่เจตนารมณ์ทางการทูตอันแท้จริง กลับมีการให้น้ำหนักอย่างสูงแก่ประเด็นทางด้านความมั่นคง สภาพการณ์ดังกล่าวนี้ยิ่งจริงจังหนักแน่นขึ้นไปใหญ่ในกรณีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งยุทธศาสตร์แห่งการหวนกลับมามีปฏิสัมพันธ์ (reengagement strategy) ของอเมริกา ดูเหมือนจะถูกปรับเข้าสู่เกียร์สูงขึ้นอีก ทั้งนี้เพื่อการแข่งขันชิงชัยกับจีน

อันที่จริงแล้ว สามารถที่จะกล่าวได้ว่า การให้น้ำหนักความสำคัญแก่เอเชียได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันแรกๆ แห่งการทำงานของคณะรัฐบาลโอบามาทีเดียว รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน เลือกเอเชียเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางเยือนต่างประเทศเที่ยวแรกของเธอ ซึ่งเป็นการพลิกผันประเพณีปฏิบัติในอดีตที่ผู้ทำหน้าที่ป็นนายใหญ่ด้านการทูตของอเมริกามักจะต้องไปยุโรปก่อน หลังจากนั้นมา สหรัฐฯยังเข้าร่วมเวทีการเจรจาระดับภูมิภาคอย่างไม่ขาดตอน ไม่ว่าจะเป็น การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum หรือ ARF) , การประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจา (ASEAN Post-Ministerial Conference), หรือ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit หรือ EAS) ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปทีหลังเพื่อน นอกจากนั้น สหรัฐฯยังแต่งตั้งเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำอาเซียน และในยุครัฐบาลโอบามานี้เองที่วอชิงตันลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia ) ของสมาคมอาเซียน อันเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญมากในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอาเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น สหรัฐฯยังได้เข้าร่วมในโครงการความริเริ่มทางด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้นอกเหนือจากการฝึกร่วมทางทหาร “คอบรา โกลด์” (Cobra Gold) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศไทยแล้ว อเมริกายังได้ยกระดับความร่วมมือและการเข้าร่วมในการฝึกด้านต่างๆ กับฝ่ายทหารของมาเลเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, และอินโดนีเซีย สหรัฐฯซึ่งเคยประกาศคว่ำบาตรห้ามการติดต่อทางทหารกับกองทหารหน่วยรบพิเศษ โกปัสซุส (Kopassus) ของอินโดนีเซียมายาวนาน 1 ทศวรรษ ได้หวนกลับมาฟื้นฟูการติดต่อดังกล่าวอีกครั้งในปี 2010 สหรัฐฯยังเริ่มต้นทำการฝึกซ้อมทางทหารประเภทที่ไม่เกี่ยวกับกำลังสู้รบ กับเวียดนาม ระหว่างที่โอบามาเยือนออสเตรเลียเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศแผนการซึ่งจะทำให้ในท้ายที่สุดมีกำลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินสหรัฐฯจำนวน 2,500 คน เข้าไปประจำในเมืองดาร์วิน เมืองใหญ่ทางภาคเหนือของออสเตรเลีย

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการตอกย้ำนโยบายของโอบามาในการกลับเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเอเชียอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บทความชิ้นหนึ่งที่เขียนโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “ฟอเรนจ์ โพลิซี” (Foreign Policy) เดือนพฤศจิกายน ระบุออกมาอย่างชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของอเมริกาที่จะสร้างพันธกิจทั้งทางเศรษฐกิจ, การเมือง, และความมั่นคงกับภูมิภาคนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในบทความดังกล่าว คลินตันใช้คำว่า “การทูตแบบเคลื่อนขบวนไปข้างหน้า” (forward-deployed diplomacy) มาเสนอนโยบายที่มุ่งดำเนินการอย่างกระตือรือร้น โดยมีองค์ประกอบทั้งในด้านการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มพันธมิตรความมั่นคงระดับทวิภาคี, การออกปรากฏตัวทางทหารในระดับกว้าง, การเข้ามีปฏิสัมพันธ์กับพวกสถาบันระดับพหุภาคี, การเพิ่มการค้าและการค้าลงทุน, การกระชับความสัมพันธ์กับพวกมหาอำนาจเกิดใหม่ระดับภูมิภาค เป็นต้นว่า จีน, และการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย

**ความมั่นคงคือเรื่องสำคัญลำดับแรก**

บทความดังกล่าวติดตามมาด้วยปฏิบัติการจริง โดยที่ทั้งโอบามาและคลินตันต่างออกตระเวนเยือนหลายๆ ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างที่มีงานใหญ่เกี่ยวกับเอเชียอยู่หลายงานตลอดช่วง 1 สัปดาห์เศษๆ ตั้งแต่การประชุมซัมมิตของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation หรือ APEC) ที่มลรัฐฮาวาย, สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ไปจนสิ้นสุดการประชุม EAS ที่เกาะบาหลี, อินโดนีเซีย ในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ถึงแม้มีการประโคมข่าวว่าการประชุมระดับพหุภาคีและการเยี่ยมเยียมหารือระดับทวิภาคีเหล่านี้ วัตถุประสงค์ของอเมริกาคือเพื่อย้ำยืนยันความมุ่งมั่นในทางการทูตของตน และการหล่อหลอมเพิ่มพูนกลุ่มหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมา แต่ในทางเป็นจริงแล้วสิ่งที่กลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดกลับกลายเป็นประเด็นทางด้านความมั่นคง

ตัวโอบามาเองได้กล่าวสรุปเจตนารมณ์ของเขาเอาไว้ในระหว่างที่เขาเยือนออสเตรเลียเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน โดยบอกว่า “จากการการเยือนภูมิภาคนี้ของผมในครั้งนี้ ผมกำลังทำให้เป็นที่กระจ่างชัดแจ้งว่า สหรัฐฯกำลังเพิ่มพูนยกระดับพันธกิจที่มีต่อทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” เขาแถลงเช่นนี้ภายหลังที่ได้มีการประกาศว่ากองกำลังเฉพาะกิจนาวิกโยธินสหรัฐฯจะเข้าประจำการแบบหมุนเวียนไปตามฐานทัพต่างๆ ของออสเตรเลีย ขณะที่จำนวนทหารนาวิกโยธินที่มาประจำการในแดนจิงโจ้เช่นนี้จะมีทั้งสิ้น 2,500 คน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นจำนวนมากมายอะไร ทว่ามันก็มีความสำคัญในฐานะที่เป็นหลักหมายแห่งการที่อเมริกาขยายกำลังทหารเข้าประจำการระยะยาวในเอเชียเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามเป็นต้นมา

การส่งทหารอเมริกันเข้ามาในคราวนี้มีความหมายอันชัดเจนยิ่งสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การปรากฏตัวของนาวิกโยธินเหล่านี้จะเปิดทางให้สหรัฐฯสามารถส่งอำนาจอิทธิพลเข้าสู่ภูมิภาคนี้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนการจัดตั้งฐานทัพขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตรง ซึ่งอาจจะถูกมองว่าเป็นการยั่วยุและไม่เป็นที่ชื่นชมยินดีเท่าใดนัก ทั้งนี้ อเมริกาได้ยกเลิกฐานทัพของตนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยไปเมื่อช่วงกลางทศวรรษ 1970 และถอนออกมาจากฟิลิปปินส์ในตอนต้นทศวรรษ 1990 ถึงแม้ในเวลานี้สหรัฐฯยังสามารถที่จะใช้ท่าเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทางนาวีในสิงคโปร์อยู่ก็ตามที

จากฐานทัพในภาคเหนือของออสเตรเลีย ทหารอเมริกันจะสามารถเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างง่ายดาย เพื่อเข้าร่วมในการฝึกซ้อมทางทหาร, การช่วยเหลือปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม, ตลอดจนทำให้ได้ที่ทางแสดงตัวซึ่งจะมีส่วนช่วยการประคับประคองโครงสร้างทางด้านความมั่นคงของภูมิภาคแถบนี้เอาไว้ นอกจากนั้นยังทำให้สหรัฐฯมีกำลังทหารที่จะเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือเป็นการจัดหามาตรการเชิงป้อมปราม ตลอดจนความสนับสนุนในทางจิตใจ ให้แก่พวกประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อ้างอธิปไตยเหนือดินแดนในบริเวณนี้ นอกเหนือจากกำลังนาวิกโยธินในออสตรเลียแล้ว สหรัฐฯยังมีแผนการที่จะส่งกองเรือรบชายฝั่งกองใหม่เข้าไปประจำการในสิงคโปร์อีกด้วย

ในบทความที่ตีพิมพ์ใน “ฟอเรนจ์ โพลิซี” ของเธอ คลินตันได้เขียนถึงเรื่องการฟื้นฟูตลอดจนการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯกับประเทศไทย และกับฟิลิปปินส์ ในระหว่างที่เธอเดินสายไปในภูมิภาคนี้เมื่อเร็วๆ นี้เธอก็ได้ไปเยือน 2 ประเทศนี้ด้วย คลินตันยังกระทำสิ่งที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักในเชิงสัญลักษณ์ให้แก่ข้อเขียนของเธอ ซึ่งพูดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะส่งเรือรบไปเยือนฟิลิปปินส์ให้ถี่ขึ้นรวมทั้งที่จะฝึกอบรมกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายของฟิลิปปินส์ให้มากขึ้น เมื่อเธอกล่าวแถลงย้ำยืนยันความสัมพันธ์ทางทหารอันแข็งแกร่งระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ จากดาดฟ้าของเรือรบอเมริกันที่กำลังไปเยือนอ่าวมะนิลา

แน่นอนทีเดียวว่า การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ไม่ได้รอดพ้นสายตาของชาวฟิลิปปินส์ ผู้ซึ่งกำลังพิพาทอยู่กับจีนในการช่วงชิงพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขตทะเลจีนใต้ที่มะนิลาเห็นว่าอยู่ภายใต้อธิปไตยของตน ระหว่างการกล่าวปราศรัยบนเรือรบอเมริกันดังกล่าว คลินตันยังได้เอ่ยถึงทะเลจีนใต้ (South China Sea) โดยหันไปใช้คำเรียกขานอันเป็นที่นิยมของฝ่ายมะนิลา นั่นคือ ทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก (West Philippines Sea) ขณะเดียวกัน การร่วมซ้อมเคลื่อนกำลังทหารระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้ปรับเปลี่ยนจากที่กำหนดเอาไว้ตอนแรกๆ ที่เป็นโครงการเคลื่อนกำลังทางภาคพื้นดินเป็นหลัก กลายมาเป็นการซ้อมรบซึ่งเน้นหนักที่การสู้รบทางนาวีและการสู้รบแบบสะเทินน้ำสะเทินบกมากขึ้น

ในความพยายามที่จะทำให้ข้อเสนอของเธอ เกี่ยวกับการขยายการปรากฏตัวทางทหารของอเมริกันในภูมิภาคนี้ มีภาพของความแข็งกร้าวลดน้อยลง คลินตันเสนอแนะเอาไว้ในบทความของเธอว่า กำลังทหารสหรัฐฯเหล่านี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ “ที่สำคัญยิ่งยวด” หลายๆ ประการ เป็นต้นว่า ทำให้สหรัฐฯมีสถานะที่ดียิ่งขึ้นในการสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรม ตลอดจนเป็นการจัดสร้าง “ป้อมปราการอันแข็งแกร่งซึ่งมุ่งต่อต้านภัยคุกคามหรือความพยายามทั้งหลายที่จะบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค”

แน่นอนว่า กำลังทหารของอเมริกาสามารถแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือ ในกรณีฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เหมือนกับที่ได้เคยกระทำมาระหว่างภัยพิบัติคลื่นสึนามิถล่มหลายประเทศชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียในปี 2004 รวมทั้งมีความพรักพร้อมที่จะปฏิบติการในเหตุการณ์พายุไซโคลน “นาร์กิส” (Nargis) ถล่มพม่าในปี 2008 นอกจากนั้น การที่กองทหารอเมริกันเข้าร่วมฝึกซ้อมกับกองทัพของชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นสิ่งที่ดำเนินการกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กระนั้นก็ตามที ยังมีการคาดเดากันอย่างสะพัดหนาหูว่า คำมั่นสัญญาทางด้านความมั่นคง ตลอดจนการเพิ่มพูนยกระดับพันธกิจทางการทหาร ที่สหรัฐฯประกาศออกมาในระยะหลังๆ นี้ แท้จริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ที่พุ่งเป้าไปยังประเทศจีน โดยที่จุดเน้นหนักสำคัญที่สุดอยู่ที่ทะเลจีนใต้

ไบรอัน แมคคาร์แทน เป็นนักหนังสือพิมพ์อิสระ สามารถติดต่อเขาทางอีเมลได้ที่ bpmccartan1@gmail.com
(อ่านต่อตอน 2 ซึ่งเป็นตอนจบ)<o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<o> </o>

 

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top><TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top>สหรัฐฯประกาศเบ่งกล้ามอวดศักดาในเอเชีย (ตอนจบ)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE><o> </o>
<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 0.75pt; mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; BACKGROUND: #cccccc; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; HEIGHT: 0.75pt"><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" oreferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><vath o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></vath><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=Picture_x0020_1 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 0.75pt" alt="http://www.manager.co.th/images/blank.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1025"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.png" o:title="blank"></v:imagedata></v:shape><o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 30pt; mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; HEIGHT: 30pt; BACKGROUND-COLOR: transparent"><TABLE class=MsoNormalTable style="mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">โดย ไบรอัน แมคคาร์แทน<o></o>
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">3 ธันวาคม 2554 23:57 น.<o></o>
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent"></TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent">

<v:shape id=Picture_x0020_4 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 0.75pt; HEIGHT: 12.75pt" alt="http://www.manager.co.th/images/blank.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1026"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.png" o:title="blank"></v:imagedata></v:shape><o></o>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<o> </o>​

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.0pt 3.0pt 3.0pt 3.0pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 3pt; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 3pt; PADDING-BOTTOM: 3pt; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 3pt; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top>

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebe4; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ebebe4; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ebebe4; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ebebe4; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top> (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

US muscle manifesto for Asia
By Brian McCartan
23/11/2011

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหรัฐฯปรากฏตัวอย่างคึกคักในเอเชีย ทั้งด้วยการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำและการตระเวนเยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการหลายรอบหลายครา วอชิงตันยังอาศัยทั้งกลไกทางการทูตเคียงคู่ไปกับการรุกทำแต้มทางการทหารอย่างต่อเนื่อง มาประกาศเน้นย้ำถึงคำมั่นสัญญาของตนที่จะกลับเข้ามามีปฏิสัมพันธ์อีกคำรบหนึ่งในภูมิภาคแถบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอีกด้านหนึ่ง จีนกลับแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยท่าทีค่อนข้างสงบเสงี่ยม ซึ่งดูจะบ่งชี้ให้เห็นว่าอาจจะไม่ทันระวังตั้งตัว หรือไม่ก็เกิดความกังวลว่าถ้าแสดงอะไรออกไปมาก ก็อาจกลายเป็นการผลักดันพวกประเทศที่อ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้รายอื่นๆ ให้วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของสหรัฐฯ อย่างแนบแน่นขึ้นไปอีก

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบ*

(ต่อจากตอนแรก)

**น่านน้ำแห่งการพิพาท**

ในบทความที่เขียนลงในวารสาร “ฟอเรนจ์ โพลิซี” เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า เสรีภาพในการเดินเรือและความมั่นคงในทะเลจีนใต้ คือผลประโยชน์ “ที่สำคัญยิ่งยวด” ของสหรัฐฯ เธอบอกด้วยว่าการทูตของอเมริกันมีส่วนร่วมอย่างสำคัญ ในการคอยประคับประคองความพยายามระดับพหุภาคีในหมู่ประเทศผู้อ้างสิทธิเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้อย่างทับซ้อนกันอยู่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากรณีพิพาทที่เกิดขึ้นจะได้ได้รับแก้ไขอย่างสันติและสอดคล้องกับหลักการต่างๆ อันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปแล้วของกฎหมายระหว่างประเทศ ควรต้องตราไว้ด้วยว่าในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังประกาศเรื่องทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯจำนวน 2,500 คน จะเข้าประจำการในออสเตรเลียอยู่นั้นเอง คลินตันซึ่งกำลังอยู่เยือนฟิลิปปินส์ ก็ได้ร่วมลงนามในคำประกาศฉบับหนึ่งกับรัฐมนตรีต่างประเทศแดนตากาล็อก มีเนื้อหาเรียกร้องให้จัดการเจรจาหารือระดับพหุภาคีเพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ ของทะเลจีนใต้

ประเทศที่อ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ทางทะเลในบริเวณดังกล่าวรายอื่นๆ นอกเหนือจากจีน เวลานี้ต่างกำลังตั้งคำถามฉกรรจ์ๆ เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับแรงจูงใจของแดนมังกรทั้งในทะเลจีนใต้และในอาณาบริเวณอื่นๆ รวมทั้งพิจารณาการปฏิบัติการต่างๆ ของจีนในช่วงหลังๆ ในแถบน่านน้ำซึ่งน่าที่จะอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซเหล่านี้ ว่าเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวรุกราน มนตร์บทที่ปักกิ่งนิยมสาธยายซึ่งให้คำมั่นสัญญาที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคโดยที่จะไม่กระทำการก้าวร้าวรุกรานนั้น ปัจจุบันกลับถูกมองว่าขัดแย้งอย่างแรงกับการที่แดนมังกรดำเนินโครงการและการปฏิบัติการทางทหารอย่างขาดความโปร่งใส เป็นต้นว่า การที่ในช่วงหลังๆ มานี้ เรือรบจีนเข้าไปก่อกวนขัดขวางการปฏิบัติงานของเรือวิจัยจากประเทศอื่นๆ หลายต่อหลายครั้ง

อันที่จริงแล้ว การที่อเมริกาเพิ่มการปรากฏตัวทางทหารในภูมิภาคนี้ แต่กลับได้รับปฏิกิริยาต่อต้านอย่างค่อนข้างเบาบาง ก็เนื่องจากมันกลายเป็นการตอบโต้ที่ได้รับความสนับสนุนอย่างกลายๆ จากบรรดารัฐในภูมิภาคนั่นเอง ในเมื่อมันคือการตอบโต้ต่อสิ่งที่ถูกมองว่าเป็รท่าทีก้าวร้าวรุกรานของแดนมังกรในน่านน้ำบริเวณนี้ จีนนั้นยืนยันเรื่อยมาว่าต้องการที่จะเจรจาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทับซ้อนกันเช่นนี้ ในลักษณะทวิภาคีเท่านั้น และได้ปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับการทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติ ด้วยการหยิบยกขึ้นถกแถลงกันในเวทีประชุมภูมิภาคเฉกเช่น ARF และ EAS

แม้กระทั่งพม่าก็ยังดูเหมือนตัดสินใจแล้วว่า น่าจะดีกว่าที่จะถ่วงดุลความสัมพันธ์ซึ่งตนมีอยู่กับจีน ด้วยความสัมพันธ์กับสหรัฐฯที่ทำท่ากระเตื้องดีขึ้นเรื่อยๆ กระแสต่อต้านไม่พอใจอิทธิพลทางเศรษฐกิจและทางการเมืองของจีนที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในพม่า ได้กลายเป็นข่าวระดับพาดหัวตัวใหญ่ทีเดียวในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อมีการประกาศระงับโครงการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานที่บริเวณภาคเหนือของแดนหม่อง โดยที่โครงการดังกล่าวได้รับการหนุนหลังอย่างเต็มที่จากแดนมังกร ทว่าถูกหลายๆ ฝ่ายในพม่าต่อต้านคัดค้าน

ในเวลาเดียวกัน การพบปะหารือระดับสูงหลายต่อหลายนัดระหว่างเจ้าหน้าที่พม่ากับนักการทูตอเมริกัน ตลอดจนการเดินทางเยือนพม่าของคลินตันในเดือนธันวาคมนี้ ก็ทำให้นักเฝ้าจับจ้องมองพม่าหลายต่อหลายคนเกิดความประทับใจขึ้นมาว่า เรากำลังจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับเนปิดอ ที่เป็นความสัมพันธ์แบบใหม่ซึ่งมีความเป็นมิตรกันมากยิ่งขึ้น

รัฐสมาชิกอาเซียนอื่นๆ จำนวนมากนอกเหนือจากพม่า ก็มองเห็นคุณค่าของการที่สหรัฐฯสามารถแสดงบทบาทเป็นตัวถ่วงดุลจีน ถึงแม้ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะต้องตกอยู่ในจุดยืนซึ่งถูกบังคับให้ต้องเลือกเอาระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน เมื่อมองจากแง่มุมนี้ การที่การเดินหน้าเข้ามาของอเมริกาดูมีความน่าสนใจ ส่วนหนึ่งมาจากการที่คณะรัฐบาลโอบามาให้ความสนับสนุนบทบาทของอาเซียนที่เข้าเป็นแกนกลางในการพัฒนาระบบความมั่นคงระดับภูมิภาคขึ้นมา พวกประเทศอาเซียนมีความคาดหวังว่า ด้วยน้ำหนักของวอชิงตัน จะช่วยกระตุ้นให้ปักกิ่งเล่นไปตามกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานซึ่งตนเองได้ช่วยพัฒนาขึ้นมาในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ และจะไม่ถูกครอบงำบงการจากจีนเพียงด้านเดียว

**ปฏิกิริยาแบบสงบเสงี่ยม**

ปฏิกิริยาของปักกิ่งต่อจุดยืนอันแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นของวอชิงตัน โดยทั่วไปแล้วอยู่ในลักษณะสงบเสงี่ยม ถึงแม้มีคำเตือนอันบึ้งตึงออกมาเป็นชุดจากจีน รวมทั้งผ่านทางสื่อมวลชนกระบอกเสียงทั้งหลาย เพื่อเป็นการตอบโต้คำแถลงของโอบามาและคลินตัน ทว่าเสียงตอบโต้เหล่านี้อยู่ในสภาพของการเล่นไปตามเกมเสียเป็นส่วนใหญ่

วอชิงตันถูกชี้นิ้วกล่าวหาว่ากำลังมุ่งเพิ่มความตึงเครียดทางทหารขึ้นในภูมิภาค จากการประกาศส่งทหารเข้าไปตั้งฐานในออสเตรเลีย สำนักข่าวซินหวาของทางการแดนมังกรกล่าวในบทวิจารณ์ชิ้นหนึ่งเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนว่า “อเมริการู้สึกว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามเพิ่มขึ้นทุกทีต่อฐานะความเป็นเจ้าของตน ด้วยเหตุนี้เอง จุดมุ่งหมายแห่งการเคลื่อนสู่ทางตะวันออกในเชิงยุทธศาสตร์ของอเมริกา แท้ที่จริงแล้วคือการที่จะตรึงและควบคุมจีนเอาไว้ และคอยถ่วงรั้งการพัฒนาของจีน”

บทวิจารณ์เหล่านี้ตลอดจนคำเตือนจากบทบรรณาธิการอื่นๆ ในสื่อจีน ไม่ได้มีความเข้มข้นแข็งขันเหมือนอย่างที่ควรคาดหมายได้จากความเคลื่อนไหวอันแข็งกร้าวขนาดนั้นของวอชิงตันเข้าไปในอาณาบริเวณซึ่งจีนกำลังมีความสนใจอย่างจริงจังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริงแล้ว ปักกิ่งดูเหมือนจะไม่ทันระวังตั้งตัวเมื่อประสบกับขนาดขอบเขตและความแข็งกร้าวของแนวทางใหม่ของวอชิงตัน ถึงแม้เรื่องที่ในปัจจุบันจีนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับประเด็นการสืบทอดตำแหน่งของคณะผู้นำชุดใหม่ในปี 2012 นี้ ก็ดูจะมีส่วนอยู่มากที่ทำให้การตอบโต้เป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แดนมังกรปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการพิพาททางการทูตขนาดใหญ่ใดๆ จนกว่าประเด็นเหล่านี้จะได้รับการคลี่คลายผ่านพ้นไปแล้ว

พวกเจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์ของจีน ยังดูเหมือนจะต้องระมัดระวังคาดคำนวณการตอบโต้ของพวกตนให้พอเหมาะพอสม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นการแสดงปฏิกิริยาอย่างเกินเลย ต่อข่าวสารซึ่งแท้ที่จริงโอบามามุ่งส่งไปถึงบรรดาท่านผู้ชมชาวอเมริกันภายในประเทศในช่วงเวลาก่อนหน้าจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีหน้า ไม่ใช่มุ่งหมายตั้งเป้าเล็งไปที่ปักกิ่ง ทั้งนี้โอบามาได้ถูกพวกที่กำลังชิงชัยกันเพื่อให้ได้เป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน กล่าวหาโจมตีอย่างหนักว่ามีท่าทีอ่อนให้จีนมากเกินไป

ปักกิ่งยังอาจจะค่อนข้างสูญเสียความมั่นใจไปบ้างด้วย จากการที่ภายในภูมิภาคแสดงความสนับสนุนอย่างคึกคักทีเดียวต่อวอชิงตัน ตามการแถลงสรุปของเจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่ง มีผู้นำ 16 คนจากทั้งสิ้น 18 คนซึ่งเข้าร่วมการประชุมซัมมิต EAS พูดแสดงท่าทีคัดค้านอย่างแข็งแรงต่อการวางตัวของจีนในปัจจุบัน บทเรียนที่ปักกิ่งอาจจะได้ไปจากการประชุมหารือคราวนี้ก็คือ จุดยืนแบบแข็งกร้าวว่าด้วยทะเลจีนใต้ ดูมีแต่จะส่งผลทำให้ชาติอ้างกรรมสิทธิ์รายอื่นๆ หันไปพึ่งพาสหรัฐฯกันเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น อันเป็นสภาพการณ์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าปักกิ่งต้องการที่จะหลีกเลี่ยง

ทางด้านโอบามาได้แสดงท่าทีรับทราบความไม่สบายใจของจีนต่อความเคลื่อนไหวของอเมริกันซึ่งดูเหมือนสามารถที่จะตีความได้ว่าเป็นการสร้างวงปิดล้อม โดยเขาได้ให้สัญญาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนว่า ต้องการที่จะร่วมมือกับปักกิ่งให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ อีก 2 วันต่อมา เขาได้พูดคุยเจรจากับนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า ของจีน ในการพบปะหารือกันที่มิได้อยู่ในกำหนดการเดิม ภายหลังการประชุมซัมมิต EAS ที่เกาะบาหลีแล้ว ทั้งนี้คาดกันว่าน่าจะจัดขึ้นตามคำขอของฝ่ายจีน มีรายงานว่า เวิน ได้แสดงความไม่พอใจโอบามา ที่หยิบยกประเด็นเรื่องทะเลจีนใต้ขึ้นพูดในที่ประชุม EAS โดยกล่าวว่าประเด็นนี้ควรได้รับการแก้ไขกันโดยตรง “ด้วยวิธีการปรึกษาหารือและการเจรจากันฉันมิตร”

ยังจะต้องติดตามกันต่อไปว่า สหรัฐฯมีความสามารถหรือไม่ที่จะปฏิบัติให้ได้ตามคำพูดและแผนการต่างๆ ของตนเองในเรื่องการเพิ่มพันธกิจด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้ เมื่อพิจารณาจากสภาพของสหรัฐฯในช่วงหลังๆ นี้ ซึ่งทั้งเผชิญกับปัญหาของภาคการเงิน, เศรษฐกิจอยู่ในอาการทรุดตัว, และการตัดลดงบประมาณด้านกลาโหมที่ติดตามมา เหล่าผู้นำในภูมิภาคนี้ย่อมรู้สึกกังวลว่า วอชิงตันอาจจะหมดสมรรถภาพที่จะรักษาคำมั่นสัญญาของตน

บรรดาผู้นำอาเซียนยังมิได้หลงลืมความรู้สึกเจ็บปวด จากการที่สหรัฐฯในยุคของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ดูเหมือนละเลยไม่แยแสภูมิภาคนี้ โดยหันไปเน้นหนักสนใจแต่สงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน พวกเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับคำสัญญาซึ่งหนุนหลังด้วยการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สหรัฐฯยังจะรักษาพันธกิจด้านความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ ถ้าหากวอชิงตันแสดงท่าทีรีรอหรือวอกแวกต่อคำมั่นสัญญาเหล่านี้แล้ว สหรัฐฯก็เสี่ยงที่จะสูญเสียความชอบธรรมที่จะดำรงคงอยู่ในภูมิภาคนี้ และเสี่ยงที่จะสูญเสียความเชื่อมั่นทางการทูตซึ่งคณะรัฐบาลโอบามาสามารถที่จะกอบกู้พลิกฟื้นคืนมาได้ จากการประกาศลั่นถึงนโยบายแห่งการหวนกลับมามีปฏิสัมพันธ์อีกคำรบหนึ่ง

ไบรอัน แมคคาร์แทน เป็นนักหนังสือพิมพ์อิสระ สามารถติดต่อเขาทางอีเมลได้ที่ bpmccartan1@gmail.com <o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

ก่อการร้าย กรุงเทพ


ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงานว่า จากกรณีที่ สหรัฐฯ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนพลเมืองชาวสหรัฐฯ และอิสราเอล ที่อาศัยในกรุงเทพฯ ให้ระวังการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ในกรุงเทพมหานครนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ยอมรับว่า ได้รับการแจ้งเตือนจากสหรัฐฯ ใน 1-2 วันที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่การข่าวของไทย และ สหรัฐฯ ได้ติดตามผู้ต้องสงสัย 2 คนที่เดินทางเข้ามาอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสัญชาติใด จากการรายงานของหน่วยข่าวพบว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเชื่อมโยงกับบทบาทของสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการในอิหร่านอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งเตือนแต่ละหน่วยงานให้เฝ้าระวังพื้นที่ในจุดเสี่ยงอย่างเข้มข้น แต่เท่าที่ดูพฤติกรรมของ 2 คนยังไม่พบสิ่งผิดปกติว่าจะมีการก่อเหตุตามที่แจ้งมา แต่ยืนยันว่าหน่วยข่าว ไทย และ สหรัฐ จะเฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมง หากพบว่าจะลงมือก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการจับกุมได้ทันที ทั้งนี้ยังให้หน่วยข่าวเฝ้าระวังจุดเสี่ยง ในหลายจุด เช่น แหล่งท่องเที่ยว และ สนามบินสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ได้แจ้งมายังทางการไทย เมื่อวันที่ 22 ธค. พบว่ามีผู้ต้องสงสัยที่จะเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ประมาณ 2-3 คน แต่ทั้งหมดได้ลงไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนที่จะออกนอกประเทศไทย และ วันที่ 8 มค. 2555 ได้แจ้งเตือนมาอีกครั้งว่ามีผู้ก่อการร้ายจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค.นี้ โดยเป้าหมายอยู่ที่แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหนาแน่น เช่น ถนนข้าวสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยสามารถควบคุมตัวไว้ได้เพียง 1 คน
พร้อมกันนี้ สหรัฐ ฯ ได้แจ้งมายังไทย ให้ช่วยติดตามคนร้ายที่คาดว่าจะเข้ามาก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวของไทย โดยทางสหรัฐฯ ได้สเก็ตรูปภาพคนร้าย 1 คนมาให้ทางการไทยในการช่วยติดตามโดยส่งมาให้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สั่งการเฝ้าระวังสถานทูต อิสราเอล เป็นพิเศษด้วย
………………………………………………………………………………

เฉลิม ยันจับชาวเลบานอน ผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สถานทูตอเมริกาออกประกาศเตือนผ่านทางเว็บไซต์ ให้นักท่องเที่ยวระวังอาจจะมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นในกรุงเทพ ว่า
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้วป็นชาวเลบานอน กลุ่มฮีสบอนเลาะห์ และอยู่ระหว่างการสอบสวน เรื่องนี้ตำรวจรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ยืนยันว่าตอนนี้ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทุกภาคส่วนอย่าได้แตกตื่นตกใจ สถานการณ์ไม่รุนแรงอย่างที่คิด
สื่อข่าว Mthai News รายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่มีการเฝ้าระวังจับตากลุ่มผู้ก่อการร้ายเข้ามาก่อเหตุร้ายในกรุงเทพฯว่า กลุ่มก่อการร้ายอาจจะทำในลักษณะคาร์บอมต่อสถานที่สำคัญ อาทิ สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย โบสถ์ชาวอิสราเอล บริษัททัวร์และร้านอาหาร โดยมีเป้าประสงค์เพื่อจ้องล้างแค้นพวกอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเพราะที่ผ่านมาชาวอิสราเอลไปสังหารชาวอิหร่านเสียชีวิตจำนวนมากจึงมีการวางทีมไว้เพื่อทำการแก้แค้น เบื้องต้นฝ่ายความมั่นคงของเราไม่ว่าจะเป็นศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของอิสราเอลได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลเหล่านี้โดยมีชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายฮิซบอเราะห์ ซึ่งเป็นชาวเลบานอน
ทั้งนี้ จากที่ได้รับข่าวมีการวางแผนและเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 13-15 ม.ค.นี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงได้ตามประกบกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่า จะปฏิบัติการเมื่อไร แต่เนื่องจากผู้ต้องสงสัยอาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งจึงยากต่อการติดตาม
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบแหล่งกบดานและยับยั้งการกระทำของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้และถ้าเกินเวลา 18.00 น.ของเย็นวันนี้ (13ม.ค.) ก็จะมีการยกระดับการติดตามให้เข้มข้นขึ้นในลักษณะของผู้ก่อการร้ายที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลไทยไม่มีความประสงค์จะให้ข่าวดังกล่าวแพร่กระจาย เพราะจะทำให้มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและจะทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกตกใจ
ส่วนกรณีที่ทางสหรัฐฯออกมาเปิดข่าวดังกล่าวเพราะเขากลัวว่า ประชาชนสหรัฐฯที่อาศัยในประเทศไทยจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีชาวอิสราเอลที่มีสัญชาติสหรัฐฯอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วย
Mthai News


ซวยแล้ว!! เกาหลีเหนือเตรียมลงโทษ คนไม่ร้องไห้งานศพผู้นำ ส่งค่ายฝึก






สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยรายงานว่า แหล่งข่าวในเกาหลีเหนือ ระบุว่า ทางการของเกาหลีเหนือเตรียมลงโทษต่อประชาชนที่ไม่ร้องไห้ ในพิธีศพท่านผู้นำ คิม จอง อิล
โดยทางการระบุว่า จะลงโทษคนที่ไม่ร้องไห้ ร้องไห้ไม่จริงจัง รวมทั้งคนที่ไม่เข้าร่วมชุมนุมแสดงไว้อาลัย โดยการส่งตัวไปยังค่ายฝึกแรงงาน อย่างน้อยเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ทางการเกาหลีเหนือยังจะมีการลงโทษขั้นรุนแรง ต่อคนที่พยายามจะหนีออกนอกประเทศ หรือใช้โทรศัพท์ ด้วย
ทั้งนี้แหล่งข่าวยังระบุว่า ในเวลา 07.00 น.-19.00 น. ของทุกวัน ทางการจะมีการออกประกาศโฆษณาชวนเชื่อ ถึงความยิ่งใหญ่ของนายคิม จอง อึน เพื่อให้ประชาชนจงรักภักดีต่อผู้นำคนใหม่ ไปตามท้องถนน และแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ตลาด โรงงาน โรงเรียน เป็นต้น
Mthai News

เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

แท็ก : คิมจองอิล, งานศพ, ร้องให้, เกาหลีเหนือ

 

ตำนาน "ปาท่องโก๋"

ปาท่องโก๋ เกิดขึ้นในประเทศจีนตั้งแต่ 800 ปี กว่าโดยประมาณ เป็นอาหารที่คนจีนคิดประดิษฐ์ขึ้นเพื่อเป็นการนึกถึงคน ๆ หนึ่งที่มีความเลวเป็นที่สุด
ควรแก่การนำมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ แล้วฉีกกินซะให้หนำแก่ใจ คนเลวที่ว่านี้ชื่อว่า "ฉินไคว่"

เป็นเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ในราชวงศ์ซ้องตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงที่ราชสำนักอ่อนแอ ประชาชนมีความทุกข์ยาก เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเล่นพรรค เล่นพวก คนมีความรู้ความสามารถไม่มีโอกาสได้บริหารราชการแผ่นดิน ต้องหนีออกจากระบบเรียกได้ว่าบ้านเมืองเกิดกลียุค เป็นโอกาสให้ชนเผ่นกิมิ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำการรุกรานยึดเมืองหลวงของจีนได้ ราชสำนักของจีนต้องหนีลงใต้ ตั้งเมืองหลวงขึ้นใหม่เป็นราชวงศ์ซ้องใต้
ในช่วงนี้เอง ได้เกิดวีรบุรุษของจีนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน ชื่อว่า "งักฮุย"

ซึ่งรักชาติอย่างแรงกล้าเป็นแม่ทัพที่อาศัยทหารไม่กี่หมื่นคนเอาชนะทหารกิม ได้เป็นแสน ยึดดินแดนที่เสียไปกลับมาได้เกือบทั้งหมด
ขณะที่แม่ทัพงักฮุย ทำศึกสงครามกับชนเผ่ากิมเพื่อประเทศชาติอยู่นั้น ผู้ที่เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ของราชวงศ์ซ้องใต้ ก็คือ "ฉินไคว่" ซึ่งไม่เคยรบทัพจับศึกเอาชนะข้าศึกได้เลย เติบโตขึ้นมาในสายราชการ ด้วยการประจบสอพลอ เมื่อ ฉินไคว่ เห็นงักฮุยประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่รักใคร่ของประชาชน ก็เกิดความอิจฉาริษยา พยายามกลั่นแกล้งและจับผิดคอบเพ็ดทูลองค์ฮ่องเต้ ให้ร้ายแก่งักฮุย เสมอมา

ท้ายที่สุด เมื่องักฮุยตะลุยรบเอาชนะพวกกิม จนเกือบจะยึดเมืองหลวงเดิมของราชวงศ์ซ้องคืนมา ได้อยู่แล้ว เสนาบดี ฉินไคว่ ก็ทำหนังสือเป็นคำสั่งเรียกแม่ทัพงักฮุยให้หยุดทำศึกและนำทัพกลับมาโดยด่วน งักฮุยเห็นว่ากำลังจะชนะศึกยึดเมืองได้อยู่แล้ว จึงยังไม่ยกทัพกลับตามคำสั่ง ฉินไคว่จึงถือโอกาสกล่าวหาว่า งักฮุยขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ให้นำตัวมากักขังไว้ในคุก และแอบใส่ยาพิษในอาหารให้งักฮุยกินจนตาย อยู่ในคุกนั้นเอง

ประชาชนส่วนใหญ่รู้ในการกระทำของฉินไคว่ ด้วยความโกรธแค้น จึงคิดทำปาท่องโก๋เป็นตัวแทนของ ฉินไคว่ นำมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนกรอบแล้วนำมาฉีกกินโดยจินตนาการว่ากำลังเคี้ยว ฉินไคว่ จอมโหดผู้แสนเลว


หมายเหตุ : เรื่องของปาท่องโก๋นี้ เป็นเรื่องของคนที่ทำความไม่ดี คือขายชาติ ทำให้มหาชนโกรธแค้น ดังนั้นจึงทำขนมชนิดหนึ่ง ซึ่งเวลาจะรับประทานต้องฉีกออกจากกัน (ด้วยความแค้น)

 

น่าสงสารประชาชนเกาหลีเหนือถูกบังคบให้ร้องไห้ ดูภาพแล้วเขาคงจะร้องไห้สงสารตัวเองมากกว่า เกิดเป็นคนไทยนับว่ามีบุญมากเลย มีพระราชาที่ทำเพื่อประชาชนโดยไม่มีข้อแม้ ข้อต่อรอง หรือทวงสิ่งตอบแทนใดๆ และเป็นสิ่งที่ทำ(ธรรม)ที่ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์....


อยากให้พวกต่อรองเก่งๆเช่นนักการเมืองไทยไปเกิดถูกที่ถูกทางอยู่ในเกาหลีเหนือ ส่่งเข้าไปร้องให้ในค่ายให้คิดถึงเมืองไทยเสียให้เข็ด พวกกบเลือกนาย

 

....มีเบื้องหลังแบบนี้นี่เอง ถ้าผมเป็นคนเกาหลีเหนือ ก็คงร้องให้สุดใจขาดดิ้น

 

เรื่องเขื่อนจะแตกหรือไม่.
ผมขอให้ท่านลองพิจารณาโลโก้นี่ดูเอานะครับ

ไฟล์:Egat.jpg - วิกิพีเดีย

 

เห็นด้วยทุกประการ ของแบบนี้ ต้องให้เจอด้วยตัวเอง

 

<IFRAME style="POSITION: absolute; WIDTH: 10px; HEIGHT: 10px; TOP: -9999em" id=twttrHubFrame tabIndex=0 src="http://platform.twitter.com/widgets/hub.1326407570.html" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อังกฤษออกคำเตือนตามสหรัฐฯ 'ไทย' เสี่ยงสูงถูกก่อการร้ายโจมตี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>14 มกราคม 2555 04:02 น.</TD><TD vAlign=middle align=left>

<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=460><TBODY><TR><TD vAlign=top width=460 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
อังกฤษและสหรัฐฯ ประกาศเตือนพลเมืองของตน ที่อยู่ในไทยให้อยู่ในความระมัดระวัง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>เดลิเมล์/สกายนิวส์/ASTVผู้จัดการ - รัฐบาลอังกฤษเป็นชาติที่สองต่อจากสหรัฐฯที่ออกประกาศเตือนถึงความเสี่ยงระดับสูงที่พวกก่อการร้ายอาจปฏิบัติการโจมตีในไทย

พร้อมเรียกร้องพลเมืองของตนเองอยู่ในความระมัดระวังอย่างที่สุด หลังจากทางการไทยจับผู้ต้องสงสัยชาวเลบานอนรายหนึ่งที่วางแผนก่อการร้ายในกรุงเทพฯ

ประกาศเตือนพลเมืองของกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์(13) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย

ระบุ มีความเป็นไปได้ ที่อาจเกิด “การก่อการร้าย” ในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งเตือนให้พลเรือนสหรัฐฯ ในประเทศไทยใช้ความระมัดระวังในการเข้าพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ

“ผู้ก่อการร้ายต่างชาติ อาจกำลังมองหาลู่ทาง ก่อเหตุ บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ในอนาคตอันใกล้” ข้อความในประกาศด่วนบนเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐฯระบุ

“เราขอเรียกร้องให้พลเมืองสหรัฐฯ ใช้ความระมัดระวังตัว เมื่อไปเยือนพื้นที่สาธารณะในกรุงเทพฯ ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกชุมนุมกันอยู่” ประกาศด่วนของสถานทูตสหรัฐฯบอก

พร้อมทั้งแนะนำให้พลเรือนอเมริกันคอยสังเกตกระเป๋า หรือวัตถุต้องสงสัยในที่สาธารณะ หรือสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน และให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที หากพบบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย

เว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ ยังแนะนำให้พลเรือนอเมริกันในประเทศไทยลงทะเบียนกับทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อเป็นหลักฐานว่ากำลังพักอยู่ในไทย

ในเวลาต่อมา นางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ ว่า ข่าวภัยคุกคามการก่อการร้ายนี้ “เชื่อถือได้” และคนร้ายมีเป้าหมายโจมตีกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ

คำเตือนดังกล่าวที่นับเป็นประกาศเตือนภัยก่อการร้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ มีออกมาหลังจากการจับกุมชายชาวเลบานอนรายหนึ่งซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์

กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ เป็นกลุ่มมุสลิมเคร่งจารีตซึ่งอยู่ในนิกายชิอะห์ พวกเขามีซีเรียและอิหร่านหนุนหลัง และเวลานี้มีอิทธิพลครอบงำรัฐบาลเลบานอน แต่ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีเป็นองค์การก่อการร้ายต่างประเทศอย่างเป็นทางการ

การจับกุมผู้ต้องสงสัยรายนี้มีขึ้นจากการแจ้งเตือนของอิสราเอลที่ช่วยทลายแผนการโจมตีไทยในช่วงวันขึ้นปีใหม่และเวลานี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีกคนได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมของไทยรายหนึ่งที่ระบุว่าฝ่ายข่าวกรองอิสราเอลได้ติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่ไทยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เพื่อแจ้งข้อมูลให้ทราบว่าผู้ต้องสงสัย 2 ถึง 3 คนอาจจะกำลังวางแผนก่อเหตุโจมตีในไทย อย่างไรก็ดี บุคคลเหล่านี้ได้เดินทางไปทางภาคใต้และออกนอกประเทศไป

ฝ่ายอิสราเอลได้เตือนภัยเจ้าหน้าที่ไทยอีกรอบหนึ่งในวันที่ 8 มกราคม โดยคราวนี้ระบุว่ามีอันตรายที่จะเกิดเหตุโจมตีขึ้นในช่วงประมาณวันที่ 13 ถึง 15 มกราคม ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวตะวันตกจำนวนมากมักไปรวมกลุ่มกัน เป็นต้นว่า ถนนข้าวสาร

แหล่งข่าวรายนี้ระบุว่า ภายหลังการเตือนครั้งที่สองของอิสราเอลแล้ว จึงได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย โดยที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทยมีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯและอิสราเอล

อนึ่งหนึ่งในเหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อมีการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีบริเวณไนต์คลับแห่งหนึ่ง บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 202 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ต่อมาในปี 2003 ริดวน อิสมามุดดิน ชาวอินโดนีเซียผู้เป็นที่รู้จักกันในนาม “ฮัมบาลี” และเป็นผู้ต้องหาวางแผนโจมตีเกาะบาหลีเมื่อปี 2002 ได้ถูกจับกุมได้ในประเทศไทย

เขายังถูกกล่าวหาว่า เป็นตัวแทนของ “อัลกออิดะห์” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการของ “ญะมาอะห์ อิสลามียะห์” (เจไอ) กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในภูมิภาคนี้


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผู้ก่อการร้ายระดับโลกบุกเข้าไทย ถูกจับแล้ว



<SCRIPT type=text/javascript src="http://p1.s1sf.com/sh/0/js/jquery.rating-1.0.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> (function() { var ctrt = document.createElement('script'); ctrt.type = 'text/javascript'; ctrt.async = true; ctrt.src = "http://app.sanook.com/weblog/ctrt/js/?zone=news&site_id=71&weblog_id=21&entry_id=1090980"; var s = document.getElementsByTagName('script')[0]; s.parentNode.insertBefore(ctrt, s); })(); </SCRIPT>
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว


(13 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่อเหตุร้ายในประเทศไทยได้แล้วตามที่สถานทูตสหรัฐออกประกาศเตือน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานให้ทราบตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ได้มีการติดตามข่าวกลุ่มก่อการร้ายมาโดยตลอดล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวเลบานอน เป็นกลุ่มก่อการร้ายฮิซบัลเลาะห์ ได้แล้ว

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทยได้รับแจ้งจากทางการสหรัฐฯ ว่ามีผู้ต้องสงสัยชาวมุสลิม 2 คนที่จะเป็นผู้ก่อการร้ายได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย และมีแผนที่จะก่อการร้ายขึ้นนั้น ล่าสุด สามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาวเลบานอนในกลุ่ม ฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ได้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องสงสัยดังกล่าว โดยยังไม่สามารถเปิดเผยถึงผลการสอบสวนได้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนชาวไทยมั่นใจในความปลอดภัย
สำหรับ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ หรือ ฮิซบอลลาห์ เป็นองค์กรและพรรคการเมืองของชาวมุสลิมชีอะฮ์ในเลบานอน ซึ่งมีกองทัพของตนเอง ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1982 อันเป็นปีที่อิสราเอลบุกรุกเลบานอน โดยมีจุดประสงค์เพื่อขับไล่กองทัพอิสราเอลที่ยึดครองเลบานอน จนสามารถต่อสู้และขับไล่ทัพอิสราเอลออกจากเลบานอนได้ในปี ค.ศ. 2000 เลขาธิการใหญ่ของพรรคฮิซบุลลอฮ์คือ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอหฺ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: สถานทูตสหรัฐฯในไทยเตือนพลเมืองระวัง "ก่อการร้าย" ในกรุงเทพฯ<!-- google_ad_section_end -->

 

ชาวจีนหัวใสผลิตชาอึแพนด้าก.ก.ละ2.2 ล้านบาท

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->


<!-- End More Pics -->
<!-- End More picture--><!-- Begin Thumb More picture -->ภาพประกอบข่าว

<!-- End Box Tools and more Picture-->ตำราโบราณในบางพื้นที่ของจีนชี้ว่าสารพิเศษใน "อึ" แพนด้านั้นมีคุณค่าต่อการบำรุงร่างกายเป็นพิเศษ
<!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>-->
เรื่องการค้าการขายนี่คงจะมีพ่อค้าในโลกที่มีฝีมือเท่าเทียมกับพ่อค้าชาวจีนน้อยมาก จะหยิบจะจับอะไรนิดๆหน่อยก็กลายเป็นเงินมหาศาล ไม่เว้นแม้แต่ "ชา" ชนิดหนึ่งที่ถือว่า "แพง" ที่สุดในโลกในเวลานี้ เพราะเป็นชาที่ได้ "อึ" แพนด้ามาเป็นปุ๋ยชั้นดีที่มีแหล่งเพาะปลูกในพื้นที่ภูเขาสูงในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแดนมังกรเพียงแห่งเดียว
ความคิดบรรเจิดในการยกระดับมูลค่าสินค้าธรรมดาๆอย่างชาให้มีคุณค่าสมกับราคาที่จะต้องจ่ายไปเป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นในสมองของนายอัน ย่านชี่ นักธุรกิจหัวใสชาวจีน อดีตครูสอนการเขียนอักษรจีนศิลป์แห่งมหาวิทยาลัยเสฉวน ที่ลาออกจากงานเพื่อใช้ใช้เวลาทุ่มเทฟูมฟัก ชาอึแพนด้าให้มีคุณภาพสูงสุดและสามารถจำหน่ายในตลาดชั้นสูงในราคา 220,000 หยวน หรือ 1.1 ล้านบาท ต่อ 500 กรัม
นายย่านชี่ ได้กว้านซื้ออึแพนด้าจากสถานอนุรักษ์พันธุ์แพนด้ายักษ์ในมณฑลเสฉวนจำนวน 11 ตัน เพื่อใช้เป็นปุ๋ยสำหรับชาของเขา ทั้งยังประคบประหงมต้นชาเป็นอย่างดี เพื่อสร้างสารอาหารและสารบำรุงพิเศษให้กับต้นชาที่จะได้จากอึแพนด้า ที่นายย่านชี่อ้างว่ามีตำราโบราณในบางพื้นที่ของจีนชี้ว่าสารพิเศษใน "อึ" แพนด้านั้นมีคุณค่าต่อการบำรุงร่างกายเป็นพิเศษ
อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ใช้พื้นที่ 2.5 เอเคอร์บนยอดเขาสูงในมณฑลเสฉวนในการปลูกชาอึแพนด้า และจะมีผลผลิตชุดแรกออกมาในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าชาที่เด็ดยอดในเดือนเมษายนจะเป็นชาที่สมบูรณ์ที่สุดและมีคุณค่ามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ชาที่แพงที่สุดในตลาดออกวางจำหน่ายในราคาสูงสุดเพียง 1 แสนบาท ซึ่งเทียบไม่ได้กับราคาชาอึแพนด้าที่นายย่านชี่กำลังจะนำออกจำหน่าย

 

เอสแอนด์พีหั่นเรตติ้งเครดิตชาติยูโรโซนกราวรูด9ชาติ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->
เอสแอนด์พีปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ 9 ชาติในยูโรโซนรวมฝรั่งเศส สเปน ออสเตรียและอิตาลีเพราะยังจัดการปัญหาหนี้สินได้ไม่ดีพอ



สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำโลก ได้ปรับลดอันดับเครดิตระยะยาวของฝรั่งเศสลง 1 ขั้น จาก AAA อยู่ที่ AA+โดยมีแนวโน้มเชิงลบ พร้อมทั้งปรับลดอันดับเครดิตของประเทศอื่นๆในยูโรโซนอีก 8 ประเทศ รวมออสเตรีย ที่ถูกปรับลดเครดิตลง 1 ขั้นเช่นกัน จาก AAA สู่ AA+ โดยให้เหตุผลว่า ข้อตกลงที่ผู้นำยุโรปบรรลุในเดือนธ.ค.ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับปัญหาหนี้สินของภูมิภาค
การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ สะท้อนถึงการประเมินของเอสแอนด์พีที่ว่า แผนริเริ่มด้านนโยบายของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะไม่เพียงพอที่จะจัดการกับความตึงเครียดทางระบบอย่างต่อเนื่องในยูโรโซนได้อย่างเต็มที่
นอกจากฝรั่งเศส และออสเตรียแล้ว เอสแอนด์พี ยังได้ปรับลดอันดับเครดิตระยะยาวของไซปรัส อิตาลี โปรตุเกส และสเปนลง 2 ขั้น รวมทั้ง มอลตา สโลวาเกีย และสโลเวเนียลง 1 ขั้น โดยในขณะนี้ อันดับเครดิตของสเปนและอิตาลีอยู่ที่ A และ BBB+ ตามลำดับ
เอสแอนด์พี ระบุว่า ข้อตกลงทางการเมือง ไม่ได้จัดหาทุนทรัพย์เพิ่มเติม หรือเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการดำเนินงานที่เพียงพอที่จะหนุนการช่วยเหลือยุโรป หรือขยายการสนับสนุนประเทศในยูโรโซนที่ได้รับแรงกดดันในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเพียงพอ
ขณะเดียวกัน เอสแอนด์พี ยืนยันอันดับเครดิต AAA ของเบลเยียม เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ โดยระบุว่า ประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า เมื่อพิจารณาจากสถานะภายนอก ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และปัญหาหนี้สินที่น้อยกว่าในภาครัฐและภาคเอกชน
ส่วนประเทศที่มีแนวโน้มอันดับเครดิตระยะยาวอยู่ในเชิงลบคือออสเตรีย เบลเยียม ไซปรัส เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ และอิตาลี ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สโลเวเนีย และสเปน ซึ่งบ่งชี้ว่า มีโอกาสอย่างน้อยที่สุด 1 ใน 3 ที่จะมีการปรับลดเครดิตในปี 2555 หรือ 2556
เอสแอนด์พี ระบุด้วยว่า ความเสี่ยงช่วงขาลงที่สำคัญ ที่อาจจะกระทบประเทศในยูโรโซนเกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ที่ภาวะการคลังจะย่ำแย่ลงอย่างมากต่อไปอีก
<!-- Tags Keyword -->

 

ราคาน้ำมันตลาดโลกดิ่งหวั่นความต้องการในยุโรปหด

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->


<!-- End More Pics -->
<!-- End More picture--><!-- Begin Thumb More picture -->ภาพประกอบข่าว
ราคาน้ำมันตลาดสหรัฐ ปิดตลาดปรับตัวลง 20 เซนต์เพราะตลาดกังวลว่าความต้องการน้ำมันจะอยู่ในภาวะตึงตัวโดยเฉพาะในกลุ่มชาติยูโรโซน
ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ส่งมอบเดือนก.พ. ปิดตลาด ร่วงลง 40 เซนต์ ปิดที่ 98.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. ปิดตลาดปรับตัวลง 82 เซนต์ ปิดที่ 110.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันดิบสำรองที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ถูกกดดันอย่างหนักจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกลุ่มยูโรโซน และการชลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเรื่องความต้องการน้ำมันในยุโรปว่าอาจจะลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะจากฝรั่งเศส ออสเตรีย และอิตาลีที่ถูกเอสแอนด์พี ปรับลดอันดับ
หุ้นสหรัฐดิ่งรับข่าวเอสแอนด์พีหั่นเรตติ้ง9ชาติยูโรโซน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->
หุ้นสหรัฐปิดตลาดปรับตัวลงเพราะข่าวร้ายเอสแอนด์พีปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ 9 ประเทศในยูโรโซนที่มีภาระหนี้สาธารณะสูง
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 48.96 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 12,422.06 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 6.41 จุดหรือ 0.49% ปิดที่1,289.09 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก ขยับขึ้น 14.03 หรือ0.51% ปิดที่ 2,710.67 จุด
ทั้งนี้ เอสแอนด์พี สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีลง 2 ขั้นจาก A เป็น BBB+ พร้อมให้แนวโน้มเชิงลบ ส่วนสเปน ลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 2 ขั้นไปอยู่ที่ระดับ A พร้อมแนวโน้มเชิงลบ
นอกจากนี้ ยังปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของฝรั่งเศสลง 1 ขั้นจาก AAA ไปอยู่ที่ AA+ พร้อมด้วยแนวโน้มเชิงลบ ส่วนออสเตรีย ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง1ขั้น

ราคาทองคำทรุด1%หลังยูโรดิ่งแรงเทียบ16สกุลเงินหลัก

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->
ราคาทองคำโลกปิดตลาดวันศุกร์ปรับตัวลง 1% หลังจากเงินยูโรอ่อนค่าอย่างรุนแรงเพราะถูกกดดันจากข่าวเอสแอนด์พีหั่นเรตติ้ง
ราคาทองคำสปอต ปรับตัวลดลง 1.1% ปิดตลาดที่ราคา 1,631.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าโคเม็กซ์ ในสหรัฐ ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวลง 15.30 ดอลลาร์ ปิดตลาดราคาอยู่ที่ 1,632.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ เงินยูโรอ่อนอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และเงินเยนของญี่ปุ่น หลังมีข่าวเอสแอนด์พี ลดอันดับความน่าเชื่อถือหลายประเทศในยูโรโซน โดยยูโรอ่อนค่าลง 1% แตะ 1.2691 ยูโรต่อดอลลาร์ และยังตกลง 0.7% แตะ 97.70 ยูโรต่อเยน
นอกจากนี้ เงินยูโร ยังอ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลักอีก 16 สกุล หลังจากที่มีรายงานข่าวเรื่องการลดอันดับความน่าเชื่อถือ

 

สหรัฐเตรียมฟื้นสัมพันธ์การทูตกับพม่า


ฮิลลารี เผย สหรัฐเตรียมฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบกับพม่า ด้วยการเตรียมแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูตระหว่างกัน หลังพม่าปล่อยตัวนักการเมืองหลายคน

นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวภายหลังการหารือกับสภาคองเกรส ว่าสหรัฐเตรียมกำหนดบุคคลทำหน้าที่เอกอัครราชทูตประจำพม่าต่อไป แต่ย้ำว่ากระบวนการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับพม่ายังต้องใช้เวลาอีกนาน และขึ้นอยู่กับการปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นต่อไปในพม่า
ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ยกย่องรัฐบาลพม่าที่ปล่อยตัวนักโทษการเมืองคนสำคัญหลายรายเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากเป็นขั้นตอนสำคัญของการปฏิรูปประเทศไปสู่ประชาธิปไตย แม้จะยังมีกระบวนการต่างๆ อีกมากรออยู่ก็ตาม แต่สหรัฐก็พร้อมจะกระชับสัมพันธ์กับรัฐบาลพม่า
ทั้งนี้ สหรัฐไม่มีเอกอัครราชทูตประจำในพม่า โดยเจ้าหน้าที่ทูตสูงสุดได้แก่กงสุลใหญ่ประจำพม่า.

 

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการควบคุมนายอัตริส ฮุสเซน ชาวสวีเดนเชื้อชาติเลบานอน หลังหลังมีรายงานเตรียมก่อเหตุความวุ่นวาย ว่า
จากการสอบถามทราบว่ามีการเตรียมการที่จะก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครจริง แต่ต้องล้มเลิกเนื่องจากทางการไทยสามารถจับกุมตัวได้ส่วนผู้ต้องสงสัยตามภาพสเก็ตช์อีกรายนั้น นายอัตริส ให้ข้อมูลว่าไม่ทราบว่าขณะนี้อยู่ที่ไหน
ขณะที่ทางการข่าวก็ยังไม่พบข้อมูล ส่วนการจับกุมตัวนายอัตริส นั้น ไม่พบการประกอบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวได้ 60 วันตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีอำนาจ จากนั้นจึงจะส่งตัวกลับประเทศ โดยจะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากยังไม่ได้กระทำความผิด




รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (13ม.ค.) พระกิตติภูมิ ปัญญาวุธโฒ พระวัดภูพลาญสูง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ได้นำภาพถ่ายติดวิญญาณ ขณะทำพิธีนั่งวิปัสนากรรมฐาน ปริวาสติกรรม พระสงฆ์ 220 รูป ที่ วัดหนองคอน ต.โพนแพน อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ให้กับสื่อได้ชม
ซึ่งพระกิตติภูมิ เผยว่าภาพดังกล่าวถ่ายที่บริเวณหน้าเมรุวัดหนองดอน ด้วยกล้องมือถือ ซึ่งเป็นที่ตกใจมากหลังนำรูปมาลงคอมพิวเตอร์ แต่ปรากฎเป็นเงาคล้ายผู้หญิง อยู่ทางขวาของรูป ทั้งนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณหรือสัมภเวสีที่มาขอส่วนบุญส่วนกุศลขณะกำลังทำพิธี
อย่างไรก้ดีเมื่อภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปกับให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา โดยบางคนบอกว่าภาพดังกล่าวอาจจะทำขึ้นเองด้วยแอพพริเคชั่นบนมือถือก็เป็นได้ เพราะภาพวิญญาณมีลักษณะคล้ายกับมีให้เลือกในโปรแกรมดังกล่าวนี้
Mthai News




เว็บไซต์เดลีเมล์ ได้เผยภาพสุดระทึกเมื่อเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า กอสตา กอนกอร์เดีย บรรทุกผู้โยสารกว่า 4,000คน ที่อยู่ระหว่างเดินทางท่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ประสบเหตุเกยตื้นชนกับแนวปะการัง ที่บริเวณนอกชายฝั่งใกล้เมืองอีโซลา เดล จีกลีโอ ของอิตาลี จนทำให้มันเอีงจนเกือบจะคว่ำ คล้ายกับฉากภาพยนตร์ดังไททานิค
ซึ่งจากเหตุดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยของอิตาลี ต่างต้องเร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้โดยสารเป็นการด่วน ทั้งนี้จากอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสีย 8ราย บาดเจ็บนับพันคน และสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง หลังได้กระโดดลงจากเรือด้วยความตื่นตกใจเมื่อเรือเริ่มเอียง
โดย 1ในผู้โดยสารเล่าวว่า เหตุการณืดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างทานอาหารมื้อเย็น เมื่อจู่ๆ ไฟบนเรือก็ดับ และได้ยินเสียงชนดังสนั่น แรกทีเดียวได้รับแจ้งว่าเรือหยุดชั่วขณะเพราะไฟฟ้าขัดข้อง แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพเป็นการด่วน ด้านบริษัทเจ้าของเรือยังไม่สามารถระบุสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ แต่ก็เร่งรีบอพยพผู้คนแล้ว







Mthai News

 

14 ม.ค. 55

นับหัว ผ่านกลาง จรดหาง
ระวัง เอาไว้ จะดี
จะได้ รักษา ชีวี
เพื่อพี่ เพื่อน้อง ของตัว

ถ้ามา ตามที่ คาดกัน
รีบรัน กันก่อน ต้นเมษ
ครอบครัว จะไม่ ปวดเฮด
ทุเรศ ถ้านอน ตามทาง

หรือว่า จะอยู่ ตั้งรับ
ท่านครับ ต้องเตรียม ความพร้อม
ข้าวสาร อาหาร เงินทอง
อยู่ท้อง พระคลัง ตัวเอง

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

ลุง k-97 ขอบคุณสำหรับคำเตือนคะ.......แต่บางคำแปลไม่ค่อยได้คะ...หัวเริ่มจากจังหวัดไหน กลางหมายถึง กรุงเทพหรือเปล่า .......ถ้าจะอยู่กรุงเทพ.........ก็ได้ใช่ไหมคะ........แล้วต้องเตรียมเสบียงไว้เยอะไหม ประมาณกี่วันคะ.....
ปลายเมษายน เด็ก ๆ ก็ใกล้เปิดเรียน.........งานก็ต้องทำ.....แล้วจะไปยังไงละที่นี้.........

คราวนี้จะหนักกว่าครั้งที่แล้วไหม.......เพราะครั้งก่อนไม่ได้ท่วมทั้งกรุงเทพนะคะ..........ที่บ้านก็ไม่ท่วม