ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เขาทักมาหลายครั้งแล้ว เรื่องย้ายเมืองหลวง

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=ecxheadline vAlign=baseline align=left>สื่อนอก ชี้ “น้ำท่วมไทย” บ่งบอกวิกฤตโลกร้อน เตือน กรุงเทพ เสี่ยงจมบาดาล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=ecxdate vAlign=middle align=left>7 พฤศจิกายน 2554 </TD><TD vAlign=middle align=left>



    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=556><TBODY><TR><TD vAlign=top width=556 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ชี้ วิกฤตอุทกภัยไทย เป็นสัญญาณภาวะโลกร้อน พร้อมเตือน รัฐบาลเร่งหามาตรการป้องกันเมืองหลวง จากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ห่างจากชายฝั่งตอนเหนือของอ่าวไทย เพียง 30 กิโลเมตร กำลังทรุดตัวลงอย่างช้าๆ และอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณเตือนภัย ที่ร้ายแรงกว่า จากวิกฤตโลกร้อน ที่จะสัมผัสได้มากขึ้นทุกที

    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยากรณ์ว่า อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น จะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นราว 19-29 เซนติเมตร ภายในปี 2050 ซึ่งจะกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เอ่อล้นตลิ่งอยู่เป็นระยะแล้ว

    หากรัฐบาลไทย ไม่คิดหามาตรการปกป้องเมืองหลวงแห่งนี้เอาไว้ “ภายใน 50 ปีข้างหน้า พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล” อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุ

    อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ยังไม่ใช่แค่ปัญหาเดียว แต่การขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค ของโรงงานอุตสาหกรรม และคนเมืองหลวงกว่า 12 ล้านคน ยังส่งผลให้ พื้นดินเขตกรุงเทพมหานครทรุดต่ำลง เฉลี่ยปีละ 10 เซนติเมตร ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ผลการศึกษาซึ่งเผยแพร่ในปีที่แล้ วโดยธนาคารโลก, ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และธนาคารแห่งญี่ปุ่นเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (JBIC) ระบุ

    อัตราการทรุดตัวค่อยๆ ลดลง จนเหลือปีละไม่ถึง 1 เซนติเมตรในปัจจุบัน เนื่องจาก รัฐบาลหันมาควบคุมการขุดเจาะน้ำบาดาลมากขึ้น ซึ่งผู้สรุปรายงานคาดว่า หากความพยายามเหล่านี้ยังคงอยู่ อัตราการทรุดตัวของกรุงเทพมหานคร จะลดลงเรื่อยๆ ปีละ 10 เปอร์เซ็นต์

    อย่างไรก็ดี อานนท์ ไม่เห็นด้วยกับคำพยากรณ์เหล่านี้ และเตือนว่า พื้นที่ กทม. ยังคงทรุดตัวราว 1-3 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเร็ว ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

    แม้นักวิทยาศาสต ร์จะยังถกเถียงถึงตัวเลขที่แน่ชัด ทว่า ทุกฝ่ายต่างสรุปตรงกันเกี่ยวกับอนาคตที่น่าหวาดหวั่นของมหานครแห่งนี้

    “ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว กรุงเทพมหานครจะไม่ยกตัวสูงขึ้นอีก” เดวิด แม็คคอลีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลง ของสภาพอากาศ จากธนาคารเอดีบี ระบุ

    ด้วยความเสี่ยงหลายประการ ทั้งการทรุดตัวของพื้นดิน, ภาวะโลกร้อน และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ธนาคารโลกจึงทำนายว่า กรุงเทพมหานคร จะเสี่ยงเกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ถึง 4 เท่า ภายในปี 2050

    นอกจากนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)ยังจัดให้กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งใน 10 เมืองใหญ่ของโลก ที่เสี่ยงเผชิญวิกฤตน้ำท่วมชายฝั่ง (coastal flooding) ภายในปี 2070

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=556><TBODY><TR><TD vAlign=top width=556 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    ชาวกรุงเทพฯ หันมาใช้เรือเป็นพาหนะ หลังกระแสน้ำไหลบ่า เข้าท่วมบ้านเรือน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แม้กรุงเทพมหานคร จะมีระบบเขื่อนกั้นน้ำ, คูคลอง, ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อกั้นน้ำทะเล มิให้รุกคืบถึงเขตเมือง ทว่า ความพยายามเหล่านี้ ก็ไม่อาจสกัดกั้นมวลน้ำเหนือ ที่ไหลบ่าลงมาท่วมพื้นที่เมืองหลวง ถึง 1 ใน 5 แล้ว

    การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้กรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงมาก พื้นที่ ที่ต้องการการป้องกันน้ำท่วม มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้น้ำ “มีทางไปน้อยลง”ฟรองซัวร์ มอลล์ ผู้เชี่ยวชาญการจัดการน้ำ จากสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส กล่าว

    มอลล์ ระบุด้วยว่า ในอนาคต กรุงเทพฯ จะต้องจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน “แต่คำถามสำคัญก็คือ เมื่อไหร่”

    ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่า รัฐบาลไทย ควรเข้ามาดูแลการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในกรุงเทพ, วางแผนรับมือความเสี่ยงต่างๆ และย้ายนิคมอุตสาหกรรม ออกไปให้พ้นจากเขตน้ำท่วม... หรือแม้กระทั่ง ย้ายเมืองหลวงทั้งเมือง!

    “การตั้งเมืองหลวงใหม่ คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการปลอดภัย จากน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง ใน 1 วัน และ 365 วัน ใน 1 ปี”
    อานนท์ กล่าว

    “เรายังมีพื้นที่อื่นๆ ที่สามารถตั้งเป็นเมืองหลวง ที่ปราศจากน้ำท่วม ประเทศนี้ ยังมีพื้นที่อีกเยอะ”

    แม้จะฟังดูเลวร้ายเกินเหตุ แต่แน่นอนที่สุดว่า กรุงเทพมหานคร ต้องเริ่มลงมือแก้ไข หากไม่ต้องการ กลายเป็นเมืองใต้บาดาล เช่นเดียวกับ “แอตแลนติส”

    “หากจะตั้งเมืองหลวงที่นี่ต่อไป กรุงเทพมหานคร ต้องเตรียมการป้องกันที่ดีขึ้น” โรเบิร์ต นิคอลส์ อาจารย์ด้านวิศวกรรมชายฝั่ง จากมหาวิทยาลัยเซาท์ แธมป์ตัน ของอังกฤษ เผย พร้อมระบุว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้ อาจกระตุ้นให้รัฐบาลไทย ต้องทุ่มงบประมาณมหาศาล เพื่อป้องกันเมืองหลวง ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=516><TBODY><TR><TD vAlign=top width=516 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=ecxImage vAlign=baseline align=left>
    เด็กๆ ยังออกมาเล่นน้ำที่ท่วมขัง บนผิวถนน อย่างไม่อนาทรร้อนใจนัก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    เขาไม่ได้มาทักหรอก....ครับ....เค้ามาไล่ น่ะ สิ :mad:
    แถมยังไม่ยอมไปซะด้วย.....เดี๋ยวปีหน้าก็รู้....อิอิอิอิอิ :'(
     
  3. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    เพ่ :) เค้ามาเตือน
     
  4. hanky

    hanky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +176

    สมัยเป็นเด็กพ่อ-แม่เคยบอกว่าถ้าอยู่เมืองไทย อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากเป็นนักการเมืองต้องทำตัวให้ "ไม่รู้จักร้อน ไม่รู้จักหนาว" เพิ่งเข้าใจความหมายตอนนี้เอง 555:boo:
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ทางรอดพ้นสรรพภัยทั้งปวงหลังกึ่งพระพุทธกาล ****

    อย่าอยู่ใกล้...คนพาล
    อย่าอยู่....เมืองอบายมุข
    อย่าอยู่ใกล้...แหล่งขายพระ ขายวัดกิน
    อย่าอยู่...ที่ราบใกล้น้ำ
    ให้อยู่ด้วย...สัจจะ ทุกวัน
    อยู่ใกล้....ผู้มีสัจจะ ผู้ทำได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ผู้ทำได้ คงต้องมา.

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    <TABLE id=post5269187 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>22-10-2011, 11:56 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #11 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5269187", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,475
    พลังการให้คะแนน: 5215 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5269187 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->วชิรพยาบาล
    681 ถ.สามเสน แขวงวชิระ เขตดุสิต กทม.


    วัชร, วัชระ [วัดชะระ] น. วชิระ. (ส. วชฺร; ป. วชิร).
    วชิร, วชิระ [วะชิระ] น. สายฟ้า; เพชร; อาวุธพระอินทร์. (ป.; ส. วชฺร).
    .....................................................................
    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
    .....................................................................


    วัชระ วชร วชิระ วัชร ความหมายเดียวกันคะ แค่ลงประวิสรรชนีย์หรือลงอิปัจจัยในวชิระเท่านั้น แปลว่า สายฟ้า พระอินทร์ ชื่อพระโพธิศัตว์พระอง์หนึ่ง(โพธิสัตว์วชิระปาณี)

    วัชร,วัชร,วัชระ หมายถึงอะไร - มีคำตอบ - กูรู




    ประวัติ (HISTORY)


    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> คำนำ </B>[/FONT]
    วชิรพยาบาลเป็นโรงพยาบาลที่เปิดให้การบำบัดโรคแก่ประชาชน มาช้านานแห่งหนึ่ง เมื่อวชิรพยาบาลเริ่มจะได้รับความเหลียวแลจากผู้มีอำนาจในการทนุบำรุงจึงได้มีการปฏิรูปโรงพยาบาลขึ้นอีกปีละเล็กละน้อย เฉพาะอย่างยิ่งในด้านขยายกิจการสาขาต่าง ๆ และการก่อสร้างสถานที่นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ จนถึงบัดนี้มีการต่อเติมตึกเก่าและก่อสร้างตึกใหม่รวมทั้งสิ้น ๘ หลัง กับได้จัดซื้อที่ดินขยายเขตต์วชิรพยาบาลไปจนจดแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นนี้ย่อมทำให้สภาพของโรงพยาบาลค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากลักษณะเดิมปีละเล็กละน้อย จนกระทั่งบัดนี้เมื่อตึกอำนวยการหลังใหม่นิ้สร้างเสร็จย่อมทำให้เค้าเดิมของวชิรพยาบาลแม้ว่าจะเป็นของเก่าโบราณซึ่งล้าสมัยขาดความเหมาะสมในด้านบริการเจ็บไข้แก่ประชาชน แต่ก็ยังเป็นของเก่าที่มีค่าควรแก่การทำประวัติของโรงพยาบาล จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมเรื่องราวและหลังฐานของโรงพยาบาลเพื่อสร้างเป็นประวัติไว้ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้าบ้างไม่มากก็น้อย แต่การค้นหาหลักฐานเก่า ๆ นิ้เป็นเรื่องที่กระทำให้สมบูรณ์ได้ยาก ฉะนั้นหากมีการขาดตกบกพร่องประการใดก็ขอได้โปรดให้อภัยด้วยและหากจะได้ กรุณาชิ้ข้อบกพร่องเหล่านั้นมายังผู้เขียนโดยตรงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
    อนึ่ง การคัดข้อความบางตอนที่เป็นชื่อเดิม สำนวนโวหารเดิม ซึ่งไม่สู้สละสลวยในสมัยปัจจุบัน ดังปรากฏในเรื่องนี้ ก็หาได้มีเจตนาไปในทางอื่นใดไม่ หากแต่เพื่อรักษารูปและลักษณะของของเดิมไว้ เพื่อให้เห็นวิวัฒนาการของสำนวน ภาษาคำพูดซึ่งจะหาอีกมิได้ในสมัยนี้ ขอท่านผู้อ่านได้โปรดเข้าใจเจตนาอันแท้จริงตามนี้ด้วย

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> กำเนิดโรงพยาบาล </B>[/FONT]
    ที่ตั้งวชิรพยาบาลแต่เดิมทีเดียว(ไม่รวมที่ดินแปลงใหม่ที่ได้จัดซื้อเพื่อขยายเขตต์โรงพยาบาลไปจดริมแม่น้ำเจ้าพราะยาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙) คือ ผืนที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ ๒๗ ไร่เศษ สิ่งก่อสร้างที่สำคัญมีตึกแบบเก่าขนาดใหญ่ ๒ หลัง ที่เคยมองเห็นจากด้านหน้าโรงพยาบาล เดิมเป็นบ้านเลขที่ ๖๗๑ ถนนสามเสน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ของพระสรรพการหิรัญกิจ (นายเชย สรรพการ) ตึกเก่า ๒ หลังนี้ หลังใหญ่เป็นตึก ๓ ชั้น (ไม่นับชั้นล่างสุดซึ่งเป็นพื้นซีเมนต์) ส่วนหลังเล็กเป็นตึก ๒ ชั้น ทั้ง ๒ หลังเป็นตึกแบบโบราณพื้นไม้สัก ตัวตึกไม่ปรากฏโครงเหล็กผนังตึกก่ออิฐถือปูนหนาไม่น้อยกว่าหนึ่งฟุตครึ่ง ลักษณะเดิมสลักเสลามาก ทราบว่าได้ถูกลบลวดลายออกให้ภายในตึกเป็นแบบเรียบๆ เสียมากตั้งแต่เริ่มใช้เป็นสถานพยาบาล แม้กระนั้นก็ยังปรากฏลวดลายสวยงามตามฝา เพดานประตู หน้าต่าง อีกหลายแห่ง แบบคฤหาสน์โบราณ มุขด้านหลังตลอดจนบันไดด้านหลังเป็นหินอ่อนนอกจากนั้นยังมีเรือนไม้ลักและกระโจมไม้สัก ซึ่งมีแบบและลวดลายพร้อมด้วยกระจกหลากสีสวยงามแบบโบราณ ส่วนบริเวณทั่วไปมีทั้งที่ราบเนินดินสูง อุโมงค์ ภูเขาจำลอง โขดหิน ต้นไม้ใหญ่น้อยประดับประดาเป็นจำนวนมาก และมีทั้งทางคดเคี้ยวไปมาแบบเดินในสวนสาธารณโบราณ สถานที่นี้ปรากฏในเอกสารบางฉบับ เรียกชื่อว่า “หิมพานต์ปาร์ค” ภายในปาร์คนี้มีคลองโดยรอบสี่เหลี่ยม ตามรูปที่ดินแล้วบรรจบกันไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเรียกชื่อว่า “คลองอั้งโล่” ขณะนี้บางตอนของคลอง ทางด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลได้ถมดินหมดสภาพของคูคลองไปบ้างแล้ว ที่ดินและตึกรวมทั่งสิ่งปลูกสร้างในปาร์คนี้ ต่อมาได้ตกเป็นกรรมสิทธิของแบงค์สยามกันมาจลทุนจำกัดจนกระทั่ง ร.ศ.๑๓๑ (พ.ศ.๒๕๕) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อที่ดิน พร้อมด้วยตึกและสิ่งปลูกสร้าง (ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๕/๓๓๕๔-๕/อ เลขที่ ๑๙) ในราคา ๒๔๐,๐๐๐ บาท ทรงมอบให้กรมสุขาภิบาล กระทรวงนครบาล เป็นผู้ปกปักรักษาใช้เป็นสถานพยาลบาลช่วยเหลือประชาชนผู้เจ็บป่วย ดังสำเนากระแสพระบรมราชโองการ ดังนี้

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> ประกาศ </B>[/FONT]
    ยกโรงวชิรพยาบาลให้เป็นสาธารณสถาน
    เรา สมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเล้าเจ้าแผ่นดินสยาม ขอประกาศแด่บรรดาอาณาประชาชนกรุงเทพมหานครทราบทั่วกัน
    ด้วยเรามาคำนึงถึงโบราณราชประเพณีที่มีมาว่า พระราชาธิบดีเมื่อได้ผ่านพิภพแล้วทรงรำพึงถึงบุพเพกตปุญญตาที่ได้ทรงสั่งสมมาจนพระองค์ได้บรรลุถึงซึ่งตำแหน่งที่สูดสุดในแผ่นดินได้ทรงรับมอบเป็นผู้ครอบครองรัฐสีมา แผ่อาณาเหนือประชาชน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข จึงทรงสร้างพระอารามขึ้นไว้ให้เป็นเครื่องเฉลิมพระราชศรัทธา และเพื่อให้เป็นสถานที่สถิตย์แห่งภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสุตาธิคุณ เป็นผู้ค้ำจุนพระบวรพุทธศาสนาให้ถาวรอยู่ เพื่อประโยชน์แห่งนิกรชน นับว่าพระมหากษัตราธิราชทรงกระทำการเพื่อประโยชน์แห่งชาติบ้านเมืองและผสกนิกรได้อย่าง ๑
    ส่วนตัวเราเอง เมื่อได้รับภาระเป็นผู้ปกครองท่านทั้งหลายต่างพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปิยมหาราชแห่งคนไทย และสมเด็จพระบรมชนกนารถของเรา เราก็ได้รำพึงถึงพระราชประเพณีโบราณอันกล่าวมาแล้วนั้น แต่มารู้สึกว่าในกาลปัตยุบันนี้ พระอารามสำคัญๆ ในพระมาหานครนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมราชวงศ์จักรีที่ได้เสวยราชย์มาก่อนเราถึง ๕ รัชกาลแล้วนั้น ก็ได้ทรง สฐาปนาขึ้นไว้แล้วหลายพระอาราม ตัวเราผู้เป็นทายาทสืบสันตติวงษ์ก็มีหน้าที่เป็นผู้บำรุงพระอารามเหล่านั้นอยู่แล้ว ครั้นว่าเราจะสร้างสฐาปนาพระอารามขึ้นใหม่ ก็จะเกินแก่ความเจำเป็นในส่วนทางบำรุงพระศาสนาซ้ำจะเป็นภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่มีผลดีเพียงพอ แต่ครั้นว่าเราจะเพิกเฉยเสียไม่กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นเป็นสาธารณประโยชน์ ก็ดูประหนึ่งว่าเราไม่รู้จักรำฤกถึงบุพเพกตปุญญตา ไม่รู้สึกความภาคภูมิในใจที่ได้รับตำแหน่งอันสำคัญ อันที่จริงนั้นตั้งแต่เริ่มแรกมาเราก็ได้รู้สึกอยู่แล้วด้วยความภาคภูมิใจและความหนักแห่งภาระที่เราได้รับมาโดยเป็นทายาท แห่งพระบาทสมเด็จบรมชนกนารถ ได้คิดอยู่เสมอที่จะหาทางสำแดงให้ปรากฏว่า เราปรารถนาที่อันใดอันหนึ่งขึ้นไว้เพื่อสาธารณประโยชน์แห่งผสกนิกร จึงได้ตกลงว่าจะจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้นสำหรับจังหวัดกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ได้มอบให้เจ้าพระยายมราชเป็นผู้จัดหาที่สร้างโรงพยาบาลนี้ขึ้น ฤามิฉนั้นก็ให้หาซื้อตึกเรือนอันใดซึ่งจะใช้เป็นโรงพยาบาลได้ ก็เผอิญประจวบกับเวลาที่มีผู้บอกขายตึกและที่ดินผืนนี้ เราจึงได้ออกทุนทรัพย์ส่วนพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ส่วนตัวของเราได้รับมาเป็นมรดกจากสมเด็จพระบรมชนกนารถนั้น ซื้อตึกและที่ดินนี้เพื่อประโยชน์อันนั้น
    การที่เราได้จำหน่ายทุนทรัพย์ส่วนตัวออกทำโรงพยาบาลขึ้นครั้งนี้ เพราะมารำพึงถึงบุพเพกปุญญตาและกุศลที่เราได้สั่งสมมา จึงได้มาตั้งอยู่ในฐานะแห่งผู้มีทรัพย์เพียงพอ และทรัพย์ที่เรามีอยู่นี้เห็นว่าจะจับจ่ายใช้สรอยในทางใดก็จะไม่ได้รับผลความพอใจเท่าทางที่จะทำให้เพื่อนมนุษย์ผู้มีโรคภัยเบียดเบียน
    ได้รับความบำรุงรักษาพยาบาลเพื่อทุเลาทุกขเวทนา ถ้าได้กลับเป็นผู้มีกำลังมีร่างกายบริบูรณ์ขึ้นอีก เราเห็นว่าจะเป็นทางทานอันจะได้รับผลดี ให้เราได้มีความสุขใจยิ่งกว่าที่จะแจกจ่ายทรัพย์ไปให้แก่คนขอทานโดยไม่เลือกหน้า
    บัดนี้โรงพยาบาลอันนี้ ก็ได้ตกแต่งขึ้นพร้อมแล้ว เราขอให้นามว่า “วชิรพยาบาล” และขอมอบที่นี้ไว้เป็นสาธารณสถานเป็นสมบัติสิทธิ์เด็ดขาดแก่ประชาชนชาวไทยให้ได้ใช้เพื่อเป็นที่พยาบาลผู้มีอาการป่วยไข้ต่อไป ขอมอบให้ไว้แก่กรมศุขาภิบาลเป็นผู้ปกปักรักษาในนามประชาชนสืบไปแต่วันนี้
    ขออำนาจคุณพระรัตนไตรอันเป็นนิรัติไสยบุญเขตร อันเป็นที่พึ่งตรึงจิตร์แห่งเราโดยมั่นคง และความจำนงจงจิตร์ที่เราได้บำเพ็ญสาธารณทาน เพื่อประโยชน์แห่งประชาชนชาวไทยอันเป็นที่รักใคร่แห่งเราเหมือนบุตร์ จงเป็นผลสำเร็จสมความปรารถนาได้แลเห็นผลดีทั้งในปัตยุบันนี้และในเบื้องหน้าต่อไปชั่วกาลนานเทอญ
    ประกาศมาณพฤหัศบดีที่ ๒ มกราคม พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้ ๒๔๕๕ พรรษา รัตนโกสินทรศก ๑๓๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ ฯ
    ในขั้นต้นที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการวชิรพยาบาลนั้น ตามหลักฐานปรากฎว่าผู้ที่มาเป็นแพทย์ประจำคนแรกคือ หมอติลลิกี (Dr Tilleke) ซึ่งขณะนั้นประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสามเสน สังกัดกรมศุขาภิบาล กระทรวงนครบาล โรงพยาบาลสามเสนนี้ตั้งอยู่เชิงสพานแดง (ตรงถนนสุโขทัยด้านแม่น้ำเจ้าพระยามีสพานแดงต่อจากถนนยื่นลงแม่น้ำ) ถนนสุโขทัยตอนข้างวังสุโขทัยนี้ ตามแผนผังวชิรพยาบาล พ.ศ.๒๔๖๙ เรียกชื่อถนนนี้ว่า ถนนดวงเดือนนอก โรงพยาบาลสามเสนนี้ จากหลักฐานที่ปรากฏ รู้สึกจะช่วยเหลือวชิรพยาบาลในคราวตั้งตัวอยู่มาก ทั้งตัวแพทย์และเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ เมื่อหมอติลลิกีมาเป็นผู้อำนวยการวชิรพยาบาล ได้สละเครื่องมือแพทย์ ยาต่าง ๆ ครุภัณฑ์ เครื่องแก้ว เครื่องมือตรวจเชื้อ เช่น กล้องจุลทรรศน์ เครื่องปั่นโลหิตและปัสสาวะตลอดจน เตียงตรวจ เตียงผ่าตัดและของใช้เบ็ดเตล็ด เพื่อเป็นสาธารณกุศลใช้ในวชิรพยาบาลในวันพิธีเปิดป้ายโรงพยาบาล ส่วนเตียงผู้ป่วยภายในนั้นยืมเตียงนายทหารชั้นนายพันจากกรมยกกระบัตรกระทรวงกลาโหมมาสมทบชั่วคราวจำนวน ๒๐–๓๐ เตียงเพื่อให้ทันกำหนดเปิดโรงพยาบาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิดป้ายผ้าคลุมโรงพยาบาล เมื่อเวลา ๔ โมงเย็น วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๕ แล้วเสด็จประทับบนมุขหน้าตึก ดังสำเนาขอรับพระราชทานทรงเปลื้องผ้าคลุมนามโรงพยาบาลดังนี้

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> กรมสุขาภิบาล </B>[/FONT]
    ขอเดชะ ฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
    โดยกระแสพระบรมราชดงการดำรัสเหนือเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินพร้อมทั้งสถานที่อันสมบูรณ์แล้วทุกประการให้เป็นโรงพยาบาล ซึ่งพระราชทานนาม ณ บัดนี้ว่า “วชิรพยาบาล” เป็นสาธารณสถานที่สำหรับรักษาโรคาพาธ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประโยชน์แก่พสกนิกรทั่วไป ไม่กำหนดขีดขั้นชั้นชนิดของบุคคล เพื่อเป็นการพระราชกุศลศิลานุปัฎฐานทานอีกประการหนึ่ง
    ในตำบลดุสิตนี้กรสุขาภิบาลมีความต้องการสถานที่พยาบาลให้สมควรมาช้านาน เพื่อประโยชน์โดยเฉพาะก็ด้วยเป็นตำบลที่ห่างไกลจากโรงพยาบาลอื่น ถึงแม้จะมีอยู่แห่งหนึ่ง ก็ไม่เป็นสถานที่สมควร แลไม่สมบูรณ์ด้วยองค์ของโรงพยาบาลจะเรียกว่าไม่มีก็เกือบได้ ความต้องการอันนั้นยังไม่สมหมายมาจนวันนี้ แลการที่ทรงพระมหากรุณาพระราชทานสถานที่พยาบาลในครั้งนี้ ได้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป มีผู้ที่อยู่ในอำเภอที่ใกล้เคียงเป็นต้น อีกประการหนึ่งทำให้พระมหานครมีคิลานสถานใหญ่โตสมควรแก่การพยาบาลอันเป็นสิ่งต้องการขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งสาธุชนจะพึงยินดีแลอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
    การรักษาพยาบาลคนไข้นี้ มนุษย์ชาติผู้มีธรรมจริยาอันงาม ไม่เลือกว่าชาติใดภาษาใด จะเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหรือลัทธิอื่น ๆ ก็ตาม ย่อมสรรเสริญว่าเป็นกุศลอันสูงอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุว่าโรคไภยไข้เจ็บเป็นทุกข์อันใหญ่หลวง ซึ่งสัตว์ทั้งปวงไม่พึงปราถนาอยู่ทุกรูปทุกนาม พยายามที่จะไม่ให้บังเกิดมี เพราะเหตุฉนี้ความเป็นผู้ไม่มีโรคจึงนับว่าเป็นลาภอย่างหนึ่งซึ่งยากที่บุคคลจะลืมได้ ข้อนี้สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เจ้าก็ตรัสไว้ว่า อาโรคยา ปรมา ลาภา ความหาโรคมิได้ ชื่อว่าเป็นลาภอย่างยอด ดังนี้ แต่การที่จะป้องกันมิให้โรคไภยไข้เจ็บบังเกิดขึ้นแล้วก็รักษาพยาบาลให้บันเทาเบาบางลง หรือให้หายไปเป็นครั้งคราวเท่านั้น การที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชดำริห์ชอบประกอบด้วยพระมหากรุณาแก่อาณาประชาชน ภายใต้พระบรมราชสมภารโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ทำเป็น โรงพยาบาลขึ้นสิ้นพระราชทรัพย์นับจำนวนตั้งแสน ๆ นี้ชื่อว่า ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอันต้องด้วยพุทธนิยม ซึ่งมีพุทธฎีกาตรัสไว้ (ในคัมภีร์มหาวรรควินัยปิฎก) ว่าโย ภิก์ขเวมํ อุป์ฐเหย์ย โส คิลานํ อุปฎ์ฐเหย์ย ความว่าดูกรภิกษุทั้งหลายถ้าบุคคลผู้ใดอยากจะพยาบาลบำรุงเราผู้ตถาคตแล้ว ก็ให้บุคคลผู้นั้นพยาบาลบำรุงคนเจ็บไข้เถิด อาไศรยดังนี้แหละ ข้าพุทธเจ้าจึงอาจกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระราชกุศลในครั้งนี้ เป็นกุศลอันล้ำเลิศประเสริฐสุดที่ได้ทรงบำเพ็ญส่วนหนึ่ง
    เพราะฉนั้น ข้าพระพุทธเจ้าผู้แทนในนามของสาธารณชนที่อยู่ในตำบลดุสิตนี้และอำเภอที่ใกล้เคียงหรือที่จะมาแต่จาตุรทิศ ซึ่งจะได้รับพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์จากสถานวชิรพยาบาลนี้ตามที่ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตไว้แต่วันนี้สืบไป ขอพระราชทานถวายพระพรด้วยสัจวาจาว่า ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงกระทำเคารพพระพุทธรัตนอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายให้เป็น
    โอสถอันประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอให้สรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอให้ทุกข์ทั้งหลายอันจะบังเกิดแด่พระวรองค์ จงระงับด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าโดยสวัสดี
    ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงกระทำเคารพพระธรรมรัตน อันระงับเสียซึ่งความกระวนกระวายให้เป็นโอสถอันประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอไภยทั้งหลาย อันจะกล้ำกลายพระวรองค์จงระงับด้วยเดชแห่งพระธรรมเจ้าโดยสวัสดี
    ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงกระทำเคารพสังฆรัตน ผู้ควรจะรับซึ่งจตุปัจจัยอันบุคคลนำมาแต่ไกลแล้วแลพึงให้แก่บุคคลผู้มีศิล ผู้ควรจะรับซึ่งอาคันตุกทาน อันบุคคลตกแต่งด้วยเครื่องสักการะ เพื่อประโยชน์แก่ญาติแลมิตรอันเป็นที่รักที่เจริญใจ อันมาแต่ทิศานุทิศให้เป็นโอสถอั้นประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอให้โรคาพาธทั้งหลาย อันจะบังเกิดมีแด่พระกรัชกายจงระงับหายด้วยเดชแห่งพระสงฆเจ้าโดยสวัสดี
    ขอพระพรไชย อันข้าพระพุทธเจ้าตั้งจิตร์อธิษฐานถวายนี้ จงเป็นผลสำเร็จแด่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททุกประการ ดังรับพระราชทานกราบบังคมทูลมา ในที่สุดคำกราบบังคมทูลพระกรุณา ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานได้ทรงเปลื้องผ้าคลุมนามศาลาพยาบาล อันเจ้าพนักงานได้จัดไว้ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบแลจะได้อนุโมทนาต่อไปในกาลภายหน้า

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    วชิรพยาบาลสถาน อำเภอดุสิต

    Faculty of Medicine Vajira Hospital - Content

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    ภัยพิบัติกำลังจะมาคนที่โง่ที่สุดจะรอดตาย
     
  9. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    คนโง่ไม่โอ้อวดภูมิรู้ของตน มีแต่ภูมิธรรม ไม่ขยันต่อล้อต่อเถียงกับใคร ใช่เปล่าครับ
     
  10. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    80% ในเวบบอร์ดนี้น่าจะเข้าใจว่าคนโง่ คน ป่า คน เขา คนดอย จะรอดตายได้อย่างไร
    เขาจะรอดแบบคนที่โง่ บรมโง่ โคตรโง่...ไม่รู้จะสาธยาย..สาธตามันอย่างไรดีสำหรับคนเมือง แต่ในธรรมพวกเขาคือคนที่โง่ที่สุดต่อไปสำหรับพวกคุณที่เข้ามาอ่าน แต่เขาก็รอด
    ตายก่อนที่คุณจะออกจากบ้านแน่นอน
     
  11. Jitsamathi

    Jitsamathi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +66
    เป็นบ้าอะไรถึงมาโพสแบบนี้!!! สงสัยคุณละมั้งที่จะตายก่อนเพื่อน
     
  12. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    ไปแล้ว 1........................
     
  13. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    เข้ามาแล้ว งง
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตั้ง"สติ"อย่าตื่นตระหนก !!!

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ หมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำจะพูดได้ นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ไม่เผลอไผล ฉุกคิดขึ้นได้ ระงับยับยั้งใจได้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท

    สติ เป็นธรรมมีอุปการะมาก คือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอ ป้องกันความเสียหายเบื้องต้น เป็นเหตุให้ฉุกคิด ยับยั้งชั่งใจไม่บุ่มบ่าม และกระตุ้นให้นึกถึงชีวิตจนทำให้เสียสละทำความดีงามต่างๆ ได้ แต่หากขาดสติแล้วจะเป็นเหตุให้ทำอะไรผิดพลาดพลั้งเผลอและเสียหายร่ำไป

    สติ เป็นคุณธรรมที่เกิดเองไม่ได้ ต้องทำให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกฝนรวบรวมจิตใจให้นิ่งแน่วแน่ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น ทำสมาธิ สวดมนต์ ภาวนา

    โดยคุณ บุญชัย จากเว็บลานธรรมจักร

    ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18187&sid=4f706d1f7068af6f70e019c905219dc9
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2011
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: Tahoma; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline style="FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: medium; COLOR: rgb(0,0,153); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=baseline align=left>กศน.สร้างแพ 1 พันลำช่วยส่งอาหารให้ผู้ประสบภัย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body style="FONT-SIZE: x-small; MARGIN: 0px; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: rgb(204,102,0); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>7 พฤศจิกายน 2554 17:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    แพลำเลียงอาหารของ กศน.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กศน.ระดมกำลังสร้างแพ 1 พันลำ ส่งใช้ลำเลียงอาหารแจกผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานี ขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย ศธ.จำหน่ายไข่ไก่และข้าวสารราคาถูกให้ข้าราชการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ตั้งแต่บัดนี้-14 พ.ย.นี้

    นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เลขาธิการ กศน.) กล่าวว่า
    กศน.ได้จัดซื้อไม้ไผ่มาจาก จ.ปราจีนบุรี และ จ.กาญจนบุรี เพื่อสร้างแพ จำนวน 1,000 ลำ เพื่อไปแจกจ่ายให้กับประชาชนใช้ลำเลียงอาหารไปยังหมู่บ้าน ใน 7 อำเภอ จ.ปทุมธานี ที่ กศน.รับผิดชอบและได้ไปตั้งศูนย์ผลิดอาหาร อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ อ.เมือง อ.สามโคก อ.ลาดหลุมแก้ว อ.ธัญบุรี (บิ๊กซีคลอง 6) อ.ลำลูกกา (คลอง 4 ) อ.หนองเสือ และที่ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ อ.ธัญบุรี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แพทั้ง 1,000 ลำ อาสาสมัครของ กศน.ได้จัดทำเสร็จแล้วและกำลังจะลำเลียงส่งไปยังศูนย์ กศน.ทั้ง 7 อำเภอ และหากประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณศูนย์บริการ กศน.ต้องการแพ ทางศูนย์ก็จะพิจารณาให้ตามความจำเป็นแต่จะไม่แจกให้ฟรีหรือให้เป็นเฉพาะบุคคลเพราะต้องการให้ใช้เพื่อส่วนรวม

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำกัด จัดโครงการ “สหกรณ์เอื้ออาทรผู้ประสบภัย สินค้าคุณภาพมาตรฐานราคายุติธรรม” จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาถูกภายในกระทรวงศึกษาธิการ ให้กับข้าราชการและประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากอุทกภัยน้ำท่วม อาทิ ไข่ไก่ 1 ถาด 30 ฟอง ราคา 114 บาท, ข้าวหอมมะลิ 5 กก.ราคา 175 บาท, นมหนองโพ 4 กล่อง 32 บาท, น้ำดื่ม 600 ซีซี 12 ขวด ราคา 66 บาท โดยจะนำมาจำหน่วยตั้งแต่วันที่ 7 -14 พ.ย.นี้ ในเวลา 09.00-16.30 น.

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142046


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline style="FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: medium; COLOR: rgb(0,0,153); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=baseline align=left>“ร.ร.บุรีรัมย์” เร่งผลิตอีเอ็มบอลแสนก้อนส่งบำบัดน้ำเน่ากรุงเทพฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body style="MARGIN: 0px; WORD-SPACING: 0px; FONT: x-small Tahoma; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(102,102,102); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); TEXT-DECORATION: none; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 11px Tahoma; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(204,102,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); TEXT-DECORATION: none; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" vAlign=center align=left>8 พฤศจิกายน 2554 10:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ร่วมอุตสาหกรรมและเกษตรจังหวัดระดมนักเรียนและเจ้าหน้าที่กว่า 500 คน เร่งผลิต อีเอ็มบอลเป้าหมาย 1 แสนก้อน เพื่อส่งไปช่วยบำบัดน้ำเน่าเสีย ในพื้นที่น้ำท่วมขังภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมส่งเสริมให้ นร.นำองค์ความรู้ไปผลิตใช้เองในครัวเรือนด้วย

    วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ร่วมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ และสำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ระดมนักเรียน ครู และเจ้าหน้าที่กว่า 500 คนเร่งช่วยกันผลิตจุลินทรีย์ อีเอ็มบอล โดยการใช้วัตถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่น เช่น ทราย แกลบ รำ และน้ำหมักชีวภาพหรือจุลินทรีย์เป็นส่วนผสม โดยมีเป้าหมายผลิตอีเอ็มบอลให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 - 100,000 ก้อนภายใน 1 สัปดาห์

    จากนั้นจะนำไปส่งมอบให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ส่วนกลาง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้ประชาชนนำไปโยนลงน้ำในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานจนทำให้น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งเชื่อว่าการนำอีเอ็มบอลไปโยนลงน้ำในพื้นที่ที่น้ำท่วมขังจะสามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาบำบัดน้ำเน่าเสีย ลดปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยได้

    นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเสริมองค์ความรู้ในการทำ อีเอ็มบอล แก่เด็กนักเรียนเพื่อจะได้นำความรู้ไปถ่ายทอดและสามารถผลิตใช้เองในการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือนอีกด้วย

    นายสมศักดิ์ แต้มโคกสูง ผู้อำนวยการโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม กล่าวว่า จากกรณีที่ประชาชนในหลายจังหวัดทางภาคกลาง ทั้งในกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมและเดือดร้อนหนักจากปัญหาน้ำเน่าเสีย ทางโรงเรียนจึงได้มีแนวคิด ร่วมกับอุตสาหกรรมจังหวัดฯและเกษตรจังหวัดฯ ในการทำอีเอ็มบอล เพื่อส่งไปช่วยเหลือบำบัดน้ำเน่าเสียในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งนอกจากการทำอีเอ็มบอลแล้ว ทางโรงเรียนยังได้ร่วมบริจาคสิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัยที่ภาคกลางในอีกทางหนึ่งด้วย

    ด้านนายอัมพร รักธรรม อุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนในหลายจังหวัดภาคกลาง นอกจากจะประสบปัญหาอุทกภัยแล้ว ยังได้ผลกระทบจากปัญหาน้ำเน่าเสียจากน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานานอีกด้วย เชื่อว่าการทำอีเอ็มบอลส่งไปช่วยเหลือบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ภาคกลางจะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียและลดความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยได้ สำหรับวัตถุดิบที่นำมาทำอีเอ็มบอล ก็หาได้จากท้องถิ่น


    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142277
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    อ่านแล้วดูเหมือนเขาจะเพี้ยนจะบ้า แต่อยากบอกไว้ว่า ทุกครั้งที่ไปไหน กินข้าว มีความสุข มีความทุกข์ กำลังช่วยคนอื่น กำลังเอาเปรียบคนอื่น ทำบุญ ทำกรรม เอาเป็นว่าทุกเวลา ให้รู้ตัวว่าจะตาย จะตาย ตูกำลังจะตายแล้ว ทุกใจนึกคิดคู่กับในการกระทำใดๆในเวลานั้นของคุณ มันเป็นทางรอด รอดจากอะไร รอดจากตายงั้นหรือ ไม่เอาน่ะครับรอดจากตายไม่มีใครรอดครับ รอดจากอะไรคิดอีกที ทำบุญหวังได้บุญ ทำอะไรย่อมได้สิ่งนั้น รอดในความหมายของผมนั้น รอดจากต้องมาพบกับ การกระทำทั้งหมดที่เราต้องทำอยู่ใช้มันอยู่ในเวลานี้เท่านั้นเอง เอาเป็นว่าพอเข้าใจได้บ้างแล้วสำหรับบางคนก็ยังดีนะครับ ให้ระลึกไว้เป็นอารมณ์ กายนี้มันจะแตก กายนี้มันจะไป แต่สติเราไม่ไปไหนมันอยู่กับเรา อยู่ในเวลานั้น มันจะรอด ขอให้รอดกันทุกคนเลยนะครับ

    พลังจงสถิตกับตัวเจ้า อาเมน
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จำไว้เถิด จะหมดยุคกลุ่มเศรษฐี !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    natthapatpun สมาชิก
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: 1px inset; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: 1px inset; BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Lazaza [​IMG]
    ขอบคุณค่ะ ดิฉันเชื่อค่ะ และเชื่อมานานแล้ว
    กำลังวางแผนอพยพอยู่ แต่ไม่นึกว่าจะกินระยะเวลา
    นานขนาดนี้ ถ้านานขนาดนี้ ก็คงต้องปรับแผนหน่อย
    ดิฉันก็ติดตามข่าวตลอด และก็เห็นว่าสัญญานมันก็มาเรื่อยๆ
    เห็นขนาดนี้แล้ว ใครนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยชีวิตตามเวรกรรม
    ดิฉันว่านั่นก็เรียกว่าประมาทได้เหมือนกัน
    ต่อเมื่อเราได้ทำเต็มที่แล้ว ค่อยปล่อยตามเวรตามกรรม
    นั่นถึงจะเรียกว่าถูกต้องเหมาะสม

    ตามที่รวบรวมข้อมูลมานั้น
    คุณลุงคนเชียงใหม่พูดไว้ว่า ถ้าเชียงใหม่เละเมื่อไหร่
    เตรียมอพยพได้ ส่วนสัญญาณของทางกลุ่ม ซึ่งคุณอาk_97
    ก็เคยบอกไว้ว่า สึนามิมาอีกรอบเมื่อไหร่ ให้ขึ้นที่สูง
    และจากข้อความของคุณnatthapatpun เข้าใจได้ว่า
    ทั้งเรื่องเชียงใหม่เละ กับทั้งสึนามิ น่าจะมาปีหน้า งั้นก็พอดีกัน
    หลังจากนั้น เตรียม49 วันวิปโยค ซึ่งถ้าเป็นไปตาม
    ท่านน้องปลาบู่ว่า ก็หลังปีใหม่ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นปีหน้า(55-56)
    ถ้าเหตุเกิดปี 56 จริง แล้วจาก56-62 มันคืออะไรอะคะ
    จะเป็นยังงัย จะอยู่ยังงัยอะคะ พอจะวิเคราะห์ได้มัยคะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "เห็นขนาดนี้แล้ว ใครนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยชีวิตตามเวรกรรม
    ดิฉันว่านั่นก็เรียกว่าประมาทได้เหมือนกัน
    ต่อเมื่อเราได้ทำเต็มที่แล้ว ค่อยปล่อยตามเวรตามกรรม
    นั่นถึงจะเรียกว่าถูกต้องเหมาะสม"

    ถูกต้องคร้าบ ที่ดิฉันเน้นและย้ำบ่อย ๆ ว่าไม่ให้ประมาท ก็คือข้อความที่ท่านกล่าวมาข้างบนนี้ค่ะ ในวิถีของมนุษย์แบ่งไปตามระดับสติและปัญญา การที่เราจะไปเคี่ยวเข็ญให้ใครเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เคยชินและสั่งสมมานาน ให้เปลี่ยนไปทันทีทันใดคงไม่ได้ ก็ได้แต่บอกว่าอย่าประมาท อย่าเชื่อ รอพิสูจน์

    แต่ถ้าท่านเห็นตัวอย่างกันอยู่แล้ว ท่านไม่เชื่อจะรอพิสูจน์อย่างเดียว ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นการประมาทในชีวิตเกินไป การเตรียมตัวให้พร้อมโดยการไม่ประมาท ท่านต้องใช้สติปัญญาตรึกตรองดูด้วยว่า ถ้ามันเกิดท่านจะทำอย่างไร และถ้ามันไม่เกิดท่านจะทำอย่างไร ต้องมีแผน 1 แผน 2 และแผนอื่น ๆ รองรับฐานะของตนเองและคนในครอบครัวไว้บ้าง

    แต่นะ...แต่เมื่อเตรียมพร้อมเต็มที่ขนาดนั้นแล้วยังไม่พ้นอีก ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม เราทำได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น เพราะกำลังของเรามีแค่นั้น ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นมีขึ้นให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ทางกายเราอาจจะแพ้แต่ใจเราไม่แพ้ เพราะเราสู้เต็มที่เต็มกำลังความสามารถแล้ว เราชนะที่ใจแล้ว ชนะที่ใจตนเองแล้วค่ะ

    จาก56-62 มันคืออะไรอะคะ
    จะเป็นยังงัย จะอยู่ยังงัยอะคะ พอจะวิเคราะห์ได้มัยคะ

    เรื่องสำคัญคือต้องผ่านช่วงวิกฤตไปให้ได้ก่อน หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความระทึกวุ่นวายไปแล้ว ประเทศไทยยังอยูได้ค่ะ อาจจะอยู่สบายกว่าประเทศอื่นด้วยซ้ำ เพียงแต่ท่านต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตใหม่ จะอยู่อย่างไรขอให้ศึกษาตัวอย่างของชาวชนบท ไม่ใช่ชนบทในเมืองนะคะ แต่เป็นชนบทนอกเมือง อยู่แบบนั้นน่ะค่ะ ปรับหน้าดิน(จอบ เสียม คราด) ปลูกพืช ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์(ถ้าจะยังพอมีพันธุ์สัตว์ให้เลี้ยงน่ะนะ)

    ถ้าคนในเมืองใครเคยเล่นเกมปลูกพืชปลูกผักจะเห็นชัดค่ะ แต่ชาวชนบทไม่ต้องเล่นเกม เกมของคนในเมืองเป็นชีวิตจริงของพวกเขา นอกนั้นก็หาฟืน ติดเตาถ่าน เหมือนออกค่ายไงคะ สนุกดีออก สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมคือเมล็ดพันธุ์พืชค่ะ หลากหลายพันธุ์ยิ่งดี แต่เรื่องเนื้อสัตว์คิดว่าหลายท่านที่รอดไปจากภัยพิบัติคงจะกินเนื้อสัตว์ไม่ลงไปอีกนาน เพราะท่านจะเห็นสัจธรรมที่ว่า เนื้อสัตว์ที่แสนอร่อยก็คือซากศพขึ้นอืด ผุพอง เน่าเปื่อย มีกลิ่นเหม็น แมลงวันตอมหึ่ง หนอนขึ้น พอง-ยุบ-พอง-ยุบ อยู่ในตัวสัตว์เป็นที่น่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งท่านจะเห็นอยู่เกลื่อนกลาด คนที่ยังไม่ได้ฝึกกินมังสวิรัติหรือเจก็ยังพอมีเวลาค่ะ

    นอกจากภัยธรรมชาติแล้ว(รวมถึงภัยจากโรคระบาด อุกาบาต และนิวเคลียร์-นิวเคลียร์ในความเห็นของข้าพเจ้ามันอาจจะไม่ใช่สงคราม แต่อาจจะเป็นผลกระทบอันเกิดจากภัยพิบัติที่ไม่อาจยับยั้งได้มากกว่า) จะมีภัยจากสงครามกลางเมืองเพราะแย่งชิงอำนาจกัน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนบ้าอำนาจไป เราคนรักสงบอย่าเข้าไปยุ่ง ดูแลตนเอง ดูแลครอบครัว ดูแลชุมชนเล็ก ๆ ของเราให้อยู่ได้อย่างปลอดภัยก็พอค่ะ

    ถึงตอนนั้นผู้นำระดับประเทศแทบจะไม่มีความหมาย ผู้นำระดับชุมชนระดับท้องถิ่นจะมีความสำคัญมากกว่า ผู้นำระดับท้องถิ่นไม่ใช่คนที่เราเลือกตั้งกันอย่างทุกวันนี้ แต่เป็นผู้นำระดับผู้ที่มีสติปัญญาสามารถคิดอ่านแก้ปัญหาและดูแลชุมชนของท่านได้

    นอกจากภัยจากสงครามกลางเมือง ก็ยังมีภัยจากสงครามแย่งชิงปัจจัยสี่ มาถึงตรงนี้มันอาจลุกลามกลายเป็นภัยระหว่างประเทศ เฮ้อ คนที่อยู่รอดถึงตรงนั้นก็ค่อยว่ากันไปเถอะค่ะ

    นอกจากเรื่องภัยแล้วเรามาพูดถึงเรื่องดี ๆ กันบ้าง ตามที่ข้าพเจ้ารับทราบมา มนุษย์ต่างดาวเขาจะมาช่วยฟื้นฟูโลกประมาณปี 2562 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่พระเจ้ามหาจักรพรรดิ์จะลงไปเกิด...มีเรื่องเล่าอีกเล็กน้อยค่ะ แต่พูดตอนนี้ก็จะยาวไป เอาไว้วันหลังถ้ามีเวลาจะลองลงเรื่องเล่าให้อ่าน แต่ถ้าเห็นว่านานเกินไปหรือข้าพเจ้าลืมก็ช่วยเตือนด้วยละกัน

    เราเดินทางมาถึงปี 2562 แล้วคร้าบพี่น้อง


    8-11-2011, 7:20 AM

    ที่มา เตือนน้ำท่วม พ.ย.54 ชาวเมืองเชียงใหม่ เชียงรายและผู้ที่สนใจช่วยเข้ามาอ่านหน่อยค่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 61441250899136.jpg
      61441250899136.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.5 KB
      เปิดดู:
      16,969
    • tsunama.jpg
      tsunama.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.5 KB
      เปิดดู:
      251
    • k02.jpg
      k02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.8 KB
      เปิดดู:
      16,759
    • 445502981.jpg
      445502981.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.8 KB
      เปิดดู:
      529
    • 08Nangsungkarn05.jpg
      08Nangsungkarn05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.9 KB
      เปิดดู:
      250
    • 1225686517.jpg
      1225686517.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      236
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2011
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ก็เพราะสังคมทุนนิยม วัตถุนิยมนี่แหละ ที่ทำให้โลกนี้ปั่นป่วน วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เพราะใจคนต่ำลงๆ ขาดแคลนน้ำใจ ความดีถดถอย มโนธรรม ศีลธรรม จริยธรรมต่ำ นับวันจะยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น

    [​IMG]

    ต่อไป หลัง reset ระบบใหม่ สังคมจะกลับไปเป็นสังคมเกษตรกรอินทรีย์ วิถีพอเพียง แบบปฐมภูมิ มีข้าวมาแลกเกลือ มีผัก มาแลกไข่

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2011
  20. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    เท่าที่รู้มา:mad:
    แบบ บอล ใช้ ตรงที่พื้นด้านล่งเป็นดิน ถ้าด้านล่างไม่ใช่ดินต้องเป็นแบบน้ำ EM
     

แชร์หน้านี้

Loading...