ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ติดตามข้อมูลเตือนภัย ใช้สติ พิจารณา
    ถ้าเชื่อ ก็เตรียมพร้อมรับมือย่างมีสติ ไม่ประมาท
    หากลังเล ก็ติดตามข้อมูลเตือนภัยต่อไป ใช้สติ พิจารณา
    หากไม่เชื่อ พับกระดาน ใช้ชีวิตให้เป็นปกติต่อไป

    เป็นห่วงแต่ผู้คิดนอกกรอบ แล้วปรามาส ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับผู้อื่นที่คิดไม่เหมือนตัว
    กลัวเป็นกรรมครับ
    หากไม่เชื่อไม่เป็นไร ถือศีล 5 เบียดเบียนผู้อื่นให้น้อย ประกอบสัมมาอาชีวะ เป็นคนดีของสังคม แค่นี้ก็สุดประเสริฐแล้วครับ
     
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือคุณสมบัติของ "คนดี"


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เพราะเราคือทหารของประชาชน</TD><TD vAlign=baseline width=102 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left></TD><TD class=date vAlign=middle align=left><SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>

    </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ลุยจนเปียกไปทั้งตัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ขนเสบียงไปแจกผู้ประสบภัย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ไม่ได้ช่วยแค่คนเท่านั้น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>บริการทุกคนด้วยใจ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ไม่หวั่นห่าฝน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ความหวังเต็มเปี่ยม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ให้กำลังใจพี่น้องชาวไทยด้วยรอยยิ้ม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>แววตามุ่งมั่นของชายชาติทหาร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>จงอยู่อย่างมีความหวัง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center>ในบทบาทพระนเรศวร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ขณะที่กระแสน้ำเชี่ยวกรากได้พัดพาเอาความหวังของคนไทยกว่าค่อนประเทศจมหายไปลับตา ยังคงมีคนกลุ่มหนึ่งที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ทำให้เส้นทางมืดบอดกลับสดใส

    พลิกฟื้นจิตใจที่ห่อเหี่ยวของผู้ประสบภัยให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยคำมั่นสัญญา จากปากชายชาติทหารและการกระทำอันหนักแน่นที่ช่วยยืนยันให้อุ่นใจได้ว่า

    “แล้วเราจะได้กลับมายืนหยัดอยู่บนผืนแผ่นดินเดิม กลับมาทำมาหากินอย่างที่เคยเป็นโดยเร็วที่สุด”เช่นเดียวกับบทพิสูจน์ในวันนี้ที่ “ผู้พันเบิร์ด” แสดงให้ได้เห็นโดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง

    … 10 โมงเช้าวันเสาร์ อาจเป็นช่วงเวลาบิดขี้เกียจของใครบางคน เป็นเวลาเปิดทำการของห้างสรรพสินค้าสำหรับนักชอป หรืออาจเป็นเพียงเวลาเสี้ยวหนึ่งของวันหยุดที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่สำหรับ “พ.ท.วันชนะ สวัสดี” หรือ “ผู้พันเบิร์ด”มันคือช่วงเวลาแห่งความหวัง เป็นเวลาที่รถเหล็กคันเขียวได้จอดรับสมาชิกจากครอบครัวผู้ประสบภัยอีกราย เพื่อให้วัยรุ่นชายคนหนึ่งนำทางกองทัพเข้าไปช่วยเหลือพ่อแม่ของเขาที่ติดอยู่ภายในบ้านย่านทวีวัฒนา พื้นที่ที่เพิ่งพ่ายแพ้ต่อแรงดันน้ำเมื่อไม่กี่วันก่อนและมีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเสี่ยงต่อชีวิตมากขึ้นทุกที


    ทีมงาน M-Lite ขอตามติดภารกิจครั้งนี้ไปด้วย จึงทำให้มีโอกาสได้นั่งรถบีเอ็มซีฝ่ากระแสน้ำจากย่านราชพฤกษ์ไปจนสุดขีดจำกัดที่รถสะเทินน้ำสะเทินบกคันนี้จะฝ่าเข้าไปได้ ทิวทัศน์ข้างทางเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จากทางรถค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นทางเรือ มีผู้คนผลัดเปลี่ยนขอติดรถไปยังเส้นทางเดียวกันอยู่ไม่ขาดสาย


    ผู้พันเบิร์ดยิ้มรับทุกคนด้วยแววตาเป็นมิตรและคอยหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ตลอดเวลา ทั้งช่วยดึงคนขึ้นรถ แบกสัมภาระขึ้นลง คอยพูดคุย อธิบาย และให้กำลังใจผู้ประสบภัย “สู้ๆ นะครับ”
    แม้ขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์กับทีมงาน ผู้พันยังมีจิตใจจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวนอกรถและขอปลีกตัวไปช่วยหลายต่อหลายครั้ง ทุกการกระทำของชายชาติทหารนายนี้ทำให้ทีมงานเข้าใจชัดเจนแล้วว่า เหตุใดเมื่อแรกโทร.ติดต่อขอสัมภาษณ์ เขาจึงต้องถามคำถามนี้ “เกี่ยวกับวงการบันเทิงหรือน้ำท่วมครับ” คงเป็นเพราะในหัวของผู้พันตอนนี้มีเพียงเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนวนเวียนอยู่นั่นเอง


    <HR>

    ไม่มีวันถอดใจ
    การวนรับส่ง จัดรถเมล์และเรือเมล์อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสบภัยเป็นเพียงหนึ่งในภารกิจของทหาร “งานวันนี้ถือว่าสบายมากนะ”ผู้พันบอกอย่างนั้น แท้จริงแล้วยังมีภารกิจยิบย่อยอีกหลายอย่างที่อยู่ในความดูแล ทั้งการดูแลและป้องกัน เช่น การก่อกระสอบทราย ทำฝายและคันดินกั้นน้ำ, การซ่อมแซมและกู้คืน ตามอุดรูรั่วในพื้นที่ที่มีน้ำทะลัก, การอพยพขนย้ายคนและสิ่งของออกจากพื้นที่ และสุดท้ายคือการช่วยเหลือและบริการประชาชน “ภารกิจหลักๆ ของวันนี้น่าจะเป็นสองอย่างหลัง เดี๋ยวลองดูไปเรื่อยๆ แล้วจะเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”


    เมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านร้องเรียกขอความช่วยเหลือตามรายทาง ผู้พันเบิร์ดจึงขอให้คนขับจอดและลงไปพูดคุยอย่างเป็นกันเอง “ออกมาน่ะดีแล้วครับ คิดถูกแล้ว เพราะเดี๋ยวน้ำก็จะขึ้นอีก แล้วนี่พี่จะไปไหน (รอคำตอบ) ต้องรอรถนิดหนึ่งนะ เพราะผมต้องเข้าไปช่วยคนข้างในก่อน แล้วเดี๋ยวจะวนมารับอีกรอบ ไปส่งแถวพระราม 5”


    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนในรถได้ยินประโยคนี้ เพราะผู้พันพูดแบบเดียวกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แถมยังอธิบายด้วยรอยยิ้มโดยไม่มีสีหน้าเบื่อหน่าย อดสงสัยไม่ได้ว่าเหนื่อยบ้างหรือไม่ คนถูกถามจึงมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้ก่อนตอบ


    “ก็มีเหนื่อยบ้างเหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่จะรู้สึกเหนื่อยตอนที่จะก้าวเท้าออกจากบ้านในแต่ละวัน มันคือความเหนื่อยสะสม แต่เชื่อไหมพอจบภารกิจในแต่ละวัน พอได้ช่วยเหลือประชาชน ได้ให้กำลังใจเขา สุดท้ายกำลังใจเหล่านั้นมันก็กลับมาที่เรา ทำให้หายเหนื่อยไปเลย ได้เห็นเขายิ้มแย้ม มีคนเข้ามาขอบคุณผ่านเฟซบุ๊ก ทุกอย่างเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าพวกเราจะไม่มีวันถอดใจเด็ดขาด ขอให้เชื่อมั่นเอาไว้ ยิ่งได้รับกำลังใจดีๆ แบบนี้ ยิ่งไม่เคยคิดว่าจะถอดใจเลย”


    ถึงแม้จะถูกประชาชนบางกลุ่มผลักไสด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้เสียกำลังใจไปบ้าง แต่ด้วยเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้แน่วแน่ว่าต้องช่วยเหลือทุกคนให้ได้มากที่สุด ทหารทุกนายจึงพร้อมฮึดสู้เสมอ

    บางทีขับรถผ่าน คนตะโกนด่าเลยว่าทหารไม่ได้เรื่อง ไม่ยอมรับเขาขึ้นไป อยากไปไหนก็ไปเลย เราก็ต้องใจเย็นๆ ทั้งที่ในใจก็นึกโกรธเขาเหมือนกันนะว่าทำไมเขาไม่เข้าใจ ไม่ฟังเราอธิบายเลย แต่ก็บอกเขาไปว่าเดี๋ยวมาครับ ผมขอเข้าไปรับคนป่วยก่อน บางทีเราเข้าไปกั้นแนวเขื่อนเพื่อเปลี่ยนทางน้ำ ชาวบ้านก็ออกมารุมด่าด้วยคำหยาบคาย บอกว่าอย่ามากั้น เดี๋ยวน้ำท่วมบ้านเขา เราก็เลยต้องถอนกำลังออกมา กะว่าค่อยเข้าไปใหม่ตอนตีสี่ ให้เขาหลับก่อน ปรากฏว่าเข้าไปอีกทีเขาไม่ได้หลับ แต่กำลังขนของหนีน้ำกันอยู่ ถึงตอนนั้นแหละเขาถึงเข้าใจ ตอนเช้าคนเดิมที่เคยตะโกนด่านี่แหละพายเรือมาคุยกับเราเลย บอกว่ามันท่วมจริงๆ ด้วย”

    และต่อให้ต้องเจอเหตุการณ์โหดร้าย บั่นทอนขวัญกำลังใจของกองทัพขนาดไหน แต่ในเมื่อทุกคนทำเต็มที่แล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดขัดขวางความตั้งใจของพวกเขาได้ อย่างที่ผู้พันยกตัวอย่างให้ฟังว่า “เราจะรู้สึกไม่ดีแค่ตอนที่ช่วยคนไม่ได้แค่นั้น แต่ในเมื่อเรารู้ว่าเราทำสุดความสามารถแล้ว ถึงแม้ไปช่วยแล้วเขาเสียชีวิต เราก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำ การสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจทำให้ขวัญเสียไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดเหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้เราฮึกเหิมและพยายามมากขึ้นไปอีก
    <HR>

    ความยิ่งใหญ่ของพระนเรศวร

    “จดเบอร์ติดต่อผมไว้เลยครับ 08… โทร.ได้ตลอด”ผู้พันเบิร์ดตะโกนบอกเบอร์ส่วนตัวกับผู้อพยพน้ำท่วมโดยไม่คิดอิดออด ทั้งยังทวนเลขซ้ำอยู่หลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ผิดพลาด ถ้าเป็นดาราคนอื่นๆ คงไม่แจกเบอร์กันง่ายๆ แบบนี้ ถามว่าไม่หวงแหนความเป็นส่วนตัวบ้างหรือ เจ้าตัวยิ้มขำๆ ก่อนตอบว่า “ไม่ครับ เพราะผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นดารา ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่จะให้เบอร์ใครก็ได้ เป็นเรื่องปกติ ยิ่งคนที่กำลังเดือดร้อน ยิ่งต้องให้เขาเลย”


    ถึงแม้ผู้พันจะปฏิเสธความเป็นดารา แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความเป็นผู้พันเบิร์ดที่ใครๆ รู้จักในบทพระนเรศวรนั้น สามารถสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้คนที่พบเห็นได้ตลอดทางแม้ในยามวิกฤตเช่นนี้ ตัวเขาเองก็เคยเจอมาแล้วกับตัว ถือเป็นประสบการณ์ที่ช่วยตอกย้ำให้รู้ซึ้งว่าการได้สวมบทเป็นพระนเรศวรนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน


    “พอคนอยุธยาเขารู้ว่าเราจะลงไป เขาก็มาคอยต้อนรับ มีหลายคนเลยบอกกับผมว่าไม่ต้องห่วงนะ พวกเขาจิตใจเข้มแข็งอยู่แล้ว เพราะเขาได้เลือดของพระนเรศวรมา เสร็จแล้วก็ถามถึงคนกรุงเทพฯ ว่าเป็นยังไงบ้าง อีกหน่อยก็คงจะท่วมเหมือนกัน

    บอกกับผมว่าพวกเขาไม่เป็นไรแล้ว ทำใจกันได้แล้ว ให้เอากำลังพลไปช่วยคนกรุงเทพฯ เถอะ ตอนที่พูดเขาก็จับไม้จับมือ กอดกัน แล้วก็ขอบคุณเราใหญ่เลย บอกว่าดีใจมากเลยที่เห็นพวกผมลงไป เพราะเขาก็เป็นลูกพระนเรศวรเหมือนกัน


    ต้องยอมรับว่าบทบาทในภาพยนตร์มีส่วนช่วยเสริมกำลังใจให้ผู้ประสบภัยอย่างมาก เมื่อได้เห็นหน้าผู้พันเบิร์ดก็เหมือนได้รับกำลังใจจากมหากษัตริย์อย่างพระนเรศวร ช่วยให้หลายคนฮึดสู้ขึ้นมาได้อีกครั้ง ถึงแม้ในชีวิตจริง ตัวเขาเองจะไม่เคยเรียกรวมพลทหารมาพูดปลุกใจเหมือนในฉากหนัง แต่ผู้ชายอกผายไหล่ผึ่งคนนี้ก็มีวิธีของตัวเองที่ได้ผลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย


    “ผมคงไม่ได้ไปพูดปลุกใจพลทหารเหมือนในฉากหนังแบบนั้นหรอกครับ (ยิ้ม) เพราะเราก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดพระนเรศวร จะเน้นพูดคุยกันแบบพี่น้องมากกว่า คุยกันไป แนะนำกันไป ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันมากขึ้น แต่จะว่าไปชีวิตในหนังก็มีส่วนช่วยเสริมชีวิตทหารของผมมากเหมือนกัน ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น พูดคุยกันง่ายขึ้น ทางกองทัพเองก็เห็นศักยภาพส่วนนี้ เห็นว่ากระแสภาพยนตร์มีส่วนช่วยให้งานในกองทัพไหลลื่นมากขึ้น”

    “นี่เดี๋ยวผมก็ต้องกลับไปถ่ายทำอีกแล้ว ถามว่าผมทิ้งงานทหาร ทิ้งเรื่องน้ำท่วมไปถ่ายหนังหรือเปล่า ผมอยากให้มองอย่างนี้มากกว่าครับ ระหว่างที่ผมไปถ่ายทำ การช่วยเหลือของกองทัพก็ยังคงดำเนินต่อไปอยู่ ยังเป็นระบบของมัน ถ่ายวันสองวัน ผมก็กลับมาทำหน้าที่ในระบบเหมือนเดิม ผมว่าบทบาทที่ได้รับในหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้คนรักชาติมากขึ้น ช่วยให้อีกหลายคนรู้สึกฮึกเหิม ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของทหารอย่างหนึ่ง ทางกองทัพก็เลยเต็มใจจะส่งผมไปทำหน้าที่นี้


    <HR>

    น้ำท่วม “บ้านของเรา”
    เห็นผู้พันยังยิ้มร่า ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างสบายๆ อย่างนี้ แท้จริงแล้วบ้านที่นนทบุรีก็ท่วมสูงถึงเอวแล้วเหมือนกัน เช่นเดียวกับพลทหารนายอื่นๆ ที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่ทุกวันนี้


    ตอนนี้กำลังพลเกินกว่าครึ่งในกองทัพ น้ำท่วมบ้านหมดแล้ว แต่ทุกคนก็ออกมาช่วยเหลือกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราได้รับคำสั่งให้เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วด้วยครับ ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการให้ทหารที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงขนของขึ้นที่สูง เพราะฉะนั้น ตลอดระยะเวลาต่อจากนี้เราจะต้องไม่ขาดการช่วยเหลือประชาชน เมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกเรียกตัว จะต้องไม่มีข้ออ้างว่ากำลังพลขอลาเพื่อไปช่วยบ้านของตัวเอง” ส่วนเหตุผลสำคัญอีกข้อที่ทำให้นายทหารทั้งหลายหมดกังวลเรื่องครอบครัวลงได้ คงเป็นเพราะ “ความเชื่อใจ”ในกันและกันนั่นเอง


    มีอยู่วันหนึ่งผมได้ไปเจอน้องทหารคนหนึ่งนั่งกรอกกระสอบทรายอยู่ที่นครสวรรค์ เข้าไปคุยกับเขา ถามว่าบ้านเขาอยู่ไหน เขาบอกว่าอยู่ที่อยุธยา แล้วที่บ้านน้องใครดูแลล่ะ เขาบอกไม่เป็นไรครับ ผมได้ข่าวแล้วว่ามีหน่วยทหารไปช่วยละแวกบ้านผมแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็จะช่วยที่นี่ให้เต็มที่ ให้เหมือนกับที่ทหารทางโน้นเขาช่วยบ้านผมได้ยินแบบนั้นผมปลื้มใจมาก ตบไหล่เขาเลย บอกดีมากไอ้น้อง เราช่วยที่ไหนก็เหมือนช่วยบ้านเรา ที่โน่นเขาเต็มที่ เราก็ต้องเต็มที่เหมือนกัน


    พอได้คุยกับพลทหารในวันนั้น ผมก็เลยได้มุมมองใหม่ๆ ขึ้นมา ต่อไปนี้ถ้ามีคนถามผมว่าบ้านน้ำท่วมหรือเปล่า เราจะต้องบอกไปว่าบ้านเราน้ำท่วม เพราะเมืองไทยคือบ้านของเรา ไม่ว่าน้ำจะท่วมบ้านไหน ตำบลไหน ทุกที่คือเมืองไทย ทุกที่คือบ้านเราเหมือนๆ กัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าไปลงพื้นที่ที่ไหน เราจะเต็มที่ให้แก่บ้านของเราครับ


    ที่สำคัญ อย่าเพิ่งเอือมระอาพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง เพราะวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีใครทำผิดพลาดไป อยากให้ “เข้าใจ” และ “ให้อภัย”กันเอาไว้ก่อน

    จะเอาเราไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศในตอนนี้คงไม่ได้ เพราะประเทศเขาโดนภัยพิบัติบ่อย ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว พายุ สึนามิ พอเจอบ่อยๆ ประสบการณ์ก็จะสอนเขา เขาฝึกซ้อมมาอย่างดี เจอมากับตัว พอทางการส่งสัญญาณเตือน ทุกคนก็พร้อมจะอพยพกันหมด ไม่อิดออดเหมือนบ้านเรา ซึ่งผมก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเราไม่เคยเจอ ไม่คิดว่าน้ำจะเยอะขนาดนี้ ก็เลยยังทู่ซี้อยู่บ้านต่อ แต่พอน้ำมา ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง ต่อไปครั้งหน้าถ้ามีการเตือนว่าน้ำจะมา เขาจะรู้เองว่าต้องทำยังไง คงต้องให้ประสบการณ์จากครั้งนี้แหละครับเป็นครูสอนทุกคน
    <HR>

    คนตัวเปล่าที่แข็งแรง

    ฝ่าน้ำมาจนถึงพื้นที่ที่เครื่องยนต์เกินจะลุยต่อไหว เพราะระดับน้ำสูงมิดล้อกว่าเมตรครึ่ง กองทัพจึงเปลี่ยนพาหนะ ขนเสบียงลงเรือยนต์ เดินเท้าลุยน้ำฝ่าห่าฝนเม็ดใหญ่โดยมีผู้พันเบิร์ดนำทัพ ยิ่งเดินระดับน้ำยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเดินได้สบายๆ แค่ระดับเอว ตอนนี้สูงเกือบมิดหัวผู้พันแล้ว วาดภาพไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าไม่มีหน่วยทหารเข้ามาช่วย เด็กและคนชราจะพาตัวเองออกมาจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากสายนี้อย่างปลอดภัยได้อย่างไร


    มาได้เพียงครึ่งทางก็เจอกับสะพาน หน่วยทหารต้องระดมกำลังถอดเครื่องยนต์เรือ ยกทั้งเรือและเสบียงที่วางเรียงรายอยู่ในนั้นข้ามเครื่องกีดขวางไปยังแหล่งน้ำอีกแห่ง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าหมู่บ้าน ผู้ประสบภัยซึ่งนำทางทหารมาตั้งแต่แรกจึงทำหน้าที่ต่อ

    ผู้พันพาเรือลำเล็กลำเลียงผ่านรั้วบ้านเพื่อไปรับคนที่ติดอยู่ภายใน เผยให้เห็นสภาพบ้านสองชั้นที่เหลือความสูงให้เห็นเพียงชั้นครึ่ง เพราะชั้นแรกถูกท่วมไปกว่าครึ่งแล้ว คุณลุง คุณป้า ที่ติดอยู่ในบ้านออกมาแสดงตัวต่อเหล่าทหาร ต่างฝ่ายต่างแสดงความห่วงใยและปรับทุกข์กันพักใหญ่ แต่ดูเหมือนคุณลุงยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่หรือไป ผู้พันจึงช่วยเสนอทางออก


    “คุณพ่อจะเฝ้าบ้านก็ได้นะครับ ถ้ายังห่วงของในบ้านอยู่ ผมมีทางเลือกให้ หนึ่งคือย้ายของที่จำเป็นออก ถ้าคุณพ่อสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ มีของกิน ก็โอเคครับ แต่ลูกชายเขาห่วงคุณพ่อด้วย หรืออีกทางเลือกจะไปด้วยกันหมดนี่เลยจะได้ไม่ต้องห่วงกัน ดีไหมครับ”


    ท้ายที่สุดก็จบลงที่ทุกฝ่ายพอใจ คุณลุงตัดสินใจทิ้งบ้านและอพยพไปพร้อมกับคุณป้า ลูกชาย รวมทั้งหมาและแมวที่เลี้ยงไว้เพราะความสงสารอีก 10 ตัว ดีใจมากๆ เลยลูก นี่ถ้าไม่ได้ทหารเราแย่แน่ๆ เลย ขอบคุณมากๆ จริงๆคุณป้าจำเลียง รองทอง พูดขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาและหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


    เสร็จสิ้นอีกหนึ่งภารกิจในวันนี้ เหล่าทหารฝ่ากระแสน้ำกลับสู่เส้นทางเดิมเพื่อส่งผู้ประสบภัย ดูเหมือนว่ารอยยิ้มของผู้พันจะสดใสกว่าตอนนั่งรถขามาเสียอีก คงเป็นเพราะความกังวลใจที่มีก่อนเข้าช่วยเหลือได้หายไปหมดแล้ว นี่ยังถือว่าเป็นภารกิจที่ไม่น่าหนักใจเท่าใดนัก ผู้พันบอกอย่างนั้น เพราะที่ผ่านมามีความสูญเสียมากมายผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้มากกว่านี้อีกเยอะ

    บางคนเอาชีวิตรอดมาได้อย่างเดียว ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย แม้แต่เงินสักบาท แต่เชื่อไหมว่าคนเหล่านี้คือคนที่มีกำลังใจดีกว่าคนที่หอบของมาเยอะแยะอีกนะ เพราะว่าเขาปลงได้แล้ว ในเมื่อบ้านเขาท่วมหมด ไม่เหลืออะไร เขาก็มาตัวเปล่า มาอยู่ศูนย์พักพิง เป็นอาสาสมัคร แจกข้าวแจกน้ำ ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ท้ายที่สุดคนแบบนี้แหละกลับเป็นคนที่แข็งแรงที่สุด เพราะเขาได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของคนที่เรารัก แค่ทุกคนอยู่รอดก็พอแล้ว ของอย่างอื่นไม่สำคัญ เราไปทำไปหาเอาดาบหน้าใหม่ได้


    <HR>

    เกลียดคนเห็นแก่ตัว

    “สิ่งที่เกลียด : คนเห็นแก่ตัว”คือข้อความที่ประกาศเอาไว้ชัดเจน ในประวัติส่วนตัวของผู้พันบนเฟซบุ๊ก ถามว่าคิดอย่างนั้นจริงหรือเปล่า เจ้าตัวหัวเราะนิดๆ และตอบว่า

    “อ๋อ ใช่ครับ” ผู้สัมภาษณ์คาดคะเนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้พันคงได้เจอกับคนประเภทที่ตัวเองเกลียดบ่อยครั้งเลยทีเดียว และคงต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อให้ก้าวข้ามผ่านความรู้สึกลบๆ ในใจไปให้ได้


    ถ้าเกิดได้เจอคนเห็นแก่ตัว ผมจะพยายามอดทนและมองข้ามมันไปครับ มองว่าอุปสรรคในการทำงานทุกงานมันมีอยู่แล้ว แต่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนมันสำคัญกว่าอุปสรรคใดๆ ก็ตามที่เจออยู่ทุกวันนี้เพราะฉะนั้น เราต้องก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้ เพื่อให้เดินไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้


    เพื่อให้เข้ากับหัวข้อที่กำลังสนทนา ทีมงานจึงขอให้ผู้พันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัวของคนในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเกินกว่าที่เราคาดไว้เสียอีก


    สำหรับมิจฉาชีพที่ปล้นบ้านผู้ประสบภัยอยู่ทุกวันนี้ ผมคิดว่าพวกคุณถือว่าเป็นคนที่เลวร้ายมากกว่าคนขายของแพงในปัจจุบันนี้เสียอีก มันคือการปล้นทั้งทางทรัพย์สินและจิตใจด้วย เขาน้ำท่วมอยู่แล้ว คุณยังไปซ้ำเขาอีก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะขโมยเขาตอนไหนก็ตาม ผมว่าคนคนนี้เป็นคนที่มีจิตใจใฝ่ต่ำเท่าๆ กัน คนเหล่านี้สมควรจะได้รับการประณามและลงโทษจากสังคมอย่างสาสมครับ


    ถึงจะตอบแล้วดูโหดไปเสียหน่อย แต่ผู้พันก็ไม่ถึงกับเหมารวมให้ทุกคนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งหมดเสียทีเดียว ยกตัวอย่างกลุ่มชาวบ้านที่ไปพังแนวกั้นน้ำจนส่งผลให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก นักแสดงมาดเข้มรายนี้ยังพร้อมมองด้วยความเข้าใจเสมอ


    ผมไม่มองว่าคนเหล่านี้เห็นแก่ตัว เพราะผมเชื่อว่าถ้าเขาได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง มานั่งคุยกันด้วยเหตุผลจริงๆ คนไทยทุกคนจะเข้าใจทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ที่เห็นว่ายังมีกลุ่มคนพังแนวกระสอบทรายอยู่ อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในภาวะตื่นตระหนกทำให้ห่วงความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นอันดับแรก และสนใจเรื่องของตัวเองจนลืมความปลอดภัยของประเทศชาติ แค่นั้นเอง


    ส่วนคนที่กักตุนสินค้าเอาไว้เยอะๆ ส่วนหนึ่งผมคิดว่าเป็นเพราะความตื่นตระหนก และได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ ผมอยากจะเสนอว่าถ้าเกิดคุณยังสามารถออกมาซื้อของด้วยตัวเองได้อยู่ คุณควรจะกักตุนสำหรับตัวคุณเองให้อยู่ได้แค่สามวันก็พอ หมดแล้วค่อยออกมาซื้อใหม่ ไม่จำเป็นต้องซื้อไปทีเดียวให้อยู่ได้เป็นเดือนๆจะได้เหลือสิ่งของแบ่งปันให้คนอื่นเก็บได้บ้าง ถ้าทุกคนทำแบบนี้ได้ ภาวะสินค้าขาดแคลนก็จะเกิดขึ้นน้อยมาก


    วิกฤตการณ์ในวันนี้เป็นเหมือนบททดสอบรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้พันเชื่อว่าจะมีบททดสอบรูปแบบอื่นๆ รอจ่อคิวเข้ามาอีกมากมาย เพียงแค่ทุกคนสามัคคีและลดความเห็นแก่ตัวของตัวเองลง สุดท้ายเราจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างสวยงาม

    ผมเชื่อว่าทุกวันนี้เรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำท่วม แต่รวมไปถึงภัยยาเสพติด การก่อการร้าย การตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ ทั้งหมดนี้แตกต่างจากภัยคุกคามรูปแบบเดิมที่เรียกว่าสงคราม ภัยเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต่อสู้กับสงครามรูปแบบใหม่นี้ ประชาชนทุกคนนี่แหละที่เป็นทหารของชาติ ต้องช่วยกันต่อสู้ให้มันห่างออกไป ผมว่าแค่ทุกคนรู้จักหน้าที่และทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างก็จะดีเองครับ


    <HR>

    อยู่อย่างมี “ความหวัง”

    จะปล่อยให้ทุกอย่างลอยไปกับสายน้ำก็ได้ แต่อย่าให้ “ความหวัง” ลอยหายไปด้วย โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองสูญสิ้นแล้วทุกอย่างจากวิกฤตในครั้งนี้ ผู้พันเบิร์ดอยากให้เตือนตัวเองว่าเรายังโชคดีกว่าคนอื่นอีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน


    บางคนเขาเพิ่งเอาเงินทุนทั้งหมดในชีวิต จำนวนเป็นล้านๆ มาลงทุน ทำได้แป๊บเดียว น้ำท่วม ทุกอย่างหายหมดเลย หมดทั้งบ้าน ทั้งโรงงาน หมดทุกอย่าง บางคนโชคร้ายกว่านั้น เสียแม้กระทั่งครอบครัวแต่ถ้าคุณเองก็เป็นคนที่เสียคนที่รักไปเหมือนกัน ผมคงได้แต่เอาใจช่วยให้ทำใจได้ อยากให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของโลก


    หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ผ่านพ้นไป ผมอยากให้ทุกคนอยู่ด้วยความหวังครับ อย่าเพิ่งหมดหวัง ให้มีความหวังอยู่เสมอว่าเราจะได้กลับมายืนหยัดอยู่บนผืนดินที่เป็นบ้านที่เราเคยอยู่อาศัย มีความหวังที่จะกลับมาประกอบอาชีพเหมือนอย่างที่เคยทำ ความหวังแบบนี้แหละจะทำให้ทุกคนมีกำลังใจและกลับมามีความสุขโดยเร็วที่สุด


    มองในแง่ดี วิกฤตครั้งนี้อาจช่วยให้หลายคนสำนึกได้ว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตบนวิถีแห่งความฟุ่มเฟือยแค่ไหน “ที่บางบ้านไม่มีน้ำ ไม่มีไฟใช้ตอนนี้ ถามว่าลำบากไหม เราไม่ได้ลำบากหรอกครับ เพียงแค่เราขาดสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้นเอง เราเคยชินกับสิ่งอำนวยความสะดวกเสียจนคิดว่ามันคือสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต พอขาดสิ่งเหล่านี้ เราเลยคิดว่าตัวเองลำบาก ทั้งที่จริงๆ แล้วไฟฟ้าไม่ต้องใช้ก็อยู่ได้ แอร์ไม่ต้องเปิดก็อยู่ได้ สิ่งสำคัญที่ชีวิตต้องมีคือปัจจัยสี่แค่นั้นเอง


    หยาดเหงื่อที่ไหลออกมาเมื่อได้ช่วยบรรเทาความทุกข์ของประชาชนทุกวันนี้ ผู้พันบอกว่าพลทหารทั้งหลายไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ไม่จำเป็นต้องให้ใครมองอย่างสงสารหรือเห็นใจ “เพราะเราเลือกมาแล้วตั้งแต่ต้น เรารู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญกับอะไร เราต้องการเพียงแค่ความเข้าใจในภารกิจที่เราทำเท่านั้นก็พอครับ”


    “เราจะขอให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่ากองทัพจะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือหัว หลังจะอิงประชาชน เราจะยอมรับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่และไม่ทิ้งคนส่วนน้อย

    จะยืนหยัดต่อสู้กับภัยทุกภัย ที่จะบั่นทอนซึ่งความเจริญก้าวหน้าของชาติ ร่วมกับประชาชนทุกคน ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพ พวกเราพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เดินทางไปทุกแห่ง เพื่อจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยไม่มีคำว่าถอดใจ เพราะเราคือทหารของประชาชน”ชายชาติทหารประกาศสัตย์ปฏิญาณเอาไว้ชัดเจน

    … 6 โมงเย็นวันเสาร์ คุณกำลังทำอะไร?บางครอบครัวอาจกำลังเตรียมมื้อเย็นที่แสนอบอุ่น เช่าดีวีดีมาดูสักเรื่อง หรืออาจใช้ช่วงเวลาเดียวกันนี้ไปอย่างไร้จุดหมาย แต่สำหรับพวกเขา มันคือช่วงเวลาที่รถเหล็กคันเขียวคันเดิมยังคงแล่นไกลออกไปบนเส้นทางที่ล้นทะลักไปด้วยน้ำ ออกไปช่วยเหลือและส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย เพื่อให้ได้อุ่นใจว่า “คนไทยจะไม่ทิ้งกัน”


    <HR>

    เอาตัวเองให้รอดเป็นพอ

    สถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่พึ่งตัวเองก่อนก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว เพราะลำพังสัญญาที่ให้ไว้ ยังปรับเปลี่ยนไปเรื่อยตามกระแสน้ำพัด จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องมีสติ รู้ว่าควรทำหรือไม่ทำอะไร โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม ถ้ารักจะอยู่เฝ้าบ้าน ขอให้รู้เอาไว้ว่า


    ถ้าบ้านคุณมีคนอยู่เยอะ มีคนแก่ มีเด็ก แนะนำให้ย้ายผู้สูงอายุและเด็กไปศูนย์พักพิง เหลือให้ผู้ชายคนหนึ่งเฝ้าบ้านไว้ก็ได้ แต่อย่าอยู่เฝ้าพร้อมกันทั้งบ้าน เพราะจะดูแลยากมากขึ้นไปอีก ถ้าคุณตัดสินใจว่าจะอยู่เฝ้าของที่บ้าน คุณต้องมั่นใจว่าจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระให้แก่คนอื่น เดินทางออกมารับเสบียงได้โดยไม่เป็นอันตราย ผมขอแค่นั้นครับ


    ส่วนคนที่กำลังสองจิตสองใจ อยากหนีน้ำออกนอกกรุงเทพฯ แต่กลัวว่าจะไม่ได้ทำหน้าที่อาสาสมัครช่วยวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้ ผู้พันฟันธงให้เลยว่า ออกนอกเมืองไปเลย ดีที่สุดครับ


    การออกนอกเมืองจะช่วยลดภาระได้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอาสาสมัคร ผมอยากให้เป็นหน้าที่ของคนในศูนย์พักพิงมากกว่า เพราะคนในศูนย์ทุกวันนี้มีเยอะอยู่แล้ว พวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญ เป็นอาสาสมัครมาช่วยเหลือกลุ่มของเขาเองได้ ยังไงๆ อาสาสมัครก็ไม่มีวันหมดครับ ไม่ต้องห่วง ขอแค่คนเหล่านั้นต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ไม่เอาแต่ฝากความหวังไว้ที่คนอื่น สุดท้ายเขาจะรู้สึกว่าตัวเองมีค่าและช่วยเหลือคนอื่นได้อีกเยอะเลย


    บรรดาคนใจบุญทั้งหลายก็ต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ด้วยเหมือนกัน คือถ้าอยากบริจาคสิ่งของหรือช่วยเหลือผู้อื่น ต้องท่องเอาไว้ว่า “อย่างแรกเลยจะต้องไม่ไปเพิ่มภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ อย่างที่สองจะต้องไม่เพิ่มภาระเรื่องการจราจร”

    บางคนอยากจะบริจาคของให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขนของมาเยอะมากเลย มีรถหลายคัน ผลสุดท้ายรถติด คุณจะต้องหาวิธีบริจาคโดยรถไม่ติด จะบริจาคผ่านศูนย์ไหนใกล้ๆ ก็ได้ หรืออาจจะบริจาคเป็นเงินเพื่อเอาไปซื้อของ

    และถ้าอยากให้สิ่งของบริจาคทั้งหมดส่งถึงมือผู้เดือดร้อนจริงๆ แนะนำให้แบ่งเงินออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใช้จ่ายในการซื้อของ อีกส่วนแบ่งเอาไว้ใช้ในเรื่องขนส่ง เพราะบางคนซื้อของมาเยอะมาก แต่ไม่รู้จะขนของไปยังไง สุดท้ายก็โทร.มาบอกให้ส่วนกลางเอารถไปขนให้ ซึ่งรถของทหารก็มีอยู่จำกัด ต้องรอคิว สุดท้ายของก็ยังไปไม่ถึงอยู่ดีครับ


    <HR>

    วันวานของเด็กชายเบิร์ด

    ที่ผู้พันเป็นผู้พันเบิร์ดได้อย่างทุกวันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อเป็นผู้ชักนำ ส่งเสริมให้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร จนทำให้เด็กชายเบิร์ดค้นพบตัวเองในที่สุด


    ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นสถาปนิกเพราะชอบวาดภาพ แต่พอโตขึ้นมา พ่อผมอยากให้ไปสอบโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะคุณพ่อเป็นทหารม้า ไปสอบตอน ม.4 ไม่ติด ติดแค่สำรอง รู้สึกว่าทำไมไม่ได้วะ ก็เลยเริ่มจริงจัง พอมาลองใหม่อีกทีตอน ม.5 ก็ติดครับ

    พอได้เรียนก็เริ่มรู้สึกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เหมาะกับเราที่สุดแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่ายดี ตอนเรียนก็ได้ทำอะไรท้าทาย ได้ฝึกหนัก ชีวิตมีหลายรสชาติ ยิ่งได้ทำงานยิ่งรู้สึกสนุกเข้าไปอีก รู้สึกว่าสิ่งที่ฝึกที่หัดมาทั้งหมดมันได้ใช้จริง ที่สำคัญพอทำแล้วเห็นผลจริงๆ


    ถามว่าคุณพ่อปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับทหารมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า ผู้พันส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่เลยครับ ผมว่าพ่อเขาไม่ได้ปลูกฝังเรื่องความเป็นทหารด้วยการสอน แต่เขาจะทำให้ดู ผมว่าแบบอย่างที่ดีน่าจะสำคัญกว่าคำพูดคำสอน คุณพ่อเป็นคนมีระเบียบมาก ทุกวันนี้ถึงท่านจะเกษียณมาสิบกว่าปีแล้ว อายุ 70 กว่า ท่านยังตื่นเป็นเวลาทุกวัน กินข้าว ออกกำลังกายเป็นเวลา ทุกอย่างเป๊ะมาก เลยคิดว่าเราซึมซับเอาเรื่องแบบนี้เข้ามาโดยไม่รู้ตัว” ว่าแล้วผู้พันก็หยิบเอาแง่มุมน่ารักๆ มาเล่าให้ฟัง

    ตั้งแต่ตอนเด็ก เวลาคุณพ่อเรียก สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการขานรับ พอพ่อเรียก “เบิร์ด” ผมต้องขานรับทันทีว่า “ครับ” แล้วก็วิ่งไปหาเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่หยุดเรียกเด็ดขาดผู้เล่าปิดท้ายด้วยรอยยิ้มกว้างๆ ตามแบบฉบับผู้ชายอบอุ่น

    <HR>

    ประวัติส่วนตัว

    ชื่อ-สกุล : เบิร์ด-วันชนะ สวัสดี
    วันเกิด : 26 สิงหาคม 2516
    ส่วนสูง : 176 ซม.
    น้ำหนัก : 70 กก.
    การศึกษา : โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 45 สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก
    ผลงาน : ภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...ขอบคุณ คุณพนมกุเลน ที่ทำหน้าที่เผื่อแผ่แพร่ข่าวสารดีๆเช่นนี้
    ...ความดีของมนุษย์บางครั้งก็จำเป็นต้องให้สาธารณชนได้เข้าใจและมองเห็นถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ของมนุษย์คนหนึ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
    ...ผมไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจาก "คุณเป็นคนดีจริงๆครับ ผู้พันเบิร์ด"
     
  4. ampapak

    ampapak สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ไปอ่านเจอว่า 11-11-11 เป็นรหัสหายนะ

    น้ำท่วมไม่ปล่อย แต่กักให้สูงเพื่อทะลัก
    และปิดกั้นทิศเหนือและอีสาน
    เส้นทางภาคใต้กำลังจะถูกตัดขาด ในอีกสองสามวัน
    คนอพยพหนีน้ำ กระจายออกไปนอกกทม.
    น้ำดิบสำหรับผลิตประปากำลังจะปน<WBR>เปื้อน กทม.จะขาดน้ำยังชีพ
    ทหารเขมรพร้อมอาวุธปลอมตัวแฝงอย<WBR>ู่ในกทม. (โดยเฉพาะผ้าเหลือง)
    อาหารกำลังจะถูกตัดขาด
    เมืองกำลังจะถูกเผาอีกครั้ง<WBR></WBR>หนึ่ง
    ทหารออกมาช่วยประชาชนจนอ่อน<WBR></WBR>ล้า เกินกว่าจะป้องกัน
    เส้นทางส่งกำลังบำรุงถูกตัด<WBR></WBR>ขาดตามข้างบน
    อาวุธถูกย้ายออกจากฐานที่ตั<WBR></WBR>้งประจำเพราะหนีน้ำ
    โจมตีภาคใต้หนักเข้าไว้ ทหารต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
    จ้างพม่าปล้น เผา ภาคเหนือ

    บอร์ดนี้มีคำตอบไหมค่ะ
     
  5. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ผมว่าคิดมากไปนะ ถ้าทำจริงโลกคงไม่ปล่อยให้ไทยรับมือแต่ผู้เดียวหรอกครับ โลกยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น ทุกคนยังไม่คิดทุบหม้อข้าวตัวเองหรอกครับยังไม่ถึงเวลาครับ
    ยังต้องคิดคำนึงอีกหลายเหตุปัจจัยถ้าจะทำกัอย่างเด่นชัดอย่างนั้นใจเย็นๆและอยู่อย่างมีสติก่อนครับ
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    นี่ก็เกินไป หนักไปทางทฤษฎีสมคบคิด (คิดเอง เออเอง) กุข่าวมาให้คนจิตตก ประหวั่นพรั่นพรึง ปัสสาวะเหนียว yeaw เหลือง สถานการณ์ปลายปีนี้ มันไม่ขนาดนั้นหรอก

    อย่างเลวก็ ปีหน้า ภัยธรรมชาติต่างๆ นาๆ จะหนักขึ้น บ่อยขึ้น เพราะโลกกำลังปรับสมดุลเข้าสู่ยุคใหม่

    ที่นี่ประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ปีนี้ ชิมลางไปก่อน บอกให้รู้ว่า โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว

    แต่ละวันที่ใช้ชีวิต จะให้มันผ่านๆ ไป หายใจทิ้งไปเรื่อยเปื่อยอย่างที่เคยทำไม่ได้

    เพราะควรจะหันมาสะสมความดี ทำเรื่องดีๆ ให้กับสังคมและคนรอบข้าง รวมถึงสิงสาราสัตว์ และสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เรียกว่า ใช้ลมหายใจให้มีคุณค่า สมกับที่มีบุญ ได้เกิดมาในภพภูมิมนุษย์

    เพราะคนน่ะ เล็กเท่ามดปลวก ถ้าเทียบกับธรรมชาติ แล้วอย่าไปพยายามควบคุมบังคับธรรมชาติเลย เพราะทำไม่สำเร็จหรอก

    ที่ควรทำคือ ปรับตัวให้เข้ากับเขาให้ได้ ธรรมชาติเขาอยู่มาก่อนคน ตั้งหลายรร้อยล้านปี คนเพิ่งมาอาศัยเขาอยู่เขากิน

    อย่าริอ่าน ทำตัวใช้อำนาจเหนือเขา มันไม่ชนะหรอก มีแต่จะแพ้หมดรูปกันไปก็เท่านั้น

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2011
  7. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729

    เอาเข้าป่ะ เอาให้หนัก... ฟุ้งได้อีกเยอะ
     
  8. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    บอกซ้ำ ย้ำเตือน
    ฐานผาแบ่น
     
  9. bebe9

    bebe9 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +31
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แก้ปัญหาน้ำดื่มขาดแคลน ด้วยการทำเครื่องกลั่นน้ำไว้ใช้เองกันดีกว่า

    [​IMG]

    เครื่องกลั่นน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นส่วนหนึ่งที่นำประโยชน์จากแสงอาทิตย์มาใช้งาน เนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน ทดแทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ที่ลดน้อยลง ในการออกแบบเครื่องกลั่นน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ตามปริญญานิพนธ์นี้ได้ออกแบบ เป็นกระจกเอียงข้างเดียวมีมุมเอียง 30 องศา มีพื้นที่รับความร้อนโดยใช้หินสีดำ เป็นตัวดูดรับพลังงานความร้อนจากแสง อาทิตย์ ทำให้น้ำมีความร้อนเพิ่มขึ้นและระเหยกลายเป็นไอ ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ที่ผิวด้านในของกระจก ไหลรวมกันสู่ภาชนะเก็บน้ำ

    โดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้น้ำระเหยเป็นหยดน้ำกลั่นไหลลงสู่ถัง สามารถลดค่าการนำไฟฟ้า (conductivity) นำไปใช้ในห้อง Lab หรือเติมในแบตเตอรี่รถยนต์ได้ รูปแบบเครื่องทำน้ำกลั่นจากพลังงานแสงอาทิตย์มีทั้งขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ และขนาดใหญ่ 1.2 x 4 ม. ก่ออิฐฉาบปูนผลิตน้ำกลั่นได้ 1 แกลลอนต่อวันโดยประมาณ

    โดย : สกล กิตติวัฒนะชัย คณะทำงาน KM TEAM
    โพสต์เมื่อ : 2011-06-09 15:46 น.

    ท่านที่สนใจติดต่อได้ที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 9 อุดรธานี
    319 หมู่ 10 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000
    โทรศัพท์ 042292817-18 โทรสาร 042292819

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 288.jpg
      288.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.1 KB
      เปิดดู:
      3,318
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2011
  11. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    Watercone – An Ingenious Way To Turn Salt Water Into Fresh Water
    Written by The Naib


    [​IMG]
    The Watercone is an ingenious device that can take salty water and turn
    it into fresh water using only the power of the sun. The nice thing about
    this device is it is bone simple, uses the sun instead of fossil fuel, and is
    cheap to make and easy to use.
    [​IMG]
    The Watercone is surprisingly a cone, that you place over a pan of salty
    water (or over a marsh, or any damp ground) leave it out in the sun,
    water evaporates, the condensation trickles down the side of the cone,
    at the end of the day you flip it over, remove the cap at the top and
    drink the water.

    [​IMG]
    This device has the potential to really do a lot of good for a lot of people.
    So many people live in areas where the ground water has been polluted by
    salt incursion due to over pumping, or in areas that simply don’t have large
    fresh water sources (south pacific islands, sub-Saharan Africa, south-east
    Asia). The Watercone is made from UV resistant plastic and they claim
    that it will last up to five years, after which it can be used to collect
    rainwater and funnel it into bottles.
    [​IMG]
    They claim that on average one Watercone can produce one liter of water
    per-day. I could image a whole fleet of these things for a village. They
    float, so you could place them over a small pool of salt water and just
    collect fresh water all day. At about 20 Euros it would pay for itself in a
    couple of months and provide potable water for the next 4-5 years. It is
    also recyclable and non-flammable.

    The Watercone website has some really interesting information and I
    highly recommend checking it out.
    1. Much cheaper than bottled water.
    Watercone life expectancy: 3 to 5 years. Price: planned below
    € 20.- Average Price of 1 liter of bottled water in developing
    countries: $US 0,50. Presuming a daily usage of the
    Watercone and a daily average yield of 1 liter, the Watercone
    has paid for itself in about 2 mounth and will work for free the
    next 5-7 years!

    2. Absolutely, low concept and low tech.
    As opposed to other types of solar stills which feature
    electronics, photo-voltaic cells, tubes, filters, many parts,
    etc. the Watercone concept is understood within seconds
    with absolutely no need for academic background. Additionally
    it (cone & pan) is made from Bayer Makrolon, a high-tech
    ultra-rugged and highly recyclable polycarbonate, virtually
    insensitive to UV exposure or breakage, an all too common
    result of rough transport.

    3. Perfect for coastal dwellers.
    There are at least 50 sunny, developing countries worldwide
    with a significant amount of sea- or coastline. Many from their
    populations, hundreds of millions, live in nearest proximity to
    water but cannot drink it or use it for agriculture, because it is
    saltwater. Large families, hamlets, villages could all experience
    dramatically improved quality of life starting from as little as a
    dozen Watercones set up close by the sea.

    4. Perfect for medical purposes.
    There are thousands of hospitals in developing countries, field
    and mobile hospitals, first aid and emergency medical units
    around the world that are located in sunny climates and lack
    condensed water. Outfitted with just a dozen Watercones, a
    little field hospital could harvest 15 liters of condensed water
    per day. More than enough to make a difference for life or death.

    5. Creates jobs.
    For centuries water vendors have walked the markets of
    hamlets, villages and cities around the world, mostly in Africa,
    the Mid East and Asia. Based in the vicinity of salt or brackish
    water and outfitted with a minor credit line, these vendors
    could invest in a dozen Watercones and sell 15 liters of water
    a day and have their investment returned in no more than half a year.

    ที่มา : http://www.blog.thesietch.org/2007/08/13/watercone-ingenious-way-to-turn-salt-water-to-fresh-water/
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    พอน้ำแห้งให้ระวังดินยุบ ในรูปนี่ยังสิวๆ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ลองดูหนังตัวอย่างจากต่างประเทศ จะได้เตรียมรับมือไว้ ไม่ประมาท แต่อย่าขลาดกลัว

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินถล่ม ในโคลัมเบีย ฝังทั้งเป็น 8 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>6 พฤศจิกายน 2554 </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT src="https://ssl.gstatic.com/webclient/js/gc/25095437-ce843676/googleapis.client__plusone.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>


    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>(ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ท)

    เจ้าหน้าที่ทางการโคลัมเบีย เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน วานนี้ และอีกหลายสิบคนหายไป ระหว่างเกิดแผ่นดินถล่ม ในหลายพื้นที่ของเมือง ทางภาคตะวันตกของประเทศ
    ขณะที่ โคลัมเบียกำลังเผชิญหน้ากับฝนตกหนัก


    เจ้าหน้าที่กาชาดผู้หนึ่ง กล่าวว่า มีผู้ถูกฝังทั้งเป็น 8 คน ที่จังหวัดกินดิโอ กับที่เมืองคาลดาส ขณะที่อีก 9 คน ได้รับบาดเจ็บ และอีก 28 คน หายสาบสูญ




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    รบกวนถามท่านใดพอมีข้อมูลบ้างคะ
    ตามที่ได้หาข้อมูล เค้าว่าน้ำกลั่น เป็นน้ำที่บริสุทธิ์มาก
    จนไม่หลงเหลือแร่ธาตุ และสารอาหารใด
    ข้อมูลบางที่บอกดื่มได้ บางที่บอกไม่ควรดื่ม

    ข้อมูลบางที่บอกว่า หากกลั่นด้วยเครื่องกลั่น
    ที่ทำด้วยขดลวดทองแดง อาจมีธาตุทองแดง
    เจือปนอยู่บ้าง นอกจากนี้ ค่าพีเอช (pH)
    จะค่อนข้างไปทางกรด จึงไม่ควรนำมาดื่ม

    จึงเกิดคำถามว่า ถ้าเรากลั่นโดยใช้แสงอาทิตย์
    และเติมผงเกลือแร่ (แบบที่ซื้อตามร้านยา)
    จะพอทานได้มั้ยคะ
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%"><BIG><BIG>นักวิชาการ เตือน อ่าวไทย ที่ระบายน้ำเน่า เอ๊ย น้ำท่วม จะมีภาวะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง </BIG></BIG></TD><TD vAlign=top width="20%" noWrap align=right> <!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--VoteBody--><!--MsgIDBody=0-->
    เพราะอ่าวไทย โดยเฉพาะในส่วนที่อยู่ติดกับปากแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำค่อนข้างนิ่ง ถ้าเทียบกับ ส่วนที่อยู่ในแถบจังหวัดภาคใต้ ซึ่งแถวภาคใต้นั้น พอน้ำจืดไหลลงทะเล การเจือจางจะน้อยกว่า เพราะมีการหมุนเวียนของสายน้ำที่แรง

    แต่ภาวะของปากแม่น้ำส่วนของอ่าวไทย น้ำจะไหลช้า และอ้อยอิ่ง การที่มีน้ำจืด จำนวนมากๆ ที่ระบายออก เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ก็อาจทำให้ กุ้ง หอย ปู ปลา บริเวณนั้น ได้รับผลกระทบ


    คือบางส่วน ที่ได้รับน้ำจืดมากเกินไป ในระยะสั้น อาจจะหมดไปเลย ไม่ก็เหลือน้อยลง
     
  15. ramazet

    ramazet สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมยังเชื่อว่าธรรมย่อมรักษาคนประพฤติดี ... เราไม่อาจหนีพ้นความตายไปได้... แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงดับขันธปรินิพพาน... ดังนั้นจงทำความดีให้ถึงพร้อม...ถึงเวลาเราก็จะรู้เองว่าเราจะทำอย่างไร...อย่าตื่นกลัว...อย่าประมาท...ตั้งสติให้มั่น......ทำดีต่อไป
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรื่องน้ำกลั่นนี้ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องนำมาดื่ม เพราะจะไม่สามารถหาน้ำดื่มที่สะอาดจากแหล่งอื่นๆได้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆที่เกิดภัยพิบัติ และเมื่อระบบการทำประปากลับมาทำงานได้ตามปกติ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องดื่มน้ำกลั่นอีกต่อไปครับ

    น้ำกลั่นเป็นน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ จึงไม่เหมาะแก่การบริโภคจริงหรือ ?

    ถึงแม้ว่าน้ำกลั่นจะเป็นน้ำบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารปนเปื้อน โลหะหนัก สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ทุกชนิด และนั่นก็หมายถึงในน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุใดๆ ทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้เราก็ยังได้รับแร่ธาตุที่จำเป็น จากอาหารที่เรารับประทาน อันได้แก่ ผัก ผลไม้สด ธัญญาหาร ถั่ว ดังนั้นการดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำร่วมกับการรับประทานอาหารสดจากธรรมชาติ จึงไม่ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุแต่อย่างใด

    การดื่มน้ำกลั่นจะชะล้างแร่ธาตุออกจากเซลล์จริงหรือ ?

    หลายคนอาจสงสัยว่าการดื่มน้ำกลั่นซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ไม่มีแร่ธาตุใดๆ จะทำให้แร่ธาตุที่อยู่ในเซลล์เคลื่อนออกจากเซลล์หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เนื่องจากน้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์จะค่อนข้างเฉื่อยและไม่สามารถทำปฏิกิริยากับร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ทำให้แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งอยู่ภายในเซลล์เคลื่อนออกจากเซลล์ นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติของน้ำกลั่นที่มีความหนืดต่ำ ยังช่วยนำพาของเสียรวมทั้งแร่ธาตุอนินทรีย์ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ออกจากเซลล์เพื่อขับออกทางเหงื่อ การหายใจ และปัสสาวะ


    ทำไมน้ำกลั่นจึงถูก "ห้ามดื่ม"

    ทั้ง ๆ ที่เพียงแค่ไม่มีแร่ธาตุอยู่ในน้ำเช่นเดียวกับน้ำดื่มทั่วไป ก็ไม่สามารถดื่มได้หรือคะ ข้างๆ ขวดน้ำกลั่นจะเขียนไว้ว่า "ห้ามดื่ม" เหมือนกับว่ามันจะเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ก็ไม่เห็นจะมีสัญลักษณ์บอกความเป็นอันตรายอะไร สมมุติคนที่อดน้ำมาหลายวัน เห็นแต่น้ำกลั่น จะดื่มได้สักนิดไหม

    โดย โนวา วันที่ 10 ก.ค. 2548

    น้ำกลั่นดื่มได้ครับ ไม่ตายหรอก ดื่มมามากแล้ว รสชาติดีด้วย คล้ายน้ำฝนตกใหม่ๆ เขาไม่ให้ดื่มเพราะมันแพงครับ ถ้านักศึกษาดื่มกันทุกคน แลบก็ต้องลงทุนซื้อน้ำกลั่นมาก เรื่องไม่มี electrolyte ผมว่าเรื่องเล็ก ทานอาหารครึ่งจานก็ได้ electrolyte ทดแทนที่ไม่ได้จากน้ำกลั่นหลายเท่าแล้ว

    โดย ศานติ วันที่ 20 ก.ค.2548

    น้ำกลั่นที่ใช้ในห้องทดลองคงจะไม่เป็นไร แต่น้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่ไม่ควรเสี่ยงนะครับ โดยเฉพาะเคยเห็นมีน้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่แบบพิเศษ แพงกว่าปกติ มีการเติมสารเคมีบางอย่างแน่นอน แต่เวลาขายๆ กันมักจะเรียกรวมๆ ว่า น้ำกลั่น

    โดย ตาหลิว 21 ก.ค.2548

    เรื่องการเกิดปฏิกิริยา หรือผลกระทบทางกระบวนการชีวเคมีในร่างกาย น้องที่ตั้งกระทู้อาจฟังดูเข้าใจยากนิด เอาเป็นว่าผลกระทบใกล้ตัวที่สุด เมื่อน้องซื้อน้ำกลั่นที่ใส่แบตรถยนต์ในท้องตลาดมาดื่มก็คือ มันมีสารเคมีอันตราย เช่น กรดกำมะถัน ปนเปื้อน (ซึ่งเกิดจากเจตนาของผู้ผลิตที่ใส่ลงไป) แน่นอนว่าต้องเป็นอันตรายต่อผู้ดื่ม ส่วนน้ำกลั่นใน lab วิทยาศาสตร์ (ทั้ง RO, DI และ Distilled) ถ้าสะอาดและไม่ปนเปื้อนจุลินทรีย์ก็ OK ครับ นานๆดื่มที่หรือพวกอดน้ำจากทะเลทรายดื่มครั้งสองคร้งไม่เป็นไรครับ ทั้งนี้ดื่มเป็นหลักทุกวันเลยไม่ดีแน่ครับ เนื่องจากปฏิกิริยาทางชีวเคมี (เรื่องของ Osmosis ในเซลล์) ตามกระทู้ข้างต้นนั่นแหละครับ

    โดย enzyme วันที่ 3 ส.ค.2548

    ดื่มได้ค่ะ แต่ก็อย่างที่บอก มันไม่มีแร่ธาตุ ส่วนน้ำกลั่นที่เติมแบตเตอรี่รถยนต์ เค้าจะใส่สารละลายสีเขียวๆลงไปด้วย เพื่อให้มันมีคุณสมบัติตามคอลิเกทีฟไง คือจุดเดือดมันจะสูงขึ้น เวลาเครื่องยนต์ร้อนๆ มันจะไม่ระเหยไปหมดไงคะ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเหมือนกันนะ แต่น้ำกลั่นในแล็บก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับน้ำประปาหรอกค่ะ เพียงแต่อาจจะบริสุทธิ์มากๆกว่าแค่นั้น ... แต่แล็บบางแล็บเค้าเอาน้ำประปาแทนน้ำกลั่นเลยนะ

    โดย PhUeNG วันที่ 10 ต.ค.2548

    ดื่มได้คะ น้ำกลั่นเกิดจากการควบแน่นของไอน้ำ เป็นน้ำที่บริสุทธิ์ มากที่สุด ไม่มีแร่ และโลหะหนักผสมอยู่ปลอดภัย และทำให้ไม่เสี่ยงจากการสะสมสารปนเปื้อน จนอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ ดื่มมา 6 ปีแล้ว สุขภาพดี ไม่มีปัญหาอะไร

    โดย uki วันที่ 9 ก.พ.2550

    ดื่มได้...ความจริงแล้ว..น้ำกลั่นก็สามารถดื่มได้ แต่เพียงแค่ไม่มีแร่ธาตุเหมือนน้ำดื่มทั่วไป ซึ่งน้ำกลั่นเกิดจากการนำน้ำธรรมดาไปกลั่น ทำให้ไม่มีสารตกค้างอยู่เลย แต่อย่าไปดื่มน้ำกลั่นของแบตเตอรี่เข้าล่ะ...ไม่งั้น...ตาย

    โดย คนหล่อ 007 วันที่ 11 ก.พ.2550

    ที่มา http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=33863
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  17. ต้นที่สาม

    ต้นที่สาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +1,074
    กรรม ชดใช้กรรม
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุหิมะที่มณฑลชิงไห่

    [​IMG]

    มณฑลชิงไห่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กำลังเผชิญกับพายุหิมะพัดถล่ม ทำให้การเดินทางประสบภาวะชะงักงัน

    ผลจากแนวปะทะอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมไปในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ทำให้หลายพื้นที่ทางใต้มณฑลชิงไห่เผชิญกับพายุหิมะพัดถล่มตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ที่ตำบลเหอหนานและเจ๋อคูในเมืองฮวงหนานได้รับผลกระทบหนักที่สุด ในช่วง 12 ชั่วโมงที่ผ่านมาหิมะท่วมสูง 8 ถึง 12 เซนติเมตร

    ถนนหลวงหลายสายรวมทั้งทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 214 และทางหลวงหมายเลข 203 เต็มไปด้วยหิมะ การเดินทางต้องประสบภาวะชะงักงัน ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากทัศนวิสัยต่ำมาก รถยนต์จำนวนมากต้องใช้โซ่พันล้อรถเพื่อความปลอดภัย

    สำนักงานพยากรณ์อากาศของชิงไห่เตือนประชาชนว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ชิงไห่จะต้องเผชิญกับฝนตกและหิมะอีกครั้ง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    ดินถล่มที่โคลอมเบียตาย 14 ศพ

    [​IMG]

    เกิดดินถล่มขึ้นทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโคลอมเบียหลังฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 คน

    ฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักในพื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโคลอมเบียตลอดวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดดินถล่มขึ้นในเมืองแมนิซาเลส ในรัฐคาลดาส ห่างจากกรุงโบโกตา ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 165 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และมีผู้สูญหายอีกประมาณ 60 คน

    เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้พยายามออกค้นหาตลอดคืนที่ผ่านมา ต่อยังไม่พบร่องรอย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กาชาดกล่าวว่า ดินที่ถล่มลงมาได้กลบฝังล้านเรือนของประชาชนกว่า 14 หลัง

    ฤดูฝนในประเทศโคลอมเบีย เริ่มมาตั้งแต่เดือนกันยายน และจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับอุทกภัยแล้วทั้งสิ้น 57 ศพ

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    อิตาลี..น้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่มที่เจนัว


    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรี ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี ของอิตาลี โทษว่าการก่อสร้างที่ไม่ถูกต้องในเขตที่ราบน้ำท่วมถึงของอิตาลี เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของเหตุอุทกภัย ที่คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 6 คน ในเมืองท่าเจนัว เมืองเอกของเขตลีกูรีอา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี

    นายแบร์ลุสโกนี ระบุในแถลงการณ์ว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีการก่อสร้างในเขตที่ไม่ควรจะมีการก่อสร้าง และตอนนี้เจ้าหน้าที่ทางการกำลังหาวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำขึ้นอีก ฝนที่ตกหนักในเมืองเจนัว และชายฝั่งตะวันตกของตุรกีเมื่อวันศุกร์ กระตุ้นให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ที่ทำให้แม่น้ำสองสายสำคัญไหลทันฝั่ง นายแบร์ลุสโกนี กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าที่เฝ้ามองดูน้ำทยอยท่วมเขตต่างๆ

    ประชาชนอย่างน้อย 9 คน เสียชีวิตในอุทกภัยรอบก่อนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ในเขตลีกูรีอา และตุสกานีที่อยู่ข้างเคียง น้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่มครั้งใหม่นี้ ทำให้ท้องถนนจมอยู่ใต้โคลน อาคารบ้านเรือนเสียหายและยานพาหนะจำนวนมากถูกน้ำพัดพา สำนักข่าวแห่งชาติอันซ่า ของอิตาลี รายงานว่า ผู้เสียชีวิต 2 คนเป็นเด็ก เที่ยวบินต่างๆ ถูกยกเลิกหรือเสียเวลา และแม๊ทซ์การแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมอินเตอร์มิลานกับทีมเจนัวถูกเลื่อนออกไป เพราะเขตมารัสซี โดยรอบสนามฟุตบอลของเมืองเจนัวอยู่ในหมู่เขตที่ได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วมและโคลนถล่มในเมือง

    แม่น้ำ 2 สายไหลทันฝั่ง เจ้าหน้าที่ของร้องให้ประชาชนย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นบนของอาคาร และเตือนสถานการณ์เลวร้ายที่สุดอาจจะตามมา เนื่องจากมีการพยากรณ์ว่าฝนจะตกหนัก ต่อไปจนถึงเช้าวันนี้ ภาคเหนือของอิตาลีเผชิญกับฝนที่ตกหนักเมื่อวันศุกร์และมีรายงานน้ำท่วมในเมืองเวนิสด้วย

    นายแบร์ลุสโกนีได้ให้อำนาจพิเศษกับผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันฝ่ายพลเรือนแห่งชาติอิตาลี ในการใช้มาตรการทุกอย่างที่เป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองเจนัว ที่มีประชากรกว่า 600,000 คน ประกาศว่าโรงเรียน ธุรกิจร้านค้า และทางหล่วงถูกปิดเมื่อวานนี้ สำหรับทางหลวงที่ยังคงเปิดใช้อยู่ เจ้าหน้าที่ต้องออกรณรงค์เตือนไม่ให้นักเดินทาง ขับรถขึ้นเหนือไปตามแนวชายฝั่งตะวันออก ตำรวจ ทีมกู้ภัย และตำรวจดับเพลิง ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนขับรถขึ้นเหนือ

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1320387187.jpg
      1320387187.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.9 KB
      เปิดดู:
      2,788
    • 1320559146.jpg
      1320559146.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      2,821
    • 1320547969.jpg
      1320547969.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.1 KB
      เปิดดู:
      2,842
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คพ.ยันเคยสำเร็จใช้อีเอ็มบำบัดน้ำเน่าโรงพักฉลองกรุงสำเร็จมาแล้ว

    [​IMG]

    กรมควบคุมมลพิษ 11 พ.ย.-กรมควบคุมมลพิษโต้นักวิชาการ ยืนยันความสำเร็จจากการใช้อีเอ็มบอลในการบำบัดน้ำเน่าที่โรงพักฉลองกรุงเมื่อปี 2542 และเห็นผลตลอดจากการใช้อีเอ็มบำบัดน้ำเสียในหลายพื้นที่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

    นายสุเมธา วิเชียรเพชร หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักวิชาการคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าการใช้อีเอ็มบำบัดน้ำเสียอาจไม่ได้ผล โดยยกกรณีการเกิดสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ผล นายสุเมธาชี้แจงว่า เหตุสึนามิ น้ำที่เน่าเสียส่วนใหญ่เป็นน้ำเค็ม การใช้อีเอ็มในการบำบัดจึงไม่ได้ผล เพราะเชื้อจุลินทรีย์อาจตายเมื่อเจอความเค็มที่รุนแรง แต่หากเติมอีเอ็มกับน้ำเค็มหลาย ๆ ครั้งก็จะเริ่มเห็นผล

    เพราะเชื้อจุลินทรีย์จะมีความคุ้นเคยกับความเค็มมากขึ้น และเจริญเติบโตได้ และที่ผ่านมา คพ. เคยใช้น้ำอีเอ็มทำมาแล้วที่สถานีตำรวจฉลองกรุง เขตลาดกระบัง เมื่อปี 2549 โดยสถานีตำรวจดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเน่าเสียที่ถูกชะจากบ่อขยะของ กทม.ตั้งแต่ปี 2542 จนเน่าเสียสะสมส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชุมชนรอบข้าง และมีค่าความเค็มสูงถึง 12 ส่วนในล้านส่วน (พีพีที) แต่อีเอ็มก็ยังสามารถบำบัดได้

    นายสุเมธากล่าวว่า ในช่วงแรกของการบำบัดน้ำเสียที่สถานีตำรวจฉลองกรุง หลังเติมอีเอ็ม 15 วันแรกยังไม่ได้ผล แต่เมื่อเติมเชื้ออีเอ็มซ้ำลงไป จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำ ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกมีการหารือกันว่าต้องส่งน้ำเสียไปบำบัด ซึ่งต้องใช้เงินถึง 50 ล้านบาท แต่ท้ายสุดเมื่อใช้อีเอ็มกลับเสียค่าใช้จ่ายไม่ถึงล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 5 พ.ย. 2554

    ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/289639.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
    แต่อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ตัวเองอยากจะเตรียมพร้อม
    สำหรับกรณี worst case คือแย่ที่สุด ซึ่งระบบประปา
    อาจจะกลับมาทำงานอีกไม่ได้ และเราก็อาจต้องดื่ม
    น้ำกลั่นเป็นปีๆน่ะค่ะ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นใช่มั้ยคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...