ดาวหาง Elenin / Nibiru (planet X) - Elenin - Events

จะบอกว่าพิมพ์ผิดล่ะ[Embarrass ตั้งใจจะขอบคุณมากค่ะ
อายจัง

 

เรื่องของคุณ NorthSea และ คุณ Falkmanใกล้เคียงกับที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียเค้าพยายามตีความจาก crop circles เลยค่ะ
อ่านจาก Link ใน truth4thai เค้าบอกว่ามนุษย์ต่างดาวพยายามเตือนว่า Solar storm จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกอาจจะเริ่มภายใน สิงหาคมนี้
เนื้อหายาวมากค่ะ ไม่กล้าแปล กลัวจะแปลผิด

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=xo_BcgdDfaQ"]58º - ANSWERS OF AN ALIEN FROM ANDROMEDA - Nibiru - Elenin - Events - YouTube[/ame]

มาเพิ่งลิงก์วีดีโอ และลิงก์เว็บของ Captain Bill ค่ะ

ใน Blog จะมี Pdf file ของทุกตอนใน Channel นี้นะคะ ตอนล่ะสุด 58
Moon Walker - Captain Bill

 

ช่วยแปลวีดีโอ 56 ให้บางส่วนครับ
------------------------

Question, a mate asks, Mythi as our planet continues to destablilize due to effects mentioned in previous statements, and the elites are feeding the first thru disinformation, would you expect to see an alliance between the reptilians and the gray's that are working with the elites to, how should i say start a mock war or invasion against us? Doing so would develop hatred of humanoid against
all non earth beings, and increase the power base of elite's. Would we be on our own till the dust settles?

คำถาม เพื่อนคนหนึ่งถาม มิทธิ ถ้าโลกของพวกเรามีการลดความเสถียรอย่างต่อเนื่อง และพวกชนกลุ่มปกครองของโลกก็กำลังป้อนข่าวสารเท็จให้กับประชาชน พวกคุณคาดหวังไหมว่า พันธมิตรระหว่างเผ่าพันธุ์ที่สืบสายมาจากสัตว์เลื้อยคลาน (เร็บทีเรียน) และพวกเผ่าพันธุ์สีเทา(เกรย์) ที่ทำงานร่วมกับชนกลุ่มปกครองของโลกนั้น ผมจะพูดยังไงดี เอาเป็นว่า พวกเขาจะแกล้งปลอมว่ามีสงครามระหว่างดาว หรือมีการรุกรานโลก เพื่อต่อต้านพวกเรา การกระทำดังกล่าวจะพัฒนาความเกลียดของพวกฮิวมานอยด์ (เผ่าพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์โลก) ต่อ เผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่ชาวโลกทั้งหมด และก็เป็นการเพิ่มอำนาจให้กับชนกลุ่มปกครองโลก แล้วอย่างนั้น พวกประชาชนอย่างเราๆก็ต้องพึ่งพาตนเองไปจนกว่าฝุ่นจะจางลงยังงั้นหรือ

- Mate, as I explained in the pass, the Reptilians allies of your current elite will not directly participate in any genocide. They can even make representations with their craft but who will unleash acts of possible exception, will be your governments. The Reptilians do not want to pass the scrutiny of the Community Galactica because they cannot in any way interfere directly with the humanoids on the planet, not to be politically as they've been doing in the role of "guest".

เพื่อน อย่างที่ผมอธิบายไปแล้วในอดีต พวก เร็บทีเลียนที่เป็นพันธมิตรของคณะปกครองของพวกคุณจะไม่ยอมเข้าไปยุ่งโดยตรงกับแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (เพื่อช่วยธรรมชาติอีกแรง) (แผนของรัฐบาลมหาอำนาจของโลก เพื่อลดประชากรโลกให้เหลือ ๕๐๐ ล้านคน เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ของโลกหลังภัยพิบัติ) พวกเขาอาจจะแสดงยานอวกาศของเขาออกมา แต่ว่าใครก็ตามที่เป็นผู้กระทำตามฆ่าล้างเผ่าพันธ์แผนนั้น จะเป็นบรรดารัฐบาลของพวกคุณ พวกเร็บทีเรียนไม่ต้องการโดนประชาคมกาแล็กติกาเพ่งเล็ง เพราะว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแทรงโดยตรงกับมนุษย์บนดาวโลกนี้ได้ ไม่ใช่ในทางการเมือง อย่างที่พวกเขาทำตอนนี้คืออยู่ในบทบาทของแขกของรัฐบาลของพวกคุณ

We know that this type of scenario will be created by your government because they already had advanced holographic techniques with the reptilians scientists to do this kind of "presentation". But the people on the planet will soon realize who is who in the context of survival and reorganization. The acts of your government will not go unnoticed and this will generate a great upheaval in
your fellow citizens. Soon everyone will realize against whom they must defend themselves.

พวกเรารู้ว่า สถานการณ์แบบนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลของพวกคุณ เพราะว่าเขาได้เทคโนโลยีโฮโลกราฟิคขั้นสูงมาจากนักวิทยาศาสตร์เร็บทีเลียน เพื่อทำการแสดง"การนำเสนอ"นี้แล้ว แต่ประชาชนของโลกจะตระหนักในเร็ววันนี้ว่า ใครเป็นใครกันแน่ ในบริบทของการเอาตัวรอด และการจัดระเบียบสังคมใหม่ การกระทำของรัฐบาลของคุณ จะไม่รอดสายตาของประชาชนไปได้ และจะเกิดการลุกฮือขึ้นในหมู่ประชาชน ในไม่ช้า ทุกคนก็จะตระหนักว่า พวกเขาเองต้องป้องกันตัวเองจากใครกันแน่

In the short term your government will try to make a forcible disarmament of the population and close your trade in arms and ammunition to prevent resistance. All your personal communication will censored and subject to location. The civil rights will be revoked, as well as the free movement of
vehicle. Will only have the right to food, medicine and lodging those who agree with "free and spontaneous will" come under the "tutelage" of the government,

ในระยะสั้น รัฐบาลของพวกคุณจะพยายามบังคับปลดอาวุธโดยใช้กำลัง และสั่งห้ามการค้าอาวุธและกระสุน เพื่อป้องกันการต่อต้าน การสื่อสารส่วนตัวจะโดนเซ็นเซอร์ และถูกจำกัดพื้นที่ สิทธิมนุษยชนจะถูกเพิกถอน รวมทั้งสิทธิในการเคลื่อนที่ไปมาของยานพาหนะ พวกคุณจะมีสิทธิเพียงอาหาร ยา และที่พัก ผู้ที่ยอมตามโดยดีแบบอัตโนมัต จะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

 

ต่อ
------------------
in paces of "confinement". Initially, you have to take your first steps for yourself. We can only annouce our help when it is determined that the situation of individual groups is out of control. In many cases, we may confront us with
your military forces to prevent indiscriminate extermination of populations isolated or surrounded. I believe that orders will be clear to protect the remaining population.

ในสถานที่กักกัน ในขั้นแรก คุณต้องดำเนินการขั้นแรกเอง เราสามารถประกาศเรื่องความช่วยเหลือของพวกเราก็ต่อเมื่อเห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ของแต่ละกลุ่มอยู่นอกเหนือการควบคุมเท่านั้น ในหลายกรณี เราอาจจะออกหน้าเผชิญหน้ากับกองกำลังทหารของพวกคุณ เพื่อป้องการฆ่าประชากรที่ถูกแยกออกหรือล้อมไว้แบบไม่เลือกหน้า ผมเชื่อว่า คำสั่งจะชัดเจนว่าเพื่อปกป้องประชาการที่เหลือ



Question, Mary asks, Mythi I am confused about the order of event. When might the Coronal Mass Ejection occurs? How will we know?

แมรี่ถามว่า มิทธิ ฉันงงไปหมดแล้ว เกี่ยวกับลำดับเหตุการ เมื่อไรจะมีการเกิดการระเบิดฉีดมวลโคโรน่าของดวงอาทิตย์ออกมา แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไร

Mary, the reactions and solar mass ejections are the result of the imbalance of the geomagnetic field of the sun when magnetically influenced by massive bodies. The causes holes literally between lines of the solar magnetic field,
freeing up space for the large amount of energy radiated. When object intruder is between Earth and the Sun, drawing to it the solare flares, as it will be linked to the sun through a tunnel of gravitational force, which will force this object to
make the resulting curve at the apex of its orbit. Just as an example, if you were running and holding a bush to make a fast corner, you will arch bush in your direction while your inertial weight is absorbed by it as it reacts in the opposit
direction right?

แมรี่ ปฏิกริยาและการระเบิดมวลของดวงอาทิตย์ออกมานั้นเป็นผลจากความไม่สมดุลย์ของ สนามแม่เหล็กพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดรูขึ้นระหว่างแนวสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ปล่อยให้มีที่ว่างให้พลังงานจำนวนมากแผ่รังสีออกมาได้ เมื่อมีวัตถุแปลกปลอมนั้นเข้ามาแทรกอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ก็จะดึงประกายไฟออกไปจากดวงอาทิตย์ เพราะมันเชื่อมโยงกันอยู่ด้วยอุโมงของแรงโน้มถ่วง ซึ่งจะบังคับให้วัตถุทำให้เกิดความโค้งที่ปลายสุดของวงโคจร ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณวิ่งไปด้วยความเร็วแล้วเอามือเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้เพื่อเลี้ยวอย่างรวดเร็ว คุณก็จะดึงกิ่งไม้ไปเป็นแนวโค้ง ทางทิศทางของคุณ ขณะที่น้ำหนักความเฉี่อยโดนดูดซับไปด้วยกิ่งไม้ ตอนที่มันมีปฏิกริยาดึงไปในทิศทางตรงกันข้าม


In the case of the Sun, a part of this force causes a mass loss by ejection in the direction of the aggressor force. The Earth will be exactly the region where this force is greater, the curve apex of orbit, so it will be the target of this energy ejection. These burst of energy it takes hours to get so will not be a serious problem to which can hide the sun but in the case of satellites, power grids and electronics, will be fatal.

ในกรณีของดวงอาทิตย์ ส่วนหนึ่งของแรงนี้ทำให้เกิดการเสียมวล โดยมีการฉีดมวลออกไปในบริเวณที่สนามพลังมีสูงสุด ก็คือโค้งบนยอดวงโคจร ซึ่งก็จะเป็นเป้าของการฉีดพลังงานนี้ออกไป การระเบิดของพลังงานใช้เวลาหลายชั่วโมง ดังนั้น ไม่เป็นปัญหาซีเรียสนักในการที่ตัวเราจะแอบตัวหลบจากแสดงอาทิตย์ แต่ว่า ดาวเทียม สายไฟฟ้าแรงสูงในกริด และ อิเล็กทรอนิคส์ จะถูกทำลายหมด

 

อีกตอนครับ
----------------
Question, Jose asks, would we have a shower of neutron radiation, and if so how can we protect from it? Is been said that radiation will erase, or impaired our reasoning for an undetermined amount of time, or indefinite, is it true? Also there are other indicators that would advise internet to stop functioning gradually beginning mach 2012. Do you know something about this?
คำถาม โฮเซ่ถามว่า พวกเราจะโดนฝนของรังสีนิวตรอนไหม และถ้าโดนพวกเราจะป้องกันตัวได้อย่างไร มีการพูดกันว่า รังสีนี้จะลบ หรือทำให้ความคิดการใช้เหตุผลของสมองเราเสื่อมไปนาน ไม่ทราบว่าเท่าไร หรือว่าตลอดไป เรื่องนี้จริงไหม และก็ มีตัวบ่งชี้อะไรที่จะเตือนว่า อินเตอร์เน็ตจะหยุดทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไปนับจากเดือนมีนาคม 2012 คุณรู้เรื่องพวกนี้ไหม

Jose, there will be a great shower of radiation with the the approach of Dwarf Star. Starting in January, your satellites are being eliminated, so the Internet will not work, as the satellites are being destroyed. Many of your satellites will lost their orbits now, during the approaching of Elenin. Radiation from Dwarf Star added to solar flares, will begin to affect other satellites from the end of January 2012. Interface, the radiation will decreased only late 2012, early 2013.

โฮเซ่ จะมีห่าฝนของรังสีจำนวนมาก เมื่อดาวแคระเข้าใกล้เข้ามา เริ่มจากเดือนมกราคม (2012) ดาวเทียมของพวกคุณจะโดนทำลายเสียหายไปหมด ดังนั้น ระบบอินเตอร์เน็ตจะไม่เวอร์คอีกต่อไป ตอนนี้ดาวเทียมของพวกคุณหลายดวงก็เสียวงโคจรไปแล้ว เมื่อ elenin เข้ามาใกล้ รังสีจากดาวแคระจะไปเพิ่มกับโซลาร์แฟลร์ และจะเริ่มมีผลต่อดาวเทียม ตั้งแต่ปลายเดือน มกราคม 2012 การเผชิญหน้า รังสีจะลดลงปลายปี 2012 ไปถึง ต้นปี 2013 แล้วเท่านั้น

Human will protect more during the day and more active at night. That was why the elites provided seed banks, as flora and fauna will suffer greatly in this situation and how much would be lacking. This radiation is like a microwave; it can literally affect the brain by internal heating and disable many functions, it will be important to keep well protected from the sun during solar flares detected all in advance. When you sense the sun burning in your hand skin, do not expose the rest of the body.
มนุษย์จะป้องกันตัว(จากแสงแดด)มากขึ้นๆในตอนกลางวัน และออกทำงานกันกลางคืน นี้เป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้นำของพวกคุณมีการสร้างธนาคารเมล็ดพืชเอาไว้ เพราะว่า ทั้งพืชและสัตว์ป่าจะถูกทำลายเป็นอย่างมากในสถานการณ์แบบนี้ และก็จะทำให้ขาดไปมาก รังสีพวกนี้เหมือนกับไมโครเวฟ มันจะมีผลโดยตรงกับสมอง ทำให้เกิดความร้อนขึ้นภายใน และทำให้เสียการทำงาน หากว่าตรวจเจอการเกิด solar flares ล่วงหน้าก็สำคัญมากที่ต้องป้องกันตัวเองจากดวงอาทิตย์ เมื่อคุณรู้สึกว่าผิวคุณโดนแดดเผาที่มือ ก็อย่าให้ตัวคุณส่วนอื่นๆโดนแสง

Question, Jose asks, could you please advise how severe would the trail of meteorites, that would unattached, from the Dwarf star, once it passes throgh the earth be? How long this bombardment to earth would take?

คำถาม โฮเซ่ถามว่า คุณช่วยแนะนำพวกเราเรื่อง ห่าฝนอุกาบาตที่จะตามมาหน่อยได้ไหม ที่มันจะโดนเหวี่ยงหลุดจากดาวแคระออกมา เมื่อมันผ่านมาใกล้โลก โลกจะโดนถล่มนานเท่าไร

Jose, the trail of meteors will occur on both occasions with Elenin this year and the Dwarf Star next year. In both cases, when they pass through the asteroid belt they spread many meteors. As the Dwarf Star is a system of large volume,
it will cause a major strike in its path. The big problem is that your government will use this against people, claiming the shock of meteors, the previously planned actions. Be alert.
โฮเซ่ กลุ่มอุกาบาตที่ตามมาจะมีทั้งสองกรณี ในปีนี้คือ Elinin และในปีหน้าคือดาวแคระ ทั้งสองกรณี เมื่อเมื่อพวกมันเคลื่อนผ่านแถบดาวเคราะห์น้อย มันก็กระจายอุกาบาตหลายๆดวงออกไป กรณีของดาวแคระซึ่งเป็นระบบที่่มีปริมาตรใหญ่มาก มันจะเกิดการกระแทกขนาดใหญ่ในทางโคจรของมัน ปัญหาก็คือ รัฐบาลของพวกคุณจะใช้เรื่องนี้กับประชาชน อ้างว่าเป็นผลพวงจากการถล่มของอุกาบาต แต่อันที่จริงเป็นแผนที่วางไว้ก่อนแล้ว ให้ระวังเอาไว้หน่อย

 

ขอบคุณค่ะคุณ ไทยคนหนึ่ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมตามไปอ่านมาแว้บ ๆ เข้าไปในคลิป แต่ฟังอังกฤษสำเนียงรัสเซียยากมาก ๆ ค่ะ สำเนียงธรรมดาก็จะแย่ แต่พอตามเข้าไปในเว็บ Круги на полях расшифрованы
เจอคำเตือนก่อนเลยค่ะ ตามนี้...แต่หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงนะคะ... ส่วนตัวภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลยไม่กล้าแปลเช่นกันค่ะ ยังงัยก็ฝากขอบคุณทุก ๆ ท่านโดยเฉพาะ คุณ Falkman, คุณ Bluejet ที่ช่วยกันแปล ช่วยกันโพสให้ได้อ่านนะคะ

 

เอเลนิน มหันตภัยดาวหางเฉียดโลก(!?)

​

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก reinep.files.wordpress.com , jimmyprophet.files.wordpress.com , 4.bp.blogspot.com




หากจะพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของดวงดาวและปรากฎการณ์บนโลกแล้ว ต้องยอมรับว่า แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์กันอย่างแน่ชัดว่า ดวงดาวจะมีอิทธิพลต่อปรากฎการณ์ต่าง ๆ บนโลกจริงหรือไม่ แต่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์หลายคนก็พบว่า หลายครั้งการมาเยือน การโคจรเฉียดโลกของดวงดาวต่าง ๆ ก็เชื่อมโยงกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกได้อย่างน่าฉงน จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งที่เกิดปรากฎการณ์ต่าง ๆ ขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด ภัยพิบัติเหล่านี้มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการเคลื่อนที่เข้าใกล้โลกและการ เรียงตัวของดวงดาวต่าง ๆ ไปซะทุกครั้ง และมีการเก็บสถิติกันเรื่อยมา


ล่าสุด ประเด็นภัยพิบัติอันเกิดจากการเคลื่อนที่ของดาว ก็ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอีกครั้ง เมื่อมีการเปิดเผยจากนาซ่าว่า ในระยะเวลาอีกไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้านี้ ดาวหางที่มีชื่อว่า C/2010 X หรือที่รู้จักกันว่า เอเลนิน (Elenin) จะโคจรมาเยือนโลกของเราในระยะฉิวเฉียด แถมนักวิทยาศาสตร์สมัครเล่นบางคนยังคำนวณว่ามันจะมีช่วงเรียงตัวของ โลก ดาวหางเอเลนิน ดวงอาทิตย์ และดาวพุธ อีกด้วย บ้างก็ว่าเป็นดาวนิบิรุในตำนานอีกแน่ะ คราวนี้ก็เลยทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา และถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกในขณะนี้ วันนี้ กระปุกดอทคอมจึงขอนำเรื่องราวของดาวหางที่กำลังจะมาเยือนโลกเราดวงนี้มาฝาก กันค่ะ


ดาวหาง เอเลนิน เป็นดาวหางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 โดยนักดาราศาสตร์ชาวรัสเซียนามว่า ลิโอนิด เอเลนิน ซึ่งถึงแม้ว่าตัวดาวจะเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดเล็กจิ๋วเหมือนละอองฝุ่น เหมือนดาวหางทั่ว ๆ ไป แต่ด้วยความที่มันมี "โคม่า" หรือเมฆฝุ่นและแก๊สปกคลุมอยู่หนามาก ทำให้มันถูกมองเห็นเป็นกลุ่มเมฆขนาดใหญ่มากที่สุดประมาณ 200,000 กิโลเมตร ใหญ่เล็กต่างกันตามตำแหน่งที่มันโคจรไป และเมื่อเมฆฝุ่นและแก๊สตกกระทบกับดวงอาทิตย์แล้ว ก็จะทำให้มันส่องสว่างเด่นชัดขึ้นมาในห้วงจักรวาลอย่างไม่น่าเชื่อ


และหลังจากการค้นพบมันเมื่อปีก่อน นักดาราศาสตร์ก็พบว่ามันมีวิถีโคจรพุ่งตรงมายังโลก และกำลังจะเฉียดโลกในปีนี้ โดยระบุว่าวันที่มันจะโคจรมาเฉียดโลกมากที่สุด คือ วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ในระยะห่างประมาณ 35 ล้านกิโลเมตร ส่วนวันที่มันจะเรียงตัวอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คือวันที่ 26 กันยายนนี้ ซึ่งจากการคาดคะเนดังกล่าว ได้ทำให้วันทั้ง 2 วันนี้ถูกมาร์กไว้ในปฎิทินของใครหลาย ๆ คน ที่รอชมปรากฎการณ์ที่ "อาจจะ" ได้เห็น ขณะที่นักวิทยาศาสตร์สมัครเล่นก็นำมันมาเชื่อมโยงกับปรากฎการณ์บนโลกเช่นเคย ก่อนจะปล่อยข่าวลือฟุ้งกระจายไปทั่วเกี่ยวกับภัยพิบัติใหญ่หลวงที่จะมาพร้อมกับการมาเยือนของดาวหางเอเลนินดวงนี้

​

ภาพแสดงตำแหน่งดาวหางเอเลนินบนท้องฟ้า ​

สำหรับข่าวลือที่สร้างความหวาดกลัวให้กับใครหลาย ๆ คนนั้น ก็มีหลากหลายข่าวแตกต่างกันไปตามแต่ใครจะเชื่อ บ้างก็ว่าการมาเยือนของดาวหางเอเลนินดวงนี้จะทำปฏิกิริยากับโลกให้เกิดแผ่น ดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไปชั่วระยะหนึ่ง และเกิดการแปรปรวนของสภาพอากาศบนโลก บ้างก็ว่าเมื่อดาวหางเอเลนินเรียงตัวกันกับโลกและดวงอาทิตย์แล้ว ดาวหางจะบดบังดวงอาทิตย์จนทำให้โลกมืดไปสามวันสามคืน นั่นคือ วันที่ 26 27 และ 28 กันยายนนี้ บ้างก็ว่าดาวหางเอเลนิน แท้จริงเป็นยานอวกาศจากสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาต่างดาว บ้างก็ว่าดาวหางเอเลนินนี่แหละที่เป็นดาวเคราะห์เอ็กซ์หรือดาวนิบิรุในตำนาน แต่ถูกเปลี่ยนชื่อตามผู้ค้นพบเมื่อปรากฎขึ้นเท่านั้น และบ้างก็ว่า ดาวเอเลนินเป็นดาวนำร่อง ก่อนที่นิบิรุหรือดาวเคราะห์เอ็กซ์จะโคจรตามมาชนโลกในปี 2012 ซึ่งระบุว่าเป็นวันสิ้นโลกตามปฎิทินมายัน


ข่าวลือหลายกระแสข้างต้นนี้เริ่มแพร่กระจายมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และยิ่งใกล้วันที่ดาวหางเอเลนินกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากมาย โดยเฉพาะในต่างประเทศ ประเด็นเรื่องดาวหางเอเลนินกำลังเป็นประเด็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมาก จนมีบทความ และมีผู้สร้างแบบจำลองปรากฎการณ์ดาวหางเอเลนินเฉียดโลกขึ้นมามากมายใน Youtube ก่อนที่จะมีคนนำไปคิดต่อยอดกันสารพัดจนทำให้ปรากฎการณ์ดาวหางเอเลนินเฉียดโลก กลายเป็นมหาวิบัติภัยครั้งใหญ่


ส่วนกลุ่มคนที่นิ่งที่สุด และไม่ได้หวั่นวิตกถึงการมาเยือนของเอเลนินในครั้งนี้ กลับเป็นเหล่านักดาราศาสตร์และองค์การนาซ่า ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง โดยล่าสุด ทางนาซ่าได้ออกมาเปิดเผยกันสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า แค่ปรากฎการณ์ดาวหางขนาดเล็กจิ๋วเฉียดโลกนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่าวิตกได้อย่างไร เมื่อเอเลนินดวงนี้เปรียบเสมือนดาวเด็กน้อยที่อ่อนแอมากดวงหนึ่ง ที่ไม่ได้มีพละกำลังใด ๆ และยังพุ่งตัวฉิวเฉียดโลกในระยะห่างตั้ง 35 ล้านกิโลเมตร ซึ่งห่างกว่าดวงจันทร์ของเราถึง 90 เท่า

​

ภาพแสดงการโคจรของโลกและดาวหางเอเลนิน ​

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีพลังทำลายล้างหรือส่งผลกระทบใด ๆ กับโลกของเรา และที่สำคัญ คือดาว หางขนาดเท่าเม็ดฝุ่นจักรวาลนั้น จะไม่สามารถบดบังดวงอาทิตย์ได้เลย แม้ว่าจะโคจรมาเรียงตัวกันตรงกลางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์นานแค่ไหน กลับกันตัวมันเองที่ปกคลุมไปด้วยเมฆฝุ่นและแก๊สนั้น ก็คงจะอันตรธานหายไปทันทีที่แสงอาทิตย์พาดผ่านมายังโลก และแน่นอนว่าจะ ไม่มีใครมองเห็นมันได้ในตอนกลางวันเลยด้วยซ้ำ ส่วนตอนกลางคืน นักดูดาว และคนบนโลกก็อาจจะมีลุ้นได้นั่งชมความงามของดาวหางที่พาดหางยาวสวย และฝนดาวตกเท่านั้นเอง


อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่านาซ่าจะออกมาเปิดเผยกระจ่างแจ้งอย่างนั้นแล้ว ก็ยังไม่วายมีกระแสข่าวออกมาว่านาซ่ากลัวคนแตกตื่นเลยไม่อยากจะบอกความจริง ให้โลกรู้อยู่ดี เอ้า! คราวนี้ ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนแล้วล่ะว่า ระหว่างนาซ่ากับนักวิทยาศาสตร์(สมัครเล่น)ทั้งหลายนั้น คุณจะเชื่อใคร?


คลิป จำลองปรากฎการณ์ดาวหางเอเลนินเฉียดโลก
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=z-MJU1H6Wm8



ข้อมูลจาก http://hilight.kapook.com/view/61959

 

ตอนสุดท้ายครับ
------------------

Question, Silver asks, why the earth called Tiamat while this is the same name for the Babylonian Goddess of the Ocean and it also refers to the primordial Monster of Chaos. Is this history repalted to why our planet is called like this?

คำถาม ซิลเวอร์ถามว่า ทำไมโลกถึงโดน(พวกคุณ)เรียกว่า เทียแม็ต ซึ่งอันนี้เ็นชื่อเดียวกับ เทพีแห่งท้องมหาสมุทรของชาวบาบิโลน และก็ยังหมายถึง ปีศาจดั้งเดิมแห่งความยุ่งเหยิงอีกด้วย มีประวัติศาสตร์ที่อธิบายไว้ไหมว่าทำไมดาวเคราะห์ของเราโดนเรียกแบบนี้


- Silver, according to our records, it is so called since the days of the formation of the oceans when the water was conveyed here through portais. When the oceans were formed she became known as Tiamat, whos speech sound means "big water" in some alien languages. This name was passed to thy ancient cultures long after by visitors from outer space who were considered "gods" so they adopted the name Tiamat to the God of the Oceans. I do not know about the reference "Monster of Chaos" where it came from.

ซิลเวอร์ จากระเบียนในฐานข้อมูลของเรา โลกโดนเรียกแบบนี้ตั้งแต่ครั้งที่มีการสร้างมหาสมุทร เมื่อมีการส่งผ่านมวลของน้ำผ่านประตูมิติเข้ามายังดาวนี้(โดยมนุษย์ต่างดาวเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว) เมื่อมีมหาสมุทรเกิดขึ้น โลกโดนเรียกว่า เทียแม็ต ซึ่งเสียงพูดหมายความถึง ผืนน้ำขนาดใหญ่ ในภาษามนุษย์ต่างดาวภาษาหนึ่ง ต่อมา ชื่อนี้โดนส่งผ่านไปยังอารยธรรมโบราณของโลกนี้ โดยผู้มาเยือนจากต่างดาว ซึ่งโดนถือว่าเป็น เทพเจ้า ดังนั้น พวกเขาก็เลยใช้ชื่อ เทียแม็ต เรียก เทพีแห่งมหาสมุทร แต่ว่า ผมไม่รู้ว่า การอ้างถึง ปีศาจแห่งความยุ่งเหยิงมาจากไหน

Question, Miilipea and some mate asks, a number of sites claims India and the western two thirds of Australia will be pushed under the sea at the time of the pole shift. Can you please confirm, and how these people should prepare for
such an event?

คำถาม มีลิเพีย และเพื่อนบางคนถามว่า มีหลายๆที่อ้างว่า อินเดีย และ สองในสามของ ออสเตรเลียตะวันตก จะโดนกดลงใต้ทะเล เมื่อมีการเคลื่อนตัวของขั้วโลก คุณช่วยคอนเฟอร์มหน่อยได้ไหม และพวกคนที่นั้นจะเตรียมตัวรับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร

- Mates, all coastal areas of the planet will suffer the influences of rising oceans. Some tectonic regions in particular will go down to hundreds of meters in relation to other regions that will be raised in relation to sea level. The tectonic plates are floating in the magma, if one of them will raise some other sink to equalize the pressure. Depending on the gravitational presure which many be
excercised by the approach of Dwarf Star, ocean floors will rise as land surfaces may sink, as has happened many times in antiquity, great civiliztions sank in the ocean.

เพื่อน ชายฝั่งทุกแห่งในโลกนี้จะต้องโดนผลกระทบจากระดับน้ำมหาสมุทรที่สูงขึ้น พื้นผิวโลกบางแห่งจะจมลงหลายร้อยเมตร เทียบกับพื้นที่อื่นซึ่งจะโดนยกขึ้น เทียบกับระดับน้ำทะเล แผ่นเปลือกโลกนั้นลอยตัวอยู่บนแม็กม่า ถ้าด้านหนึ่งของเปลือโดนยกอีกด้านก็ต้องจมลง เพื่อให้เกิดสมดุลย์ของความกด ขึ้นกับแรงโน้มถ่วง ซึ่งอาจจะส่งออกมาจากดาวแคระ พื้นสมุทรจะยกตัวขึ้น ขณะที่แผ่นดินที่เคยลอยตัวอยู่อาจจะจม อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในโลกนี้ในอดีต มีอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่หลายรุ่นจมอยู่ในมหาสมุทร

There are entire cities, temples, pyramids, many ancient buildings, under your oceans. I cannot pass to you such predictions because there are hundreds of variables that will interact among themselves in these events, and it would be
my fault to try this type of prediction without a certainty of all the variables involved. May advice is to "be practical", if you notice trends fragile soil, little different in sea level and proximity to volcanic areas, try the fullest extent possible while avoiding these areas.

มีเมืองโบราณทั้งเมือง วิหาร ปิรามิด อาคารโบราณจำนวนมาก อยู่ใต้สมุทรของพวกคุณ ผมไม่อาจส่งผ่านข้อมูลเรื่องคำทำนายให้คุณได้ เพราะว่ามีปัจจัยที่เป็นตัวแปรเป็นร้อยๆ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กันในเหตุการณ์ที่จะเกิด และมันจะกลายเป็นความผิดของผมถ้าไปทำนายโดยมีความไม่แน่นอนของตัวแปรต่างๆไปเกี่ยวข้อง คำแนะนำของผมก็คือ ให้คุณทำตัวง่ายๆเข้าไว้ในทางปฏิบัติ เมื่อไรก็ตาม คุณสังเกตเห็นว่าพื้นดินอ่อนตัวลง หรือ มีความแตกต่างของระดับน้ำทะเล และ คุณอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีภูเขาไฟ ก็พยายามหลีกห่างให้เต็มที่เท่าที่จะเป็นไปได้หน่อย ไปให้ห่างจากพื้นที่พวกนั้น

 

ขอบคุณทุกท่าน....ที่เอาข้อมูลดีๆมาฝากครับ

 

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/jVk51Re15bQ?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/jVk51Re15bQ?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>



Uploaded by mayatae on 8 Aug 2011
This is a closeup of predominate stars we're seeing in the skies about the earth currently! Kachina - Blue Star Planet - Sirius a - Seen clearly in space by Asian University astral physicists. Now visible; according to (a local source) in the east - during the early US/ hours between [ame="http://www.youtube.com/watch?v=jVk51Re15bQ&feature=related#"]2:00[/ame] & 5:00 AM

 

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/i2w-Ytsmwrs?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/i2w-Ytsmwrs?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>


Uploaded by UFOKanali on 8 Aug 2011
This is footage not previously viewed of this large object.

Before you comment make sure you view the video. Any troll commenting BS will be blocked.

 

"หลังจาก 20 กันยาระหว่างเกิด solar flare คุณจะเห็นต้นไม้แห้งตายในไม่กี่ชั่วโมง และไม่มีอะไรโผล่มาจากดวงอาทิตย์เลยในช่วงนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้"

"แผ่นเปลือกโลกทั้งหมด อาจจะจมในมหาสมุทรและน้ำจืดในทะเลสาปและแม่น้ำจะร้อนขึ้นโดยพลังงานแสง"

แบบนี้ก็เหลือเวลาแค่เดือนกว่า ๆ สินะครับ พืชตายหมด หมายถึง เราจะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงด้วย เหลือเพียงอาหารแห้งที่ผลิตก่อน 20 กันยายนเท่านั้น การจราจลแย่งอาหารคงเกิดขึ้นทั่วโลกแน่ ๆ ..

หลังจากนั้นแผ่นดินจะจมลง น้ำจะร้อนขึ้น พวกปลาก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ใครคิดต่อเรือล่องไปหลังแผ่นดินจม คงอดตายกลางทะเลเพราะไม่มีปลาให้จับอีก....

เหลือทางรอดริบหลี่ก็คงเป็น หลุมหลบภัยใต้ดินที่เก็บอาหารและน้ำไปได้หลายปี คนธรรมดาก็คงตายกันหมด ถ้าเป็นตามที่ว่าไว้จริง

 

ขอบคุณทุกๆท่านสำหรับคำแปลนะค่ะ น่าสนใจมากๆเลยและถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
สำหรับผู้ที่ภาษาอังกฤษอ่อนแออย่างข้าพเจ้า กำลังสมองไม่พอที่จะช่วยได้แต่มีกำลังใจส่งให้เต็มที่เลยนะค่ะ สู้ๆค่ะ:VO

ปล.โดยเฉพาะคุณFlakman จขกท.ที่สรรหาสิ่งดีๆมาให้เสมอ ส่วนอีกคนคุณBluejet ที่เก่งและอดทนทั้งพิมพ์และแปลเรื่องยาวๆมาให้อ่าน ผู้น้อยขอคาระวะจริงๆ(f)