กองทัพนาคา นักรบแห่งวารี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โยเดียร์, 27 มกราคม 2011.

  1. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    กุญแจดอกนี้สามารถนำมาแก้ปริศนาข้อนี้ได้ครับ
     
  2. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    ดราม่าขึ้นเรื่อยๆ เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง !!!
     
  3. โยเดียร์

    โยเดียร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +15

    งดงามมากครับช่างเป็นคำตอบที่งดงามและสง่า งามพร้อมจริงๆ
     
  4. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ผมไม่ได้ทำให้มันแรงขึ้นนะครับ ผมแค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงจุดเล็กๆน้อยๆที่คุณ fakeangle บอกมาน่ะครับ ว่ามันสมควรจะเชื่อดีรึป่าว แล้วก็ยกข้อคิดเล็กๆน้อยๆไว้เตือนสติกัน

    *** ในทางกลับกันผมก็ไม่ได้ว่าเชื่อคุณโยหรือว่าไม่เชื่อนะครับ ผมแค่ไม่สนใจมากกว่าครับ แต่กรณีของคุณ fakeangle มันต่างกันครับ คำพูดมันแรงไป เป็นวาจาที่กล่าวออกมาโดยมีอารมณ์เป็นตัวนำ ผมก็เลยกล่าววาจาเพื่อเตือนสติน่ะครับ
     
  5. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351


    แล้วจะมีใครมาว่าผมเรื่องรอดูคนทะเลาะกันอีกรึป่าวคับเนี่ย อิๆ
     
  6. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    FAKE ANGLE​

    5 วิทยาทานจากท่านผู้ที่เจริญเเล้ว จะเป็นบุญแก่ทุกสรรพสิ่งในโลกา​


    ท่ามาจากชั้นพรหม ใครส่งท่านมา ?​

    ข้าพเจ้าขอถามว่า
    จักเกิดเหตุใดขึ้น ในชั้นพรหม ที่ท่านจากมา
    และทำให้มีผลต่อโลกมนุษย์
    ทำให้ท่านต้องมาทำหน้าที่ดั่งท่านกล่าวไว้ ? ​


    ในเมื่อหลายคน ณ ที่นี้ต้องการ นิพพานสู่ พรหมภูมิ
    เฉกเช่นไรผู้มีบุญอย่างท่านเองมาจากพรหมภูมิเองก็ดี ยังต้องมาเวียนว่ายเฉกเช่นนี้
    แล้วเราจะใฝ่ฝันถึง นิพพานเพื่อสิ่งใด ?​

    ท่านเพรียนพยายามพูดเสมอ ว่าท่านรู้แจ้งเห็นจริง
    ท่านช่วยบอกได้หรือไม่ วันพรุ่งนี้จักเกิดเหตุการใด
    ที่เป็นที่กล่าวขาญ อื้ออึ้ง ใน แผ่นดินเกิด ของพวกเรา
    ประเทศไทย ?​

    ท้ายสุด ท่านช่วยตอบเราหน่อย ผู้ใด โกหกว่าเขาเป็นผู้รู้เเจ้งแห่งพระศาสนา ?​

    ด้วย 5 อวิชชาที่เราได้ ขอให้ท่านผู้มีบุญได้กล่าวไปเป็นวิทยาทาน คือสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากรู้
    ข้าพเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไม่ได้ มีสัมผัสใดพิเศษ
    ท่านอาจจะคิดว่าเราลองภูมิท่าน แต่แท้จริงเเล้ว หากท่านได้ให้วิทยาทานนี้มามันจะเป็นบุญแก่ทุกท่าน
    เราก็เปรียบดั่ง มนุษย์ธรรมดา โง่เขลาอวิชา ที่ต้องการความโจ่งแจ้งในเรื่องความลับบนโลกนี้ที่ยังเป็นปริศนา​

    อนุโมทนา มา ณ ที่นี้​

    เราหญิงทิพย์ เป็นผู้ถามคำถามนี้ มิเคยปิดบังตัวตนเลย​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  7. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351



    ที่ท่านพูดมาเนี่ย รวมถึงตัวท่านด้วยใช่ป่ะคับ???? อิๆ
     
  8. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ไม่มีใครว่าหรอกครับ อิอิ เรื่องของเรื่องผมแค่อยากให้มันจบๆไปซะ เพราะว่ามันไม่เกิดผลดีในทุกๆฝ่ายเลยน่ะครับ
     
  9. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    คำตอบของคุณปราญชลีนั้นใกล้แล้วล่ะครับ เหลือแค่เอากุญแจที่ผมให้ไว้มาพิจารณาเพิ่มเท่านั้นเอง

    (อยากให้ตอบถูกไวๆจึงได้บอกไว้เยอะๆ)
     
  10. dangsticker

    dangsticker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +1,590
    จายเยนกันหน่อยเด้อ อ่านกันอย่างสันติเด้อ คนในเว็บนี้มีแต่คนคิดคีทำดีเด้อ อาจมีบ้างที่ความคิดไม่ตรงกัน แต่ก็ใช้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ใช่คนไม่ดีเด้อ อ่านแล้วไม่โดนใจก็อ่านแล้ววางไว้ อ่านแล้วโดนใจก็อ่านแล้วพูดคุยโต้ตอบกันไป ส่วนจะดีหรือไม่ คนในเว็ปเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลกันต่างก็ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพิจารณากันทั้งนั้นแล ......................ปล.กระทู้สนุกดีครับ อ่านไปเรื่อยๆ
     
  11. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349

    กำลังจะถามพอดี มันเกินห้าข้อ ที่น้องถามเค้า ขอบคุณจะ ที่ชี้นำมาก่อน
    ท่าบอกว่าท่าเองมาจาก ชั้นพรหม เป็นนาคราช แต่เหตุฉันใดท่านจึงว่า ทุกอย่างมันไร้สาระดั่งท่านว่า มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิญ เราก็ ก็มึน ตึ๊บๆ เลย
    pig_cryy2

    วันเสาร์นี้ เชียงใหม่มีงาน บุปผาชาติ นะคะ ไปเที่ยวกันได้ ขบวนแห่เริ่มตั้งแต่ แปดโมงเช้า ขบวนจะเริ่มตั้งแต่เชิญสะพานเนาวรัฐ และสิ้นสุดที่ สวนบวกหาด
    เดี่ยวจะเอารูปสวยๆมาฝากจ่ะ
    คืนนี้ฝันดีทุกคนคะ

     
  12. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    กุญแจอีกดอกครับ แถมให้ไว้เพื่อพิจารณา
     
  13. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351


    รู้สึกว่ามันจะมีหลาย ดอก นะคับ อิๆ
     
  14. โลกนี้คือละคร

    โลกนี้คือละคร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +103
    เห้นด้วยตามนี้เลยครับ
     
  15. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    *** คุณว่าการเกิดเป็นนาคนี่เกิดจากกุศลหรือเกิดจากกรรมมากกว่ากันล่ะครับ

    คำใบ้เพิ่มเติม

    บนโลกนี้ไม่ได้มีความรู้เพียงเท่าที่คุณรู้นะครับ

    ทุกๆสิ่งบนโลกนี้เมื่อมีเหตุมันจึงเกิดครับ หากไม่มีเหตุแล้วมันย่อมไม่เกิด

    งั้นตอบใหม่ได้ไหมอ่า

    ขอตอบว่า

    ไม่ว่าจะเกิดเป็นนาค เป็นครุฑ เป็นมนุษย์ เป็น...........

    ทั้งหมดทั้งมวลเกิดแต่กรรมทั้งสิ้น

    ข้อมูลสนับสนุน

    พระไตรปิฎก แสดงไว้โดยย่อความว่า “ชีวิตของเรานี้มีกรรมเป็นของๆตนมีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามจะต้องได้รับผลของกรรมนั้น”

    กุศลก็จัดเป็นกรรมเหมือนกันนี่เนอะ(เป็น subset ของกรรม)


     
  16. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    เหตุของก๋านเกิด ซาว ประก๋าน
    เวอร์ชั่นนี้ มะมีซับไตเติล แปล๋กันคนเดียวเต๊อะเน้อ ป้อแม่ ปี้น้องเหยยย ... แปล๋ผิดแปล๋ถูกก่อแปล๋ไปเต๊อะเจ้า มันตึงฮู้เรื่องเหมือนกัน อิอิ

    ขออนุญาติเจ้าของกระทู้เน้อเจ้า ข้าเจ้าเกยได้อ่านบทความนึ่งเกี่ยวกับเหตุของก๋านเกิด ซึ่งเป็นวิทยาทานทตี้ดีขนาดสำหรับเฮาๆท่านๆกู้ผู้กู้คน น่าสนใจ๋ และตรงประเด็นกับกระทู้หลายๆกระทู้ตี้อู้ถึง ข้าเจ้ากึดว่าวิทยาทานบทนี้เป๋นวิทยาทานตี้ดีแก่ทุกท่านได้ ข้าเจ้าเลยขออนุญาติมาเผยเเพร่หื้อกู้ผู้กู้คนได้อ่านเน้อเจ้า เนื้อหาของต๋อนนี้บอกหื้อเฮาฮู้ว่าสาเหตุของก๋านเกิดของคนนั้น มีเจตจำนงค์ในก๋านปฏิสนธิแตกต่างกัน เจ้นนี้

    1. เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ชาติก่อนทำบุญไว้มาก ทำบาปไม่เกิน 30 % ของกรรมทั้งหมด พอตายไปขึ้นสวรรค์ เสวยสุขไปชั่วระยะหนึ่ง เกิดความไม่สบายใจ จึงตัดสินใจลงมาใช้กรรมเก่าชั่วคราว คนผู้นี้เมื่อมาเกิดใหม่ จะได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ความเดือดร้อนนั้นจะไม่มีพลังหักเหให้เขาหัน กลับไปทำความชั่วอีก เมื่อชดใช้กรรมหมดแล้ว ก็จะได้กลับไปเสวยสุขบนสวรรค์อีก

    2. เกิดมาเพื่อสร้างบารมี เมื่อโลกมนุษย์เกิดความระส่ำระสาย เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์จะคัดเลือกเทพลงมาช่วยแก้สถานการณ์ เทพเหล่านี้เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ตลอดชีวิตจะต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อความดีงาม เพื่อเสรีภาพไม่หยุดหย่อน แม้ภาวการณ์คลี่คลายลง เทพนั้นก็จะละร่างไปเสวยสุขในโลกเบื้องสูงต่อไป

    3. เกิดมาเพื่อเป็นประมุข เป็นผู้นำ เทพบางองค์ยอมเสียสละความสุขบนสวรรค์ลงมาเกิดเพื่อเป็นผู้นำหรือเป็นประมุขปกครองคนหมู่มากให้มีความสุข เป็นการสร้างบารมีไปในตัวด้วย

    4. หนีนรกมาเกิด สัตว์นรกบางตนใช้กรรมในนรกยังไม่ทันหมดก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ ครั้นนายนิรยบาลทราบเรื่องก็จะให้ยมทูตมาเอาตัวกลับไปทรมานอีก สัตว์นรกในร่างมนุษย์นั้นจะอายุสั้นตายตั้งแต่อายุยังน้อย

    5. หนีแดนโจรมาเกิด สัตว์ในแดนโจรบางตน ทนทุกข์ทรมานในแดนโจรแต่ยังไม่หมดกรรม ก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ ทำให้มาเกิดเป็นคนพิการแต่กำเนิดหรือมีอุบัติเหตุทำให้กลายเป็นคนพิการในที่สุด

    6. หนีแดนเปรตมาเกิด เปรตที่ยังไม่หมดกรรม หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ จะเป็นผู้ที่อดอยากยากไร้หิวโหย หาได้ไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อดมื้อกินมื้อ หรือกินแต่ของบูดเน่า ของเหลือเดน

    7. หนีแดนปีศาจมาเกิด ผู้ที่ชอบรีดนาทาเร้น คดโกงผู้อื่น ตายไปแล้วต้องไปต่อสู้ฟาดฟันกันเองในแดนปีศาจ บางตนใช้กรรมยังไม่หมดก็หนีมาเกิดในโลกมนุษย์ คนพวกนี้จะเป็นคนอาภัพ ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคมและผู้เกี่ยวข้อง

    8. เกิดมาเพื่อเสวยสุข บางคนทำบุญไว้น้อย ทำบาปไว้มาก จึงต้องไปรับกรรมในอบายภูมิ เพื่อชดใช้กรรมหมด ก็ได้กลับมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อรับผลของบุญที่ทำไว้ คนพวกนี้จะมีนิสัยเลวร้ายชอบเอาเปรียบคดโกง แล้วร่ำรวยเพราะการกระทำดังกล่าว เขาจะเสวยสุขเพื่อรอวาระสุดท้ายในชีวิต ซึ่งยมทูตจะมารับกลับไปทรมานในอบายภูมิเช่นเดิม

    9. เกิดมาเพื่อเพิ่มเติมบารมีให้เต็ม เทพเจ้าบางองค์ ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกโพธิเจ้า เป็นพระอรหันตสาวก ฯลฯ แม้ตัวท่านจะมีบุญบารมีมากมาย แต่เขายังบกพร่องในบารมีธรรมบางข้อ ท่านจึงได้อำลาพรหมโลก ละทิ้งป่าหิมพานต์ หนีจากแดนบาดาลมาเกิดเป็นมนุษย์ คนพวกนี้จะตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาแต่บุญบารมี ไม่ยอมสะสมหลักฐานหรือทรัพย์สมบัติใดเพื่อตนเอง ท่านจะยอมลำบากลำบน ทำแต่ความดี สร้างบารมี บางครั้งคนทั่วไปเลยหาว่าโง่

    10. เกิดมาเพื่อเสวยสุขและทุกข์ตามกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติ บางคนไม่สนใจเรื่องบุญบาป นรก สวรรค์ คนพวกนี้ทำบุญไว้มากกว่าบาป แต่บุญไม่มากพอที่จะส่งขึ้นสวรรค์ บาปก็ไม่มากพอที่จะส่งลงนรก เมื่อตายไปแล้วจึงต้องกลับมาเป็นมนุษย์อีก เสวยผลกรรมตามที่ทำไว้ในอดีตชาติ เขาจะใช้ชีวิตเฉกเช่นสามัญชนทั่วไป แสวงหารักแท้ ดิ้นรนเพื่อหน้าที่การงาน ต่อสู้เพื่อให้มีหลักฐานความมั่นคง ทำดีเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ควรกระทำ

    11. เกิดมาเพื่อทำลายล้าง บางคนเป็นคนที่มากไปด้วยความแค้น ไม่ยอมใคร หากในอดีตชาติเขาถูกศัตรูกลั่นแกล้งทรมาน เขาจะต้องหาทางแก้แค้น หากไม่ทันได้แก้แค้นและศัตรูตายไปก่อน เขาก็จะยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยอำนาจความแค้นจะทำให้เขาเกิดร่วมชาติกับศัตรู เพื่อตามทำลายล้างกันตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ลูกชายเจ้าสำราญ ล้างผลาญทรัพย์สินของพ่อแม่ที่อดออมมาเป็นเวลานาน , ภรรยา โขกสับสามี จิกหัวใช้สามีเยี่ยงทาส , อาจารย์กลั่นแกล้งนักศึกษาจนต้องลาออก ไม่ได้รับประกาศนียบัตร , ประกอบการค้าเล็กๆ แต่ก็ถูกนายทุนใหญ่กลั่นแกล้งจนตัวเองล่มจม

    12. เกิดมาเพื่อปลดเปลื้องคำสาป บางคนทำบุญไว้มาก แต่ไม่เคยประพฤติศีลในครบถ้วน เมื่อตายไปได้ขึ้นสวรรค์ แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เหมาะสม เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์จึงใช้อำนาจบันดาลให้เขามาลงรับบทเรียนบางอย่างในโลกมนุษย์ มนุษย์พวกนี้ลงมาเกิดด้วยฤทธิ์คำสาปของสวรรค์ และด้วยบุญที่ทำมามาก เขาจึงมาเสวยสุขในโลกมนุษย์ แต่เป็นแบบมีขอบเขต เช่น มีเงินทองมากมาย แต่คิดทำการใหญ่เมื่อใด ก็จะขาดทุนป่นปี้ มีอาการแพ้วัตถุบางอย่าง เช่น ขึ้นเครื่องบินไม่ได้ เพราะมีอาการแพ้รุนแรง หรือ ต้องบูชาเทพบางองค์ ถ้าขาดบูชาเมื่อใดมักมีเรื่องเดือดร้อนตามมา

    13. เกิดมาเพื่อทดสอบอุดมคติ บางคนทำความดีไว้มาก ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ได้รับความเมตตาจากเทพฝ่ายบริการ ครั้นสนิทสนมกันดีก็สงสัยว่าไฉนเทพฝ่ายบริการซึ่งบุญบารมีใกล้เคียงกับตนเองจึงมีฤทธิ์เหนือกว่า สามารถไปมาระหว่างโลกสวรรค์ โลกมนุษย์และโลกทิพย์ได้ จึงตั้งความปรารถนาที่จะมีฤทธิ์แบบเทพฝ่ายบริการบ้าง จึงขออนุญาติเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ลงมาสร้างฤทธิ์อำนาจในโลกมนุษย์ มนุษย์พวกนี้จะมาเกิดในหมู่โจร เกิดท่ามกลางคนชั่วคนเลว อันธพาล ผู้มีอิทธิพล นักการเมืองที่มีอำนาจ นี่คืออุปสรรคหรือบททดสอบสำหรับเขา ถ้าเขาปรับตัวเข้ากับบุคคลหล่านั้นได้ ยอมร่วมมือทำความชั่ว เขาจะมีความสุข มีอำนาจในโลกมนุษย์ แต่จะไม่มีฤทธิ์อำนาจตามที่ปรารถนาเอาไว้ ถ้าเขาเข้มแข็ง เป็นคนดีในหมู่โจร ไม่ยอมทำความชั่วแม้จะถูกบีบคั้น เมื่อเขาตาย ก็จะตายในขณะที่คุณความดียังอยู่ เมื่อเขาตาย สวรรค์จะต้อนรับเขา เขาคือ ครูญาณ ทูตสวรรค์ เขาจะมีฤทธิ์อำนาจไปมาข้ามห้วงเวลาได้ สามารถปรากฎตัวในโลกมนุษย์เพื่อรับวัตถุทานที่บุตรหลานบำเพ็ญกุศลไปให้ หรือปรากฎตัวในแดนสวรรค์เพื่อเสวยสุข หรือปรากฎตัวในอบายภูมิเพื่อศึกษาเรื่องผลของกรรม

    14. เกิดมาเพื่อเปลี่ยนวงจรชีวิต มนุษย์บางคนเกิดมาทำบุญน้อย ทำบาปมาก หลังจากตายแล้วต้องรับโทษ เมื่อรับโทษหมดไปประมาณ 90 % ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ และดำเนินชีวิตแบบเดิมคือ ทำบุญน้อย ทำบาปมาก วงจรชีวิตจะหมุนเวียนระหว่างโลกมนุษย์กับอบายภูมิ จนก่อนละโลกครั้งหลัง เขาได้พบสมณชีพราหมณ์ เกิดความเลื่อมใส ทำให้เริ่มหันหน้าเข้าวัด แต่ผลบุญยังน้อยมิอาจต้านทานกระแสบาปได้ ตายไปจึงต้องไปรับทุกข์ในอบายภูมิตามเดิม ก่อนตายได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าจะทำความดีเพื่อไม่ให้ตกต่ำไปกว่าเดิม ดังนั้น เมื่อเกิดมาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นคนอาภัพ ทำคุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>คนไม่ขึ้น ปิดทองหลังพระ แต่เขาจะฝืนทำความดี ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นคนดีที่โลกไม่แยแส เมื่อจบชีวิตแล้ว ทูตสวรรค์จะมารับวิญญาณไปสู่สวรรค์เบื้องสูง วงจรชีวิตจะเปลี่ยนไป ได้เสวยสุขในสวรรค์

    15. เกิดมาเพื่อก่อตั้งศาสนา เมื่อใดที่ศาสนาเสื่อมทรามจนเหลือแต่หลักวิชา และพระโพธิสัตว์จะมาจุติในโลก เหล่าทวยเทพจะติดตามลงมาเพื่อช่วยกันประกาศหลักธรรม เพื่อให้ศาสนาดำรงอยู่เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป

    16. เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์ ในโลกธาตุหนึ่ง จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พร้อมกันสองพระองค์พร้อมกันมิได้เป็นอันขาด ในขณะที่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ายังอยู่ครบครันมั่นคง หากจะมีใครคนหนึ่งอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ เขาผู้นั้นเป็นคนโกหกหลอกลวงอย่างหน้าด้านที่สุด ขณะที่พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งจุติลงมาตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อประดิษฐานพระศาสนา พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็จะติดตามลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อรับพุทธพยากรณ์ เป้าหมายของพระโพธิสัตว์ คือ พุทธภูมิ ดังนั้นจะพร่ำสอนชี้แจงอย่างไร พระโพธิสัตว์ก็มิอาจบรรลุคุณวิเศษอันใดได้ พระโพธิสัตว์เกิดมาเพื่อรับพุทธพยากรณ์เท่านั้น

    17. เกิดมาเพื่ออุปถัมภ์ บางคนเคยทำบุญร่วมกัน แต่ไม่ได้ทำบาปร่วมกัน คนหนึ่งตายแล้วไปสวรรค์ อีกคนหนึ่งเกิดบนโลกมนุษย์ คนที่เกิดบนโลกมนุษย์จะยิ่งได้รับผลบุญมากเต็มที่เมื่ออยู่ร่วมกับคนที่อยู่บนสวรรค์ หากคนที่อยู่บนสวรรค์ลงมาเกิดและอยู่ร่วมด้วย คนที่อยู่บนโลกมนุษย์ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกบางคนเกิดมาทำให้พ่อแม่ร่ำรวย ค้าขายคล่อง การงานก้าวหน้า แต่ตัวลูกเองประพฤติตัวเกเร ถ้าพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านก็จะทำให้ความเป็นอยู่ของพ่อแม่เดือดร้อนอีก

    18. เกิดมาเพื่อรับใช้อุปัฎฐาก เมื่อเทพเจ้าจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเพิ่มเติมบารมีธรรมให้เต็มเปี่ยม เทพฝ่ายบริการ เทพผู้รับใช้ประจำตัวจะติดตามลงมาเกิด โดยทิ้งช่วงห่างประมาณ 10 ปีถึง 25 ปี เมื่อเทพเจ้าพระองค์นั้น (ในร่างมนุษย์) สร้างบารมีตนเอง เทพรับใช้ก็จะมามอบตัวเป็นลูกศิษย์คอยช่วยเหลือปฏิบัติดูแลเทพองค์นั้น เมื่อเทพองค์นั้นอำลาจากโลกมนุษย์ เทพรับใช้ก็จะอยู่ปฏิบัติงานจนเรียบร้อยแล้วก็จะติดตามกลับไปรับใช้ในโลกทิพย์ต่อไป

    19. เกิดมาเพื่อทดสอบพรหมวิหารธรรม เทพเจ้าผู้สละพรหมโลกมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อสร้างบารมีเลื่อนอันดับเป็นเทพเจ้าผู้ปกครอง ปกติจะเป็นนักบวช อุทิศชีวิตเพื่อความรุ่งเรืองของศาสนา เป็นนักปฏิบัติธรรมผู้ไม่หวังลาภยศ วางเฉยได้ทั้งต่อคำยกย่องและคำด่า เพราะในหัวใจของท่านอัดแน่นไปด้วยฮัมมตัณหา ไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับกามตัณหา

    20. เกิดมาเพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ ยามใดที่โลกมีวิญญาณชั้นสูงมาเกิดน้อย วิญญาณชั้นต่ำมาเกิดมาก พวกเทพจะอาสามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่ออนุรักษ์ประเพณีโบราณ เทพเหล่านี้จะได้รับความเจริญในชีวิต ได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์เป็นการตอบแทน ประเพณีโบราณได้แก่ ศิลปะวิทยาการอันเก่าแก่ เช่น ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ดนตรี การขับร้องฟ้อนรำ วรรณคดี จิตรกรรม ประติมากรรม วัฒนธรรม

    …………………………………………………………………..

    ขอบคุณจั๊ดนักสำหรับบทความจาก http://www.larndham.net/ ตี้นะหื้อความอวิชาของข้าเจ้าได้ฮู้แจ้ง
    ขอหื้อผู้ที่เป็นเจ้าของ วิทยาทานนี้มีความสุขความเจริญในชีวิตยิ่งๆขึ้นไปเน้อเจ้า

    ขอหื้อปี้น้อง ณ ตี้นี้มีความสุขในดวงใจ นักแต้ นักว่า นักขนาด นักปะล้ำปะเหลือ เน้อเจ้า สาตุ๊

    [​IMG]

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1348199/[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  17. indeer

    indeer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +52
    รบกวนคุณโยเดียร์ดูให้หน่อยนะคะ ว่าทำกรรมอะไรไว้ถึงได้ทุกข์ขนาดนี้อ่ะค่ะ
     
  18. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    วิสัจชนา..ว่าด้วยเหตุแห่งการอุบัติ แห่งนาคา!

    มนุษย์ควรเรียนรู้ จารแล จำ สุดท้ายสลักจำแลจึงนำไปสู่การรู้จริงจนกระทั่งรู้แจ้ง หลักแห่ง"อิทัปปัจจยตา" เป็นหลักการทางพุทธศาสนากล่าวถึงความเกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผล เมื่อมีเหตุย่อมมีผล และเมื่อเหตุดับผลก็ดับคือเมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นเมื่อสิ่งนี้ ไม่มีสิ่งนี้ย่อมไม่มีเพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป..
    อิทัปปัจจยตา.. ถือเป็นหัวใจของ"ปฏิจจสมุปบาท"พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเป็นกฎเหนือกฎทั้งปวง! เป็นพุทธธรรม"อันติมะ"หรือสัจธรรมความจริงแท้ ที่สุดของพุทธศาสนา และเชื่อมโยงคำสอนทั้งปวง ของพระตถาคตเจ้าว่า ล้วนเป็นไปตามหลักธรรม หรือกฎของ"อิทัปปัจจยตา"ทั้งสิ้น!
    "อิทัปปัจจยตา"หลักอิทัปปัจจยตาซึมซ่านอยู่ในเหตุปัจจัยแห่งการก่อเกิด การดำรงอยู่ การมีปฏิสัมพันธ์ และเสื่อมสลาย ของสรรพสิ่งในจักรวาล รวมถึงเป็นวิธีคิด ทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์ทุกสาขาด้วย ครอบคลุมทั้งปัจจัยส่วนวัตถุ จิตใจ สังคมและอื่นๆทั้งหมด! ส่วนปฏิจจสมุปบาทหมายถึงแต่สิ่งมีชีวิตที่มีจิต!
    อิทัปปัจจยตาในทางพุทธศาสนามักใช้ในการอธิบายในรูปแบบปรัญญาใช้อธิบายสิ่งต่างๆแบบเชื่อมโยง เช่น เสาเป็นปัจจัยของหลังคา ถ้าไม่มีเสา หลังคาก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีหลังคา เสาก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งเสาและหลังคาเป็นปัจจัยของกันและกัน คือ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีเหตุผล บางเหตุการณ์ประกอบด้วยหลายเหตุปัจจัย เช่น ร้องให้เพราะเจ็บ เจ็บเพราะหัวแตก หัวแตกเพราะหกล้ม หกล้มเพราะถนนลื่น ถนนลื่นเพราะฝนตก.. สรรพสิ่งก่อเกิดแบบฉะนี้แล!

    สรรพสิ่งมีผลแห่งวิบากเป็นแดนเกิด ทั้งกุศล แล อกุศล ล้วนต่างส่งผลเป็นชะตากรรมแห่งวิบากที่สั่งและสม ส่วนสิ่งไหนยังผลให้บังเกิดขึ้นมาก ฤา น้อยนั้น.. ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุแลปัจจัยที่ได้กระทำ...*-*
    ผิดถูกประการใดต้องขออโหสิกรรม! ความรู้ในทางธรรมยังอ่อนด้อยขาดตกประการใดโปรดชี้นำ! ทั้งเดวะแล ฤา เทวะ ก่อเกิดเฉกนี้ ฤา มิจริง!

    โอม! นมัช ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2011
  19. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    โอ๊ยเบนซ์มาทีเล่นตาลายเลยกว่าจะอ่านจบ-*-สายตาไม่ค่อยจะสู้ดีของจงเข้าใจ^^คริคริ...
     
  20. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    กรรมะใดที่กระทำย่อมส่งผลเรียกว่า"วิบาก" วิบากดี ฤา ชั่ว เลือกรับมิได้ หากสะสมวิบากดีมากเท่าไร จักเป้นพลังงานทำให้ "วิญญาณ" พุ่งไปสู่มรรคคาแห่งอริยมรรค วิบากชั่วถ้าน้อยกว่าน้อย ย่อมมิมีแรงตาม! หากการบอก แค่รู้.. หากการพบด้วยตนเองคือการรู้แจ้ง! "วิญญาณ" เป็นธาตุรู้ เมื่อธาตุรู้เป็นพุทธะ คือตื่นแล้ว ดั่งนั้นการตื่นจากภายในย่อมไม่เหมือนกับการตื่นจากภายนอก เพราะการตื่นภายนอกมักประกอบด้วย "วิจิกิจฉา" ลังเลสงสัยไปเสียหมด หากแต่การตื่นอันเกิดจากการรู้แจ้ง "ภายใน " นั้นย่อมปราศจากคำว่า "วิจิกิจฉา"
    เถอะ! มนุษย์เป็นเฉกนี้เสมอ รู้จริง แต่มิยอมที่จะรู้แจ้ง ร้องขอจนเคยท้ายสุดโง่เขลา น่าขัน! หากแต่การร้องขอมิเป็นผล ต่างกล่าวขาน เดวะ ไร้ซึ้งเมตตา.. จริงหรือ!


    มนุษย์เล่า...ประพฤติมิได้แผกไก่ในตะกร้า
    ทั้ง ๆ ต่างทุกข์ ต่างเดินไปสู่ความตายทั้งสิ้น

    มนุษย์เคยได้อะไรจริงจัง
    มนุษย์เคยเป็นอะไรตลอดกาลหรือไม่
    ทุกอย่างต้องวางไว้ในโลก คืนให้กับโลก

    โลก...ก็แปรปรวนไม่เที่ยงแก่มนุษย์ !"

    โอม! ชานติ...<O:p</O:p

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...