ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อังกฤษและฝรั่งเศส ลงนามทดลองอาวุธนิวเคลียร์ร่วมกัน

    [​IMG]

    ลอนดอน 2 พ.ย.-อังกฤษและฝรั่งเศสจะลงนามสนธิสัญญาร่วมกันพัฒนาและทดลองหัวรบนิวเคลียร์ โดยจะตั้งศูนย์แห่งหนึ่งที่อังกฤษเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ส่วนศูนย์อีกแห่งหนึ่งที่ฝรั่งเศสจะใช้ในการทดลอง

    นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษ และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศสจะร่วมกันแถลงแผนการในการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นวันนี้

    โฆษกรัฐบาลอังกฤษกล่าวว่าการประชุมสุดยอดจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแนบแน่นขึ้น โดยจะสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สามารถรับมือปัญหาที่ท้าทาย การประชุมสุดยอดอังกฤษ-ฝรั่งเศส มีขึ้นหลังจากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลอังกฤษประกาศตัดลดงบประมาณกลาโหมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดการขาดดุลงบประมาณ

    ผู้นำอังกฤษและฝรั่งเศสจะร่วมลงนามสนธิสัญญา 2 ฉบับ ฉบับแรกเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารโดยทั่วไป ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ในข้อตกลงนี้อังกฤษและฝรั่งเศสจะยังคงมีสิทธิ์ควบคุมหัวรบนิวเคลียร์ของตัวเอง และจะไม่มีการแลกเปลี่ยนความลับนิวเคลียร์ ส่วนข้อตกลงความร่วมมือการทหารโดยทั่วไปนั้น จะอนุญาตให้ตั้งกองกำลังผสมสำหรับการรบนอกประเทศ ประกอบด้วยทหารประเทศละ 5,000 นาย โดยมีผู้บัญชาการเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศมีสิทธิ์ยับยั้งปฏิบัติการหากเห็นว่าไม่เหมาะสม

    อังกฤษและฝรั่งเศสตกลงว่าจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างน้อย 1 ลำ ปฏิบัติการอยู่ในทะเลตลอดเวลา และตกลงจะใช้เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศร่วมกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องนำเครื่องบินของตนเองเข้ารับการซ่อมบำรุง นอกจากนี้ จะร่วมกันใช้อากาศยานไร้นักบินในการตรวจการณ์ ร่วมกันทำลายทุ่นระเบิดและใช้ดาวเทียมสื่อสาร.-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/123592.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายที่วัดพระนอน จ.แพร่

    [​IMG]

    ที่วัดพระนอน เมืองแพร่ มีการค้นพบคัมภีร์ภาษาโบราณชุดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าได้เขียนไว้ในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 ( พ.ศ. 2310) เมื่อนำมาแปลโดยพระครูนิภัทร กิจอาทร ปรากฎว่าเป็นเรื่องของคำทำนายชะตาของโลก ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีใจความบางตอนดังนี้:-

    “น้ำจะท่วมฟ้า”
    “ปลาจะกินดาว”

    “มนุษย์จะรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ จะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น มนุษย์จะสามารถขี่ลม ไปได้ในพื้นที่และอากาศมีรอยเหมือนงู ในที่ต่ำจะถูกถมให้สูง ในที่สูงจะถูกขุดแผ่นดินให้ราบเรียบ”

    “ชนชาติผิวขาวจะย่นย่อระยะทางให้สั้นเข้า โลกจะเล็กลง คนพูดทางไกลแสนไกลจะได้เห็นหน้ากันและกัน โลกจะมีตาทิพย์ หูทิพย์ เสียงทิพย์ บนท้องฟ้าจะมีลูกไฟพุ่งเข้าหากัน ผู้คนจะพกพาอสรพิษติดกายไว้ต่อสู้เพราะ อวิชชา”

    “โจรผู้ร้ายตา 2 ชั้นจะนำพิษมาทำลายโลกมนุษย์"

    "ผู้หญิงจะกลายเป็นผู้ชาย ผู้ชายจะกลายเป็นผู้หญิง”

    ที่มา http://atcloud.com/stories/23826
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    “โจรผู้ร้ายตา 2 ชั้นจะนำพิษมาทำลายโลกมนุษย์"

    [​IMG]

    เชื้อ<WBR></WBR>แอน<WBR></WBR>แทรกซ์<WBR></WBR>สามารถ<WBR></WBR>นำ<WBR></WBR>ไปบรรจุ<WBR></WBR>ใน<WBR></WBR>หัว<WBR></WBR>รบ<WBR></WBR>ของ<WBR></WBR>ขีปนาวุธ เพื่อ<WBR></WBR>ใช้<WBR></WBR>โจม<WBR></WBR>ตี<WBR></WBR>เป้า<WBR></WBR>หมาย<WBR></WBR>ใน<WBR></WBR>ระยะไกลได้

    พลิกปูมอาวุธเชื้อโรค อดีต-ปัจจุบัน

    มีหลักฐานระบุว่า การทำสงครามด้วยอาวุธชีวะ หรืออาวุธเชื้อโรคไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังจะเห็นจากบันทึกของชนชาติเปอร์เซีย กรีก โรมัน ซึ่งเคยใช้ซากศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค และสิ่งปฏิกูลใส่ในแหล่งน้ำ หรือดีดเข้าไปในเมืองที่ปิดล้อม โดยใช้เครื่องดีดก้อนหิน เพื่อให้ทหาร และพลเมืองฝ่ายตรงข้ามป่วยและตาย ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้น ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรค

    กระทั่งในปี ค.ศ. 1356 พวกตาด ( Tatars ) ชนชาติเชื้อสายมองโกล ได้ใช้เครื่องดีดก้อนหินดีดซากศพผู้เสียชีวิตด้วยกาฬโรค ข้ามกำแพงเข้าไปในเมืองคัฟฟา บนฝั่งทะเลดำ ทำให้เกิดกาฬโรคระบาดจนเป็นเหตุให้เสียเมือง ส่วนชาวเมืองที่เป็นชาวอิตาลี หลบหนีกลับทางเรือนำกาฬโรคไปแพร่ระบาดในอิตาลี และทวีปยุโรป ระหว่างปี ค.ศ. 1346 – 1351 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของพลเมืองของทวีปดังกล่าว

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าอาวุธชีวะ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และไม่สามารถประเมินผลความเสียหายที่เกิดขึ้นในระยะยาวได้เลย เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่จำกัดเฉพาะที่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้อาวุธชีวะในการทำสงครามนั้น ไม่ได้ยุติแค่ชาวตาดใช้ทำลายมนุษย์ในเมืองคัฟฟาเท่านั้น หากในการสู้รบระหว่างทหารอังกฤษกับชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดง ในปี ค.ศ. 1763 ผู้บังคับหน่วยในทหารที่ค่ายฟอร์ทพิท ( Fort Pitt ) ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษ ให้ใช้เชื้อโรคไข้ทรพิษ ทำอันตรายฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน

    ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีการกล่าวหากันระหว่างสหรัฐอเมริกากับฝ่ายเยอรมัน โดยฝ่ายฝักใฝ่เยอรมันในสหรัฐกล่าวหาว่าลอบทำปศุสัตว์ที่ส่งไปให้ฝ่ายสัมพันมิตรในทวีปยุโรปเป็นโรคระบาดตายจำนวนมาก และพยายามทำให้กาฬโรคระบาดในรัสเซีย ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี ค.ศ. 1931 พบว่า กองทัพญี่ปุ่นได้จัดตั้งหน่วย 731 หรือหน่วยสงครามชีวะ ที่เมืองฮาบิน ประเทศจีน ซึ่งญี่ปุ่นได้เข้าไปยึดครองได้ โดยมี พล.ท.ชิโร อิชิไอ เป็นผู้บัญชาการหน่วย โดยมีชื่อเรียกเพื่อปกปิดปฎิบัติการลับนี้ว่า หน่วยต่อด้านโรคระบาด ทำน้ำบริสุทธิ์ และจ่ายน้ำแห่งกองทัพกวางตุ้ง มีการใช้เชลยศึกจากชาติต่างๆ เป็นหนูทดลอง

    วิธีการของการทดลองนั้น กล่าวกันว่า เป็นการทำให้ติดเชื้อ นำร่างกายบางส่วนไปแช่หิมะ แล้วนำไปสัมผัสกับเชื้อโรค หน่วย 731 นี้ ประกอบด้วยหน่วยรอง ซึ่งเป็นเหน่วยแยก ประมาณ 18 แห่ง ทำหน้าที่ทดลองอาวุธชีวะ ครั้งนั้นมีประมาณการว่า เชลยศึกนับหมื่นคนได้ถูกนำไปทดลอง และมีผู้เสียชีวิตจากการทดลองหลายพันคน ขณะเดียวกัน กองทัพญี่ปุ่นยังได้เข้าไปตั้งสถานีวิจัยอาวุธชีวะในสิงคโปร์ เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับกาฬโรค และส่งให้หน่วยทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยด้วย

    กองทัพญี่ปุ่นใช้อาวุธชีวะ ในการทำสงครามกับจีนและโซเวียต ระหว่างปี ค.ศ. 1940 – 1944 ทั้งนี้ เชื้อโรคที่ญี่ปุ่นเคยศึกษาวิจัย ได้แก่ โรคแอนแทรกซ์ โรคแท้งติดต่อ อหิวาตกโรค บาดทะยัก ไข้หวัดใหญ่ กาฬโรค ไข้รากสาด ไข้รากสาดน้อย ไข้ทรพิษ และวัณโรค ไม่เพียงการใช้อาวุธชีวะในสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น แต่ใน ค.ศ. 1941 – 1942 อังกฤษได้ทำการทดลองปล่อยกระจายสารชีวะเพื่อเตรียมไว้ใช้โต้ตอบเยอรมัน หากพบว่าเยอรมันหันมาใช้อาวุธชีวะกับทหารอังกฤษ ในครั้งนั้น อังกฤษได้พ่นละอองเชื้อแอนแทรกซ์ใส่เกาะกรินาร์ด ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกของแคว้นสก็อตแลนด์

    ในกว่า 40 ปี ต่อมา การสำรวจยังพบว่า เชื้อดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ได้ ทำให้รัฐบาลอังกฤษ ต้องใช้เงินหลายล้านปอนด์ ฆ่าเชื้อที่ฝังอยู่ในดิน ด้วยวิธีการตัดหน้าดินทั้งเกาะไปทิ้งและราดน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ยุคสงครามเกาหลี – ปัจจุบัน แม้จะไม่มีการแสวงหาเชื้อโรคใหม่มาทำสารชีวะ แต่มีการคัดเลือกสายพันธุ์ของโรคไว้แล้วว่า จะมาใช้ทำสารชีวะ โดยเลือกเอาสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากขึ้น

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ไม่นาน พบว่า สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียต และแคนาดา ได้ทำการทดลองและผลิตอาวุธชีวะ อย่างเปิดเผย แม้ว่าจะมีอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวะ ค.ศ. 1942 บังคับให้เลิกแล้วก็ตาม แต่มีหลายประเทศไม่ยอมปฏิบัติตามพันธกรณี ปัจจุบันคาดว่า ถ้าจะมีการผลิตสารชีวะแล้วน่าจะเป็นการใช้วิธีพันธุวิศวกรรมจากธรรมชาติมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ จีน โซเวียต และเกาหลีเหนือ กล่าวหาสหรัฐว่า ใช้อาวุธในสงครามเกาหลี คิวบา โดยทำให้เกิดโรคระบาดของสุกร ในปี ค.ศ. 1967 และปล่อยเพลี้ยไฟจากเครื่องบินในปี ค.ศ. 1998 ทำให้เกิดโรคพืชซึ่งมีเพลี้ยไฟเป็นพาหะ

    ในส่วนของโซเวียตนั้น แม้จะมีอนุสัญญาห้ามผลิตอาวุธชีวะ แต่ในปี ค.ศ. 1980 หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่โรงงานผลิตสารชีวะ ที่เมืองสเวิดลอฟก็ หรือ เยแคเทอรินสเบิร์ก ทำให้มีเชื้อโรคแอนแทรกซ์ แพร่ออกไป ส่งผลให้ประชาชนที่ได้รับเชื้อเสียชีวิตหลายร้อยคน แน่นอนครั้งนั้นโซเวียตได้ออกมาปฏิเสธ แต่หลังจาก เมื่อสหภาพโซเวียต ล่มสลาย แคว้นต่าง ๆ ได้แยกออกมาตั้งตัวเป็นอิสระเป็นประเทศเกิดใหม่และรัสเซีย เป็นประเทศที่ยอมรับว่า เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง

    สำหรับการใช้อาวุธชีวะในสงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่อปี ค.ศ. 1995 ประเทศอิรัก ได้เปิดเผยข้อมูลว่ามีการบรรจุเชื้อประเภท Smallpox virus และ Sterillity toxin รวมทั้ง black population ถึง 11,200 ลิตร ไว้ในจรวด Scud ทั้งนี้อิรักมีโครงการผลิตอาวุธเชื้อโรคตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 โดยปี ค.ศ. 1990 นักวิจัยอิรักได้เคยทดสอบศักยภาพของอาวุธเชื้อโรค โดยใช้แบคทีเรีย 5 ชนิด และเชื้อรา 1 ชนิด ผลิต Biological bombs 200 ลูก ติดหัว Botulinum และอีก 50 ลูก ติดหัวรบที่มีเชื้อแอนแทรกซ์ แต่ยังไม่ได้มีการใช้งาน

    ต่อมาคณะผู้ตรวจอาวุธชีวะของสหประชาชาติ ( UNSOM ) ตรวจพบโครงการวิจัยพัฒนาอาวุธชีวะของอิรัก ทำให้ทราบว่า อิรักสามารถผลิตเชื้อแอนแทรกซ์ได้ และมีโครงการวิจัยสารชีวะชนิดอื่น และเชื่อว่ายังคงมี Bombs นี้อยู่ เนื่องจากยูซอม เองก็ยังไม่สามารถตรวจยืนยันการทำลาย Bombs นั้นได้ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในการสัมมนา เรื่องอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวะภาพกับประเทศไทย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค จัดโดยศูนย์ความหลากหลายทางชีวะภาพ และสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ระบุว่าในปัจจุบันมีข้อมูลที่เชื่อว่า ประเทศเกาหลีเหนือยังคงผลิตอาวุธชีวะอยู่

    <WBR>ประวัติแอนแทรกซ์ (Anthrax)

    (CNN) – ถึงแม้ว่าเชื้อแอนแทรกซ์จะเริ่มขึ้นมามีบทบาทในรูปแบบของอาวุธสำหรับกลุ่มผู้ก่อการร้าย, โรคแอนแทรกซ์ที่อันตราย และร้ายแรงนี้ได้เกิดขึ้นและระบาดในโลกของเรามาหลายศตวรรษแล้ว เวลาของมันนับย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ยุคสมัยของคัมภีร์ไบเบิ้ล

    แอนแทรกซ์ได้ถูกระบุหลายครั้งว่าเป็นตัวการในการระบาดอันร้ายแรง ซึ่งคร่าชีวิตทั้งคนและสัตว์, หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับมันมากขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800, มันก็ได้กลายมาเป็นอาวุธชีวะภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีหลายประเทศที่เชื่อว่ามีการทดลองเกี่ยวกับเชื้อแอนแทรกซ์ แต่การนำใช้ในสงครามนั้นอยู่ในวงที่จำกัด เช่น เยอรมัน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, อิรัก และอดีตสหภาพโซเวียต

    1500 ปีก่อนคริสตศักราช – การระบาดของโรคครั้งที่ 5 ในอาณาจักรอียิปต์โบราณ, มีผลร้ายต่อการทำปศุสัตว์, และครั้งที่ 6, เป็นที่เรียกกันในนาม”โรคระบาดหัวฝี” หรือ “Plague of Boils”, มีอาการของโรคคล้ายกับแอนแทรกซ์
    ปี 1600 – “พิษดำ” หรือ “Black Bane” สันนิฐานว่าเป็นเชื้อแอนแทรกซ์, ฆ่าปศุสัตว์ในยุโรปไป 60,000 ตัว
    1876 – มร. Robert Koch ได้ยืนยันถึงการมีตัวตน และที่มาของแอนแทรกซ์
    1880 – ประสพความสำเร็จครั้งแรกในการให้ภูมิต้านทานแอนแทรกซ์แก่ปศุสัตว์
    1915 – เชื่อว่าสายลับเยอรมันในสหรัฐอเมริกาได้ฉีดเชื้อแอนแทรกซ์ให้กับม้า, ล่อ, และปศุสัตว์, ระหว่างการเดินทางเข้ายุโรปในสงครามโลกครั้งที่ 1
    1937 – ญี่ปุ่นเริ่มโครงการสงครามชีวะภาพในเมือง Manchuria, ซึ่งมีการทดลองของเชื้อแอนแทรกซ์
    1942 – อังกฤษทดลองเชื้อแอนแทรกซ์ ณ เกาะ Gruinard ใกล้ๆกับสก็อตแลนด์, ซึ่งพึ่งจะทำลายเชื้อและยุติโครงการลงเมื่อไม่นานมานี้
    1943 – สหรัฐอเมริกาเริ่มพัฒนาอาวุธชีวะภาพจากเชื้อแอนแทรกซ์
    1945 – แอนแทรกซ์ระบาดในประเทศอิหร่านและฆ่าแกะไปกว่า 1 ล้านตัว
    ในทศวรรษที่ 1950 และ 60 – โครงการสงครามชีวะภาพของสหรัฐอเมริกายังดำเนินงาน และวิจัยต่อหลังเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ เมือง Fort Detrick, มลรัฐ Maryland
    1969 – ประธานาธิปดี Richard Nixon สั่งปิดโครงการสงครามชีวะภาพ
    1970 – วัคซีนแอนแทรกซ์ได้รับการรับรองจากองค์กรอาหาร และยาสหรัฐอเมริกา
    1972 – การประชุมระหว่างประเทศตกลงให้การสร้าง, พัฒนา หรือสะสมอาวุธชีวะภาพเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    1978 -1980 – เชื้อแอนแทรกซ์ระบาดในประเทศซิมบับเวย์, มีผู้ติดเชื้อกว่า 6,000 คนและเสียชีวิตไปกว่า 100 ราย
    1979 – แอนแทรกซ์สปอร์ถูกปล่อยออกมาโดยอุบัติเหตุที่โรงงานของกองทัพสหภาพโซเวียตแห่งหนึ่ง, ทำให้มีผู้เสียชีวิต 68 คน
    1991 – กองทัพสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนแอนแทรกซ์ระหว่างการเตรียมตัวทำสงครามอ่าว (พายุทะเลทรายกับอิรัก)
    1990-93 – กลุ่มผู้ก่อการร้ายโอมชินรีเกียว (Aum Shinrikyo) ปล่อยสารแอนแทรกซ์ในกรุงโตเกียวแต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
    1995 – อิรักยอมรับถึงการผลิตหัวเชื้อแอนแทรกซ์ 8,500 ลิตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาวุธชีวะภาพ
    1998 – เลขาธิการฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐ William Cohen อนุมัติแผนการให้วัคซีนแก่บุคลากรทุกคนในกองทัพ
    2001 – มีจดหมายบรรจุสปอร์ของเชื้อแอนแทรกซ์ส่งไปยังสำนักข่าว NBC 1 อาทิตย์หลังจากการก่อวินาศกรรมกับอาคารกระทรวงกลาโหม และตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ มันเป็นครั้งแรกที่ใช้วิธีนี้ในสหรัฐ ส่วนในมลรัฐ Florida, ชายคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากสูดดมเชื้อแอนแทรกซ์เข้าไปภายในสำนักงานของสื่ออเมริกัน (the Office of American Media Inc.)

    ที่มา http://www.rmutphysics.com/CHARUD/oldnews/200/war/15.htm
    </WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR><WBR></WBR>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2010
  4. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    2 พ.ย. 53


    24 ต.ค. 53

    เรือสองลำกับนายก

    เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมาผมได้ลงบทความไปเกี่ยวกับน้ำจะท่วมสองครั้งและ
    คิดว่าภาคใต้น่าเป็นห่วงที่สุด เวลานี้น้ำเริ่มท่วมภาคใต้แล้ว



    29 ต.ค. 53

    ขอบมรณะ

    ผมคิดว่าเวลาของคนใกล้หมดแล้ว

    วันที่ 7-8-9 พ.ย. นี้ผมและแนวร่วมจะขึ้นไปทำงานที่ฐานผาแบ่น เมื่อกลับ
    ลงมาก็ขอจัดการเรื่องงานแต่งของลูกสาวคนโตให้เสร็จเรียบร้อยในวันที่ 12
    จากนั้นก็จะนัดเจอแนวร่วมรายใหม่ที่สนใจจะไปหลบภัยที่ฐานผาแบ่นจังหวัด
    เลย ช่วงนั้นผมได้ขอเงินลูกสาวไว้หนึ่งแสนเพื่อที่จะสร้างบ้านน็อคดาว์นนำ
    ไปใช้อาศัยที่ฐานฯ





    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดลพบุรี

    วันนี้ได้โทรศัพท์คุยกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการท่านหนึ่งที่ดูแลพื้นที่ภัยพิบัติในจังหวัดลพบุรี
    แจ้งข่าวว่าขณะนี้ยังท่วมอยู่ที่ อำเภอเมือง อำเภอบ้านหมี่ และ อำเภอท่าวุ้ง
    สำหรับของบริจาคนั้นเรื่องอาหารแห้งมีเพียงพอแล้ว เพราะได้รับถุงยังชีพพระราชทาน
    สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ ถุงดำ และผ้าอนามัยสำหรับสุภาพสตรี
    และที่สำคัญและต้องการมากตอนนี้คือ "น้ำ EM" เพราะน้ำที่ท่วมอยู่เริ่มเน่าเหม็น
    จังหวัดลพบุรีมีสภาพภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะทำให้น้ำถ่ายเทออกได้ช้ากว่าที่อื่น
    ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะน้ำในแม่น้ำเริ่มลดลงบ้างทำให้สามารถสูบน้ำออกไปได้
    แต่บางพื้นที่ชาวบ้านยังไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่ในบ้านได้ บางคนต้องออกมานั่งนอนอยู่บนหลังคา
    เห็นว่าที่วัดท่าแค อำเภอเมืองชาวบ้านได้อพยพไปอยู่กันจำนวนมาก
    แต่ที่วัดนี้ต้องนั่งรถทหารเข้าไปเท่านั้น รถอื่นยังวิ่งเข้าไปไม่ได้

    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ จังหวัดตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจับตาดู
    เพื่อวิเคราะห์ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้คนยามประสบภัยพิบัติ
    สิ่งใดที่ใช้ได้ผลดี สิ่งใดที่ใช้ไม่ได้ผล เพราะเรายังอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกกันอยู่ในทุก ๆ หน่วยงาน
    ตัวอย่างเช่น อาหารสดที่นำไปแจก หากเป็นข้าวกล่องก็มักจะบูดเสียเร็ว
    ถ้าหากเสียก็เท่ากับต้องอดกันไปหนึ่งมื้อ และคนส่งข้าวต้องวิ่งเข้าออกวันละหลายรอบ
    อาหารประเภทไหนที่เหมาะสมที่สุด ตอนนี้ที่ดีกว่าข้าว
    คือข้าวเหนียวหมูเค็ม ปลาเค็มปลาทอด หรือซาลาเปา ที่เสียยากและขนง่ายกว่า
    แต่ที่ต่างประเทศมักใช้ Energy Bar ดูไปก็เหมือนกับกระยาสารทบ้านเราเพียงแต่ทำให้เป็นบาร์ห่อกระดาษฟอยล์แบบขนมทั่วไป
    หรือคุ้กกี้บาร์ที่มีเมล็ดพืชข้างใน
    อาจเป็นข้าว ข้าวโอ๊ด ช็อคโกแลต ผลไม้กวนข้างใน
    อย่างนี้น้ำหนักเบาเก็บได้นาน
    ทุกบ้านมีไว้บ้างก็ไม่ต้องทนอดเมื่อไม่มีคนมาแจกอาหาร อย่างนี้เป็นต้น

    นอกจากช่วงภัยพิบัติที่เราต้องช่วยกันแล้ว สภาพจิตใจช่วงหลังน้ำลดเป็นอีกเรื่องที่ต้องดูแล
    เพราะทุกคนต่างสูญเสีย และเสียกำลังใจไปบ้าง เราจะสามารถช่วยได้อย่างไร

    กลุ่มของเราจะลงพื้นที่ที่ลพบุรีเพื่อนำของบริจาคไปให้ โดยมีน้ำหมักชีวภาพ EM ไปแจกชาวบ้านผู้ประสบภัย
    (น้ำหมักชีวภาพต้องใช้เวลาในการหมัก 3 เดือนเป็นอย่างย้อย หากท่านยังไม่ได้ทำไว้ สามารถศึกษาได้จากกระทู้ข้างล่างนี้ค่ะ)

    กระทู้วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ EM

    ท่านใดที่ได้หมักน้ำชีวภาพไว้สามารถนำมาบริจาคได้ที่ "เมตตาภิรมณ์"

    แผนที่เมตตาภิรมณ์

    ที่จังหวัดลพบุรี ยังมีน้อง ๆ ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจากโรงเรียนลพบุรีปัญญานุกูล ที่ถูกน้ำท่วม
    ตอนนี้กลับมาเรียนได้ตามเดิม ต้องการรับบริจาคข้าวของเครื่องใช้พื้นฐาน เพราะเด็กส่วนมากอยู่ประจำค่ะ
    อย่างเช่น ของใช้ของเด็กตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงม.4 รองเท้าแตะ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม ของเล่น เครื่องกีฬา

    โรงเรียนลพบุรีปัญญานุกูล

    เราจะเปิดรับบริจาคที่เมตตาภิรมณ์ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ PM หรืออีเมล์ clearmap@gmail.com
    หรือโทรศัพท์ 086-014-3113​
     
  6. Cutie Kung

    Cutie Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +1,283
    ครม.อนุมัตินโยบายและมาตรการการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ




    ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2553 15:00:39 น.
    <style>.expanded { width: 620px; z-index: 9999; }</style>นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติแนวทาง นโยบาย และมาตรการการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามมติคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(กภช.) ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนและประสานงานในบริบทของการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย
    โดยกำหนดให้เป็นการบริหารแบบบูรณาการภายใต้การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และบริหารอย่างประหยัดโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเตือนภัยเพื่อเป็นการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอันที่จะรักษาความปลอดภัยและปก ป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและสิ่งแวดล้อม


    สำหรับนโยบายที่สำคัญ คือ



    1.การบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติต้องดำเนินการให้พร้อมตั้งแต่ใน ภาวะปกติ โดยเฉพาะการเตือนภัยล่วงหน้าต้องดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อสัมฤทธิผลของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จากภัยธรรมชาติ



    2.การแจ้งภัยเพื่อการเฝ้าระวังและการเตือนภัยเพื่อผลในการปฏิบัติควรดำเนิน การแบบบูรณาการอย่างเป็นระบบโดยนำระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศมาใช้กำหนดพื้นที่ เสี่ยงภัยหรือเตือนภัย พัฒนาระบบฐานข้อมูลและติดตั้งระบบเตือนภัยในพื้นที่ที่มีความเปราะบางหรือ เสี่ยงต่อภัยอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศโลก


    3.การบริหารระบบการเตือนภัยควรมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชนตลอดจนให้ความรู้เพื่อให้ เกิดความตระหนักต่อภัยพิบัติ



    4.การบริหารจัดการระบบสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบริหาร จัดการระบบการเตือนภัยและการประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะต้องจัดให้มี ระบบสื่อสารหลักและสื่อสารสำรองให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องในทุก สถานการณ์


    5. การบริหารระบบการเตือนภัยให้คำนึงถึงการนำทรัพยากรที่มีอยู่หรือผลการดำเนินงานตลอดจนเทคโนโลยีที่แต่ละหน่วยงานกำลังพัฒนามาบูรณาการให้เกิดประโยชน์ต่อ กระบวนการบริหารระบบการเตือนภัย โดยให้ กภช.เป็นผู้กำกับดูแล ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการประหยัดและไม่เกิดความซ้ำซ้อน และ



    6. ระบบการเตือนภัยเป็นผลส่วนหนึ่งของการบริหารเพื่อลดความเสี่ยงจากภัย ธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศเพื่อขอรับการ สนับสนุนในด้านต่างๆ ที่จำเป็น


    ทั้งนี้จากแนวนโยบายดังกล่าว ได้วางมาตรการสำคัญไว้ประกอบด้วย



    1.ให้มีการปรับปรุงโครงสร้างของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้สามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว ทั้งด้านการบริหารการประสานงานและการงบประมาณเพื่อรองรับภารกิจที่นับวันจะ เพิ่มขึ้นทั้งในทางลึกและทางกว้าง รวมถึงปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบเพื่อการบริหารงาน
    2.ประสานงานเพื่อรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลที่เป็นองค์ประกอบด้านภัยพิบัติ จากหน่วยงาน ต่าง ๆ ประมวลเป็นฐานข้อมูลเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านการเตือนภัยและการใช้ประโยชน์ ของหน่วยงานอื่น

    3. บริหารด้านการเตือนภัยโดยคำนึงถึงการใช้เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ ภูมิอากาศโลกซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการวิเคราะห์ประกอบการพิจารณาด้วย การมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศและเวทีภูมิภาคในฐานะต่าง ๆ แล้วกรณีจะยังประโยชน์ในการพัฒนาระบบเตือนภัยได้ส่วนหนึ่ง
    4.จะต้องจัดเตรียมระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลักและสำรองเพื่อรองรับให้สามารถ ติดต่อสื่อสารได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งในยามปกติและกรณีที่เกิดภัยพิบัติให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ โดยใช้ทรัพยากรสื่อสารที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการและคู่มือให้ชัดเจน เพื่อการนี้ควรจัดให้มีศูนย์อำนวยการด้านการสื่อสารสารสนเทศขึ้นเป็นศูนย์ รองรับความต้องการในการกำกับหรือควบคุมสถานการณ์ในภาวะวิกฤติ
    5. จัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการแจ้งเตือนภัยระบบ สื่อสารในการแจ้งเตือนภัยและในการประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งสร้างเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน เพื่อช่วยสนับสนุนระบบสื่อสารในการเตือนภัยและช่วยผู้ประสบภัยให้ครอบคลุม พื้นที่ทั่วประเทศ และ 6.จัดให้มีการประชาสัมพันธ์งานด้านการเตือนภัยตลอดจนให้ความรู้และความเข้า ใจเรื่องภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนและองค์กรเอกชนอย่างต่อเนื่องและ ทั่วถึงตามแต่กรณีของภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ ตลอดจนให้ความสำคัญด้านความร่วมมือของประชาชน องค์กรเอกชน และหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินงาน


    ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    น้ำลด หลุมผุด


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“หลุมนรกไซ่ง่อน” โผล่สลอนหลังน้ำลด ชาวเมืองผวาหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>2 พฤศจิกายน 2553 17:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=552><TBODY><TR><TD vAlign=top width=552 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ขนาดรถพ่วงยังเอาไม่อยู่ โชคร้ายยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีใครรู้เลยว่า หลุมนรกแบบนี้จะโผล่ตรงจุดไหนบนท้องถนน รถบรรทุกจึงตกเป็นเหยื่อรายใหญ่แบบเต็มๆ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>Photos Courtesy of Vietnam Express</CENTER>

    ผู้จัดการออนไลน์ --- ชาวบ้านร้านตลาดในนครโฮจิมินห์ จนถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปกำลังหวาดผวาหนักกว่าครั้งใดๆ เนื่องจากหลุมบ่อ กับรอยแยก ผุดขึ้นมาตามท้องถนนอีกหลายสายในนครใหญ่ หลังจากน้ำท่วมได้ผ่านพ้นไป การไปไหนมาไหนทำให้ต้องระมัดระวังยิ่งขึ้น และพยายามไม่ออกจากบ้านจะดีที่สุด

    สื่อของทางการเรียกหลุมบ่อนาดใหญ่เหล่านั้นต่างๆ นานา บ้างก็เรียก หลุมนรก บ้างก็เป็นหลุมดำ หลุมอากาศ หรือ หลุมมรณะ

    ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 รายในอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับ “หลุมนรอ รถยนต์หลายคันหล่นลงไปในหลุม หรือติดหล่ม หรือพลิกคว่ำ ในนั้นมีรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่คันหนึ่ง รถเอสยูวีเลกซัส และ แท็กซี่ขนาด 7 ที่นั่ง ของบริษัท วินาซัน อีก 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนตัวและรถจักรยานยนต์มีอีกนับไม่ถ้วน

    เจ้าหน้าที่ของทางการ กล่าวว่า หลุมขนาดต่างๆ เหล่านั้น เกิดจากการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมถนน หรืองานโยธาอื่นๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเกิดจากความเลินเล่อ รวมทั้งการสร้างท่อระบายน้ำในนครใหญ่ที่มีประชากร 8 ล้านคน

    สัปดาห์ที่แล้วผู้อ่านพากันสลดใจ เมื่อสำนักข่าวออนไลน์ตีพิมพ์ภาพหญิงสูงวัยคนหนึ่งหล่นลงไปในหลุมลึกริมถนน ไม่สามารถขึ้นมาได้ และติดอยู่ในนั้นตลอดทั้งคืน

    ยังไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบโดยตรงต่อความไม่ปรกติเหล่านี้ นอกจากเกิดเหตุร้ายขึ้นทีก็จะมีการปรับบริษัทรับเหมาที่เกี่ยวข้องไปทีหนึ่ง สื่อของทางการ กล่าว

    หนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คือ เกิด “หลุมดำ” ขึ้นที่ถนนเหวียนวันเดิ่ว (Nguyen Van Dau) ผิวถนนเกิดร้าวขึ้นมาอย่างไม่มีวี่แววใดๆ และทรุดลงไปเกิดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ความลึกกว่า 1 เมตร แต่โชคดีที่เกิดการณ์ขึ้นในช่วงที่มียวดยานใช้ถนนเบาบาง ไม่เช่นนั้นก็คงมีข่าวโศกนาฏกรรมขึ้นอีก สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส กล่าว

    นี่จึงเป็นคำตอบว่า เพราะเหตุใดรถยนต์เล็กซัสคันหนึ่ง จึงจมลงไปในหลุมนรกทั้งคันที่ถนนข่าวันเกิ่น (Kha Van Can) ในเขต อ.ถูดึก (Thu Duc) เมื่อไม่นานมานี้

    หลุมดังกล่าวลึกเกือบ 2 เมตร กินอาณาบริเวณกว้างราว 10 ตางรางเมตร สาเหตุน่าจะเกิดจากน้ำประปารั่วออกจากท่อที่เพิ่งซ่อมใหม่กัดเซาะชั้นใต้ดิน ทำให้ผิวถนนในจุดดังกล่าวทรุดตัวลง นำไปสู่อุบัติเหตุสลด แม้จะไม่มีผู้ใดเสียชีวิตก็ตาม


    (โปรดเลื่อนลงเพื่ออ่านต่อ)

    <CENTER>รถบรรทุกเหยื่อรายใหญ่ </CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    โชคดีที่หล่นไปเพียงล้อข้างเดียว มีโชคร้ายยิ่งกว่านี้อีก เคยมีเอสยูวีรถเล็กซัสหล่นลงไปทั้งคันจนมิดหลังคา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER></CENTER><CENTER>2</CENTER><CENTER></CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    โชคดีที่รถบรรทุกคันนี้แค่ตกหลุม ไม่พลิกคว่ำ อาจเป็นเพราะว่า หล่นลง "หลุมดำ" ขณะที่เคลื่อนตัวช้าๆ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER></CENTER><CENTER>3</CENTER><CENTER></CENTER>

    อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในสัปดาห์กลางเดือน ต.ค.ที่บริเวณสีแยกถนนเลวันสี (Le Van Sy) กับถนนฟัมวันหาย (Pham Van Hai) ในเขต อ.ฝูญวน (Phu Nhuan) รถยนต์คันหนึ่งตกลงใน “หลุมช้าง” ขนาดมหึมา เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 4 เมตร ลึก 2 เมตร เจ้าของรถต้องจ้างรถเครนมาช่วยยกรถขึ้นเอง

    เจ้าหน้าที่คาดว่า อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากสาเหตุคล้ายกัน คือ บริษัทก่อสร้างต่อท่อระบายน้ำใต้ดินไม่สนิท น้ำทิ้งเกิดรั่วออกกัดเซาะทั่วอาณาบริเวณ ทำให้พื้นดินข้างล่างอ่อนตัวทรุดลง

    ชาวเมืองยังสยองไม่หาย ในเดือน ก.ย.ผ่านมา สื่อต่างๆ เผยแพร่ภาพแท็กซี่โตโยต้า อินโนวา 7 ที่นั่ง หล่นลงไปใน “หลุมอวกาศ” ความลึกกว่า 2 เมตร กินอาณาบริเวณกว้างกว่า 20 ตารางเมตร บริษัท เซียนโก (Cienco) ผู้รับเหมาก่อสร้างท่อระบายน้ำในพื้นที่ยอมรับผิดและชดเชยค่าเสียหายให้

    แต่หลายกรณีที่ผ่านมายังหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ทางการระดับอำเภอต้องจ่ายค่าเงินชดเชยให้แก่ผู้เสียหายเอง บางกรณียังเป็นคดีความฟ้องร้องกันในศาล

    ช่วง 2 เดือนมานี้เกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับ “หลุมมรณะ” นับครั้งไม่ถ้วน ที่ตกเป็นข่าวใหญ่ส่วนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เช่น เหตุการณ์ในวันที่ 7 ต.ค.2553 ซึ่งรถบรรทุกคันหนึ่งเผชิญหน้ากับหลุมนรกขนาดกว้างราว 2 เมตร ที่ถนนฮายบ่าจึง (Hai Ba Trung) เขตอำเภอที่ 1 ต่อมาวันที่ 9 ก็เกิด “หลุมดำ” ที่ถนนเจิ่นเญิตซย๊วต (Tran Nhat Duat) ในอำเภอที่ 1 ทำให้รถบรรทุกติดยาวเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง

    วันที่ 10 ต.ค.รถยนต์อีกคันหนึ่งตกลงไปในหลุม ไม่สามารถไปต่อได้ เหตุเกิดใกล้สี่แยกถนนหวอถิเสิ่ว (Vo Thi Sau) กับ ถนนฮายบ่าจึง ในเขตอำเภอที่ 1 ขณะเกิดน้ำท่วมถนน เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้มองไม่เห็นผิวจราจร

    เจ้าหน้าที่สำนักงานการโยธาและก่อสร้างนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า การทำสัญญาก่อสร้างต่อไปนี้จะต้องมีการระบุเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่จะติดตามมา อันเนื่องจากผลงานก่อสร้างของเอกชนด้วย

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเทศบัญญัติก็เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบฟ้องร้องบริษัทก่อสร้างหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเรียกค้าเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์ได้อยู่แล้ว

    แต่หลุมดำก็ยังปรากฏขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความหวาดผวาของผู้คน

    <CENTER>สยองกันให้เต็มอิ่ม </CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    นี่มันกับดักของยมบาลชัดๆ คงไม่มีใครอยากจะนึกถึงภาพคนหรือรถจักรยานยนต์พลัดตกลงไปตอนที่น้ำท่วมถนนและมองไม่เห็น </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER></CENTER><CENTER>4</CENTER><CENTER></CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    หยุดจอดแยกไฟแดงอยู่ดีๆ ก็ปรากฎรอยร้าวของหลุมนรกขึ้นมาเอาดื้อๆ มีคนตะโกนบอกไว้ทัน คนขับไม่กล้าขยับรถและจอดทิ้งเอาไว้ที่นั่น รอเครนไปยกออก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER></CENTER><CENTER>5</CENTER><CENTER></CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    เหตุสยองเมื่อเดือน ก.ย.รถแท็กซี่ของวินาซัน ตกหลุมนรกไซ่ง่อน เป็นภาพติดตาชาวเวียดนามทั้งประเทศ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER></CENTER><CENTER>6</CENTER><CENTER></CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=380><TBODY><TR><TD vAlign=top width=380 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    เมื่อเห็นรอยยุบขนาดนี้ ทุกคนจะต้องเดินเลี่ยงหนีให้ห่างๆ เพราะข้างล่างอาจเป็นโพรงนรกมหึมารออยู่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table class="uiInfoTable mvm profileInfoTable mvm mvm"><tbody><tr class="spacer"><td colspan="2">
    </td></tr></tbody><tbody><tr><th class="label">Location</th><td class="data">ดุสิตธานี</td></tr><tr class="spacer"><td colspan="2"><hr></td></tr></tbody><tbody><tr><th class="label">Created By</th><td class="data">ประเทศไทยกลับมาสดใส ดีกว่าเดิม
    </td></tr><tr class="spacer"><td colspan="2"><hr></td></tr></tbody><tbody><tr><th class="label">More Info</th><td class="data">++จะเปิดรับต่ออีก 10 วันนะคะ กิจกรรมเก่ามันปิดแล้ว แก้เวลาด้านบนไม่ได้แล้วเลยสร้างใหม่และเพิ่มภัยหนาวด้วยฝากทุกท่านช่วย ประกาศด้วยคะ!!+++

    สิ่งที่ต้องการที่เตนท์ (เพื่อนำมาจัดเป็นชุดทำถุงยังชีพเช่นเดิม)
    1.อาหารแห้ง
    2.ของใช้ที่จำเป็น
    ...3.เสื้อหนาวและผ้าห่ม

    (ขอไม่รับเสื้อเก่าที่โละทิ้งจากบ้านนะคะขอให้บริจาคสิ่งที่เหมาะสม คราวก่อนมาชุดราตรี เสื้อสายเดี่ยว พอพวกเราคัดออกเอามาขายเพื่อเอา เงินไปซื้ออาหาร ก็มีคนทวิตว่าเอาได้ มันเอาไปให้ไม่ได้จริงๆคะ หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจ ตอนนี้พวกเราหาข้อมูล คนแก่้อายุเกิน 70 และคนพิการ เพิ่อจะได้เข้าเป็นจุดๆไปด้วย ดังนัี้นรบกวนขอให้บริจาคสิ่งของต่างๆตามวิจารณญานด้วยนะคะ)

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    บัญชีรับบริจาค

    นางสาว ชิดชนก ฌานคุปตรัตน์

    ธนาคารกรุงเทพ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 128-4-151220


    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    เพิ่มเติม ส่วนตัว ....
    ขอให้ทุกท่านแยกพวกเราออกจากจุดรับบริจาคอื่นๆที่มีของมาก มายจนประกาศงดรับ เรามีเตนท์อันเดียว คือพื้นที่การทำงานทั้งหมด และของบริจาค มีตามศรัทธา มากบ้างน้อยบ้าง ไม่เท่ากันทุกวัน คงไม่สามารถนั่งจัดของทั้งวันทั้งคืน หรือตั้งไลน์เป็นโรงงาน มีหน้าที่ประจำให้ทุกคนต้องทำนี่ใส่นั่นเหมือนเดิมได้ตลอด กรุณาเข้าใจและอย่าคาดหวังว่า มาที่นี่แล้ว จะได้เป็นสาวโรงงานแพคของ อย่าสั่งหยุดหรือเปลี่ยนไลน์ เด๋วไม่ได้ประจำตำแหน่ง แล้วทวิตว่าพวกเราว่าทำงานไม่เป็นระบบและหรืออื่นๆ
    พวกเราทุกคน ทำงานอาสาและทำด้วยใจ ได้โปรดอย่าทำให้ให้ทุกคนที่ตั้งใจทำงานต้องเสียกำลังใจ ปูเป็นคนตั้งกลุ่มและตั้งกิจกรรมทั้งหมดและทุกกิจกรรม ไม่ได้ตามคำสั่งใครหรือเพื่อใคร อยากทำอะไรก็ทำอันนั้น และชวนเพื่อนๆมาร่วมใครอยากร่วมก้ร่วม ...

    ขอ อภัยสำหรับทุกท่าน จริงๆคะ ไม่ได้หยิ่งไม่ได้ว่าผู้ใด หรือโกรธผู้ใด เพราะเชื่อว่า คนเยอะมาก งานเยอะมาก ย่อมมีการเข้าใจผิดและกระทบกระทั่งกันบ้าง เพียงแต่ หนูต้องรักษาน้ำใจ ของทีมงานทุกคน เวลาเจอเรื่องบางอย่างแล้วหมดกำลังใจเพราะทุกคนเหนื่อยกันเหลือเกิน เลยอยากอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจด้วย

    |/\|~ ปูขอขอบคุณสำหรับ ทุกๆท่าน ที่เมตตา ที่ใจดี ให้โอกาส ให้การบริจาค และช่วยเหลือพวกเรามาตลอด ของกว่าสาม สี่ หมื่นชุด ที่จัดลงพื้นที่ไปแล้ว และถึงมือคนรับจริงๆ ปูเชื่่อว่า มันเพียงพอสำหรับกำลังใจที่ให้พวกเราทำต่อ และภาพทั้งหมด น่าจะแทนคำขอบคุณได้ สำหรับทุกท่านที่ร่วมบริจาคมาทุกคน ขอบพระคุณคะ
    @@ หากใครถ่ายรูปแล้วเอารูปใส่อัลบั้มตนเองแล้ว เข้ามาในนี้ กดแนบรูปภาพ=>>เลือกเพิ่มรูปภาพจากอัลบั้มของ คุณ=>> เลือกอัลบั้ม =>> เลือกติิกรูปที่จะเอามาแชร์ กดแบ่งปัน มันจะดูดวุ๊บเข้ามาเลยนะ ทำง่ายๆคะ ใครไปลงพื้นที่มา หรือใครมาช่วยแล้วถ่ายรูปกัน ช่วยเอามาแชร์ให้ทุกคนได้ดูด้วยนะคะ @@
    </td></tr></tbody></table>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ในหลวง พระราชินี พระราชทานถุงยังชีพฯ ซับน้ำตาชาวใต้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในหลวง พระราชินี เบิกท้องพระคลังพระตำหนักทักษิณฯ ให้ทหารนำถุงยังชีพพระราชทานซับน้ำตาชาวหาดใหญ่

    เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 2 พ.ย.53 ที่ศาลาสิริกาญจนาภิเษก พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.อ.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการพระราชดำริ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ พร้อมด้วย พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ได้ร่วมอำนวยการในการเบิกเครื่องอุปโภคและบริโภคจากท้องพระคลังของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์

    โดยให้กำลังพลจากกรมทหารพรานที่ 46 พร้อมด้วยกำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ศิลปาชีพ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทำการนำเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้งรวมทั้งผลไม้ และเครื่องนุ่งห่มมาบรรจุเป็นถุง จำนวน 5,000 ชุด เพื่อสนองพระกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมทั้งจะได้กระจายความช่วยเหลือไปยังประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลาและสตูลอีกด้วย

    โดยถุงยังชีพพระราชทานจำนวน 5,000 ชุด เจ้าหน้าที่ได้มีการลำเลียงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ทยอยเดินทางนำถุงยังชีพไปหย่อนตามจุดที่ประชาชนต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมอย่างหนักเป็นการเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณกว่า 3 แสนคนแล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ตรัง-ประกาศ 8 อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดตรัง รวม 8 อำเภอ 4 เทศบาล 50 ตำบล 234 หมู่บ้าน ทำให้ทางจังหวัดต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ พร้อมทั้งมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

    เวลา 18.30 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 จังหวัดตรัง สรุปพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมล่าสุดว่า ได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 อำเภอ 4 เทศบาล 50 ตำบล 234 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อำเภอรัษฎา ห้วยยอด วังวิเศษ เมือง นาโยง ย่านตาขาว ปะเหลียน และกันตัง ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลที่ได้รับความเดือดร้อน มีจำนวน 4 เทศบาล ประกอบด้วย เทศบาลตำบลคลองปาง อำเภอรัษฎา เทศบาลตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด เทศบาลตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว โดยเฉพาะเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง ซึ่งมีประชาชนประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

    ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำจากเทือกเขาบรรทัด ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนในเขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนใหญ่ มีทั้งหมด 4 ชุมชนกว่า 1,000 ครัวเรือน รวมทั้งตลาดสด สำนักงานเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ และโรงพยาบาลนาโยง ที่สำคัญตลอดแนวย่านชุมชนเขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือนั้น มีถนนสายตรัง-พัทลุง ตัดผ่าน ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อกับจังหวัดพัทลุง มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร ระยะทางยาวนับจากรอยต่อพื้นที่ตำบลนาโยงใต้ อำเภอเมืองตรัง ผ่านเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ จนถึงพื้นที่ตำบลละมอ อำเภอนาโยง รวมประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ รวมทั้งรถทัวร์โดยสารจากพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างลงไป ซึ่งปกติจะวิ่งเส้นทางนี้ เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดภูเก็ต

    ด้านโรงพยาบาลนาโยงนั้น ประสบปัญหาน้ำท่วมขังทางเข้าออกโรงพยาบาล ซึ่งรถเล็ก รวมทั้งรถตู้ไม่สามารถเข้าออกได้ แต่ทางแพทย์และพยาบาล ยังคงพยายามทำหน้าที่ และสามารถรับผู้ป่วยได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการเข้าออกโรงพยาบาลเท่านั้น

    ด้านความช่วยเหลือของทางอำเภอนาโยง รวมทั้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ นำโดย นายการุณย์ ลิ่มไทย นายกเทศมนตรีตำบลนาโยงเหนือ ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ มีการตั้งโรงอาหารชั่วคราว เพื่อปรุงอาหารบรรจุกล่องแจกจ่ายประชาชน และนำรถบรรทุกน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้ถึงบ้าน

    สำหรับบ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตรังตอนล่าง จำนวน 3 ตำบล คือ นาตาล่วง หนองตรุด และบางรัก อำเภอเมืองตรัง ซึ่งจะเป็นจุดรองรับน้ำจากด้านบนอำเภอรัษฎา และห้วยยอด คาดว่าในคืนนี้ (2 พฤศจิกายน) น้ำเหนือจะไหลลงมาถึง ทำให้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ลุ่มอย่างแน่นอน ซึ่งทางอำเภอ รวมทั้ง อบต.ในพื้นที่ก็เตรียมการรับมืออย่างเต็มที่ ทั้งการช่วยประชาชนขนย้ายเข้าของ และสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันมีการจัดหาเต็นท์ เพื่อเป็นที่พักชั่วคราวของผู้ที่ประสบภัยด้วย

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางจังหวัดตรัง ได้ประกาศให้พื้นที่ 8 อำเภอ จากทั้งหมด 10 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปยอดจำนวนครัวเรือน รวมทั้งตัวเลขประชากร และพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ แต่เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำแล้ว จำนวน 1 คน คือ นายเปลื้อง เหมือนแก้ว อายุ 58 ปี ชาวตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    น้ำไหลเข้าเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่มากที่สุดในรอบ 70 ปี

    [​IMG]

    ระดับน้ำในเทศบาลนครหาดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำทางตอนบนไหลลงมาสมทบ โดยขณะนี้ มีน้ำไหลเข้าเทศบาลนครหาดใหญ่กว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือปริมาณมากที่สุดในรอบ 70 ปี เชื่อหากฝนไม่ตกเพิ่ม สถานการณ์วันพรุ่งนี้จะดีขึ้น

    นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ รายงานผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่นในทะเลอ่าวไทย ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจอย่างอำเภอหาดใหญ่

    ล่าสุด (2 พ.ย.) ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา วัดปริมาณฝนเฉลี่ย 2 วัน ได้ถึง 373 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ทำให้ระดับน้ำในคลองสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินขีดจำกัดที่จะรับได้ จึงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นบริเวณกว้าง วัดปริมาณน้ำไหลผ่านในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ได้สูงถึง 1,623.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มจากปกติเกณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยได้ระบายลงสู่คลองอู่ตะเภา ในเกณฑ์ 930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระบายลงสู่คลองระบายน้ำ ร.1 ในเกณฑ์ 663.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำดังกล่าว เป็นปริมาณน้ำที่มากกว่าปี 2531(839 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) และยังมากกว่าปี 2543 (970.85 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)

    สำหรับแนวโน้มระดับน้ำในคลองอู่ตะเภาที่บ้านบางศาลาขณะนี้น้ำเริ่มทรงตัว ส่วนระดับน้ำในตัวเทศบาลนครหาดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะนี้มีน้ำไหลเข้าเมืองมากกว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบ 70 ปี เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำท่าจากลุ่มน้ำทางตอนบนไหลลงมาสมทบ คาดการณ์ว่าช่วง 19.00 น.วันนี้ หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติมในพื้นที่ น้ำจะเริ่มทรงตัวและลดระดับลง และจะระบายออกสู่ทะเลได้ภายใน 3 วัน

    ทั้งนี้ ชุมชนแถวสถานีรถไฟซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ มีปัญหาน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ส่วนที่ตลาดกิมหยง ระดับน้ำอยู่ที่ 1.20-1.50 เมตร กรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่กว่า 100 เครื่อง ลงพื้นที่เพื่อดำเนินการผลักดันน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่เศรษฐกิจที่อำเภอหาดใหญ่เป็นลำดับแรก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในบางจุดกรมชลประทานยังไม่สามารถวัดระดับน้ำได้เพราะปริมาณน้ำยังไหลเชี่ยวมาก

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ศชฉ.เตือน 5-6 พ.ย.ภาคใต้อาจเจอพายุลูกใหม่

    [​IMG]

    ศชอ.สรุปยอดอุทกภัยภาคใต้รวม 8 จังหวัดแล้ว พร้อมเตือนระหว่างวันที่ 5-6 พ.ย.อาจมีพายุลูกใหม่เข้ามาในพื้นที่ภาคใต้ ขณะนี้ยังเฝ้าดูความชัดเจนอีกครั้ง

    นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในขณะนี้ว่า วันนี้ เวลา 16.00 น.กองทัพเรือจะส่งเรือหลวงจักรีนฤเบศรเดินทางไปที่จังหวัดสงขลา เพื่อบรรทุกสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้รับฝากสิ่งของอุปโภค-บริโภค ซึ่งหากองค์การหรือหน่วยงานใดจะฝากสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ภาคใต้สามารถนำมาฝากได้ที่ท่าเรือจุกเสม็ด อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งนี้สามารถติดต่อได้ที่ นาวาเอกเชษฐา โทร. 081-811-2688 ขณะเดียวกันกรมอุตินิยมวิทยาได้รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 5-6 พ.ย.นี้อาจมีพายุลูกใหม่เข้ามาในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้กำลังเฝ้าดูอยู่ถึงความชัดเจน

    สำหรับข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยล่าสุดวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553

    1. จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 21 จังหวัด 120 อำเภอ 905 ตำบล 7,035 หมู่บ้าน 984,670 ครัวเรือน 3,232,617 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 4,128,373 ไร่ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 มีอิทธิพลพายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้จังหวัดประสบอุทกภัยเพิ่มขึ้น 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา สตูล ตรัง นราธิวาส ยะลา ปัตตานี พัทลุง และนครศรีธรรมราช

    2.จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว นครนายก กำแพงเพชร พิษณุโลก หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    การรถไฟฯประกาศงดเดินรถช่วงภาคใต้ตอนล่างไม่มีกำหนด

    [​IMG]

    การรถไฟฯ ประกาศงดเดินรถช่วงภาคใต้ตอนล่างอย่างไม่มีกำหนดหลังน้ำท่วมรางและสถานีรถไฟสงขลา หลังจากเมื่อวานนี้ขบวนรถไฟ 8 ขบวนจาก กทม.มุ่งหน้าลงภาคใต้ต้องจอดรอกลางทางไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้

    โดยตั้งแต่วันนี้เวลา 8.00 น.วันนี้ ได้งดเดินขบวนรถไฟจากสถานีตันหยงมัสกับสถานีสุไหงโกลก เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน และงดเดินรถขบวนรถเร็วที่ 171 และ 172 ส่วนขบวนรถที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคใต้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ มีทั้งหมด 8 ขบวน ยังไม่สามารถเดินทางถึงปลายทางได้ ขณะนี้หยุดรออยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 3 ขบวน คือ รถเร็วกรุงเทพฯ-สุไหงโกลก หยุดรออยู่ที่ชุมทางทุ่งสง, ขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ หยุดรออยู่ที่สถานีนาบอน และขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก หยุดรออยู่ที่สถานีคลองจันดี

    ส่วนอีก 5 ขบวน หยุดรออยู่ที่สถานีสุราษฎร์ธานี คือ ขบวนรถเร็ว 3 ขบวน จากกรุงเทพฯ ไปยังนครศรีธรรมราช ยะลา และกันตัง ส่วนขบวนรถด่วนนั้นมี 2 ขบวน คือ จากกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช และกรุงเทพฯ-ตรัง ซึ่งผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินทางต่อสามารถขอรับค่าโดยสารคืนได้เต็มราคาที่นายสถานีรถไฟทุกแห่ง โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ขอเตือนภัย"

    [​IMG]

    ในปีนี้ดินฟ้าพิโรธไปหลายประเทศ... ประเทศอินโดนีเซียก็เจอภัยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ อีกทั้งภูเขาไฟก็มาซ้ำเติมอีก... ในหลายๆประเทศก็ประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง... ปีนี้เป็นปี “เสือดุ” ผู้คนต้องมาตายกันจำนวนมาก... เฉพาะในประเทศไทยในปีนี้ก็อ่วมจนอ๊วก ไหนจะมีเรื่องการเมืองที่ดุเดือดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    พอเข้าฤดูร้อนฝนก็แล้งไปทั่วประเทศจนการเพาะปลูกเสียหาย... มาถึงฤดูฝนน้ำก็ท่วมไปทั่วเกือบจะทุกจังหวัด การเพาะปลูกก็เสียหายอีกน่าสงสารชาวไร่ชาวนาอย่างมาก น่าสงสารผู้ประสบภัยเป็นอย่างยิ่ง... ยังโชคดีที่มีสื่อหลายแห่งให้ความสำคัญและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันที... หากจะรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลคงต้องรอให้น้ำท่วมฟ้าก่อน... นี่แหละ... ประชาชนต้องมาก่อน... ประชาชนต้องตายก่อน...

    ผมรู้สึกเป็นห่วงเรื่อง “ภัยธรรมชาติ” ที่จะเกิดขึ้นอีกขอให้ทุกคนอย่าประมาท นอกจากฝนตกหนักน้ำท่วมแล้ว ผมยังหวั่นใจในเรื่อง “แผ่นดินไหว” หรือพายุงวงช้างจะทำให้เกิดภัยทางทะเล... หรือเกิดสึนามิขึ้นมาอีกครั้ง... บอกตรงๆว่า ผมมีความเป็นห่วงมากกับภัยธรรมชาติในปีนี้คาบไปถึงต้นปีหน้า... แต่หากมันไม่เกิดขึ้นหรือผมทำนายเรื่องนี้ผิดไป ก็ขอร้องอย่าต่อว่าผมเลยครับ.... ผมเตือนด้วยความเป็นห่วงจากใจจริงของผม และผมคิดว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นสูง... แต่ไม่สามารถกำหนดจุดได้ว่าเหตุมันจะเกิดที่ไหน... ไม่รู้ว่าจะเป็นทางฝั่งทะเลอันดามันหรือจะเป็นฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น

    ผมขอเขียน “เตือนภัย” ครั้งนี้แล้วจะไม่เขียนเตือนซ้ำอีก หากใครคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ผมก็ไม่เถียง... แต่ขอให้ทุกคนไม่ควรประมาท แม้แต่เขื่อนกักเก็บน้ำต่างๆ หลายแห่งก็อาจจะเกิดเหตุเขื่อนร้าว เขื่อนพังหรือเขื่อนแตกได้ เพราะมันก็นับเป็นภัยทางน้ำ หรือภัยธรรมชาติได้เหมือนกัน... ผมก็ขอภาวนาอย่าให้ประเทศไทยต้องเจอกรรมอีกเลย แค่นี้คนไทยก็ทุกข์ระทมไปครึ่งประเทศแล้ว ...

    ด้วยความเคารพ
    หมอนิด(กิจจา ทวีกุลกิจ)
    1 พ.ย. 53


    <STRONG><FONT color=darkred>ขอเตือนผู้ที่คิดจะลงทุนใหม่<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]<O:p>ที่มา www.mornid.com/home.php</O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    การที่ฝ่ายที่มีหน้าที่ ไม่เตือนภัยให้ตรงมาตรงไปตามความเป็นจริง ทำให้คนชะล่าใจ สุดท้ายพอเหตุเกิด คนล้มตายเหมือนมดปลวก ก็จะมาโทษกันไปกันมาอีก ประวัติศาสตร์มันเดินซ้ำรอยตัวเองได้เรื่อยๆ
     
  12. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    คนที่ไม่รู้จริงมาเตือนแล้วก็ผิดแล้วผิดอีก ทำให้ผู้ที่รู้จริงไม่สามารถออกมาเตือนใครได้อีก ในนี้จึงไม่มีข่าวสารใดๆที่เป็นจริงเลย
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกาหลีใต้เผยเกาหลีเหนือพยายามพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    โซล 2 พ.ย. – นายคิม แทยัง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยวันนี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งกับขีปนาวุธหรือเครื่องบินได้

    นายคิมกล่าวต่อบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติว่า เกาหลีเหนือกำลังหาทางผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งกับขีปนาวุธข้ามทวีปหรือเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ โดยเชื่อกันว่า เกาหลีเหนือมีพลูโตเนียม ชนิดที่ใช้ในการผลิตระเบิดจำนวน 40 กก. น้อยกว่าที่สหรัฐคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และว่าค่อนข้างเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือกำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์โดยการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม นอกเหนือไปจากการใช้สารพลูโตเนียม

    เกาหลีเหนือถอนตัวออกจากการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเดือนเม.ย. 2552 และทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 2 ในเดือนต่อมา แต่นายคิมกล่าวว่า เขายังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมตัวที่จะทดลองอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง เกาหลีเหนือแสดงท่าทีว่าเต็มใจที่จะกลับเข้าสู่การเจรจา 6 ฝ่าย แต่สหรัฐเผยว่า เกาหลีเหนือจะต้องแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้และแสดงความจริงใจในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนรื้อฟื้นการเจรจาดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 2 พ.ย. 2553

    มาเลเซียเร่งอพยพประชาชนหนีน้ำท่วม

    [​IMG]

    มาเลเซีย 2 พ.ย. - มาเลเซียเร่งอพยพประชาชนกว่า 10,000 คน ทางตอนเหนือของประเทศ เนื่องจากระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นหลังฝนตกหนัก

    ทางการรัฐปะลิส และรัฐเกดะห์ ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนภาคใต้ของไทย ต้องสั่งปิดโรงเรียน 11 แห่ง พร้อมทั้งอพยพประชาชนกว่า 12,000 คน ออกนอกพื้นที่ ในจำนวนนี้ 3,000 คน ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้น ถนนหลายสายถูกตัดขาด อาคารหลายแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วม ที่รัฐเกดะห์ เจ้าหน้าที่เผยว่า ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเพิ่มขึ้นจนเกินระดับอันตรายแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    วันอังคาร ที่ 2 พ.ย. 2553

    เฮอริเคนโทมัสถล่มเกาะในแคริบเบียนตาย 14 คน

    [​IMG]

    แคริบเบียน 3 พ.ย. - มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน จากเหตุโคลนถล่ม หลังเฮอริเคนโทมัสพัดกระหน่ำเกาะเซนต์ ลูเซีย ในทะเลแคริบเบียน

    รัฐมนตรีท่องเที่ยวของเกาะเซนต์ ลูเซีย เผยว่าพื้นที่ทางใต้ของเกาะได้รับผลกระทบมากที่สุด และความเสียหายที่เกิดจากเฮอริเคนโทมัสพัดถล่มรุนแรงเหมือนกับเป็นพื้นที่สงคราม ด้านนายกรัฐมนตรีแห่งเซนต์ ลูเซีย ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและร้องขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศแล้ว เฮอริเคนโทมัสขึ้นฝั่งพัดถล่มเกาะเซนต์ ลูเซีย ทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียนเมื่อวันอาทิตย์ ด้วยความเร็วลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก พายุรุนแรง น้ำท่วม และโคลนถล่ม มีรายงานผู้เสียชีวิต 14 คน และอีกหลายพันคนไร้ที่อยู่อาศัย ล่าสุด เฮอริเคนโทมัสได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว และกำลังเคลื่อนตัวไปยังเฮติ. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 3 พ.ย. 2553

    สถานทูตหลายแห่งตกเป็นเป้าโจมตีด้วยพัสดุระเบิด

    [​IMG]

    เอเธนส์ 3 พ.ย. - พัสดุไปรษณีย์ที่มีระเบิดขนาดเล็กเกิดระเบิดขึ้นที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์และสถานทูตรัสเซีย ในกรุงเอเธนส์ เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ยังพบพัสดุที่คาดว่าเป็นระเบิดที่สำนักนายกรัฐมนตรีเยอรมนีด้วย นับเป็นเหตุโจมตีระลอกล่าสุดซึ่งสงสัยว่าเป็นการกระทำของกลุ่มกองโจรฝ่ายซ้ายในกรีซ

    นอกจากนี้ ตำรวจกรีซปลดชนวนระเบิดพัสดุต้องสงสัย 2 ชิ้น ที่สนามบินเอเธนส์ โดยจ่าหน้าถึงสำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป และศาลยุติธรรมยุโรป ตำรวจได้ควบคุมตัวชาวกรีก 2 คน อายุ 22 ปี และ 24 ปี เมื่อวันจันทร์ ฐานครอบครองวัตถุระเบิด ซึ่งรวมทั้งที่จ่าหน้าถึงประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส เหตุการณ์ล่าสุดทำให้มีพัสดุระเบิดต้องสงสัยรวม 13 รายการ นับตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ตำรวจคาดว่ากลุ่มกองโจรกรีซอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงดังกล่าว และกำลังดำเนินการสอบสวน

    สำหรับเหตุพัสดุระเบิดที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์และรัสเซีย ในกรีซ เมื่อวานนี้ ตำรวจกล่าวว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บและเป็นระเบิดขนาดเล็กจึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนที่เยอรมนีตำรวจตรวจพบพัสดุระเบิดที่ส่งมาจากกรีซถึงสำนักนายกรัฐมนตรีของนางอังเกลา แมร์เคิล ในกรุงเบอร์ลิน. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 3 พ.ย. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • biow_agm65.jpg
      biow_agm65.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.9 KB
      เปิดดู:
      1,618
    • untitled1.JPG
      untitled1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32.9 KB
      เปิดดู:
      1,743
    • untitled3.JPG
      untitled3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.2 KB
      เปิดดู:
      1,708
    • untitled2.JPG
      untitled2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.2 KB
      เปิดดู:
      1,612
  14. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    2012 ทยอยมาแบบตั้งตัวกันไม่ทันทุกประเทศเลย
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธทำนาย ในพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก

    [​IMG]

    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก เป็นคัมภีร์เก่าที่บอกเล่าประวัติการเข้ามาของพระพุทธศาสนาในล้านนา รอยพระพุทธบาท พระธาตุ วัดวาอารามต่างๆ ฯลฯ ตลอดถึงการการพยากรณ์ความเป็นไปของสังคม ว่าต่อไปภายหน้าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่สมัยพุทธกาล จนถึง พ.ศ.๕๐๐๐ ผลจากการศึกษาเบื้องต้นทำให้ทราบว่า คัมภีร์ตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกนี้ “พระมหาสามีธรรมรส พระเถระชาวมอญ คัดลอกมาจากศิลาจารึกในลังกาทวีป เมื่อ พ.ศ.๒๐๕๐

    จากนั้นท่านก็เดินทางไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท พระธาตุเจดีย์ตามสถานที่ต่างๆ ต่อมาพระมหาโพธิสมภาร แห่งอาวาสท่าหัวเคียน ใกล้ดอยเกิ้ง ขอคัดลอกไว้ในปี ๒๐๖๖ ด้วยภาษาล้านนา มีความยาวถึง ๑๒ ผูก หรือ ๑๒ กัณฑ์ ส่วนในสิบสองปันนาสำรวจพบว่ามีมากถึง ๒๒ ผูก เป็นคัมภีร์ที่ทรงคุณค่า บอกเล่าภูมิสังคม และประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในล้านนา มายาวนานกว่า ๕๐๒ ปี (บทความโดย พระมหาสง่า ธีรสํวโร วัดผาลาด จ.เชียงใหม่)

    พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทศนายักขราชาที่ดอยอ่างสลุง

    ข้อความต่อไปนี้เป็นเนื้อหาบางส่วนในพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙ ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเมื่อทรงมีพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ได้เสด็จเข้าโยนกนคร โปรดเทศนายักขราชาที่ดอยอ่างสลง(สลุง) ในเขตเมืองเชียงดาว (อำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่) ยักขราชาละพยศ สมาทานศีล ๕ พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า เมื่อพระพุทธศาสนาย่างเข้าเขต ๓,๐๐๐ วัสสา (พ.ศ.๒๐๐๑–๓๐๐๐) ยักขราชาจะบังเกิดเป็นพระยาธรรมิกราชมาปราบยุคเข็ญ และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองในเมืองเชียงดาวนั้น

    พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า

    “ดูรา ยักขราชาผู้เป็นใหญ่ ต่อไปในอนาคตเบื้องหน้า ในระหว่างแห่งศาสนาที่ตถาคตตั้งไว้นั้น ท่านจะได้เกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม ท่านจะได้ส่งเสริมยกย่องพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เหตุการณ์เช่นนี้จะมีต่อไปในกาลข้างหน้าอย่างแน่นอน เมื่อท่านเกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะมีอายุยืน ๒๐๐ ปี ในกาลนั้นพระพุทธศาสนาได้ล่วงไปแล้วได้สองพันปีกว่า จะย่างเข้าสู่สามพันปี ในระหว่างนี้แหละที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชภายหลังแต่นั้น อายุพระพุทธศาสนาจะเหลือประมาณสองพันปีกว่า ดูรามหายักษ์ โดยที่ในระหว่างศาสนาตถาคตที่ตั้งไว้ ๕,๐๐๐ ปี นับแต่ตถาคตนิพพานไปนั้นจะมีพระยาธรรมิกราชมาเกิด ๕ พระองค์"

    "ในปีกัดไค้ถึงปีเล้า ในระหว่างนั้นท่านจะได้มาเกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ได้ยกย่องส่งเสริมศาสนาแห่งตถาคต และปีเบิกสันพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแก่เทวดาทั้งหลาย จะเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์ มาตีกลองแก้วใบหนึ่ง เป่าหอยสังข์ ให้คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ได้ยินได้ฟังทุกแห่ง เพื่อให้สมณะพราหมณ์และคฤหัสถ์หญิงชายทั้งหลายได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิรันดรเถิด ต่อจากนั้นจะบังเกิดภัยอันใหญ่คือพระอาทิตย์และพระจันทร์ จะปรากฏแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวง จะมีต่อไปภายหน้า"

    ที่มา หนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก แปลโดย อาจารย์สิงฆะ วรรณสัย

    หมายเหตุ

    พระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่จะปรากฎแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวงนี้ ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับดาวหางเนบิรุ ที่กำลังจะโคจรมาใกล้โลกหรือเปล่านะครับ เพราะถ้าดาวหางเนบิรุ ที่มีขนาดโตกว่าโลกเราถึง 2 เท่า โคจรมาใกล้โลกในเวลากลางวัน คนบนโลกนี้คงมองเห็นคล้ายกับมีพระอาทิตย์ขึ้นสองดวง และในเวลากลางคืนคงมองเห็นคล้ายมีพระจันทร์ขึ้นสองดวงนั่นเองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เปรียบเทียบสองคำทำนาย

    พุทธทำนายในตำนานพระเจ้าเลียบโลก

    "ในปีกัดไค้ถึงปีเล้า ในระหว่างนั้นท่าน(พระศรีอาริย์) จะได้มาเกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ได้ยกย่องส่งเสริมศาสนาแห่งตถาคต และปีเบิกสันพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแก่เทวดาทั้งหลาย จะเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์ มาตีกลองแก้วใบหนึ่ง เป่าหอยสังข์ ให้คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ได้ยินได้ฟังทุกแห่ง เพื่อให้สมณะพราหมณ์และคฤหัสถ์หญิงชายทั้งหลายได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิรันดรเถิด ต่อจากนั้นจะบังเกิดภัยอันใหญ่คือพระอาทิตย์และพระจันทร์ จะปรากฏแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวง จะมีต่อไปภายหน้า"

    คำทำนายของนอสตราดามุส

    " เสียงนุ่มนวลแห่งมิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินจากแผ่นดินทิพย์ แสงเพลิงมนุษย์ ฉายรองรับเสียงประเสริฐนั้น จะเป็นเหตุให้โลกต้องเปื้อนเลือด สมณเพศทั้งหลายที่ไม่ยึดถือศีล (พรหมจรรย์) และนำไปสู่การทำลายโบสถ์วิหารที่ไร้ความบริสุทธิ์ "
    (ซ.1 ค.96 )

    " อังคารกับคฑาของจูปิเตอร์ (พฤหัส) เล็งลัคน์
    เกิดสงครามมหาวิบัติภายใต้ราศีกรกฎ
    หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์ใหม่จะถูกสถาปนา
    เป็นผู้นำสันติสุขมาสู่โลกมนุษย์เป็นเวลายาวนาน "
    ( ซ.6 ค.24 )

    วรรคที่น่าสนใจในโคลงบทนี้ ได้แก่วรรคที่มีคำว่ากษัตริย์ ที่จะนำสันติสุขมาสู่โลกมนุษย์ หลายฝ่ายตีความกันว่า นอสตราดามุสกำลังพูดถึงวันที่โลกชำระบาปแล้ว หลังจากกลียุคอันเกิดจากสงคราม ภัยพิบัติอันเกิดจากธรรมชาติ หรือโรคระบาด โลกจะปรากฎผู้นำใหม่ที่มาในมิติที่อยู่เหนือธรรมชาติ อาจจะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย พระมาซิอา พระมะฮุดีย์ หรือพระยาธรรมิกราช ที่เสด็จมาโปรดสัตว์ตามพุทธทำนาย ตามคำทำนายในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล หรือตามพระวัจนะในพระคัมภีร์อัลกุรอ่านก็ได้

    ที่มา "พระเจ้าจักรพรรดิ์" ในจิตทัศน์ของนอสตราดามุส - PaLungJit.com

    หมายเหตุ

    เปรียบเทียบปีของอีสาน(และเหนือ) กับภาคกลางและภาคอื่นๆ ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

    กาลเวลาของชาวอีสานในอดีต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2010
  17. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    ดูข่าวภัยน้ำท่วมแล้วกลุ้ม สงสารผู้ประสบภัยจัง

    ภัยพิบัติแบบเบาะ ๆ ไม่ครบชุดดี ... ก็รับมือกันแทบไม่ไหวแล้ว

    ถ้าเป็นภัยแบบครบชุดเต็มรูปแบบ จะเป็นยังไงหนอ ??


    เมื่อ 2 - 3 ปีก่อน นั่งอ่านบทความ คิดวางแผนฉุกเฉิน
    เตรียมโน่น เตรียมนี่ ทั้งแผน A แผน B แผน C ...
    แผนทั้งหลายที่คิดไว้ รู้สึกว่า ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่

    สมมติว่า ทางกรมอุตุบอกว่า พายุจะเข้าไทยเต็มๆ จะหนีไปไหนดี
    ขึ้นเหนือก็ท่วม อีสานก็ท่วม ใต้ก็ท่วม กรุงเทพก็ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

    ไปไหนดี ?
     
  18. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    สัปดาห์ที่แล้ว ได้กราบเรียนถามพระอาจารย์ จากชัยภูมิ

    ถามเรื่องภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว เพราะมีข่าวบ่อยๆทั่วโลก

    ท่านก็ว่า ไทยเรายังไม่น่าห่วงหรอก ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มอยู่

    ปี 2554 และ 2555 ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง รอไว้ปี 2556 ค่อยน่าห่วง

    เอาไว้ปี 2555 ค่อยบอกเตือนให้ว่าที่ไหนต้องหลีกเลี่ยง ตอนนี้ ไม่ต้องกังวลอะไร

    ท่านก็เมตตาบอกให้รู้นิดหน่อยคือ เชียงราย ตาก สระบุรี กาญจนบุรี น่าจะหนัก

    กรุงเทพบางส่วนด้วย แต่ที่บ้านโยม แถวบางกะปิ ไม่เป้นไร ไม่ต้องกลัว

    ท่านว่า ท่านเดาเอานะ

    เลยเอามาเล่าให้ฟังกันครับ ไม่มีเจตนาให้เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ

    แต่ก็อย่าประมาท เป็นดีที่สุด
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หนีขึ้นไปอยู่ภูเขาสูงๆ หรือไม่ก็อยู่บ้านที่ลอยน้ำได้ครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tonlesab011.jpg
      tonlesab011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130 KB
      เปิดดู:
      1,256
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ด่วน! “เมราปี” ปะทุใหญ่อีกรอบ อิเหนาสั่งขยายพื้นที่เสี่ยงภัย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 พฤศจิกายน 2553 17:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=640 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพการระเบิดของภูเขาไฟเมราปีวานนี้(2) ซึ่งล่าสุดได้เกิดการปะทุขึ้นอีก และมีความรุนแรงกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ภูเขาไฟเมราปีในอินโดนีเซีย เกิดปะทุครั้งใหญ่วันนี้ (3) โดยมีความรุนแรงกว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนในพื้นที่ไปถึง 36 ราย ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 15 กิโลเมตรจากภูเขาไฟอพยพออกจากพื้นที่ทันที

    “การปะทุจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งครั้งนี้รุนแรงกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา” ซูบันดริโอ นักภูเขาไฟวิทยาของรัฐบาลอินโดนีเซียกล่าว โดยอ้างอิงถึงการปะทุเมื่อวันที่ 26 และ 30 ตุลาคม

    ซูโรโน นักภูเขาไฟวิทยา เปิดเผยว่า “เราตัดสินใจขยายพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มเป็น 15 กิโลเมตร บ้านพักชั่วคราวของผู้อพยพก็จะต้องย้ายออกไปนอกพื้นที่ดังกล่าวด้วย”

    “นี่เป็นการปะทุครั้งรุนแรงที่สุด และเกิดขึ้นยาวนานประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 14.27 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)”

    ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียประกาศให้รัศมี 10 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟเมราปี เป็นพื้นที่อันตราย และสั่งอพยพประชาชน 75,000 คน ออกจากบริเวณดังกล่าวตั้งแต่วันอังคารที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155247
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...